Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: PaPaMan ที่ มีนาคม 30, 2023, 11:42:56
-
ใครที่ได้ติดตามข่าวคราวของการพัฒนาแบตโซเดี่ยม จะเห็นได้ว่าบริษัทผลิตแบตยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง CATL ได้มีการแนะนำแบตโซเดี่ยมออกมาแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะมีการนำมาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าในระยะเวลาอันใกล้นี้ หรือแม้แต่การใช้แบตแบบ AB โดยการผสมแบตลิเที่ยมกับแบตโซเดี่ยมในโมดูลเดียวกันโดยใช้ระบบ BMS ควบคุมการอัดและคายประจุของแบตแต่ละชนิด เพื่อทำให้ต้นทุนแบตลดลง แม้แต่ในประเทศไทยเราเองก็ได้มีการทดลองผลิตแบตโซเดี่ยมได้แล้วและมีการนำมาทดลองใช้กับจักรยานไฟฟ้าได้แล้วด้วย
แน่นอนว่าต้นทุนของแบตโซเดียมจะต่ำกว่าแบตลิเที่ยมเป็นอย่างมาก และในเวอร์ชั่นต่อๆไปของมันก็จะดียิ่งขึ้น จุไฟได้มากขึ้น และจะยิ่งมีราคาที่ถูกลงไปอีกเพราะโซเดี่ยมนั้นมีอยู่อย่างมากมาย ลำพังในประเทศไทยก็มีแร่หินเกลือสำรองมากถึง 18ล้าน ล้าน ตันเข้าไปแล้ว (ไม่เหมือนแบตลิเที่ยมที่มีแต่จะแพงขึ้นเพราะความที่มีจำกัดของแร่ลิเที่ยม)
สำหรับผม ณ ตอนนี้ได้หยุดความคิดที่จะซื้อรถ BEV ไปแล้วครับ เพราะในอนาคตอันใกล้จะมีรถไฟฟ้าที่ใช้แบตโซเดี่ยมราคาถูกออกมาอย่างมากมาย
เพื่อนๆมีความเห็นยังไงมาแชร์กันได้ครับ :) :)
-
แบตโซเดี่ยม มีนน.มาก คิดว่าจะอยู่ในรถระดับล่างๆ วิ่งได้ไม่ไกลครับ
หลักๆเลยเหมาะกับ powerwall ที่บ้านครับ
-
มีคนสนใจชนิดของแบตกันด้วยหรือครับ จากที่ผ่านมาผมว่าคนสนใจเรื่องนี้น้อยมากๆนะ
ยกตัวอย่างสมัยไฮบริจยุคแรกๆ ที่มีโตโยต้าแข่งกับฮอนด้า สมัยนั้น โตโยต้ายังใช้แบตแบบ นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ อยู่แต่ ฮอนด้าใช้แบตแบบ ลิเธียม และตอนนั้นฮอนด้าชูจุดนี้เป็นจุดขายที่เหนือกว่าโตโยต้า ...
แล้วยังไง สรุปไม่มีใครสนใจตรงนี้เลย ฮอนด้าเน้นตรงนี้แต่ลูกค้าบอกแล้วไง มันจะแบตแบบไหนก็ชั่ง มันทน มันวิ่งได้ มันซ่อมไม่แพงก็พอ ...
ส่วนแบตโซเดียม มันใหม่แต่คนก็จะสงสัยในราคา ถ้าต้องเปลี่ยนถ้าต้องซ่อมและความทนทานอยู่ดี
และอยากจะบอกว่า แม้ต้นทุนแบตจะถูกลง แต่ค่ายรถเค้าไม่ขายถูกหรอกครับ เค้าก็บวกแพงเข้าไปอีกและชูว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ เหมือนที่รถไฮบริจมันแพงกว่ารถน้ำมันในทุกวันนี้ไง
ภาษีก็ลดให้ แล้วดูเค้าทำราคามาขายสิ และก็บอก"เทคโนโลยี"
-
แบตเกลือน้ำหนักเยอะครับ ถ้าจะเอามาใส่รถ คงวิ่งได้ที่ราวๆสองร้อยโล แบตเกลือจึงเหมาะกับไปทำระบบสำรองไฟที่อยู่กับที่อย่างพวกโซล่าห์เซลล์อะไรแบบนี้ครับ
-
แบตโซเดี่ยม มีนน.มาก คิดว่าจะอยู่ในรถระดับล่างๆ วิ่งได้ไม่ไกลครับ
หลักๆเลยเหมาะกับ powerwall ที่บ้านครับ
แบตเกลือน้ำหนักเยอะครับ ถ้าจะเอามาใส่รถ คงวิ่งได้ที่ราวๆสองร้อยโล แบตเกลือจึงเหมาะกับไปทำระบบสำรองไฟที่อยู่กับที่อย่างพวกโซล่าห์เซลล์อะไรแบบนี้ครับ
อย่าดูแคลนแบตโซเดี่ยมเกินไปครับ ณ ปัจจุบัน CATL ทำให้มันมีความจุพลังงานได้ที่ 160 Wh/kg ( Litium = 200 - 260 ) แต่รุ่นถัดไปเขาจะพัฒนาให้มีความจุขึ้นไปถึง 200 ซึ่งก็จะเทียบเท่าแบตลิเที่ยมรุ่นล่างๆได้แล้วครับ
และผมว่านี่จะเป็นไพ่เด็ดที่ทำให้เราสามารถเป็น EV hub ได้
อีกอย่างคือ Vistec ก็กำลังพัฒนาแบตโปแตสเซี่ยมอยู่ที่ระยอง ซึ่งเจ้าตัวนี้น่าจะใช้เป็นหน่วยกักเก็บพลังงานได้ดี
-
ถ้าทำได้ถึง 200wh/kg ได้ ก็คงสามารถใส่มาในรถขาด C seg และวิ่งได้ระยะสัก 3ร้อยโลนิดๆ ก็ถือว่าเป็นรถใช้ในเมืองที่ดีและราคาคงถูกลงมาเยอะทีเดียวครับ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้และจะทำได้ไหมก็ไม่รู้หรือหากทำได้ต้องรออีกกี่ปีแล้วต้นทุนในการผลิตที่ทำได้จะยังถูกแบบปัจจุบันไหมก็คงต้องดูกันอีกทีครับ แต่ถึงให้ทำไม่ได้ ก็ทำรถเล็กวิ่งสักสองร้อยโลกันในเมืองขับจ่ายตลาดส่งลูกไปโรงเรียนได้สบายๆน่าจะช่วยลดความต้องการลิเธียมลงมาได้พอควรครับ
แต่ประเด็นอยู่ตรงนี้มากกว่าครับ คือแบตเกลือมันเอามาใช้กับระบบสำรองไฟที่อยู่กับที่ดีมากๆซึ่งจะเข้ามาแทนที่ลีเธี่ยมเกือบจะ100% เลย
ตรงนนี้จะช่วยถ่วงดุลให้ราคาลีเธี่ยมไม่พุ่งจนเกินไปในอนาคตครับ
-
ในสาย Technology มีคำพูดไว้ใช้สะกิดเตือนสติกัน 2 ข้อ
1. อะไรก็ตามที่มาใหม่หรือเป็นรุ่นแรก คนซื้อคือนักทดสอบ หรือหนูทดลองให้แบรนด์นั้นเสมอ
2. เวลาซื้อของ ซื้อจากสิ่งที่เป็นอยู่ อย่าไปสนใจที่เขาสัญญาว่าจะทำให้
แบต Na นี่ก็เหมือนกัน สายเคมีรูู้อยู่แล้วครับ ละ Sustainable กว่านี่ก็รู้ เพียงแต่การเปลี่ยน norm อะไรพวกนี้ ใช้เวลา คุณดูเอาก็ได้ แบต Li กว่าจะมาถึงปัจจุบันได้ กินเวลาหลายสิบปี ทั้งวิวัฒนาการทางความจุ ความปลอดภัย ฯลฯ
ฉะนั้นแล้วถามว่าแบต Na เป็นอนาคตไหม ต้องไปดูว่า li ถึงทางตันรึยัง ถ้าใช่ มันก็จะไหลมาวิจัย Na มากขึ้น อาจจะพัฒนาได้ไวกว่า Li เพราะมี know-how แล้ว แต่มันคือ Side-upgrade มากกว่าจะเป็น replacement (อย่างน้อยก็จนกว่า Li หมดโลก)
-
ในสาย Technology มีคำพูดไว้ใช้สะกิดเตือนสติกัน 2 ข้อ
1. อะไรก็ตามที่มาใหม่หรือเป็นรุ่นแรก คนซื้อคือนักทดสอบ หรือหนูทดลองให้แบรนด์นั้นเสมอ
2. เวลาซื้อของ ซื้อจากสิ่งที่เป็นอยู่ อย่าไปสนใจที่เขาสัญญาว่าจะทำให้
แบต Na นี่ก็เหมือนกัน สายเคมีรูู้อยู่แล้วครับ ละ Sustainable กว่านี่ก็รู้ เพียงแต่การเปลี่ยน norm อะไรพวกนี้ ใช้เวลา คุณดูเอาก็ได้ แบต Li กว่าจะมาถึงปัจจุบันได้ กินเวลาหลายสิบปี ทั้งวิวัฒนาการทางความจุ ความปลอดภัย ฯลฯ
ฉะนั้นแล้วถามว่าแบต Na เป็นอนาคตไหม ต้องไปดูว่า li ถึงทางตันรึยัง ถ้าใช่ มันก็จะไหลมาวิจัย Na มากขึ้น อาจจะพัฒนาได้ไวกว่า Li เพราะมี know-how แล้ว แต่มันคือ Side-upgrade มากกว่าจะเป็น replacement (อย่างน้อยก็จนกว่า Li หมดโลก)
ผมอยู่ในแวดวงแบตเตอรี่ตะกั่วมากว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นพ่อผม
ข้อ 2 คือใช่เลยครับ
เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ที่พ่อผมเริ่มรู้จักโซล่าเซล
แล้วบอกว่า วันข้างหน้าจะต้องดีขึ้น
วันนี้ ผมยังไม่เห็นว่ามันจะไปไหนเลย
ส่วนแบตเตอรี่ หลายคนที่ไม่รู้จัก ก็จะบอกว่าวันนี้ดีมากแล้ว วันข้างหน้าต้องดีกว่านี้
แต่สำหรับผม จากวันที่ถ่านตรากบเกิดขึ้นบนโลก วันนี้ก็ไม่ได้ต่างกับวันนั้นเท่าไหร่
ตราบใดที่ ยังใช้การเล่นแร่แปรธาตุมาสร้างประจุ + มาชนกับประจุ - จนเป็นไฟ dc ขึ้นมา มันก็จะอยู่แค่ตรงนี้
เอาตรงๆนะครับ
ผมจะตื่นเต้นมากๆ ถ้านักวิทย์สามารถค้นความลับว่า ปลาไหลมันช๊อตจระเข้ตัวใหญ่ๆให้ดิ้นพล่านได้อย่างไร และนำหลักการนี้มาใช้ได้ วันนั้นคือการสิ้นสุดที่มาของแบตเตอรี่ทันที เพราะนั่นหมายถึงการที่เราจะได้ไฟ ac ที่ผลิตได้เองจากอะไรก็แล้วแต่มาปั่นมอเตอร์
-
ซื้อๆไปเถอะครับ
มันไม่มีหรอกออกมาใหม่ถูกถล่มทลาย
ของทุกอย่างมีโปรมีคอน
ถ้ามันถูกกว่า ก็ย่อมมีข้อดีข้อเสียบ้าง
ถ้ามันดีทุกอย่าง เค้าไม่ขายถูกกว่าเดิมหรอก หรือถ้าต้องการmassก็ขายถูกกว่าเดิมแต่ไม่จำเป็นต้องถูกกว่าแบบถล่มทลาย ต้นทุนถูกก็ถือว่าเป็นค่า knowhow
-
ถ้าลองศึกษาอดีตที่ผ่านมากจะเห็นว่ากว่าจะคิดค้น กว่าจะวิจัย ออกเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ออกเป็นแมส มันกินเวลาเป็นสิบปีครับ
-
ตามข้างบน ฝันว่าราคาแบตถูกลงเยอะ ๆ คงไม่มีทาง ไม่มีบริษัทรถยนต์หรือผู้ผลิตแบตรายใดจะออกมาตรการมาว่าจะทำแบตราคาถูกสักราย มีแต่ชาวเนตพูดกันเองฝ่ายเดียวนี่ละ อนาคตแบตจะถูกลง 55555 ตอนนี้มีแต่บริษัทประกันที่ปวดหัวกับเรื่องนี้และพยายามให้ผู้ผลิตรถยนต์และแบตพยายามคายความลับถ่ายทอดโนฮาวการผลิตแบตซ่อมแบตออกสู่ภายนอก เพื่อให้ค่าประกันภัยลดลง แต่ไม่มีมาตรการตอบรับจากค่ายรถใดใด
อนาคตอาจจะทำแบบเดียวกับโทรศัพท์ ก็ได้ เห็นชอบเปรียบเทียบกับไอโฟน คืออนาคตแบตเตอรี่อาจเป็นเนื้อเดียวกับรถยนต์คือห้ามแกะทั้งสิ้น ทิ้งรถทั้งคันอย่างเดียว และราคารถยนต์กับแบตจะไม่มีทางถูกลง
ปล แต่ทำให้ชาร์จเร็วขึ้น เก็บความจุมากบึ้น เป็นไปได้ แต่ให้ราคาแบตถูกลง ไม่มีทาง
-
จริงๆอย่าว่าแต่แบตโซเดียมกับแบตลิเธียมเลยครับ
แค่แบตลิเธียมด้วยกันอันนึงผลิตมานานอยู่ตัวแล้วอีกอันกำลังจะเปลี่ยนรูปแบบ
ผมยังสงสัยในความสุดจัดอย่างที่ว่ามาหรือเปล่าเลยครับ
อันนี้รวมไปถึงการตั้งไลน์ผลิตใหม่ ที่ยังอาจจะควบคุม defect หรือขั้นตอนได้อย่างไม่ดีพอ
เหมือนรถที่ขึ้นไลน์ผลิตใหม่ๆถึงแม้จะผ่านการวิจัยมาเลิศแค่ไหนทำออกมาเหมือนจะสมบูรณ์ยังไง
แต่ล๊อตแรกๆก็มักจะเจออะไรแปลกๆประจำ
เห็นด้วยกับท่านข้างบนที่ว่ามาว่าเมื่อเราพร้อมและจำเป็นต้องใช้ก็ซื้อมันเถอะ
อย่าไปคิดมากหรือต้องอดทนอย่างยากลำบากในการรอคอยสิ่งที่ยังมาไม่ถึง :-\
-
ผมคิดว่ามีแต่จะแพงครับ. ไม่มีถูกลงแน่ๆตามนิสัยพ่อค้าครับ. แค่น็อตแหวนถ่ายน้ำมันเครื่องน้ำมันเกียร์ในศูนย์ก็ตัวละ80-90฿ บางยี่ห้อตัวละ200฿ยังไม่มีที่ท่าว่าจะลดลง ส่วนเทคโนโลยีจะพัฒนาให้เล็กลงเบาลงขนาดไหนมีโอกาสทั้งนั้นครับ. แต่ทั้งนี้ผมคิดว่าบริษัทรถเองทำให้รถยนต์ไฟฟ้าไม่น่าใช้เองเพราะราคาแบตเตอรี่ที่บวกเยอะเกินไปครับ
-
เแาเป็นว่า แบตโซเดียมที่พร้อมจะจำหน่ายในระดับแมส ซัพพลายเชนจะพร้อม(รองรับผลิตรถระดับหลายแสนคัน)คืออีก 5 ปี แล้วกว่าจะใช้จนแพร่หลายเป็นที่ยอมรับก็อีก 5 ปี
รวมแล้วมี 10 ปี ถึงจะแมส
มันไม่มาง่ายๆหรอกครับ
-
สนใจแบตแบบ solid state มากกว่า ชนิดของแร่ ครับ
-
เแาเป็นว่า แบตโซเดียมที่พร้อมจะจำหน่ายในระดับแมส ซัพพลายเชนจะพร้อม(รองรับผลิตรถระดับหลายแสนคัน)คืออีก 5 ปี แล้วกว่าจะใช้จนแพร่หลายเป็นที่ยอมรับก็อีก 5 ปี
รวมแล้วมี 10 ปี ถึงจะแมส
มันไม่มาง่ายๆหรอกครับ
ถูกต้องอย่างทีสุดครับ มันไม่ใช่จะมาใช้ภายในปีสองปีนี้ เป็นไปไม่ได้เลย