Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: 7777777 ที่ มิถุนายน 27, 2022, 22:30:07
-
ปกติผมขับ 320d น้ำมันใกล้หมดจริงๆ(หน้าจอขึ้นไม่เกิน50km) เติม v-power B7 ให้ตายยังไงก็ไม่เกิน 2,100
ล่าสุดโดนไป 2,560 // Juke เติมล่าสุดเต็มถัง 2,160 ก็ตกใจกับราคาเหมือนกันครับ
กำลังคิดเหมือนกันว่า อาจจะเลิกเติมตัวท็อป เพราะส่วนต่างมันสูงทีเดียวครับ
ตอนนี้ปรับตัวกันยังไงบ้างครับ :-X
-
ราคาจะถูกหรือแพง ผมไม่เติม shell ครับ เพราะน้ำมันปั๊มอื่นก็ได้มาตรฐานเหมือนกัน ถ้าจะแรง เท้าขวาและใจ ช่วยได้มากกว่าน้ำมัน
ช่วงราคาน้ำมันแพง ก็กดคันเร่งไม่ลึกเท่าเดิม ผ่อนก่อนเพื่อจะได้ไม่ค้องเบรคลึก
-
จากเต็มถึง 12-1500 ตอนนี้ 2000++ ครับ :'(
-
ผม ใช้รถน้อยลงครับ
เช่นแต่ก่อน ขับออกไปกินข้าวกลางวัน 10 km ตอนนี้ซื้อข้าวเข้ามา ลดการขับออกไป ครับ
แต่ถ้าอยากไปเที่ยวไหนก้อยังไปเหมือนเดิมครับ เรื่องค่าน้ำมันไม่ได้เพิ่มขึ้นมากครับ รถผมhybrid ครับ ถังนึงวิ่งได้ 6-700โล เต็มถัง 36 ลิตรเอง ครับ
-
กดปุ่ม eco ครับ ปกติไม่เคยกด
ช่วยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ :P
-
ยังขับเหมือนเดิมครับ ด้วยความจำเป็นไม่รู้จะประหยัดอย่างไร
แต่อาจจะเปลี่ยนไปบ้างคือ ขอให้ลูกค้าบางรายช่วยส่งเอกสารทางเคอรี่ให้
เพราะถ้าขับไปหาลูกค้าทุกเดือน ด้วยค่าบริการเดือนหลักพัน คำนวณน้ำมันและค่าเสื่อมรถ
แทบจะขาดทุน :'(
-
ผมเติมb7-b10 ตัวธรรมดามาจะ 2 แสนโลแล้ว แทบไม่ได้ปรับตัวอะไรเลย เพราะเติมทีละ 1000 บาท
ขับช้าลงกว่าเดิมหน่อยจากเดิม 120-130 ก็เปลี่ยนมาขับ 110 แทนก็ยังตกโลละบาทหน่อย ๆ พอไหวครับ
-
ผมว่า หลายคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนทำงานในเมืองเค้าเฉยๆกับราคาน้ำมันแล้วล่ะ ..
อย่างแรกเลยที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ
ลานจอดรถในตึก office ก็ยังมีสาวๆที่เมื่อมาถึงแล้วก็สต๊าทรถแต่งหน้ากันเป็นชั่วโมงๆได้
ส่วนรถ PPV ดีเซลที่เข้ามาตามตึกก็เช่นกัน ใครที่มาถึงก่อนแต่ไม่อยากเข้าตึกไว ก็สต๊าทรถแล้วเล่นมือถือต่อรอเวลาเข้างาน
รถส่งของก็สต๊าทรถเปิดแอร์เย็นๆให้เมียนั่ง แล้วตัวเองก็เดินไปเซ็นบิล
รถที่ไปรับส่งลูกหน้าโรงเรียนยังมีมากเท่าเดิม
ข่าวรถติดยังมีมากเท่าเดิม(จาก จส.100)ทั้งๆที่ รถไฟฟ้าก็อยู่บนหัวแท้ๆ
ดังนั้นผมว่าตอนนี้คนไทยเฉยๆกับราคาน้ำมันแหละ ไม่เห็นมีใครต้องปรับตัว มีหน้าที่แค่หาเงินมาเติมก็พอแล้ว ...
-
ขับช้าลง นอกเส้นทางน้อยลง วางแผนการเดินทางมากขึ้นแบบเทคเดียวผ่านไม่หลงไม่เลยจุดกลับรถ
-
ผมเอารถไปจอดที่วัดครับ ห่างจากที่ทำงาน 4km ได้แล้วก็ปั่นจักรยานไป
รถไฟฟ้า BTS คนเพิ่มเยอะมากนะครับ จะว่าไม่เปลี่ยนเลยคงไม่ใช่
ผมปั่นจักรยานเลียบถนนกาญจนาภิเษก
ก็ผมว่ารถติดจากด่าน ธัญบุรี น้อยลง
-
ผมขับช้าลง เดิม 100-110
มาเหลือ 80-90
ปิคอัพดีแม๊ก 3.0 ไดเร็ค เฟืองท้าย 3.3 ยาง 29 นิ้ว
เติมเต็มถังเมื่อไฟเตือนได้ 57-60ลิตร กับระยะทาง 800-900 กม. ระยะทางจริงจาก gps และ กูเกิ้ลแมพ
ทำได้ 13-14 โลลิตร พอใจแล้วกับเครื่อง 3000cc 8วาล์วปั๊มสาย
-
พยายามปรับแผนการขับขี่เน้นให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุดครับ
-
สำหรับคน ตจว แบบผม
-ที่ทำงานห่างจากบ้านประมาณ 3 กม.
-สวนสุภาพห่างจากบ้าน 4 กม.
-บ้านห่างจากตัวเมือง 34 กม.
-ตลาดห่างจากบ้าน 2 กม.
แต่ก่อนผมจะเน้นรถยนต์เป็นหลัก เพราะใส่ของไปได้เยอะ ไปที่ทำงานจะขน Labtop เอกสารต่างๆรวมถึงเสื้อผ้าไปในรถด้วย ผมเลยปรับตัวแบบนี้ โดยเน้นมอเตอร์ไซต์ขนาด 110cc เป็นหลัก
-ที่ทำงานห่างจากบ้านประมาณ 3 กม.
--ใส่ Labtop กับเอกสาร ใว้กระเป๋าเป้สะพายหลัง และพกของเท่าที่จำเป็น
-สวนสุภาพห่างจากบ้าน 4 กม.
--แต่ก่อนจะขนพวกขวดน้ำ หูฟังเพลง Power Bank เดียวนี้เลือกที่จำเป็น ที่เก็บไว้ในเมอเตอร์ไซต์ได้
-บ้านห่างจากตัวเมือง 34 กม.
--แต่ก่อนเข้าเมืองไปเดินเล่น ชอปปิ้งบ่อย ตอนนี้งด เข้าเดือนจะ 1- 2 ครั้งพอ
-ตลาดห่างจากบ้าน 2 กม.
-ตอนนี้ขี่มอเตอร์ไซต์เป็นหลัก ถ้าของเยอะมากๆ ถึงจะเอารถยนต์ออก
ทำมา 1 เดือนกว่า ช่วยได้เยอะเลยครับ เติมน้ำมันมอเตอร์ไซต์ 160 บาท ขี่ได้เกือบ 1 เดือน :)
จริงๆรถเคยติด Gas มาตอนนี้ก็อยากเอาไปติดอีกเหมือนกันนะครับ
-
ผมลดความเร็วลงครับ ยังคงใช้รถเหมือนเดิม แต่วางแผนการเดินทางมากขึ้น
ตอนนี้น้ำมัน 1 ถัง รถตัวเองพยายามใช้ให้ได้ราวๆ 8 วัน ก็ตกเดือนละ 4 ถัง รถภรรยาใช้รับส่งลูกก็เติมเดือนละราวๆ 1 ถัง
-
ราคาจะถูกหรือแพง ผมไม่เติม shell ครับ เพราะน้ำมันปั๊มอื่นก็ได้มาตรฐานเหมือนกัน ถ้าจะแรง เท้าขวาและใจ ช่วยได้มากกว่าน้ำมัน
ช่วงราคาน้ำมันแพง ก็กดคันเร่งไม่ลึกเท่าเดิม ผ่อนก่อนเพื่อจะได้ไม่ค้องเบรคลึก
เราก็ไม่เติม Shell ขึ้นราคาก่อน ลดที่หลัง น้ำมันชนิดเดียวกันแต่ราคาแพงกว่าปั้มอื่นๆ เชื่อว่ามีหลายคนยังไม่รู้เรื่องนี้ น้ำมันก็ไม่ได้เทพจนเห็นความแต่งต่างจากยี่ห้ออื่นมาก
-
ยังพอไหวและใช้วีวิตปกติครับ
เพราะ รถที่ผมใช้หลัก 2 คัน มัน ไม่ได้กินน้ำมันอะไร อยู่แล้ว
แต่ถ้ายังขึ้นมากกว่านี้ ผมว่า เศรษฐกิจจะพังแน่นอนครับ ไม่ใช่คนทั่วไปหรอก
-
1. เหมือนหลายๆ เม้น ผมเลิกเติมปั้มสีเหลืองก่อนอย่างแรกเลยครับ แพงกว่าปั้มอื่นอย่างเห็นได้ชัด ใช่ครับ ผมหมายถึงตัว Fuel Safe นั่นแหละ V-Power ตัดออกจากสารบบไปนานแล้ว เน้นเติมสีฟ้ากับสีเขียวเป็นหลัก
2. ปีที่แล้ว ผมใช้รถยุโรปดีเซล กับ D-segment เครื่อง 2.4 สลับกัน รถ Hybrid เก่าๆ จอดอยู่บ้านจนต้องมาพ่วงแบต ปีนี้ สลับกัน ใช้ Hybrid เก่าๆ คันเดียว คันอื่นก็คอยสตาร์ท และจะเอาออกมาใช้เฉพาะเดินทางไกล
3. ใช้บริการ G, LM, Lala บ่อยขึ้น
-
ขอบคุณที่แชร์ความเห็นกันครับ
เครื่อง20d นี่เติมอะไรแทนได้บ้างดีครับ?
-
ผมว่า หลายคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนทำงานในเมืองเค้าเฉยๆกับราคาน้ำมันแล้วล่ะ ..
อย่างแรกเลยที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ
ลานจอดรถในตึก office ก็ยังมีสาวๆที่เมื่อมาถึงแล้วก็สต๊าทรถแต่งหน้ากันเป็นชั่วโมงๆได้
ส่วนรถ PPV ดีเซลที่เข้ามาตามตึกก็เช่นกัน ใครที่มาถึงก่อนแต่ไม่อยากเข้าตึกไว ก็สต๊าทรถแล้วเล่นมือถือต่อรอเวลาเข้างาน
รถส่งของก็สต๊าทรถเปิดแอร์เย็นๆให้เมียนั่ง แล้วตัวเองก็เดินไปเซ็นบิล
รถที่ไปรับส่งลูกหน้าโรงเรียนยังมีมากเท่าเดิม
ข่าวรถติดยังมีมากเท่าเดิม(จาก จส.100)ทั้งๆที่ รถไฟฟ้าก็อยู่บนหัวแท้ๆ
ดังนั้นผมว่าตอนนี้คนไทยเฉยๆกับราคาน้ำมันแหละ ไม่เห็นมีใครต้องปรับตัว มีหน้าที่แค่หาเงินมาเติมก็พอแล้ว ...
จริงที่สุดครับ
ก่นด่าทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ที่ทำให้น้ำมันแพง
แต่ไม่เคยคิดจะปรับตัว หรือเริ่มต้นแก้ปัญหาอะไรที่ตัวเองกันก่อนเลย
-
ส่วนตัว ขับเหมือนเดิมครับ 555 อาจจะหาเรื่องขับรถออกจากบ้านน้อยลงหน่อย
ขอบคุณที่แชร์ความเห็นกันครับ
เครื่อง20d นี่เติมอะไรแทนได้บ้างดีครับ?
ถ้าเติมพรีเมียมดีเซล ไปบางจากหรือปตท. ก็ได้ครับ ถูกกว่าลิตรละ 4-5 บาทเลย
-
ผมปรับตัวนะ
1. Shell ผมเลิกเติมมานานละ สำหรับรถยนต์
2. มอเตอร์ไซค์ ภาคบังคับ เพราะมันใกล้ที่สุด ก็เติม E10 91 ไป
3. ขับรถช้าลงพอสมควร ไม่ซ่าส์บ่อย
4. เดินทางน้อยลง .. ปกติ จะเข้า กทม แทบทุกอาทิตย์ ไป ลำพูน เดือนละครั้ง .. นี่ เข้า กทม เท่าที่จำเป็น / ไปลำพูน ขยับเป็น เดือนเว้นเดือน ละ
5. ใช้รถที่ประหยัดที่สุด ถ้าต้องวิ่งทางไกล .. นั่นคือ city จากแต่ก่อน จะชอบขับ CRV หรือ Pulsar เพราะขับสนุกกว่า (ไปลำพูนที ค่าน้ำมัน ต่างกันหลายพัน นะ)
-
ถ้าพูดถึงการเดินทางในชีวิตประจำวัน ปกติใช้จักรยานเป็นหลักอยู่แล้วครับ ก็ใช้จักรยานต่อไป รถยนต์ใช้เท่าที่จำเป็น
แต่ถ้าพูดถึงการขับรถเที่ยว ก็แทบจะตัดออกหมดเลย ถ้าไปไหนที่จักรยานไปไม่ไหว ก็ขับรถที่ประหยัดที่สุดไป (Prius หรือ Mazda 2 diesel) ส่วนรถคันอื่นๆ แทบจะจอดตลาด นานๆ ที่ถึงจะสตาร์ทออกวิ่งบ้าง
-
ไม่ว่าช่วงน้ำมันราคาถูกหรือราคาแพง ผมก็ใช้รถ/ใช้น้ำมันตามปกติ
เน้นใช้น้ำมันชนิดที่ราคาถูก ปั๊มที่ราคาไม่แพงกว่าเจ้าอื่น+มีแถมน้ำดื่ม
(ช่วงที่ราคาน้ำมันถูกมากๆ บางคนที่เคยเติมน้ำมันเกรดธรรมดา ก็ขยับมาเติมพรีเมี่ยม)
น้ำมันเกรดพรีเมี่ยมของเชลล์ ผมเคยใช้ตั้งแต่ยุคแรกๆ เลย คือ เชลล์เพียวร่าดีเซล แพงกว่าดีเซลธรรมดา 1 บาท/ลิตร
ตอนหลังเปลี่ยนชื่อ เพิ่มส่วนต่างราคา ผมมองว่าไม่คุ้มค่า(สำหรับรถผม)
-
ขับช้าลง เลี่ยงการเดินทางช่วงเร่งด่วน ช่วยได้เยอะครับ
-
ผมว่า หลายคนส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนทำงานในเมืองเค้าเฉยๆกับราคาน้ำมันแล้วล่ะ ..
อย่างแรกเลยที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ
ลานจอดรถในตึก office ก็ยังมีสาวๆที่เมื่อมาถึงแล้วก็สต๊าทรถแต่งหน้ากันเป็นชั่วโมงๆได้
ส่วนรถ PPV ดีเซลที่เข้ามาตามตึกก็เช่นกัน ใครที่มาถึงก่อนแต่ไม่อยากเข้าตึกไว ก็สต๊าทรถแล้วเล่นมือถือต่อรอเวลาเข้างาน
รถส่งของก็สต๊าทรถเปิดแอร์เย็นๆให้เมียนั่ง แล้วตัวเองก็เดินไปเซ็นบิล
รถที่ไปรับส่งลูกหน้าโรงเรียนยังมีมากเท่าเดิม
ข่าวรถติดยังมีมากเท่าเดิม(จาก จส.100)ทั้งๆที่ รถไฟฟ้าก็อยู่บนหัวแท้ๆ
ดังนั้นผมว่าตอนนี้คนไทยเฉยๆกับราคาน้ำมันแหละ ไม่เห็นมีใครต้องปรับตัว มีหน้าที่แค่หาเงินมาเติมก็พอแล้ว ...
จริงที่สุดครับ
ก่นด่าทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ที่ทำให้น้ำมันแพง
แต่ไม่เคยคิดจะปรับตัว หรือเริ่มต้นแก้ปัญหาอะไรที่ตัวเองกันก่อนเลย
ผมก็บอกบอกแล้วเป็นแบบนั้นไม่ว่าน้ำมันแพงแค่ไหน คนยังต้องใช้รถเหมือนเดิม รถก็ยังติดเหมือนเดิม ไม่มีผลกับการใช้รถมากเท่าไหร่ อาจมีผลกับคนบางกลุ่ม แต่ส่วนใหญ่ยังใช้รถกันเหมือนเดิม พวกกระบะส่งของตู้ทึบ กะบะแต่งซิ่ง 4 ประตู ทุกอย่างใช้กันเหมือนเดิมหมด คนปรับตัวชินชากับน้ำมันแพงต่างหาก
ส่วนตัวผมปรับตัวด้วยการจอดรถไม่ใช้รถที่กินน้ำมัน นาน ๆ เอาออกมาใช้ที ตอนนี้ใช้ ISUZU CAMEO เป็นหลักไม่รู้สึกว่าจ่ายแพง
-
ผมยังรู้สึกไม่ค่อยกระทบครับ ยังทำงานที่บ้านอยู่ มีใช้รถแค่วันเสาร์ไปหาแฟน กับวันธรรมดาก็ใช้ไปซื้อข้าวหน้าปากซอยกิโลเดียวบางวัน
เฉลี่ยใช้เดือนละ 300 โล
-
ใช้ชีวิตปกติ ไม่ปรับอะไรทั้งนั้น ยังไงก็ต้องเดินทาง ใช้รถ ทำงานหาเงินมาเติมน้ำมัน
-
เลิกเติมปั๊มประจำ(ตราเสือ)
หันมาเติมใบไม้แทน เพราะต่างกันเกือบบาท
พยายามขับให้ได้ 11 โลลิตรจากเดิมอยู่ที่ 9++
-
ปรับครับ
เมื่อก่อนเติมแต่ Shell V-Power ตลอด
ตอนนี้ลดลงมาเหลือ Fuelsave E20
กะว่าอาจจะเติม V-Power แค่เดือนละครั้งก็พอ
-
ใช้ชีวิตปกติ พยายามขับนิ่งๆขึ้น ก็ประหยัดมาเล็กน้อย ;D
อันนี้คหสต. เหมือนที่หลายๆท่านบอก เลิกเติมเชลล์ครับ บวกเพิ่มต่างจากปั๊มอื่น 2-3 บาทเลย เอากำไรเกินไป ยิ่ง V-Power ไปกันใหญ่แพงกว่าลิตรละเกือบ 10 บาท
ผมเติม PTT บางจาก เท่านั้น ราคารู้สึกไม่โดนเอาเปรียบ รู้สึกไม่ต่าง แรงไม่แรง ประหยัดไม่ประหยัดอยู่ที่เท้าเราล้วนๆ ลองพวกพรีเมี่ยมแล้วไม่ต่าง
-
ชีวิตผมคือ เลี่ยงไม่ใช้รถยนต์ไม่ได้ ก็พยายามจัดทริป จากออกทุกวันไปสองที่ เป็นออกวันเดียวเก็บสองที่แทน
ซื้อของก็ ลิสๆ จดแล้วออกทีเดียว หรือสั่งเข้ามาส่งเอา
น้ำมันผมเปลี่ยนจาก E20 เป็น 95E10 แทน เพราะต่างกันนิดเดียว คงไม่มีผลอะไร
น้ำมันลด 50 สตางค์ ถ้าเข้าบ้านแล้วก็ปล่อยๆไป วนไปเติมถูกลง 10-20 บาทต่อครั้ง ไม่คุ้มเสียเวลา
ส่วน Premium ไม่ได้เติมอยุ่แล้ว เลยไม่ค่อยมีผลอะไรเท่าไร่
คนรวบตัวส่วนใหญ่ก็ยังใช้รถกันปรกติ แค่บ่นว่าน้ำมันแพงแต่มันก็ยังต้องใช้
คอนโดในเมืองไปออฟฟิศ ถ้าไปสองคนค่าน้ำมันอาจยังถูกกว่าค่ารถไฟฟ้าด้วยซ้ำ(ไม่นับค่าเสื่อมนะ)
-
ผมใช้จักรยานมากขึ้น
-
ของผมไม่ได้ใช้รถเยอะมาก เดือนนึงเติม 5-6000 ก็ขึ้นกว่าเดิมไม่เท่าไหร่ ก็ต้องทำใจรับสภาพไปครับ จะให้ปรับตัวไปนั่งรถสาธารณะก็คงไม่สะดวกครับ
-
ผมกระทบน้อยครับ ผมใช้แมงกะไซด์ ในรัสมี 2 กม. ไกลออกไป ใช้คิกส์ ก็ตก โลละ สองบาทเศษ สรุปว่า เดือน ๆ ใช้น้ำมันไม่เกินสองพันห้า...
-
ขับช้าลงนิดหน่อยประมาณ100 พยายามเลี้ยงคันเร่งจุ่มเบาๆเรียนรู้นิสัยเครื่องว่ารอบเท่านี้ต้องกดเท่าไหร่แรงถึงจะมา ถ้ารอบได้กดไม่จุ่มนิดเดียวแรงก็มาแล้ว แล้วก็ไปพยายามมองกราฟสิ้นเปลืองเรียลทามเวลากดอย่าให้มันต่ำเกิน
จนดันตัวเลข city 1.5 ปี2013 วิ่ง 200กม. ทำตัวเลขได้ 20 กม.ต่อลิตรบนหน้าปัด รถ10ปีทำเลขไม่เกรงใจรถไหบิดเลยนะ55555
ส่วนวิ่งแถวบ้านก็เอามอไซค์ไฟฟ้ามาวิ่งครับ555 วิ่งมาจะสองพันโลค่าไฟแค่เศษเหรียญในบ้าน
-
มีปรับนิดหน่อย โชคดีตรงที่รถที่ใช้อยู่ทั้งคู่ค่อนข้างประหยัดน้ำมันอยู่แล้ว
น้ำมันจากเมื่อก่อนเติมดาว หอย เสือ เปลี่ยนมาเป็น ปตท บางจาก PT
หรือเลือกปั๊มตามโปรบัตรเครดิตก็ช่วยได้ และไม่เติมน้ำมันพรีเมี่ยม
ขับรถช้าลงพอสมควร ยกเว้นถนนโล่งจริงๆ
ส่วนเรื่องการติดต่อลูกค้าบางทีก็จำเป็นต้องไป บางอย่างต้องสัมผัสด้วยตัวเราเอง
-
ผมขับให้ช้าลงครับ ก็พอช่วยได้นิดหน่อย แข่งกะตัวเองตอนจับทริปอัตราสิ้นเปลือง พอขับช้าๆเลขมันก็ลงให้เห็นกับตาอยู่นะครับ 5555+
-
ปรับครับ เมื่อก่อนแจ้สนี่สุดทุกเกียร์ ตอนนี้เน้นรอบไม่เกิน3พัน ส่วนฟอเรสเตอร์เอาใว้แม่บ้านรับส่งลูกอย่างเดียว เที่ยวเสาร์อาทิตย์ถ้าไปกลับก็ใช้แจ้ส
ประหยัดได้เยอะอยู่ครับ
-
จะว่าไป ไม่มีคนพูดถึงติดแก๊สแล้วนะครับ สมัยก่อนนิยมกันมากจริงๆ ช่วงน้ำมันแพงๆ
-
ปรับครับ
ปรับเป็นจอดรถยนต์ไว้เลย แล้วขี่มอเตอร์ไซค์แทน
-
จากที่เวลากลับบ้านต่างจังหวัด ขับรถไป-กลับร่วม 1,600 โล ล่าสุดช่วงสงกรานต์ปีนี้ เจอค่าน้ำมันไป 4,000 ช่วงเข้าพรรษานี้เลยเปลี่ยนเป็นนั่งเครื่องบินไปลงจังหวัดใกล้เคียง แล้วให้ทางบ้านมารับแทนแล้วครับ (ตั๋วเครื่องบิน 2 คน ซื้อล่วงหน้า ไป-กลับ 2,500 เอง) + รวมค่าน้ำมันรถที่บ้านมารับสนามบินไปกลับรวม 150 โล ก็ยังถูกกว่าขับรถจาก กทม. ไปอยู่ดี
-
การใช้งานตอนนี้ไม่มีผลครับเพราะใช้รถไม่เยอะอยู่แล้ว ไปทำงานก็นั่งรถตู้บ. ไปเที่ยววันหยุดก็ไปปกติ
จะมีผลกับอนาคตมากกว่าละครับเพราะคิดอยากจะเปลี่ยนรถ อาจต้องให้น้ำหนักกับรถประหยัดน้ำมันมากขึ้นหรือรถดีเซล
-
เคยเติมน้ำมันเดือนละ 8000 กลายเป็น 10500 บาท เพิ่มมา 2500 ซะงั้น นี่คือพยายามขับประหยัดแล้วนะครับ
-
ของผมจะเดือนล่ะ 8,000 ตอนนี้ไป 11,000-12,000 แล้วครับ
แล้วทำอะไรไม่ได้ด้วยเพราะหลักๆคือรับส่งลูก จอดรถติดหน้า ใน โรงเรียน เผาน้ำมันเละเลยครับ ระยะทางไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่จอดนิ่งๆสนิทๆนานๆเลย โรงเรียนอยู่ชานเมือง รถไฟฟ้าก็ไม่มี ทำใจแหละครับ
จะว่าไป ไม่มีคนพูดถึงติดแก๊สแล้วนะครับ สมัยก่อนนิยมกันมากจริงๆ ช่วงน้ำมันแพงๆ
ไม่มีเพราะ เค้ารู้อยู่แล้วว่ามันเป็นทางออกหรือเปล่าครับ อย่างตอนนี้ผมจะไปติดแกส แต่คิวยาว 3-5 เดือน ราคาชุดแกสก็ขึ้นมา 30%++ แถมไม่มีของด้วยครับ
-
3พันกว่า น่ำ4ชวด esso
ก้อทำใจไปครับ รอทั่นปูตินอารมณ์ดีๆก่อน
-
เดี่ยวนี้ ครึ่งถังเติมน้ำมันที หรือ เติมน้ำมันครั้งละ1พันบาท จะไม่เติมเต็มถัง ถ้าไม่จำเป็น
ปรับตัว ค่อยๆออกตัว เร่งตามความเร็ว ขับเรื่อยๆ 90-100 ตามปริมาณรถ
เมื่อก่อนเติมพรีเมียมดีเซล เดือนละ1ถัง หลังๆแพงมากขึ้นเรื่อยๆ เลิกเติมพรีเมียมดีเซลแล้ว
พรีเมียมดีเซล นอกจากปั้มหอย มีปั้มใบไม้ กับ ดาว ครับ
-
ปรับไม่ได้เลยครับ น้ำดำๆ น้ำมันกับกาแฟ แพงแค่ไหนก็ต้องจ่ายครับ
-
ใช่รถเท่าที่จำเป็น สั่งของออนไลน์มากขึ้น ไม่เร่งแล้วเบรก เน้นไหลๆไปเรื่อยๆ
-
ใช้รถเยอะเหมือนเดิม ใช้โหมด Eco ช่วย
ปกติไม่เติมน้ำมันพรีเมี่ยม เติมแต่ E20 B7 LPG
ตอนนี้
รถไฮบริดกลายเป็นรถที่ค่าน้ำมันคิดเป็น บาท/กม. มากที่สุดในบ้านแล้ว 55555
ใช้กระบะ KIA บ่อยขึ้น ไปตรวจไซต์ ซื้อของ ดูหนัง เที่ยวพัทยา คันเดียวจบ รถเก๋งจอดไว้ใช้ติดต่องานสำคัญๆ
ส่วนมอไซด์ จอดไม่ได้ขี่ เพราะไม่อยากเสี่ยงอันตรายบนถนน
ไปนั่งคาเฟ่ ซื้อกาแฟน้อยลง เหลือเพิ่มเดือนละ 1-2000 พอชดเชยค่าน้ำมันได้อยู่
-
ของแม่ผม ก็แก้ปัญหาด้วยการออกคันเล็กมาใช้
กลายเป็นลดโอกาสการใช้คันใหญ่ไปในตัว
-
ขับเหมือนเดิม เติมเหมือนเดิมครับไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเปลี่ยน ขับให้ตายยังไงกินไม่ต่างจากเดิมมากเลยก็ขับเหมือนเดิม
-
ใช้รถไม่เยอะครับ เดือนก่อน ๆ บัตรน้ำมันจ่ายไป 6000 เดือนนี้ขึ้นมาเป็น 10000 ครับ .. ก็ตามราคาปกติ เติม 4 ถังต่อเดือนครับ
ที่เปลี่ยนคือ ถ้าขับโล่ง ๆ ก็กด cruise 120 วิ่งเลนกลางยาว ๆ ไป แต่ก่อนกดออกขวาบ่อย ๆ ครับ
-
ปกติรถที่บ้านแต่ละคันเติมเดือนละ 1 ถัง เลยไม่ค่อยกระทบมาก
แต่มีการปรับตัวและวางแผนเส้นทางก่อนออกจากบ้าน เช่น ขับเข้าเมืองใช้ plug in ขับออก ตจว ใช้ดีเซล
จากปกติอยากขับคันไหนก็ขับ
-
ไม่เห็นมีใครบอกเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าเลย
-
ใช้หมวด eco ไม่เหยียบลึก ไม่จี้ติดคันหน้ามาก ดูรถคันข้างหน้า ปล่อยไหลจนกว่าจะต้องเบรคจึงจะเบรค และเลือกไปเวลาที่รถไม่ติดมาก ประหยัดไปเยอะเลยครับ
-
ผมติดแก้สแทนละ
-
ใช้จักรยานมากขึ้นและใช้รถเท่าที่จำเป็นครับ
-
มองๆมอเตอไซค์ไฟฟ้า กับ วางแผนซื้อ ev ในอีก 1-2 ปีครับ จากนั้นคงได้ซื้อแค่เบนซิน 95 สำหรับกิจกรรมสันทนาการ
-
ผมปรับตัวโดยการขับช้าลงครับ(90-95km/h) แต่ที่เจอบนถนน บ่อยมากตั้งแต่น้ำมันแพง คือ พบว่ารถบนถนนส่วนใหญ่ขับกันช้าลงกว่าเดิมมาก ปรกติผมไม่เคยขับแช่ขวาเลย ก็เลยขับตามในช่องจราจรกลางๆ บางช่วงแอบขับตามๆกัน พบว่ารถบางคันขับอยู่ 60-70 km/h กันเอง (เส้นที่ใช้งานทุกวันคือบรมราชชนนีไปนครปฐม)
-
1 วางแผนการเดินทางรอบคอบขึ้น (พยายามเลือกไปโซนเดียวแล้วทำธุระได้ครบๆ)
2 ก่อนสตาร์ทเปิด maps เช็คสภาพจราจร เลี่ยงเส้นที่รถติด
3 ถ้าเดินทางคนเดียวก็จะหันกลับมานั่งรถไฟฟ้ามากขึ้น (มากกว่า1คน ขับรถก็คุ้มกว่า)
ค่าโดยสารขนส่งสาธารณะของไทยเรายังสูงมาก รวมถึงรถเมล์ยังน้อย รอนาน แน่นในชั่วโมงเร่งด่วน
ผมว่าถ้าจะให้คนขับรถน้อยลง ปรับตัวมาใช้ขนส่งสาธารณะ ตรงจุดนี้ก็ต้องปรับปรุงให้ดีและครอบคลุ่มกว่านี้
-
ไม่เห็นมีใครบอกเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าเลย
คิดใว้เหมือนกันครับแต่รถไฟฟ้าราคาล้าน+/-ตอนนี้ผมยังไม่เชื่อใจเท่าไหร่ เก็บตังค์กับหาข้อมูลไปเรื่อยๆ
-
ไม่เห็นมีใครบอกเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าเลย
คิดใว้เหมือนกันครับแต่รถไฟฟ้าราคาล้าน+/-ตอนนี้ผมยังไม่เชื่อใจเท่าไหร่ เก็บตังค์กับหาข้อมูลไปเรื่อยๆ
กระแสอวยรถไฟฟ้าอย่าไปเชื่อมากนัก ขนาดในเวปต้องห้ามพันดริป ผมเคยไปตอบกระทู้ติดเบรคบางคนที่ชอบทำตัวเป็นผู้รู้เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจผิดกันไปใหญ่ คือต้องแยกให้ได้ก่อนว่าข้อมูลจริง หรือความเห็น หรือเป็นสิ่งที่อยากให้มันเป็นไป
ผมคนนึงละที่ไม่ซื้อรถไฟฟ้า อายุผมก็เริ่มมากแล้วเก็บเงินไว้รอเกษียณไม่ได้อยากใช้รถไฟฟ้า ถ้าตายไปรถไฟฟ้าจะเกิดถึง 50% หรือเปล่า ไม่ได้รอรถหรืออะไหล่ถูกลงเพราะมันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทุกวันนี้รถไฮบริดราคายังไม่ถูกลงเลย คนที่บอกว่ารอราคามันลดลง รอต้นทุน อะไหล่ราคามันลดลง อย่าไปทำให้ไขว้เขว มันไม่ได้ลดลงหรอก ใครพร้อมชาร์จที่บ้าน อยากซื้อก็ซื้อเลย แต่อย่าเข้าใจผิดเรื่องรถไฟฟ้า
-
ใช้ใช้ชีวิตตามปกติขับเหมือนเดิม ปกติก็ไม่ได้ขับเร็วอยู่แล้วใช้งานในเมืองตลอด นานๆจะออกต่างจังหวัดสักทีก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมครับ
-
ตามเมนต์บนเลยครับยังไงน้พมัรก้เป้นพลังงารที่ถูกและหาง่ายสุดๆละ
ไอ้พวกที่บอกหมดยุครถน้ำมัน นะ
ผมเห็นเพ้อเจ้อมา จะ 10 ปีละ 555
จนป่านนี้ ก้ยังไม่มีทางมาแทนรถน้ำมันได้