Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: solo ที่ กันยายน 15, 2022, 20:21:10
-
https://www.headlightmag.com/2022-09-15-toyot-prius-court-decision/
-
อยากรู้จังว่า ตอนนั้น เค้านำเข้ามานี่ รถอยู่ในสภาพไหน เหมือนว่า ประกอบมาเป็นคันละ อาจจะเหลือแค่ใส่อุปกรณ์บางอย่างหรือป่าว
-
ตามหลักงบเค้าหยอดก็เป็นปีๆครับ cost ratio ตามยอดขาย
ระยะสั้นลดต้นทุนลงผมว่าคงไม่น่า นอกจากร้อนเงินจริงๆจนไปทะยอยตัดออกทีละนิดจากพวก my ที่ควรจะให้ 10ชิ้นเหลือ 8 ชิ้น อะไรแบบนี้
แต่โดยปกติของบริษัทมหาชน ทุนหนาๆทั่วๆไป งบการฟ้องแพ้ชนะมันอยู่ฝั่ง legal ไม่ใช่ pd หรือ mkt นะ คงแค่มีเลขติดลบเฉยๆ เพราะการตัดอุปกรณ์ส่งผลต่อยอดขาย ซึ่งยอดขายสำคัญไม่แพ้กำไรแน่ๆครับ
ผมว่าเค้าคงไม่ทำ
-
ขึ้นราคาอะไหล่สิ้นเปลือง และของเหลวนิดๆหน่อยก็พอแล้วครับ
อยู่ที่จะขึ้นทีเดียว หรือทะยอยขึ้น กี่ปีจะคืนทุน อะไรแบบนั้นเป็นต้น
-
หมื่นล้านสิบปีที่แล้วควรต้องอุทธรณ์ดอกเบี้ยเพิ่มนะครับ ถ้าเป็นธุรกิจที่เคยรู้จักพวกนี้เขาประเมินผลกระทบกันล่วงหน้า...ป่านนี้คงรับรู้ล่วงหน้าขึ้นราคาชดเชยรายจ่ายรอไว้ก่อนหลายปีแล้วครับ
-
คงไปลงกับรุ่นใหม่มากกว่า เช่นราคาแพงต่อคัน
-
อยากรู้จังว่า ตอนนั้น เค้านำเข้ามานี่ รถอยู่ในสภาพไหน เหมือนว่า ประกอบมาเป็นคันละ อาจจะเหลือแค่ใส่อุปกรณ์บางอย่างหรือป่าว
เข้าใจว่าของที่เข้ามามีสาระสำคัญของการเป็นรถยนต์แล้วครับ ทั้งตัวถัง เครื่องยนต์พร้อมระบบไฮบริด ระบบส่งกำลัง ฯลฯ จนเอามาประกอบอีกนิดก็ได้รถคันนึง แต่ในใบขนฯ กลับแยกชิ้นส่วนมาสำแดงเป็นรายการสินค้าออกจากกัน แล้วไปให้สถาบันยานยนต์รับรองเพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษีตามความตกลงระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งจริง ๆ เขาให้สิทธิเฉพาะชิ้นส่วนเท่านั้น ไม่รวมถึงรถทั้งคันไม่ว่าจะเป็น CBU หรือ CKD บังเอิญหน่วยตรวจสอบหลังการตรวจปล่อยของกรมศุลกากรตรวจเจอก็เรียกเก็บย้อนหลังไป
-
อยากรู้จังว่า ตอนนั้น เค้านำเข้ามานี่ รถอยู่ในสภาพไหน เหมือนว่า ประกอบมาเป็นคันละ อาจจะเหลือแค่ใส่อุปกรณ์บางอย่างหรือป่าว
เข้าใจว่าของที่เข้ามามีสาระสำคัญของการเป็นรถยนต์แล้วครับ ทั้งตัวถัง เครื่องยนต์พร้อมระบบไฮบริด ระบบส่งกำลัง ฯลฯ จนเอามาประกอบอีกนิดก็ได้รถคันนึง แต่ในใบขนฯ กลับแยกชิ้นส่วนมาสำแดงเป็นรายการสินค้าออกจากกัน แล้วไปให้สถาบันยานยนต์รับรองเพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษีตามความตกลงระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งจริง ๆ เขาให้สิทธิเฉพาะชิ้นส่วนเท่านั้น ไม่รวมถึงรถทั้งคันไม่ว่าจะเป็น CBU หรือ CKD บังเอิญหน่วยตรวจสอบหลังการตรวจปล่อยของกรมศุลกากรตรวจเจอก็เรียกเก็บย้อนหลังไป
เท่าที่เคยเดินดูงานในไลน์ประกอบในช่วงเวลานั้น รถ prius รุ่นนี้นำเข้าชิ้นส่วนตัวถังโลหะที่ถูกปั๊มเป็นชิ้นมาจากญี่ปุ่น
ซึ่งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วเอามาเชื่อมประกอบขึ้นเป็นโครงตัวถังตั้งแต่เป็นส่วนย่อยเล็กๆ ขึ้นไปจนเป็นโครงรถเลยครับ
ไม่ได้เอามาทั้งโครงรถสำเร็จรูป จากนั้นก็ส่งผ่านเข้าสายพานชุบสี และพ่นสี ออกมาแล้วจึงเข้าโรงประกอบตามปกติ
ผมยังแปลกใจเลยว่า ที่ว่ามันเป็นรถนำเข้ามาแบบเกือบจะสำเร็จเป็นคันแล้ว มันคือส่วนไหนยังไงกันแน่
เรื่องเอาค่าปรับครั้งนี้มาลงกับรถที่ขายอยู่ปัจจุบันนี่ ผมว่าเขาคงไม่ทำหรอกครับ แต่มันจะมีผลต่อไปในภายภาคหน้ามากกว่า
ในแง่ดีคือต่อไปการตีความด้านภาษีจะรอบคอบขึ้น แต่ถ้าในแง่ร้าย คงคิดหนักกว่าเดิมถ้าจะต้องลงทุนเพิ่มว่าจะเอาเงิน
ไปลงที่โรงงานในประเทศไหนมากกว่าครับ
-
อยากรู้จังว่า ตอนนั้น เค้านำเข้ามานี่ รถอยู่ในสภาพไหน เหมือนว่า ประกอบมาเป็นคันละ อาจจะเหลือแค่ใส่อุปกรณ์บางอย่างหรือป่าว
เข้าใจว่าของที่เข้ามามีสาระสำคัญของการเป็นรถยนต์แล้วครับ ทั้งตัวถัง เครื่องยนต์พร้อมระบบไฮบริด ระบบส่งกำลัง ฯลฯ จนเอามาประกอบอีกนิดก็ได้รถคันนึง แต่ในใบขนฯ กลับแยกชิ้นส่วนมาสำแดงเป็นรายการสินค้าออกจากกัน แล้วไปให้สถาบันยานยนต์รับรองเพื่อใช้สิทธิยกเว้นภาษีตามความตกลงระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งจริง ๆ เขาให้สิทธิเฉพาะชิ้นส่วนเท่านั้น ไม่รวมถึงรถทั้งคันไม่ว่าจะเป็น CBU หรือ CKD บังเอิญหน่วยตรวจสอบหลังการตรวจปล่อยของกรมศุลกากรตรวจเจอก็เรียกเก็บย้อนหลังไป
เท่าที่เคยเดินดูงานในไลน์ประกอบในช่วงเวลานั้น รถ prius รุ่นนี้นำเข้าชิ้นส่วนตัวถังโลหะที่ถูกปั๊มเป็นชิ้นมาจากญี่ปุ่น
ซึ่งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วเอามาเชื่อมประกอบขึ้นเป็นโครงตัวถังตั้งแต่เป็นส่วนย่อยเล็กๆ ขึ้นไปจนเป็นโครงรถเลยครับ
ไม่ได้เอามาทั้งโครงรถสำเร็จรูป จากนั้นก็ส่งผ่านเข้าสายพานชุบสี และพ่นสี ออกมาแล้วจึงเข้าโรงประกอบตามปกติ
ผมยังแปลกใจเลยว่า ที่ว่ามันเป็นรถนำเข้ามาแบบเกือบจะสำเร็จเป็นคันแล้ว มันคือส่วนไหนยังไงกันแน่
เรื่องเอาค่าปรับครั้งนี้มาลงกับรถที่ขายอยู่ปัจจุบันนี่ ผมว่าเขาคงไม่ทำหรอกครับ แต่มันจะมีผลต่อไปในภายภาคหน้ามากกว่า
ในแง่ดีคือต่อไปการตีความด้านภาษีจะรอบคอบขึ้น แต่ถ้าในแง่ร้าย คงคิดหนักกว่าเดิมถ้าจะต้องลงทุนเพิ่มว่าจะเอาเงิน
ไปลงที่โรงงานในประเทศไหนมากกว่าครับ
อาจจะเป็นล๊อตที่มันเหลือเยอะๆ จนเอามาทำแท็กซี่ นั่นหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจครับ
-
เป็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลมากๆ ทั้ง Prius Majesty จริงๆก็มีตัว Vios สมัยรถคันแรกด้วยนะที่เปิดจองทั้งๆที่ไม่มีรถจริงให้เห็น นี่ถ้าเป็นอเมริกา คงเกือบล้มละลายแน่นอน
-
เป็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลมากๆ ทั้ง Prius Majesty จริงๆก็มีตัว Vios สมัยรถคันแรกด้วยนะที่เปิดจองทั้งๆที่ไม่มีรถจริงให้เห็น นี่ถ้าเป็นอเมริกา คงเกือบล้มละลายแน่นอน
เรื่องความไม่ชอบมาพากลของโครงการรถคันแรกมันเป็นที่ข้อกำหนดของรัฐบาลมากกว่าครับ
ที่ขีดเส้นตายของโครงการที่สิ้นปี 2012 แทนที่จะเป็นรถที่มีการส่งมอบและจดทะเบียนในเส้นตาย
คือต้องจบธุรกรรมซื้อขายถึงเข้าโครงการได้ กลับให้เป็นใบจองที่ลงวันที่ภายในเส้นตายที่กำหนด
แต่ไปรับรถทีหลังเมื่อไหร่ก็ได้
ในเวลานั้น Vios มันกำลังจะเปลี่ยนรุ่นพอดี ซึ่งมันมีกำหนดแน่นอนในเวลานั้นแล้วว่าจะเหลือยอดผลิต
รุ่นนั้นก่อน run out อยู่ไม่กี่พันคันที่จะเข้าโครงการได้ ถ้าไม่ให้เขาเอา vios ใหม่เข้าโครงการด้วย
ในขณะที่ยี่ห้ออื่นๆ เขายังผลิตรุ่นโมเดลเดียวกับปี 2012 ไปอีกหลายปี มันก็จะกลายเป็นโครงการรัฐ
ที่เอื้อประโยชน์ให้บางเจ้าเท่านั้นเองครับ
-
ตรงนี้ก็น่าจะมาเป็น คชจ ที่เพิ่มขึ้น แต่ถึงกับต้องทำอะไรเพิ่มจากปกติไหมผมเดาว่าก็ไม่ คือเขาก็ลดต้นทุนเป็นปกติอยู่ :-\
-
สงสัยว่าแบบนี้ขอเงินจาก Toyota สำนักงานใหญ่ได้ไหม หรือ TMT บริหารจัดการเอง
-
สำนักตรวจสอบอากร กรมศุลกากร ตรวจสอบพบว่า บริษัทโตโยต้าฯ ใช้สิทธิการสำแดงชนิดสินค้าและประเภทพิกัดไม่ถูกต้อง เนื่องจากสินค้าที่นำเข้ามาเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ แยกเป็นชิ้นส่วนต่างๆ ในลักษณะ CKD (COMPLETE KHOCK DOWN) และมีปริมาณสอดคล้องกัน เมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้วสามารถประกอบเป็นรถยนต์สำเร็จรูปได้ กรณีดังกล่าวจึงไม่สามารถแยกชำระอากรตามรายชนิดสินค้าได้ และเมื่อตรวจสอบข้อมูลในส่วนของเครื่องยนต์พบว่ารหัสของเครื่องยนต์ขึ้นต้นด้วย 2ZR นั้น เป็นรหัสเครื่องยนต์ที่มีความจุของกระบอกสูบ 1,797 ลูกบาศก์เซนติเมตร ของรถยนต์ โตโยต้า รุ่น Prius จึงเห็นควรให้สินค้าตามใบขนสินค้าทั้ง 244 ฉบับ จัดเข้าประเภทพิกัด 8703.23.51 อัตราอากร 80% ในฐานะรถยนต์ที่เป็นชิ้นส่วนครบชุดสมบูรณ์ที่ความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,800 ลูกบาศก์เซนติเมตร ตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากร ข้อ 2(ก) ประเภทที่ระบุถึงของใดให้หมายรวมถึงของนั้นที่ยังไม่ครบสมบูรณ์หรือยังไม่สำเร็จ หากว่าในขณะนำเข้ามีลักษณะอันเป็นสาระสำคัญของของที่ครบสมบูรณ์หรือสำเร็จแล้วให้หมายรวมถึงของที่ครบสมบูรณ์หรือสำเร็จแล้ว ที่เข้ามาโดยถอดแยกออกจากกันหรือยังไม่ได้ประกอบเข้าด้วยกัน เป็นเหตุให้ต้องมีการจัดเก็บภาษีอากรที่ขาดไป เป็นจำนวนเงิน 11,639,786,094.84 บาท
-
ผมว่าเขาไม่สะเทือนเท่าไร ขาดทุนกำไร
อันนี้เดาเองจากปริมาณการขายรถต่อปี ×ราคารถต่อคัน โดยยังไม่นับรายได้จากการบริการ
-
เรื่องลดต้นทุนมีมานานมากแล้วครับแต่คนไม่รู้หรือไม่พูดถึงกันเล็กซัส IS LS นี่ภายในลอกเยิ้มกระจุยภายใน5ปี เคลมใหม่ก็เป็นอีกเพราะคุณภาพมีแค่นี้ อยากหายขาดต้องหุ้มใหม่เองใครพาดไปเบิกของใหม่ก็จะโดนฟันคอขาดแผงผระตูบานละ80000 มาแต่แผงด้วยนะข้างในไม่มีอะไรให้เลย ::)
-
ที่สะดุ้งคงเป็นพนักงานครับ ผมว่า TMT มีข้ออ้างขอลดโบนัสเต็มๆ
-
ผมว่าไม่ลดอะไรนะ คงเฉือนเนื้อตัวเองจ่ายนั่นแหละ เพราะไปลดนู่นลดนี่มันจะกลายเป็นสร้างปัญหาใหม่ แถมระยะยาวด้วย
-
การลดต้นทุน Cost down มันก็ทำมาตลอดอยู่แล้ว ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก ทำแม่พิมพ์เค้าก็เริ่มคิดแล้วว่าจะลดอะไรจากโมเดลก่อนหน้า ( แต่เพิ่มราคาขายในรุ่นใหม่ ) หลังจากเปิดตัว 1-2 ปี ก็เริ่ม Cost down ครั้งแรก หลังจากนั้นก็มี Life time แต่ละช่วงเวลา Cost down มาเรื่อย ๆ
เอาแค่รถยนต์ที่ขายในไทย หลัก ๆ เลยจะตัดแอร์ Heater ออกไป เกือบทุกรุ่น บังโคลน ยางรองบังโคลน วัสดุซับเสียง พัดลมไฟฟ้าที่ด้านหน้า Condensir แอร์ ด้านหน้าสุด ระบบช่วยเหลือบางระบบ นี่คือจุดหลัก ๆ เลยที่แต่ละโมเดลจะถูกตัดออกสำหรับรถที่ขายในประเทศ
-
เรื่องลดต้นทุน ไม่มีกรณีนี้เขาก็ทำอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
สาเหตของการฟ้องร้อง น่าจะมาจากในยุคที่ทำคุยกับอีกคน เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ตีความกันใหม่ เรื่องเลยเกิด ระดับพี่โต บอกว่าผิดง่ายๆ โดยไม่ใด้มีข้อมูลมาก่อน คงไม่ใช่
-
ลดต้นทุน หรือเพิ่มราคาขาย ทำให้รถมันขายไม่ได้ ดีไม่ดีแบรนด์พัง
ดู nissan ไว้เยอะๆครับ ต้องวัดใจกัน
-
ขาย Fortuner รุ่นเดียวก็คืนทุนแล้วมั้งครับ กำไรบาน
-
ลดต้นทุน หรือเพิ่มราคาขาย ทำให้รถมันขายไม่ได้ ดีไม่ดีแบรนด์พัง
ดู nissan ไว้เยอะๆครับ ต้องวัดใจกัน
ใช่ครับ เป็นตัวอย่างที่ดีเลย ลดต้นทุนจนรถห่วยและทำให้ลูกค้าหนีเพราะรถอะไหล่เปราะครับ
-
ลดต้นทุนเป็นเรื่องปกติ ทำกันทุกยี่ห้ออยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนจะเปิดขายเลยด้วยซ้ำ
เรื่องภาษีที่ต้องจ่าย ผมว่าเขาเผื่องบไว้แล้วล่ะ เดาว่าน่าจะทยอยจ่ายเป็นงวดๆ ก็คงเอากำไรแต่ละปีไปเฉลี่ยจ่ายนั่นแหละ
-
ลดต้นทุนเป็นเรื่องปกติ ทำกันทุกยี่ห้ออยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนจะเปิดขายเลยด้วยซ้ำ
เรื่องภาษีที่ต้องจ่าย ผมว่าเขาเผื่องบไว้แล้วล่ะ เดาว่าน่าจะทยอยจ่ายเป็นงวดๆ ก็คงเอากำไรแต่ละปีไปเฉลี่ยจ่ายนั่นแหละ
ให้ดีก็ต้องรีบจ่ายครับ จ่ายช้าเจอเงินเพิ่มอากรขาเข้า (เรียกว่าดอกเบี้ยก็ได้) เดือนละ 1% (12% ต่อปี) ส่วน Vat ก็มีเงินเพิ่มเดือนละ 1.5% (15% ต่อปี)
ไหนจะมีเบี้ยปรับอากรขาเข้าเพราะชำระเกินกำหนด 120 วันอีก 20% เบี้ยปรับ Vat อีก 1 เท่า
ที่ศาลพิพากษามาโตโยต้าอาจไม่ได้จ่ายยอดแค่นั้น จ่ายกันอ้วกแตก
-
การลดต้นทุน มันอยู่ในทุกระยะแหละครับ ไม่ต้องมี event พิเศษอะไรหรอกครับ
ที่ต้องจ่าย ก็ต้องจ่ายไป จะจ่ายยังไงก็ว่ากันไป
-
ตั้งกะทู้แบบมี Negative
-
รถเริ่มขายไป ทีมที่ดูแลเรื่องต้นทุกก็เริ่มทำ project ลด cost ละครับ