Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: wesborland ที่ กรกฎาคม 11, 2023, 11:36:28
-
ความเชื่อผิดๆ หรือแปลกๆ เรื่องรถยนต์อะไรบ้างที่คนที่บ้าน(คนแก่)ชอบทำครับ
ของบ้านผม
พ่อ
1. ไม่เคยดึงเบรคมือเลย ตั้งแต่ตอนขับรถเกียร์ธรรมดาแกก็ยัดเกียร์3ทิ้งไว้ ตอนขับเกียร์ออโต้แกก็ใส่P แล้วลงรถเลย .... สารตั้งต้นมาจากเมื่อ30ปีก่อน คนขับรถของเจ้านายแก บอกว่าสปริงเบรคมือแพงมาก(ถ้าต้องเปลี่ยน)
2. ซื้อรถตัวถูกที่สุดของรุ่น แล้วเอามาใส่กุญแจรีโมต,เครื่องเสียง,เซ้นเซอร์ถอย-กล้องหลัง ลามปามไปถึงกระจกไฟฟ้า(สมัย20ปีก่อน)เองตามร้านประดับยนต์ มันจะถูกและดีกว่าซื้อรถตัวท็อปหรือรองท็อป
3. ปิดแอร์ทุกครั้งที่จะจอดรถ.....อันนี้จะเรียกผิดก็ไม่ใช้ แต่มันรำคาญตา 555 :P
4. ช่วงหัวค่ำ ถ้าไม่มืดจริงๆ แกจะไม่เปิดไฟหน้า จะเปิดแค่ไฟหรี่ เพราะต้องการถนอมแบตเตอรี่ :'(
พ่อตา
1. ขับรถแม้ว่าจะไปปากซอยแค่500เมตร กลับมาแกจะเปิดกระโปรงหน้ารถระบายความร้อนเสมอ , รถของลูกๆถ้าใครไม่เปิด แกก็จะไล่ไปเปิดทุกคัน
-
ที่บ้านผมไม่มีครับ
-
การเปิดฝากระโปรงหน้า ผมคิดว่าไม่ใช่ความเชื่อที่ผิด แต่มันคือการถนอมฝากระโปรงไม่ให้สีซีดและไม่ให้ไฟหน้าเหลืองเร็วจนเกินไปครับ
ใครไม่เชื่อมาดูสีฝากระโปรงรถและไฟหน้าของผมได้ครับ ยังสวยและใส (ไม่เคยขัดไฟหน้า) ถึงแม้รถจะมีอายุเกือบ 9 ปีแล้ว
ส่วนความเชื่อผิด ๆ ที่ผมเห็นบ่อย ๆ คือ การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นจากกระจกหน้าเพื่อถนอมยางปัดน้ำฝน (ผลที่ได้คือสปริงล้า เวลาปัดน้ำฝนแล้วใบปัดน้ำฝนจะกระดก) ค่าเปลี่ยนสปริงหรือก้านแพงกว่ายางปัดน้ำฝนอีก 5 5+
-
การเปิดฝากระโปรงหน้า ผมคิดว่าไม่ใช่ความเชื่อที่ผิด แต่มันคือการถนอมฝากระโปรงไม่ให้สีซีดและไม่ให้ไฟหน้าเหลืองเร็วจนเกินไปครับ
ใครไม่เชื่อมาดูสีฝากระโปรงรถและไฟหน้าของผมได้ครับ ยังสวยและใส (ไม่เคยขัดไฟหน้า) ถึงแม้รถจะมีอายุเกือบ 9 ปีแล้ว
รถผมอายุ 9 ปี ไม่เคยเปิดกระโปรงรถทิ้งเลย ไฟหน้าก็ยังใสเหมือนวันแรกนะครับ แต่รถแทบไม่เคยจอดตากแดดเลย
-
ปิดแอร์ก่อนจอดรถนี่เป็นความเชื่อผิดๆด้วยเหรอครับ ผมปิดทุกครั้งเลย :'(
-
มีเยอะ คนแก่พูดไม่รู้เรื่องครับ
ถ้ารู้เรื่อง แสดงว่ายังไม่แก่
-
-เปิดไฟผ่าหมากเวลาข้ามแยกเนี่ยประจำ เคยบอกแล้ว แต่ก็ยังทำ
-พอรู้ว่าน้ำมันจะขึ้นราคา ก็จะรีบขับออกไปเติม ....แหม่ ออกจากบ้านไปปั๊ม ค่าน้ำมันที่ใช้ มันก็แพงกว่าส่วนต่างที่มันขึนแล้วไหม 55
เรื่องเปิดฝากระโปรง ที่บ้านผมก็เป็น แต่เขาก็ให้สาเหตุว่า กันไม่ให้หนูหรือตัวอะไรมาแอบอยู่ข้างใน .....ผมก็ตามนั้น รถเขาเขาก็แง้มฝากระโปรงทุกครั้งที่จอด รถผมผมก็ไม่แง้มนะ 55
-
การเปิดฝากระโปรงหน้า ผมคิดว่าไม่ใช่ความเชื่อที่ผิด แต่มันคือการถนอมฝากระโปรงไม่ให้สีซีดและไม่ให้ไฟหน้าเหลืองเร็วจนเกินไปครับ
ใครไม่เชื่อมาดูสีฝากระโปรงรถและไฟหน้าของผมได้ครับ ยังสวยและใส (ไม่เคยขัดไฟหน้า) ถึงแม้รถจะมีอายุเกือบ 9 ปีแล้ว
รถผมอายุ 9 ปี ไม่เคยเปิดกระโปรงรถทิ้งเลย ไฟหน้าก็ยังใสเหมือนวันแรกนะครับ แต่รถแทบไม่เคยจอดตากแดดเลย
รถผมทุกคัน ก็ไม่เคยเปิดฝากระโปรงเลย 9 ปี ฝากระโปรงก็สีเหมือนกับชิ้นส่วนอื่นๆ ไม่ได้ซีดไปกว่ากันเลย ไฟหน้าก็ไม่ขุ่นมัวครับ ;D ;D ;D
-
คนในหมู่บ้าน
"ปี้นๆ แว๊ปๆๆ ขับช้ากว่าก็หลบซ้ายไปสิวะ" (ซึ่งมันก็ถูกของเขา) แต่เฮียแกวิ่ง 60 ในหมู่บ้าน...
กลุ่มเพื่อน
ขับเร็ว = ขับเก่ง
วิ่ง 121 กับ 200 จะขับช้าไปทำไม ในเมื่อโดนค่าปรับเท่ากัน..
วิ่งไหล่ทาง ปาดตามแยก = ฉลาด ไม่โง่รอต่อแถวให้เสียเวลา
เวลาเปลี่ยนเลนไม่ต้องเปิดไฟเลี้ยว เด๋วมันหมั่นใส่ แล้วไม่ให้เข้า (ความจริงคือเปลี่ยนเลนไม่ดูตาม้าตาเรือ ท้ายรถเลยคันหลังไม่ถึงเมตร มีน้อยคนแหละ จะยอมเบรคให้มรึงเข้า)
เรื่องปิดแอร์ คิดว่าจริงๆช่วยได้ครับ รถเพื่อนผมก็เป็น ปิดแอร์ก่อนถึงช่วยให้ความชื้นในระบบลดลง กลิ่นอับมาช้าลง
เปิดฝากระโปรง ถ้ารถจอดนานๆ ช่วยกันหนูได้ครับ
ผมใช้รถเกือบทุกวัน เลยไม่ได้เปิดประโปรงหน้า สียังโอเคครับ ไฟหน้าไม่เหลืองนะ แต่เริ่มลอกบ้าง อาจปรกติสำหนับรถ 10 ปี
อีกส่วนนึงที่คิดว่าช่วยได้คือ จอดในร่ม(ถ้าทำไ้ด้) ไม่โดนแดดเผาตรงๆ ถนอมสีได้เยอะ แง่มกระจกนิดหน่อยลดความร้อนในรถได้เยอะมากๆ
-
ตอนนี้ผมสงสัยว่ารถที่ชอบเปิดไฟสูงข้างเดียว (ส่วนใหญ่เป็นรถเก่า) ทำไปเพื่ออะไร เป็นความเชื่อใหม่หรือเปล่า
-
การเปิดฝากระโปรงหน้า ผมคิดว่าไม่ใช่ความเชื่อที่ผิด แต่มันคือการถนอมฝากระโปรงไม่ให้สีซีดและไม่ให้ไฟหน้าเหลืองเร็วจนเกินไปครับ
ใครไม่เชื่อมาดูสีฝากระโปรงรถและไฟหน้าของผมได้ครับ ยังสวยและใส (ไม่เคยขัดไฟหน้า) ถึงแม้รถจะมีอายุเกือบ 9 ปีแล้ว
ส่วนความเชื่อผิด ๆ ที่ผมเห็นบ่อย ๆ คือ การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นจากกระจกหน้าเพื่อถนอมยางปัดน้ำฝน (ผลที่ได้คือสปริงล้า เวลาปัดน้ำฝนแล้วใบปัดน้ำฝนจะกระดก) ค่าเปลี่ยนสปริงหรือก้านแพงกว่ายางปัดน้ำฝนอีก 5 5+
คิดตรงกันกับผมเปี๊ยบเลยครับ และกำลังจะพิมพ์แบบนี้พอดีด้วย ดังนั้นขอเพิ่มเติมอีกนิดครับ
ดีลเลอร์รถหลายที่ยังยกก้านปัดน้ำฝนรถที่จอดตากแดดรอส่งมอบกันอยู่เลยครับ ซึ่งผมเห็นก็ทักท้วงไปตามนี้เลยว่า ยางปัดน้ำฝนน่ะเส้นไม่กี่ร้อยยังไงก็ต้องเปลี่ยนทุกปี แต่สปริงก้านปัดน่ะมันแพงกว่า
และก็เรื่องเปิดฝากระโปรง ผมเปิดมาตลอดตั้งแต่มีรถเป็นของตัวเองครับ ที่เปิดเนี่ย เรื่องสีฝากระโปรงเป็นเรื่องรองครับ แต่ที่ผมเปิดคือช่วยให้มันระบายความร้อนให้เร็วขึ้น ในห้องเครื่องเรามีสายไฟ ท่อยางต่างๆเยอะมาก บางรุ่นกล่อง ECU หรือกล่องควบคุมก็อยู่ในห้องเครื่องด้วย โอเคล่ะมันทนความร้อนได้ แต่ถ้าเราเปิดช่วยระบายความร้อนมันด้วย ก็น่าจะยืดอายุการใช้งานมันได้มากกว่า สายพานต่างๆก็น่าจะกรอบช้าลง ถ้าไม่เปิด มันรู้สึกว่าห้องเครื่องมันเหมือนเตาอบ ที่กำลังอบท่อ ยางสายไฟให้เสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ
และก็การเปิดฝากระโปรง ผมถือเป็นการรีเช็คห้องเครื่องด้วยว่า มีคราบน้ำมันหรืออะไรแปลกปลอมผิดปรกติหรือเปล่า หรือน้ำหม้อน้ำพร่องไหม น้ำฉีดกระจกเหลือไหม ประมาณนี้
-
ตอนนี้ผมสงสัยว่ารถที่ชอบเปิดไฟสูงข้างเดียว (ส่วนใหญ่เป็นรถเก่า) ทำไปเพื่ออะไร เป็นความเชื่อใหม่หรือเปล่า
ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวไหมนะครับ
ไฟหน้าปรกติ สองข้างจะตั้งมาไม่เท่ากัน ฝั่งซ้ายจะตั้งมาสูงกว่าให้มันส่องไปเห็นข้างทางได้ด้วย ด้านขวาจะกดต่ำลงหน่อยไม่ให้เขาตารถที่วิ่งสวน ทีนี้เวลาเปิดไฟใหญ่ปรกติ ไฟซ้ายมันอาจจะแยกตารถสวนมา ดูคล้ายเปิดไฟสูงข้างเดียว
ที่เจอบ่อยๆ คือพวก มังกรทอง d-max ตัวแรกๆ กับ cr-v gen2
-
วิ่งขวาแต่ใช้ความเร็วตามป้าย
-
กำลังจะเลี้ยวซ้ายออกจากซอย แต่เปิดไฟเลี้ยวขวา ?!?
-
-เรื่องปิดแอร์ ก่อนจอดทำอยู่ครับ ทำทุกคันมา 4 คันแล้วครับ
ข้อดีคือ แอร์ไม่มีกลิ่นอับเลย ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำหอมปรับอากาศรถยนต์เลย หลายคนขึ้นรถบอกว่ากลิ่นรถสะอาด
เรื่องที่เป็นความเชื่อผิดๆคือ เปิดไฟผ่าหมาก/ไฟฉุกเฉินเวลาผ่านแยก ยังเห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ ( แต่เวลาเลี้ยว หรือเปลี่ยนเลนไปเปิดไฟเลี้ยวซะงั้น )
-
แอร์ควรปิดนะครับ เพราะเวลาสตารท์เครื่องยนต์จะกระชากคอมแอร์
-
- เรื่องยกก้านปัดน้ำฝน .. ถ้าในดีลเลอร์ ในศูนย์บริการ หรือ สต็อครถใหม่ บางทีมันก็เป็นสัญลักษณ์ที่รู้กันภายในนะ .. อย่างแต่ก่อน รถใหม่จากไลน์ผลิต ถ้าตรวจแล้วรถ OK ก็ยกก้านข้างคนขับ 1 ข้าง แล้วเอาไปจอด เป็นอันรู้กันว่า เอาไปเก็บได้ .. แต่ถ้ายก 2 ก้านแปลว่า รถมีปัญหารอซ่อมครับ
ในศูนย์บริการเอง ถ้าเช็คเสร็จ รอล้าง บางศูนย์ก็จะยกก้าน เป็นสัญลักษณ์ คนขับก็จะรู้ ครับ
...............
- ฝากระโปรง ผมเปิดตลอดแหละ วิ่งสั้นๆมาจอด ก็เปิด เพื่อระบายความร้อน เพื่อดูความผิดปกติ เคยฝาหม้อน้ำเสีย น้ำดันขึ้นมาเต็มหม้อพัก รู้เพราะเปิดฝากระโปรงหน้านี่แหละ ส่วนเรื่องสีฝากระโปรงไม่เคยสนใจ ผมลง wax จอดในร่มตลอดครับ
- ปิดแอร์ ปิดเครื่องเสียง ผมทำตลอดทุกครั้ง ก่อนดับเครื่อง ครับ
- ขับรถเทอร์โบ ซัดมายาวๆ แวะปั๊ม จอดแล้ว ทำนั่น ทำนี่ 1 - 2 นาที แล้วถึงดับเครื่องครับ ยังเชื่อเรื่องการ cooldown (เพราะถ้าไม่ cool พัดลมไฟฟ้าของ pulsar จะทำงานต่อตลอด หลังดับเครื่อง)
-
-เปิดไฟผ่าหมากเวลาข้ามแยกเนี่ยประจำ เคยบอกแล้ว แต่ก็ยังทำ
-พอรู้ว่าน้ำมันจะขึ้นราคา ก็จะรีบขับออกไปเติม ....แหม่ ออกจากบ้านไปปั๊ม ค่าน้ำมันที่ใช้ มันก็แพงกว่าส่วนต่างที่มันขึนแล้วไหม 55
เรื่องเปิดฝากระโปรง ที่บ้านผมก็เป็น แต่เขาก็ให้สาเหตุว่า กันไม่ให้หนูหรือตัวอะไรมาแอบอยู่ข้างใน .....ผมก็ตามนั้น รถเขาเขาก็แง้มฝากระโปรงทุกครั้งที่จอด รถผมผมก็ไม่แง้มนะ 55
เคยเจอผู้หญิงขับเปิดไฟผ่าหมากข้ามแยกมองหน้าผมเพราะคิดว่าผมไปปาดหน้า ผมขับมอไซต์ก็คิดว่าหล่อนจะเลี้ยวขวาเพราะเห็นไฟเลี้ยวแค่ด้านเดียว ผมก็ขับออกไป สรุปหล่อนเปิดไฟผ่าหมากจะขับตรงไป กลายเป็นผมไปปาดหน้าเฉย
-
รถน้ำมันวิ่งไกลๆกลับมาบ้านเปิดฝากระโปรงทิ้งไว้ทุกครั้ง ห้องเครื่องร้อนมากๆ
สายไฟและพวกพลาสติกในห้องเครื่องจะกรอบแตกซีดก่อนเพื่อนเลย
ส่วนรถ EV ไม่ต้องเปิดครับ ;D
-
แสดงว่าคุณไม่เคยเห็นรถ EV เปิดฝากระโปรง ฮ่าๆ เอาไว้ว่างๆจะเล่าให้ฟัง
-
ปิดแอร์ เปิดพัดลมแรงๆ ก่อนจะมาจอด ผมทำประจำ ช่วยให้แอร์ไม่เหม็นอับดี
ส่วนเปิดฝากระโปรง อันนี้ประจำเลย ไม่ได้ว่ากลัวสีซีดอะไร แต่มันทำให้เราสังเกตจุดต่างๆ ในห้องเครื่องได้ว่ามีอะไรผิดปกติมั้ย มีตัวไม่พึงประสงค์รึป่าว
ผมเคยเปิดเจองูตอนหน้าฝนด้วยนะ ยังคิดเลยถ้าไม่เปิดก่อนแล้วขับไปเลย มันจะเลื้อยไปไหนล่ะ ;D
-
ตอนนี้ผมสงสัยว่ารถที่ชอบเปิดไฟสูงข้างเดียว (ส่วนใหญ่เป็นรถเก่า) ทำไปเพื่ออะไร เป็นความเชื่อใหม่หรือเปล่า
ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวไหมนะครับ
ไฟหน้าปรกติ สองข้างจะตั้งมาไม่เท่ากัน ฝั่งซ้ายจะตั้งมาสูงกว่าให้มันส่องไปเห็นข้างทางได้ด้วย ด้านขวาจะกดต่ำลงหน่อยไม่ให้เขาตารถที่วิ่งสวน ทีนี้เวลาเปิดไฟใหญ่ปรกติ ไฟซ้ายมันอาจจะแยกตารถสวนมา ดูคล้ายเปิดไฟสูงข้างเดียว
ที่เจอบ่อยๆ คือพวก มังกรทอง d-max ตัวแรกๆ กับ cr-v gen2
เฉลยให้ครับ ส่วนมากรถพวกนี้เคยชนมาแต่ซ่อมไม่ดี ยิ่งซ่อมอู่ก็ใช้อะไหล่เก่าที่พอได้ก็ใช้ไปก่อน
สมัยก่อนตอนเด็กน้อย รถที่บ้านสองคันชนหน้าเฉียงซ่อมออกมาก็อาการนี้ครับ ตัวคานหน้าก็เคาะมาไม่ดีไฟก็ตั้งไม่ได้เพราะกลไลในโคมมันถูกกระแทกไปแล้วก็เลยเหมือนไฟสูงจริงๆคือไฟต่ำธรรมดานี่แหละครับ
-
ความเชื่อผิดๆ หรือแปลกๆ เรื่องรถยนต์อะไรบ้างที่คนที่บ้าน(คนแก่)ชอบทำครับ
ของบ้านผม
พ่อ
1. ไม่เคยดึงเบรคมือเลย ตั้งแต่ตอนขับรถเกียร์ธรรมดาแกก็ยัดเกียร์3ทิ้งไว้ ตอนขับเกียร์ออโต้แกก็ใส่P แล้วลงรถเลย .... สารตั้งต้นมาจากเมื่อ30ปีก่อน คนขับรถของเจ้านายแก บอกว่าสปริงเบรคมือแพงมาก(ถ้าต้องเปลี่ยน)
2. ซื้อรถตัวถูกที่สุดของรุ่น แล้วเอามาใส่กุญแจรีโมต,เครื่องเสียง,เซ้นเซอร์ถอย-กล้องหลัง ลามปามไปถึงกระจกไฟฟ้า(สมัย20ปีก่อน)เองตามร้านประดับยนต์ มันจะถูกและดีกว่าซื้อรถตัวท็อปหรือรองท็อป
3. ปิดแอร์ทุกครั้งที่จะจอดรถ.....อันนี้จะเรียกผิดก็ไม่ใช้ แต่มันรำคาญตา 555 :P
4. ช่วงหัวค่ำ ถ้าไม่มืดจริงๆ แกจะไม่เปิดไฟหน้า จะเปิดแค่ไฟหรี่ เพราะต้องการถนอมแบตเตอรี่ :'(
พ่อตา
1. ขับรถแม้ว่าจะไปปากซอยแค่500เมตร กลับมาแกจะเปิดกระโปรงหน้ารถระบายความร้อนเสมอ , รถของลูกๆถ้าใครไม่เปิด แกก็จะไล่ไปเปิดทุกคัน
ผมกลับมองว่า มันก็ใช่ ในหลายกรณี
เช่น
ใส่เกียร์ P ก็ล็อคเกียร์ ไม่ให้หมุนแล้วนะครับ ดึงเบรคมือ ช่วยเสริมอีกตัว เพื่อฟ้องการไหล แล้วไปงัดเกียร์อีกทีหนึ่ง
ซื้อรถตัวถูก ประหยัดได้หลายบาท แล้วเอามาใส่เครื่องเสียงเอง ฟอร์นเลือกเองได้ มันถูกจริตมากกว่า ดีกว่าไปรื้อของที่กับรถทิ้ง(เสียตังซื้อยังมารื้อทิ้งอีก)
ปิดแอร์ตอนดับเครื่องยนต์ ผมก็ทำ เพราะตอนสตาร์ท แอร์มันจะได้ไม่ทำงาน และตอนสตาร์ท ไฟถูกลากไปที่ไดร์สตาร์จ ระบบไฟฟ้าในรถแทบทั้งหมดก็ตัดอยู่ดี เดี๋ยวพาลพาระบบอื่นรวนไปด้วย
ส่วนเรื่องเปิดไฟ ไม่เปิดไฟ ช่วยถนอมแบตไหม อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะสุดท้าย ไดชาร์จก็ปั่นไฟแทบจะตลอดเวลาอยู่ดี แม้แบตเตอรี่จะไม่ชาร์จก็ตาม
-
8) 8) 8)......เผลอไม่ได้คนที่บ้าน ชอบเอารถไปเติมที่ปั๊ม ปตท. เรื่อย แล้วก็บ่นอยู่นั่นละ ว่าวิ่งตื้อ เร่งอืด :-X
-
1.ถ้าเฉพาะที่บ้าน ก็ชอบใส่เกียร์ P ไม่ดึงเบรกมือ และจอดติดไฟแดงใส่เกียร์ P เพราะเจ้าใจว่าเกียร์ P มันก็เบรกให้แล้ว
2.ไม่ใส่เกียร์ N ตอนรถไหล ทำให้เกียร์พัง
-
แอร์ควรปิดนะครับ เพราะเวลาสตารท์เครื่องยนต์จะกระชากคอมแอร์
ผมสังเกตเวลาติดเครื่อง แม้เปิดแอร์ทิ้งไว้ พอเครื่องติด แอร์ถึงจะติดตามหลังมา
ผมว่ามันไม่ได้กระชากนะ
-
ไม่มีเลย
มีแต่เรื่อง ปิดแอร์ทุกครั้งที่ดับเครื่อง เป็นเรื่องที่ดีครับ
-
คนแก่ที่บ้านผมล้วนเป็นช่างมาก่อนครับ เลยไม่ค่อยเชื่ออะไรผิดๆ
ถ้าเชื่อผิดน่าจะผมซะมากกว่า 5555555
เรื่องเบรกมือมีรถที่บ้านผมคันนึงเบรกมือเหยียบครับ คนใช้คันนี้ส่วนมากมักจะลืมมากกว่า
พอมาใช้รถเบรกมือที่มือก็เข้าประจำปกติ
เรื่องปิดแอร์นี่ถ้าเป็นรถกุญแจไขสตาร์ทนี่ไม่ใช่ความเชื่อที่ผิดเลยครับ เพราะก่อนจะสตาร์ทมันต้องผ่าน On ให้ไฟทำงาน คอมแอร์ก็ทำงานเช่นกัน พอบิดไปสตาร์ทมันก็กระชากจริง
แต่ตั้งแต่มีนวัตกรรมที่เรียกว่าปุ่มสตาร์ท ปัญหานี้จะหมดไปเพราะคอมแอร์หน่วงทำงานหลังสตาร์ทอยู่ (เว้นแต่รถมีปัญหาสตาร์ทไม่ติดก็จะกลับมา On ไฟอยู่ดี แต่คงไม่มีกันบ่อยๆ กดสตาร์ทแล้ววืด)
ดังนั้น ปิดหลังใช้รถย่อมดีกว่าไม่ปิดครับ แต่ไม่ปิดก็ไม่พัง มันลดโอกาสกระชากลงไปเยอะแล้ว
เออพอพูดถึงเรื่องปุ่มสตาร์ท อันนี้แหละความเชื่อผิดๆ ของจริงคือ กดปุ่ม 2 ครั้งให้ไป On ไฟก่อนสตาร์ท
วิศวกรคิดมาหัวแทบระเบิดเพื่อสะดวกและลดขั้นตอน ยังสตาร์ทรถได้ปลอดภัย
เจอกูรูใช้หลักการกุญแจไขมา แทบจะร้องไห้แทน
แล้วคือไปเถียงหรือเอาวิธีในคู่มือไปยันไม่ได้ด้วยนะคนพวกเนี้ย เหมือนปิดอยู่ในกะลาไม่ออกมาแล้ว
-
ถ้าจอดทางราบก็เข้า p อย่าเดียว ยกเว้นทางลาด จะเข้าเบรคมือก่อนเข้า P
นิสัยเสียที่ด่าประจำ เปิดไฟผ่าหมากอนฝนตก วิ่งตามปวดตามาก และแยกยากว่าคันไหนจอดคันไหนวิ่ง
กับตอนวิ่งตรงตอนข้ามแยก เวลาวิ่งผ่าน 4 แยก มันก็ไปได้ 3 ทาง ถ้าไม่เปิดไฟเลี้ยวหรือผ่าหมากก็แสดงว่าตรงไปอยู่แล้วไง จะเปิดทำซากอะไร เพราะคันที่มาทางซ้ายก็เข้าใจว่าคุณจะเลี้ยวซ้ายจ๊ะเอ๋กันพอดี
-
คนแก่ที่บ้านผมล้วนเป็นช่างมาก่อนครับ เลยไม่ค่อยเชื่ออะไรผิดๆ
ถ้าเชื่อผิดน่าจะผมซะมากกว่า 5555555
เรื่องเบรกมือมีรถที่บ้านผมคันนึงเบรกมือเหยียบครับ คนใช้คันนี้ส่วนมากมักจะลืมมากกว่า
พอมาใช้รถเบรกมือที่มือก็เข้าประจำปกติ
เรื่องปิดแอร์นี่ถ้าเป็นรถกุญแจไขสตาร์ทนี่ไม่ใช่ความเชื่อที่ผิดเลยครับ เพราะก่อนจะสตาร์ทมันต้องผ่าน On ให้ไฟทำงาน คอมแอร์ก็ทำงานเช่นกัน พอบิดไปสตาร์ทมันก็กระชากจริง
แต่ตั้งแต่มีนวัตกรรมที่เรียกว่าปุ่มสตาร์ท ปัญหานี้จะหมดไปเพราะคอมแอร์หน่วงทำงานหลังสตาร์ทอยู่ (เว้นแต่รถมีปัญหาสตาร์ทไม่ติดก็จะกลับมา On ไฟอยู่ดี แต่คงไม่มีกันบ่อยๆ กดสตาร์ทแล้ววืด)
ดังนั้น ปิดหลังใช้รถย่อมดีกว่าไม่ปิดครับ แต่ไม่ปิดก็ไม่พัง มันลดโอกาสกระชากลงไปเยอะแล้ว
เออพอพูดถึงเรื่องปุ่มสตาร์ท อันนี้แหละความเชื่อผิดๆ ของจริงคือ กดปุ่ม 2 ครั้งให้ไป On ไฟก่อนสตาร์ท
วิศวกรคิดมาหัวแทบระเบิดเพื่อสะดวกและลดขั้นตอน ยังสตาร์ทรถได้ปลอดภัย
เจอกูรูใช้หลักการกุญแจไขมา แทบจะร้องไห้แทน
แล้วคือไปเถียงหรือเอาวิธีในคู่มือไปยันไม่ได้ด้วยนะคนพวกเนี้ย เหมือนปิดอยู่ในกะลาไม่ออกมาแล้ว
รถที่ใช้กุญแจ จะมี 3 (ขั้ว) จังหวะ คือ acc on และ start ระบบแอร์จะผ่านขั้ว Acc ซึ่งตอนบิด start ไฟขั้ว acc จะถูกตัด และกลับมาต่อใหม่เมื่ออนู่ในจังหวะ on เป็นการลดภาระการใช้ไฟจากอุปกรณ์อื่นๆ ระหว่าง start ซึ่งต้องใช้กำลังไฟสูงมาก และลดโหลดจากคอมแอร์ระหว่าง start ด้วยเช่นกัน
ส่วนเรื่องลดการกระชากคอมแอร์ ผมว่าน่าจะใช้คำพูดผิด น่าจะหมายถึงลดโหลดระหว่าง start นั่นแหละ เพราะคอมแอร์มันตัดต่อตลอดเวลาที่เราขับรถอยู่แล้ว ตอนขับอยู่ที่รอบ 2000 3000 แล้วคอมแอร์ตัดต่อ มันกระชากยิ่งกว่าตอน start หลายเท่า
-
อาจจะไม่ใช่ความเชื่อที่ ผิด สักเท่าไหร่ แต่ถือเป็น ความเชื่อแปลกๆ หรือพฤติกรรมแปลกๆ ดีกว่า เท่าที่เจอกันคนที่บ้านนะ
1. ไม่ยอมติด Easy Pass ไว้ที่กระจกรถ เพราะเวลาโดนแดดมันจะละลายติดกระจก แต่วางวางไว้บนคอนโซลรถนะ (ล่าสุดผมจับติดไปแล้ว)
2. บรรดาป้ายติดกระจกหน้ารถทั้งหลาย เช่น ป้ายเข้าหมู่บ้าน ป้ายเข้าคอนโด จะต้องมีพลาสติกสูญอากาศรองหน้าและรองหลังอยู่ 1 ชั้นเสมอ แล้วถ้าเป็นป้ายกระดาษนั้น ต้องเอาไปเคลือพลาสติกก่อนด้วย
3. ไม่ใช้ซื้อรถที่มีระบบแอร์บนหลังคา เพราะว่าใช้ไปนานๆแอร์จะมีน้ำหยดลงมาจากหลังคา (ไปเอามาจากไหนก็ไม่รู้)
4. ล้างแอร์รถทุกปี ประดุจว่าแอร์รถคือแอร์บ้าน
5. ไม่รู้ไปติดใจอะไรกับบรรดาน้ำยาล้างนู่นนั่นนี่ ที่เวลาเช็ตระยะ ศูนย์จะเชิญชวน ขนาดบอกว่าซื้อ Package ไว้แล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มนะ มีบิลกลับมาทุกที
6. เรื่องแบตเตอรี่รถยนต์ อันนี้ปวดหัวที่สุด แม้ว่าวัดค่าแล้วมันขึ้นว่าต้องเปลี่ยนแล้ว แต่รถยังสตาร์ทได้อยู่ ก็ไม่ยอมเปลี่ยน เคยใช้จนน้ำกรดมันระเหยออกมากัดสีรถ ก็ยังจะใช้ต่อ ให้ช่างถอดออกดู ช่างบอกแบตบวมแล้ว ต้องเปลี่ยน ถึงยอมเปลี่ยน เพราะยึดความเชื่อเดิมๆว่า แบตเตอรี่รถ 3 ปีค่อยเปลี่ยน
7. ล่าสุดสดๆร้อนๆเลย ตั้งเบรกมือให้ระยะดึงมันสั้น จนเหลือแก๊กเดียว นี่ยังไม่รู้จะไปกล่อมยังไงให้ยอมเอาให้ตั้งให้มีระยะมากกว่านี้
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะพูดอะไร จะเถียงอะไร ไม่ยอมสักอย่าง ปวดหัวสุดๆ
-
เรื่องปิดแอร์ก่อนดับเครื่อง เปิดแอร์ก่อนสตาร์ท มันเป็นสิ่งที่ควรทำในยุคที่เครื่องยนต์ยังเป็นคาบูเรเตอร์ครับ
รถในยุคที่มี ECU แล้ว (ซึ่งก็ถ้ารถไม่เก่าเกิน 30ปี ก็น่าจะมีกันหมดแล้ว) ก็มีการจัดการในส่วนนี้โดยอัตโนมัติอยู่แล้วครับ ไม่ต้องไปทำอะไรกับมันแล้ว
-
-พอรู้ว่าน้ำมันจะขึ้นราคา ก็จะรีบขับออกไปเติม ....แหม่ ออกจากบ้านไปปั๊ม ค่าน้ำมันที่ใช้ มันก็แพงกว่าส่วนต่างที่มันขึนแล้วไหม 55
เรื่องนี้น่าสนใจ กดเครื่องคิดเลขก่อนสตาร์ทครับ
-
อีกเรื่อง น่าจะทั่วไทย
รถดีเซลทั้งกระบะ/ppv
จอดรถดับเครื่องไม่เป็น
-
-พอรู้ว่าน้ำมันจะขึ้นราคา ก็จะรีบขับออกไปเติม ....แหม่ ออกจากบ้านไปปั๊ม ค่าน้ำมันที่ใช้ มันก็แพงกว่าส่วนต่างที่มันขึนแล้วไหม 55
เรื่องนี้น่าสนใจ กดเครื่องคิดเลขก่อนสตาร์ทครับ
เพื่อนผมนี้ ใช้ eco car ถัง 40 ลิตร พอมีข่าวออกจากบ้านไปเติม..
เติมได้ครึ่งถัง 20 ลิตร ประหยัดไป 10 บาท
แต่เสียเวลาไป 30 นาที กับขับวนไป 4 km..
-
อาจจะไม่ใช่ความเชื่อที่ ผิด สักเท่าไหร่ แต่ถือเป็น ความเชื่อแปลกๆ หรือพฤติกรรมแปลกๆ ดีกว่า เท่าที่เจอกันคนที่บ้านนะ
1. ไม่ยอมติด Easy Pass ไว้ที่กระจกรถ เพราะเวลาโดนแดดมันจะละลายติดกระจก แต่วางวางไว้บนคอนโซลรถนะ (ล่าสุดผมจับติดไปแล้ว)
2. บรรดาป้ายติดกระจกหน้ารถทั้งหลาย เช่น ป้ายเข้าหมู่บ้าน ป้ายเข้าคอนโด จะต้องมีพลาสติกสูญอากาศรองหน้าและรองหลังอยู่ 1 ชั้นเสมอ แล้วถ้าเป็นป้ายกระดาษนั้น ต้องเอาไปเคลือพลาสติกก่อนด้วย
3. ไม่ใช้ซื้อรถที่มีระบบแอร์บนหลังคา เพราะว่าใช้ไปนานๆแอร์จะมีน้ำหยดลงมาจากหลังคา (ไปเอามาจากไหนก็ไม่รู้)
4. ล้างแอร์รถทุกปี ประดุจว่าแอร์รถคือแอร์บ้าน
5. ไม่รู้ไปติดใจอะไรกับบรรดาน้ำยาล้างนู่นนั่นนี่ ที่เวลาเช็ตระยะ ศูนย์จะเชิญชวน ขนาดบอกว่าซื้อ Package ไว้แล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มนะ มีบิลกลับมาทุกที
6. เรื่องแบตเตอรี่รถยนต์ อันนี้ปวดหัวที่สุด แม้ว่าวัดค่าแล้วมันขึ้นว่าต้องเปลี่ยนแล้ว แต่รถยังสตาร์ทได้อยู่ ก็ไม่ยอมเปลี่ยน เคยใช้จนน้ำกรดมันระเหยออกมากัดสีรถ ก็ยังจะใช้ต่อ ให้ช่างถอดออกดู ช่างบอกแบตบวมแล้ว ต้องเปลี่ยน ถึงยอมเปลี่ยน เพราะยึดความเชื่อเดิมๆว่า แบตเตอรี่รถ 3 ปีค่อยเปลี่ยน
7. ล่าสุดสดๆร้อนๆเลย ตั้งเบรกมือให้ระยะดึงมันสั้น จนเหลือแก๊กเดียว นี่ยังไม่รู้จะไปกล่อมยังไงให้ยอมเอาให้ตั้งให้มีระยะมากกว่านี้
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะพูดอะไร จะเถียงอะไร ไม่ยอมสักอย่าง ปวดหัวสุดๆ
อ่านแล้วนึกออก
- รถญาติ HR-V เค้าโทร.มาถามผมว่า แบตต้องเปลี่ยนไหม ? ศุนย์วัดค่าแล้วต่ำ .. ผมก็บอกว่า เปลี่ยนสิ .. แต่เค้าบอกผมว่า มีตัว power bank ช่วยสตาร์ทอยู่ ยังไม่เปลี่ยน ใช้ไปก่อน (แล้วถามตรูทำไม ???)
- สารพัดน้ำยาวิเศษ แต่ก่อน พ่อชอบมาก ศูนย์เสนออะไรเอาหมด ตอนหลังผมเป็นคนจ่ายค่าดูแลเอง เลยสั่งว่า ถ้าจะเติม จ่ายเองนะ แล้วก่อนซ่อมให้ศูนย์เสนอราคามาที่ผมก่อน ผมเป็นคนอนุมัติ หรือไม่ ผมก็ขับไปเข้าศูนย์เอง ไม่ปล่อยไป ไม่งั้น ค่าซ่อมบานเลย
- อีกอันคือ ไม่ยอมเปลี่ยนยาง อันนี้ จะเป็นพวกญาติๆ รถคันเป็นล้าน แต่ยางเล่นจนแตกลายงา พอทักก็บอกว่า รถไม่ได้วิ่งไปไหน วิ่งแถวนี้ ลากไป ยางเก๋ง 5 ปี ดอกยังหนา แต่แตกลายงาหมดละ .. ชีวิตใคร ชีวิตมัน ละกัน
-
สำหรับบ้านผม ความเชื่อผิดๆคือ รถเป็นหน้าที่ของผู้ชายต้องดูแล
ไล่ตั้งแต่ ล้างรถ เช็คระยะ เช็คสภาพรถ เติมลม ฯลฯ แม้แต่เติมน้ำมัน ยังต้องทำให้ 5555
ไม่รู้ว่าตรงคำถามไหมนะครับ
-
เรื่องเปิดฝากระโปรงระบายความร้อนผมเชื่อว่าช่วยให้อะไหล่ต่างๆภายในห้องเครื่องทนขึ้นด้วยครับ อย่างรถผมเคยเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่งตอนอายุ 18 ปี ตอนถอดออกมาสภาพเหมือนของใหม่ครับ ช่างยังนึกว่าเพิ่งใช้มาไม่นาน
ไฟรถกับอุปกรณ์ต่างๆผมก็ใช้น้อยเพราะไม่ค่อยขับกลางคืน แบตก็ทนทุกลูกทุกคันที่ใช้เลยครับ ไม่มีต่ำกว่า 7 ปีเปลี่ยนที
-
การเปิดฝากระโปรงหน้า ผมคิดว่าไม่ใช่ความเชื่อที่ผิด แต่มันคือการถนอมฝากระโปรงไม่ให้สีซีดและไม่ให้ไฟหน้าเหลืองเร็วจนเกินไปครับ
ใครไม่เชื่อมาดูสีฝากระโปรงรถและไฟหน้าของผมได้ครับ ยังสวยและใส (ไม่เคยขัดไฟหน้า) ถึงแม้รถจะมีอายุเกือบ 9 ปีแล้ว
ส่วนความเชื่อผิด ๆ ที่ผมเห็นบ่อย ๆ คือ การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นจากกระจกหน้าเพื่อถนอมยางปัดน้ำฝน (ผลที่ได้คือสปริงล้า เวลาปัดน้ำฝนแล้วใบปัดน้ำฝนจะกระดก) ค่าเปลี่ยนสปริงหรือก้านแพงกว่ายางปัดน้ำฝนอีก 5 5+
คิดตรงกันกับผมเปี๊ยบเลยครับ และกำลังจะพิมพ์แบบนี้พอดีด้วย ดังนั้นขอเพิ่มเติมอีกนิดครับ
ดีลเลอร์รถหลายที่ยังยกก้านปัดน้ำฝนรถที่จอดตากแดดรอส่งมอบกันอยู่เลยครับ ซึ่งผมเห็นก็ทักท้วงไปตามนี้เลยว่า ยางปัดน้ำฝนน่ะเส้นไม่กี่ร้อยยังไงก็ต้องเปลี่ยนทุกปี แต่สปริงก้านปัดน่ะมันแพงกว่า
และก็เรื่องเปิดฝากระโปรง ผมเปิดมาตลอดตั้งแต่มีรถเป็นของตัวเองครับ ที่เปิดเนี่ย เรื่องสีฝากระโปรงเป็นเรื่องรองครับ แต่ที่ผมเปิดคือช่วยให้มันระบายความร้อนให้เร็วขึ้น ในห้องเครื่องเรามีสายไฟ ท่อยางต่างๆเยอะมาก บางรุ่นกล่อง ECU หรือกล่องควบคุมก็อยู่ในห้องเครื่องด้วย โอเคล่ะมันทนความร้อนได้ แต่ถ้าเราเปิดช่วยระบายความร้อนมันด้วย ก็น่าจะยืดอายุการใช้งานมันได้มากกว่า สายพานต่างๆก็น่าจะกรอบช้าลง ถ้าไม่เปิด มันรู้สึกว่าห้องเครื่องมันเหมือนเตาอบ ที่กำลังอบท่อ ยางสายไฟให้เสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ
และก็การเปิดฝากระโปรง ผมถือเป็นการรีเช็คห้องเครื่องด้วยว่า มีคราบน้ำมันหรืออะไรแปลกปลอมผิดปรกติหรือเปล่า หรือน้ำหม้อน้ำพร่องไหม น้ำฉีดกระจกเหลือไหม ประมาณนี้
พอถึงบ้านผมเปิดฝาและเอาพัดลมวางด้านหน้าเป่าไล่ความร้อนเลยครับ เปิดพัดลมปุ้บลมร้อนมันจะออกมาวูบจนไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพลาสติกต่างๆในห้องเครื่องมันถึงกรอบแตกตามอายุการใช้งาน พวกปลั๊กต่างๆในห้องเครื่องกับสามทางน้ำหล่อเย็นนี่ก็เป็นสิ่งที่กรอลแตกตามอายุกันเยอะ ออกอาการทีกว่าจะหาเจอไม่ง่ายบางทีทำเอาเครื่องพังด้วย
-
สำหรับบ้านผม ความเชื่อผิดๆคือ รถเป็นหน้าที่ของผู้ชายต้องดูแล
ไล่ตั้งแต่ ล้างรถ เช็คระยะ เช็คสภาพรถ เติมลม ฯลฯ แม้แต่เติมน้ำมัน ยังต้องทำให้ 5555
ไม่รู้ว่าตรงคำถามไหมนะครับ
มีคนเจอปัญหาเดียวกันแล้ว เฮ 55
-
เติมน้ำเปล่าในระบบหล่อเย็น
-
ไม่เคยมีความเชื่อทำอะไรซักอย่างที่ว่ามาเลยครับ คนที่บ้านก็เหมือนกัน
ถ้าแอร์อับ ก็ล้างตู้แอร์ อบโอโซน ครับ ทำพร้อมเชคระยะอยู่แล้ว กดปิดแอร์เป็น ร้อยครั้งตลอดหลายปีเพื่ออะไร
-
ไม่มีเลยครับ คุณพ่อขับรถ ดูแลรถเก่งมาก เลยไม่มีความเชื่อผิดแปลกเลยครับ
-
ส่วนตัวผมรถจอดนานๆแล้วหนูเข้า เลยให้แกเปิดฝากระโปรงไว้ให้แสงเข้าบ้าง อย่างน้อยไม่มืดทึบจนเกินไป
แกบอกว่าเปิดฝากระโปรงหนูจะเข้าไปง่าย ผมนี่ปวดหัวเหมือนกัน
-
ที่บ้านไม่มีคับ แต่ที่ไม่มี น่าจะมาจากเหตผลเดียวคือ ขี้เกียด
แต่รถบางคันเช่นยุโรปตราดาว ที่กล่อง ecu อยู่ในห้องเครื่องจะเปิดถ้าวิ่งรถติดกลางวันร้อนจัดๆ มาถึงบ้านจะเปิดฝากระโปรง รักษาพลาสติกในห้องเครื่อง
ถ้ารถญี่ปุ่น ใช้อย่างเดียว
-
เติมน้ำสบู่ น้ำแฟ้บ ลงในถังน้ำฉีดกระจก :'( :'( :'( :'( :'( :'( :'(
-
สำหรับบ้านผม ความเชื่อผิดๆคือ รถเป็นหน้าที่ของผู้ชายต้องดูแล
ไล่ตั้งแต่ ล้างรถ เช็คระยะ เช็คสภาพรถ เติมลม ฯลฯ แม้แต่เติมน้ำมัน ยังต้องทำให้ 5555
ไม่รู้ว่าตรงคำถามไหมนะครับ
มีคนเจอปัญหาเดียวกันแล้ว เฮ 55
5555 สถานการณ์เดียวกันเลยครับ ของผมดีหน่อยไม่ต้องเติมน้ำมันเอง (แต่ต้องจ่ายค่าน้ำมันอยู่ดี)
เรื่องเปิดฝากระโปรงระบายความร้อนผมเชื่อว่าช่วยให้อะไหล่ต่างๆภายในห้องเครื่องทนขึ้นด้วยครับ อย่างรถผมเคยเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่งตอนอายุ 18 ปี ตอนถอดออกมาสภาพเหมือนของใหม่ครับ ช่างยังนึกว่าเพิ่งใช้มาไม่นาน
ไฟรถกับอุปกรณ์ต่างๆผมก็ใช้น้อยเพราะไม่ค่อยขับกลางคืน แบตก็ทนทุกลูกทุกคันที่ใช้เลยครับ ไม่มีต่ำกว่า 7 ปีเปลี่ยนที
เรื่องความร้อนในห้องเครื่องเนี่ย ผมเคยใช้ 520i เบนซินเทอร์โบ พบว่าความร้อนในห้องเครื่องมันร้อนมาก ร้อนกว่ากระบะดีเซลเทอร์โบมากเลยครับ (ดีเซลเทอร์โบเนี่ยอย่างเย็นเลย) ก็เลยคิดว่าเครื่องเทอร์โบเบนซินก็น่าจะร้อนกว่าดีเซล และยิ่งเดี๋ยวนี้มีรถที่ใช้เครื่องเบนซินเทอร์โบมากขึ้นเรื่อยๆน่าจะลองสังเกตุจุดนี้ดูด้วยนะครับ การเปิดฝากระโปรงรถก็น่าจะช่วยยืดอายุพวกพลาสติกภายในห้องเครื่องได้บ้างแหละน่า