Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: HeadEgg ที่ มิถุนายน 07, 2022, 03:12:40
-
รถเก่า ๆ หน่อย แบบที่เวลาจูนต้องเอากล่องรอมของจูนเนอร์มาใช้แล้ว แล้วค่อยเอาค่าที่จูนได้ไปเขียนในรอมในกล่องรองของเรา ผมไม่แน่ใจว่าเป็นวิธีไหน
สงสัยว่าถ้าเป็นการจูนแบบนี้ หลังจูนแล้ว ตัว ECU ยังคงใช้ O2 sensor ในการทำงานคำนวณอะไรอยู่ไหมครับ
พอดี O2 sensor ผมเหมือนจะเสีย มีอาการเหมือน engine hesitation (ไม่รู้ภาษาไทยเรียกว่าอะไร แต่อาการมันคือค่า Short trim จะต่ำมาก ๆ ตอนเข้าช่วง Closed loop จนเครื่องจะดับ) เลยไม่แน่ใจว่าต้องเปลี่ยนไหม ถ้าเกิดหลังจูนแล้วไม่ใช้ O2 sensor จะได้ปล่อยมันไปครับ :-X
-
ถ้าจูนให้ทำงานแบบ open loop ตลอดได้ก็ไม่จำเป็นครับ กับ fcon ผมเคยจูนให้เป็น open loop ตลอด (กินน้ำมันน่าดู) กับกล่องเดิมไม่แน่ใจว่าได้หรือเปล่านะครับ
ปล. ซื้อ O2 sensor ใหม่ง่ายกว่าไหมครับ
-
:) ถ้าไม่ใช่สายบ้าพลังนรกแตก ผมว่า 90% ผมว่ายังใช้ O2 อยู่
รถผมก็เช่นกัน จูนเสริมแค่บางช่วง เพราะโรงงานจูนบางเหลือเกิน ใช้งานเต็มกำลัง เครื่องทนใช้งานยาวๆครับ 8)
-
ผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการจูนนะ แต่ O2 sensor เนี่ยมันก็สำคัญไม่มีคงไม่ได้
คือ O2 sensor มันเป็นตัวอ่านค่าว่า การเผาไหม้นั้นสมบูรณ์ไหม สมบูรณ์ในที่นี้หมายถึง สมบูรณ์ตามค่าที่ตั้งไว้หรือเปล่า ...
เช่นกล่องอาจตั้งค่าไว้ว่าเมื่อมีการเผาไหม้ ควรมี O2 ออกมาแค่ไม่เกิน 2% ถ้าเกินคือน้ำมันบาง ให้จ่ายน้ำมันเพิ่ม ... แต่ถ้า O2 น้อยไป ก็แปลว่าน้ำมันหนาให้จ่ายน้อนลง อะไรประมาณนี้ ..
ดังนั้นเมื่อมันเสีย อ่านค่าไม่ได้ กล่องก็ งง ว่า สรุปมันหนาหรือบาง
แต่ในกรณีสายจูน อาจจูนหนาไว้ก่อน เอาแรงเข้าว่ากินน้ำมันชั่งมัน ก็อาจจะไม่ใช้
เพราะรถไม่ได้วิ่ง 5000รอบตลอดเวลา มีจังหวะเดินเบา จังหวะเร่ง O2 จะเป็นตัวควบคุมการจ่ายน้ำมันด้วย
-
ที่พอจะทราบมานะครับ ที่จูนให้พ้นย่าน 14.7 มาเป็น 12.5 ส่วนมากจะ 12.5 กันตอนที่กดนะครับ ย่านใช้งานทั่วไปก็ต้องใช้ o2 อยู่ละครับอย่างของผม ถ้าย่านปกติพันสองพันรอบ afr ก็วิ่งอยู่ 14 กว่า พอเริ่มกดถึงจะลงไปที่ 12 กว่าละครับ
เพิ่มเติมนิด afr ของผมจะอยู่ในช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวๆละครับ
https://www.youtube.com/watch?v=MGvw4tvjK1w
-
ก็ควรต้องใช้อยู่นะครับ O2 sensor ก็ไม่ได้ง่อยๆเหมือน 30 ปีที่แล้ว น่าจะทำงานได้ช่วงกว้างขึ้น ยกเว้นว่ากล่องเราเก่ามากแล้ว