Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: shipcake ที่ สิงหาคม 03, 2022, 08:56:49
-
ผมตกข่าว เพิ่งมาทราบว่าตอนนี้ CRV เหลือแต่เบนซิน ก็เลย เอ่ะ แปลกใจ เพราะคนไทย (ส่วนใหญ่) ก็ขับดีเซลกัน มีช่วงนึงตอนนั้นเพื่อนจะซื้อ bmw x1 มือสองเพราะมันถูก โดนเต้นบอก ถ้าจะเล่น ผมแนะนำดีเซลเท่านั้น ผมเลยจำฝังเลยว่า รถคันใหญ่ ต้องดีเซลเท่านั้น แล้วฮอนด้าตัดช่องทางตัวเองแบบนี้ (แถม ณ เวลานี้) CRV ก็ยังไม่มีขุมพลังไฮบริดโผล่มาให้เห็น เกิดอะไรขึ้นครับ
-
เบนซินมันเงียบกว่าครับ ราคาเครื่องถูกกว่า ราคาอะไหร่สมัยนี้น่าจะถูกกว่าแต่ความทนทานน่าจะด้อยกว่า
ค่าน้ำมันถ้าคนใช้รถน้อยๆปีนึงไม่ถึงหมื่นโลก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรครับ
-
ถ้าเป็นผม
เก๋ง ผมจะมอง เบนซิน ก่อน เพราะ เครื่องเดินเรียบ เครื่องเงียบ สั่นสะเทือนน้อย แรงม้าสูง(เทียบกับ cc) และ แรงม้าต่อเนื่อง ความเร็วกลาง-ปลาย ไหลได้ยาว
suv หรือ กระบะ ผมจะมอง ดีเซล ก่อน เพราะ แรงบิดดี แบกน้ำหนัก(รถ) ได้เยอะ ทำให้ออกตัวดี ขึ้นทางชัน ขึ้นเขาดี แรงบิดมารอบต่ำ ใช้รอบต่ำ มันเลยทำให้ประหยัดกว่าด้วย ขับง่าย นั่งโดยสารเต็มคันก็ขับสบาย บรรทุกของ ก็ยังขับได้เรื่อยๆ
สุดท้าย ผมว่า เครื่องยนต์เบนซิน vs ดีเซล มันมีจุดเด่นต่างกัน อยู่ที่เลือกครับ
ปล.ไม่ต้องมา เบนซินก็ na ดีเซลก็ turbo หรือ downsize หรือ โน่น นี่ นั้น นะครับ เพราะเดี๋ยวนี้้มันมีเหมือนกันทุกอย่างแล้ว
-
มี่เพื่อนบอกว่า X1 โครงสร้างเค้าไม่ค่อยแข็งแรง (ตามราคารุ่นถูก)
คานเหล็กอะไรแทบไม่มีเลย ถ้าเรื่องความปลอดภัย เลือกรถญี่ปุ่นที่ราคาพอๆกันดีกว่า
ถ้าจะเล่นต้อง X3 ขึ้นไป
ส่วน CRV เดาว่ายอดขายคงไม่ดี เลยโดยยุบไลน์ดีเชลล์ละมั้งครับ
เรื่องความเหมาะสม ผมว่าเบนชินเหยียบมาไวกว่า รอบจัดเร็วกว่าดีเชลล์ครับ
-
crv มันหนักเท่า accord เองนะครับ 1.5ตันเท่าๆกัน ถ้าเครื่อง2.4พาแอคคอร์ดไปได้มันก็พาcrvไปได้เหมือนกัน ความเร็วสูงๆอาจจะดรอปกว่าหน่อยนึงเพราะรถต้านลม
จริงอยู่ครับที่คนไทยชอบดีเซล แต่ลูกค้ารถกลุ่มนี้ถ้าจะเอาดีเซลเค้าจะไป ppv แบบไม่มอง suv เลย crv ดีเซลตั้งแต่ขายมาเจออยู่ไม่กี่คันเอง
ปล.เคส crv นี่Hเค้ากะเอามาดีเซลมาเป็นเครื่อง low power นะครับ(แทน2.0ตัวถูก) แต่เครื่องมันแพงเลยต้องกลายเป็นตัวท็อปแบบงงๆ
-
ผมเน้นรถที่เป็นเบนซินเป็นหลักครับ ยกเว้นรถกระบะควรเป็นดีเซล
-
ดีเซลเสียงหนวกหู กระชากไม่สมูท
กลับมาขับเบนซินทีไรเบาสบายหู เร่งก็สมูทดีกว่าเยอะ
-
CR-V มันคือ รถเก๋งยกสูง การใช้งานของคนทั่วไป ก็คือ ขับขี่บนถนนดำเป็นหลัก ไม่ได้ต้องการแรงบิดสูงๆของดีเซล อีกอย่าง คนที่มา CR-V ส่วนมาก มาจากรถเก๋ง ความคุ้นชิ้นกับเบนซิน เลยมีมากกว่า
จริงๆ ดีเซล CR-V มันใช้ได้นะ มันไม่ได้ดัง และ เขย่า แบบกระบะ มีแค่เสียงเบาๆนิดเดียว
.............
G5 ตอนนี้ปลายอายุเต็มทน G6 ใน USA ก็เปิดตัวละ เดี๋ยว Hybrid ก็มาครับ ใจเย็นๆ แล้วมาลุ้นกันว่า เครื่อง Turbo จะมาไหม
-
ไม่เหมาะครับ เบนซิน 2.0 ขับสี่ฟูลไทม์ โคตรอืดเลยครับ
แต่แลกด้วยค่าดูแลรักษาต่ำมากๆ แทบไม่ต้องซ่อมไม่มีอะไรจุกจิกเลย
ถ้าจะให้ดี ต้องเบนซินเทอร์โบครับ ผมชอบมากกว่าดีเซลเทอร์โบ
-
มี่เพื่อนบอกว่า X1 โครงสร้างเค้าไม่ค่อยแข็งแรง (ตามราคารุ่นถูก)
คานเหล็กอะไรแทบไม่มีเลย ถ้าเรื่องความปลอดภัย เลือกรถญี่ปุ่นที่ราคาพอๆกันดีกว่า
ถ้าจะเล่นต้อง X3 ขึ้นไป
ส่วน CRV เดาว่ายอดขายคงไม่ดี เลยโดยยุบไลน์ดีเชลล์ละมั้งครับ
เรื่องความเหมาะสม ผมว่าเบนชินเหยียบมาไวกว่า รอบจัดเร็วกว่าดีเชลล์ครับ
คานเหล็กมีครับ อันใหญ่ด้วย พอดีเคยได้เห็นใต้ท้องรถตัวเองอยู่ X1 ด้านล่างแทบไม่ต่างอะไรจากรุ่นอื่นของBMW
อ่อ แล้วก็ของหัวข้อนี้ มองว่ายังไงเบนซินก็เหมาะกว่า โดยเฉพาะกับของญี่ปุ่นที่เป็นรถขับหน้าด้วย ดีเซลโคตรจะไม่เหมาะกับรถขับหน้า
-
SUV??? CRV???
ถ้าหมายถึงพวก Cross Over SUV จริงๆ แล้วมันคือเก๋ง พื้นฐาน โครงสร้าง ช่วงล่าง
ชิ้นส่วนมันคือเก๋ง สร้างจากพื้นเดิมของรถเก๋ง จะขับสอง ขับสี่เปิดกรโปรงหน้าดูจะเห็นว่า
เครื่องวางขวาง เพลาขับกระจิ๋วหลิว พื้นที่ห้องเครื่องแสนจะจำกัด วางเครื่องเบนซินที่ไม่ได้
มีอุปกรณ์ควบมากมากมายก็เหมาะดีแล้ว เครื่องพวกนี้ก็เครื่องเดียวกับรถเก๋งที่มันจำแลงร่างมานั่นแหละ
ก็เราอยากได้รถ Cross over ที่วิ่งนุ่ม เงียบ เร็ว เกาะถนน แบบเก๋ง ไม่ใช่เหรอครับ
เครื่องเบนซินน้ำหนักเบากว่าดีเซลก็ตอบโจทย์ดีแล้วนี่ครับ
เครื่องดีเซลขับหน้า ขนาดกระทัดรัดแบบวางในเก๋งมันมีใช้งานไม่เยอะ ตลาดหลายประเทศไม่นิยม
Volume น้อย ไม่คุ้มค่าพัฒนา เราจึงไม่เห็นเครื่องประสิทธิภาพโดดเด่นจำพวกนี้นักครับ
-
ผมชอบ SUV ที่เป็นดีเซลมากกว่า ถ้ามองว่าเอามันมาใช้งาน เที่ยวจังหวัดขึ้นเขาขึ้นดอยขน ซื้อของเหมือนย้ายบ้าน
ดีเซลแรงบิดสูงกว่า นั้งเต็มคันแล้วแรงไม่ค่อยตก ขับขั้นเขาชันๆ ง่ายกว่าไม่ต้องลากรอบเล่นเกียร์เพื่อให้รถมันมีกำลัง เพราะแรงมาแต่รอบต่ำๆ
การตอบสนองที่ความเร็ว120+ กับความสนุก เสียงเครื่องผมเฉยๆ เพราะถ้าเน้นพวกนี้ ไปเก๋งน่าจะดีกว่า
สรุป อยากขับสนุกไปเบนซิล เน้นใช้งานดีเซล
-
1. CR-V รถมันไม่ได้ใหญ่เลย มันเล็กกว่า Accord นะครับ
2. X1 ก็ไม่ได้ใหญ่เช่นกัน อันนี่มันรถระดับ CX-3 นะครับ CX-3 หรือ subcompact crossover รุ่นอื่นก็ไม่มีรุ่นไหนที่เป็นดีเซลนะครับ
ที่เต้นบอกให้ไปดีเซลก็เพราะเครื่องดีเซลของ BMW มันมักจะทนกว่าเบนซินครับ (ถ้าพูดถึงเครื่อง 4 สูบ)
-
SUV ต่างประเทศ เดินทางไกลๆใช้เบนซินทั้งหมด
-
เบนซินสมัยใหม่ Hybrid+Turbo แรงบิดดีไม่แพ้ดีเซลแรงมาเร็วกว่าต้นกลางปลาย เทียบกัน 30e vs 20d คนละโลก ที่บอกดีเซลแรงกว่านั้นมันสมัยเบนซิน na ไม่มีโบ
-
ผมเกิดมาในยุค suv เป็นเบ็นซิลเครื่องโต เน้นแรงบิด ไม่เน้นแรงม้า บางคันเป็นเบ็นซิล 4500-5500 รอบด้วยซ้ำ
ยุคนั้น ดีเซลเอาไว้บรรทุกของอย่างเดียวครับ
ดีเซลน่าจะเริ่มเกิดตอนคอมมอนเรลนี่แหละครับ ทำ down sizing ได้ก่อนเบ็นซิล ค่ายรถจึงนิยมเอาไปใส่กันแพร่หลายแม้กระทั่งเก๋ง
แต่มาตรฐาน euro ก็ค่อยๆฆ่าเครื่องดีเซลให้ตายไปเรื่อยๆ
อุปกรณ์ส่วนควบที่ป้องกันไม่ให้รถปล่อยมลพิษเกินค่า ก็แพงสุดๆ แคทเทอไรติก ของดีเซลยุคใหม่ๆ ชิ้นนึง ก็แพงหูฉี่
แต่อีกไม่นาน เครื่องเบ็นซิลก็จะถึงจุดจบครับ 1.0 turbo ใน city ไม่ต่างกับ 1.6 turbo ใน cooper s รุ่นเก่า มีทั้ง high pressure pump ที่ราคาแพง และส่วนประกอบส่วนควบอื่นๆ ก็แพงขึ้นตาม เกินแสนโล ลูกค้ามีบ่นไล่หลังค่ายรถแน่
ในเมื่อดีเซลไปต่อไม่ได้ในเชิงรถส่วนบุคคล suv จึงต้องกลับมาคบ เบ็นซิลอีกครั้ง(ตัวอย่างที่ดีคงเป็น raptor)
อย่างตัวอย่างที่คุณยกมา crv ดีเซล ถ้าดูแลไม่ดี มันจะทำให้เกิดปัญหากับระบบได้ แต่คนเสียคือ ค่ายรถ คนจะไปหาว่า ไปเอารถอะไรมาขาย ไม่ถึก ไม่ทน อะไหล่แพง บลาๆๆๆๆ ทั้งๆที่เจ้าของรถไม่กล้าเปลี่ยนระบบกำจัดไอเสียทั้งระบบเอง
ผมเคยไปนั่งคุยกับอู่ mni ที่ผม service อยู่ ผมได้เห็นภาพการ m/a ระหว่าง r60 sd กับ r60 s รถผม ดีเซลดูแลแพงกว่าชนิดที่ เอาส่วนต่างการประหยัดน้ำมันไปโปะ ยังไม่รู้จะพอเลยหรือเปล่า
แคทตัวดีเซลใส่ oem ไม่ได้ ต้องใส่ของแท้อย่างเดียวลูกละหลายหมื่น ถ้าไม่ใส่ ก็จูนให้กลับมาวิ่งดีๆลำบาก
หันมาที่ เบ็นซิล turbo จะถอดแคทวิ่งก็ได้ จะใส่แคท oem หลักพันปลายๆ-หมื่นต้นๆก็ยังไหว หัวฉีดพัง หัวเทียนพัง เปลี่ยนหลักสองหมื่นต้นๆมี oem งานจีนเกรดสูงให้ใช้ แต่รายของรางหัวฉีดในดีเซล คือ อย่างแพง ผมเชื่อว่าคนใช้เบ๊นซ์ บีเอ็ม น่าจะรู้ถีงข้อนี้ดี
แต่ถ้าไม่ได้ห่วงค่าใช้จ่ายระยะยาวนะ ซื้อรถมา 5 ปีแล้วขายทิ้ง ผมว่า suv ดีเซล น่าใช้กว่าเยอะครับ แรงบิดดี ประหยัดน้ำมัน เอาไปลุยก็ดีกว่าเหมือน ppv กับกระบะนี่แหละ
ใช้ดีเซล 2.5 ลิตร หาต้องการแรงบิดที่สูสี อาจต้องใช้เบ็นซินเทอร์โบ 3.5 ลิตรเลยด้วยซ้ำครับ
ปล.สมันนั้นที่ผมพอรู้เรื่องเครื่องเชื้อเพลิง 2 ชนิดและได้ศึกษามาบ้างเพราะ พ่อและลุง ใช้ Granvia คนนึงเบนซิล v6 อีกคนนึงดีเซล 3.0 ลิตร แล้วก็มาขิงกันนี่แหละ ผมเองมีโอกาศได้ขับทั้ง 2 คันครับ 1 ตัวถัง 2 เครื่องยนต์ ได้รู้อะไรเยอะเลย
-
แล้วแต่คนชอบครับ ส่วนใหญ่คนเล่น SUV พื้นฐานเก๋ง เขาไม่ได้เอารถไปลุยที่ไหนมาก เลยไม่มีความจำเป็นต้องเล่นดีเซล
อย่างเคส CRV ที่ต้องยกเลิกดีเซล เพราะยอดขายน้อย + ปัญหาเยอะ ซ่อมแพง
ปล.เพิ่งกลับจากเวียดนามมา CRV ที่นั่นใช้เครื่องเบนซินเทอร์โบแล้ว ส่วน CX5 ได้เครื่อง 2.5 na
-
X1 นี่น่าจะเพราะเรื่องอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง ความจุกจิก และราคาที่เพิ่มมาแล้วได้ออพชั่นเพิ่มและยังอยู่ในเรืเดียวกับคู่แข่ง
CR-V นี่ออพชั่นแทบจะเท่ากันต่างแค่ Sensing แถมเพิ่มเงินไปแล้วยังได้มาแต่อัตราสิ้นเปลือง เสียอัตราเร่งไปอีก
จริงๆ เบนซินดีเซลผมเปลี่ยนความคิดว่ามันเหมาะกับรถตังถังแบบไหน ตั้งแต่ได้มาใช้ Mazda 2 ดีเซลนี่แหละครับ
เก๋งเล็กดีเซล กลายเป็นรถที่มีอัตราเร่งตอนต้นดีจากแรงบิดมหาศาลที่มาไว ทำให้เป็นรถมุดคล่องขึ้นมาก
อัตราการใช้น้ำมันในเมืองก็น้องๆ Hybrid นอกเมืองขับดีๆ ผมว่าดีกว่า Hybrid บางรุ่นอีก
แต่น่าเสียดายที่ไปไม่ถึงฝั่งเพียงเพราะ design failure ของมาสด้าเองนั่นแหละที่มันทำให้รถเก๋งดีเซลกลายเป็นถูกเหมารวมว่าจุกจิกไม่น่าใช้ไปเลย
SUV จะเหมาะกับเครื่องอะไรก็ขึ้นกับความต้องการลูกค้านั่นแหละครับ
อยากได้รถแรงบิดดียังไงก็ดีเซล อยากได้รถเงียบๆ ปลายดีก็ต้องเบนซิน
-
น่าจะเรื่องยอดขายแหละครับ คนซื้อช่วงแรกๆ ออกตัวท็อปกันทั้งนั้น ยิ่งตัวท็อปดีเซลนี่ขายดีมาก
แต่หลังๆเห็นในกลุ่มออกใหม่ป้ายแดงเป็นตัว 2.4ES ล้วนๆเลย ดีเซลแทบจะเป็นของ rare
Honda ได้ประโยชน์อีกเรื่องคือการสต็อกอะไหล่ อะไหล่เบนซินหลายตัวใช้ร่วมกันได้ ยิ่งเครื่องK24ตัวนี้มันลากมาเกือบ20ปี
-
หลังๆเหมือนยอดดีเซลไม่ไปครับ และจุกจิกผิดวิสัย Honda คนหนีมาเจ้าตลาดถ้าไปเจอรถจุกจิกก็ไม่ไหวนะ
และอะไหล่ถ้าพังไม่ถูกด้วย เกียร์ราคาหนักอยู่
...............
ถึงจะมองว่า CRV ไม่ใหญ่กว่า Accord แต่ทรง SUV คนคาดหวังถึงความอเนกประสงค์ครับ
มีรุ่น 7ที่นั่ง แบกของได้เยอะ นี่คือความคาดหวังของคนใช้ SUV(จริงๆ ที่ไม่ได้แค่เอารถยกสูงหนีน้ำ) ดังนั้นแรงบิดผมว่าสำคัญนะ
แต่ถ้ามองว่า CRV คือแค่ Crossover ก็ไม่จำเป็นครับ
...............
แต่สมัยผม ก็เกิดมากับ SUV เครื่องเบนซินบึ้มๆนะ VX80 Patrol Pajero v6 ก็ลุยได้แต่ก็ซดแหลกนั่นละ
-
ใช้เบนซิน 2.0 แล้วมาขับ 1.5 ดีเซล แล้วไม่คิดกลับไปหาเบนซินอีกเลย ต้นจัด, ประหยัดน้ำมัน รัฐบาลอุ้มอีกตะหาก ขนของเต็มคันก็กำลังไม่ตก และผมไม่สนเรื่องเสียงเครื่องไม่เร้า, ท้อปสปีด บลาๆๆ ขับเหมือนคนปกติ คันต่อไป suv ก็ต้องดีเซลเท่านั้น
-
เพื่อนร่วมรุ่น CRV ส่วนมากก็เบนซินเสียเยอะครับ ดีเซลก็มีไม่มาก ก็คงไม่แปลกอะไร
ส่วน X1 นั้น เพราะตัวดีเซล(ตัวเก่า) น่าเล่นกว่าเบนซินครับ
-
คนไทยยังติดภาพ ดีเซลประหยัด เติมถูก แต่ลืมดูค่าบำรุงรักษา คือ แม่มแพงนะครับ ซับซ้อน อีกไม่กี่ปี มันก้จบแล้วครับไปต่อไม่ได้จริงๆ มลพิษ กดไม่ไหว
-
คนไทยยังติดภาพ ดีเซลประหยัด เติมถูก แต่ลืมดูค่าบำรุงรักษา คือ แม่มแพงนะครับ ซับซ้อน อีกไม่กี่ปี มันก้จบแล้วครับไปต่อไม่ได้จริงๆ มลพิษ กดไม่ไหว
HVO 100 เริ่มแพร่หลายแล้วนะครับ ::)
-
CRV Diesel ตอนออกมาใหม่ๆ มีแต่คนอยากได้
ตอนนี้กองเชียร์หายไปไหนหมด
-
เครื่องดีเซลฮอนรุ่นนี้ ก่อนมาขายไทยก็มีปัญหา
พอเอามาขายก็ตั้งแพง คนซื้อน้อย เกียร์zf 9at ลืมเรื่องซ่อมถูกไปเลย ก็เอวังด้วยประการฉะนี้
เก๋งยกสูงตัวถังโมโนค็อก แกร่งลุยทางสู้ออฟโรดคัสซีกับบอดี้ไม่ได้
ออฟโรดต้องดีเซล ห้าสูบ หกสูบเรียง วีแปด ถึงจะมีเรี่ยวแรงทนทาน พวกสี่สูบรีดม้าไม่ทนซ่อมแพง เพราะไม่มีชุดซ่อม
เกียร์ออโต้ไฟฟ้า5-9จังหวะ ค่าน้ำมันเกียร์ลิตรละพันต้องจ่ายได้
ดีเซลเครื่องโต สูบเยอะ เกียร์หลายจังหวะ จะนุ่มนวล ขับนิ่มกว่ากะบะเยอะ
เสียงดังนอกรถในรถไม่ดังมากเพราะบุเก็บเสียงดี คุณภาพตามราคารถ
จะเอายาริสไปเทียบเมบัค
หรือเอาดีแม็กซ์ ไปเทียบจีคลาสไม่ได้ ราคาห่างกันเกินสิบล้านบาท
g350d ถูกกว่า g500เป็นล้าน ยิ่งรุ่นกำลังสอง ยังไม่มีใครสั่งขาย
vx200 ดีเซลวีแปด เครื่องถอดแบบจากm67เสื้อเหล็กใบพัด 8-10ล้าน เบนซินถูกกว่าเป็นล้าน แต่ไม่คุ้มซื้อกินเหมือนถังรั่ว
ยิ่งระบบฉีดตรง d4s คอมมอนเรลวาวล์บ้านๆซ่อมง่ายกว่า
เก๋งยกสูง ขับสี่กระเทย เบนซินจึงดีไม่ใกล้เคียง forester turbo แต่ค่าซ่อมบำรุงถูกกว่ามาก อืดก็เลยรับได้ จะเพิ่มเงินไปcx5 2.5 พ่วงหอย ไม่ใช่ทุกคนจะจ่ายไหว
เหมือนคัมรี่v6 3.5 acv40 ขายทีเดียวเลิก เขาว่าแพงเล่นสามแฉก ใบพัดดีกว่า
อะไหล่เบิกห้างแพง พอกับของเทียบยุโรป
เก๋งยกสูงใส่ถ่านจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะรถถ่านเก๋งท้องย้อย ยกสูงปลอดภัยกว่าเวลาลุยน้ำท่วม ตกหลุม ราคาไม่แพงกว่ารถน้ำมันระดับเดียวกันมาก รุ่นใหม่ๆใส่ถ่านอึดวิ่งได้ไกลขึ้น
จีนแดง เลิกส่งสารตั้งต้นผลิตชิปทั้งหมดให้ไต้หวัน คือ
ทราย กรวดบริสุทธิ์ กว่า90%ที่ไต้หวันนำเข้า
เลิกนำเข้าผลไม้ สับปะรด ขนม
ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคนางไช่อิงเหวิน
เย็นนี้คงมีอะไรอีกต้องติดตามกันต่อไป
-
โลกกำลังกำจัดดีเซลในรถนั่งครับ
เมื่อก่อนยุโรปคือผู้ใช้ดีเซลหลักของโลก
ไทยเราเป็นตลาดกระบะอันดับ2ของโลกรองจากอเมริกา หรือถ้าแยกเป็นกระบะดีเซลเราคือตลาดอันดับ 1
อินเดียเองกลุ่มรถนั่งก็ดีเซลก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
-
ขอเพิ่มเทอร์โบ+เกียร์ทอร์คด้วยเลยครับ
-
crv diesel เลิกขายในบ้านเราคงเพราะขายน้อย ที่ขายน้อยเพราะมันแพง
แต่ไหนแต่ไรรถเก๋งหรือ suv diesel มันตั้งราราแพงอาจจะเพราะต้นทุนสูง และบวกกับผู้ผลิตกล้าตั้งราคาแพงแล้วบอกลูกค้าว่าแพงกว่า แต่ประหยัดน้ำมันกว่า
จนกระทั่ง bmw มาแหวกแนว วิ่งย้อนศรทำเก๋งและ suv เครื่อง diesel ในราคาหวือหวาน่าคบ แรกๆก็โดนสงสัยต่อต้าน จนวันนี้ขายดี แม้แต่ benz ยังขาย 220d ทั้งเก๋งและ suv
แต่ฝั่งญี่ปุ่น ดูเหมือนจะชอบพัฒนาเครื่องเบนซิน + ตัวช่วยเช่น hybrid หรือ turbo มากกว่า
ผมว่ายุคนี้มันไม่ดูกันแค่เครื่องแล้วหละครับ
แต่ต้องมองเป็นยี่ห้อไปมากกว่า
เช่น honda เน้น hybrid กับ turbo crv จะไม่มี diesel ก็ไม่แปลก Toyota ออกตัวชัดว่าไป hybrid
ทากฟาก bm ฝ่าฟันกับ 20d มานานก็เชี่ยวชาญ diesel ไปละ ลูกค้าก็คุ้นละไม่เขินที่จะขับ 320d 520d x diesel
ถ้า crv ทำ diesel แล้วใช้ดีคือประหนัด แรง และไม่แพง ก็น่าจะขายได้
mazda ก็ดูเหมือนพยานามทำ diesel แต่เหมือนร่อแร่กว่าที่คิด
สำหรับผมไม่ยึดคิดว่าเครื่องอะไร ขอให้มันใช้ดี จะเก๋งเบนซิน mpv diesel ได้หมด diesel ยุคใหม่ไม่ดัง ไม่สั่นถ้ารถสมบูรณ์ เบนซินยุคใหม่ประหยัดแรง ได้หมดเลยครับ
-
มันไม่เกี่ยวหรอกว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ ลองไปดูอเมริการถส่วนใหญ่ก็เบนซิน V6 V8 SUV และปิคอัพก็เบนซินทั้งนั้น ดีเซลมีน้อย หลัก ๆ ราคาดีเซลแพงกว่าเบนซินมาก เครื่องดีเซลซ่อมแพงทำเองลำบากไม่เหมือนเบนซินซ่อมเองง่ายราคาอะไหล่ไม่แพง ถ้าทำเองไม่ได้อเมริกาค่าแรงซ่อมรถแพง
ถ้าให้ตอบเฉพาะรถบ้านเราแยกเป็นรุ่น ๆ ดังนี้ตามนี้เลย
1. รถปิคอัพสาเหตุที่บ้านเรานิยมดีเซลไม่ซื้อเบนซินหลัก ๆ เลยเรื่องค่าน้ำมัน ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ เพราะค่าน้ำมันดีเซลบ้านเราถูกกว่าเบนซินมาก บางช่วงดีเซลถูกกว่าลิตรละ 10 บาท แบบนี้ใครจะบ้าใช้ปิคอัพเบนซินกันละ จ่ายค่าน้ำมันแพงกว่าเป็นเท่าตัว อีกทั้งข้อย่อยรองลง ๆ มาคือปิคอัพดีเซลมันแต่งให้แรงได้ง่ายมีกล่องหรือรีแมปก็ได้แล้ว เรื่องของเรื่องมันมีแค่นี้เอง เรื่องทอร์คกำลังแรงบิด ไม่ใช่ปัญหาหรอก กระบะเบนซินมีเครื่องใหญ่ V6 3.2 3.5 4.0 ลิตรส่งขายต่างประเทศทุกยี่ห้อ กำลังดีไม่แพ้ดีเซล แต่ที่เขาไม่เอามาขายในประเทศเพราะมันเรื่องภาษีและแค่คนละตลาดกัน บ้านเราไม่นิยมแน่นอน
2. รถ PPV สมัยนึง Fortuner เอาเบนซิน 2.7 มาทำตลาดคู่กับดีเซล ปัญหาคล้ายกับปิคอัพเลยเลิกทำตลาดไป หลักมาจากโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศระหว่างดีเซลกับเบนซิน ที่แตกต่างกันมาก
3.SUV มาสด้า ดีเซลกับเบนซิน ส่วนใหญ่คนนนิยมเบนซิน เนื่องจากราคารถดีเซลแพงและปัญหาน้ำดันแก้ไม่จบ ดีเซลปัญหาเยอะกว่าจุกจิกกว่าซ่อมแพงกว่าแน่ ๆ ขายต่อราคาตกมาก ถ้าให้เล่นดีเซลยี่ห้อนี้ผมก็ไม่เอาเหมือนกัน
4. BMW X1 ช่วงแรก ที่ออกมารุ่นนี้มีเบนซินกับดีเซล แต่กลายเป็นว่าเบนซิน จุกจิกมีปัญหาเยอะกว่า ขายต่อเลยราคาตกมาก คนเลยเข็ดขยาดปัยหา ส่วนดีเซลของ BMW ตัวนี้ปัยหาน้อย ประหยัดน้ำมันมาก อัตราเร่งดี ตลาดเลยให้ความสนใจดีเซลในรถยุโรปมากกว่า
5.CRV รุ่นดีเซลทำตลาดเฉพาะยุโรป ไม่แน่ใจว่านอกจากไทยแล้วมีที่อื่นอีกไหม แต่มันขายแพงกว่าเยอะแล้วขายไม่ดีตลาดไม่นิยม เนื่องจาก HONDA ไม่ได้เชี่ยวชาญทำรถดีเซล ปัญหาเคลมในคลับ CRV เคลมหนัก ๆ ถ้าคิดเป็นค่าใช้จ่ายก็แสนบาทเลย รถมีปัญหาจุกจิกกว่ารุ่นเบนซิน 2.4 ที่ขายมานานจนไม่มีปัญหาให้เห็นแล้วมั้ง อนาคตเลิกทำตลาดไปดีเซล เหมือนจะโดนลอยแพหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะอะไหล่ ในอนาคต ค่าซ่อมแพงจัดแน่ ๆ นึกถึง Ford Focus ดีเซลก่อนหน้านั้นละอะไหล่บางตัวผลิตยุโรป ลูกค้ารออะไหล่หลายเดือน รถหมดความนิยมไปเลย แม้ว่าจะเป็นรถที่ประหยัดและขับดีก็ตาม ถ้าให้ซื้อ CRV ดีเซลผมก็ไม่กล้าซื้อหรอก
-
คนไทยยังติดภาพ ดีเซลประหยัด เติมถูก แต่ลืมดูค่าบำรุงรักษา คือ แม่มแพงนะครับ ซับซ้อน อีกไม่กี่ปี มันก้จบแล้วครับไปต่อไม่ได้จริงๆ มลพิษ กดไม่ไหว
ผมเสียค่าซ่อมเครื่อง 1KD-FTV 3.0 ดีเซลใน Fortuner ไป ตามรายการดังนี้
1. เทอร์โบซ่อม 15,000
2. อินเตอร์ของเทียมไต้หวัน 3,200
3. หัวฉีดดีเซล ซ่อมเปลี่ยนปลาย 17,900
4. ล้างท่อไอดี เปลี่ยน EGR (พัง ) เปลี่ยนกรองแวคคั่มแตก 17,000
5. เปลี่ยนฝาครอบวาล์ว ( แตก) 2,500
6. เปลี่ยนยางฝาครอบวาล์วยางรองหัวฉีด 2,200
7. โอเวอร์ฮอลเครื่องเนื่องจากฝักบัวน้ำมันเครื่องตัน อันเป็นจุดอ่อนของรุ่นนี้ที่เริ่มเข้าคิวซ่อมกันเยอะ ค่าซ่อม 7x,xxx บาท
รวม ๆ จ่ายไปเฉพาะซ่อมเครื่อง 1 แสนต้น ๆ ส่วนตัวเลยเข็ดขยาดที่จะใช้เครื่องดีเซลคอมมอนเรลต่อ โดยเฉพาะเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ยิ่งระบบซับซ้อนยิ่งแพง ตอนนี้หันมาใช้รถ ISUZU มังกรทอง 2.5 DI 90 แรงม้า รถอายุ30 ปีที่แล้วทนทานประหยัดซ่อมถูก ไม่มีปัญหาจุกจิก
-
คนไทยยังติดภาพ ดีเซลประหยัด เติมถูก แต่ลืมดูค่าบำรุงรักษา คือ แม่มแพงนะครับ ซับซ้อน อีกไม่กี่ปี มันก้จบแล้วครับไปต่อไม่ได้จริงๆ มลพิษ กดไม่ไหว
ผมเสียค่าซ่อมเครื่อง 1KD-FTV 3.0 ดีเซลใน Fortuner ไป ตามรายการดังนี้
1. เทอร์โบซ่อม 15,000
2. อินเตอร์ของเทียมไต้หวัน 3,200
3. หัวฉีดดีเซล ซ่อมเปลี่ยนปลาย 17,900
4. ล้างท่อไอดี เปลี่ยน EGR (พัง ) เปลี่ยนกรองแวคคั่มแตก 17,000
5. เปลี่ยนฝาครอบวาล์ว ( แตก) 2,500
6. เปลี่ยนยางฝาครอบวาล์วยางรองหัวฉีด 2,200
7. โอเวอร์ฮอลเครื่องเนื่องจากฝักบัวน้ำมันเครื่องตัน อันเป็นจุดอ่อนของรุ่นนี้ที่เริ่มเข้าคิวซ่อมกันเยอะ ค่าซ่อม 7x,xxx บาท
รวม ๆ จ่ายไปเฉพาะซ่อมเครื่อง 1 แสนต้น ๆ ส่วนตัวเลยเข็ดขยาดที่จะใช้เครื่องดีเซลคอมมอนเรลต่อ โดยเฉพาะเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ยิ่งระบบซับซ้อนยิ่งแพง ตอนนี้หันมาใช้รถ ISUZU มังกรทอง 2.5 DI 90 แรงม้า รถอายุ30 ปีที่แล้วทนทานประหยัดซ่อมถูก ไม่มีปัญหาจุกจิก
กำลังจะเข้ามาบอกเลยว่าคนที่บอกดีเซลดี ซ่อมถูก สงสัยคงจะติดภาพอีซูซุมังกรทองกันอยู่
เอาจริงๆ ถ้าเราไม่อุ้มดีเซล ข้อดีมันก็ไม่เหลือแล้วครับเมื่อเทียบกับเบนซิน (สำหรับใช้งานปกตินะ ไม่ใช่บรรทุก)
-
เรื่องดีเซลซ่อมถูก ค่าดูแลถูก ต้องลองเปรียบเทียบรถรุ่นเดียวกันที่มีทั้งเครื่องเบนซิน และ ดีเซลดูครับ
บางรุ่น เช่น ฟอร์ด โฟกัส ดีเซลนี่ ค่าดูแลไม่ถูกกว่าเบนซินนะครับ ;D ;D ;D ;D
-
มันก้ได้ทั้ง2 เครื่อง แล้วแต่คนชอบ แต่ผมใช้รถดีเซลคันเดียวในบ้านคือรถpick up นอกนั้น เบนซินหมด
ส่วน crv ehev มาแน่นอนล้าน% ครับ เปิดตัวจริงๆ 3/2023 แต่อาจจะเอามาโชว์ในงานก่อน 11/2022
-
ค่าซ่อมบำรุงรักษา ค่าอะไหล่ต่างๆค่ายญี่ปุ่น ค่ายยุโรป ก็แตกต่างกันเยอะมาก
โดยเฉพาะระบบหัวฉีดคอมมอนเรล+ปั้มคอมมอนเรล ค่าตัวSCVValve
ค่าเปลี่ยนชุดซ่อมDensoแท้+ปลายหัวฉีดDensoแท้ 4 ต้น 20,000 บาทแล้ว
ราคาแท้Denso แท้Bosch ก็ต่างกันมากแล้ว
ค่าSCVValve 2-3พันบาท
ค่ามอเตอร์EGRทั้งชุด 3-4พันบาท
ค่าล้างท่อร่วมไอดี ทุกๆ 100,000 กิโล
คาซ่อมเทอร์โบแปรผัน 1-1.5หมื่นบาท
ราคาค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลรุ่นใหม่ๆ ไม่ใช่ถูกๆ
-
ถ้าพูดถึงแค่ CRV G5 อันนี้นะ
ผมเลือกซื้อเบนซิล มาใช้ เพราะ ไม่ชอบเครื่องดีเซล กับเกียร์ ลองขับแล้วแปลกๆ เครื่อง2.4 อึดทนตอบสนองดีพอแล้ว ไม่ได้อืด และเงียบกว่าดีเซล
แล้วสุดท้ายก็เลือกไม่ผิด ตัวดีเซลมีปัญหาเรื่องเกียร์จริงๆ รวมถึงมีเคสเทอโบพังอีก ขนะที่เครื่อง2.4 ไม่มีอะไร
ก็ขับได้สบายดีไปได้ทุกที่ไม่รู้สึกว่าเครื่องเบนซิลจะมีแรงไม่พอตรงไหนไม่เหมาะกับบอดี้ตรงไหนนะ
ในคันอื่น เคยลองขับ f30 320i กับ 320d สุดทายก็เอา320i มาเพราะไม่ชอบอาการเหี่ยวๆรอบสูงของดีเซล
ปัจจุบัน ลองถอย520d g10 ก็ยังคงไม่ชอบอยู่ดี เปนคนมีนิสัยชอบเครื่องใหญ่ แรงบิดมายาวๆ รอบสูงแต่ยอมรับเลยว่า ดีเซลโคตรประหยัด
-
ตั้งแต่เปลี่ยนกลับมาขับเบนซินก็ไม่เคยคิดหาเครื่องดีเซลเลยครับ ตลอดเวลาที่ขับปาเจโร่เครื่องดีเซลคือสิ่งที่ไม่ชอบที่สุด เสียงดัง สั่น รอบมาช้า ตอนขับ Civic ยังมีความสุขกว่า แถมถ้าขับเท้าหนักๆ ก็กินไม่ต่างกับเบนซินเลย ผมเปลี่ยนมาขับเบนซิน 2.5 Turbo ก็จ่ายค่าน้ำมันไม่ได้เพิ่มขึ้นมากแต่แรงกว่าเป็นทุ่งเลย ไม่พอที่จะต้องมาทนกับเรื่องน่ารำคาญต่างๆที่ว่ามา
นอกจากเรื่องข้างต้นที่ว่ามาแล้ว ถ้าจะซื่้อรถที่ราคาสูงเกินกว่าล้านห้า ไม่มีทางที่เครื่องดีเซลจะอยู่ในช้อยส์เลยครับ ทุกครั้งที่ได้ยินรถยุโรปเครื่องดีเซลขับผ่านมาผมนึกถึงรถกระบะทุกที แค่นี้ก็ตัดไปอย่างง่ายดาย ;D ;D
-
เบนซินสบายกว่าด้วยความเงียบและความสั่นที่น้อยกว่านะผมว่า
-
คนไทยยังติดภาพ ดีเซลประหยัด เติมถูก แต่ลืมดูค่าบำรุงรักษา คือ แม่มแพงนะครับ ซับซ้อน อีกไม่กี่ปี มันก้จบแล้วครับไปต่อไม่ได้จริงๆ มลพิษ กดไม่ไหว
ผมเสียค่าซ่อมเครื่อง 1KD-FTV 3.0 ดีเซลใน Fortuner ไป ตามรายการดังนี้
1. เทอร์โบซ่อม 15,000
2. อินเตอร์ของเทียมไต้หวัน 3,200
3. หัวฉีดดีเซล ซ่อมเปลี่ยนปลาย 17,900
4. ล้างท่อไอดี เปลี่ยน EGR (พัง ) เปลี่ยนกรองแวคคั่มแตก 17,000
5. เปลี่ยนฝาครอบวาล์ว ( แตก) 2,500
6. เปลี่ยนยางฝาครอบวาล์วยางรองหัวฉีด 2,200
7. โอเวอร์ฮอลเครื่องเนื่องจากฝักบัวน้ำมันเครื่องตัน อันเป็นจุดอ่อนของรุ่นนี้ที่เริ่มเข้าคิวซ่อมกันเยอะ ค่าซ่อม 7x,xxx บาท
รวม ๆ จ่ายไปเฉพาะซ่อมเครื่อง 1 แสนต้น ๆ ส่วนตัวเลยเข็ดขยาดที่จะใช้เครื่องดีเซลคอมมอนเรลต่อ โดยเฉพาะเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ยิ่งระบบซับซ้อนยิ่งแพง ตอนนี้หันมาใช้รถ ISUZU มังกรทอง 2.5 DI 90 แรงม้า รถอายุ30 ปีที่แล้วทนทานประหยัดซ่อมถูก ไม่มีปัญหาจุกจิก
ผมกลับดีใจแทน ถ้าซ่อมตามรายการนี้ แล้วเสียเงินแค่นี้
เพราะรายการที่ไล่ๆ มารถเบนซิน หรือ ดีเซล คันอื่น ก็มีชิ้นส่วนแบบนี้พอๆ กัน ไม่ได้เกี่ยวกับดีเซล หรือ เบนซินเลยครับ
บางคัน บางยี่ห้อ แค่เทอร์โบ ก็เกือบแสนแล้วครับ บอกไว้ก่อน
-
เครื่องเบนซิล เครื่องเดินเงียบกว่า ที่สำคัญผมชอบตรงที่ไม่ค่อยจะมีกลิ่นเหม็นควันเหมือนพวกดีเซล
-
ใช้ดีเซลโบมาจนไมล์ 170,xxx ก็ยังไม่เคยโดนอะไรหนักๆนะครับ ขึ้นเหนือล่องใต้ไปมาหมด ส่วนต่างค่าน้ำมันกับเบนซินคงดาวน์รถได้อีกคันล่ะครับ 555
-
คนไทยยังติดภาพ ดีเซลประหยัด เติมถูก แต่ลืมดูค่าบำรุงรักษา คือ แม่มแพงนะครับ ซับซ้อน อีกไม่กี่ปี มันก้จบแล้วครับไปต่อไม่ได้จริงๆ มลพิษ กดไม่ไหว
ผมเสียค่าซ่อมเครื่อง 1KD-FTV 3.0 ดีเซลใน Fortuner ไป ตามรายการดังนี้
1. เทอร์โบซ่อม 15,000
2. อินเตอร์ของเทียมไต้หวัน 3,200
3. หัวฉีดดีเซล ซ่อมเปลี่ยนปลาย 17,900
4. ล้างท่อไอดี เปลี่ยน EGR (พัง ) เปลี่ยนกรองแวคคั่มแตก 17,000
5. เปลี่ยนฝาครอบวาล์ว ( แตก) 2,500
6. เปลี่ยนยางฝาครอบวาล์วยางรองหัวฉีด 2,200
7. โอเวอร์ฮอลเครื่องเนื่องจากฝักบัวน้ำมันเครื่องตัน อันเป็นจุดอ่อนของรุ่นนี้ที่เริ่มเข้าคิวซ่อมกันเยอะ ค่าซ่อม 7x,xxx บาท
รวม ๆ จ่ายไปเฉพาะซ่อมเครื่อง 1 แสนต้น ๆ ส่วนตัวเลยเข็ดขยาดที่จะใช้เครื่องดีเซลคอมมอนเรลต่อ โดยเฉพาะเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ยิ่งระบบซับซ้อนยิ่งแพง ตอนนี้หันมาใช้รถ ISUZU มังกรทอง 2.5 DI 90 แรงม้า รถอายุ30 ปีที่แล้วทนทานประหยัดซ่อมถูก ไม่มีปัญหาจุกจิก
ผมกลับดีใจแทน ถ้าซ่อมตามรายการนี้ แล้วเสียเงินแค่นี้
เพราะรายการที่ไล่ๆ มารถเบนซิน หรือ ดีเซล คันอื่น ก็มีชิ้นส่วนแบบนี้พอๆ กัน ไม่ได้เกี่ยวกับดีเซล หรือ เบนซินเลยครับ
บางคัน บางยี่ห้อ แค่เทอร์โบ ก็เกือบแสนแล้วครับ บอกไว้ก่อน
เทอร์โบถ้าเบิกศูนย์ TOYOTA ราว 6x,xxx-7x,xxx บาท(ผมดูราคาในกลุ่ม face ) ผมเลือกซ่อมเอาข้างนอกในกลุ่ม face Fortuner นี่ละ
อินเตอร์เอาของเทียบไต้หวัน เพราะเบิกแท้จำราคาไม่ได้แต่สูงเอาการ
ชุดซ่อมเครื่องเบิกแท้จากศูนย์หมด แต่ช่างใน Face กลุ่ม Fortuner เป็นคนทำ
อะไหล่ Fortuner มีเยอะให้เลือกราคาไม่แพง แต่ค่าซ่อมดีเซลทำทั้งหมด นี่แพงแน่ ๆ จะเป็นลม ตอนนี้เลยไม่อยากกลับไปใช้ดีเซลคอมมอนเรลอีกละ ซื้อ ISUZU มังกรทอง 2.5 DI 90 แรงม้า มาใช้แทนสบายใจ
ปล ไม่ได้แปลกใจเลยว่าทำไมอู่ในคลับส่วนใหญ่เชียร์ให้ซื้อ ดีเซล รถซ่อมเต็มอู่เลย ดีเซลถึงเวลามันต้องซ่อม ( เยอะ ) ช่างได้งานได้กำไรเต็ม ๆ ทำกันจนคุ้นมือ เบนซินงานน้อยกว่าพื้นฐานซ่อมน้อยกว่า ได้กำไรน้อยกว่า
-
ผมเพิ่มเติมอีกนิด เผื่อพอเปรียบทียบค่าซ่อมกันได้ ในรถรุ่นเดียวกัน Fortuner เฉพาะเครื่องยนต์ เบนซิน VS ดีเซล
ก่อนหน้านี้ผมใช้ Fortuner 2.7 เบนซินติดแก๊สอยู่ ถึงเวลาซ่อมเนื่องจากบ่าวาล์วพัง ประเก็นฝาสูบแตก ช่างอู่แถวบ้านโอเวอร์ฮอลเครื่องยนต์เบนซินหมดเงินไป 25,000 บาท ส่วนดีเซลโอเวอร์ฮอล 7x,xxx บาท
เทียบราคาซ่อม เบนซิน VS ดีเซล
โอเวอร์ฮอล 25,000 บาท : ส่วนดีเซลโอเวอร์ฮอล 7x,xxx บาท
ทำอู่แถวบ้านได้ พื้นฐานไม่ซับซ้อน : ไปหาอู่ในคลับหรืออู่เฉพาะทางที่ทำบ่อย ๆ ไม่งั้นไม่จบ
หัวฉีดเบนซินล้างเทสต์ 1พันกว่าบาท : หัวฉีดดีเซล 1x,xxx บาท ต่างกันเกิน10เท่า
เบนซินไม่มีเทอร์โบ อินเตอร์ให้ซ่อม : ดีเซลมีเทอร์โบ อินเตอร์ให้ซ่อม แน่ ๆ ราคาแล้วแต่รถรุ่นไหน แต่แพงแน่ ๆ กำเงินหมื่นแสนได้เลย
-
ดีเซล ไม่ว่าญี่ปุ่น หรือยุโรป ซ่อมแพงกว่าเบนซิน เห็นๆ ประหยัดตรงน้ำมันแต่ไปแพงตอนซ่อม
-
ผมว่า CRV Diesel ประสิทธิภาพมันกลางๆหมด ความแรงมันไม่แรงเลย จะประหยัดก็ไม่ประหยัดมาก เลยไม่น่าสนใจครับ