Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: firstime911 ที่ ตุลาคม 14, 2022, 12:48:25
-
https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1032153?fbclid=IwAR37FckbR45Cr6T8MgaOO6U2SNrxmEt0ZTPrFuhzmb7XSnAVUjvlQqjRqhc
คือตามหลักการใหม่นี้ พอดีผมกำลังจะซื้อรถยนต์ใหม่คับ ถ้าได้ อัตราดอกเบี้ย 2.2% ต่อปี ผ่อน 72งวด
ผมควรรอ ระเบียบใหม่นี้ มีผลบังคับใช้ไหมคับ หรือ รับรถเลย ขอบคุณคับ
-
ลดต้นลดดอกก็คือการผ่อนชำระแบบขั้นต่ำ เหมือนพวกบัตรเครดิตหรือกู้ซื้อบ้าน ข้อดีคือถ้าโปะเยอะต้นก็ลดไว ข้อเสียคือผ่อนขั้นต่ำ ดอกกินแบบยาวๆสาหัสเลย จากรถราคา 1 ล้าน จ่ายแบบขั้นต่ำจนหมดสัญญาอาจปาไปราคาเกือบ 3 ล้าน
-
ก็ต้องมาดูแหละครับ ว่าเขาจะปรับดอกไหม ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ครับ
ผมว่าเขาน่าจะคำนวนให้มันใกล้ๆเดิมนั่นแหละ ที่เหลือคือวินัยการเงินของเรา
ถ้าจำเป็นต้องใช้รถก็ซื้อเลยครับ ถ้าไม่จำเป็นก็รอไป
-
คำนวนกันแล้ว จะออกมายอดพอๆกัน แบบลดต้นลดดอก เหมาะสำหรับสายโปะครับ
-
ดอกเบี้ยขึ้นแน่ๆ แต่ก็เหมาะกับสายโปะ
-
ถ้ายังรอได้ ควรรอซื้อรถหลังมีผลบังคับใช้หรือไม่ครับ
ในทางกลับกันถ้าประกาศฯนี้มีผลทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นก็ควรจะรีบออกรถในปีนี้ใช่ไหมครับ
-
พอกฏหมายมีผลบังคับ ทางไฟแนนซ์เขาก็ปรับไปใช้ดอกแบบลดต้นลดดอก ซึ่งก็จะเป็นคนละค่ากับแบบคงที่
ดอกเบี้ยก็ขยับขึ้น แต่เมื่อคำนวณตลอดระยะเวลาผ่อนมาแล้ว ดอกเบี้ยที่จ่ายไปก็คงเท่าๆ กันเหมือนเดิมน่ะครับ
มันคำนวณกลับไปมาได้ว่า ที่อัตราดอกเบี้ยคงที่เท่านี้ พอคิดแบบลดต้นลดดอกแล้ว จะกลายเป็นอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่
-
ไม่ควรรอครับ Fix rate ดีสุดสำหรับตอนนี้
-
โดยหลักการแล้ว ดอกเบี้ยแบบปัจจุบันกับแบบลดต้นลดดอก
จะมีค่าเท่ากัน
ความแตกต่างอยู่ที่ ดอกแบบลดต้นลดดอกนั้น ถ้าจ่ายค่างวด
แบบโปะ หรือจ่ายมากกว่าค่างวด จะทำให้เงินดอกมันลด
ในขณะที่แบบเดิมนั้นดอกไม่ลดลงเลย
ส่วนสูตรคำนวนดอกแบบปัจจุบันแปลงเป็นลดต้นลดดอก สามารถ
ค้นในกูเกิ้ลได้
แต่มีวิธีสังเกตง่ายๆ ว่า ดอกผ่อนรถแบบเดิมเทียบกับผ่อนบ้าน
จะเห็นว่าผ่อนบ้านดอกสูงกว่ารถเพราะเป็นแบบลดต้นลดดอก
ครับ
-
ไม่ควรรอครับ Fix rate ดีสุดสำหรับตอนนี้
กฎหมายนี้คือเรื่องการ quote ดอกเบี้ยแบบ effective rate แทนที่จะเป็น flat rate
คนละเรื่องกับ fixed rate vs variable/float/index rate ครับ
แค่ว่า flat rate มันจะเป็น fixed rate เสมอ ในขณะที่ effective rate เป็นได้ทั้ง fixed และ variable
โดยหลักการมันคำนวณดอกเบี้ยข้ามกลับไป-มาได้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่น่าต่างครับ เว้นอยู่อย่างเดียวคือตอนนี้ดอกเบี้ยขาขึ้น ดอกเบี้ยรถซึ่งเป็น fixed rate มีแนวโน้มจะแพงขึ้นครับ (ซึ่งไม่เกี่ยวกับกฎหมายนี้แต่อย่างใด)
ปล เวลาเห็นเลข ดอกแบบ flat rate จะดูว่าเลขต่ำกว่าแบบ effective rate เสมอ เช่น ดอก flat rate 2% 5 ปี เทียบเท่าดอก effective rate 3.82% ทั้ง 2 แบบเสียดอกเบี้ยรวมเท่ากัน
-
ไม่ต้องรอหรอกครับ กฎหมายใหม่เขียนไว้ให้ระบุดอกเบี้ยแบบEffective rateควบคู่ไปกับFlat rateให้เราทราบเท่านั้นแหละครับและกำหนดให้เพดานEffective rate ไม่เกิน10สำหรับรถใหม่ 15สำหรับรถมือสอง 23สำหรับมอเตอร์ไซค์ ซึ่งเทียบเท่าFlat rate ที่5 7.5และ11.5%ตามลำดับเท่านั้นครับ
-
ไม่ควรรอครับ Fix rate ดีสุดสำหรับตอนนี้
กฎหมายนี้คือเรื่องการ quote ดอกเบี้ยแบบ effective rate แทนที่จะเป็น flat rate
คนละเรื่องกับ fixed rate vs variable/float/index rate ครับ
แค่ว่า flat rate มันจะเป็น fixed rate เสมอ ในขณะที่ effective rate เป็นได้ทั้ง fixed และ variable
โดยหลักการมันคำนวณดอกเบี้ยข้ามกลับไป-มาได้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่น่าต่างครับ เว้นอยู่อย่างเดียวคือตอนนี้ดอกเบี้ยขาขึ้น ดอกเบี้ยรถซึ่งเป็น fixed rate มีแนวโน้มจะแพงขึ้นครับ (ซึ่งไม่เกี่ยวกับกฎหมายนี้แต่อย่างใด)
ปล เวลาเห็นเลข ดอกแบบ flat rate จะดูว่าเลขต่ำกว่าแบบ effective rate เสมอ เช่น ดอก flat rate 2% 5 ปี เทียบเท่าดอก effective rate 3.82% ทั้ง 2 แบบเสียดอกเบี้ยรวมเท่ากัน
ขอเพิ่มเติมรายละเอียดตามเมนต์นี้นะครับ
ผมลองเข้าสูตรคำนวณ เทียบระหว่าง Flat Rate (ดอกแบบปัจุุบัน) กับ Effective Rate (ดอกแบบลดต้นลดดอก)
จะได้ความสัมพันธ์ของการผ่อนรถ 5 ปีประมาณนี้ครับ
Flat Rate Effective Rate
0.59% = 1.15%
1.00% = 1.94%
1.50% = 2.88%
2.00% = 3.82%
ซึ่งถ้าเซลเสนอดอกเบี้ย 3.82% มาอย่าเพิ่งตกใจ คำนวณแล้วมูลค่ารวมของดอกเบี้ย "เท่ากัน" กับดอกเบี้ยแบบเดิมที่ 2.0% ครับ
เว้นแต่ว่าคุณจะจ่ายเงินงวดเพิ่มขึ้นสำหรับการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนะครับ
ยอดหนี้หมดเร็วขึ้นและมูลค่ารวมดอกเบี้ยจะลดลงด้วยครับ
-
ถ้าพร้อมตอนนี้ซื้อตอนนี้ เพราะดอกเบี้ยกำลังเป็นช่วงขาขึ้น ซื้อปีหน้าดอกจะสูงกว่าปีนี้
ส่วนการคิดคำนาณดอกเบี้ยผลสุดท้ายเงินที่ต้องจ่ายจะเท่ากัน (กรณีผ่อนครบตามสัญญา ไม่โปะ)
แต่แบบลดต้นลดดอกจะจ่ายน้อยกว่าถ้าเป็นสายโปะครับ
-
ของเดิมมันก็ลดต้นลดดอกอยู่แล้วนะครับ
ผ่อนอะไรมันก็ลดต้น ลดดอก
เพียงแค่เราไปจ่ายตามยอดที่คำนวนไว้คงที่เท่าๆกันทุกเดือน แต่จริงๆมันลดต้นลดดอก
-
Flat rate ปิดยอดต้องจ่ายดอกเบี้ยที่เหลือ 50% แต่ลดต้นลดดอกจะปิดยอดจ่ายแค่ยอดหนี้ที่เหลือ
อย่างอื่นผ่อนยอดไม่ต่างกันแค่ตัวเลขดอกเบี้ยดูสูงขึ้น
ตอนจะออกรถให้เซลล์คำนวณกลับเป็น flat rate ว่าดอกอยู่ประมาณเท่าไหร่แค่นั้น
-
วงการนี้ เขาหาวิธีกินเงินลูกค้าได้ตลอด มีหลายวิธีคิดไปคิดมาจ่ายเยอะอยู่ดี..
-
ถ้าได้ดอกฟิค มาถูกก็ตอนนี้เลยครับ
ผมซื้อตอนโควิด ได้ดอก ต่ำกว่าสอง ไม่แพงดี
แต่ถ้าอยากจะโปะ จ่ายเกิน ให้หมดไว ก็รอได้ครับ
แต่คิดว่า ไฟแนนท์คงไม่ยอมเสียเปรียบ บวกลบคูณหารไว้รอเรียบร้อยแล้ว
-
ไม่ควรรอครับ Fix rate ดีสุดสำหรับตอนนี้
กฎหมายนี้คือเรื่องการ quote ดอกเบี้ยแบบ effective rate แทนที่จะเป็น flat rate
คนละเรื่องกับ fixed rate vs variable/float/index rate ครับ
แค่ว่า flat rate มันจะเป็น fixed rate เสมอ ในขณะที่ effective rate เป็นได้ทั้ง fixed และ variable
โดยหลักการมันคำนวณดอกเบี้ยข้ามกลับไป-มาได้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่น่าต่างครับ เว้นอยู่อย่างเดียวคือตอนนี้ดอกเบี้ยขาขึ้น ดอกเบี้ยรถซึ่งเป็น fixed rate มีแนวโน้มจะแพงขึ้นครับ (ซึ่งไม่เกี่ยวกับกฎหมายนี้แต่อย่างใด)
ปล เวลาเห็นเลข ดอกแบบ flat rate จะดูว่าเลขต่ำกว่าแบบ effective rate เสมอ เช่น ดอก flat rate 2% 5 ปี เทียบเท่าดอก effective rate 3.82% ทั้ง 2 แบบเสียดอกเบี้ยรวมเท่ากัน
ขอเพิ่มเติมรายละเอียดตามเมนต์นี้นะครับ
ผมลองเข้าสูตรคำนวณ เทียบระหว่าง Flat Rate (ดอกแบบปัจุุบัน) กับ Effective Rate (ดอกแบบลดต้นลดดอก)
จะได้ความสัมพันธ์ของการผ่อนรถ 5 ปีประมาณนี้ครับ
Flat Rate Effective Rate
0.59% = 1.15%
1.00% = 1.94%
1.50% = 2.88%
2.00% = 3.82%
ซึ่งถ้าเซลเสนอดอกเบี้ย 3.82% มาอย่าเพิ่งตกใจ คำนวณแล้วมูลค่ารวมของดอกเบี้ย "เท่ากัน" กับดอกเบี้ยแบบเดิมที่ 2.0% ครับ
เว้นแต่ว่าคุณจะจ่ายเงินงวดเพิ่มขึ้นสำหรับการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนะครับ
ยอดหนี้หมดเร็วขึ้นและมูลค่ารวมดอกเบี้ยจะลดลงด้วยครับ
ช่วยคิดต่อครับ กรณีผ่อนรถยนต์ใหม่ตามที่กฏหมายบอกคิด ด/บ ที่แท้จริงไม่เกิน 10% (ตัวเลขนี้อาจปรับทุกสามปี)
ผ่อน 48 เดือนคิดเป็น ด/บ คงที่ 5.4%
ผ่อน 60 เดือนคิดเป็น ด/บ คงที่ 5.5%
ผ่อน 72 เดือนคิดเป็น ด/บ คงที่ 5.6%
ถ้าเกินนี้ผิดกฏหมายนะครับ
-
แบบใหม่ เหมือนจะปิดก่อนแล้วไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยด้วยนะครับ ถ้าจ่ายมาแล้ว 2 ใน 3 ของจำนวนงวด ถ้าแบบเก่า จะได้ส่วนลดดอกเบี้ย 50% ครับ
-
ซื้อเลยครับ ไม่น่าจะต่างกัน
หลังระเบียบใหม่ ไฟแนนซ์น่าจะขึ้นดอกเบี้ย เพราะว่าโปะได้
-
ยังไงเสีย ไฟแน้นซ์ก็มีตัวเลขที่เป็นตุ๊กตาอยู่ในระบบอยู่แล้วครับ
ถ้าเขาต้องการ กำไร 3-5หมื่น ไม่ว่าเราจะโปะจะปิดก่อนยังไง เขาก็ต้องได้ยอดเท่านี้อยู่ดี
จะใช้วิธีไหน ก็ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ของคนผ่อนเลย เอาที่สะดวกเลยครับ