Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Nikle_pk ที่ มิถุนายน 01, 2022, 16:11:29
-
EV ตอนนี้นับว่ามาแรง
เรามาลองรวบรวมเหตุและผลของพวกเรากันครับ
ขอแค่คนละ 1 เหตุผลสำหรับ 1 หัวข้อก็พอครับ
EV น่าซื้อ เพราะ
EV ไม่น่าซื้อ เพราะ
แล้วเดี๋ยวมาลองไล่อ่านกันครับว่า มีเหตุผลอะไรกันบ้าง
-
น้ำมันแพงครับ ถ้ามันกลับไปลิตรละ25-30บาท ก็ยังไม่ความอยากได้ก็ยังไม่เท่าไหรหารถไหบิดขับไปก็ยิ่งประหยัดเงินไปอีก
-
EV ยังไม่น่าซื้อเพราะราคาแบตเตอรี่ยังแพงเกินไป อายุแบตเตอรี่ประมาณ 8 ปีก็หมดสภาพ ต้องเปลี่ยนใหม่ ราคาแบตเตอรี่ประมาณ 8 แสนบาท เท่ากับค่าเสื่อมราคาแบตเตอรี่ปีละ 100,000 บาท ราคานี้แพงกว่าราคาน้ำมันที่คนทั่วไปใช้ต่อปีอีก ถ้าค่าเสื่อมราคาแบตเตอรี่ไม่เกินปีละ 50,000 บาท จึงจะน่าสนใจ
-
EV น่าซื้อ เพราะ เซฟค่าน้ำมันลง
EV ไม่น่าซื้อ เพราะ ประกันภัยแพง
จริงๆมีอีกเพียบ แค่โจทย์ให้ตอบข้อเดียว
-
เหตุผลที่ไม่น่าซื้อ
1.รถที่ชาร์จแล้ววิ่งได้ไกลๆ ราคายังสูงมาก
2.เบี้ยประกันแพงแน่ๆ
3.ที่ชาร์จต่างจังหวัดยังน้อยมาก
เหตุผลที่น่าซื้อ
1.ประหยัดค่าน้ำมัน
-
ซื้อ เพราะ ประหยัดค่าน้ำมัน แรงสั่งได้ ไม่รอรอบ
ไม่ซื้อ เพราะ อยู่คอนโด หาที่ชาร์จลำบาก ชาร์จนาน ไม่มีเสียงเครื่องยนต์(ไม่ได้เสียงดัง แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงกำลังของรถ)
-
เหตุผลที่น่าซื้อ
1. ลดค่าน้ำมัน
2. ลดมลพิษในเขตเมือง
3. ชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์สันดาป ไม่ต้องดูแลรักษามาก
4. ค่าเช็คระยะถูกกว่ารถยนต์สันดาป
เหตุผลที่ยังไม่น่าซื้อ
1. ค่าประกันค่อนข้างสูงกว่ารถยนต์สันดาป
2. แบรนด์ยังมีให้เลือกไม่หลากหลาย และยังไม่ครอบคลุมทุก Segment
3. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับแบตเตอรี่ที่ยังไม่แน่ใจในอนาคตว่าเป็นอย่างไร
4. ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้งอาจจะยังไม่มากพอ
5. ระยะเวลาในการชาร์จ
-
ไม่น่าซื้อ
- ต้องแพลนทริปดีๆ และมีทางเลือกสำรองถ้าจะวิ่งทางไกลยิ่งช่วงเทศการอาจหาจุดชาร์จลำบาก
ข้อดี
- จอดเปิดแอร์นั้งในรถได้ ไม่มีไอเสียรบกวนคนอื่น
-
EV ไม่น่าซื้อเพราะ ตอนเดินทางไกล วุ่นวายเสียเวลาเติมไฟ
-
น่าซื้อเพราะ แรงดี
ไม่น่าซื้อเพราะ ระบบชาร์จในไทยยังเละเทะ โดยเฉพาะ มนุษย์ไร้สามัญสำนึก ที่มีเยอะมากๆ กฎไม่บังคับใช้จริงจังพอ
เรื่องการเติมไฟระหว่างทางผมว่าถ้าปั้มพอ fast charge แปบเดียวก็ไปได้ไกลแล้ว
จากที่ใช้ model3 มาเดือนกว่าๆ ปัญหาเรื่องการชาร์จที่เจอคือ ช่องชาร์จไม่เปิดบ้าง โดนกระบะแง้นจอดทับบ้าง ไรงี้อะครับ อื่นๆตอบโจทย์มาก เพราะกลับบ้านก็เสียบชาร์จ เข้าปั้มเฉพาะตอนเดินทางไกล
-
EV น่าซื้อเพราะ ไม่ต้องมาปวดหัวกับเรื่องระบบเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ น้ำมันแพง
EV ไม่น่าซื้อเพราะ ปวดหัวกับระบบไฟ กับแบต ที่ชาร์จ
-
น่าสนใจ
-เทคโนโลยีใหม่ดูหล่อล้ำ youtuber สายTech ชอบใช้
เครื่องแรงมาไว
ไม่น่าซื้อ
-เห็นราคาแบต ORA แล้วช็อคไปเลย
-
น่าซื้อ
-ประหยัด เหมาะกับการขับไปทำงาน วันนึง 50-100 กม หรือ ขับไปเที่ยวพัทยา
-เสียงเงียบ ย่องเข้าบ้านตอนกลางคืนได้
-ไปห้าง(ถ้า)มีที่จอด EV ให้น่าจะดี ไม่ต้องวนหาที่จอด
ไม่น่าซื้อ
-ไม่เหมาะกับการขับไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือ ไปดูงานไกลๆ
-อีก 2-3 ปี น่าจะมีอะไรใหม่ๆออกมาเยอะ รถน่าจะตกรุ่นเร็ว ราคาตกแรง ขายยาก
-
น่าซื้อเพราะ แรง ประหยัด เมื่อเทียบในงบใกล้เคียงกันครับ
ส่วนที่ไม่น่าซื้อ เอาตรงๆเลยตอนนี้ ในรถราคากลุ่มใก้ลเคียงกัน BEVหลายๆทุกคัน วัสดุภายในดูสู้กลถ่มICEไม่ได้ครับ ผมใช้คำว่าหลายครับนะครับ
แต่ ix3กับtaycan ยอมรับเลย ราคาไม่แรงเมื่อเทียบกับiceและ PHEVในค่ายตัวเอง แล้ววัสดุเทียบเท่ากัน
ส่วนที่อยสกด่าคือ BZ4X ทำไมมันดูlow costได้ขนาดนั้น ภายในพี่ฟอร์ดูดีกว่ามากๆ
-
น่าซื้อเพราะ - นุ่ม เงียบ สบาย ยังไงEVมันก็ไม่สั่นเท่าICE
ไม่น่าซื้อเพราะ - เทคโนโลยีEVมันยังใหม่ และก้าวไปเร็วมาก แปลว่าEVที่ซื้อวันนี้ มันจะตกรุ่นเร็วมากๆ ขอรอเทคโนโลยีนิ่งกว่านี้หน่อย
-
ขอราคารถเปล่าไม่รวมแบต แล้วเช่าแบตเอาได้มั้ยครับ
จะได้คำนวณค่าใช้จ่ายได้ชัดเจน
-
ส่วนตัวผมมองความคุ้มค่าอย่างเดียวเลยครับ
ถ้าจะเอา EV มาใช้เพื่อแค่ไม่ต้องเติมน้ำมันที่แพงขึ้น อันนี้ผมว่ามันไม่คุ้มเลย
แต่มันน่าซื้อถ้าเราต้องการ performance ความแรง ซิ่งได้แบบไม่ต้องกังวลค่าน้ำมัน
-
เหตุผลที่ยังไม่ซื้อ
ค่าประกันยังนิ่ง ยังไม่ลงตัว น่าจะแพงขึ้นเรื่อยๆ
รถใหม่ ที่น่าสนใจที่ดีๆ ยังไม่เข้าไทยเท่าไร (ส่วนตัวตั้งราคาไม่เกิน 1.4m เลยคิดว่าจะรอ bz3x)
ระยะยังไม่นิ่ง ช่วงแบตกำลังพัฒนาแข่งขัน อนาคตสักอีก 2 ปี น่าจะมีตัวเลือก 500 km ให้เลือกเยอะ
-
ข้อดี ประหยัด ราคาใช้ได้ ถูกพอๆ กับรถน้ำมัน
ข้อเสีย ทำให้ไม่น่าซื้อ
1. แบตแพงเพราะจำนวนมากกว่ารถ Hybrid
2. ประกันแพงกว่ารถปกติ
-
น่าซื้อ เพราะจอดรถเปิดแอร์ได้ อัตราเร่งสุดยอด
ไม่น่าซื้อ เพราะ ไป ตจว ต้องเสียเวลาชาร์จ
-
ข้อดีคืออัตราเร่ง
นอกนั้นผมยังไม่รู้สึกว่าเป็นข้อดีเลยครับ
-
ไม่ซื้อ : ผมขับใช้รถยาวเกิน 15 ปีครับ
ซื้อ : รัฐบังคับว่ารถน้ำมันห้ามเข้าเขตเมือง :-[ :-[
-
ซื้อ : อยากได้รถแรงแบบประหยัดค่าพลังงาน
ไม่ซื้อ : อยู่คอนโด บ้านไม่พร้อมชาร์จ
-
EV ซื้อเพราะ อยากเอาไว้นอนแค้มป์รอในรถได้ รอลูกค้า รอเข้างาน และอื่นๆ
EV ไม่น่าซื้อเพราะ ไม่อยากดูแลรถ2คัน และมีไฟฟ้าคันเดียวไม่ได้ลักษณะงานมีการวิ่งตจวกระทันหันอยู่บ่อยๆ เรื่องประหยัดน้ำมันไม่สนเสียตังซื้อรถใหม่7-9แสน เอาไปเติมน้ำมันได้ยันรถคันเก่าพัง
สรุปรถPHEVดูเข้าท่ากว่าสำหรับผม ดูแล2ระบบก็จริงแต่ก็ดูแลแค่คันเดียวประกันภาษีก็จ่ายคันเดียว
-
จริงๆจะตัดสินใจซื้อ EV หรือไม่ มันเอาเหตุผลข้อเดียวด้วนๆมาคิดไม่ได้หรอกครับ มันต้องเอาหลายๆข้อมารวมกัน
บางคนบอกว่าไม่ดีเพราะจะเดินทางไกลต้องมาวางแผนการเดินทาง
ผมคิดว่าแล้วเดินทางไกลบ่อยแค่ไหน กรณีของผมประมาณเดือนละครั้ง ตอนไม่เดินทางไกล EV สะดวกกว่าเพราะชาจที่บ้าน ตรงนี้ก็ประหยัดเวลาไปได้
พอเอาเวลาที่ประหยัดไปได้ กับเวลาที่ต้องเสียไปตอนเดินทางไกล มันอาจจะกลายเป็นว่า EV คุ้มกว่าก็ได้
(กรณีท่านอื่นอาจเป็นไม่เหมือนกับผม ถ้าเดินทางไกลอาทิตย์ละครั้งก็ไม่ต้องคิดแล้ว อีก 10 ปีค่อยมา EV)
ยังมีเรื่องความประหยัด และการดูแลรักษา Performance ของมอเตอร์ ที่ EV ได้เปรียบ
แต่ถ้าใช้รถนานเกิน 10 ปี ใช้ EV ก็เสี่ยงเหมือนกัน ไปรถน้ำมันดีกว่า
-
ไม่น่าซื้อ เพราะเทคโนโลยีวิ่งเร็วเกินไป
นึกภาพ iPhone ตัวแรก ตอนตัวต่อมาออกก็ว้าวซ่าตลอด
ตอนนี้ iPhone 11 เทียบกับ iPhone 12 มันก็ไม่ได้ว้าวอะไร
-
ซื้อ : ลดมลพิษในเมือง
ไม่ซื้อ : แบตเสื่อมจนเหลือระยะวิ่งได้ไม่มาก
-
สายปีนเขาแบบผมหมดสิทธิ์ ออกทริป ตจว.ไกลๆปั้มน้ำมันปกติก็ไม่ค่อยมีแล้ว ตู้ชาร์ตนี่ไม่ต้องสืบ หากผมจะซื้อ ev สักคันก็ไว้ขับฮิปๆคลูๆในเมืองพอละ
-
EV น่าซื้อ เพราะ ปกติใช้รถวันละ 200 กิโลเมตร ค่าน้ำมันสูงจนคิดว่าเป็นไฟฟ้าจะเหมาะกว่า
EV ไม่น่าซื้อ เพราะ ถ้าน้ำมัน E20 ลิตรละ 18 บาท ก็ไม่ซื้อ EV ครับ
-
ซื้อ: เพราะนโยบาย กทม
ไม่ซื้อ: เพราะรัฐบาล
ขําฯครับ
เริ่มจากเล็กไปหาใหญ่
ยังคงคิดว่าต้องมีผู้เสียสละ ไม่งั้นไม่มีใครเริ่ม แล้วใครจะกล้าตาม
การลงทุนมีความเสี่ยง
-
รอมันได้1000โลก่อนครับ ขอไม่เกินสองล้านครับ
-
ไม่น่าซื้อ เพราะคอนโดที่อยู่ไม่มีช่องชาร์จไฟ :'(
-
น่าซื้อ เพราะ ประหยัดค่าน้ำมันไปได้เยอะ ค่าไฟที่เสียบชาร์จนั้นถือว่าถูกกว่ามาก และ อะไหล่ส่วนควบน้อย
ไม่น่าซื้อ เพราะ ราคาแพงเกินความสมเหตุสมผล ราคาแบตแพงเกินควร และ ขับทางไกลต้องมานั่งเสียเวลารอชาร์จ
-
- รุ่นและระยะทางที่ต้องการใช้งาน ยังมีราคาแพงอยู่
- ค่าเปลี่ยนแบตยังแพงอยู่ รวมถึงแบตมีการเสื่อมสภาพทำให้ระยะการขับลดลง แม้ว่ารถน้ำมันมีแค่เครื่องเสื่อมสภาพ แต่ยังได้ระยะขับที่เยอะกว่ารถไฟฟ้าอยู่ดี รวมถึงยังใช้งานอุปกรณ์อื่นๆ ได้อยู่เหมือนเดิม
- รถไฟฟ้ามีแต่ที่เป็นจอกลาง ระบบไปรวมอยู่ที่จอเยอะมาก ไม่มีคอนโซลแบบรถทั่วไปที่เปลี่ยนเครื่องเล่นวิทยุได้
- ไม่มีที่ชาร์จเอง เพราะอยู่ห้องเช่า ต้องไปหาจุดชาร์จที่ตอนนี้ยังน้อยอยู่
-
ไปทริปไกลๆหลักหลายๆร้อยกิโล ยังต้องวางแผนชาจไฟให้ดี ใช้เวลาชาจนานพอสมควร ถึงที่พักต้องคอยชาจ
ณ เวลานี้ผมใช้แก้ส ราคาต่อกม.เท่ารถไฟฟ้า ถึงจะไม่แรงเท่า แต่เติมทีไม่นาน แล้ววิ่งได้ไกล หาแก้สไม่ได้ เติมน้ำมันได้ ค่าตัวรถไม่แพง
-
ตอนนี้ยังไม่รวยพอจะซื้อรถไฟฟ้ามาใช้ครับ
ผมยังอยู่ในวัฏจักรซื้อมา เทิร์นไป ดาวน์ ผ่อน
ซึ่ง ณ วันนี้ยังไม่เห็นแววว่ารถไฟฟ้าจะเข้าวัฏจักรนั้นได้
คล้ายๆ hev ครับ เวลาจะขาย โดนหักเยอะพอควร
แน่ใจก็อยากใช้รถไฟฟ้านะครับ ถึงวันที่เข้าวัฏจักรได้ หรือรัฐบาลมีทิศทางที่ดีหว่านี้ในการสนับสนุนเมื่อไหร่ คงได้ซื้อมาใช้
-
1. น่าซื้อเพราะหนีออกจากบ้านได้เงียบๆ
2. ไม่น่าซื้อเพราะต้องไปขอทานภรรยาเพื่อนำเงินไปซื้อ เพราะไม่มีตัง
🤫
-
ซื้อ: รอ Tesla มาทำตลาดไทย
ไม่ซื้อ: ราคาแพงเกินเหตุ,รถจีน รถยุโรป ในตลาดยังไม่น่าสนใจ
-
น่าซื้อ เพราะ เป็นคนชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ
ไม่น่าซื้อ เพราะ ราคายังแพง ตัวเลือกยังน้อย
-
น่าซื้อเพราะไม่พ่นควันและเสียงใกล้ตัว (โรงไฟฟ้าหรือเหมืองแร่จะสร้างมลพิษ ก็เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจต้องไปดูแล)
ไม่น่าซื้อเพราะ disposable แบตในอีก 5-10 ปี จะดีกว่าแบบก้าวกระโดด (เหมือนสมัย iPhone รุ่นแรกๆ ต่างกันมากๆ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มจะ peak รุ่นเก่าก็ยังใช้ได้ดี เป็นต้น)
-
ข้อเสีย=ใช้เวลาชาร์จนานไปหน่อย ข้อดี= ประหยัดตัง
-
ข้อดี : ใช้วิ่งเยอะต่อวัน ลดค่าใช้จ่าย ช่วงน้ำมันแพง
ข้อเสีย : แบตราคาแพง และตัวเลือกไม่เยอะ
-
น่าซื้อ
1. เวลาขับในเมืองหรือในห้าง ไม่ปล่อยมลภาวะ
ไม่น่าซื้อ
1. รถที่มีคุณภาพน่าเชื่อถือ ราคายังสูงอยู่
-
น่าซื้อ
- ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานถูก
- ลดมลภาวะ
- เวลาจอดรถรอสามารถเปิดแอร์รถได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะไปรบกวนใคร(เวลารอรับลูก หรือไปห้าง)
ไม่น่าซื้อ
- ต้องรอเวลาชาร์จไฟนาน ถ้าจะเดินทางไกลต้องวางแผนการเดินทางดีๆ
- สำหรับบ้านที่ยังสู้รบกับหนูกัดสายไฟอย่างบ้านผมไม่จบ คงอันตรายเกินไปที่จะใช้
- ค่าใช้จ่ายกรณีเปลี่ยนแบตเตอรี่ค่อนข้างสูง ไม่เหมาะกับคนใช้รถคันนึงราวๆ 10 ปีแบบผม
-
คห ส่วนตัวนะครับ
เหตุผลที่ซื้อ
- ราคา/กิโลเมตร ถูกกว่าน้ำมัน
- มี torque สูงตั้งแต่รอบต่ำๆ ทำให้เร่งแซงได้เร็วทันใจ
- เสียงเงียบ เวลาเข้าบ้านตอนดึกๆ ไม่รบกวนคนอื่น
เหตุผลที่ยังไม่ซื้อ
- ยังไม่มีรุ่นที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ในแบรนด์ JP ที่น่าเชื่อถือ
- ระยะที่วิ่งได้ต่อ 1 รอบการชาร์จยังน้อยเกินไป
- จุดชาร์จนอกบ้าน ยังไม่ครอบคลุมมากพอที่ทำให้เกิดความสะดวกสบาย ไม่ต้องวางแผนมากในการเดินทางไกล
-
น่าซื้อ ไม่มีทางเลือกอนาคต คงจะไปทางไฟฟ้านี้กันหมด
ไม่น่าซื้อ
1. เป็นระบบที่เสื่อมได้ไว ปีเเรกชาร์ทไฟเต็มวิ่งได้400กิโล เเละเริ่มเสื่อมตั้งเเต่วันเเรกที่ใช้ไปเรื่ิอยๆตามเวลา ปีที่3-4 จะเหลือวิ่งได้กี่กิโลก็ไม่รุ้ เพราะเเบตเสื่อม ยิ่งปีท้ายๆก่อนเปลี่ยนเเบต นี้น่ากังวลน่าดู ความสามารถเเบตเตอรี่คงหายไปเกินครึ่ง
ต่างจากรถยนต์ น้ำมันที่กว่าจะเสื่อมขนาดเครื่ิองหลวมกินน้ำมัน สมรรถนะลดลง คงวิ่งไประดับ 3เเสน กิโล++ ส่วนมากเปลี่ยนรถก่อนจะเครื่องหลวม ถีงหลวมค่าฟิตเครื่ิองก็ไม่สูง
2.ยังหาความชัดเจนไม่เจอ อนาคตค่าชาร์ทไฟตามสถานีเท่าไหร่ ค่าเปลี่ยนเเบต เท่าไหร่ จะสามารถชาร์จได้ไวกว่านี้มั้ย เกิดอีกหน่อยค่าชาร์จไวเเบบควิกชาร์จตามสถานี ราคาเเพงไม่ต่างจากน้ำมัน จะทำยังไงหนีเสือปะจรเข้
-
น่าซื้อ - ใข้ในเมือง ชาร์ททีบ้านทีนึง วิ่งได้เป็นวีค
ไม่น่าซื้อ - ออกต่างจังหวัดยังไม่เวิร์ค ต้องลุ้นกับสถานีชาร์จ ว่าจะเต็ม จะเสียหรือป่าว
-
ซื้อเพราะ มันดีต่อสิ่งแวดล้อม
ไม่น่าซื้อเพราะ ยังไม่มีทรงหน้าตาที่ชอบ ในราคาที่มันน่าซื้อมาใช้ ณ ตอนนี้ ที่ใกล้เคียงสุดคงเป็น iX3 แต่ยังรู้สึกว่ามันเล็กไปสำหรับการทดแทนคันเก่า
-
ซื้อ ค่าบำรุงรักษาจุกจิกน้อยกว่าเครื่องสันดาป ประหยัดน้ำมัน รำคาญเสียงเครื่องยนต์ถ้าไม่ใช่รถ V6 ไม่อยากฟังเท่าไหร
ไม่ซื้อ เบี้ยประกันอย่างเดียว ระยะเสื่อมแบตตอนนี้เทคโนโลยีค่อนข้างโอเคมันไม่ใช่มือถือที่จะเสื่อมเร็วขนาดนั้น ส่วนจุดชาร์ทสำรหรับผมถ้าใต้เกินกว่าประจวบ เหนือเกินกว่าสุโขทัย ตะวันออกเเฉียงเหนือเกินกว่า นครราชสีมา ผมไปเครื่องอย่างเดียวเลยครับ
-
ซื้อ
1. ราคาน้ำมันแพง
2. แรง
3. ค่าบำรุงรักษาถูก
ไม่ซื้อ
1. สถานีชาร์จแถวบ้านมีน้อย
ตอนนี้จองไป 1 คันละ
สถานะรอรถวนไป..
มันเป็นเหตุผลส่วนตัวที่อยากลองรถไฟฟ้าครับ
ผมชอบที่จะลองอะไรที่มันใหม่ๆไปเรื่อยๆ เลยไม่ค่อยกลัวที่อาจจะเจอปัญหา
ในเมื่อเคยผ่านฟอร์ดมาแล้ว 555+
5 คันที่ผ่านมาซื้อรถไม่ซ้ำยี่ห้อสักคัน
-
1 น่าซื้อ เพราะประหยัดค่าเชื้อเพลิง
2. ไม่น่าซื้อเพราะ รถมันแพงเกินไป
-
EV ไม่น่าซื่้อ
เพราะ เวลา Times รถคือเครื่องมือทำมาหากิน มาซื้อเวลาและความสะดวกในการใช้สอยในขีวิตประจำวัน เติมพลังงานแล้วไปต่อ จะหาเงิน เสพชีวิต ถ้าจะ slow life ขอใช้ในที่ที่มันได้บรรยากาศ ไม่ใช่ ปั๊่ม หรือ จุดเติม สิ่งที่มีค่าที่สุดของมนุษย์ทุกคน คือ เวลา หาเงินเพื่อซื้อเวลาให้สั้นในสิ่งที่ไม่จำเป็น แล้วใช้เวลากับคนที่เรารัก หรือ สิ่งที่เราชอบ เพลงที่เราชอบ ล้วนกล่าวถึงคุณค่าของ เวลา
EV น่าซื้อ
ถ้าไม่นับ เวลา ที่สัจธรรมชีวิตเรายังมีเวลาชีวิตที่สั้นยาวไม่ทราบได้ ทุกอย่างของ EV ดีหมด น่าใช้ อยากใช้ ค่าประกัน ค่าแบต ค่าตัวรถรับได้หมดครับ
-
น่าซื้อ > ไม่ปล่อยไอเสียบนถนน
ไม่น่าซื้อ > ไม่มีเงินครับ :-X
-
น่าซื้อ เพราะราคารุ่นที่มองไว้ ขับจริง เกินระยะทางที่ต้องวิ่งทุกอาทิตย์
ไม่น่าซื้อ เพราะ ชาร์จได้ช้า
-
8) 8) 8)......น่าซื้อ คือดูแลน้อย ไม่น่าซื้อ ยังนึกไม่ออกเพราะดูแล้ว มันสดวกเกือบทุกอย่างครับ :-X
-
น่าซื้อ = ค่าใช้จ่ายเดินทาง (บาท/กิโลเมตร) ถูกกว่าน้ำมัน
ไม่น่าซื้อ = ความสะดวกในการใช้งาน/เติมพลังงาน ไม่เท่ารถน้ำมัน ยิ่งคนอยู่คอนโดและบ้านเกิดอยู่บนดอยแบบผม ที่เวลาฝนตกทีไรก็ไฟดับ ขับกลับบ้านทีวิ่งยาว ๆ แบบไม่พัก 800 กว่าโล รถ EV ยิ่งไม่ตอบโจทย์ครับ
-
น่าซื้อ เพราะอัตราเร่งดีมาก
ไม่น่าซื้อ วิ่งได้ไม่ไกล ต้องแวะชาร์จ ใช้เวลานานครับ
-
น่าซื้อ เพราะทุกวันนี้ขับรถไฮบริดค่าน้ำมันเดือนละหมื่นกว่าบาท
อยากเอาค่าน้ำมันมาบวกอีกหน่อย ไปผ่อนรถไฟฟ้าดีกว่า
แต่รถไฟฟ้าที่ตั้งใจจะซื้อประมาณ 1 ล้าน ไม่มีขายเลยตอนนี้ :'(
-
ยังไม่น่าซื้อ เพราะสำหรับผมรถ 1 คันต้องไปได้หลากหลายเพราะเป็นคนชอบเดินทางไกลและขับเร็วพอสมควร รถไฟฟ้าและจุดชาร์จที่มีในปัจจุบันเลยยังไม่ตอบโจทย์
น่าซื้อ หากระยะทางวิ่งได้เกิน 500 กิโล ในความเร็ว 140+ กิโลเมตร/ชม. และจุดชาร์จ DC 20 หัว ครอบคลุมตลอดเส้นทาง
*จริงๆอยากใช้รถไฟฟ้ามาก ชอบ BMW i4 50m สุดๆ รอให้พัฒนาทั้งระบบรถและระบบพื้นฐานอีกสักหน่อยค่อยจัด
-
+ ไม่ต้องเติมน้ำมัน
- ตัวรถยังแพง
-
ผมเข้าใจแบบนี้นะ จากคำถามจขกท. ว่าที่ถามถึง EV จริงๆแล้วคือหมายถึง BEV = Battery Electric Vehicle
เพราะว่าความเป็น EV มันคือชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ตัวเลือกหลักมันจะเป็นแค่ PHEV กับ BEV และ e-power ซึ่งฟีลลิ่งการขับขี่เหมือนกันนั่นหละ
คือถ้าโจทย์แรก
1.ควรซื้อเพราะมันเป็น EV
2.ไม่ควรซื้อเพราะมันยังมีแค่ e-power, PHEV กับ BEV แค่นั้น
เพราะปัญหาจากเทคโนโลยีเพิ่งเริ่มต้นทั้งระบบหนึ่ง แบตเตอรี่อีกหนึ่ง ในระยะยาวมันยังก้าวกระโดด
-------
แต่อนาคตที่ควรจะซื้อจริงๆคือ HEV (Hydrogen Electric Vehicle)
1.การเดินทางไม่ต่างจากน้ำมัน
2.ไม่ควรซื้อเฉพาะตอนเพิ่งออกใหม่ๆ ยังไงก็มีปัญหาจากการใช้งานจริง
แต่ด้วยการพัฒนาจากใช้งานจริงระดับทั่วไปก่อนสักหลายๆปีจากปัญหาสภาพแวดล้อมใช้จริง
แล้วมันจะสมบูรณ์แบบในชนิดที่ว่าต้องมีทุกบ้านแน่นอนครับ ฟันธง ::)
-
ซื้อ -- ค่าใช้จ่ายเติมเชื้อเพลิงถูก
ไม่ซื้อ -- เพราะขับเร็วๆแล้วระยะทางที่ได้น้อยเกินไป
-
ปกติผมขับมอไซไปทำงานนะ เต็มถัง150-160บาท
ตอนนี้ถอยรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าใหม่มา12,000บาท
ความเร็ว45
ทำระยะได้40-45กิโล(บิดสุดตลอดทาง)
ต่อวันใช้แค่10-15 กิโล
เพราะงั้น2วันชาร์จ1ทีเต็ม
ตอนนี้ไม่แตะมอไซอีกเลยยยย...................
ปล.ความเร็วเริ่มไม่พอมือ คิดว่าจะถอยใหม่ 30,000อัพ เอาความเร็ว70หวิวดี
-
ความน่าใช้ของผม คือ ผมใช้รถวันละไม่เกิน 100 กม บ้านใช้ไฟ 3 เฟส รถรองรับไฟ 3 เฟส ชาร์จไฟบ้าน 3 ชม กว่าเต็ม ที่บ้านเป็นมิเตอร์ Tou ค่าไฟกลางคืน 2.60 บาท ชาร์จไฟที่ละ 80 บาทรถวิ่งได้ราว ๆ 200 กม. ขับมา 2 ปีละไม่มีอะไรเสียเลย
ความไม่น่าใช้เฉพาะรถที่ผมขับ Top Speed น้อยไป Range สำหรับผมไม่ใช่ ปัญหาถ้าอยู่ในกทม
-
ข้อดี แล้วแต่จะคิด เพราะรถยังไม่นิ่ง ตอนนี้เหมือนcpu 286 386 486 ยังไม่ถึงเพนเทียม ใช้ดิส5.25",3.5"
เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักแล้ว ฮาร์ดดิสไม่มีบูทดอสจากแผ่นเอา
ข้อเสีย ถ่านระเบิด กล่องลัดวงจร ไฟครอกคนตาย ที่อินเดียมีคนโดนไฟครอกตาย เจ็บสาหัสจากถ่านมอไซค์ระเบิด
เวลาถ่านระเบิด จะเกิดไฟแลบ และมีสะเก็ดพุ่งออกมาเหมือนพลุโอ่ง ไฟเย็น ภายใน3-5วินาที หนีไม่ทันโดนย่างสด
รถตู้ถ่านคงหลายปีกว่าจะรับส่งเด็กได้ เพราะถ้าถ่านระเบิดเด็กหนีไม่ทันแน่ คนแก่ หญิงท้อง ยากจะรอด
ระบบดับเพลิงอัตโนมัติก็ไม่มีในรถถ่าน เป็นเรื่องที่อนาจมาก
ขนาดเบาะเด็กยังว่าไม่จำเป็น เอามือจับเด็กทัน
ตรรกะพ่อแม่แบบนี้ ไม่ต้องเรียนหนังสือก็ได้ เวลาเด็กพุ่งออกนอกรถ หรือโดนกระแทกจนหัก ก็ไม่โทษตัวเอง
เด็กที่รอดมาจนโต ก็พูดว่านี่ไงไม่เห็นมีอะไร
สังคมที่คนทำผิดกลายเป็นเทวดา
คนทำถูกกลายเป็นแพะ
สุดท้ายก็ใช้กำลังเข้าห่ำหั่นตัดสิน
ใครชนะคนนั้นคือความถูกต้อง
https://youtu.be/5r-yN8SugWM (https://youtu.be/5r-yN8SugWM)
ปารีส ถ่านบนหลังคารถระเบิด ลามไหม้ทั้งคันไม่กี่วินาที ไม่มีคนตาย
ก๊าซพิษระเหิดไปทั่ว
https://youtu.be/QiR9vYiFIs8 (https://youtu.be/QiR9vYiFIs8)
-
ปกติผมขับมอไซไปทำงานนะ เต็มถัง150-160บาท
ตอนนี้ถอยรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าใหม่มา12,000บาท
ความเร็ว45
ทำระยะได้40-45กิโล(บิดสุดตลอดทาง)
ต่อวันใช้แค่10-15 กิโล
เพราะงั้น2วันชาร์จ1ทีเต็ม
ตอนนี้ไม่แตะมอไซอีกเลยยยย...................
ปล.ความเร็วเริ่มไม่พอมือ คิดว่าจะถอยใหม่ 30,000อัพ เอาความเร็ว70หวิวดี
ปกติ wave 100-125 พวกนี้ 40-50km/l
แล้วนะครับ
พี่ทำงาน10-15กิโล พี่ใช้ได้หลายวันมากแล้วครับ
นี่พี่เสียค่ารถไปเท่าไหร่แล้ว
พี่นี่เข้าตำรา รถhybrid ติดแก๊สของคุณจิมมี่รึเปล่าครับ
-
น่าซื้อ เพราะจอดรถเปิดแอร์ได้ อัตราเร่งดี ออปชั่นดี
ไม่น่าซื้อ เพราะราคายังแพง ซื้อตอนนี้ เดี๋ยวอีกไม่นานก็คงจะมีรุ่นที่ถูกกว่า ดีกว่าออกตามมาเรื่อยๆ เหมือนพวก Gadget ต่างๆ
แต่ยังงัยก็รอใช้รถ EV ในชีวิตประจำวันแน่ๆ ครับ แค่รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นเอง
-
น่าซื้อเพราะ
- ถ้าวิ่งทางไกลไม่บ่อย แค่ไปกลับที่ทำงาน หรือวิ่งแค่ในจังหวัด ไม่ต้องออกไปเติมเชื้อเพลิงนอกบ้านเลย
- ในเมือง ช่วงที่รถติด ประหยัดเชื้อเพลิงกว่ารถสัปดาป
ระหว่างรอไฟแดง มอเตอร์ไม่หมุนก็ไม่ใช้ไฟในการขับเคลื่อน (ใช้ไฟในระบบนิดหน่อยเลี้ยงแอร์ เครื่องเสียง) ช่วงที่เบรคมีรีเจนไฟกลับ
ในขณะที่รถสันดาป ระหว่างรถติดก็ยังเผาน้ำมันไปเรื่อยๆ
- แรงบิดมาเร็ว ไม่ต้องรอรอบ
- ชิ้นส่วนน้อย การบำรุงรักษาไม่ซับซ้อน
- ติดรถในบ้าน ก็ไม่มีไอเสีย คนในบ้านไม่ต้องหายใจเอาไอเสียเข้าปอด
- เปิดแอร์นอนในรถได้
ไม่น่าซื้อ (ตอนนี้)
- ส่วนใหญ่ท้องรถต่ำ มีโอกาสโดนกระแทกง่าย
- เทคโนโลยีแบตยังไม่นิ่ง ปัจจุบันแบตไฟไหม้แล้วดับยาก ต้องรอการพัฒนาแบตรุ่นใหม่
- ประกันยังแพง
- ตอนเกิดอุบัติเหตุ กู้ภัยอาจจะยังไม่ชำนาญการช่วยเหลือ