Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: solo ที่ มิถุนายน 14, 2023, 05:38:45
-
พอโวยหน่อยก็สวนกลับว่าหัดใช้ Voice Commandสิ
https://www.youtube.com/watch?v=oQF3KaXEBo4
-
ผมคิดว่าลึกๆมันเป็นการลดต้นทุน แทนที่จะใช้ปุ่มคุม ก็เขียน software ต่อกับจอเลย
ตัดแสคคานิคต่างๆออก พอเป็นจอจะแก้ก็ updatesoftware เอา ซึ่งจอก็คงไม่ทนเท่าปุ่ม แล้วปุ่มเสียอาจเปลี่ยนแค่ชุดนั้นๆ แต่จอน่าราคาโหดแน่ๆ
Voice command เจอเพื่อน american ใช้ก็ดูมีประโยชดี
สั้งให้โทรออก อ่าน/ตอบ message เซิจหาหาสถานที่ใน googlemaps สั้งหาเพลงในapple music
แต่ภาษาไทยไม่รู้จะเก่งแค่ไหน
-
เห็นข่าวเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ผู้บริหารฮุนไดบอกว่า
ฮุนไดจะยังคงใช้แบบปุ่มกดอยู่ เพราะผลในเรื่องของความปลอดภัยมากกว่า
-
ผมคิดว่า tech จะก้าวล้ำหน้าไปยังไง อย่างน้อยก็ควรมี กลไกง่ายๆ ธรรมดาๆ support อยู่ ดีกว่าครับ อย่างในคลิปนี้เลย
-
เป็นเรื่องนึง ที่ สวย แต่ไม่ Praticle ครับ
-
ผมคิดว่าลึกๆมันเป็นการลดต้นทุน แทนที่จะใช้ปุ่มคุม ก็เขียน software ต่อกับจอเลย
ตัดแสคคานิคต่างๆออก พอเป็นจอจะแก้ก็ updatesoftware เอา ซึ่งจอก็คงไม่ทนเท่าปุ่ม แล้วปุ่มเสียอาจเปลี่ยนแค่ชุดนั้นๆ แต่จอน่าราคาโหดแน่ๆ
Voice command เจอเพื่อน american ใช้ก็ดูมีประโยชดี
สั้งให้โทรออก อ่าน/ตอบ message เซิจหาหาสถานที่ใน googlemaps สั้งหาเพลงในapple music
แต่ภาษาไทยไม่รู้จะเก่งแค่ไหน
บริษัทรถอ้างว่าจะสร้างความปลอดภัยแต่ดันสร้างความอันตรายให้กับรถด้วยการตัดปุ่ม ผมก็ว่ามันลดต้นทุนแหละครับ มีจอโล่งๆ ดูแล้วมันไม่มีราคายังไงไม่รู้ ไม่ชอบล้ำแบบจืดชืดดูไม่มีราคาแบบนี้เลยครับ แถมยังต้องใช้งานยุ่งยากอีกโดยเฉพาะกับปรับแอร์ปิดแอร์การใช้งานเครื่องเสียงครับ และพังมามันไม่ถูกแบบเมคานิคส์ด้วยครับ
-
ผมพยายามฝืนใช้ Voice Command นะ เวลาอยู่คนเดียวมันก็ใช้ได้หรอก เช่นให้หมุนคลื่นวิทยุนี่ใช้ได้ดีทีเดียวนะ บอกเลขสถานีอย่างเดียวหมุนตรงเปะเลย ...
แต่คำสั่งอื่นๆ มันก็ไม่แม่น และที่แย่กว่าคือถ้าอยู่กันหลายคนบนรถ มันไม่สะดวกเลย อยู่ๆไปใช้คำสั่งเสียงให้เพื่อนฟัง มันบอกเรากระแดะอีก 555
-
มันง่ายต่อการผลิตของบริษัทรถ ลดต้นทุน
และยังเป็นกระแสแฟชั่น
อีกหน่อย ปุ่มไหนใช้บ่อย ควรมีปุ่มเลือก custom ได้เอง เช่นสวิทช์แอร์
ไม่ควรใช้ touch screen ทุกอย่างให้ต้องเสียเวลาละสายตาจากถนนเลย
-
อันในคลิปจริงๆมันก้เทียบเคียงกับในรถไม่ได้ ถ้าแบบบ้าน แล้วรู้ตัวว่าจะใช้เสียงไม่ได้ ก็อัดเสียงเป็นคำสั่งที่ใช้ แล้วค่อยกดเปิดจากโทรศัพท์ก็ได้ ประสบการณ์ตรงเคยเสียงหาย เลยใช้เสียงที่อัดเปิด A.I.Home แทน ซึ่งในรถคงไม่สะดวกแบบแบบนี้แน่นอน
-
ผมพึ่งรับ Model Y Longrange มาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่อยากบ่นมากกกกก แต่ไม่รู้จะไปบ่นที่ไหน บ่นไปก็กลัวเขาจะหาว่า ผมไม่ยอมปรับตัวเข้าหารถ
เพราะผมต้อง "เข้าเมนู" เพื่อทำสิ่งง่ายๆ เหล่านี้ แทนที่จะแค่กดปุ่มใกล้มือ หรือปรับจากกลไกง่ายๆ ที่เราคุ้นเคย
- เปิดลิ้นชักหน้ารถ
- พับกระจกมองข้าง
- ปรับองศากระจกมองข้าง
- ปรับความสูงพวงมาลัย
- ปรับโหมดการขับขี่
- ปรับทิศทางแอร์
- ปรับ Volume (ยังดีที่ปรับที่พวงมาลัยได้)
ฯลฯ
Voice Command นี่เลิกคิดไปได้เลย ไม่อยากใช้
แต่โดยรวมแล้ว เมื่อแลกกับสิ่งที่ได้รับ ผมก็ยังโอเคกับมันอยู่
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้า Hyundai ยืนยันว่า รถไฟฟ้าของพวกเขาจะยังมีปุ่มต่อไป ก็นับว่าเป็นบุญของลูกค้าครับ
-
ขอพูดถึงในมุมของ tesla
อันนี้ก็คิดว่าลดต้นทุนจริงๆ
แต่อีกมุมนึงก็ทึ่งในการทำจุดนี้ขึ้นมาได้
คือแยกเป็นส่วนๆในการทำมันง่ายกว่าที่จะเอาทุกอย่างไปต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์กลางรถ
ข้อดีคือรถยนต์มันก็มีประมาณนี้ในการติดตั้งเซ็นเซอร์รับรู้ต่างๆในแต่ละจุดบนรถ
เมื่อมันควบคุมผ่านคอมพิวเตอร์ก็เท่ากับสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันภายในรถได้ไม่จำกัด
มันจะเอื้อต่อการโปรแกรมหรือการ set up ของเจ้าของรถมากขึ้น
เบื้องหลังที่ตัดปุมไปเพราะคิดว่าฟังก์ชันเยอะเกินกว่าที่จะยัดปุมเข้าไปได้
อันนี้มี third party ทำอุปกรณ์ออกมารองรับซึ่งผมว่าโอเคของแต่งสะใจเลยกับรถโหลๆเหมาะใช้งาน
กับแนวทางต่อไปของค่ายนี้ก็ยิ่งลดปุ่มให้ AI ตัดสินใจแทนเราเข้าไปอีก :-\
ส่วนตัวใจนึงก็กลัวใจนึงก็ชอบ พอรวมกับราคาก็เลยค่อนไปทางชอบมากกว่า ฮา
-
เป็นส่วนที่ผมพิจารณาตอนซื้อด้วย ปรับแอร์ เปิดปิดเครื่องเสียง ปรับ volume ถ้าไม่เป็นปุ่มตัดตัวเลือกออกก่อนเลยไม่สะดวกสำหรับผม
-
ปุ่มไฟหน้า+ท้าย ใบปัดน้ำฝน เอาไปใส่จอหมด ถ้าทำงานแม่นยำมันก็ดี แต่เรื่องจริงมัน เอ๋อ
-
::) ::) ::) ::) ::) ::)
เอาจริงๆผมก็ชอบปุ่มมากกว่าครับ ;) ;)
-
ผมว่ากดมือถือระหว่างขับรถยังอันตรายน้อยกว่ากดระบบจอกลางพวกนี้เลยครับ
พอรถวิ่งแล้วมือโยกไปโยกมามันมีโอกาสกดผิดสูง ในขณะที่มือถือตอนอยู่ในมือมันก็โยกตามมือเรา
บางคนอาจจะมองว่าการเอาทุกอย่างไปอยู่ในจอคือดีไซน์ที่ล้ำยุค ไฮเทค บลาๆๆ แต่ผมมองว่ามันคือดีไซน์ที่ "โง่" ครับ
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีผลทดสอบออกมาว่า ปุ่มที่เป็น "ปุ่ม" จริงๆ มันใช้งานง่ายกว่า และใช้เวลากดน้อยกว่า
อันนี้ผลวิจัยจากการใช้ระบบ Android Auto / Apple Carplay ยังไม่รวมถึงระบบอื่นๆในรถที่น่าจะใช้ยากกว่านี้อีก
(https://sv1.picz.in.th/images/2023/06/14/I5SWVV.jpg)
ที่มา: https://iamwebsite.blob.core.windows.net/media/docs/default-source/default-document-library/iam-roadsmart-trl-simulator-study_infotainment.pdf?sfvrsn=d873495c_2
ผมพึ่งรับ Model Y Longrange มาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่อยากบ่นมากกกกก แต่ไม่รู้จะไปบ่นที่ไหน บ่นไปก็กลัวเขาจะหาว่า ผมไม่ยอมปรับตัวเข้าหารถ
เพราะผมต้อง "เข้าเมนู" เพื่อทำสิ่งง่ายๆ เหล่านี้ แทนที่จะแค่กดปุ่มใกล้มือ หรือปรับจากกลไกง่ายๆ ที่เราคุ้นเคย
- เปิดลิ้นชักหน้ารถ
- พับกระจกมองข้าง
- ปรับองศากระจกมองข้าง
- ปรับความสูงพวงมาลัย
- ปรับโหมดการขับขี่
- ปรับทิศทางแอร์
- ปรับ Volume (ยังดีที่ปรับที่พวงมาลัยได้)
ฯลฯ
Voice Command นี่เลิกคิดไปได้เลย ไม่อยากใช้
แต่โดยรวมแล้ว เมื่อแลกกับสิ่งที่ได้รับ ผมก็ยังโอเคกับมันอยู่
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้า Hyundai ยืนยันว่า รถไฟฟ้าของพวกเขาจะยังมีปุ่มต่อไป ก็นับว่าเป็นบุญของลูกค้าครับ
3 ข้อนี้คือ deal breaker ที่ทำให้ผมตัดสินใจไม่ซื้อ Tesla เลยครับ
อย่างอื่นยังพอเข้าใจได้ว่านานๆถึงจะปรับทีนึง
-
เป็น 1 ในปัจจัยซื้อรถเลย รถคันไหนอยู่ที่หน้าจอหมด โคตรอันตรายเลย
-
ที่ใช้อยู่ตอนนี้ แค่ปรับอุณหภูมิแอร์ขณะขับก็กดผิดประจำเลยครับ แบบปุ่มสะดวกแม่นยำกว่ามาก
-
มีจอใหญ่ๆมันก็ดีแต่ก็ควรจะยังมีปุ่มให้กับบางระบบที่จำเป็นต้องใช้เป็นประจำเผื่อบางทีระบบมันรวนก็ยังมีปุ่มให้ใช้สั่งงานได้
-
ใช้งานยากมาก แบบปุ่มๆ ใช้จนชินมือแล้ว ตอนขับรถแค่คลำๆก็สามารถใช้งานได้ โดยที่ไม่ต้องละสายตา แบบจอนี่ต้องละสายตา แค่เสี้ยววินาทีก็อาจเกิดอันตรายได้
-
มันเป็นการลดต้นทุน พลักความรับผิดชอบให้ผู้บริโภค
เพราะถ้าเสีย คือต้องเปลี่ยนทันที
-
ระยะยาว สักแตะ 10 ปี จอพังขึ้นมานี่ ราคาบันเทิงแน่ๆครับ
อากาศร้อนจัด ตากแดดบ่อยๆแป้บเดียวรู้เรื่อง
-
ลดต้นทุนด้วยแหละครับ อีกอย่างน่าจะเป็นอำนาจการต่อรองของฝ่ายออกแบบดีไซน์มีมากกว่าฝ่ายวิศวกร ด้วยมั้งครับ ทำให้มันเน้นสวยล้ำไม่ได้เน้นใช้งานเพื่อความปลอดภัย
-
เด๋วก็ชินคับ
เหมือนยุคนึง ที่เราเคยบ่น ๆ iphone ว่าโทรศัพท์อะไรเนี่ย ใช้โทรไม่สะดวกเลย ต้องมาสไลด์ ๆ กด ๆ เมนู สู้ Nokia ที่ปลดล็อคปุ๊บโทรได้เลยไม่ได้
-
แน่ๆคือลดต้นทุน ความสะดวกลดลงเยอะ
-
ชอบแบบปุ่ม มากกว่า สะดวกกว่า ปลอดภัยกว่าด้วย
เรื่อง เทคโนโลยีสมัยใหม่ ต้องทันสมัย แต่สำหรับรถแล้ว ผมว่าปุ่มจะปลอดภัยมากกว่าแน่นอน
-
เรื่องต้นทุน ผมกลับคิดว่า ปุ่มกลไก กับการเขียน software สั่งการ ต้นทุนอาจไม่ได้ต่างกันมากอย่างที่คิดนะ
อย่างน้อยอะไรที่ต้องปรับกันบ่อยๆ และไม่ละสายตาตอนขับ ขอให้เป็น hardware กันก่อนนะ เปิดปัดน้ำฝนกดในจอนี้ผมก็ด่า
-
เครื่องบินกล้าทำจอแบบนี้ไหมครับ? เห็นปุ่มเต็มเลย :P
-
ผมพยายามฝืนใช้ Voice Command นะ เวลาอยู่คนเดียวมันก็ใช้ได้หรอก เช่นให้หมุนคลื่นวิทยุนี่ใช้ได้ดีทีเดียวนะ บอกเลขสถานีอย่างเดียวหมุนตรงเปะเลย ...
แต่คำสั่งอื่นๆ มันก็ไม่แม่น และที่แย่กว่าคือถ้าอยู่กันหลายคนบนรถ มันไม่สะดวกเลย อยู่ๆไปใช้คำสั่งเสียงให้เพื่อนฟัง มันบอกเรากระแดะอีก 555
จากประสบกาม เฮ้ย...ประสบการณ์พวกลูกเรือสาวๆขึ้นรถผมทุกคนตื่นเต้นกับ voice command ภาษาอังกฤษกันทั้งนั้น เป็นโอกาสหัดหล่อ หัดเท่ห์ไว้โชว์ accent กันสักหน่อย ::)
-
อันนี้ผลวิจัยจากการใช้ระบบ Android Auto / Apple Carplay ยังไม่รวมถึงระบบอื่นๆในรถที่น่าจะใช้ยากกว่านี้อีก
(https://sv1.picz.in.th/images/2023/06/14/I5SWVV.jpg)
ที่มา: https://iamwebsite.blob.core.windows.net/media/docs/default-source/default-document-library/iam-roadsmart-trl-simulator-study_infotainment.pdf?sfvrsn=d873495c_2
ข้อมูลนี้ดีมากๆเลยครับ เห็นภาพชัดเจน ขอบคุณครับ
แอบเข้าไปอ่านใน report ดูแล้ว แทบทุกกิจกรรม การสั่งการแบบปุ่ม ใช้เวลาน้อยกว่า voice control ส่วน touch นี่ใช้เวลามากสุดเลย
ยกเว้นแต่เรื่อง navigation ที่ voice ใช้เวลามากสุด แต่ ปุ่ม กับ touch ใช้เวลาพอๆกัน (คงเป็นเรื่องเดียวที่เหมาะจะใช้แบบ touch)
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ระยะเบี่ยงเบนจากเลน ของ touch เยอะสุดเลย (มีโอกาสจะพลาดไปกินเลนหรือออกนอกเลน เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ)
-
เครื่องบินกล้าทำจอแบบนี้ไหมครับ? เห็นปุ่มเต็มเลย :P
น่าจะมาในเร็วๆ นี้คับ SpaceX ใช้ Touchscreen ขึ้นวงโคตจรไปเรียบร้อยแล้ว
https://techcrunch.com/2020/05/04/this-is-certainly-different-astronauts-on-controlling-the-dragon-spacecraft-via-touchscreen/
-
ในขณะที่คนส่วนหนึ่งชอบปุ่มกด
ผมว่าก็มีคนอีกกลุ่ม ยี้ปุ่มกด บอกว่าล้าหลัง ดู low tech
โดยเฉพาะกลุ่มที่ขับรถ แชทและเล่นมือถือไปพลาง
-
ผมว่ากดมือถือระหว่างขับรถยังอันตรายน้อยกว่ากดระบบจอกลางพวกนี้เลยครับ
พอรถวิ่งแล้วมือโยกไปโยกมามันมีโอกาสกดผิดสูง ในขณะที่มือถือตอนอยู่ในมือมันก็โยกตามมือเรา
บางคนอาจจะมองว่าการเอาทุกอย่างไปอยู่ในจอคือดีไซน์ที่ล้ำยุค ไฮเทค บลาๆๆ แต่ผมมองว่ามันคือดีไซน์ที่ "โง่" ครับ
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีผลทดสอบออกมาว่า ปุ่มที่เป็น "ปุ่ม" จริงๆ มันใช้งานง่ายกว่า และใช้เวลากดน้อยกว่า
อันนี้ผลวิจัยจากการใช้ระบบ Android Auto / Apple Carplay ยังไม่รวมถึงระบบอื่นๆในรถที่น่าจะใช้ยากกว่านี้อีก
(https://sv1.picz.in.th/images/2023/06/14/I5SWVV.jpg)
ที่มา: https://iamwebsite.blob.core.windows.net/media/docs/default-source/default-document-library/iam-roadsmart-trl-simulator-study_infotainment.pdf?sfvrsn=d873495c_2
ผมพึ่งรับ Model Y Longrange มาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่อยากบ่นมากกกกก แต่ไม่รู้จะไปบ่นที่ไหน บ่นไปก็กลัวเขาจะหาว่า ผมไม่ยอมปรับตัวเข้าหารถ
เพราะผมต้อง "เข้าเมนู" เพื่อทำสิ่งง่ายๆ เหล่านี้ แทนที่จะแค่กดปุ่มใกล้มือ หรือปรับจากกลไกง่ายๆ ที่เราคุ้นเคย
- เปิดลิ้นชักหน้ารถ
- พับกระจกมองข้าง
- ปรับองศากระจกมองข้าง
- ปรับความสูงพวงมาลัย
- ปรับโหมดการขับขี่
- ปรับทิศทางแอร์
- ปรับ Volume (ยังดีที่ปรับที่พวงมาลัยได้)
ฯลฯ
Voice Command นี่เลิกคิดไปได้เลย ไม่อยากใช้
แต่โดยรวมแล้ว เมื่อแลกกับสิ่งที่ได้รับ ผมก็ยังโอเคกับมันอยู่
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้า Hyundai ยืนยันว่า รถไฟฟ้าของพวกเขาจะยังมีปุ่มต่อไป ก็นับว่าเป็นบุญของลูกค้าครับ
3 ข้อนี้คือ deal breaker ที่ทำให้ผมตัดสินใจไม่ซื้อ Tesla เลยครับ
อย่างอื่นยังพอเข้าใจได้ว่านานๆถึงจะปรับทีนึง
จริงครับ จะให้ปัดน้ำฝนทีจะต้องใช้คำสั่งเสียงหรือจิ้มที่จอนี่นรกมาก ค่ายไหนทำแบบนี้ขอให้กรรมตามสนองเร็ว
-
ในบรรดารถที่ใช้มาเรื่องนี้ผมชอบjazz ge มากที่สุดครับ สามารถปรับทุกอย่างโดยไม่ต้องละสายตาจากถนนเลย
-
ไม่รู้มาตอบช้าไปไหม
คือเรือดำน้ำ Titan ที่ดำลงไปดูเรือ Titanic แล้วเกิดระเบิด implosion ใต้น้ำ
นั่นก็ใช้วิธีควบคุมและสั่งการผ่านจอ touch screen กับจอย controller
ทั้งเรือมีปุ่มจริงๆแค่ปุ่มเดียว คือปุ่ม power เปิด/ปิด
https://youtu.be/-TowaxZDUnY
-
ปุ่มกดในสภาพความเป็นจริงคือ ออกแบบยากและกำไรน้อย
ส่วนจอคอนโทรลคือ ออกแบบง่ายแต่กำไรมหาศาล
ลองคิดสภาพครับ จอเสีย ระบบรวนหลังหมดประกัน ผู้ซื้อแทบไม่มีทางเลือกอื่นเลยครับ โดนมัดมือชกให้ใช้ของแท้จากผู้ผลิตเท่านั้น
ผิดกับสมัยก่อน ปุ่มกดเสีย ปุ่มหมุนแอร์เสีย ยังซ่อมได้ มี oem หรือหามือ2 จากซากรถได้
คนไทยส่วนหนึ่งเคยชินกับระบบใช้รถคันนึง 10-20 ปี(ไม่ใช่เจ้าของเดียวนะ)
แต่มายุคนี้ เหมือนกำลังจะถูกต้อนให้ไปใช้ระบบใช้รถแล้วทิ้งภายใน 10 ปีทางอ้อมยีงไงก็ไม่รู้