Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: IncarRus ที่ มิถุนายน 11, 2023, 20:52:16
-
2-3 วันก่อน เพื่อนผมบ่น โดนใบสั่งจับความเร็ว
ทั้งๆ ที่ระวังไม่ให้เกินมาตลอดทาง
แต่น่าจะไปเกินจังหวะเร่งแซง
.
แล้วเรื่องของเรื่อง ก็โดนปรับเท่ากับพวกที่แช่ 130 140 150 มายาวๆ
มันก็รู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม
.
ไม่ได้บอกว่าไม่ผิดนะครับ แต่มันก็ไม่ยุติธรรมนะ ว่าไหม ??
.
เลยอยากรู้ว่า มีที่ไหนในโลกไหมครับ ที่ปรับความเร็วแบบขั้นบันได หรือทวีคูณ
เช่นว่า 110 เรทนึง 120 ก็อีกเรทนึง 130 ก็อีกเรทนึง
อาจจะคูณระยะทาง หรือเวลาด้วย
.
และสมาชิกเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าจะมีการปรับแบบขั้นบันได หรือทวีคูณ
ผมว่าน่าจะดีนะ อย่างน้อยพวกที่แช่ยาวๆ น่าจะหายไปเยอะ
แต่ในทางปฏิบัติ ก็คิดว่าน่าจะยากอยู่ กับการจะมาวัดค่าต่างๆ เพื่อคำนวณค่าปรับให้ได้ถูกต้อง, คงต้องบังคับติด GPS เนาะ
-
เคยได้ยินเพื่อนบ่นว่า ขับ 124 โดนจับที่ 120 รู้งี้กดไป 200 เลยดีกว่า เสียเงินเท่ากัน
ส่วนตัวคิดว่าควรปรับตามความเร็วที่วิ่งเกิน และคนที่โดนข้อหาเดิมบ่อยๆ ควรจะปรับเพิ่ม เพิ่มโทษให้ไปรายงานตัว หรือเรียกอบรมครับ
หลายๆประเทศถ้าเกินมากๆ จะโดน Reckless driving หรือ ขับรถโดยประมาทเพิ่มอีกกระทง
คิดว่าญี่ปุ่น ถ้าขับเร็วมาก 180++ อาจโดนจำคุกเพิ่ม
อยากให้พิจารณาเรื่อง SpeedLimit ใหม่ด้วย บางเส้น Limit มันล้าหลังจริงๆ
แต่ก็เข้าใจเรื่องความปลอดภัยนะ พอถนนมา ร้านค้าตามมา และส่วนใหญ่ก็จอดกันริมถนนนั้นแหละ..
-
เข้าท่าดีครับ แต่น่าจะมีความยุ่งยากในการคำนวนค่าปรับน่าดูนะครับ แล้วกล้องจราจรต้องพร้อมด้วย ห่วงตรงนี้แหละ
คิอถ้าจะทำแบบนี้ กฏหมายจราจรข้ออื่นก็ต้องเอาบรรทัดฐานการปรับแบบเดียวกันไปด้วยน่ะครับ
เช่น เมาแล้วขับ ก็ปรับตามปริมาณแอลกอล์ที่เกินมาเลย เกินมามากๆค่าปรับก็ขึ้นเป็นทวีคูณไปเลย จนไปสุดที่ติดคุกตลอดชีวิต
จอดในที่ห้ามจอด ปรับตามระยะเวลาที่จอดเลย คิดเป็นนาทีไปเลย
ขับรถเหยียบเส้นทึบ คำนวนจากค่าปรับจากระยะทางที่เหยียบเส้น ว่าเหยียบไปกี่ฟุตกี่เมตร แล้วคำนวนตามนั้น
รถสภาพไม่พร้อมใช้งาน เช่น ไฟเลี้ยวไฟเบรกไม่ติด ไม่ติดกี่ดวง คำนวนค่าปรับตามจำนวนดวงที่ไม่ติด
ขับรถคุยโทรศัพท์มือถือ เล่นไลน์ เล่นแชท คำนวนค่าปรับจากระยะทาง หรือระยะเวลาที่ใช้โทรศัพท์หรือเล่นไลน์
ขับรถไม่คาดเข็มขัด คำนวนค่าปรับจากระยะทางที่คนขับเริ่มขับมาโดยที่ไม่ได้คาดเข็มขัด
ฯลฯ และอีกเยอะแยะมากมายครับ ให้เอาบรรทัดฐานคำนวนค่าปรับแบบเดียวกันให้หมดครับ
เพราะอุบัติเหตุไม่ได้เกิดเพราะความเร็วอย่างเดียว ความเร็วเป็นแค่ปัจจัยนึง ถ้ามุ่งเอาแต่เข้มงวดเรื่องกฎหมายความเร็วอย่างเดียว
ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นเท่าไหร่ครับ
สุดท้ายผมว่าก็อย่างที่บอกครับ ผมว่าดีน่ะ แต่ทำจริงๆคงยากน่าดู แล้วน่าจะเกิดดราม่าเรื่องการคำนวนค่าปรับกันเยอะน่าดู
-
เห็นด้วยกับการติดGPSดูความเร็วกัรไปเลยครับ ถึงจะดูละเมิดความเป็นส่วนตัว แต่มีมาตรฐานมากกว่าให้ตำรวจ ถ่ายแล้วเอาเลขมาเติมเยอะครับ
ไม่รู้สิ ผมโดนโดยที่ไม่ได้ขับเร็วแล้วมันหงุดหงิด
-
ก่อนจะทำเรื่องยาก ๆ ไปทำให้การตั้งการจำกัดความเร็วและการบังคับใช้มันสมเหตุสมผลก่อนครับ อย่าเพิ่งไปคิดอะไรยากกว่านั้นเลยครับ กฎหมายที่มีไว้เพื่อความปลอดภัย กับที่มีไว้เพื่อหาเงิน มันชัดเจนครับ ซึ่งของไทยเป็นแบบไหนก็คงไม่ต้องสืบกัน
เมืองนอกหลายแห่งที่เรามองว่าเขาเข้มงวด เขาก็มี Tolerance เอาไว้ให้คนขับอยู่ 5% บ้าง 10% บ้าง ไม่มีครับเร็วไปแค่ 1-2km/h แล้วจะโดนปรับ มันไร้สาระ ไม่ได้ช่วยให้เกิดความปลอดภัยขึ้นครับ แต่ช่วยหาเงินได้อันนี้มหาศาล แล้วไหนจะการตั้งการจำกัดความเร็วตามสภาพถนนอีก บางประเทศ ถนนบางแห่งจำกัดไว้สูงจนคนทั่วไปไม่กล้าขับถึง แต่พอเป็นที่ที่มันอันตรายจริงเขาก็ตั้งต่ำ วิจัยกันหาคำตอบก่อนว่าตรงไหนอันตราย ตรงไหนไม่ ตั้งให้สมเหตุสมผล ไม่ใช่ว่าตั้งต่ำไว้ก่อนเพราะมองว่ามันปลอดภัย หรือตั้งตามอำเภอใจไปเลยแบบอีกหลายประเทศ
ก่อนที่จะมีความเข้มงวดได้ กฎหมายต้องสมเหตุสมผลก่อนครับ บางทีการคิดนโยบายอะไรมาบางอย่างแล้วโดนคนด่า ก็ไม่ใช่โดนด่าเพราะเสียประโยชน์อย่างเดียวครับ กฎหมายไม่ใช่พระเจ้ากำหนดขึ้น คนเนี่ยแหละครับเขียนขึ้นมา บางทีก็คิดมาดีแล้ว บางทีก็เอาหัวแม่เท้าคิดครับ
-
ที่ญี่ปุ่นครับ ค่าปรับจะแพงขึ้นทุกๆ 10 kM/hr ครับ
ค่าปรับไม่ flat rate
-
เห็นด้วยมันอาจทำให้พวกซิ่งได้เข็ดหลาบกันบ้าง เริ่มต้นที่2000 ไปสุดที่5000 เงินเข้าหลวงนะ ไม่เข้ากระเป๋าม๋าต๋า
-
ปรับตามความเร็วแล้ว ก็ควรจะปรับตามราคารถด้วยนะครับ
รถราคาขาย 5 แสนก็คูณ 0.5
1ล้านก็ 1 แล้วมาบวกค่าปรับ
รถ 10 ล้านนี่ รัฐบาลเอามาทำถนนดีๆได้เลย
หรือไม่ก็คูณจากฐานรายได้ของเจ้าของรถด้วย
แบบนี้ พวกรถบริษัทจะได้เปลี่ยนเป็นบุคคลธรรมดาเยอะอยู่
-
ที่ญี่ปุ่นครับ ค่าปรับจะแพงขึ้นทุกๆ 10 kM/hr ครับ
ค่าปรับไม่ flat rate
+1 แบบนี้น่าสนใจดีครับ
-
ที่นิวซีแลนด์น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีครับ ผมโดนตำรวจขับสวนมายิงเลเซอร์วัดความเร็ว ซึ่งแม่นยำและเถียงไม่ได้
จังหวะลงเนินเขายาวๆลิมิต 110 km/h ณ ตอนนั้นผมไหลลงเนินอยู่ที่ความเร็ว 122km/h เลยโดนไป NZ$80
ยิ่งเกินลิมิตไปไกล ยิ่งแพงแบบ exponential
หากวิ่งเกิน 160km/h (มากกว่า 50km/h เหนือลิมิต) ตำรวจมีสิทธิ์ระงับใบขับขี่สากลและจับเข้าคุกเลยครับ
เพราะถือเป็นอันตรายอย่างมากกับผู้ร่วมใช้ถนนอื่น (charged for reckless driving):
ตารางปรับ (จากเว็บไซต์ตำรวจจราจรของ New Zealand Police)
How far over the speed limit Infringement fine
10km/h or less $30
11-15km/h $80
16-20km/h $120
21-25km/h $170
26-30km/h $230
31-35km/h $300
36-40km/h $400
41-45km/h $510
46-50km/h $630
-
ถ้าถามความเห็นก็เห็นด้วย แต่กฎหมายที่มีมากมายยังทำไม่ได้ ปัญหาอยู่ที่การปฏิบัติ (ทุกเรื่อง)
ตอนนี้สารพัดเรื่องที่ทำผิด ไม่ยอมทำตามกฏหมาย ทำเป็นไฟไหม้ฟางแล้วเลิก เสียเวลาเสียอุปกรณ์ เสียงบประมาณ
อยากให้เคร่งครัดมากกว่านี้ แล้วการจราจรจะดีขึ้นเองครับ
-
ผมอยากให้มีการปรับ รถช้าแช่ขวา ตามความเร็วแบบขั้นบันไดด้วยครับ ;D
(สำหรับถนนที่มีการระบุ ความเร็วขั้นต่ำ สำหรับเลนขวา)
-
โดนจับความเร็ว จังหวะแซงอันนี้ผมเคยโดนครับ
ความเร็วเค้าวิ่งกัน 100-120 แต่คันหน้าเรา วิ่ง 110 เราจะแซงแต่ตอนแซงมันเกิน 120 เพราะต้องการให้มันแซงพ้นเร็วเพื่อความปลอดภัย .... ก็ไปเจอด่านโบกอยู่ข้างหน้าบอกความเร็วเกิน
สิ่งที่ทำได้ก็ ถ้ารู้ว่าอยู่ในเขตจำกัดความเร็ว ก็อย่าไปแซงครับ ถ้าขับต่างจังหวัดบ่อยๆให้มองป้ายบอกความเร็วให้ดี ช่วงจับความเร็วจะมีป้ายบอกตัวใหญ่ๆเลยว่าห้ามเกิน 90 หรีอ100 กม/ชม ถ้าเจอป้ายนี้ให้รู้ไว้ นี่คือเขตกำจัดความเร็วดังนั้น ถ้าคันหน้าไม่ช้าจริงๆ หรือมั่นใจว่าจะแซงแต่ความเร็วเราต้องไม่เกินนี้ ก็อย่าแซงเลย
เห็นป้ายจำกัดความเร็ว อย่าคิดว่าป้ายหลอก ป้ายดรัมมี่ ให้ระวังตลอดแล้วจะรอดครับ เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมขับขึ้นเหนือ ก็รอดทุกด่านครับ เพราะมองป้าย ทำตามป้าย ตรงไหนไม่มีป้าย ก็ใส่ได้เลย แต่ถ้าเจอป้ายความเร็ว รีบยกให้ไวเลยครับ
-
ผมอยากให้ปรับตามรายได้ มากกว่า
เพราะสุดท้าย การตั้งค่าปรับ หรือ จำนวนเงิน ต่อการกระทำผิด จำนวน XX,XXX บาท ไอ้ยอดเงินค่าปรับนี้ ใครเป็นนิยาม? เอามาจากไหน? และเอาอะไรเป็นการประเมินค่าปรับ?
กฏหมายค่าปรับความเร็วก็เช่นกัน
คนหาเช้ากินค่ำ ค่าแรงหลักไม่กี่ร้อย แค่เผลอ หรือ เร่งแซง แล้วโดน เงินค่าจ้างทั้งวันจ่ายได้แค่ 1 ข้อหาก็หมดแล้ว
คนที่รวยๆ หน่อย ผมเห็นขับกันยังกะในสนามแข่ง ค่าปรับ 500 เทียบกับรายได้ เขาสามารถผ่ากล้องจับความเร็วได้เป็นร้อยๆ ครั้งเลยมั้ง ตราบใดที่มีเงินจ่าย เขาไม่แคร์อยู่แล้ว
เหมือนข่าวล่าสุดที่ในยุโรป(จำประเทศไม่ได้) ที่มีเศรษฐี ขับผ่าไฟแดง แล้วโดนค่าปรับเป็นล้าน อันนี้ เห็นด้วยมาก
บางประเทศ ค่าปรับไม่ได้แพงมาก แต่ถ้าโดน มันไม่จบแค่ค่าปรับ มันต้องขึ้้นศาล ด้วย อันนี้แรงกว่าโดนค่าปรับอีกนะ มันทำให้คนไม่อยากมาเจอเรื่องนี้
และแทบทุกประเทศ เขาก็จำกัดความเร็ว และ ไม่ได้เพิ่มการกำหนดความเร็วทุก 5 ปี หรือ ตามเทคโนโลยีหรือความแรงของรถที่เพิ่มขึ้น อย่างที่บางคนชอบพูดว่า กฏหมายบ้านเราล้าหลัง จำกัดความเร็วต่ำเกินไป หรือ ขับช้าแล้วง่วง เป็นต้น
-
ถ้าถามความเห็นก็เห็นด้วย แต่กฎหมายที่มีมากมายยังทำไม่ได้ ปัญหาอยู่ที่การปฏิบัติ (ทุกเรื่อง)
ตอนนี้สารพัดเรื่องที่ทำผิด ไม่ยอมทำตามกฏหมาย ทำเป็นไฟไหม้ฟางแล้วเลิก เสียเวลาเสียอุปกรณ์ เสียงบประมาณ
อยากให้เคร่งครัดมากกว่านี้ แล้วการจราจรจะดีขึ้นเองครับ
เศร้าครับ คือเรื่องจริง มันคือไฟไหม้ฟาง ไม่จริงจัง สุดท้ายก็วนเหมือนเดิม
-
กล้องบางที มันก็ไม่ได้ติดทุกที่ตลอดสาย
ต้องเจอคนคุ้นเสันทางวิ่งประจำ รู้ว่ากล้องอยู่จุดไหน
เจอกล้องขับช้า พ้นกล้องเหยียบเกิน limit ไม่โดนปรับ
-
อยากให้มีระบบจับความเร็วแบบความเร็วเฉลี่ยคู่กันด้วย คือ ถ่ายเข้าจับเวลา แล้วก็ถ่ายออก แล้วเอาไปคำนวณความเร็ว
ที่เมืองนอก บางโซนจะเป็นแบบนี้เลย กันพวกขับเร็ว ๆ แล้วมาชะลอแค่ตรงกล้อง
-
เคยได้ยินของยุโรป (อย่างน้อยๆก็อังกฤษ) ที่ปรับเป็นขั้นบันได
ล่าสุดที่โดนจับของฟินแลนด์อันนั้นก็ปรับตามรายได้เลย คนโดนจับเป็น CEO ของสักบริษัทนึงนี่แหละ โดนปรับอ้วกอยู่เพราะเขานับตามรายได้หรือทรัพย์สินที่มี + ทำผิดนี่รอบที่ 3 แล้วมั้ง
ส่วนตัวผมก็ยืนยันว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรื่องระบบ แต่เป็นเรื่องของการปฏิบัติล้วนๆ
ปล. จริงๆผมไม่เคยเห็นด้วยเรื่องจำกัดความเร็วในส่วนทางหลวงออกต่างจังหวัดนะ ทำกฎเข้มๆแบบ Autobahn ไปเลย คือเหยียบเท่าไหร่ก็เหยียบ แต่ถ้าชนหรือเสียบนนั้นก็ปรับอ้วกแตกไป
ส่วนด่วนในเมือง.. จะเหยียบกันเกิน 120 หรอครับ 💦
-
ตามนั้นครับ เรื่อง แอลกอฮอล์ ปริมาณ มาก ๆ ยังมีผลกับการฟ้องศาลเลยครับ
-
กล้องควรจะถ่ายพวกรถบรรทุกแช่ขวาด้วย เพราะทำให้ต้องแซงซ้าย ความเร็วมันก็ต้องเกินสิ
-
ควรครับ แต่ควรปลดล็อกความเร็วเพิ่มตามถนนสายหลัก ของแต่ละภาค เช่น มอเตอร์เวย์บางช่วง สายเอเชียบางช่วง
-
ผมอยากให้ปรับตามรายได้ มากกว่า
เพราะสุดท้าย การตั้งค่าปรับ หรือ จำนวนเงิน ต่อการกระทำผิด จำนวน XX,XXX บาท ไอ้ยอดเงินค่าปรับนี้ ใครเป็นนิยาม? เอามาจากไหน? และเอาอะไรเป็นการประเมินค่าปรับ?
กฏหมายค่าปรับความเร็วก็เช่นกัน
คนหาเช้ากินค่ำ ค่าแรงหลักไม่กี่ร้อย แค่เผลอ หรือ เร่งแซง แล้วโดน เงินค่าจ้างทั้งวันจ่ายได้แค่ 1 ข้อหาก็หมดแล้ว
คนที่รวยๆ หน่อย ผมเห็นขับกันยังกะในสนามแข่ง ค่าปรับ 500 เทียบกับรายได้ เขาสามารถผ่ากล้องจับความเร็วได้เป็นร้อยๆ ครั้งเลยมั้ง ตราบใดที่มีเงินจ่าย เขาไม่แคร์อยู่แล้ว
เหมือนข่าวล่าสุดที่ในยุโรป(จำประเทศไม่ได้) ที่มีเศรษฐี ขับผ่าไฟแดง แล้วโดนค่าปรับเป็นล้าน อันนี้ เห็นด้วยมาก
บางประเทศ ค่าปรับไม่ได้แพงมาก แต่ถ้าโดน มันไม่จบแค่ค่าปรับ มันต้องขึ้้นศาล ด้วย อันนี้แรงกว่าโดนค่าปรับอีกนะ มันทำให้คนไม่อยากมาเจอเรื่องนี้
และแทบทุกประเทศ เขาก็จำกัดความเร็ว และ ไม่ได้เพิ่มการกำหนดความเร็วทุก 5 ปี หรือ ตามเทคโนโลยีหรือความแรงของรถที่เพิ่มขึ้น อย่างที่บางคนชอบพูดว่า กฏหมายบ้านเราล้าหลัง จำกัดความเร็วต่ำเกินไป หรือ ขับช้าแล้วง่วง เป็นต้น
ผมเห็นด้วยทุกประการ โดยเฉพาะบรรทัดสุดท้ายครับ หลายๆคนคิดแบบนั้นจริงๆๆ
-
เห็นด้วยครับ แต่ดูเจตนาเป็นองค์ประกอบด้วย ที่อยากจริงๆคือให้เปิดให้เอกชนมาประมูลให้สัมปทานระบบบังคับใช้กฎหมายแล้วแบ่งรายได้นำจับครับ สร้างระบบที่โปร่งใสตรวจสอบได้ น่าเชื่อถือ และคงเส้นคงวา พวกตัวตึงอย่างคลิปโดนบีบแตรแล้วออกอาการวันก่อนต้องหมดไปครับ...
-
เห็นด้วยครับ ปรับเรททุกๆ 10 กม ที่เร็วขึ้น
เพื่อนไต้หวันเคยบอกว่า เวลาขึ้นทางด่วน ที่มีรับบัตรเข้าและออก ตำรวจเอาระทางที่วิ่งมาหารเวลาที่ใชเ เพื่อหาความเร็วเฉลี่ยเลยครับ
เช่นระยะทาง 150 กม แต่วิ่งแค่ 1 ชม ก็้ถือว่าใช้ความเร็ว 150 กมต่อชมไปเลย
ปล
แค่วิ่ง 120 บนทางหลวงระหว่างเมือง ตั้งกี่ปีมาแล้วไม่รู้ ยังทำไม่ได้เลยครับ
พวกช้าแช่ขวาก็อยากให้จัดการมาก ภาระเพื่อนร่วมทางจริงๆ
-
ควรครับ
ควรปรับตามความเร็วที่เกิน
ปรับตามฐานะด้วย
และควรเชื่อมข้อมูลให้ดีด้วย กรมทางหลวง-ขนส่ง
บางประเทศบางจุดใช้ระบบนับเวลาเข้าออก อย่างเช่นช่วงนี้ ระยะ30กิโลเมตร ถ้าให้ขับไม่เกิน 100กม/ชม
สมมติขับ100เต็มกฎหมายกำหนดตลอด จะต้องใช้เวลา18นาที แปลว่า ถ้าผ่านจุดเข้าและออกในจุดออก"ต่ำกว่า18นาที"คือมีช่วงขับเร็วกว่า 100 เป็นต้น
บางประเทศค่าปรับแต่ละจุดไม่เท่ากัน (สมมติจำนวนเงิน)
ขับเกินบนทางด่วนปรับ 500
ขับเกินในเขตเมืองปรับ 1500
ขับเกินในเขตโรงเรียนปรับ 3000 เป็นต้น
คนรวยถ่ายรูปใบปรับลงโซเชี่ยล ว่ารถฉันแรง เท่มั้ย ขับเร็ว ไลฟ์สไตล์
คนจนเครียด รีบเพื่องานเพื่อรายได้
-
เห็นควรครับ ควรมีการปรับแบบขั้นบันได เพราะขับเกินแค่นิดเดียว ก็ปรับเท่ากัน
=======================================
ขออนุญาตนอกเรื่องนะครับ แชร์ประสบการณ์แปลกๆนิดนึง
เคยโดนจดหมายแจ้งเตือนทำผิดกฎจราจรเรื่องความเร็วเกินกำหนด
แต่ป้ายกำหนดความเร็ว กับรถเราอยู่คนละสถานที่
รูปถ่าย ป้ายกำหนดขับไม่เกิน 90 กม/ชม นั้นถ่ายติดป้ายเขียวๆบอกทางจังหวัดสุโขทัย
แต่วันดังกล่าวผมไปจันทบุรีครับ ก็เลยเข้าไปที่ สน ใกล้บ้านเผื่อขอคำชี้แจง
ร้อยเวรก็อธิบายไม่ได้ เลยทำเรื่องยกเลิกใบสั่งนี้ให้ครับ