มันเป็นคำถามที่น่าจะมีคำตอบในตัวแล้วนะครับ
เพราะรถ BEV, PHEV พวกนี้ หลักๆ เขาเน้นเรื่องประหยัดน้ำมัน เพราะมันคือค่ายใช้จ่ายหลักในการใช้รถเลย
ถ้าน้ำมันแพง ก็หนีไป PHEV, BEV ทั้งนั้น
แต่ถ้าน้ำมันไม่แพง หรือ เรียกว่าถูก และ ไม่มีผลว่าน้ำมันมันจะหมดไปจากโลก ผมว่าคนเขาก็คงมอง ICE ไว้ก่อน เพราะหลักๆ ความชาร์จช้า ของ BEV แต่เติมน้ำมันแค่ 5 นาที
แต่ถ้า BEV ทำได้แบบนี้
1, ชาร์จเร็วมาก 10-20 นาทีเต็ม
2, วิ่งได้สัก 600-1000km ต่อ 1 การชาร์จ
3. แบตเตอรี่ ว่ากันที่ 500,000km ขึ้น จะด้วยการรประกัน สัก 100,000-200,000km ที่เหลือ ก็อยู่ด้วยความ realiable ของตัวแบตเตอรี่เอง
4. เรื่องความแรง แรงม้า แรงบิด หายห่วงอยู่แล้ว
5. ราคาพอๆ กับรถน้ำมัน ใน seg เดียวกัน
ถ้าแบบนี้ น้ำมันลิตรละ 10 บาท ผมก็ซื้อ BEV ครับ
มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ แต่จริงๆที่ผมตั้งกระทู้ว่าสันดาป สันดาปในส่วนตัวของผมคือเครื่องยนต์ล้วนๆไม่มีระบบอื่นผสม
มันเป็นคำถามที่น่าจะมีคำตอบในตัวแล้วนะครับ
เพราะรถ BEV, PHEV พวกนี้ หลักๆ เขาเน้นเรื่องประหยัดน้ำมัน เพราะมันคือค่ายใช้จ่ายหลักในการใช้รถเลย
ถ้าน้ำมันแพง ก็หนีไป PHEV, BEV ทั้งนั้น
แต่ถ้าน้ำมันไม่แพง หรือ เรียกว่าถูก และ ไม่มีผลว่าน้ำมันมันจะหมดไปจากโลก ผมว่าคนเขาก็คงมอง ICE ไว้ก่อน เพราะหลักๆ ความชาร์จช้า ของ BEV แต่เติมน้ำมันแค่ 5 นาที
แต่ถ้า BEV ทำได้แบบนี้
1, ชาร์จเร็วมาก 10-20 นาทีเต็ม
2, วิ่งได้สัก 600-1000km ต่อ 1 การชาร์จ
3. แบตเตอรี่ ว่ากันที่ 500,000km ขึ้น จะด้วยการรประกัน สัก 100,000-200,000km ที่เหลือ ก็อยู่ด้วยความ realiable ของตัวแบตเตอรี่เอง
4. เรื่องความแรง แรงม้า แรงบิด หายห่วงอยู่แล้ว
5. ราคาพอๆ กับรถน้ำมัน ใน seg เดียวกัน
ถ้าแบบนี้ น้ำมันลิตรละ 10 บาท ผมก็ซื้อ BEV ครับ
ผมเลือกรถไฟฟ้าเพราะไม่ต้องการเป็นทาสกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันครับ
นึกอยากจะปั่นราคาก็ระเบิดโรงกลั่นบ้าง ทำสงครามบ้าง เบื่อจริงๆ
ลิตรละ 60 ผมก็ยังขับรถครับ
ไม่ชอบนั่งไกล้คนแปลกหน้า ไม่ชอบที่แออัด
กลางและปลายปี 2020 ตอนน้ำมันราคาถูกๆผมนั่งรถไฟมากกว่าขับรถอีกครับ คนน้อย ไม่ต้องไปแตะต้องใคร จะนั่งหรือยืนก็ได้ตามสะบาย
ตอนนี้ขอขับรถอย่างเดียว
มันเป็นคำถามที่น่าจะมีคำตอบในตัวแล้วนะครับ
เพราะรถ BEV, PHEV พวกนี้ หลักๆ เขาเน้นเรื่องประหยัดน้ำมัน เพราะมันคือค่ายใช้จ่ายหลักในการใช้รถเลย
ถ้าน้ำมันแพง ก็หนีไป PHEV, BEV ทั้งนั้น
แต่ถ้าน้ำมันไม่แพง หรือ เรียกว่าถูก และ ไม่มีผลว่าน้ำมันมันจะหมดไปจากโลก ผมว่าคนเขาก็คงมอง ICE ไว้ก่อน เพราะหลักๆ ความชาร์จช้า ของ BEV แต่เติมน้ำมันแค่ 5 นาที
แต่ถ้า BEV ทำได้แบบนี้
1, ชาร์จเร็วมาก 10-20 นาทีเต็ม
2, วิ่งได้สัก 600-1000km ต่อ 1 การชาร์จ
3. แบตเตอรี่ ว่ากันที่ 500,000km ขึ้น จะด้วยการรประกัน สัก 100,000-200,000km ที่เหลือ ก็อยู่ด้วยความ realiable ของตัวแบตเตอรี่เอง
4. เรื่องความแรง แรงม้า แรงบิด หายห่วงอยู่แล้ว
5. ราคาพอๆ กับรถน้ำมัน ใน seg เดียวกัน
ถ้าแบบนี้ น้ำมันลิตรละ 10 บาท ผมก็ซื้อ BEV ครับ
BEV ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะภายในปี 2035 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก