Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: solo ที่ สิงหาคม 28, 2023, 12:56:23
-
https://www.youtube.com/watch?v=3Isz0XgBsIg
-
ผมบอกไว้เป็นข้อมูลนะครับ
Toyota จดลิขสิทธ์เลี้ยว 4 ล้อ เข้าซอง เข้าที่แคบ บิดล้อแตต่ละล้อได้ 180 องศา ไว้ตั้งแต่ ปี 2020 แล้ว อันนี้ไม่แน่ใจรายละเอียดว่า ทำไม Hyundai จดสิขสิทธิ์ได้ น่าจะต่างกันที่รายละเอียด เลยทำให้ไม่ใช่การเลียนแบบ เลยทำได้มั้ง(อันนี้ไม่แน่ใจกฏเกณฑ์การจดลิขสิทธิ์นะ)
Ford จดสิขสิทธิ์เลี้ยว 4 ล้อ ตั้งแต่ปลายปี 2020 และ เป็นรถที่เป็นเพลา และ เหมือนจะ..ทำงานในรูปแบบจอดเข้าซอง ที่แคบได้(เหมือนรถไฟฟ้าที่มอเตอร์ติดที่ล้อแต่ละล้อ มันจะทำงานง่ายกว่า) เพราะบิดล้อแตต่ละล้อได้ 180 องศา เหมือน Toyota จดลิขสิทธิ์ไปเลย
อันนี้ยังไม่รวม การทำงานคล้ายๆ Honda Prelude หรือ R34 หรือ BMW 525d หรืออีกหลายๆ รุ่น ทำงานในแค่บางจังหวะ และ ในองศาไม่ได้เยอะ(เพราะจำกัดเป็นการทำงานที่คอม้าแบบเดิมๆ ไหนจะเพลาขับอีก) ไม่ได้ทำเพื่อจอด
มันไม่ใช่เรื่องใหม่ และ ค่ายอื่นๆ เขาก็มีครับ แต่อาจจะไม่ได้เป็นข่าว หรือ เป็นข่าวสนเขาเลิกสนใจไปแล้ว
ดังนั้น ไกล้เคียงหรือเห็นภาพชัด ที่คิดเหมือนกัน คือ ของ Toyota กับ Ford ที่ผมบอกข้างต้น
-
GMC Hummer EV ก็มีครับระบบนี้
https://www.youtube.com/watch?v=37Jrkz4VOkY&ab_channel=AutoNewsTV
https://www.youtube.com/watch?v=GOTphMqc8x4&ab_channel=BestCommercials
-
เห็นหลายยี่ห้อที่มี concept รูปแบบนี้ แต่ยังไม่เห็นทำออกมาขายจริงซักที
เคยเห็นแต่เลี้ยว 4 ล้อแต่องศาล้อหลังเลี้ยวได้ไม่เยอะมาก
-
มันก็น่าจะดีกับการใช้งานแหละ แต่ดูแล้ว คือรถต้องเป็นแบบ ขับ 4 ล้อ ซึ่งรถไฟฟ้าขับ 4 ล้อเดิมก็แพงอยู่แล้ว
และมีระบบนี้ใส่เข้ามาอีกมันไม่ไปไกลเลยหรอราคา
-
https://youtu.be/S5R368iX7iI?si=P2E-KXumXzJssWvL
https://youtu.be/-m0ZHT4NZyY?si=UTMPQix0rOhnz3kY
-
จากที่คิดๆดู น่าจะเสียพท ในห้องเครื่องกับห้องโดยสารไปเยอะ ในการบิดล้อ 90 แบบนี้
รถน้ำมันขับหน้า เครื่องวางขวาง อาจติดห้องเครื่อง ส่วนรถไฟฟ้าไม่น่ามีปัญหา แต่ก็คงทำให้ frunk เล็กลงด้วย
ส่วนล้อหลัง ซุ้มล้อต้องใหญ่ขึ้นน่าจะทำให้พท เก็บของลดลงแน่ๆ
อย่างในคลิป ล้อรถยังล้นออกมาจากตัวถังเลย. ซุ้มล้อก็ต้องปาดออกหน่อย เพื่อให้บิดได้
ถ้าใส่มาแล้วแพงขึ้น 20% ผมไม่เอาด้วยแหะ...
-
ไม่เห็นประชโยชน์ของระบบนี้เท่าไร เพราะถ้ารถเราถึงขนาดต้องหักล้อเข้าขนาดนี้ แสดงว่าที่จอดต้องแคบมากๆ
พอแคบมากๆแล้วเราดันเข้าแบบล้อหักมุม แสดงว่ารถคันอื่นที่อยู่หน้าหลังเราจะออกไม่ได้แน่ๆ ยิ่งจะทะเลาะมีเรื่องกันป่าวๆ
-
ระบบช่วยจอด Parking Assist น่าจะใช้ต้นทุนน้อยกว่าระบบนี้ครับ
-
ไม่เห็นประชโยชน์ของระบบนี้เท่าไร เพราะถ้ารถเราถึงขนาดต้องหักล้อเข้าขนาดนี้ แสดงว่าที่จอดต้องแคบมากๆ
พอแคบมากๆแล้วเราดันเข้าแบบล้อหักมุม แสดงว่ารถคันอื่นที่อยู่หน้าหลังเราจะออกไม่ได้แน่ๆ ยิ่งจะทะเลาะมีเรื่องกันป่าวๆ
ตอนเห็นระบบนี้แรกๆผมก็คิดแบบนี้ครับ ถ้าแคบขนาดต้องเข้าแบบนี้ คันหน้าหลังเรา (ถ้ามีคันหน้าหลังเค้าอีก) ก็ออกไม่ได้อยู่ดีถ้าไม่มีระบบแบบเรา
สรุปว่าระบบแบบนี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อ
1. รถส่วนใหญ่มีระบบนี้เหมือนกัน ถึงจะได้ประโยชน์จากการจอดชิดๆกันแบบนี้อย่างเต็มที่ (ถ้ามีคันที่ไม่มีระบบนี้อยู่ในแถวก็ซวยทันที)
2. คันหน้าหลังเราไม่ต้องมีระบบนี้ก็ได้ แต่หน้าหลังเค้าอีกคันก็ต้องไม่ชิดมาอยู่แล้ว หรือเป็นที่โล่งที่ใช้ขยับได้ หรือหน้าหลังเราไม่ใช่รถคันอื่น (เงื่อนไขเยอะจัง)
3. จอดในที่ที่ไม่ได้แคบขนาดจอดได้แค่ท่านี้ แต่ใช้ท่านี้เพื่อให้ง่ายขึ้นสำหรับคนจอดไม่เก่ง (ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากระบบเต็มที่ เพราะรถแบบเดิมก็จอดได้ถ้าจอดเป็น หรือระบบช่วยจอดก็ช่วยได้แล้ว)
สรุปหาประโยชน์เน้นๆจริงๆได้น้อยมาก ไม่น่าคุ้มกับอะไรที่ต้องแลกมา ทั้งชิ้นส่วน น้ำหนัก ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น พื้นที่ที่หายไป แต่ถ้าพัฒนาไปจนตัดอุปสรรคไปได้เยอะก็อีกเรื่องครับ