Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: stm ที่ สิงหาคม 18, 2022, 15:20:48
-
ใช้ ซีวิค 1.5 Turbo rs มา4ปี ตอนนี้อยากเปลี่ยนรถที่คาดหวังว่าจะดูหรูกว่า ขับดีกว่า เก็บเสียงดีกว่า
(ซีวิคผมว่าเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสารดังมากเมื่อเทียบกับปาเจโร่สปอร์ต) โดยผมมองๆ BMW 320 D G20 มือสอง ปี 2020 อยู่ ท่านใดเคยขับทั้งสองรุ่นนี้ ผมรบกวนขอข้อมูลหน่อยนะครับ ทั้งนี้เข้าใจว่าค่าซ่อมบำรุงคงต่างกันพอสมควร
-
ผมว่าไป 330e ดีกว่าครับ
-
320dตัวg20ใช้เครื่องB47D20มันพัฒนามานานตั้งแต่ปี2015ใช้ในรถโคตรหลายรุ่นมากๆของบีเอ็มถึงมินิ
ปัญหาน้อย ซ่อมง่าย ช่างเป็นมีเยอะ เป็นเครื่องระดับGodTierของค่ายไปแล้วครับ ประหยัดและอัตราเร่งดี(จูนต่อได้อีกเยอะ)
เออ 320d เก็บเสียงดีกว่า330eครับ ซัฟรูฟกระจกมีเสียงลมนิดนึงให้รู้สึกตอนวิ่งเร็วๆ
เครื่องตัวนี้มันทำต่อได้ไกลและทนมาก
stage1-2 ถ้าเจอช่างเทพๆก็รีเมตหรือเอาง่ายๆพ่วงกล่อง,กรองแผ่นbmcหรือเปลือยงานหยุ่นก็เสียงดูดดี
ตัดหม้อกรองตัดcatทำเฮดเดอร์ใหม่ต่อตรงไอเสีย,เปลี่ยนหัวเทียนแต่ง,อินเตอร์คูลใหม่
stage3ก็ยุ่งกับพวกงานคุมแรงอัด แคมชาร์ฟ ฝาสูบ ลูกสูบ หัวฉีดน้ำมัน เปลี่ยนเทอร์โบใหม่
เอาแค่ขับใช้งาน ซิ่งบ้าง เก เร บ้าง สเตจ1แล้วจูนเกียร์ใหม่ เร่งแซงมั่นใจอย่างกับc350e-c300e กดโหมดสปอร์ต
แต่ตั้งแต่140ขึ้นไปคุณเร่งตามพวกมันไม่ทันหรอก ปล่อยเบนส์ไป เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้บิ้วรถสายท๊อปสปิดแค่ใช้วิ่งทุกวัน 8)
ปล. แค่ปจบ.เครื่องB47ดีเซลมันใกล้ตกยุคเพราะการมาของรถเสียบปลั๊กเบนซินไฟฟ้า(ไม่นับEVในรถสมรรถนะสูงของค่ายต่างๆนะ คนละตลาด)
ที่แรงดึงดึงตัวโยกกว่าช่วงต้นและความเร็วปลายก็พุ่งไหลเร็วกว่าเยอะ ยังไม่ได้จูนนะเออ
-
นั่นแหละครับ ถ้ารับได้กับค่าซ่อมบำรุง ก็จัดไป รถขับสนุก อัตราเร่งดีแถมประหยัดสุดๆ
ส่วนผมเอง ถึงจะพอรับได้ แต่ก็คิดว่า เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า
ปกติ ผมตั้งงบเที่ยวตปท.ไว้ปีละ 1-2แสน
ช่วงโควิดที่ผ่านมา ไม่ได้เที่ยวต่างประเทศก็จริง แต่กลายเป็นว่า ต้องเอาเงินส่วนนั้นครึ่งนึงมาดูและเจ้า r60 ที่เริ่มเสื่อมสภาพ
Honda Freed ที่ใช้ประจำ ทำช่วงล่างเต็มระบบ ยังไม่เท่ากับ High Pressure ตัวเดียวของ r60 เลย
อนาคตยังมีปั๊มติ๊ก ปั๊มน้ำที่ถึงอายุมันแล้ว ปล่อยๆไปออกรถญี่ปุ่นป้ายแดงใช้ยาวๆอีก 6-7ปีดีกว่า ><
-
ค่าซ่อมบำรุง ถ้ายังมี BSI กับ Waranty ก็เบาไปได้ส่วนนึง
แต่อย่าลืมค่าประกันที่ห่างจาก Civic พอสมควร
ส่วนพวกของแต่งก็ตามราคารถเลยครับ
-
320dตัวg20ใช้เครื่องB47D20มันพัฒนามานานตั้งแต่ปี2015ใช้ในรถโคตรหลายรุ่นมากๆของบีเอ็มถึงมินิ
ปัญหาน้อย ซ่อมง่าย ช่างเป็นมีเยอะ เป็นเครื่องระดับGodTierของค่ายไปแล้วครับ ประหยัดและอัตราเร่งดี(จูนต่อได้อีกเยอะ)
เออ 320d เก็บเสียงดีกว่า330eครับ ซัฟรูฟกระจกมีเสียงลมนิดนึงให้รู้สึกตอนวิ่งเร็วๆ
เครื่องตัวนี้มันทำต่อได้ไกลและทนมาก
stage1-2 ถ้าเจอช่างเทพๆก็รีเมตหรือเอาง่ายๆพ่วงกล่อง,กรองแผ่นbmcหรือเปลือยงานหยุ่นก็เสียงดูดดี
ตัดหม้อกรองตัดcatทำเฮดเดอร์ใหม่ต่อตรงไอเสีย,เปลี่ยนหัวเทียนแต่ง,อินเตอร์คูลใหม่
stage3ก็ยุ่งกับพวกงานคุมแรงอัด แคมชาร์ฟ ฝาสูบ ลูกสูบ หัวฉีดน้ำมัน เปลี่ยนเทอร์โบใหม่
เอาแค่ขับใช้งาน ซิ่งบ้าง เก เร บ้าง สเตจ1แล้วจูนเกียร์ใหม่ เร่งแซงมั่นใจอย่างกับc350e-c300e กดโหมดสปอร์ต
แต่ตั้งแต่140ขึ้นไปคุณเร่งตามพวกมันไม่ทันหรอก ปล่อยเบนส์ไป เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้บิ้วรถสายท๊อปสปิดแค่ใช้วิ่งทุกวัน 8)
ปล. แค่ปจบ.เครื่องB47ดีเซลมันใกล้ตกยุคเพราะการมาของรถเสียบปลั๊กเบนซินไฟฟ้า(ไม่นับEVในรถสมรรถนะสูงของค่ายต่างๆนะ คนละตลาด)
ที่แรงดึงดึงตัวโยกกว่าช่วงต้นและความเร็วปลายก็พุ่งไหลเร็วกว่าเยอะ ยังไม่ได้จูนนะเออ
ขอบคุณครับ คงไม่แต่งอะไรเพิ่มครับ แค่ใช้งานประจำวัน
-
นั่นแหละครับ ถ้ารับได้กับค่าซ่อมบำรุง ก็จัดไป รถขับสนุก อัตราเร่งดีแถมประหยัดสุดๆ
ส่วนผมเอง ถึงจะพอรับได้ แต่ก็คิดว่า เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า
ปกติ ผมตั้งงบเที่ยวตปท.ไว้ปีละ 1-2แสน
ช่วงโควิดที่ผ่านมา ไม่ได้เที่ยวต่างประเทศก็จริง แต่กลายเป็นว่า ต้องเอาเงินส่วนนั้นครึ่งนึงมาดูและเจ้า r60 ที่เริ่มเสื่อมสภาพ
Honda Freed ที่ใช้ประจำ ทำช่วงล่างเต็มระบบ ยังไม่เท่ากับ High Pressure ตัวเดียวของ r60 เลย
อนาคตยังมีปั๊มติ๊ก ปั๊มน้ำที่ถึงอายุมันแล้ว ปล่อยๆไปออกรถญี่ปุ่นป้ายแดงใช้ยาวๆอีก 6-7ปีดีกว่า ><
ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล อ่านแล้วช่วยลดความอยากลงไปพอควรเลยครับ :-X
-
ค่าซ่อมบำรุง ถ้ายังมี BSI กับ Waranty ก็เบาไปได้ส่วนนึง
แต่อย่าลืมค่าประกันที่ห่างจาก Civic พอสมควร
ส่วนพวกของแต่งก็ตามราคารถเลยครับ
ขอบคุณครับ
-
ตอนนี้ใช้ f30 320d มาห้าปี ก็ดีนะครับ ยังไม่มีซ่อมอะไร นอกจาก sensor abs 2 ตัว
เคยดูๆ ราคาซ่อมไว้ ก็ไม่แพงมาก แต่ก็แพงกว่ารถญี่ปุ่นอยู่แล้ว
คงใช้ต่อยาวๆ จนกว่าจะเบื่อ หรือซ่อมจุกจิก
ถ้าเทียบกับ civic fc
bm ก็ขับสนุกกว่า อาจจะไม่ได้แรงกว่า แต่เพียงพอกับชีวิตประจำวัน ถ้าไม่ได้ตั้งใจไปแข่งกับใคร
ที่สำคัญประหยัดมาก วิ่งทางไกลยืนพื้น 120 km/hr กินน้ำมัน 20-21 km/l
-
หาตัวที่ BSI กับ Warranty ตัวรถยังเหลือ และเลขไมล์ไม่เยอะ
ไว้กันเหนียวเพื่อความสบายใจในระหว่างการใช้งาน
แต่พอหมดทั้ง 2 อย่างแล้ว อาจจะคิดถึงรถคันเก่าขึ้นมาก็ได้ครับ
-
ถ้ารับได้กับความกระชากไม่สมูทแล้วก็เสียงของดีเซล
ผมว่าเครื่องมันพิสูจน์ตัวเองมาเยอะแล้วครับ ทนและประหยัด
BMW ถึงจับใส่ในหลายรุ่นมากๆ
แต่จะมาแชร์ว่ารถภรรยา 320i F30 ขายไปแล้วเมื่อตอนอายุ6ปีเพราะทนกลิ่นเบาะไม่ไหว
ทำสารพัดอย่างก็ไม่หาย เหม็นติดเสื้อผ้าเลยครับ เคยอ่านในเน็ตก็เจอเป็นกันหลายคัน
ไม่แน่ใจว่า G20 จะมีโอกาสเจอมากน้อยแค่ไหนนะครับ
รถปี 2020 BSI ยังไม่หมดทาง BMW จะมีตัวเลือกให้เราซื้อ BSI เพิ่มได้ครับ แต่จำไม่ได้ว่าได้สูงสุดกี่ปีนะครับ
-
ต้องเติมดีเซลพรีเมี่ยมหรือเปล่าครับ น้ำมันแพงนะครับ
-
เรื่องซ่อมบำรุงไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะมีBSI+Waranty ถ้าได้รถปี2020 อย่างน้อยก็ไม่ต้องจ่ายถึงปี 2025 ถ้าวิ่งไม่เกินแสนโล
ช่วงใกล้หมดwaranty ก็ส่งเคลมใหญ่ ใช้ได้อีกยาว
ค่าดูแลรถคิดว่าแพงกว่า Hond แต่ถูกกว่า Mazd ครับ
ป.1 ปีละ 35-40k
-
เชียร์ไป330eครับ
320dมันส์ไม่สุดครับ
เลือกbisเหลือยาวๆลดความน่าปวดหะวไปได้เยอะครับ
-
ถ้ารับได้กับความกระชากไม่สมูทแล้วก็เสียงของดีเซล
ผมว่าเครื่องมันพิสูจน์ตัวเองมาเยอะแล้วครับ ทนและประหยัด
BMW ถึงจับใส่ในหลายรุ่นมากๆ
แต่จะมาแชร์ว่ารถภรรยา 320i F30 ขายไปแล้วเมื่อตอนอายุ6ปีเพราะทนกลิ่นเบาะไม่ไหว
ทำสารพัดอย่างก็ไม่หาย เหม็นติดเสื้อผ้าเลยครับ เคยอ่านในเน็ตก็เจอเป็นกันหลายคัน
ไม่แน่ใจว่า G20 จะมีโอกาสเจอมากน้อยแค่ไหนนะครับ
รถปี 2020 BSI ยังไม่หมดทาง BMW จะมีตัวเลือกให้เราซื้อ BSI เพิ่มได้ครับ แต่จำไม่ได้ว่าได้สูงสุดกี่ปีนะครับ
กลิ่นเบาะที่ว่า กลิ่นแบบไหนครับ f30 ผมก็หลายปีแล้วยังไม่มีกลิ่นเลยครับ แต่รถผมอบ โอโซน กับพ่นฆ่าเชื่้อ ทุกครั้งที่ไปล้างรถครับ
-
แฟนบีเอ็มเหมือนกันนะครับ
ถ้ากรณีนี้ขับ civic turbo rs มาแล้ว 4 ปี แสดงว่าใช้ตั้งแต่ป้ายแดง ด้วยความเป็นรถใหม่ป้ายแดงใช้เองมาตลอดเป็นผม ผมใช้ civic ต่อครับ ถ้าอยากขับ bm จริงๆ รอให้คัน civic เก่าๆหน่อยสัก 7-8 ปี แล้วค่อยไปเอา bm ก็ได้ครับ bm ตอนนั้นราคาก็จะลงมาให้สัมผัสได้ง่ายขึ้นอีกครับ
อีกอย่างพอนานๆเข้า ช่างซ่อม bm พอรถเริ่มนาน อาการเสียต่างๆ ช่างก็จะเจอกันเยอะขึ้น พอถึงเราก็จะสบายขึ้นมาหน่อยครับ ไม่ต้องไปงมหากันเหมือนตอนรถใหม่ๆ
ของผมเองซื้อมือสองตกรุ่นสองปี ทั้งช่างในศูนย์ช่างนอกศูนย์ ตอนนั้นยังรู้อาการรถไม่หมดเลยครับ มีอยู่อาการนึง ต้องงมกันไปเปลี่ยนอะไหล่ไปเรื่อยๆ กว่าจะเจอก็หลายบาทอยู่ แต่ตัวที่สร้างเหตุจริงๆค่าอะไหล่แค่ 2 พันบาท 555 รถใหม่ๆปล่อยให้เขาลองกันไปก่อนจะดีกว่าครับ
-
ส่วนตัวผมจะยังหลีกความจุกจิก แล้วไปหาวิธีตอบโจทย์เรื่องเสียงที่คันเดิม จะแดมป์จะอะไรก็ว่าไป รถเราเองอยู่แล้ว :-X
-
ถ้ารับได้กับความกระชากไม่สมูทแล้วก็เสียงของดีเซล
ผมว่าเครื่องมันพิสูจน์ตัวเองมาเยอะแล้วครับ ทนและประหยัด
BMW ถึงจับใส่ในหลายรุ่นมากๆ
แต่จะมาแชร์ว่ารถภรรยา 320i F30 ขายไปแล้วเมื่อตอนอายุ6ปีเพราะทนกลิ่นเบาะไม่ไหว
ทำสารพัดอย่างก็ไม่หาย เหม็นติดเสื้อผ้าเลยครับ เคยอ่านในเน็ตก็เจอเป็นกันหลายคัน
ไม่แน่ใจว่า G20 จะมีโอกาสเจอมากน้อยแค่ไหนนะครับ
รถปี 2020 BSI ยังไม่หมดทาง BMW จะมีตัวเลือกให้เราซื้อ BSI เพิ่มได้ครับ แต่จำไม่ได้ว่าได้สูงสุดกี่ปีนะครับ
กลิ่นเบาะที่ว่า กลิ่นแบบไหนครับ f30 ผมก็หลายปีแล้วยังไม่มีกลิ่นเลยครับ แต่รถผมอบ โอโซน กับพ่นฆ่าเชื่้อ ทุกครั้งที่ไปล้างรถครับ
ผมก็อธิบายไม่ถูกครับ เหมือนกลิ่นหนังเก่าครับ ผมก็อบโอโซนตลอดครับ
แอร์ก็ล้าง ดูแลดีทุกอย่าง สุดท้ายภรรยาขอว่าเค้าขับไม่ไหวขอให้ซื้อให้ไหม่เถอะ ถึงจะนานๆใช้รถที
แต่ขับทีไรก็เหม็นทุกที มันจะแบบว่าตอนเปิดเข้าไปนั่งกลิ่นมันจะแรงหน่อย
นั่งไปซักพักมันก็จะชิน(แต่กลิ่นก็ยังอยู่)เหมือนแบบกลิ่นเบาะเบนซ์อายุ20ปีประมาณนั้นครับ
-
ภาพรวมผมว่า civic turbo rs ขับดีกว่านะครับ เท่าที่ลองไวๆ
320d มีความกระชากไม่สมูตมากๆ ช่วงล่างดีกว่า f30 เยอะจริง ถ้าไม่ได้ขับซิ่งขับมุด ถือว่าเพียงพอแล้วครับ
กลิ่นเบาะแบบความเห็นบนผมไม่เจอนะ ไม่ได้อบ ozone ด้วยลากปกติบ้านๆเลย
ค่าบำรุงรักษาก็ต้องยอมรับว่าแพงกว่า ญี่ปุ่น 2-4 เท่า ทุกๆอย่างที่เป็น ค่าใช้จ่ายรถ ตั้งแต่ผ่อน ยัน ประกันเลย
ถ้าไหวก็น่าลองครับ ดีเซลปัญหาน้อยมาแต่ไหนแต่ไรตอน n47 มีเรื่องสายพานแต่เอาจิงๆยกเครื่องซ่อมกันได้ b47 นิก็ใช้กันมานาน แล้วที่บอกยกเครื่องก็ใช่ว่าจะเสียกันง่ายๆครับ แสนกลางๆกันทั้งนั้น
ต้องเติมดีเซลพรีเมี่ยมหรือเปล่าครับ น้ำมันแพงนะครับ
ตอนผมใช้ f30 ก็เติมแต่ดีเซลปกตินะครับ ปตทบ้าง บางจากบ้าง โรงกลั่นเดียวกัน วิ่ง 160k เรื่องเครื่องยังไม่มีงอแงครับ นอกจากเสียงดัง เวลาลืมปิด auto start stop ก็สั่นพอควร
-
ใช้ BMW อยู่
แต่โจทย์นี้ ไม่มีเหตุผลต้องเลือก 320d เลย นอกซะจากเหตุผลเดียว คือ อยากได้ BMW ถ้างั้นจัดได้เลย
กรณีซื้อรถติด BSI มาก็ดี อุ่นใจ แต่อย่าลืมว่า ถ้าหมด BSI ไปแล้ว ถ้าคิดจะเอามาใช้แล้วขายต่อ ราคาก็ลงเยอะเหมือนกันครับ
ซื้อรถ อย่ามองแค่ราคาครับ มองเรื่องค่าบำรุงรักษา รวมไปถึงประกันภัย และ อื่นๆ ด้วย
เป็นผมคงซื้อ Civic และใช้ไปยาวๆ ได้อีกหลายปีเลย
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ :-*
-
เรื่องกลิ่น มันเป็น กลิ่นเอกลักษณ์ของ bmw เค้าหรือป่าว แล้วไม่ชินน่ะครับ จริงๆรถแต่ละรุ่น มันมีกลิ่นเฉพาะตัวของเค้า เพียงแต่ถ้ารถยุโรป เค้าจะทำให้กลิ่นเหมือนกัน คล้ายๆในยี่ห้อเดียวกัน เอาว่า เปิดประตูมาได้กลิ่นบอกได้เลยว่า เบนซ์ หรือ บีเอ็ม
กับอีกอัน ที่เจอในพวก Ford อายุเยอะคือ วัสดุซับเสียงใต้พรม มันเสื่อมสภาพ และ ส่งกลิ่น อันนี้ต้องรื้อทิ้ง แล้ว damp แทนก็ได้ครับ
-
มันเริ่มมีกลิ่นที่ว่าตอนเข้าปีที่6ครับ ก่อนหน้านั้นก็กลิ่น bmw หอมๆปกติชินแล้วครับเพราะใช้มาหลายคัน
คันก่อนหน้ามี z4 e89 ใช้จนถึง6ปีแล้วขายก็ไม่มีกลิ่นครับ
ตอนนี้มีคันที่เริ่มมีอายุก็ 530e pre-LCI เข้าปีที่5 ก็ยังเป็นกลิ่น bmw ปกติ
เคยอ่านเจอมีคนบอกว่าเกิดจาก firewall เสื่อมเลยมีกลิ่น ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ
แต่ภรรยาผมเคยถึงขั้นเอาใบเตยไปใส่ในรถเลยนะครับ(น้ำหอมเอาไม่อยู่) กลิ่นยิ่งตีกันใหญ่เลย55
-
320d g20 เคยไปขับแล้วรู้สึกถ้าใช้ทุกวันจะไส้เลื่อนเอาครับ มันเด้งมากเลย
-
ถ้าเงินถึงก็เปลี่ยนได้ครับ Civic Turbo สำหรับผมไม่ได้ขับดีอะไรขนาดนั้น
แต่ถ้าขับรถเบนซินเทอร์โบมา ผมแนะนำไป 330e ดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องปรับตัวเยอะ
-
ถ้ารับได้กับความกระชากไม่สมูทแล้วก็เสียงของดีเซล
ผมว่าเครื่องมันพิสูจน์ตัวเองมาเยอะแล้วครับ ทนและประหยัด
BMW ถึงจับใส่ในหลายรุ่นมากๆ
แต่จะมาแชร์ว่ารถภรรยา 320i F30 ขายไปแล้วเมื่อตอนอายุ6ปีเพราะทนกลิ่นเบาะไม่ไหว
ทำสารพัดอย่างก็ไม่หาย เหม็นติดเสื้อผ้าเลยครับ เคยอ่านในเน็ตก็เจอเป็นกันหลายคัน
ไม่แน่ใจว่า G20 จะมีโอกาสเจอมากน้อยแค่ไหนนะครับ
รถปี 2020 BSI ยังไม่หมดทาง BMW จะมีตัวเลือกให้เราซื้อ BSI เพิ่มได้ครับ แต่จำไม่ได้ว่าได้สูงสุดกี่ปีนะครับ
กลิ่นเบาะที่ว่า กลิ่นแบบไหนครับ f30 ผมก็หลายปีแล้วยังไม่มีกลิ่นเลยครับ แต่รถผมอบ โอโซน กับพ่นฆ่าเชื่้อ ทุกครั้งที่ไปล้างรถครับ
ผมก็อธิบายไม่ถูกครับ เหมือนกลิ่นหนังเก่าครับ ผมก็อบโอโซนตลอดครับ
แอร์ก็ล้าง ดูแลดีทุกอย่าง สุดท้ายภรรยาขอว่าเค้าขับไม่ไหวขอให้ซื้อให้ไหม่เถอะ ถึงจะนานๆใช้รถที
แต่ขับทีไรก็เหม็นทุกที มันจะแบบว่าตอนเปิดเข้าไปนั่งกลิ่นมันจะแรงหน่อย
นั่งไปซักพักมันก็จะชิน(แต่กลิ่นก็ยังอยู่)เหมือนแบบกลิ่นเบาะเบนซ์อายุ20ปีประมาณนั้นครับ
ลองเปลี่ยน กรองแอร์ หรือยังครับ
E coupe ผมก็เป็น เป็นกรองแอร์ Mahle รุ่นที่ กำจัดกลิ่น หายเลยครับ
-
ถ้ารับได้กับความกระชากไม่สมูทแล้วก็เสียงของดีเซล
ผมว่าเครื่องมันพิสูจน์ตัวเองมาเยอะแล้วครับ ทนและประหยัด
BMW ถึงจับใส่ในหลายรุ่นมากๆ
แต่จะมาแชร์ว่ารถภรรยา 320i F30 ขายไปแล้วเมื่อตอนอายุ6ปีเพราะทนกลิ่นเบาะไม่ไหว
ทำสารพัดอย่างก็ไม่หาย เหม็นติดเสื้อผ้าเลยครับ เคยอ่านในเน็ตก็เจอเป็นกันหลายคัน
ไม่แน่ใจว่า G20 จะมีโอกาสเจอมากน้อยแค่ไหนนะครับ
รถปี 2020 BSI ยังไม่หมดทาง BMW จะมีตัวเลือกให้เราซื้อ BSI เพิ่มได้ครับ แต่จำไม่ได้ว่าได้สูงสุดกี่ปีนะครับ
กลิ่นเบาะที่ว่า กลิ่นแบบไหนครับ f30 ผมก็หลายปีแล้วยังไม่มีกลิ่นเลยครับ แต่รถผมอบ โอโซน กับพ่นฆ่าเชื่้อ ทุกครั้งที่ไปล้างรถครับ
ผมก็อธิบายไม่ถูกครับ เหมือนกลิ่นหนังเก่าครับ ผมก็อบโอโซนตลอดครับ
แอร์ก็ล้าง ดูแลดีทุกอย่าง สุดท้ายภรรยาขอว่าเค้าขับไม่ไหวขอให้ซื้อให้ไหม่เถอะ ถึงจะนานๆใช้รถที
แต่ขับทีไรก็เหม็นทุกที มันจะแบบว่าตอนเปิดเข้าไปนั่งกลิ่นมันจะแรงหน่อย
นั่งไปซักพักมันก็จะชิน(แต่กลิ่นก็ยังอยู่)เหมือนแบบกลิ่นเบาะเบนซ์อายุ20ปีประมาณนั้นครับ
ลองเปลี่ยน กรองแอร์ หรือยังครับ
E coupe ผมก็เป็น เป็นกรองแอร์ Mahle รุ่นที่ กำจัดกลิ่น หายเลยครับ
เปลี่ยนทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้วครับ
สุดท้ายต้องเปลี่ยนรถเลยครับถึงหาย ;D
-
คันตรงไหนเกามให้ถูกที่ครับ งั้นไม่จบแน่ๆ
ผมว่าเลือก 320d ไปเลยครับ ถ้าอยากอัพเกรด ก็ดีกว่า CIVIC ทุกอย่างเลยครับ ซื้อ BSI 5 ปี 100K ไปเลยครับ ผมเชื่อว่าจะชอบ BMW ครับ ช่วงล่างดี ขับสนุก เท่ห์ ครับ ไม่มีอะไรพังง่ายๆอยู่แล้วใช้ 6-7 ปีครับ จัดไปเลยครับ
-
อ่านความเห็นทั้งหมดสรุปว่า ยังตัดสินใจไม่ได้ครับ ประมาณว่าดีจริงแต่แพงนะ จะไหวไหม คุ้มค่าทางใจมากกว่า
คุ้มค่าเงิน ประมาณนั้น ไอ้ผมก็เป็นคนคิดมาก บางทีก็คิดแบบ เออเอาก็เอาวะ อีกทีนึงก็ เห้ยมันไม่คุ้มหรอก เงิน
มันหายากนะ แล้วดันมีตัวเลือกโผล่มาอีก คือแรพเตอร์ใหม่ตัวแรง ราคาพอๆกับ 320 d ซะด้วย นี่ก็อยากได้นะแต่
ตรงข้ามบีเอ็ม ตัวนึงค่าน้ำมันถูกแต่ซ่อมแพง แต่อีกตัวค่าน้ำมันแพงซ่อมถูก เอาไงดีหว่า:-X
ปล.ผมอยู่ ตจว. ใช้รถแบบไหนก็ได้ ไม่จำกัด
-
อ่านความเห็นทั้งหมดสรุปว่า ยังตัดสินใจไม่ได้ครับ ประมาณว่าดีจริงแต่แพงนะ จะไหวไหม คุ้มค่าทางใจมากกว่า
คุ้มค่าเงิน ประมาณนั้น ไอ้ผมก็เป็นคนคิดมาก บางทีก็คิดแบบ เออเอาก็เอาวะ อีกทีนึงก็ เห้ยมันไม่คุ้มหรอก เงิน
มันหายากนะ แล้วดันมีตัวเลือกโผล่มาอีก คือแรพเตอร์ใหม่ตัวแรง ราคาพอๆกับ 320 d ซะด้วย นี่ก็อยากได้นะแต่
ตรงข้ามบีเอ็ม ตัวนึงค่าน้ำมันถูกแต่ซ่อมแพง แต่อีกตัวค่าน้ำมันแพงซ่อมถูก เอาไงดีหว่า:-X
ปล.ผมอยู่ ตจว. ใช้รถแบบไหนก็ได้ ไม่จำกัด
raptor ไม่ใช่รถที่ซ่อมถูกนะครับ ค่าอะไหล่บางตัวถ้าเข้าศูนย์นี่แพงน้องๆบีเอ็มเลย อันนี้ว่ากันที่ตัวที่แล้วนะครับ ตัวใหม่ยังไงผมก็มองว่าแพงยิ่งกว่าเก่า รถขับดีมากๆ แค่ตัวเก่าคือถูกใจทุกคน แต่ตอนนี้ระยะถึงแสนกว่ากันบ้าง ขายทิ้งกันหลายคนละครับในกลุ่มพ่อเพื่อน อายุมันได้ เริ่มพลาสติกกรอบแบบงงๆมา ตัดใจขายกันก่อนเปิดตัวไม่นานนี่เอง แต่ก็ยังมารอตัวใหม่ดีเซลกันเหมือนเดิม รอลุ้นว่าจะมีมั้ย กับอีกเรื่องคือ ช่องจอดรถลำบากมาก เข้าตลาดยังเบื่อเลย แต่เดินทางเที่ยวนี่แฮปปี้กันสุดๆ
-
อ่านความเห็นทั้งหมดสรุปว่า ยังตัดสินใจไม่ได้ครับ ประมาณว่าดีจริงแต่แพงนะ จะไหวไหม คุ้มค่าทางใจมากกว่า
คุ้มค่าเงิน ประมาณนั้น ไอ้ผมก็เป็นคนคิดมาก บางทีก็คิดแบบ เออเอาก็เอาวะ อีกทีนึงก็ เห้ยมันไม่คุ้มหรอก เงิน
มันหายากนะ แล้วดันมีตัวเลือกโผล่มาอีก คือแรพเตอร์ใหม่ตัวแรง ราคาพอๆกับ 320 d ซะด้วย นี่ก็อยากได้นะแต่
ตรงข้ามบีเอ็ม ตัวนึงค่าน้ำมันถูกแต่ซ่อมแพง แต่อีกตัวค่าน้ำมันแพงซ่อมถูก เอาไงดีหว่า:-X
ปล.ผมอยู่ ตจว. ใช้รถแบบไหนก็ได้ ไม่จำกัด
raptor ไม่ใช่รถที่ซ่อมถูกนะครับ ค่าอะไหล่บางตัวถ้าเข้าศูนย์นี่แพงน้องๆบีเอ็มเลย อันนี้ว่ากันที่ตัวที่แล้วนะครับ ตัวใหม่ยังไงผมก็มองว่าแพงยิ่งกว่าเก่า รถขับดีมากๆ แค่ตัวเก่าคือถูกใจทุกคน แต่ตอนนี้ระยะถึงแสนกว่ากันบ้าง ขายทิ้งกันหลายคนละครับในกลุ่มพ่อเพื่อน อายุมันได้ เริ่มพลาสติกกรอบแบบงงๆมา ตัดใจขายกันก่อนเปิดตัวไม่นานนี่เอง แต่ก็ยังมารอตัวใหม่ดีเซลกันเหมือนเดิม รอลุ้นว่าจะมีมั้ย กับอีกเรื่องคือ ช่องจอดรถลำบากมาก เข้าตลาดยังเบื่อเลย แต่เดินทางเที่ยวนี่แฮปปี้กันสุดๆ
โอ้.. ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
-
เปลี่ยนเลยครับ g20 ขับสนุกกว่า civic เยอะครับ
อย่างน้อยไปขอลอง test drive จะได้ feeling ความแตกต่างก่อนตัดสินใจก็ยังดีครับ
-
รถใหม่ขนาดนี้ไม่น่าต้องห่วงเรื่องซ่อม ถ้าเงินพอ+มีเงินจ่ายค่าประกันปีละ40-50k(ซึ่งเดี๋ยวนี้ผ่อน0%ได้เยอะแยะ)ผมว่าซื้อไปเถอะครับ
คุณค่าทางใจที่ได้มันมากพอ เราจะรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย อยากขับรถไปที่ต่างๆ มีความสุขทุกครั้งที่ได้มอง แค่นั้นสำหรับผมผมว่าคุ้มครับ