Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: the kit ที่ เมษายน 12, 2023, 08:49:14
-
CRV ตัว Turbo กับ E-HEV เลือกตัวไหนดี?
มองไว้แค่ตัว 5 ที่นั่งเท่านั้น
ข้อจำกัด
- นั่งเต็มที่ไม่เกิน 4 คน
- ใช้ ตจว. บนทางดำ ไม่ขึ้น-ลงเขา
- เดินทางบนความเร็ว 80-100-120
- ใช้วันละประมาณ 70-80 กม. แต่ไม่ทุกวัน
- ใช้ยาวระยะ 10 ปี
- ไม่ตกแต่งส่วนใดส่วนหนึ่งเพิ่มแน่นอน
- ผู้หญิงเป็นเจ้าของ
ข้อกังวล
- เรื่องจุกจิกของเครื่องยนต์และอื่นๆ
- เรื่องการกินเชื้อเพลิง
ตัวไหนน่าจะ "สบายใจ" ในระยะยาวมากกว่ากัน?
-
จากข้อกังวลที่ให้มา
ผมเลือก E-HEV ครับ
-
จากที่ดูรีวิวหลายสำนัก ผมไป eHEV แบบไม่คิดเลยครับ น่าใช้จริงๆ gen นี้ จากที่เคยใช้ gen4 2.0 4wd ขับกับเช็คระยะอย่างเดียว ค่าเช็คระยะก็แพงกว่า eco car ไม่เยอะ ขายไปตอน 8หมื่นกว่า ใช้สบายใจสุดๆ
-
ผมคิดว่าเลือกได้หมดทั้ง turbo และ ehev
ที่ระยะทาง 70-80โลต่อวัน น่าจะจ่ายค่าน้ำมันไม่ต่างกับเงินที่จ่ายเพิ่มกับรุ่น hybrid เท่าไร
เรื่องปัญหากวนใจมันจะไปเจอคนละเรื่อง turboก็ต้องมีวันเสีย ehev มีแบตยังไงก็เสื่อม อนาคตขายต่อราคาตก แค่มันก็อีกนานนะครับ
เลือกที่ option และงบที่ยินดีจะจ่ายน่าจะดีกว่า
หรือลองไปดูตัวจริง turbo กับ hybrid มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆต่างกัน เช่น คิ้วขอบดำ กับคิ้วขอบสีเดียวกับรถ
-
E-hev ขับสอง
วิ่งถนนดำไม่ขึ้นลงเขา ก็ไม่จำเป็นต้องขับสี่
กังวลค่าน้ำมันก็ต้อง hybrid
ไม่ชอบ 1.5T เพราะ cvt
-
เครื่อง turbo ถ่ายน้ำมันเครื่องบ่อยกว่าเครื่อง hybrid นะครับ
ถ่ายทุก 7000 กิโลนะ
เห็นว่าใช้รถวันละ 80 ไม่เกินครึ่งปีก็ต้องถ่ายน้ำมันเครื่องละ
-
E:hevเลยครับแบบนี้
-
e:hev es เลยครับ
-
ไฮบริด แรงกว่า ประหยัดกว่า ออปชั่นดีกว่า
-
e-hev ขับ 2 ครับ อัตราสิ้นเปลืองดีกว่าด้วย
-
ไฮบริด ES เลยครับ ถูกกว่า turbo ES แถมประหยัดน้ำมันตั้งแต่วินาทีแรก
ถ้าจะเอารุ่น turbo ผมว่าต้องลงไปรุ่นล่างสุดเลยถึงดูคุ้มราคา
-
ผมว่า Gen นี้ยังไงก็ต้อง Ehev นะ
เพราะ Crv เป็นรถที่กินน้ำมันมาตั้งแต่ g1 ยัน g5 (กินแบบซดฮวบๆ)
พอมาเป็น G6 นี่ ehev ถือว่ากลบข้อด้อยข้อนี้แบบชัดเจนมาก (อาจจะไม่ประหยัดเท่า ehev รุ่นอื่น แต่ก็ประหยัดกว่าเดิมมากแน่นอน)
ส่วน turbo ไม่ได้กลบข้อด้อยข้อนี้ครับ นอกจากสายซิ่งไปต่อ 250ม้า
-
ถ้าเป็นผม ไป Turbo
ผู้หญิง เดาว่าเท้าไม่หนัก ขับยาวๆ ไกล ตามตจว กินน้ำมันไม่น่าหนีกันมาก
รุ่นขับสอง ส่วนต่างเอาไปเติมน้ำมันได้สบายๆ กว่าจะคุ้มทุน
ขายต่อ10ปี ถ้ายังเป็นแบบปัจจุบัน ยังไงน้ำมันก็ได้เปรียบ
ผมชอบตัวไม่ Hybrid มันมีอะไรให้เสียแล้วซ่อมแพงกว่า
เหลือแต่ option ที่ต่างกัน รับได้ไหมนั่นแหละครับ
แต่เอาจริง ๆ ไม่ชอบ CVT เลย ให้ตายเถอะ หมดความอยากได้ไปเยอะเลย
-
:) ผมใช้ G4 อยู่ ท่านเชื่อหรือไม่เปลี่ยนแค่น้ำมันเครื่อง ของเหลวตามระยะเช็คเปลี่ยนสิ่งอื่นตามระยะ ไร้ปัญหาใดๆ
โช๊คผมสั่งเปลี่ยนเองตอน 2 แสน ยังไม่รั่วสักต้น ตอนนี้ 2.5 แสน เครื่องนิ่งกริ๊บ เหมือนพึ่งออกแรงแต่จอดยาว เพราะใช้รถไฟฟ้า
::) ::) แต่...สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับคนใช้ CRV คือ การบริโภคน้ำมันขอรับ บริโภคแบบเศรษฐีดูไบ ยิ่งในเมืองบอกเลยบรรลัยขอรับ
เบนซินมันแพงกว่าดีเซลล์ จริงๆก็เท่าๆกับกระบะทั่วๆไป แต่รถบอดี้ใหญ่เครื่องเบนซินแรงบิดรอบต้นน้อย จะเปลืองน้ำมันสูงตอนออกตัว
เครื่อง 1.5t ต้องรอบูส เรียกแรงมาฉุดบอดี้โตโต หงุดหงิดเอาเรื่อง
เรื่องแรงไม่ต้องห่วงถ้าเพราะท่านขับรถถือว่าเก่งพอตัว เรียกแรงใช้ได้ไม่ยาก เรียกรอบเป็น มันก็แรงพอๆกับดีเซลล์ไฮเพาเวอร์ทุกตัว
สรุป ถ้าเป็นผมซื้ออีกครั้งเอาไฮบริดแบบไม่คิดขอรับ การเติมน้ำมันโลละ 3.5-4 บาทใช้ในเมืองผมคงไม่เอาอีกแล้ว 8) 8) 8)
-
Turbo ต้องดูแลเยอะกว่า Hybrid ครับ
ดังนั้น ไป Hybrid ง่ายๆ สบายๆ ประหยัดกว่าด้วย
อีกอย่าง Hybrid ของ HONDA ขายมานานละ ค่อนข้างนิ่ง ไม่แพ้ Toyota ดังนั้น ไว้ใจได้ครับ
-
eHEV es ครับ คุ้มสุด ขับ 2 พอ ประหยัดสุดในรุ่น Gen 6
ไม่ต้องเอาขับ RS แพงกว่ากินน้ำมันมากกว่านิดนึง
ไม่เอาเบนซิน 1.5 T ผมคาดว่า กินต่างจากตัว eHEV ไม่ต่ำกว่า 4 กิโลเมตร/ลิตรแน่ๆ
แถมล้อตัว เบนซิน ไม่สวยเลย เซนเซอร์กะระยะด้านหน้าก็ไม่มี
เรี่ยวแรงออกตัวตีนต้น ที่ได้ใช้งานจริงๆ eHEV กระฉับกระเฉงกว่า
eHEV es โลด
-
ขอแสดงความเห็นในมุมมองราคาขายต่อ 2 รุ่นนี้นะครับ
ตัว ehev เวลาซื้อจะแพงกว่า เทอร์โบ ประมาณ 1.5แสนโดยประมาณ
ทีนี้เมื่อเราใช้ระยะยาว เอาเป็นว่าผมไม่คาดหวังจะใช้ ถึง 10 ปีนะ เอาแค่ 7 ปีเบื่องต้นที่ต้องตรวจสภาพตามกฏหมาย
เวลานั้น ราคาขายต่อตัว เทอร์โบ จะเท่ากับตัว ehev ทั้งๆที่ ตัวเทอร์โบซื้อมาถูกกว่า เพราะพอเป็น มือ 2 หลายคนยังหวั่นๆกับไฮบริจ และเมื่อรถอายุเกิน 10 ปี ตัว ehev จะแทบไม่มีราคาเลยเพราะแบ็ตหมดวารันตีแล้ว
-
ถ้าไม่มีประเด็น 7 ที่นั่ง ดูรีวิวแล้วแทบจะกำหนดมาเพื่อให้จบที่ eHEV ตะเลือกรุ่นรองหรือ RS ก็ตามงบและชุดตกแต่งที่อยากได้ ซึ่งแทบไม่ต่างกันจิ้มนิ้วเลือกได้เลย
-
ควรเพิ่มปัจจัยที่จะใช้รถไปประมาณกี่ปีแล้วขายด้วยครับ เพราะถ้ากะใช้ยาวเกิน 10 ปี ผมว่า HEV จะลำบากหน่อย
-
ส่วนตัวไม่ค่อยกังวลเรื่องไฮบริดของเจ้าตลาดเท่าไหร ไม่ว้าจะโตหรือฮอน เรื่องการดูแล ผมมองว่า HV น่าจะมีจุดซ่อมน้อยกว่า เพียงแต่อุปกรณ์ส่วนควบ HV จะมีราคาแพงกว่า
เดาว่าพี่น่าจะเอามาแทน PJS คงไม่ได้เอาคันนี้ไปซิ่ง
-
ถ้าไม่คิดอะไรเยอะ Turbo ตัว E 1.4ล้าน ออพชั่นผมว่าพอแล้ว เหลือเงินไว้เติมน้ำมันอีกเพียบ :D
-
ขับไม่เกิน 130 ehev เลยครับ เหมาะ
-
ระยะยาว 10 ปี ทั้ง turbo หรือ E-HEV อุปกรณ์ก็คงค่อย ๆ เสื่อมไปเรื่อย วันนี้ G6 E-HEV ทำมาดีมาก ประหยัดกว่าด้วย
-
E-HEV ตอบโจทย์กว่าครับ ถ้าจะประหยัดก็ไป ES ส่วนตัวผมไป RS แน่นอน
-
ของแพงย่อมมีอะไรดีกว่าเสมอครับ
ไม่ติดเรื่องงบ ไปตัวแพงครับ
-
มีใครได้ไปดูตัว E:Hev มาบ้างครับ
อยากทราบว่าพื้นที่ด้านหลัง สามารถใส่ยางอะไหล่แทนชุดปะยางได้หรือเปล่าครับ
-
มีใครได้ไปดูตัว E:Hev มาบ้างครับ
อยากทราบว่าพื้นที่ด้านหลัง สามารถใส่ยางอะไหล่แทนชุดปะยางได้หรือเปล่าครับ
ไม่ได้เลยครับ ติดแบต
พื้นท้ายรถเปิดขึ้นมาเป็นที่เก็บโฟมชุดปะยางได้แค่นิดเดียวเลย
-
e-hev ของ Honda เปิดแอร์ในรถโดยไม่ต้องสตาร์ทเครื่อง(ซักครึ่งชั่วโมง)ได้มั้ยครับ
-
ถ้าใช้รถยาวเกิน10ปี และไม่ได้ขับปีนึงประมาน50,000โล เอาตัวturbo ดีกว่าครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องแบต และราคาขายต่อ เพราะถ้ารถวิ่งน้อย ยังไม่ได้ส่วนต่างจากค่าน้ำมันครับ hybridระยะยาวมีโอกาสเสียค่าซ่อมแพงกว่าเยอะครับ
-
E-hev ขับสอง
วิ่งถนนดำไม่ขึ้นลงเขา ก็ไม่จำเป็นต้องขับสี่
กังวลค่าน้ำมันก็ต้อง hybrid
ไม่ชอบ 1.5T เพราะ cvt
จริงๆ ผมก็ไม่ชอบ CVT เพราะ "เคยมี" EXP จาก Jazz ตัวแรก ที่ไม่ทนสักเท่าไร
แต่ก็เห็น Honda ใช้มาตลอด
เลยเข้าใจว่า "น่าจะ" ทนขึ้นนะ!!??
Turbo ต้องดูแลเยอะกว่า Hybrid ครับ
ดังนั้น ไป Hybrid ง่ายๆ สบายๆ ประหยัดกว่าด้วย
อีกอย่าง Hybrid ของ HONDA ขายมานานละ ค่อนข้างนิ่ง ไม่แพ้ Toyota ดังนั้น ไว้ใจได้ครับ
Turbo ดูแลเยอะกว่าเหรอครับ??
ผมเข้าใจว่า Hybrid น่าจะควร "ต้องกังวล" มากกว่าซะอีก
eHEV es ครับ คุ้มสุด ขับ 2 พอ ประหยัดสุดในรุ่น Gen 6
ไม่ต้องเอาขับ RS แพงกว่ากินน้ำมันมากกว่านิดนึง
ไม่เอาเบนซิน 1.5 T ผมคาดว่า กินต่างจากตัว eHEV ไม่ต่ำกว่า 4 กิโลเมตร/ลิตรแน่ๆ
แถมล้อตัว เบนซิน ไม่สวยเลย เซนเซอร์กะระยะด้านหน้าก็ไม่มี
เรี่ยวแรงออกตัวตีนต้น ที่ได้ใช้งานจริงๆ eHEV กระฉับกระเฉงกว่า
eHEV es โลด
ตัวที่คุณว่า ก็น่าสน
ว่าแต่ว่า "มันประหยัดกว่า" Turbo ถึง 4กม./ลิตร เลย เชียวหรือ!!??
ขอแสดงความเห็นในมุมมองราคาขายต่อ 2 รุ่นนี้นะครับ
ตัว ehev เวลาซื้อจะแพงกว่า เทอร์โบ ประมาณ 1.5แสนโดยประมาณ
ทีนี้เมื่อเราใช้ระยะยาว เอาเป็นว่าผมไม่คาดหวังจะใช้ ถึง 10 ปีนะ เอาแค่ 7 ปีเบื่องต้นที่ต้องตรวจสภาพตามกฏหมาย
เวลานั้น ราคาขายต่อตัว เทอร์โบ จะเท่ากับตัว ehev ทั้งๆที่ ตัวเทอร์โบซื้อมาถูกกว่า เพราะพอเป็น มือ 2 หลายคนยังหวั่นๆกับไฮบริจ และเมื่อรถอายุเกิน 10 ปี ตัว ehev จะแทบไม่มีราคาเลยเพราะแบ็ตหมดวารันตีแล้ว
ใช่ กังวล เรื่องค่าซ่อม "Hybrid" จริงๆ ครับ
ส่วนตัวไม่ค่อยกังวลเรื่องไฮบริดของเจ้าตลาดเท่าไหร ไม่ว้าจะโตหรือฮอน เรื่องการดูแล ผมมองว่า HV น่าจะมีจุดซ่อมน้อยกว่า เพียงแต่อุปกรณ์ส่วนควบ HV จะมีราคาแพงกว่า
เดาว่าพี่น่าจะเอามาแทน PJS คงไม่ได้เอาคันนี้ไปซิ่ง
็Hybrid ก็สนใจ Turbo ก็สนใจ
ก็ยัง "ชั่งใจ" อยู่ครับ
แต่คันนี้ ไม่เอามาแทน PJS
เพราะ PJS ใช้ลุยป่าได้
เอามาใช้งานคนละแบบครับ
ถ้าไม่คิดอะไรเยอะ Turbo ตัว E 1.4ล้าน ออพชั่นผมว่าพอแล้ว เหลือเงินไว้เติมน้ำมันอีกเพียบ :D
ผมไปดูใน "Option" แล้ว
ตัว "ถูกสุด" ตัดทิ้งไปเลยครับ
มันมี หลาย Option ที่จำเป็นเยอะอยู่
ถ้าตัว Turbo ผมมอง ไปที่ Turbo Top 5 ที่นั่ง
แต่ก็ยังชั่งใจ กับ e-HEV อยู่
ของแพงย่อมมีอะไรดีกว่าเสมอครับ
ไม่ติดเรื่องงบ ไปตัวแพงครับ
เพราะ "ไม่ติดเรื่องงบ" นี่แหละ คือ ตัวปัญหา!!
เพราะ มันทำให้เราเลือกได้เยอะ
มีใครได้ไปดูตัว E:Hev มาบ้างครับ
อยากทราบว่าพื้นที่ด้านหลัง สามารถใส่ยางอะไหล่แทนชุดปะยางได้หรือเปล่าครับ
นี่ก็ส่วนหนึ่ง ที่ "อยากได้"
อาจเป็นเพราะ เป็นคนรุ่น "กลางเก่า" เลยชินกับการมียางอะไหล่
มีให้มันถ่วง มันหนักไปยังงั้นแหละ
"แต่มันสบายใจ"
ถ้าใช้รถยาวเกิน10ปี และไม่ได้ขับปีนึงประมาน50,000โล เอาตัวturbo ดีกว่าครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องแบต และราคาขายต่อ เพราะถ้ารถวิ่งน้อย ยังไม่ได้ส่วนต่างจากค่าน้ำมันครับ hybridระยะยาวมีโอกาสเสียค่าซ่อมแพงกว่าเยอะครับ
"คิดอยู่ครับ"
สงสัยต้องรอรีวิว อีกสักนิด
แล้วค่อยตัดสินใจเพิ่มอีกที
-
e-hev สิครับ จะเอาตัวไหนก็แล้วแต่เลย มีข้อดี ข้อด้อยต่างกัน