Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: shipcake ที่ ธันวาคม 21, 2022, 08:57:13
-
ครั้งนึง วิศวกรและผู้บริหารเคยภูมิใจกับเกียรือัตโนมัติคู่กับเครื่อง skyactiv มาก แต่ ณ ตอนนี้ ตัวเองเหมือนหยุดอยู่กับที่ จะเอาแค่ความหรูมาขายอย่างเดียว มันก็ยากแล้วนะ เอาควาเมป็น NA เครื่อง 2500 cc แต่ 190 แรงม้าอะหรอ มันจะกินน้ำมัน ม้าน้อยไปมั้ยอะ
-
แล้วตอนนี้ที่กำลังเปิดตัวก็มีตัวเครื่อง 6 สูบ 3.3 ลิตร ป๊าดดดดดดดดดดดดด
อ่ะมีตัว PHEV เพิ่มเข้ามา แต่มันดูชักช้ายังไงไม่รู้
คิดว่าง่ายสุด ก็เอาเทคโนโลยีจาก Toyota มาเลย
-
มันจะหายไปจากตลาดเลยหรอครับ ขนาดนั้นเลยหรอ ??
อย่างแรก ผมเชื่อว่า บริษัทใหญ่ระดับนี้ มีผลิตภัณฑ์ขายทั่วโลก เค้าคงสำรวจมาแล้วว่า "กลุ่มลูกค้าเค้าคือใคร" เค้าถึงยังเดินหน้ารถน้ำมันอยู่
แต่มาสด้าก็มีรถไฟฟ้าขายด้วยก็คือ MX30 แต่ก็คงไม่เน้นเท่าที่ควร
มาสด้าหยุดอยู่กับที่ คือหยุดอะไร ผมก็ยัง งง ตัวใหม่ CX90 ก็ใส่ไฮบริจมาแล้วนิ
ถ้าการที่ค่าย ชูเทคโนโลยีไฟฟ้า หรือ ไอบริจน้อย กว่าค่ายอื่นๆแล้วต้องหายไปจากตลาด งี้ ลัมโบกีนี่ ก็คงหาย หรือ ปอร์เช่ที่มีไฟฟ้าเพียงรุ่นเดียวคือ taycan หรือรุ่น 911 , 718 ก็คงต้องโบกมือลาตลาดรถยนต์ด้วยหรือเปล่า
เพิ่มเติมอีกนิด Alfa Romeo Giulia SWB Zagato ข่าวกระทู้ล่างนี้ ก็ยังเปิดตัวรุ่นใหม่ด้วยรถน้ำมัน เครื่อง V6 2.9ลิตร อย่างนี้ก็เตรียมตัวหายไปจากตลาดอีกคันหรอ
รถน้ำมัน ยังไงก็ยังมีความต้องการทั่วโลกมากกว่ารถไฟฟ้ามากมายครับ
-
ขายสินค้าก็ต้องตอบโจทย์ลูกค้า ใครตอบโจทย์ได้ดีสุดยอดขายก็จะดีตามด้วย
-
Line Up ใหม่ เขามีแล้วครับ เริ่มเปิดบางรุ่นไปบ้างแล้ว ที่ US แต่ที่ไทยยังเงียบอยู่
MX30 CX-50 CX-60 CX-70 CX-80 CX-90
เครื่องตัวใหม่ พวก 6 สูบขับหลัง กับ PHEV ก็มีหลุดมาแล้ว
แต่ที่ไทยยังไม่หลุดมาว่าจะมายังไง น่าจะได้ CX-60 กับ CX-80 แต่เครื่องตัวไหน แล้วทำราคาได้เท่าไหร่คงอีกเรื่อง
ทีไทยน่าเป็นห่วงที่ เครื่องอะไรจะมาใส่แทน 1.3s 1.5d 2.0s มากกว่า ตัวเครื่อง SkyActivX ก็ดูไม่น่าจะเข้าไทย
แต่ถ้าเอาขับสนุกส่วนตัวผมว่า 2.0na + 6at ขับสนุกที่สุดในย่านราคานี้แล้ว แต่มันแรงสู้ 1.5t ไม่ได้แค่นั้นเอง
-
ไม่ขยับคือตายแน่นอนครับ
ดูจากงานออกแบบรถใหม่ๆ โอกาสล้มหายตายจากสูงมากครับ
เหมือนญี่ปุ่นชะล่าใจเกินไป คิดว่าตัวเองกุมทิศทางรถยนต์ นึกอยากให้อะไรมีอยากให้ใช้ตอนไหนก็ได้
-
เครื่อง 2.5 N/A ทำได้ประมาณ 1.5+turbo
ก็ยังถือว่าเป็นข้อดีนะครับ แม้จะเสียภาษีรายปีแพงแต่ระบบจุกจิกน้อยกว่ามาก
-
ตัวแบรนด์ยังทำ Product ไม่ค่อยตอบโจทย์ คนไทย ชอบรถอเนกประสงค์ห้องโดยสารใหญ่เกินคาด ประหยัดน้ำมัน optionเยอะ ราคาถูก ซึ่ง Mazda ให้ไม่ค่อยได้ ในขณะที่คู่แข่งขยับตัวไปกันเยอะแล้ว
-
เครื่อง 2.5 N/A ทำได้ประมาณ 1.5+turbo
ก็ยังถือว่าเป็นข้อดีนะครับ แม้จะเสียภาษีรายปีแพงแต่ระบบจุกจิกน้อยกว่ามาก
คือเลิกคิดว่า Turbo จุกจิกได้แล้วครับ
กะบะ เค้าก็ใช้กันมานาน มันก็มีอายุ กว่า 20 ปี และ มันพิสูจย์แล้วว่า ประหยัด และแรง
มันแค่ ต้นทุนสูงกว่า แค่นั้นละ
ส่วน Civic รถบ้าน turbo เค้าก็ใช้กัน มาจะ 10 ปีมันก็ไม่ได้ จุกจิกอะไร
-
:) แต่ละแบรนด์เขามีกลุ่มลูกค้าของเขาเอง บางคนเช่นผม ไม่เคยพิศวาศ 1.5t+cvt เพราะมันจืดเวลาขับ
2500 cc 190 ม้า ดูสเปคก็รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจเซทมาเพื่อเน้นม้า
อ้ออีกอย่าง แรงม้าหรือแรงโม้เนี่ย เอาไว้คุยเกทับกันเฉยๆ เพราะเวลาคิดแรงม้าคิดที่รอบสูงสุด ในชีวิตจริง ใครใช้รอบสูงสุดตลอดบ้าง
พื้นที่ใต้กราฟ หรือแรงม้าที่กระจายอยู่ระหว่างรอบต่างหากที่สำคัญ จะเห็นได้ว่าเครื่องใหญ่ Linearlity ของเครื่องนั้นดีกว่าเทอร์โบมากโข ไม่ต้องรอรอบ กดตรงไหนก็ไป
ไม่กระโจนเป็นพักๆ หรือแรงหายเป็นพักๆ ดังนั้นรถแต่ละคันต้องได้ลองขับ ถึงจะรู้บุคลิก สเปคชีทนั้นเอาไว้โม้ให้กันดูเฉยๆ คนที่มีอายุ ผ่านรถมาหลายคัน จะคบเครื่องใหญ่
เพราะมันขับไม่เหนื่อย ไม่ต้องเค้นรอบขอรับ 8)
-
เครื่อง 2.5 N/A ทำได้ประมาณ 1.5+turbo
ก็ยังถือว่าเป็นข้อดีนะครับ แม้จะเสียภาษีรายปีแพงแต่ระบบจุกจิกน้อยกว่ามาก
คือเลิกคิดว่า Turbo จุกจิกได้แล้วครับ
กะบะ เค้าก็ใช้กันมานาน มันก็มีอายุ กว่า 20 ปี และ มันพิสูจย์แล้วว่า ประหยัด และแรง
มันแค่ ต้นทุนสูงกว่า แค่นั้นละ
ส่วน Civic รถบ้าน turbo เค้าก็ใช้กัน มาจะ 10 ปีมันก็ไม่ได้ จุกจิกอะไร
หึหึ กล้าบอกไหมว่ามันเรื่องน้อยกว่า N/A ท่อน้ำมันเยอะกว่า เส้นยางเยอะ จุดรั่วซึมเยอะกว่า
ผมก็ใช้กระบะเทอร์โบยุคแรกๆนะ ถึงกล้าพูด
-
Mazda กำหนดตัวเองว่ามีจุดเด่น ที่ Design + premium
ถ้าหยิบรถเมื่อ 5-10 ปี ก่อน เอามาเทียบกันระหว่าง Honda Civic กับ Mazda 3 ย่อมมีคนตัดสินใจไม่ยาก
แต่ตอนนี้ ในตลาดมีรถให้เลือกมากขึ้น มีตัวเลือกทั้ง ความแรง คุณภาพ ประกัน ราคา ระบบ EV ซึ่งสำรับลูกค้าบางคนอาจจะมองว่าสำคัญกว่า Design
แถม Mazda ยิ่งผลักดันราคาให้สูงขึ้น ตามความ Premium
โดยตามข่าวตั้งใจจะกินส่วนแบ่งของ BMW กับ Mercesdes ... แต่ความจริงจะไหวหรือ ? ไอ้ที่ออกมาใหม่ๆเช่น CX50 , 60 , 90 เมืองนอกเริ่มที่ 1.5 ล้าน ไปใกล้ 2.0 ล้านแล้ว
ซึ่งถ้าเข้าไทย รุ่นล่างสุดอาจจะเริ่มต้นที่ 1.8 ล้าน .... จะมีกี่คนที่เลือกซื้อ ?? ปรกติรุ่น CX8 ก็หลักสิบต่อเดือน
ส่วนที่เหลือนอกจาก Design และความ premium โดยอย่างอื่นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เช่น เครื่อง Turbo หรือ ระบบ EV
(ระบบ Hybrid ก็เหมือนพึ่งตามยี่ห้ออื่น ซึ่งคนเริ่มมอง EV แทน Hybrid แล้ว)
อนาคต Mazda ก็จะเหมือนเครื่อง Rotary ที่กลายเป็นตำนาน...
สถิติจองในงาน motorexpo ก็ลดลงไป 28% ไม่รู้ว่า Mazda มองยังไง ?
มันคงไม่หายไป แต่อนาคตไม่เหมือนเดิมแน่นอนครับ
-
ไม่ถึงกับหายหรอกคับ ถ้าไม่มีเทคโนโลยีใหม่ๆมา ก็เลือนหายไปแน่ๆ
SkyX มาตอนนี้ก็ช้าไปแล้ว อย่าว่าแต่ไฮบริดเลย ไฟฟ้าก็ช้าไปแล้ว ที่เมกาเห็นมีเปิดตัวรุ่นใหม่ๆบ้างแต่ก็เทคโนโลยีเดิมๆ ไม่ได้ว้าวอะไร แต่อยู่ในระดับ Keep Up with competitor
ว่าด้วยเทคโนโลยีในตลาดประเทศไทย ถ้าต้องให้เลือก 2.5na / 2.0na VS 1.5Tturbo 2.0 Hybrid ผมเลือกอย่างหลังแบบไม่คิดเลย ระบบขับเคลื่อนมาสด้าไทยมันหยุดนิ่งมาจะ1ทศวรรษแล้ว หากินกับบุญเก่านานไปนะ
-
เครื่อง 2.5 N/A ทำได้ประมาณ 1.5+turbo
ก็ยังถือว่าเป็นข้อดีนะครับ แม้จะเสียภาษีรายปีแพงแต่ระบบจุกจิกน้อยกว่ามาก
คือเลิกคิดว่า Turbo จุกจิกได้แล้วครับ
กะบะ เค้าก็ใช้กันมานาน มันก็มีอายุ กว่า 20 ปี และ มันพิสูจย์แล้วว่า ประหยัด และแรง
มันแค่ ต้นทุนสูงกว่า แค่นั้นละ
ส่วน Civic รถบ้าน turbo เค้าก็ใช้กัน มาจะ 10 ปีมันก็ไม่ได้ จุกจิกอะไร
เครื่องดีเซล กับเบนซิน
อุณหภูมิไอเสียต่างกันครับ
ความทนทานของเทอร์โบต่างกัน
รอบเครื่อง ฯลฯ ด้วย
-
เครื่อง 2.5 N/A ทำได้ประมาณ 1.5+turbo
ก็ยังถือว่าเป็นข้อดีนะครับ แม้จะเสียภาษีรายปีแพงแต่ระบบจุกจิกน้อยกว่ามาก
คือเลิกคิดว่า Turbo จุกจิกได้แล้วครับ
กะบะ เค้าก็ใช้กันมานาน มันก็มีอายุ กว่า 20 ปี และ มันพิสูจย์แล้วว่า ประหยัด และแรง
มันแค่ ต้นทุนสูงกว่า แค่นั้นละ
ส่วน Civic รถบ้าน turbo เค้าก็ใช้กัน มาจะ 10 ปีมันก็ไม่ได้ จุกจิกอะไร
ตอนผมจะซื้อ r60 1.6turbo ผมก็คิดแบบนี้แหละครับ
กระบะใช้งานส่งของของที่ร้าน วิ่งกัน 2-3 แสน up ไม่เป็นอะไรเลย
แต่ r60 ขนาดขับธรรมดานะ เดี๋ยวปั๊มเชื้อเพลงเสีย เทอร์โบรั่ว น้ำมันเครื่องไม่เลี้ยงแกน
กลัวเลยครับ
-
ถามว่ามาสด้าจะหายไหม ตอบกันเพียบว่าไม่หาย
แต่พอพูดถึงโตโยต้า กลับบอกว่าจะเป็นแบบโนเกีย โกดัก
555+++
ตอบจริงๆ คือ คงไม่ถึงกับหาย แต่จะต้องเข้าไปรวมกับค่ายใหญ่
อาศัยเทคโนโลยี เงินทุน และแชร์ต้นทุนกับค่ายใหญ่แน่นอน
ทุกวันนี้ก็มาทางนั้นแล้วครับ
-
อยากทราบว่ายังมีความเชื่อเรื่องม้าญี่ปุ่นกับม้ายุโรปอยู่ไหมครับ
-
เครื่อง 2.5 N/A ทำได้ประมาณ 1.5+turbo
ก็ยังถือว่าเป็นข้อดีนะครับ แม้จะเสียภาษีรายปีแพงแต่ระบบจุกจิกน้อยกว่ามาก
คือเลิกคิดว่า Turbo จุกจิกได้แล้วครับ
กะบะ เค้าก็ใช้กันมานาน มันก็มีอายุ กว่า 20 ปี และ มันพิสูจย์แล้วว่า ประหยัด และแรง
มันแค่ ต้นทุนสูงกว่า แค่นั้นละ
ส่วน Civic รถบ้าน turbo เค้าก็ใช้กัน มาจะ 10 ปีมันก็ไม่ได้ จุกจิกอะไร
ตอนผมจะซื้อ r60 1.6turbo ผมก็คิดแบบนี้แหละครับ
กระบะใช้งานส่งของของที่ร้าน วิ่งกัน 2-3 แสน up ไม่เป็นอะไรเลย
แต่ r60 ขนาดขับธรรมดานะ เดี๋ยวปั๊มเชื้อเพลงเสีย เทอร์โบรั่ว น้ำมันเครื่องไม่เลี้ยงแกน
กลัวเลยครับ
โทดทีครับ ผทลืมนึกถึงพวก รถยุโรษไป
เพราะ หากรถญี่ปุ่นผมมั่นใจว่าทนครับ อันนั้นจะโทษ Turbo ก็ไม่ได้ น่าจะโทษ คุณภาพเฉพาะรุ่นมากกว่าอะ
แต่มันก็ปกติ รถยุโรษนี่ ไม่ว่าจะ NA หรือ Turbo ก็จุกจิก พอๆกัน อิอิ
พอดีผมให้ความเห็น ว่า รถบ้าน
แต่ r60 นี่คงไม่เข้าเงื่อนไขด้วยอะครับ แฮร่
-
ตลาดโลกคงไม่หายง่ายๆ
เพราะยังมีรถดีๆ ขายอีกเยอะ
แต่ถ้าจะหายไปจากเมืองไทย ผมจะรีบไปสมน้ำหน้าถึงสำนักงานใหญ่เลย
-
โทดทีครับ ผทลืมนึกถึงพวก รถยุโรษไป
เพราะ หากรถญี่ปุ่นผมมั่นใจว่าทนครับ อันนั้นจะโทษ Turbo ก็ไม่ได้ น่าจะโทษ คุณภาพเฉพาะรุ่นมากกว่าอะ
แต่มันก็ปกติ รถยุโรษนี่ ไม่ว่าจะ NA หรือ Turbo ก็จุกจิก พอๆกัน อิอิ
พอดีผมให้ความเห็น ว่า รถบ้าน
แต่ r60 นี่คงไม่เข้าเงื่อนไขด้วยอะครับ แฮร่
เกินแสนถอดเทอร์โบมา บาลานซ์ได้เลยครับ รับรองไม่ได้ศูนย์ซักลูก
แต่ถ้าคิดแค่ว่าขับได้ก็ขับ ไม่ได้มาตราฐานแต่ขับได้ก็นับว่าทน ถ้าเอาตามตรรกะนี้โอเครครับ ทนทาน :P :P :P :P
-
ทำไมเหมือนมีเดือดกันเลย
ส่วนตัว แต่ละบุคคลมีความสะดวกในการใช้ที่แตกต่างกัน หลายๆประเทศเค้ายังไม่สามารถใช้BEVไปได้ทุกที่ ราคาน่ำมันไม่แพง กลุ่มนี้เค้าก็ยังชูรถน้ำมันอยู่ แล้วแบบนี้มันจะตายได้ไง
ไอ้ที่จะตายอ่ะคือที่ดิ้นกันมากกว่า
บริษัทพวกนี้เค้ามีฐานลูกค้าของเค้า
แต่เอาตรงๆ มาสด้าจุกจิกเกิ้นนนนน
-
Sky-G กับ Sky-D ที่เปิดตัวมากับ CX-5 ก็ลากมาจะสิบปีแล้ว (ปลาย 2013 จนจวนต้น 2023) ควรพัฒนาได้กว่านี้ครับ
-
มาสด้า บ.เล็กครับ
ถ้า R&D ทีนึงก็ต้องลากใช้ยาวๆ ให้จำนวนมันคุ้ม และถ้าเทียบกับค่ายอื่น มันก็ปกตินะ
เครื่อง sky ผ่านมา 2 gen เทียบกับค่ายอื่นละ 1.8ใน civic ลากมา 3gen 1.8ในอัลติส ก็ลากมา 2gen
และเครื่องมันก็ต้องปรับแก้มาตลอด ผมกลับมองว่า มาสด้าควรจะอิงของเดิมแล้วปรับให้มันเสถียรก่อน ดีกว่ากระโดดไปตลาดใหม่แล้วต้องมาไล่แก้อีก
และผมมองว่า มาสด้าเป็น บ.ที่นานๆจะทำที แต่ทำให้มันดีไปเลย เหมือนตอน project sky และถ้ารู้ตัวว่าทำให้มันสุดไม่ได้ก็ไม่ทำ เช่นตอน BT50 ก็จ้างคนอื่นทำไปเลยจบๆ
เอาไว้ระบบรถไฟฟ้ามันเริ่มนิ่งๆ ผมว่ามาสด้าเขาก็รอทำอยู่ละ อาจจะนั่งออกแบบ platform ไปก่อน ถ้ามาครึ่งๆกลางๆแบบใช้โครงรถน้ำมันทำรถไฟฟ้า ชาวHLM ก็ตั้งกระทู้บ่นกันอีกละครับ...
ปล.เจ้า 2 ออกมาจะครบ 8ปีแล้ว ยังไม่มีรถน้ำมันคันไหนทำลายสถิติประหยัดโหมดHLM มันได้เลยนิ(ต่อให้ไฮบริดบางคันด้วย) ... ใช้ของเก่าให้คุ้มก่อนไหม
-
ปัญหาของบริษัทเล็ก คือ ต้องมีคาแรคเตอร์ ทีนี้พอเข้ายุคที่"โลก"เริ่มเปลี่ยน แล้วดันไปเปลี่ยนตรงที่เลือกไว้ให้เป็นคาแรคเตอร์ตัวเองพอดี .. เลยเกิดความยากลำบากในการตัดสินใจขยับตัว
เชื่อว่าแฟนบอยซูบารุก็หัวใจสลายที่ได้ข่าวว่า sti ถ้าจะมาจะไม่ใช่ pure ICE แล้ว .. มาสด้าเค้าก็พยายาม manage transition ตรงนี้อยู่ ...
กลยุทธ์คือการตัดสินใจ คือ trade-off (เลือกทำ/ไม่ทำอะไร) สุดท้ายแล้วจะผิด-ถูกอย่างไร ต้องให้เวลาพิสูจน์
-
โทดทีครับ ผทลืมนึกถึงพวก รถยุโรษไป
เพราะ หากรถญี่ปุ่นผมมั่นใจว่าทนครับ อันนั้นจะโทษ Turbo ก็ไม่ได้ น่าจะโทษ คุณภาพเฉพาะรุ่นมากกว่าอะ
แต่มันก็ปกติ รถยุโรษนี่ ไม่ว่าจะ NA หรือ Turbo ก็จุกจิก พอๆกัน อิอิ
พอดีผมให้ความเห็น ว่า รถบ้าน
แต่ r60 นี่คงไม่เข้าเงื่อนไขด้วยอะครับ แฮร่
เกินแสนถอดเทอร์โบมา บาลานซ์ได้เลยครับ รับรองไม่ได้ศูนย์ซักลูก
แต่ถ้าคิดแค่ว่าขับได้ก็ขับ ไม่ได้มาตราฐานแต่ขับได้ก็นับว่าทน ถ้าเอาตามตรรกะนี้โอเครครับ ทนทาน :P :P :P :P
ก็ ตรรกะ นี้ละครับ พอดีใช้รถแค่ขับๆ เข้าศูนย์ ตามระยะ
ไฟไม่โชว์ น้ำมันไม่กิน บำรุง รักษา ตามอาการ พังค่อยเปลี่ยนครับ ก็เห็น เกินแสนหลายคันมันก็ยัง ปกติกันนะครับ
ส่วนท่าน จะ Advance กว่า ศูนย์ ก็ แล้วแต่สะดวกครับ
ถ้ารถมันปกติ ผมคงไม่ถอดเทอร์โบ มาให้ เสียเวลาครับท่าน
อีกอย่าง Turbo ใหม่ ยกลูก ค่ายรถบ้านๆ รถตลาด มันก็ไม่กี่บาทครับ คงไม่ต้องไป Service มันขนาดนั้น
หรือ ไอ้คำว่าว่า จุกจิก กว่า นี้ เป็นเพราะ USer เองหรือเปล่าที่ จุกจิกเอง แฮร่
-
คงไม่หายไปครับ แต่กำลังเมาหมัดตัวเองอย่างหนัก
-
ถ้าจะเจ๊ง เด่วก่อมีบริษัทยี่ปุ่นอื่นมาเทคโอเวอร์ไปแหละ คงไม่หายหรอก แต่จะไปได้ไกล รุ่ง ขายดีมั้ยก่อต้องรอดูกันไป
-
มันไม่หายไปไหนหรอก แค่ตอนนี้มาสด้ายังพยายามหาความเป็นซูมซูมกับรถไฟฟ้าอยู่
อารมณ์รถไฟฟ้าตอนนี้มันก็เหมือนการมีเซ็กซ์แบบไม่มีเสียงครางอะ เสียวก็จริง แต่ยังไม่เร้าใจ 🤣
-
มันไม่หายไปไหนหรอก แค่ตอนนี้มาสด้ายังพยายามหาความเป็นซูมซูมกับรถไฟฟ้าอยู่
อารมณ์รถไฟฟ้าตอนนี้มันก็เหมือนการมีเซ็กซ์แบบไม่มีเสียงครางอะ เสียวก็จริง แต่ยังไม่เร้าใจ 🤣
แหม่ เห็นภาพ
-
อ่านความเห็นหลายท่านแล้ว เหมือนจะมองว่ามาสด้า ล้าหลังไม่พัฒนารถไฟฟ้า หรือ EV แล้วสุดท้ายจะหายไปจากตลาด
ผมเลยนึกข้นมาได้ยี่ห้อนึงว่า ถ้ามาสด้าจะหายไปตามความเห็นหลายท่านด้านบน แล้วรถยี่ห้อ SUBURU จะไปอยู๋ตรงไหน และถ้าจะต้องหายไปจริงด้วยเหตุผลนี้ SUBARU ควรจะต้องไปก่อนมาสด้าหลายปีเลยล่ะ
ตอนนี้ SUBARU เหมือนจะมี EV แค่รุ่นเดียวที่ขายในญี่ปุ่นคือ Solterra ซึ่งมันก็คือ Bz4x นั่นแหละ ส่วนลายอัพอื่นๆ ไม่มีแม้แต่ไฮบริจเลยนะ
SUBARU อาจไม่อยู่ให้เราเห็นในอนาคตนี้แล้วใช่ไหมครับ ;D ;D ;D
(https://sv1.picz.in.th/images/2022/12/21/JBgKM9.png)
-
Mazda โลกไม่น่าห่วงเลยครับ ที่ออสก็ยังได้รับการตอบรับดี
แถม บ.แม่ เค้าก็มีเครื่องไม่น้อยแล้วทั้ง BEV , PHEV , M Hybrid พัฒนาเองด้วย
ประสิทธิภาพบางแบบอาจจะยังไม่ดีแต่ก็ดีกว่าไม่เริ่ม
จะช้าก็มีแค่ Mazda 2 ที่หลายคนว่ามันเก่า แต่ปกติเดิมมันก็ขายได้ดีไม่กี่ประเทศอยู่แล้ว
ห่วงที่ MST ไทยมากกว่า ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเดินเกมส์ช้าลงขนาดนี้
2022 แทนที่จะรีบดัน 2.0G M Hybrid ตามญี่ปุ่นมา ไม่ทำ ประมาทเทรน xEV เกินไป ตอนนี้เทรนลูกค้าเค้าหวังให้อัตราการใช้น้ำมันมันดีกว่าที่เป็นอยู่ ซัก 1-2 km/l ลูกค้าหลายกลุ่มก็พอใจที่จะซื้อจากความดีส่วนอื่นของรถแล้ว
ได้โอกาสปรับออพชั่น ก็ดันกั๊ก Stop&Go ทั้งที่หลายค่ายเริ่มเพิ่มมาให้ในราคาถูกกว่าบ้างแล้ว
แล้วตอนนี้ก็ดันมาเจอปัญหา part ขาดอีก บันเทิง
2023 นี่ขอเลยนะ 3 กับ CX-30 ควรจะมี M Hybrid และ i-Activsense ด้านหน้าเต็มระบบมาให้ครบทุกรุ่นย่อยได้แล้ว
2 ก็อย่าได้ใจดันราคาไปสูงกับสิ่งที่ได้นัก ถุงลม 6 ใบ , i-Activsense ด้านหน้าก็ควรจะมาได้แล้วในราคาไม่เกินตอนนี้ เครื่องไม่ได้เด่นอะไรแล้วนอกจากประหยัดที่คู่แข่งก็ตามทันไม่ยากแถมได้แรงกว่าไปแล้วบางรุ่น
CX-3 ถ้ายังจะขายต่อก็ไปเปิดตาราง spec Nissan Kicks มาเทียบแล้วก็ให้ของมาเพิ่มสู้เค้า
CX-5 , CX-8 , BT-50 อันนี้ตามมีตามเกิดคุมอะไรไม่ได้มากก็มาเล่นด้านโปรแทน
แล้ว 0 หนะ อย่าคิดแค่แถม MUS 5 ปีมาเป็นครั้งคราว ไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุกันด้วย
-
:) แต่ละแบรนด์เขามีกลุ่มลูกค้าของเขาเอง บางคนเช่นผม ไม่เคยพิศวาศ 1.5t+cvt เพราะมันจืดเวลาขับ
2500 cc 190 ม้า ดูสเปคก็รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจเซทมาเพื่อเน้นม้า
อ้ออีกอย่าง แรงม้าหรือแรงโม้เนี่ย เอาไว้คุยเกทับกันเฉยๆ เพราะเวลาคิดแรงม้าคิดที่รอบสูงสุด ในชีวิตจริง ใครใช้รอบสูงสุดตลอดบ้าง
พื้นที่ใต้กราฟ หรือแรงม้าที่กระจายอยู่ระหว่างรอบต่างหากที่สำคัญ จะเห็นได้ว่าเครื่องใหญ่ Linearlity ของเครื่องนั้นดีกว่าเทอร์โบมากโข ไม่ต้องรอรอบ กดตรงไหนก็ไป
ไม่กระโจนเป็นพักๆ หรือแรงหายเป็นพักๆ ดังนั้นรถแต่ละคันต้องได้ลองขับ ถึงจะรู้บุคลิก สเปคชีทนั้นเอาไว้โม้ให้กันดูเฉยๆ คนที่มีอายุ ผ่านรถมาหลายคัน จะคบเครื่องใหญ่
เพราะมันขับไม่เหนื่อย ไม่ต้องเค้นรอบขอรับ 8)
CVT เข้าใจได้เรื่องจืด
Linear เข้าใจว่าในเมืองอาจมีรอยตาอ
แต่พื้นที่ใต้กราฟ กับแรงม้า นี่ NA แพ้เทอร์โบว์หลุดรุ่ยเลยนะครับ
ยิ่งเทอร์โบยุคใหม่ ลูกกระจึ๋ง มีไฟฟ้า ติดบูสต์ 80-90% ตั้งแต่รอบไม่ถึง 1500
Turbo แรงบิดมาเป็น flat torque ขณะที่ NA มี peak กระจึ๋งเดียว
เทียบง่ายๆ ที่บ้านมี camry 2.5 2021 209 ม้า 250 nm 8at หนัก ตันครึ่ง
เทียบ f30 2.0t 184 ม้า 270 nm 8at ตันครึ่งเช่นกัน
กด f30 ดึงกว่า แม้ 0-100 พอๆกัน
Flat torque ทำให้ ขับ 2 คันไปสังขละ camry นั่ง 3 เล่นเกียร์ตลอด แรงไปอยู่รอบสูงหมด กองอยู่กระจึ๋งเดียว แถมเกียร์ไม่ได้ช่วยเลย อัตราทดอย่างห่าง
F30 นั่ง 4 ดึงรอบ 2500 ลากขึ้นเขาสบาย
-
ไม่ต้องกลัว คิดว่าแบรนด์รถญี่ปุ่น ไม่หายไปเหมือน Kodak หรอก แต่มันจะค่อยๆดปลี่ยน ส่วนตัวยังมองว่าถึงกระแสรถ EV จะมาแรง แต่เรื้องความทนทานก็เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งหลายแบรนด์ต้องรอการพิสูจน์
ส่วน Mazda subaru Suzuki และแม้แต่ Isuzu เอง ปัจจุบัน Toyota ก็ถือหุ้นอยู่ เชื่อว่าอย่างน้อยๆรัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องช่วยเหลือค่ายรถเพราะมันคืออุสาหกรรมหลักของประเทศ ไม่ปล่อยให้ล้มแน่ๆ
อยากไวสุดก็คือ เอารถ EV Toyota มาแต่งหน้าทาปากขายเ
เลย
-
จขกท ตั้งหัวข้อโพสซะเว่อวังเกินไปแถมหัวข้อก้ไม่ชัดเจน ไม่เห็นบอกว่าหายไปเพราะเหตุใด มันต้งมีเหตุผลสิว่าหายไปจากตลาดโลกเพราะอะไร อาจขยายความเพิ่มไปว่า เพราะการไม่เน้นพลังงานทางเลือกอย่าง EV ,HYBRID etc, จะทำให้ม่าสด้าหายไปมั่ย พิมแบบนี้สาวกมาสด้ามีเคืองนะ มันจะไปหายไปได้ยังไง รถเขาก้ขายได้เรื่อยๆ ถึงมาสด้าจะไม่ใช่ค่ายที่ใหญ่โตมากนักแต่ก้ไม่ใช่ค่ายโนเนมที่พอผลิตภัณฑขายไม่ไเก้ยุบไป เดวในอนาคตเขาก้ปรับตัวเองแหละเพียงแต่เขาอินดี้ไปหน่อยเท่านั่นเอง แต่เดวกระแสรถพลังงานทางเลือกมาแรงเขาก้หาทางเข้าร่วมอยู่แล้ว
-
วงการอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นเขาคุยกันเองอยู่แล้วแหละครับ
ผมแค่ไม่แน่ใจว่าคอนดัคเตอร์หรือหัวเรือใหญ่คือใคร ที่คอยพาวงโอเปร่าทั้งวงเดินไปข้าหน้า
-
:) แต่ละแบรนด์เขามีกลุ่มลูกค้าของเขาเอง บางคนเช่นผม ไม่เคยพิศวาศ 1.5t+cvt เพราะมันจืดเวลาขับ
2500 cc 190 ม้า ดูสเปคก็รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจเซทมาเพื่อเน้นม้า
อ้ออีกอย่าง แรงม้าหรือแรงโม้เนี่ย เอาไว้คุยเกทับกันเฉยๆ เพราะเวลาคิดแรงม้าคิดที่รอบสูงสุด ในชีวิตจริง ใครใช้รอบสูงสุดตลอดบ้าง
พื้นที่ใต้กราฟ หรือแรงม้าที่กระจายอยู่ระหว่างรอบต่างหากที่สำคัญ จะเห็นได้ว่าเครื่องใหญ่ Linearlity ของเครื่องนั้นดีกว่าเทอร์โบมากโข ไม่ต้องรอรอบ กดตรงไหนก็ไป
ไม่กระโจนเป็นพักๆ หรือแรงหายเป็นพักๆ ดังนั้นรถแต่ละคันต้องได้ลองขับ ถึงจะรู้บุคลิก สเปคชีทนั้นเอาไว้โม้ให้กันดูเฉยๆ คนที่มีอายุ ผ่านรถมาหลายคัน จะคบเครื่องใหญ่
เพราะมันขับไม่เหนื่อย ไม่ต้องเค้นรอบขอรับ 8)
CVT เข้าใจได้เรื่องจืด
Linear เข้าใจว่าในเมืองอาจมีรอยตาอ
แต่พื้นที่ใต้กราฟ กับแรงม้า นี่ NA แพ้เทอร์โบว์หลุดรุ่ยเลยนะครับ
ยิ่งเทอร์โบยุคใหม่ ลูกกระจึ๋ง มีไฟฟ้า ติดบูสต์ 80-90% ตั้งแต่รอบไม่ถึง 1500
Turbo แรงบิดมาเป็น flat torque ขณะที่ NA มี peak กระจึ๋งเดียว
เทียบง่ายๆ ที่บ้านมี camry 2.5 2021 209 ม้า 250 nm 8at หนัก ตันครึ่ง
เทียบ f30 2.0t 184 ม้า 270 nm 8at ตันครึ่งเช่นกัน
กด f30 ดึงกว่า แม้ 0-100 พอๆกัน
Flat torque ทำให้ ขับ 2 คันไปสังขละ camry นั่ง 3 เล่นเกียร์ตลอด แรงไปอยู่รอบสูงหมด กองอยู่กระจึ๋งเดียว แถมเกียร์ไม่ได้ช่วยเลย อัตราทดอย่างห่าง
F30 นั่ง 4 ดึงรอบ 2500 ลากขึ้นเขาสบาย
:)ท่านยกตัวอย่างได้เห็นภาพขอรับ แต่ท่านน่าจะลืมไปว่า เครื่อง 2.0t ของท่านนั้นไม่ใช่คู่ชกกับ 2.5 na
โดยปกติแล้ว เครื่องเทอร์โบจะได้เปรียบเชิงกลมากกว่าเครื่อง Na คิดแบบบ้านๆเลยต้องคูณแฟคเตอร์ 1.7 สำหรับรถแรงสูง 1.5 สำหรับรถบ้าน
ดังนั้น f30 2.0t นั้นถ้าเปรียบ ต้องชกกับเครื่อง na3000-3400 cc ถึงจะถูกต้อง ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เครื่อง E300 V6 ที่มีสองบล็อคคือ 3000 กับ 3400 ส่วนสเปคนั้น
ต้องไปดู จำคร่าวๆแค่ว่าเป็นเครื่อง na แต่มี flat torque ::) ::) 8) 8)
-
ให้หายไปตลาดโลก คงไม่หายหรอกครับ
แต่จะขายได้ขนาดไม่รู้
ค่ายนี้ ทำอะไรช้ามาก ตลาดวาย ไปกับเพื่อนร่วมชาติบางยี่ห้อไปแล้วมั้ง
เทคโนโลยีสุดแสนจะธรรมดา ลากขายกันเป็นทศวรรต
ผมยังไม่เห็นอะไรใหม่ หรือ ล้ำหน้ากว่าใคร ในทุกยุคทุกสมัยเลย จากค่ายนี้เลยจริงๆ
เหมือนเอาแค่ตัวเองพอขายได้ ก็ขายเท่านั้นเลย ปรับโน่น ปรับนี่ ก็ขายต่อ