Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: kho ที่ มิถุนายน 29, 2022, 16:28:32
-
เนื่องจากราคาน้ำมันที่ขึ้นไม่หยุด
ประกอบกับกระแสรถไฟฟ้าล้วน รวมทั้งรถ Hybrid, HEV ต่างๆ ที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ
เลยอยากทราบครับว่า รถน้ำมันล้วน ระบบเดิมๆ ยังจะมีอนาคตไหมครับ ในระยะยาว
ผมเองดูๆอยู่ น่าจะซ์้อรถใหม่ในอีก 1-2 ปีนี้ คิดหนักมากว่าจะไปทางไหนดี (มองๆ SUV อยู่น่ะครับ)
ไม่ทราบว่า
1. ข้อดี ข้อเสีย
2. การดูแลระยะยาว
3. ความเสถียรของระบบต่างๆ
ของ รถไฟฟ้าล้วน รวมทั้งรถ Hybrid, HEV ต่างๆ มันเป็นยังไงบ้างอ่ะครับผม
หากเป็นเพื่อนๆ พี่ๆ กำลังต้องซื้อรถใหม่สักคัน ตอนนี้ จะมองไปทางไหนกันอ่ะครับผม
-
ส่วนตัวคิดว่าพวก SUV สายลุย หรือพวก Sport สองประตู ยังไงน้ำมันล้วนได้อารมกว่า
ส่วนรถใช้งานทั่วๆไป คงไป Hybrid ครับ
Toyota Honda ก็เขนออกมา ทั้ง cross / collora / camry / city / hrv / accord ค่อนข้างชัดแล้วว่า มาทางไฟฟ้าแล้ว
Hybrid ยังไงก็น่ากลัวกว่า น้ำมันล้วน มีชิ่นส่วนมากขึ้น และมีแบตที่ต้องเปลี่ยน แต่ก็แลกกับค่าน้ำมันที่เบาลง ยิ่งช่วงน้ำมันแพงแบบนี้ด้วย
ถ้าออกคันใหม่ตอนนี้ ผมคงหา Hybrid / ไฟฟ้าล้วนเลย แต่ถ้าเป็นยุโรป จะลอง diesel ก่อนครับ
-
ผมคนหนึ่งที่ใช้รถน้ำมันล้วนและคงใช้ไปตลอด อย่างมากสุดก็คืออาจจะใช้ Hybrid ในอนาคต แต่คงยังไม่ไปใช้รถไฟฟ้าล้วนในระยะเวลา 10 ปีนับจากนี้ไปแน่นอน
ปล - รถคันล่าสุดเพิ่งซื้อเมื่อต้นปี 2563 เป็นรถน้ำมันล้วน และตอนซื้อไม่ได้ลังเลหรือคิดกลับไปกลับมาเลย
-
สำหรับผม
การขับขี่ ความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต
วัสดุอุปกรณ์ ความสวยงาม ความปรานีต มาก่อนความประหยัดน้ำมัน(หรือค่าน้ำมัน)
เพราะยังไงๆก็คงไม่ซื้อ v8 4.0-5.0L มาขับ
ก็เลยไม่ค่อยจะห่วงเรื่อง น้ำมันหรือไฟฟ้า
แต่ถ้ารถที่จะซื้อ มีทางเลือกเป็น hybrid หรือ EV อาจจะมีลังเลว่าจะเอาเกรดที่ป็น hybrid หรือ EV หรือไม่
-
ผมคนนึง ถ้าจะซื้อคันใหม่ ไม่เอาน้ำมันล้วนแล้วแน่นอนครับ
ใจจริงอยากไป ไฟฟ้าเลย แต่ที่มีขายในบ้านเราตอนนี้ ที่ราคาล้านต้นๆก็ไม่ถูกใจ ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ แล้วพอจะอัพงบ ข้ามไป สองล้านกว่าขึ้นหมดเลย
สรุปถ้าจะซื้อ 1-2 ปีนี้ Hybrid ไปก่อนครับ แต่ที่แน่ๆไม่เอาน้ำมันล้วนแล้วครับ
-
ผมกลับแอบสนใจ Plug-in Hybrid ที่ราคาไม่แพงมาก วิ่งใกล้ๆก็วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ วิ่งไกลก็ใช้น้ำมัน
แต่เท่าที่มีตอนนี้ ถ้าเป็นรุ่นที่เอื้อมถึงก็คงจะเป็น HS ซึ่งตอนแบตหมดก็ซดน้ำมันขนาด
ไหนจะแอบลุ้นเรื่องคุณภาพรถอีก สรุปใช้รถน้ำมันปัจจุบันไปยาวๆครับ
น้ำมันขึ้น ถึงค่าไฟจะถูกกว่าน้ำมัน แต่มันก็ขึ้นไปด้วยนี่สิครับ
-
ขอน้ำมันล้วนเหมือนเดิม ตราบใดที่ยังชอบเดินทาง 10-12 ชั่วโมงเป็นหลัก
-
แม้ว่าจะชอบรถน้ำมันล้วนขนาดไหน แต่ผมคิดว่ารถใช้งานคันถัดไปผมคงเป็นรถไฟฟ้าแล้ว .. อาจจะเหลือก็แต่รถ"ของเล่น"ที่ยังคงเป็นน้ำมันล้วนอยู่
-
มีครับ ถ้ามี choice ให้เลือกผมก็ยังเอาน้ำมันล้วนอยู่นะ. แต่ถ้าไปแนวแบบ volvo ซึ่งผมเองก็กล้าแค่ PHEV ยังไม่กล้าไปไฟฟ้าล้วน.
-
รถน้ำมันคงเหลือเป็นพวกตลาดเฉพาะกลุ่ม หรือพวกสายสะสมมากกว่าคับ
หมายถึงปี 2035 นุ้นนะคับ ... ที่ EU ประกาศแบนรถใช้น้ำมันทั้งหมด
ถ้าแค่ไม่กี่ปีข้างหน้านี่ แล้วแต่ชอบ แล้วแต่สะดวกเลยครับ
-
คันล่าสุดผมก็ ดีเซล นะครับ
ไม่ต้องคิดมากเลยเหมือนกัน อยากได้น้ำมันล้วน
อีก5 ปี ต่อไปนี้ คิดว่าถ้ามี ดีเซล PHEV ราคาไม่ข้าม 1.5 ล้าน ก็คงจะซื้อครับ
-
ป้ายแดงคันต่อไปอย่างน้อยคงเป็น HEV ครับ ถ้า BEV ราคาลงมาระดับ ล้าน+- แล้วคุณภาพยืนระยะมาระดับนึงได้แล้วก็คงตามไปครับ
แต่คงใช้คันน้ำมันล้วนในบ้านที่มีตอนนี้ไปจนกว่าจะไม่ไหวก่อน เพราะน้อนๆตัวเปี๊ยกยังตอบโจทย์และแฮปปี้มากๆครับ
-
รถสันดาปมันก็น่าสนใจอยู่ดีนั่นละ ไม่งั้นบริษัทรถยนต์เขาจะทำออกมามากมายเหรอ ตอนนี้น้ำมันแพงมากเลยเป็นกระแสรถประหยัดพลังงาน หรือรถทางเลือก แต่น้ำมันไม่ได้แพงแบบนี้ตลอดไป มันมีขึ้นมีลง พอน้ำมันลงก็ถามหารถอื่น ๆ กันอยู่ดี เหมือนช่วง 2-3 ปีที่แล้ว คนที่ติดแก๊สรุ่นก่อน ๆ ไปถอดแก๊สออกกันเยอะมากเพราะราคาน้ำมันถูกมากไม่ถึง 20 บาท / ลิตร
-
ผมยังเชื่อมั่นว่า รถน้ำมันยังคงอยู่กับเราไปตลอดชั่วชีวิตนี้ครับ ...
และราคาน้ำมัน ก็จะไม่แพงแบบนี้ตลอดไปหรอก .. เราใช้น้ำมันถูกมาเกือบ 2 ปีนะครับ ตอนนี้แพงยังไม่ถึงปีเลย
-
ผมจะใช้รถน้ำมันจนน้ำมันจะหมดโลกหรือไม่เขาก็ไม่ผลิตรถน้ำมันแล้ว
มันได้อารมณ์กว่ารถไฟฟ้าครับ
-
สำหรับผมไม่มีเหตุผลต้องเลือก ก็ใช้มันทั้งสองอย่าง รถไฟฟ้าพร้อมจริงๆเมื่อไหร่ก็ซื้อเพิ่มอีกคัน
-
ใช้ crv g2 และ g4 มา
ตอนแรกว่าจะไม่ไปรถ hybrid แน่ๆ แต่ น้ำมันแพงแบบนี้ ค่าน้ำมัน หมื่นกว่าๆต่อเดือนเลยลังเล
แต่พอ bz4x ราคาก็แพงกว่า crv ตัวท็อปหน่อย แต่ประหยัดค่าน้ำมันเยอะ ตอนนี้โลนึงมี 4-5 บาทขึ้น
เลยว่าอาจมีข้ามไป bev เลย แต่จะไปเที่ยวดอยเที่ยวเขา อาจต้องเปลี่ยนไปเที่ยวพวกเชียงใหม่ ภูเก็ตแทน
ปล
มี h1 อีกคันไว้ใช้ครับ
-
ภาษีสรรพสามิตชุดใหม่กำลังจะทำให้รถน้ำมันล้วนแพงขึ้นมากครับ ยิ่ง PPV โดนเยอะเลย
รถ Hybrid เองก็จะขึ้นแต่ไม่มากเท่า
BEV ก็จะไม่ให้เงินอุดหนุนครับ
-
ผมที่พึ่งออก Eco car น้ำมันล้วนมาเป็นคันที่ 2
ก็เพราะลดการใช้คันใหญ่ให้ประหยัดลงทั้งราคาน้ำมันและยอมรับได้ในราคารถนี่แหละครับ
ถ้าราคารถเท่ากันผมก็ยังหารถ Hybrid หรือ EV ที่ได้เท่านี้ไม่ได้เลย
กลายเป็นประหยัดเชื้อเพลิง แต่เปลืองค่าตัวไป
-
มีแน่ครับ ที่บ้านแฟนผม
Altis หน้าหมู ปี 01 3 ปีแรก ขับ 8000 โล ขายไปตอนครบ 18 ปี ยังไม่ถึงแสนโล
CX-5 4 ปีขาย ไมล์ 22000 ขายไปแล้ว
CX-3 3 ปี ไมล์ 15000 ขายไปแล้ว
ปัจจุบัน NX 300h 4 ปี ไมล์อยู่ 30000 กับ BMW X3 3 ปี ไมล์ 16000
ใช้ไฮบริคยังกลัวเลยครับ พยายามให้แฟนใช้ให้บ่อยๆ บางครั้ง 3 อาทิตย์ยังไม่เคยสตาร์ทรถเลย
-
แล้วถ้าต่อไปใช้รถไฟฟ้ากันเยอะ แล้วไม่คิดว่าค่าไฟจะขึ้นไปมากกว่านี้อีกเป็นเท่าตัวเหรอครับ
ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ตามบริบท ตามสถานการณ์ในแต่ละยุคสมัยครับ
[img width= height= alt=51a3e586d683a6195525203c8ce8aab7.jpg" border="0]https://www.img.in.th/images/51a3e586d683a6195525203c8ce8aab7.jpg[/img]
-
ผมมองว่าตอนนี้ราคา แบตเตอรี่ กับ อะไหล่ส่วนควบระบบไฮบริด ยังแพงอยู่ เปรียบเสมือนประหยัดค่าน้ำมันไปจ่ายส่วนนี้แทน
ถ้าเน้นประหยัดน้ำมันจริงๆ ขับรถขนาดเครื่องยนต์ 1000 - 1200cc ก็ช่วยประหยัดไปได้เยอะแล้วครับ ถ้าอยากประหยัดกว่านี้ก็ติดแก๊สเพิ่มไปอีกครับ
ส่วนตัวผมมองว่ารถน้ำมันล้วนยังอยู่ไปอีกนานครับ กว่าทุกอย่างจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างคาดว่าอย่างน้อยน่าจะประมาณปี 2040
แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรแน่นอน 100% เผลอๆตอนนั้นรถน้ำมันอาจจะยังมีขายอยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะครับ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
-
อย่างไงรถน้ำมันล้วนยังอยู่ได้อีก 10 ปีแน่ เหมือน hybrid ตอนมาเมื่อ10ปีก่อน ปัจจุบันรถน้ำมันก็มีอยู่ปกติ
ส่วนตัวถ้าจะซื้อรถใหม่ในอีก 1-2 ปีนี้ ?
รถน้ำมันล้วนเพราะไลฟ์สไตล์ชีวิตในการเดินทาง
1.เดินทางต่างจังหวัด 90% เอารถ hybrid มาไม่น่าช่วยไรได้
2.ต่างจังหวัดสถานีชาร์จไฟฟ้าน้อยมาก รถไฟฟ้าล้วน ไม่ไหว
3.รถไฟฟ้าล้วน และ hybrid ราคาแพงเกินที่จะผ่อนไหว (จริงมันควรเป็นอันแรก 55)
-
ตราบใดที่ยังมีรถน้ำมันขาย และยังมีน้ำมันขาย
อย่างไงก็จะซื้อครับ
-
ถ้าพอมีเงินซื้อหาได้ ผมชอบรถที่มีมอเตอร์ตรงที่การเร่งมัน smooth และเงียบกว่ารถน้ำมันครับ และขับแต่ในเมือง ใช้ Hybrid/EV ก็เหมาะดีครับ
แต่ถ้าไม่มีเงินมาก อะไรถูกสุดก็เอาอันนั้นแหละครับ ซึ่งตอนนี้ eco-car น่าจะยังเป็นตัวเลือกที่ประหยัดที่สุด ถ้ายังไม่มี hybrid/EV ราคา eco-car รถน้ำมันล้วนก็คงยังไปต่อครับ
-
ถ้าในชีวิตยังต้องมีการเดินทางไกลข้ามจังหวัดอยู่เป็นประจำผมว่ายังไงก็ต้องมีรถน้ำมันไว้สักคันอยู่ดีครับ เพราะไม่รู้ว่ารถไฟฟ้าจะตอบโจทย์ตรงนี้ได้เมื่อไร
-
ในอนาคตผมคงใช้ hybrid ครับ
น้ำมันล้วนคัน ไฟฟ้าล้วนคัน ผสมกันไปครับ
ไฟฟ้าล้วนใช้ขับรับส่งเด็กๆและขับไปทำงาน
เวลาไปเที่ยวเสาร์อาทิตย์หรือ ตจว. ก็เอาน้ำมันล้วนออก
-
ชอบ hybrid ซื้อจริงคงต้องเทียบรุ่นกับราคาอีกที ผมเน้นใช้นานสิบปี ice น่าจะเหมาะกว่า
-
น้ำมันล้วนจะกลายเป็นรถ niche ไปครับผมว่า เล่นกันเฉพาะกลุ่ม อย่างพวกสปอร์ตเรโทรอะไรงี้
ที่เหลือไฟฟ้า ความสเถียรต่างๆ ก็น่าจะดีขึ้นตามมาเรื่อยๆ
-
คนในเมืองอาจจะไม่สนใจรถน้ำมัน
แต่คน ตจว.อย่างผม รถน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยหลักไปอีกหลายสิบปีครับ
แม้แต่ข้างบ้านหรือเพื่อร่วมกัน ไฮบริดยังไม่รู้จักกันเลยครับ ไฟฟ้ายังอีกไกลลลลลลลลลลลล
-
ทางสายกลางในระยะ 5 ปีนี้คงเป็น hybrid ไปใกลๆใด้ ส่วนไฟฟ้าล้วน
ถ้าวิ่งทำงานประจำ ไปเช้า เย็นกลับมาชาร์จเองที่บ้าน ไม่ต้องไปแย่งชาร์จนอกบ้านก็ดี
-
ปรับตัวไปตามสถานการณ์ครับ ส่วนตัวมองว่าในระยะยาวนั้น อัตราสัดส่วนการผลิตรถคงจะค่อยๆเปลี่ยนไป
อัตราการผลิต EV / PHEV / HYBRID / ICE
ปี 2025 อาจจะ 30% / 20% / 20% / 30%
ปี 2030 อาจจะ 50% / 10% / 30% / 10%
พล็อตกราฟออกมาจะเห็นเป็นเทรนด์ครับ
-
ไฟฟ้า ในช่วงนี้ ยังเหมือน มือถือในยุค "กระดูกหมู" อยู่
รอให้ มันถูก อึด ทน บาง ชาร์จไว เหมือนมือถือ "ยุค5G" แล้วค่อยไปคบ
-
สำหรับผมตอนนี้ มีรถ 3 คันกำลังดี
1. รถใช้งานทั่วไป เป็นไฟฟ้า
2. รถขับเล่น เป็นรถน้ำมัน
3. รถขับเที่ยวครอบครัว เป็น Hybrid หรือ PHEV
-
ต้องระบุว่าเฉพาะในกทม.หรือมองทั่วประเทศ ถ้ามองทั่วประเทศรถ ICE ยังใช้ได้กันอีกยาว ชาวบ้านๆ 90% ไม่รู้จักหรอก Hybrid EV และยังไม่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันเค้าด้วย
-
ไฟฟ้า ในช่วงนี้ ยังเหมือน มือถือในยุค "กระดูกหมู" อยู่
รอให้ มันถูก อึด ทน บาง ชาร์จไว เหมือนมือถือ "ยุค5G" แล้วค่อยไปคบ
เทียบซะเห็นภาพเลยครับ
ผมรอแค่ปลดล๊อคซิมก็พอแล้วครับ
-
อันนี้ของevล้วน ลองไปเทียบชั่งน้ำหนักดูเอง สต.ผมว่าไม่ได้อยู่กรุงเทพฯใช้รถน้ำมันเถอะครับ
1.ข้อดีอัตราเร่งดีกว่ารถน้ำมันล้วนในราคาที่พอเอื้อมถึง เสียงเงียบเสียงยางรถบดถนนจะดังกว่า
ขับง่ายกว่าเพราะแค่ยกคันเร่ง ความเร็วมันก็จะลดหน่วงเกือบเบรกแล้ว
ข้อเสีย ชาร์ตไฟเข้าเทคโนฯปจบ.ช้ามากอยู่ ปั้มชาร์ตในเมือง อมีแต่ไม่เยอะ ส่วนตจว.แทบไม่เห็นหายากมาก
และสภาพยางคู่ที่ใช้ขับเคลื่อนมักจะสึกหมดดอกก่อนคู่ที่เหลือ
2. ดูแลง่ายกว่ารถน้ำมัน ปลั๊กอินไฮบริท ไฮบริท ปกติหลายค่ายออกแบบมาให้ซีลลุยน้ำท่วมได้ แต่แนะนำว่าอย่าลอง
หมั่นชาร์ตไฟให้เต็ม อย่างปล่อยทิ้งจนแบตหมดนานๆ กลับบ้านชาร์ตทิ้งทั้งคืนได้
3. เรื่องความเสถียรของมอเตอร์กำลังขับยังเป็นที่หวั่นใจของคนเยอะอยู่ เพราะสภาพอากาศบ้านเรามันโหด
ใช้รถทุกวันขับเยอะๆ ไม่รู้ มอเตอร์จะพังตอนไหน สี่ห้าปีขับอยู่ๆร้อนเกินแล้วดับระหว่างขับใช้ความเร็วสูง
แล้วหาร้านซ่อมยากมากต้องโทรเรียกรถสไลด์ไปศูนย์เลย
-
ตราบใดที่เรายังไม่รู้วิธีจำกัดปัญหารถ EV และแบตของรถ hybrid มือสองที่เสื่อมแล้วพร้อมกับสะภาพรถที่ไม่มีใครอยากได้ รถน้ำมันล้วนยัง pollute น้อยกว่าถ้าเอาเรื่องการผลิตมาเกี่ยวข้อง
ไม่ได้ตอบว่าใครจะสนใจ แต่ในอนาคตคุณอาจจะโดนรัฎบังคับให้ใช้รถน้ำมันล้วนที่มีอยู่แล้วต่อไป เหมือนกับที่รัฎกำลังจะบังคับเราซื้อรถ EV
https://auto.hindustantimes.com/auto/news/volvo-study-shows-making-evs-leads-to-70-more-emission-compared-to-ice-vehicles-41637402945989.html
-
เมื่อก่อนก็มีคนชอบแผ่นเสียง ซีดี ดีวีดี พอเทคโนโลยีสตรีมมิ่งมันรองรับทุกอย่างก็เปลี่ยนเป็นพลิกฝ่ามือ ต่อไปลองมีแบตที่ความจุสูงชาร์จไวแบบการก้าวกระโดดของหน่วยความจำ หรือไมโครโปรเซสเซอร์ ตอนนั้นคนสตาร์ทเครื่องยนต์อาจจะถูกมองเหมือนมอเตอร์ไซค์สองจังหวะจอดติดไฟแดงแบบตอนนี้รึเปล่า?
-
สมหรับเมืองไทย ผมว่า PHEV น่าจะตอบโจทย์ไปซัก5-10ปี
หลังจากนั้นค่อยว่ากัน
-
ผมยังชอบน้ำมันล้วนอยู่นะ คิดว่ายังไงก็ยังอยู่ไปอีกนานครับ
-
ย้อนหลังไปปีก่อนผมออก Hybrid ให้ผบ.เอามาใช้ รวมๆ เค้าก็บอกใช้ดีนะ ประหยัดดี
แต่ไม่รู้ว่าระยะยาวจะมีปัญหามั้ย
ล่าสุดผมก็ออกรถน้ำมันล้วนมาใช้นะ เพราะคิดว่าจะใช้ในระยะยาว อย่างน้อย 8 ปี
ค่อนข้างมั่นใจว่าดูแลรักษาง่ายกว่าพวกรถ Hybrid, PHEV หรือ EV
ที่สำคัญผมไม่สะดวกกับการจอดชาร์ตนานๆ เลย คือ ตราบใดที่ยังไม่มีเทคโนโลยีชาร์ตแบบโครตไว
ที่แบบชาร์ต 5-10 นาที แล้วรถวิ่งได้ 300 กม. ผมคงยังไม่ย้ายไป EV แน่นอน
-
ถ้าผมยังใช้ชีวิตแถวชานเมืองพักคอนโด เจอรถติดบ้างวิ่งเร็วบ้างสลับกัน กับกลับ ตจว. กทม-อุบล ผมไปไฮร์บริตครับ ไม่สะดวกจอดชาร์ทนาน
ว่าแต่รถไฮร์บริตรุ่นไหน สามารถประหยัดประมาน 1.5 บาท/KM.บ้างไหม ไม่เอา B segment :-X
-
ถ้าใน5ปีนี้ผมจะซื้อรถใหม่คงไปดีเซลไม่ก็ไฮบริดครับ ยังไม่ไปEV
-
อีก 10-20 ปีข้างหน้า ผมว่ายังงัยก็มีครับ ตราบใดที่คนเคยขับรถน้ำมันยังไม่ตายจากโลกนี้ไปหมด จะต้องมีคนถวิลหามันอย่างแน่นอน เพียงแต่จะมีสัดส่วนเท่าไรก็อีกเรื่องหนึ่ง เทียบจากวงการอื่นๆ ก็ได้ครับ
เครื่องเล่นแผ่นเสียง กล้องฟิลม์ โทรศัพท์แบบปุ่มกด เทียนไข หลอดไส้ ทุกวันนี้ยังหาซื้อได้อยู่เลยครับ