Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Dreamer ที่ กรกฎาคม 20, 2022, 14:29:11
-
อยากทราบว่าพี่ๆ เพื่อนๆ เวลาเลือกซื้อรถ เคยเซิร์ชราคาเมืองนอก แล้วเอามาเทียบกับราคาขายในไทยไหมครับ
Audi CBU
Lexus CBU
Porsche CBU
BMW CKD
MB CKD
พอเซิร์ชแล้ว มีแนวโน้มจะเลือก CKD กันมากกว่าไหมครับ เพราะความรู้สึกเหมือนถูกรัฐ เอาเปรียบ น้อยกว่า การซื้อ CBU
ไม่รวมกับมาร์จิ้นของบริษัท นะครับ
แล้วหากอยู่ดีๆ ในอนาคต รัฐ ลดการตั้งกำแพงภาษีเยอะๆ ทำให้ราคารุ่นที่เราเคยซื้อ ฮวบลงมารุนแรง ทั้งตลาดมือหนึ่งและมือสอง เราจะเสียใจไหมครับ (แต่กรณีนี้คงยาก และถ้าให้เดา คนที่ซื้อไปแล้ว ก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนั้น เพราะจะกลายว่า รถที่เราเคยซื้อ 4-5 ล้าน อาจจะเหลือ 2-3 ร้าน ในราคามือหนึ่ง คนจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้น รถจะดาษดื่นขึ้น รัฐเสียผลประโยชน์ คนที่ซื้อไปแล้วก็เสียผลประโยชน์ในแง่ศักดิ์ศรี และราคาขายต่อ)
นอกจากนี้ การที่ซื้อรถราคาต่ำกว่า จะรู้สึกว่าถูกรัฐเอาเปรียบน้อยกว่าไหมครับ
เช่น ซื้อรถ 3 ล้าน เหมือนจะเสียเงินให้รัฐน้อยกว่า ซื้อรถ 6 ล้าน เป็นต้น ครับ
เพราะเมืองนอกอาจจะขายคันแรกที่ล้านกว่าๆ คันที่สองสามล้านกว่าๆ ทำนองนี้ครับ
อาจจะงงๆ นิดนึง แต่ชวนคุย ครับ
-
ไม่เคยครับ
เพราะมันเทียบกันไม่ได้ โดยปัจจัยหลายๆ อย่าง
ผมอยู่ ROME ในอิตาลี ราคารถยุโรป จะ segment ถูก หรือ แพง มันก็เอามาตีเป็นเงินไทย ราคาไทย ไม่ได้
อาจจะอ้างอิงได้ แต่ถ้ารู้เยอะเกินไป อาจจะเจ็บปวดกว่าเดิมเยอะครับ
เพราะยังไงซะ สุดท้าย อยู่ไทย ก็ต้องซื้อราคาไทย จะแพง จะถูก ก็ต้องซื้ออยู่ดี เราจะอ้างอิงราคาเมืองนอกก็ไม่ได้
-
ไม่เคยสนใจราคาเมืองนอกครับ ไม่รู้จะรู้ไปทำไม คนละตลาดกัน โครงสร้างราคา โครงสร้างภาษีก็ไม่เหมือนกัน
ถ้าอยากซื้อรถราคาไทยแล้วรู้สึกดี ก็ไปดูราคารถที่สิงคโปร์สิครับ จะได้ซื้อได้อย่างสบายใจ
:) :) :)
-
สมัยก่อนตอนพึ่งเข้าวงการ ชอบเทียบราคา ญี่ปุ่น
แต่พอโตมาจะซื้อจริงๆ ไม่สนใจแล้ว ไม่รู้จะมาเทียบกันทำไม
ต่อให้ซื้อรถจากเมืองนอกมาได้จริงๆ เจอภาษีขาเข้าไปก็อ๊วกแตก
-
ผมเพิืงจะมาเทียบเฉพาะ Tesla นี่แหละ ราคาเท่าสิงค์โปร์ยังรับไหวอยู่นะ
เมื่อไรจะมาซักที
-
ไม่เคย และอยากจะบอกจขกท.ว่าไม่ควรครับ เพราะมันคนละโครงสร้าง ทั้งตลาด ภาษี สังคม และอื่นๆ อีกมาก
เวียดนามที่ใครๆ ก็บอกว่าจะแซงไทยๆ ตลาดรถยนต์บ้านเค้ายังเปิดตัวรถรุ่นใหม่หลังเราตลอด แถมยังขายแพงกว่าด้วย
ยิ่งในสิงคโปร์ประเทศต้นแบบของคนไทยหลายคน การซื้อรถในประเทศของเค้านี่แพงระยับเลย
เทียบง่ายๆ Civic บ้านเราราคาประมาณ 1.2 ล้านบาท ก็ว่าแพงแล้ว สิงคโปร์รวมค่าใช้จ่ายในการออก Civic คันนึงปาไปเกือบ 5 ล้านบาท
ปล. บ้านเรามองรถเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย จำเป็นต้องมีโครงสร้างภาษีมากำกับให้มันมีราคาแพงในระดับนึง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา และรัฐเก็บรายได้มาเพื่อเอามาพัฒนาสาธารณูปโภคอื่นๆ
ถ้าเรามองว่ารถคันนึงแพง แปลว่าเรายังไม่พร้อมเป็นเจ้าของครับ
15 ปีก่อนผมจะออก Civic คันนึง ผมมองว่าแพง
อีก 5 ปี ต่อมา ผมมอง Accord ราคา OK ไม่แพง
ตอนนี้ผมมอง BMW Series 3 ราคาเหมาะสมกับคุณภาพแล้ว
-
ในบางรุ่นใช่ครับ แต่ถ้างบถึงก็ซื้อ เอาจริงๆมันเทียบไม่ได้อ่ะครับ
ซื้อที่ UK เอาราคามาเทียบกัน ราคาต่างเยอะจริง แต่ถ้ารวม apr ค่า maintenance หรือ สเปคต่างๆ ราคาต่างจากไทยไม่เยอะเลยครับ 5 ปี
จะต่างก็เพราะค่าแรงขั้นต่ำประเทศเรานิแหละ
จะมีตัวอย่างชัดๆแค่ i4 กับ iX3 พอเทียบราคามาแล้วไม่สมเหตุสมผล ก็เลยไม่ซื้อ เพราะเค้าเกลี่ยมาจิ้น edrive40 กับ m50 เท่านั้นเองครับ
เพราะถ้ามัวไปนั่งเทียบแล้วไม่คุ้มไม่ได้ซื้อซักคันแน่ๆ เพราะยังไงคันนี้เราซื้อใช้ที่ไทย ยังไงมันก็ราคานี้แหละ เทียบไปก็ไม่มีประโยชน์
-
ใช้แต่กระบะกับ ppv
เทียบแล้วสบายใจครับ
บริบทของแต่ละเมืองแต่ละประเทศมันแตกต่างกันครับ
เอาง่ายๆ ยังไงเมืองไทยก็มีพื้นที่การเกษตร (ซึ่งรวมไปถึงประมง อาชีพประมงคือเกษตรกรนะครับ) เยอะมากกว่าพื้นที่คนoffice ฉะนั้นการที่รัฐจะกำหนดให้ภาษีกระบะถูกก็เมคเซ้นต์ครับ เพราะกระบะช่วยทุ่นแรงได้ รวมไปถึงสภาพภูมิประเทศ ด้วยอีกหลายตัวแปร
-
ไม่ดู ไม่สนครับ เพราะผมทำงานหาเงินที่นี่
ซื้อรถ เติมน้ำมันที่นี่ทั้งหมด ไม่สามารถย้ายไปซื้อรถที่อื่นได้ และที่สำคัญผมไม่มีอำนาจไปเปลี่ยนอะไรได้ อยู่ที่ผู้ผลิตรายไหนจะเจาะถูกช่องทำให้ภาษีต่ำ ราคาดี เราก็อาจจะมีโอกาสได้ลองใช้ง่ายหน่อย
-
ผมเข้าใจว่าคนคิดแบบนี้หรือเทียบแบบนี้อาจไม่อยากเสียเปรียบหรือเสียรู้
แต่สำหรับผมไม่ดูครับ เพราะไม่มีทางที่จะเอาเข้ามา(ในราคานั้นแบบถูกกฎหมาย)ได้อยู่แล้วครับ
ถ้าเทียบแบบนี้แล้วอยากได้เปรียบคงต้องขับแต่พวกรถกระบะ
หรือรถเครื่องดีเซล
-
ถ้าจะเสิร์ชเทียบกับเมืองนอก
ให้เทียบกับสิงคโปร์เถอะครับ
สิงคโปร์ก็เมืองนอก เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วย
ก็จะได้สบายใจขึ้นครับ
-
ผมเสิจมาเทียบแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นครับ (ในกรณีรถนำเข้าเหมือนกัน) จะได้รู้ว่ารุ่นไหนเอากำไรเยอะ กำไรน้อย
-
ถ้ารู้ภาษีเมืองไทยที่มันลึกลับซับซ้อน กินหลายขั้นหลายตอน แล้วจะไม่อยากเปรียบเทียบทันที เอาเป็นว่าซื้อรถเมืองไทย สามารถช่วยเหลือประเทศได้หลายบาทเลยทีเดียว ส่วนเงินนั้นจะเอาไปทำอะไร เราก็จะเห็นข่าวรถตรวจการ s class คันหรูนั่นแหละ
-
BEV จีนที่ได้รับส่วนลด2ต่อในไทย ทำให้ราคาใกล้กับต่างประเทศมากที่สุดแล้วครับ
โดนเฉพาะพวกเกิน1ล้าน แล้วเทียบที่ไปขายในยุโรปเราถูกกว่าด้วย
-
เคยสมัยเด็กๆ ครับ สมัยป.5 ไปอเมริกาครั้งแรก และญาติๆ ที่นั่นก็ทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ทั้งนั้น ได้ไปโชว์รูมรถบ่อยๆ ตื่นตาตื่นใจมาก (สมัยเด็กๆ ผมจำราคารถยนต์ในไทยได้เกือบทุกรุ่น ก็เลยตกใจ) สมัยนั้น $1 = 25 บาทด้วย ยิ่งทำให้ราคาอเมริกา ถูกมากๆ เข้าไปอีก ถูกกว่ากันเกือบครึ่ง ถ้าเป็นพวก BMW Benz (ยุค 1990's) แถมญาติๆ ผมเขาขับแต่รถอเมริกันมือสองแต่สภาพใหม่ รถมือสองที่นั่นยิ่งถูกมากๆ
แต่พอโตขึ้น แบบขึ้นมัธยมปลาย ก็เข้าใจครับว่ามันเปรียบเทียบกันไม่ได้ ด้วยสาเหตุที่หลายๆ ท่านได้กล่าวมาแล้ว
ตอนนี้ ไปดูราคา Prius Gen3 มือสองในอเมริกา แล้วจะทึ่งว่าทำไมแพงยังงี้ ทั้งๆ ที่ตอนใหม่ๆ ถูกกว่าไทยพอสมควร (ปี 2014 ขับมาแล้ว 2-3 แสนกิโล ยังขายได้ 15,000-17,000 เหรียญ)
-
ทำใจไม่ได้ครับ ต่อให้เราไม่ดูว่าราคามันแพงจากภาษี/การตั้งราคาหรืออะไรก็ตาม ราคาที่เพิ่มมาสำหรับผมอาจจะไม่คุ้มกับสมรรถนะ ความหรูหราที่ได้เพิ่มเมื่อเทียบกับการซื้อรถที่มีโครงสร้างราคาที่ดีกว่า เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่าครับ (ลูก ครอบครัว ใช้ยามเกษียณ)
-
ไม่ดูแล้วครับ
อยากได้ราคาเมืองนอกนะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาได้ เลยเลิกคิดไป :-\
-
ไม่ดูครับ
แต่ถ้าดูแล้วรู้สึกว่ารัฐเอาเปรียบ ทำได้ง่ายๆก็แค่ ไม่ซื้อ จะได้ไม่โดนเอาเปรียบ
หรือถ้าอยากมีความรู้สึกว่าคุ้ม ไม่โดนเอาเปรียบก็ซื้อรถที่เมืองไทยขายถูกกว่าตลาดโลก
เช่น กระบะ หรือ ppv ครับ
-
ไม่เพราะรู้อยู่แล้วว่าต่างประเทศราคาถูกกว่า มีแค่กระบะบางรุ่นเท่านั้นที่ในไทยถูกกว่า
ผมจะย้ายไปอยู่เมืองนอกก็ได้แล้วเอาเงินที่จะซื้อ camry ไปซื้อ maserati ghibli มือสอง ก็ได้
แต่ปัญหาการอยู่และกินประเทศไทยแทบไม่มีเลย ไปอยู่ต่างประเทศลำบากและน่าเบื่อกว่านี้เยอะครับ แลกกับรถราคาแพง คนบ้ารถอย่างผมก็ยอม
จะว่าไป เรื่องแบบนี้มันแก้ได้ง่ายครับ ไปซื้อรถที่ลาวแล้วขับไปกลับระหว่างประเทศทุก30วันหรือ 90วันตามกฎที่เค้าตั้งก็ได้ทำได้ครับ อยู่ที่ว่าใจถึงไหม ถ้าขี้เกียจก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าใจถึงก็เตรียมซื้อได้เลย F-150, Mustang, ราคาถูกๆ อาจจะรำคาญหน่อยเพราะพวงมะลัยซ้าย
-
จะไปสนใจทำไม ในเมื่อต่อให้รู้ราคาไป ถ้าคุณจะซื้อที่ประเทศไหน มันก็แล้วแต่โครงสร้างของประเทศนั้นๆ
บางประเทศรถถูก แต่ค่าเซอร์วิส ค่าประกันแพงหูฉี่
-
ผมไม่เทียบราคากันตรง ๆ แต่เทียบ position ในตลาดมากกว่า เช่น mini มันเป็น entry level มาก ๆ ใน UK แต่เมืองไทยเอามาอัพราคาขายพอ ๆ กับ BMW series 3 นีก็ไม่ใช่ละ ....ถึงแม้มันจะน่ารัก แต่ถ้าต้องบวก premium ไปขนาดนั้นก็ลำบากที่จะซื้ออะคับ กลับกัน Volvo S60 เนี่ย มันคือเกรดเดียวกับ 3 , C แถมแพงกว่าหน่อยด้วยซ้ำ แม้ผลการทดสอบรถจากหลายๆ สำนักในเมืองนอกอาจจะสู้ 3 ไม่ได้ แต่มันก็เป็น plus feeling ให้เลือกซื้อได้ เพราะในไทย S60 ด้วยเหตุผลทางภาษี ดันทำราคาได้พอ ๆ กับ UK แถมถูกกว่า 3 เสียอีก
-
ไม่รู้จะเทียบไปเพื่ออะไรครับ เพราะสุดท้ายก็ต้องซื้อราคาไทยอยู่ดี ดังนั้นดูแค่ราคาไทยก็พอ
-
ถ้า CBU สงสัยกับการตั้งราคาของ Lexus ยี่ห้อเดียวครับ :P
-
ยังไงฐานภาษีแต่ละประเทศ volumn ที่ขาย แต่ละแบรนไม่เท่ากันอยู่แล้ว คงเอามาเทียบกันตรงๆเลยไม่ได้ครับ
อย่าง us 330i 340i m3 ราคาไม่ได้ก้าวกระโดดแบบไทย
ถ้าพูดในมุมของ cbu vs ckd
ส่วนตัวคงเลือก ckd นอกจากกังวลว่า พอ ckd แล้วรุ่นที่ต้องการจะหายไป
เรื่องของภาษี มองเป็น % ว่าเสียเท่ากันน่าจะตรงประเด็นกว่า
ซื้อรถราคา 3 ล้าน หรือ 6 ล้านภาษีเท่ากัน(ถ้าโดนเรทเดียวกัน)
ส่วนตัวคิดว่าเข้าใจ จขกท นะครับ
จอแชร์นิดนึง เคยคิดจะซื้อจะซื้อยุโรปใช้เหมือนกัน โอเคแหละขับดีกว่า สบายกว่า ภายในดีกว่า
แต่พอมาคิดถึงเม็ดเงินที่ต้องจ่าย ค่าบำรุงรักษา ค่าซ่อมในอนาคต รู้สึกไม่สบายใจ
ค่าซ่อมจ่ายไหวแหละ แต่ยังมีความเสียดายเงินอยู่ ถ้าซื้อมาแล้วต้องซ่อมคงคิดว่า เห็นไหมไม่น่าเลยกรู
คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมจะใช้รถแบบนี้ จบที่รถตลาดแทน
-
อยากให้เข้าใจก่อนว่า "รัฐ ไม่ได้ เอาเปรียบ" ครับ เห็นเน้นหลายคำเหลือเกิน "เอาเปรียบๆ"
โครงสร้างภาษีรถนี้ มีมาเป็นสิบๆปีแล้ว แต่ก่อนหนักกว่านี้อีก ไม่ได้มากำหนดเอารัฐบาลลุงนะครับ ออกตัวก่อน เดี๋ยวอะไรก็ด่าลุง ::)
ในเมืองไทย รถยนต์เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ไม่สามารถผลิตในประเทศได้ ต่อให้ CKD ก็เถอะ ก็แค่เอามาประกอบ ไม่มี Knowhow R&D ยิ่งรถนำเข้าทั้งคัน จึงต้องมีภาษี เพื่อนำมาพัฒนาประเทศ(หรือไม่พัฒนาก็ไม่รู้) หรือเอาไปทำอย่างอื่นๆก็ว่าไป ไม่ใช่เพียงรถยนต์ พวกสินค้า Electronic ด้วย ก็มีภาษีนำเข้าทั้งนั้น แม้แต่กระเป๋าแบรนด์เนม ภาษีก็เยอะนะ
ดังนั้นอย่าไปสนใจเลยครับว่าภาษีเท่าไหร่ เราอยู่ในประเทศนี้ก็ต้องซื้อตามราคานี้ บางทีก็ต้องโทษที่บริษัทรถด้วยว่าอยากได้กำไรเท่าไหร่ เพราะภาษีมัน Fix rate แต่ราคาที่ บ.รถคิดกำไร มันแล้วแต่ บ.รถเลย เช่น Lexus เป็นต้น เพราะดันเอาราคาขายที่สิงคโปรตั้งมาคิด
แล้วรถในสิงคโปร แพงอิ๋บอ๋าย C-Segmen ญี่ปุ่น บ้านเรา 1 - 1.2 ล้าน ที่สิงคโปร เกือบ 5 ล้าน เพราะบ้านเขาที่ดินน้อย มีรถมาก จะล้นประเทศ เลยต้องเก็บภาษีเยอะ ตามแต่ประเทศไปครับ เมืองไทยก็เหมือนกัน
-
ถ้าเทียบ
ก็ต้องเทียบยันค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
ภาษีประจำปี ประกัน จิปาถะต่างๆ ด้วยครับ
-
ผม search ครับ อยากรู้ว่ารถรุ่นนี้ราคาเท่านี้ในไทย สามารถซื้อรถอะไรที่ประเทศนั้นๆ ได้บ้าง
สว่นใหญ่ผมจะดูของ อังกฤษ / อเมริกา / ญี่ปุ่น / ออสเตรเลีย
สุดท้ายก็ต้องรับให้ได้ เพราะอย่างไรก็ต้องซื้อครับ
-
ถ้าจะเทียบให้แฟร์ต้องเอาค่าใช้จ่ายพ่วงอื่นๆที่เกี่ยวข้องมารวมด้วย ซึ่งก็เยอะแยะไปหมด หลายประเทศมีจำกัดโซนนิ่ง ซีซีรถ รัฐอุดหนุน ภาษีรถเก่า ค่าเชื้อเพลิง ค่ากำจัดขยะ ฯลฯ ถ้าคิดว่าทำได้รอบด้านถึงจะบอกอะไรได้จริงๆ
-
เคยเทียบราคาค่าแรงซ่อมของเขาไหมละครับ ทำ brake job ล่อ ไป $300 คุณรับไหวไหมละครับ เทียบกับเมืองไทย 2500 บาทเป็นต้น
-
เคยดูราคารถเมืองนอกอยู่ครับ แต่ถ้าถามว่าเอามาเทียบมั๊ย ก็คงไม่ครับ
-
ไม่ได้ดูเลย เพราะยังไงก็ต้องซื้อราคาไทย ไม่รู้จะดูไปทำไม ซื้อไม่ไหว ไม่มีเงินก็นั่งรถสาธารณะเอาครับ