Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Dante Haversham ที่ เมษายน 26, 2023, 14:20:24
-
แก้ไขเพิ่มเติม: ก่อนอื่นขอแก้ไขความเข้าใจของจุดประสงค์ของกระทู้นี้ก่อนนะครับ
1. ผมเห็นด้วย 100000% ว่าการทดสอบของ HLM มีมาตรฐานมากที่สุดในสื่อรถยนต์ของไทยแล้วครับ
2. ผมไม่ได้เรียกร้องให้ทาง HLM เปลี่ยนแปลงการทดสอบ เพียงแต่อยากได้ความเห็นจากหลายๆ ท่านว่า ถ้ามันจะมีการทดสอบรถ HEV ได้แม่นยำมากขึ้น แต่ละท่านคิดเห็นยังไง
แต่ถ้าหากทาง HLM สนใจจะทำวิธีต่างๆ ที่เราแลกเปลี่ยนกันไปทดสอบเพิ่ม มันก็จะยิ่งเพิ่มมาตรฐานให้กับ HLM ขึ้นไปอีก
3. ไม่ว่าจะทดสอบยังไง ตัวเลขมันก็เป็นเพียงการอ้างอิงจาก condition ที่ใช้ทดสอบเท่านั้น การใช้งานจริงยังไงก็ไม่เท่า เพียงแต่ว่าอย่างที่บอกว่ามันมีประเภทเครื่องยนต์มากขึ้น ถ้าเราแยกประเภทการทดสอบไปตามประเภทรถยนต์ มันก็อาจจะแม่นยำมากขึ้นไงครับ
อ้างอิงจากกระทู้ // ผลทดสอบ อัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง Honda CR-V e:HEV RS AWD : 1,729,000 บาท //
https://community.headlightmag.com/index.php?topic=85859.0
มีการเสนอหลายความเห็นว่าผลการทดสอบของ HLM อาจจะมีความเพี้ยนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะกับรถยนต์สมัยใหม่อย่างพวก HEV, PHEV, Turbo
ผมอยากลองอ่านความเห็นของหลายๆ ท่านว่า อยากให้สื่อทดสอบในเรื่องนี้ยังไงได้บ้าง แยกวิธีการทดสอบตามแต่ประเภทของเครื่องยนต์ หรือว่าต้องมีเครื่องมือในการเก็บข้อมูลว่า
Start เครื่องยนต์มาแล้วกี่นาที, IDLE กี่นาที, RPM โดยเฉลี่ย, ความเร็วเฉลี่ย ฯลฯ น่าจะช่วยให้ตัวเลขใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมากที่สุดอะไรประมาณนี้ครับ
-
คิดเยอะ!!
มาตรฐาน HLM แบบนี้ก็ดีมากพอละครับ
ลองไปดูนักรีวิวเจ้าอื่นก็ไม่มีใครที่ทำเป็นมาตรฐานแบบนี้นะ
เติมเต็ม วิ่งความเร็วคงที่ เส้นทางเดิม ปั๊มเดิม เติมกลับหัวจ่ายเดิม
คือเป็นมาตรฐานแบบนี้มาเป็นสิบปีแล้ว และมันคือมาตรฐานของ HLM ไม่ใช่ชีวิตจริง
ถ้าอยากได้ตัวเลขใกล้เคียงใช้งานจริงที่สุดคือ "ซื้อขับเอง" ครับ
คุณจะเอาอะไรเป็นเกณฑ์กับคำว่าใช้งานจริง
นาย ก. ใช้งานจริงวิ่งแค่ 80-90 บอกว่ารถผมประหยัด 15 กม./ล.
นาย ข. ใช้งานจริงวิ่ง 100-110 บอกว่ารถผมประหยัด 15 กม./ล. เหมือนกัน
คุณจะเชื่อใคร ในเมื่อทั้งสองคนใช้งานจริงในชีวิตประจำวันเหมือนกัน..
-
เห็นด้วยเฉพาะพีเห็บครับ ที่อาจจะใช้แบตวิ่งเป็น majority ในทริป
นอกนั้น ตัวแปรต่าง ๆ น่าจะจำกัดได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แล้วครับ
ไม่งั้นก็ต้องไปเช่าสนามเลย ลงขันกัน ติดตั้งระบบวัดการจ่ายน้ำมันรวมแยก
-
xEV มันได้เปรียบเรื่องการขับขี่ที่ควบคุมตัวแปรยากนี่แหละครับ มันก็เลยยังไม่มีตัวแปรที่ดีพอจะควบคุมการทดสอบได้
ทดสอบวิธีเดิม แล้วหาข้อมูลเพิ่มจากคนใช้จริงทีหลังดีกว่าครับ
-
คิดเยอะ!!
มาตรฐาน HLM แบบนี้ก็ดีมากพอละครับ
ลองไปดูนักรีวิวเจ้าอื่นก็ไม่มีใครที่ทำเป็นมาตรฐานแบบนี้นะ
เติมเต็ม วิ่งความเร็วคงที่ เส้นทางเดิม ปั๊มเดิม เติมกลับหัวจ่ายเดิม
คือเป็นมาตรฐานแบบนี้มาเป็นสิบปีแล้ว และมันคือมาตรฐานของ HLM ไม่ใช่ชีวิตจริง
ถ้าอยากได้ตัวเลขใกล้เคียงใช้งานจริงที่สุดคือ "ซื้อขับเอง" ครับ
คุณจะเอาอะไรเป็นเกณฑ์กับคำว่าใช้งานจริง
นาย ก. ใช้งานจริงวิ่งแค่ 80-90 บอกว่ารถผมประหยัด 15 กม./ล.
นาย ข. ใช้งานจริงวิ่ง 100-110 บอกว่ารถผมประหยัด 15 กม./ล. เหมือนกัน
คุณจะเชื่อใคร ในเมื่อทั้งสองคนใช้งานจริงในชีวิตประจำวันเหมือนกัน..
เข้าใจครับ ผมก็ชอบมาตรฐานการเทสจาก HLM เพราะว่าควบคุมตัวแปรได้มากที่สุดแล้ว
และก็เพราะว่า HLM ใช้มาตรฐานนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว ปรากฏว่ารถสมัยใหม่ มันอาจจะใช้มาตรฐานนี้ได้ไม่ครอบคลุมแล้ว เลยอยากลองช่วยกันคิด เผื่อทาง HLM จะได้เอาไปทดสอบเพิ่มไงครับ
ผมก็บอกแล้วว่าปัจจัยภายนอกมันเยอะมาก ทำให้ควบคุมไม่ได้ ก็เลยลองเสนอว่า ถ้าคุมไม่ได้ก็เปลี่ยนมาเป็นเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ทั้งหมดมาโชว์เทียบดูดีมั้ย อะไรประมาณนี้ครับ
คนคิดเยอะก็มี คนคิดน้อยก็มีครับ
ผมมาชวนคุยเพื่อให้เกิดผลประโยชน์กับทุกฝ่ายครับ อยากได้ความรู้ด้วยครับ
ถ้าจะมาบอกให้ซื้อขับเอง ทดลอง มันไม่ค่อยสร้างสรรค์หรือเปล่าครับ?
-
อ้างอิงจากกระทู้ // ผลทดสอบ อัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง Honda CR-V e:HEV RS AWD : 1,729,000 บาท //
https://community.headlightmag.com/index.php?topic=85859.0
มีการเสนอหลายความเห็นว่าผลการทดสอบของ HLM อาจจะมีความเพี้ยนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะกับรถยนต์สมัยใหม่อย่างพวก HEV, PHEV, Turbo
ผมอยากลองอ่านความเห็นของหลายๆ ท่านว่า อยากให้สื่อทดสอบในเรื่องนี้ยังไงได้บ้าง แยกวิธีการทดสอบตามแต่ประเภทของเครื่องยนต์ หรือว่าต้องมีเครื่องมือในการเก็บข้อมูลว่า
Start เครื่องยนต์มาแล้วกี่นาที, IDLE กี่นาที, RPM โดยเฉลี่ย, ความเร็วเฉลี่ย ฯลฯ น่าจะช่วยให้ตัวเลขใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมากที่สุดอะไรประมาณนี้ครับ
อย่าเลยครับ ทำอย่างพี่ว่า มันยุ่งยาก ต้องใช้เครื่องมือ และมีค่าใช้จ่ายมากเกินไป
สำหรับสื่อสารมวลชนสายรถยนต์
ส่วนการทดสอบแบบละเอียดอย่างที่พี่เสนอมา มันมี pattern มาตรฐานการทดสอบของ
หน่วยงานตรวจสอบอยู่แล้วครับ ไปอ้างอิงตรงนั้นดีกว่า แม้ว่ามันจะไม่ตรงกับบริบท
การใช้งานบนถนนเมืองไทย 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตามที
ส่วนที่ผมเสนอในกระทู้นั้น มันง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก แม้จะไม่ได้แม่นยำถึงที่สุด
แต่มันยังพอจะเห็นบุคลิกของรถได้บ้าง แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร
ห่วงก็แต่คนทั่วไป ลำพังความเข้าใจการทำงานของ HEV, PHEV, BEV
ก็ยังมีไม่มาก จะพลอยเอาข้อมูลผลทดสอบที่มีอยู่จำกัด ไปยึดถือเป็นตัวตัดสินใจ
มากกว่าครับ
-
xEV มันได้เปรียบเรื่องการขับขี่ที่ควบคุมตัวแปรยากนี่แหละครับ มันก็เลยยังไม่มีตัวแปรที่ดีพอจะควบคุมการทดสอบได้
ทดสอบวิธีเดิม แล้วหาข้อมูลเพิ่มจากคนใช้จริงทีหลังดีกว่าครับ
ใช่ครับ ไม่ใช่แค่การทดสอบของ HLM แต่พวก eco sticker ก็ทำผู้บริโภคเสียเปรียบมาแล้วจากเคส Jolion กับ H6 ehev
มันควรจะมีวิธีทดสอบที่อ้างอิงได้มากกว่านี้
-
อ้างอิงจากกระทู้ // ผลทดสอบ อัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง Honda CR-V e:HEV RS AWD : 1,729,000 บาท //
https://community.headlightmag.com/index.php?topic=85859.0
มีการเสนอหลายความเห็นว่าผลการทดสอบของ HLM อาจจะมีความเพี้ยนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะกับรถยนต์สมัยใหม่อย่างพวก HEV, PHEV, Turbo
ผมอยากลองอ่านความเห็นของหลายๆ ท่านว่า อยากให้สื่อทดสอบในเรื่องนี้ยังไงได้บ้าง แยกวิธีการทดสอบตามแต่ประเภทของเครื่องยนต์ หรือว่าต้องมีเครื่องมือในการเก็บข้อมูลว่า
Start เครื่องยนต์มาแล้วกี่นาที, IDLE กี่นาที, RPM โดยเฉลี่ย, ความเร็วเฉลี่ย ฯลฯ น่าจะช่วยให้ตัวเลขใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมากที่สุดอะไรประมาณนี้ครับ
อย่าเลยครับ ทำอย่างพี่ว่า มันยุ่งยาก ต้องใช้เครื่องมือ และมีค่าใช้จ่ายมากเกินไป
สำหรับสื่อสารมวลชนสายรถยนต์
ส่วนการทดสอบแบบละเอียดอย่างที่พี่เสนอมา มันมี pattern มาตรฐานการทดสอบของ
หน่วยงานตรวจสอบอยู่แล้วครับ ไปอ้างอิงตรงนั้นดีกว่า แม้ว่ามันจะไม่ตรงกับบริบท
การใช้งานบนถนนเมืองไทย 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตามที
ส่วนที่ผมเสนอในกระทู้นั้น มันง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก แม้จะไม่ได้แม่นยำถึงที่สุด
แต่มันยังพอจะเห็นบุคลิกของรถได้บ้าง แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร
ห่วงก็แต่คนทั่วไป ลำพังความเข้าใจการทำงานของ HEV, PHEV, BEV
ก็ยังมีไม่มาก จะพลอยเอาข้อมูลผลทดสอบที่มีอยู่จำกัด ไปยึดถือเป็นตัวตัดสินใจ
มากกว่าครับ
ใช่เลย ผมก็ว่ามันน่าจะยุ่งยากพอสมควร สื่อก็คงคิดกันมาก่อนแล้ว เลยเลือกที่จะไม่ทำ
แต่กับ HLM ที่ยอมเขย่ารถกันมาเป็นสิบๆ ปี อาจจะเป็นไปได้ก็ได้ครับ 555
-
ตารางอัตราสิ้นเปลือง เขาแสดงว่าที่ความเร็วเดินทาง 110 กม/ชม มันกินเท่านี้ครับ ซึ่งในชีวิตจริงคุณขับ 110 มันก็จะกินเท่าๆกันนี้
ถึงจะบอกว่ารถ HEV ตอนขับช้าๆรถติดๆมันจะประหยัดกว่านี้ก็ตาม แต่มันก็ไม่ใช่ที่ความเร็ว 110 ครับ
ยกเว้นแต่ว่า ทางเว็ปจะเพิ่มในตารางอีกช่องนึง เป็นอัตราสิ้นเปลืองที่ความเร็ว 40 หรือ 60 อะไรก็ว่าไป แบบวิ่งไป 15 นาทีแล้วจอดนิ่งๆ 5 นาทีแล้วค่อยขับต่อ ซึ่งต้องทำบนทางด่วนโล่งๆ ไม่ก็สนามปิด หรือห้องแล๊บ
ถ้าจะให้ทดสอบแบบวิ่งตามสภาพการจราจรจริง ที่ไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกต่างๆได้ ก็เท่ากับว่ามาตรฐานการทดสอบของรถแต่ละคันไม่เท่ากัน และมัน error เยอะครับ อาจจะได้เป็นแค่ค่าโดยประมาณคร่าวๆ
-
ส่วนตัวว่า HLM ก็ได้ทำในสิ่งที่เหมาะสมมาขนาดนึงแล้วครับ
อย่างน้อยมาตรฐาน ในรูปแบบที่ HLM ตั้งไว้ ทำให้เราสามารถเปรีบเทียบได้ว่า ถ้าขับแบบนั้นเทียบกัน ผลจะออกมาอย่างไร
ส่วนการใช้งานรูปแบบอื่น ผมว่าถ้าเราได้เข้ากลุ่มรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ สักพัก ก็จะพอเดาทางออกว่า ถ้าขับแบบไหน จะออกมาประมาณไหน แต่ก็มีข้อเสียคือ เราต้องเข้าไปตามอ่าน และ ต้องรอให้รถออกมามากประมาณนึง ถึงจะมีผู้ใช้จริงมารายงานให้ทราบกัน
เท่าที่ตามในแต่ละกลุ่มรถ ก็พอเห็นแนวทางได้บ้างครับ ถึงแม้จะไม่ได้มีมาตรฐานทดสอบที่เหมือนกัน แต่ภาพรวมจะออกมาคล้ายๆกันครับ
-
ก็ลองไปเสนอในกระทู้คำถามเสาร์นี้ดูครับ แล้วลุ้นเอาว่าจะโดนตอบมาแบบไหน 5555
-
ส่วนตัวว่า HLM ก็ได้ทำในสิ่งที่เหมาะสมมาขนาดนึงแล้วครับ
อย่างน้อยมาตรฐาน ในรูปแบบที่ HLM ตั้งไว้ ทำให้เราสามารถเปรีบเทียบได้ว่า ถ้าขับแบบนั้นเทียบกัน ผลจะออกมาอย่างไร
ส่วนการใช้งานรูปแบบอื่น ผมว่าถ้าเราได้เข้ากลุ่มรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ สักพัก ก็จะพอเดาทางออกว่า ถ้าขับแบบไหน จะออกมาประมาณไหน แต่ก็มีข้อเสียคือ เราต้องเข้าไปตามอ่าน และ ต้องรอให้รถออกมามากประมาณนึง ถึงจะมีผู้ใช้จริงมารายงานให้ทราบกัน
เท่าที่ตามในแต่ละกลุ่มรถ ก็พอเห็นแนวทางได้บ้างครับ ถึงแม้จะไม่ได้มีมาตรฐานทดสอบที่เหมือนกัน แต่ภาพรวมจะออกมาคล้ายๆกันครับ
เห็นด้วยครับ ผมก็สิงอยู่หลายกลุ่มเหมือนกัน แต่จะมีอยู่รุ่นนึงที่อัตราการสิ้นเปลืองค่อนข้างกว้าง ก็คือ CX-30
ส่วนใหญ่จะเห็นบ่นว่ากินน้ำมันอยู่ที่ 10 km/L ต้นๆ แต่ก็มีไม่น้อยที่พอขับชิลๆ เรื่อยๆ สามารถทำได้ถึง 17-19 km/L
ขึ้นอยู่กับตีนล้วนๆ 5555
-
CX30 ขับได้ 19 Km/L ค่อนข้างจะอวยเกินไป
-
ผมชอบ การเทส การประหยัดน้ำมันตอนนี้นะ วิ่งเส้นเดิม ปั้มเดิม
แต่การมาของกลุ่ม Hybrid/PHEV มันทำให้ตัวเลขที่ได้ มันห่างจากการใช้งานจริงมากกว่าเดิม
ผมชอบไอเดียของท่านนึงที่เสนอว่า ได้รับรถแล้วเติมให้เต็มถัง จดเลขไมล์ไว้
แล้วก็เอารถไปเทสปรกติ จะอัตราแร่ง อัตราสิ้นเปลือง ใช้ในชีวิตประจำวันเล็กน้อย
ก่อนคืนรถ ก็ต้องเติมกลับ เราก็จะได้ ตัวเลขของการใช้งานแบบใกล้ๆจะปรกติมาอีกตัว โดยที่ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มขึ้นเลย
-
เรื่องอัตราสิ้นเปลืองนี่มันเป็นประเด็นเพราะ อัตราสิ้นเปลืองรถในฝันที่สื่อหลายเจ้าอวย มันออกมาไม่ดีอย่างหวัง
ถ้าถามทำไมผมคิดแบบนี้ เพราะว่าตอนรถเครื่อง 1.5 Turbo เขาทำอัตราสิ้นเปลืองออกมาได้ 17 km/l + นี่ไม่เห็นมีใครมาค้านมั่งเลย มีแต่แรงอวยตามๆกัน ทั้งๆที่ขับจริงแ-รกเช็ด พอๆกับรถ 2.0 naเลย
-
ผมไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้อ่านแต่ hlm แต่ผมว่าเรื่องนี้ hlm ทำได้แม่นยำที่สุดแล้ว เลขออกมายังไงก้ตามนั้น
ถ้าคิดว่ามีวิธีที่แม่นกว่ากัน ผมแนะนำให้ทำเองครับ ได้ตามที่ต้องการแน่นอน
ไฮบริด ฮอนด้าถ้าวิ่งเกิน 100 km/h ยาวๆตัวเลขก้ไม่ค่อยดีแบบนั้นแหละครับ แต่การใช้งานจริงก้ไม่ได้
กินอะไรมากมาย
-
ก็ลองไปเสนอในกระทู้คำถามเสาร์นี้ดูครับ แล้วลุ้นเอาว่าจะโดนตอบมาแบบไหน 5555
ผมเตรียมปิดลำโพงรอเลย
-
อยากให้ใกล้เคียงการใช้รถในชีวิตประจำวัน 100 คน ก็ใช้รถ 100แบบ
-
เท่าที่ผมดู ไม่มีนักรีวิวรถคนไหนในเมืองไทย ที่จะทดสอบอัตราสิ้นเปลือง แบบในเมือง นอกเมือง หรือแบบผสม โดยควบคุมปัจจัยทุกอย่างให้เหมือนกันทุกประการ อย่างดีก็แค่ลองขับในเมืองแล้วบอกว่าได้ประมาณเท่านี้ิ นอกเมืองได้ประมาณเท่านี้ โดยที่เส้นทาง เวลาที่เทส น้ำมันที่ใช้ สภาพการจราจร ไม่เหมือนกันเลยด้วยซ้ำ
ผมก็เลยงงว่า ถ้าจะให้เทสในเมืองจะให้เขาควบคุมปัจจัยภายนอกยังไงให้มันเท่ากันทุกคันโดยเฉพาะเรื่องสภาพการจราจร แล้วต่อให้เทสออกมาแล้ว มันสามารถเอามาลงตารางได้หรอ ในเมื่อไม่มีปัจจัยอะไรควบคุมได้เลย???
คือถ้าอยากรู้ละเอียดขนาดนั้นแนะนำดู eco sticker ครับ มีทุกรุ่น ทุกคัน
-
ขับเอง บันทึกเอง แล้วค่อยเปรียบเทียบกับข้อมูลของคนอื่นๆ เอาครับ
(https://sv1.picz.in.th/images/2023/04/26/ywrrSn.jpg)
-
ผมว่ามันแล้วแต่ลักษณะการใช้งาน และ จุดมุ่งหมาย นะครับ
รถทำเพื่อให้ใช้งานในเมืองเป็นหลัก ประหยัดเมื่อสิ่งในเมือง กลุ่ม HEV, PHEV แต่พอวิ่งยาวๆ ไม่ต่างกับรถน้ำมัน เพราะก็ใช้เครื่องยนต์สันดาบแทบจะตลอดเวลา ก็เพราะไม่ได้ใช้จุดเด่นจอง HEV , PHEV (ได้เปรียบหน่อบเพราะแบตก้อนใหญ่)
รถที่ทำมาเพื่อวิ่งลอย เดินทางสบายๆ ออกตัวอาจจะอืด แต่อัตราเร่งดี เร่งแซงดี แถมประหยัดน้ำมันตอนวิ่งลอยๆ ด้วย
ผมว่า ความคาดหวัง ก็ต้องดูจุดประสงค์ด้วย
ไม่ใช่ว่า รถไม่ได้เด่นเรื่องออกตัว หรือ อัตราเร่ง แต่ก็พยายามจะเอาตัวเลข 0-100 มาขิงกัน มันก็ไม่ใข่
-
เท่าที่ผมดู ไม่มีนักรีวิวรถคนไหนในเมืองไทย ที่จะทดสอบอัตราสิ้นเปลือง แบบในเมือง นอกเมือง หรือแบบผสม โดยควบคุมปัจจัยทุกอย่างให้เหมือนกันทุกประการ อย่างดีก็แค่ลองขับในเมืองแล้วบอกว่าได้ประมาณเท่านี้ิ นอกเมืองได้ประมาณเท่านี้ โดยที่เส้นทาง เวลาที่เทส น้ำมันที่ใช้ สภาพการจราจร ไม่เหมือนกันเลยด้วยซ้ำ
ผมก็เลยงงว่า ถ้าจะให้เทสในเมืองจะให้เขาควบคุมปัจจัยภายนอกยังไงให้มันเท่ากันทุกคันโดยเฉพาะเรื่องสภาพการจราจร แล้วต่อให้เทสออกมาแล้ว มันสามารถเอามาลงตารางได้หรอ ในเมื่อไม่มีปัจจัยอะไรควบคุมได้เลย???
คือถ้าอยากรู้ละเอียดขนาดนั้นแนะนำดู eco sticker ครับ มีทุกรุ่น ทุกคัน
เห็นด้วยครับ
-
เทสแบบ hlm ดีสุดแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน
-
เข้าใจความหมายของจขกท. อย่างผมก็มีประเด็นกับ PHEV
สมมุติเอา Haval H6 PHEV ที่วิ่งไฟฟ้าได้เกือบสองร้อยกิโล มาทำตามมาตรฐาน HLM อัตราสิ้นเปลืองก็จะเป็น infinity กิโล/ลิตร เพราะไม่ใช้น้ำมันเลยตลอดการทดสอบ ซึ่งต่อไป PHEV แบตใหญ่ๆ วิ่งได้แตะร้อยกิโลอาจจะมีมาอีก ทางเว็บอาจจะต้องหาวิธีมาตรฐานเฉพาะขึ้นมารองรับกรณีเหล่านี้ด้วยครับ
ยกตัวอย่างเช่น
- กด hold battery แล้วขับน้ำมันล้วนๆ ไปเลยตลอดการทดสอบ ทำเหมือนจำลองว่าคนใช้ทางไกลไม่มีโอกาสชาร์จแบตจะเป็นยังไง ซึ่งตัวเลขแย่แน่ๆ เผลอๆ กินเท่า/กินกว่ารถสันดาปธรรมดา
- คำนวณแยกว่าวิ่งไฟฟ้าได้กี่กิโล หมดไฟไปเท่าไหร่ แล้วคำนวณเป็น km/kWh เหมือนรถ BEV ส่วนระยะทางที่เหลือใช้น้ำมันก็คำนวณ km/l แยก อันนี้ก็เห็นชัดดีและมีตัวแปรให้เทียบได้อีก แต่จะค่อนข้างวุ่นวายและลำบากทีมงาน และมีโอกาสเพี้ยนสูง
ส่วนตัวว่า HLM ก็ได้ทำในสิ่งที่เหมาะสมมาขนาดนึงแล้วครับ
อย่างน้อยมาตรฐาน ในรูปแบบที่ HLM ตั้งไว้ ทำให้เราสามารถเปรีบเทียบได้ว่า ถ้าขับแบบนั้นเทียบกัน ผลจะออกมาอย่างไร
ส่วนการใช้งานรูปแบบอื่น ผมว่าถ้าเราได้เข้ากลุ่มรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ สักพัก ก็จะพอเดาทางออกว่า ถ้าขับแบบไหน จะออกมาประมาณไหน แต่ก็มีข้อเสียคือ เราต้องเข้าไปตามอ่าน และ ต้องรอให้รถออกมามากประมาณนึง ถึงจะมีผู้ใช้จริงมารายงานให้ทราบกัน
เท่าที่ตามในแต่ละกลุ่มรถ ก็พอเห็นแนวทางได้บ้างครับ ถึงแม้จะไม่ได้มีมาตรฐานทดสอบที่เหมือนกัน แต่ภาพรวมจะออกมาคล้ายๆกันครับ
เห็นด้วยครับ ผมก็สิงอยู่หลายกลุ่มเหมือนกัน แต่จะมีอยู่รุ่นนึงที่อัตราการสิ้นเปลืองค่อนข้างกว้าง ก็คือ CX-30
ส่วนใหญ่จะเห็นบ่นว่ากินน้ำมันอยู่ที่ 10 km/L ต้นๆ แต่ก็มีไม่น้อยที่พอขับชิลๆ เรื่อยๆ สามารถทำได้ถึง 17-19 km/L
ขึ้นอยู่กับตีนล้วนๆ 5555
รถ CX-30 มันเครื่องค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในคลาส น้ำหนักก็ไม่น้อย 1.4 ตัน (เท่า D-segment เมื่อสัก 15 ปีที่แล้ว)
ขับในเมืองจึงค่อนข้างเปลือง ผมขับในกทม. พญาไท เพชรบุรี อโศก ก็ไม่เคยถึง 10 กิโล/ลิตร
กลับกันพอขับทางไกล เกียร์ทดมายาวและขยันเปลี่ยนเกียร์ขึ้นเร็วมากๆๆๆ (จนรำคาญ) ดังนั้นขับทางไกลช้าๆ ความเร็วคงที่จะประหยัด ผมขับไปราชบุรีความเร็วไม่เกิน 90 ได้ 17 จริง แต่ถ้าคุณเจอรถติดหน่อย อัตราสิ้นเปลืองจะหล่นฮวบ หรือถ้าขับเกิน 100 ก็จะเริ่มธรรมดา (เช่นตามมาตรฐาน HLM ได้ 14.88 ก็ถือว่าแม่นยำจากปสก.ใช้จริง)
แต่พวก 20+ กิโล/ลิตรที่เอามาโชว์ในคลับ ชีวิตจริงเป็นไปไม่ได้ ทางเดียวคือขับๆอยู่ละกด reset ถ่ายมาโชว์งั้นๆ
-
ทำยากครับ ทำอีกแบบ ก็มีคนคนแย้งอีก เอาเป็นว่า ใข้งานจริงแบบ HLM ละกัน
-
พวกที่บอกรถไฮบริดขับในเมืองประหยัดกว่านอกเมืองอันนี้ผมเถียงเลยว่าไม่จริง ผมใช้อยู่ตอนนี้คือ camry hybrid 2022 ขับในเมืองรับส่งลูกไป รร ได้ 15-17 กม/ลิตร นอกเมืองถนนโล่งความเร็วไม่เกิน 110 ได้อยู่ 20.5 กม/ลิตร และอีกคัน Hrv ehev ขับในเมืองรับส่งลูก ได้18-19 กม/ลิตร ส่วนนอกเมืองความเร็วไม่เกิน 110 ได้ 22-23 กม/ลิตร คิดโดยวิธีเติมน้ำมันกลับเต็มถัง แต่ถ้าไปดูหน้าจอ จะได้ตัวเลขขึ้นอีก 1-2 กม/ลิตร ส่วนคัมรี่ตัวเลขจริงค่อนข้างตรงกับหน้าจอ จะเห็นได้เลยว่าขับทางไดลประหยัดกว่า ขับความเร็วต่ำในเมือง โดยเฉพาะเวลาเจอรถติดตัวเลขจะต่ำ ส่วนสายมโนและก็สาวกมักจะฟังเค้าเล่ามาอีกทีว่ารถไฮบริดในเมืองประหยัดกว่าวิ่งนอกเมือง
-
ผมชอบ การเทส การประหยัดน้ำมันตอนนี้นะ วิ่งเส้นเดิม ปั้มเดิม
แต่การมาของกลุ่ม Hybrid/PHEV มันทำให้ตัวเลขที่ได้ มันห่างจากการใช้งานจริงมากกว่าเดิม
ผมชอบไอเดียของท่านนึงที่เสนอว่า ได้รับรถแล้วเติมให้เต็มถัง จดเลขไมล์ไว้
แล้วก็เอารถไปเทสปรกติ จะอัตราแร่ง อัตราสิ้นเปลือง ใช้ในชีวิตประจำวันเล็กน้อย
ก่อนคืนรถ ก็ต้องเติมกลับ เราก็จะได้ ตัวเลขของการใช้งานแบบใกล้ๆจะปรกติมาอีกตัว โดยที่ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มขึ้นเลย
ผมว่าตรงนี้มันจะไม่ปกติหน่ะสิครับ
เพราะตอนเทสต้องมีกด top speed และทำอัตราเร่งด้วย (บางคันอาจต้องทดสอบหลายรอบกว่าคันอื่นหน่อยเพราะเจอค่าเพี้ยนเลยต้องทำใหม่)
รถแต่ละคันก็ขับเร็วไม่เท่ากันอีก อย่างรุ่น A ขับดีมาก เลยกดคันเร่งเพลินทะลุ 200 บ่อยๆ
กับรถ B ขับแค่ 120 ก็จะปลิวแล้ว เลยแทบไม่ได้ขับเกิน 100 เลยตลอดการทดสอบ
แล้วไหนจะมีจอดถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอรีวิวอีกสารพัด
ผมว่ามันน่าจะเพี้ยน (กินกว่า) ไปจากการใช้งานจริงเยอะเลยครับ
-
การทดสอบอัตราประหยัดน้ำมันแบบ HLM มันก็มาตราฐานดีอยู่แล้ว
เพียงเพราะ กรรกินน้ำมันของ CRV eHEV ออกมาไม่สมดังใจหวัง
เลยจะหาการทดสอบ เพื่อให้ได้ตัวเลขในอุดมคติ
แสดงว่า HLM จะต้องทำการทดสอบแบบดั้งเดิมเพื่อเปรียบเทียบอันมาตราฐาน
และทำเพิ่มวิธีพิเศษ อันใหม่อีก
วิ่ง 2 รอบ ค่าน้ำมันบานแน่ ความจริงคือ ใครจะจ่ายเงินช่วยคุณ Jimmy มั้ยครับ
มาตราฐานเดียวพอแล้ว มากกว่านี้คือ สร้างภาระให้ทีมงานเฉยๆ
-
ผมเข้าใจนะ ว่าเพื่อนๆในนี้อาจพยายามติเพื่อก่อ
แต่ผมตั้งข้อสังเกตุง่ายๆ ตอนเพื่อนๆขับรถไปทำงานและกลับบ้านในแต่ละวัน ใช้เวลาเท่ากันไหมครับ
ระยะทาง a ไป b และ b ไป a เท่าเดิม แต่เวลาที่ใช้ก็แตกต่างกัน ก็ส่งผลให้กินน้ำมันไม่เท่ากัน
การที่เราพูดว่ารถเรากินน้ำมันเท่านี้ กับการที่ hlm บอกว่ากินน้ำมันเท่านี้ มักแตกต่างกันครับ
-
ผมเข้าใจนะ ว่าเพื่อนๆในนี้อาจพยายามติเพื่อก่อ
แต่ผมตั้งข้อสังเกตุง่ายๆ ตอนเพื่อนๆขับรถไปทำงานและกลับบ้านในแต่ละวัน ใช้เวลาเท่ากันไหมครับ
ระยะทาง a ไป b และ b ไป a เท่าเดิม แต่เวลาที่ใช้ก็แตกต่างกัน ก็ส่งผลให้กินน้ำมันไม่เท่ากัน
การที่เราพูดว่ารถเรากินน้ำมันเท่านี้ กับการที่ hlm บอกว่ากินน้ำมันเท่านี้ มักแตกต่างกันครับ
ขอ ขอบคุณแทนพี่ ๆ หลาย ๆ ท่านที่พยายามออกมาเสนอแนะข้อคิดเห็น ที่เข้าใจว่า "ติเพื่อก่อ" และพยายาม
เสนอแนะวิธีปรับปรุงให้ดีขึ้น
พวกเราเข้าใจกันมาโดยตลอดและยอมรับโดยดีว่า อัตราสิ้นเปลืองในการใช้งานจริงกับผลทดสอบของ HLM
มันจะแตกต่างกันอย่างแน่นอน เพียงแต่ที่ผ่านมา ความแตกต่างมันไปในทิศทางเดียวคือการใช้งานจริง
มันจะมีอัตราสิ้นเปลืองที่มากกว่า HLM ทดสอบ แต่วันนี้มันมีรถบางกลุ่มที่การใช้งานจริงมันมีอัตราสิ้นเปลือง
ที่ต่างจากการทดสอบของ HLM ไปในทางตรงข้าม คือประหยัดกว่าการทดสอบ เกิดขึ้นแล้วสิครับ
มันจึงควรที่จะคิด วิเคราะห์ ว่าเป็นเพราะอะไร และจะมีวิธีการปรับปรุงได้มั้ย
ผมชอบ การเทส การประหยัดน้ำมันตอนนี้นะ วิ่งเส้นเดิม ปั้มเดิม
แต่การมาของกลุ่ม Hybrid/PHEV มันทำให้ตัวเลขที่ได้ มันห่างจากการใช้งานจริงมากกว่าเดิม
ผมชอบไอเดียของท่านนึงที่เสนอว่า ได้รับรถแล้วเติมให้เต็มถัง จดเลขไมล์ไว้
แล้วก็เอารถไปเทสปรกติ จะอัตราแร่ง อัตราสิ้นเปลือง ใช้ในชีวิตประจำวันเล็กน้อย
ก่อนคืนรถ ก็ต้องเติมกลับ เราก็จะได้ ตัวเลขของการใช้งานแบบใกล้ๆจะปรกติมาอีกตัว โดยที่ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มขึ้นเลย
ผมว่าตรงนี้มันจะไม่ปกติหน่ะสิครับ
เพราะตอนเทสต้องมีกด top speed และทำอัตราเร่งด้วย (บางคันอาจต้องทดสอบหลายรอบกว่าคันอื่นหน่อยเพราะเจอค่าเพี้ยนเลยต้องทำใหม่)
รถแต่ละคันก็ขับเร็วไม่เท่ากันอีก อย่างรุ่น A ขับดีมาก เลยกดคันเร่งเพลินทะลุ 200 บ่อยๆ
กับรถ B ขับแค่ 120 ก็จะปลิวแล้ว เลยแทบไม่ได้ขับเกิน 100 เลยตลอดการทดสอบ
แล้วไหนจะมีจอดถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอรีวิวอีกสารพัด
ผมว่ามันน่าจะเพี้ยน (กินกว่า) ไปจากการใช้งานจริงเยอะเลยครับ
ก็เป็นไปได้ที่จะเพี้ยนกว่าอย่างที่พี่ว่าแหละครับ
และผมก็ได้บอกไปแล้วว่าวิธีการที่ผมนำเสนอมันก็ไม่ได้ดีที่สุดแบบไร้ข้อผิดพลาดใด ๆ
และถ้าอย่างนั้น พี่จะมีวิธีอื่นที่ดีกว่าที่ผมเสนอมั้ยครับ
มาแลกเปลี่ยนกันครับ
การทดสอบอัตราประหยัดน้ำมันแบบ HLM มันก็มาตราฐานดีอยู่แล้ว
เพียงเพราะ กรรกินน้ำมันของ CRV eHEV ออกมาไม่สมดังใจหวัง
เลยจะหาการทดสอบ เพื่อให้ได้ตัวเลขในอุดมคติ
แสดงว่า HLM จะต้องทำการทดสอบแบบดั้งเดิมเพื่อเปรียบเทียบอันมาตราฐาน
และทำเพิ่มวิธีพิเศษ อันใหม่อีก
วิ่ง 2 รอบ ค่าน้ำมันบานแน่ ความจริงคือ ใครจะจ่ายเงินช่วยคุณ Jimmy มั้ยครับ
มาตราฐานเดียวพอแล้ว มากกว่านี้คือ สร้างภาระให้ทีมงานเฉยๆ
อ่า... ไม่ใช่เพราะผลทดสอบของ CRV HEV มันออกมาไม่ได้ดังใจหวังหรอกครับ
แต่ผมว่ามีคนเริ่มสังเกตเห็นต่างหากล่ะครับว่า ผลทดสอบกับรถกลุ่ม HEV, PHEV, BEV
ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตามมันเริ่มให้ค่าที่ไปในทางตรงข้ามกับผลการทดสอบรถกลุ่ม ICE เดิมๆ
ต่างหากครับ
เอางี้ครับ ผมว่าอีกไม่นาน ทีมงาน HLM คงจะได้ทดสอบ CRV ตัวนี้แหละที่เป็น 1.5T แน่นอน
ผมคาดได้เลยว่า ผลทดสอบอัตราสิ้นเปลืองในตารางจะดูดี ไม่ต่างจาก CRV HEV
ถึงตอนนั้น จะยิ่งชัดว่าถ้าดูผลในตาราง ทั้ง 1.5T และ HEV แทบไม่ต่าง
แต่คนที่ซื้อไปใช้จริง จะเห็นว่าต่างกันอย่างมาก นั่นแหละครับ
ที่ผมเสนอวิธีปรับปรุงทั้งในกระทู้นี้และกระทู้ก่อนหน้า
เพราะแนวคิดที่เคยได้รับการอบรม เทรนนิ่งมาให้ตั้งคำถามว่า
สิ่งใดที่เราคิดว่าดีที่สุด หรือวิธีที่ดีที่สุดนั้น มันยังคงดีที่สุดอยู่จริงหรือเปล่า
ณ วันนึงที่เราเริ่มเห็นปัญหาอะไรบางอย่างกับมันนั้น มันเป็นเพราะอะไร
มีบริบทสิ่งแวดล้อมใดเปลี่ยนแปลงไปที่ทำให้สิ่งที่เคยดีที่สุดในวันก่อน
กลับมาเริ่มมีสัญญาณปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว
ดังนั้นสิ่งที่เราเคยคิดว่ามันดีที่สุดนั้น ในวันนี้มันยังคงดีที่สุดอยู่จริงมั้ย
และถ้าเรายังคิดว่ามันดีที่สุดอยู่ นั่นเป็นเพราะเราปล่อยผ่านปัญหาบางอย่างหรือเปล่า
หรือเราเองแค่ไม่รู้ว่าจะปรับปรุงมันอย่างไร
หรือแม้แต่สิี่งใดที่เราเห็นว่าดีอยู่แล้ว ก็ให้เราลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า
"มันยังดีได้กว่านี้ไหม" หรือ "เราจะทำอย่างไรให้มันดีกว่านี้ได้อีกไหม"
เท่านั้นเองครับ
ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นละกันครับ
ถ้าไม่ถูกใจก็ปล่อยผ่านนะครับ
-
ผมมองว่าอย่างไงการเทสของ hlm ก็ดีที่สุดแล้วในฐานะสื่อมวลชน มีการ fix ตัวแปล ระยะทาง ความเร็ว ไม่มีสื่อเจ้าไหนทำแบบนี้หรอกครับ
ถ้าอยากทำให้ดีกว่านี้ แน่นอนมันทำได้ครับ แต่...
มันต้องเสียทั้งเวลา ทั้งเงิน ใครจะทำครับ hlm คนก็ไม่ได้้เยอะพอที่จะทำแบบนั้น
ถ้าจะทำละเอียดกว่านั้นต้องไปร้องขอให้ทางบริษัทรถยนต์ทำแล้วละครับ
-
ปัญหาคือถ้าเปลี่ยนวิธีการทดสอบเป็นอย่างที่ว่า มันก็จะไม่แฟร์กับรถน้ำมันล้วนสิครับ แล้วถ้าจะทำมาใช้สำหรับรถไฮบริดเท่านั้น มาตรฐานก็จะไม่เหมือนกันอีก
-
เห็นด้วยที่ว่ามาตรฐานของ HLM อาจจะวัดได้ไม่ตรงถ้าใช้กับรถไฮบริด
แต่ก็เข้าใจในมุมของสื่อที่มีเวลาทดสอบน้อย จะะให้เปลี่ยนการเทสไปมันทำไม่ได้ง่ายๆ
ส่วน ECO sticker นี่ควรปรับการทดสอบให้ใกล้เคียงความจริงกว่านี้
จะทำได้แบบ https://www.fueleconomy.gov จะดีมาก
-
พวกที่บอกรถไฮบริดขับในเมืองประหยัดกว่านอกเมืองอันนี้ผมเถียงเลยว่าไม่จริง ผมใช้อยู่ตอนนี้คือ camry hybrid 2022 ขับในเมืองรับส่งลูกไป รร ได้ 15-17 กม/ลิตร นอกเมืองถนนโล่งความเร็วไม่เกิน 110 ได้อยู่ 20.5 กม/ลิตร และอีกคัน Hrv ehev ขับในเมืองรับส่งลูก ได้18-19 กม/ลิตร ส่วนนอกเมืองความเร็วไม่เกิน 110 ได้ 22-23 กม/ลิตร คิดโดยวิธีเติมน้ำมันกลับเต็มถัง แต่ถ้าไปดูหน้าจอ จะได้ตัวเลขขึ้นอีก 1-2 กม/ลิตร ส่วนคัมรี่ตัวเลขจริงค่อนข้างตรงกับหน้าจอ จะเห็นได้เลยว่าขับทางไดลประหยัดกว่า ขับความเร็วต่ำในเมือง โดยเฉพาะเวลาเจอรถติดตัวเลขจะต่ำ ส่วนสายมโนและก็สาวกมักจะฟังเค้าเล่ามาอีกทีว่ารถไฮบริดในเมืองประหยัดกว่าวิ่งนอกเมือง
อาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกเคสหรือเปล่าครับ ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีของแต่ละแบรนด์ว่าระบบ hybrid ทำงานยังไง
ผมเข้าใจว่า toyota มอเตอร์ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ แต่ของ Honda จะทำงานแยกกัน ทำให้พอวิ่งด้วยความเร็วถึงจุดนึงจะใช้เครื่องยนต์ล้วนๆ
ก็เลยกลายเป็นว่ายิ่งวิ่งในเมืองยิ่งประหยัดกว่าครับ
-
เสนอว่า ให้มีการเพิ่มการทดสอบเข้าไปในมาตรฐานเดิม
โดยทำการออกตัวแล้ววิ่งระยะสั้นๆประมาณ 100-300ม. แล้วจอด ทำซ้ำซัก 10 รอบ
เพื่อจำลองการติดไฟแดงในการใช้งานจริงครับ
โดยทำทั้งรถน้ำมัน ไฮบริด และไฟฟ้า โดยตั้งเป็นการทดสอบ ver 2.0 ก็ได้
เวลาเอาไปอ้างอิงกับข้อมูลที่ใช้มาตรฐานเดิมจะได้รู้ว่าอันนี้เป็นการทดสอบตามมาตรฐานใหม่ที่ปรับปรุงตามยุคสมัยครับ
แค่ช่วยเสนอแนะครับ
-
ก่อนอื่นขอแก้ไขความเข้าใจของจุดประสงค์ของกระทู้นี้ก่อนนะครับ
1. ผมเห็นด้วย 100000% ว่าการทดสอบของ HLM มีมาตรฐานมากที่สุดในสื่อรถยนต์ของไทยแล้วครับ
2. ผมไม่ได้เรียกร้องให้ทาง HLM เปลี่ยนแปลงการทดสอบ เพียงแต่อยากได้ความเห็นจากหลายๆ ท่านว่า ถ้ามันจะมีการทดสอบรถ HEV ได้แม่นยำมากขึ้น แต่ละท่านคิดเห็นยังไง
แต่ถ้าหากทาง HLM สนใจจะทำวิธีต่างๆ ที่เราแลกเปลี่ยนกันไปทดสอบเพิ่ม มันก็จะยิ่งเพิ่มมาตรฐานให้กับ HLM ขึ้นไปอีก
3. ไม่ว่าจะทดสอบยังไง ตัวเลขมันก็เป็นเพียงการอ้างอิงจาก condition ที่ใช้ทดสอบเท่านั้น การใช้งานจริงยังไงก็ไม่เท่า เพียงแต่ว่าอย่างที่บอกว่ามันมีประเภทเครื่องยนต์มากขึ้น ถ้าเราแยกประเภทการทดสอบไปตามประเภทรถยนต์ มันก็อาจจะแม่นยำมากขึ้นไงครับ
4. แล้วก็ขอเถอะครับ พวกคอมเม้นท์ที่ว่า ให้ไปซื้อขับเอง มันไม่ช่วยอะไรเลยครับ
ที่นี้จากที่อ่านความเห็นหลายๆ ท่าน ผมพอจะสรุปได้ว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าจะควบคุมปัจจัยภายนอก และทดสอบได้เหมือนกันทุกคัน อย่างที่ HLM ทำอยู่ในปัจจุบัน
ผมเลยคิดได้แค่ว่า ใช้งานรถทดสอบตามปกติได้เลย แต่ใช้วิธีเก็บ stat เอามาเป็นข้อมูลลงไปในผลการทดสอบด้วยครับ เช่น
- วิ่งจากจุด a -> b ระยะทางเท่าไหร่
- ใช้เวลาทั้งหมดเท่าไหร่
- ใช้ความเร็วโดยเฉลี่ยเท่าไหร่
- เครื่องยนต์อยู่ในสถานะ IDLE กี่นาที(กรณีรถติด หรือจอดสตาร์ทเฉยๆ)
แล้วก็เติมน้ำมัน คำนวนอัตราการสิ้นเปลืองเหมือนเดิม ก็จะได้ข้อมูลการขับขี่มาเทียบว่า ถ้าขับประมาณนี้ จะกินเท่านี้
ผมว่าตัวแปรข้างบนก็ค่อนข้างครบแล้วนะครับ ถ้าความเร็วเฉลี่ยช้า ก็แปลได้สองแบบคือ ขับช้าๆ เรื่อยๆ กับรถติด ซึ่งก็สามารถแยกได้จากข้อมูล IDLE time อีก ถ้า IDLE เยอะ ความเร็วเฉลี่ยต่ำ ก็แปลว่าวิ่งในเมือง รถค่อนข้างติด
ที่ยังขาดไปก็คือ การกดคันเร่ง เร่งมาก เร่งน้อย ผมยังไม่รู้ว่ามันเก็บข้อมูลนี้ได้มั้ย
แต่ข้อมูลข้างบนน่าจะเก็บได้จาก OBD ปกตินะครับ
-
ก็ไม่เห็นต้องไปแก้การทดสอบ hybrid หรือไฟฟ้าอะไรเลยนี่ครับ
ไฮบริดกับรถไฟฟ้าไม่ได้วิ่งที่ความเร็ว 110 เหมือนรถน้ำมันเหรอครับ ก็เปล่านิ
ญี่ปุ่นเขาทดสอบที่ 60-80 มั๊งถ้าจำไม่ผิด ตัวเลขเว่อร์วัง อลังการมาก ตอนผมจะซื้อ odyssey ไปเห็นตัวเลข 16 โลลิตรนี่ ทำผมต้องไปหาวิธีทดสอบกัยเลยทีเดียว
ผมว่าการทดสอบของ hlm คือตั้งใจสุดๆแล้ว
ตอนโควิด ยังหาทางทำตาม condition ให้มากที่สุด ยอมใจครับ
-
เทสแบบนี้ผมว่ามันโอเคแล้ว เห็นอัตราต่างๆ ด้วยปัจจัยเดียวกัน ส่วนผู้ที่ต้องการนำตัวเลขไปใช้ก็ควรศึกษาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยตัวเอง เช่นความเหมาะสมของรถแต่ละประเภทกับการใช้งานของตัวคุณเอง
-
ถ้าเค้าจะทำเค้าทำไปนานแล้วครับ
เปลี่ยนที่อ่านใหม่ง่ายกว่ามั๊ยครับ 5555
-
ผมว่าเอาไว้ดูตามมาตรฐานของ HLM วัตถุประสงค์คือเอาไว้เทียบกะคันอื่นๆ โดยพยายามคุมมาตรฐานตัวแปรต่างๆ ให้ใกล้เคียงกันมากสุด ถ้าทดสอบแบบชีวิตจริง ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลตามมาควบคุมได้ยาก จำนวนรถติด เวลา อุณหภูมิ อารมณ์คนขับ คงเอาไว้เทียบกันได้ยาก
ซื้อใช้จริงๆ ก็คงหาข้อมูลมากกว่าในเวปนี้เวปเดียวกันอยู่แล้ว
-
ขับ 110 เปิดแอร์ นั่ง 2 ระยะทาง ร้อยกว่าโล ก็ยากพอแล้ว
ยิ่งพวก เครื่อง + แบต ก็ต้องทำให้ Batt Full + น้ำมัน Full ก่อนไปอิ๊ก
ถ้าเป็นผมคงอธิบายอัตราสิ้นเปลืองตามหน้าจอแบบสื่ออื่นไปแล้ว ครับ
-
ทางเว็บ มีระยะเวลา และงบประมาณที่จำกัด กับที่จะจัดการให้รถที่ได้มา 1คัน เพื่อรีวิวและทดสอบ ให้ครบตามหมวดหมู่ที่ผู้คนสนใจ
รถน้ำมัน และรถไฟฟ้า เค้าก็แยะหน่วยและวิธิคิดคำนวณออกมาได้ชัดเจนมากๆ ถึงมันจะผิดเพี้ยนไปบ้างระหว่างตัวแปร ผมว่ายังไงก็ไม่เกิน 5%
หากจะเอาแบบเป๊ะ ผมก็อยากแนะนำอย่างเคารพและไม่กวนว่า ให้ดูเอาหลายๆสื่อครับ แล้วมาประกอบเทียบๆกัน ตรงนี้ทำไว้อย่างละเอียดเป็นมาตรฐานมากๆแล้ว จะขาดก็เพียงแค่การทดสอบการชนจริงๆเท่านั้น 555
ปล. หลายคันในรีวิว หากขับดีๆ ก็มีโอกาสประหยัดกว่าในการทดสอบได้อีกนะครับ
-
ถึงตอนนี้ ผลทดสอบอัตราสิ้นเปลือง CRV HEV กับ 1.5T
ออกมาครบแล้ว
บอดี้เดียวกันเป๊ะ
HEV : 14.8 km/l
1.5T : 14.44 km/l
งั้นบอกแม่บ้านได้แล้วสินะว่า
มันกินน้ำมันพอกัน
ซื้อเครื่องไหนก็ได้
แต่ 1.5T ถูกกว่า
นั่งได้ตั้ง 7 คน
ชิมิ หุหุหุ
-
ถึงตอนนี้ ผลทดสอบอัตราสิ้นเปลือง CRV HEV กับ 1.5T
ออกมาครบแล้ว
บอดี้เดียวกันเป๊ะ
HEV : 14.8 km/l
1.5T : 14.44 km/l
งั้นบอกแม่บ้านได้แล้วสินะว่า
มันกินน้ำมันพอกัน
ซื้อเครื่องไหนก็ได้
แต่ 1.5T ถูกกว่า
นั่งได้ตั้ง 7 คน
ชิมิ หุหุหุ
นอกเมืองกินพอกันไม่ต้องสงสัยเลยครับ แต่ถ้าใช้ในเมืองผสมนอกเมือง หรือใช้ในเมืองเป็นหลักยังไง ehev ประหยัดกว่าแน่นอน ในเมือง 1.5 อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 6-8 กม/ลิตร แต่ ehev เฉลี่ย 12-15 กม/ลิตร ทำได้แน่นอน ซึ่งเทียบกันแล้วประหยัดค่าน้ำมันกว่าเยอะนะครับ ฉนั้นคนจะซื้อต้องดูว่าส่วนใหญ่ใช้รถในพื้นที่ไหนมากกว่า
-
ถึงตอนนี้ ผลทดสอบอัตราสิ้นเปลือง CRV HEV กับ 1.5T
ออกมาครบแล้ว
บอดี้เดียวกันเป๊ะ
HEV : 14.8 km/l
1.5T : 14.44 km/l
งั้นบอกแม่บ้านได้แล้วสินะว่า
มันกินน้ำมันพอกัน
ซื้อเครื่องไหนก็ได้
แต่ 1.5T ถูกกว่า
นั่งได้ตั้ง 7 คน
ชิมิ หุหุหุ
ก็ถูกแล้วหนิครับ
วิ่ง 110 มันกินเท่าๆกัน ถ้าจะซื้อเอามาวิ่งทางไกลหรือขับใช้ความเร็ว จะเลือกเครื่องไหนก็พอๆกัน
ตารางอัตราสิ้นเปลือง มันก็คือแสดงอัตราสิ้นเปลืองที่ความเร็ว 110 ไม่ใช่แสดงอัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดที่สุดซักหน่อย (แล้วก็ไม่เคยเป็นแบบนั้น)
ซึ่งในหน้าทดสอบก็มี condition ระบุว่า วิ่ง 110 เปิดแอร์นั่ง 2 คน ไว้ทุกครั้งอยู่แล้ว
ถ้าใครไม่อ่าน condition ตรงนี้ แล้วคิดว่าอัตราสิ้นเปลืองในตารางมันคือค่าเฉลี่ยทุกย่านความเร็วหรืออัตราที่วิ่งได้ประหยัดที่สุดก็ช่วยไม่ได้ครับ
แต่ถ้าทางเว็ปจะเพิ่มการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองที่ความเร็วต่ำๆ เพื่อเป็นการจำลองการขับในเมือง
ก็ดีเลยครับ ผมสนับสนุน
อาจจะ condition วิ่งๆหยุดๆ ใช้ความเร็วไม่เกิน 20 40 60 สลับกัน ตามที่ผมพิมพ์ในหน้าแรก
ระยะทางไม่ต้องไกลมาก แต่ใช้เวลารวมซัก 1 ชม. ก็น่าจะเห็นผล
แต่จะไปวิ่งทดสอบที่ไหนนี่สิ?
-
ถึงตอนนี้ ผลทดสอบอัตราสิ้นเปลือง CRV HEV กับ 1.5T
ออกมาครบแล้ว
บอดี้เดียวกันเป๊ะ
HEV : 14.8 km/l
1.5T : 14.44 km/l
งั้นบอกแม่บ้านได้แล้วสินะว่า
มันกินน้ำมันพอกัน
ซื้อเครื่องไหนก็ได้
แต่ 1.5T ถูกกว่า
นั่งได้ตั้ง 7 คน
ชิมิ หุหุหุ
นอกเมืองกินพอกันไม่ต้องสงสัยเลยครับ แต่ถ้าใช้ในเมืองผสมนอกเมือง หรือใช้ในเมืองเป็นหลักยังไง ehev ประหยัดกว่าแน่นอน ในเมือง 1.5 อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 6-8 กม/ลิตร แต่ ehev เฉลี่ย 12-15 กม/ลิตร ทำได้แน่นอน ซึ่งเทียบกันแล้วประหยัดค่าน้ำมันกว่าเยอะนะครับ ฉนั้นคนจะซื้อต้องดูว่าส่วนใหญ่ใช้รถในพื้นที่ไหนมากกว่า
คนที่คลุกคลีกับรถ ชอบเล่นรถ
ดูข้อมูลจากตารางและเอาไปอนุมานต่อ
ก็คงพอเข้าใจได้แหละครับ ตามที่พี่พูดมาเลย
แต่คนส่วนใหญ่ ที่ต้องซื้อรถใช้
ไม่ใช่คนที่สนใจหรือเข้าใจเครื่องยนต์กลไก
ซึ่งมีอีกเป็นจำนวนมาก
หลายคนยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำไปทำไมการขับเร็ว ขับช้า
ขับในเมือง ขับทางไกล มันกินน้ำมันต่างกัน
และต่างกันเพราะอะไร
ดังนั้นถ้ามีคนเอาตารางนี้ไปแชร์ข้างนอก
ก็จะมีคนเข้าใจอย่างง่ายๆ ว่ารถทั้ง 2 เครื่องยนต์นี้
มันกินน้ำมันพอๆ กัน
ตรงไปตรงมาตามข้อมูลแหละครับ
-
HEV : 14.8 km/l
1.5T : 14.44 km/l
ใช้งานจริง นอกเมืองทำไม่ได้แน่นอนครับ 110 km/h แบบนิ่งเนียนๆ โดยเฉพาะเส้นมิตรภาพ
เลนขวาที่พอจะใช้ความเร็วได้ คุณจะเจอ รถบรรทุก รถคอก รถบัส แช่ขวา
มันก็จะเร่งๆ เบรกๆ ได้ความเร็วเฉลี่ย 90 ก็หรูแล้ว นอกจากจะมุดเก่งสุดๆ
ทีนี้ถามว่าการใช้งานแบบนี้ มันควรจะดีหว่า หรือ แย่กว่ามาตรฐานจากการทดสอบ?
-
ใช่ครับผมว่าการทบสอบของ HLM มันไม่ค่อยตรงกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
มันจะเหมาะกับคนขับรถออกต่างจังหวัดไกลๆ บ่อยๆ
จะให้เขาเปลี่ยน มันก็จะเพิ่มขั้นตอน ค่าใช้จ่ายของเขา เช่นให้ติดเครื่องทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง
ที่จริงเราควรจะเชื่อ eco sticker ได้ แต่มันกลับไม่น่าเชื่อถือเท่าการทดสอบ HLM เอาเสียเลย
-
ส่วนตัวผมว่าอาจจะต้องเพิ่มระยะทางให้มากขึ้น เผื่อให้สำหรับรถ PHEV โดยทางทีมอาจจะต้องขับที่ระยะ 250+ กม.
แต่ก็นั่นแหละ กว่าจะทดสอบแต่ละที ยากเลย
-
เห็นด้วยกับจขกท.ครับ ว่ามาตรฐานปัจจุบันมันเริ่มไม่สะท้อนการใช้งานจริง และเอาไปอ้างอิงไม่ได้ในรถhybrid หรือไฟฟ้า
ถ้าบอกว่าอยากทำมาตรฐานการทดสอบใหม่ให้ใกล้เคียงการใช้งานจริงมากขึ้นทำได้แน่นอน เหมือนอย่างมาตรฐานNEDC หรือWLTP
ก็ต้องควบคุมปัจจัยต่างๆให้เหมือนกันเป๊ะในรถทุกคัน เร่ง0-xx แล้วขับความเร็วเท่านี้ไปyนาที จอดนิ่งzนาทีแล้วขับต่อเท่านี้ๆก็ว่าไป
ซึ่งสุดท้ายแล้วเพื่อให้ได้patternการขับขี่แบบที่ต้องการยังไงก็ต้องไปขับวนในสถานที่ปิดเป็นระยะทางไกลมาก ซึ่งก็คงเสียเวลาและงบประมาณมากกว่าเดิมเยอะ ถ้าทางทีมงานจะทำไม่ไหวก็เข้าใจได้
ส่วนที่ไล่ให้ไปทดสอบเองนี่ตลกครับ ก็นี่มันเวบทดสอบรถเค้ามาเสนอความเห็นเรื่องทดสอบรถก็ถูกแล้ว
ที่ผ่านมาเวบนี้ดีกว่ารีวิวสำนักอื่นตรงที่ละเอียด มีมาตรฐาน แต่เวลาผ่านไปอะไรตกยุคแล้วก็ต้องยอมรับ อะไรที่อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงก็ต้องเปลี่ยน ไม่งั้นก็โดนคนอื่นแซงไปเรื่อยๆ
-
ผมมองว่าทางเว็บทดสอบมาตรฐานนี้มาจนมันเป็นค่ามาตรฐานในการทดสอบรถแล้ว การที่จะทดสอบรถรุ่นอื่นเพื่อเปรียบเทียบยังไงก็ต้องทดสอบตามแบบมาตรฐานเดิมครับ ไม่งั้นมันเทียบกันไม่ได้