Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: love street ที่ กันยายน 08, 2023, 02:02:07
-
มีข่าวว่าแร่ลิเทียมจะขาดตลาดในปี 2026 และอาจทำให้ราคาจำหน่ายรถ ev แพงขึ้นอีก เท่าที่ผมนั่งคิด
1.รถ ev เพิ่มแร่ขาดและแร่ส่วนที่ใช้แล้วใช้อีกหลาย cycle จะเสื่อมจนใช้ไม่ได้อีก
2.รถ ev เพิ่มค่าไฟเพิ่มต้องเพิ่มการใช้น้ำมันเพื่อผลิตไฟฟ้า ปล่อยคาร์บอนเพิ่ม
3.เปลี่ยนยางบ่อยเพราน้ำหนักเยอะ
4.เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วสร้างความเสียหายมากขึ้นเพราะรถหนักขึ้น
5.หากรถใช้ไฟๆ้าทั้งคันและมีระบบ ai เวลาถูกแจมคือ...
อย่างไรก็ตามหากคุณถูกใจ ev รุ่นไหนเป็นพิเศษเช่นอย่างผมที่ชอบคือ audi e tron gt ถ้าจะซื้อคงต้องภายในปลายปี 2025 แล้วล่ะ
-
https://tradingeconomics.com/commodity/lithium
เช็คข้อมูลด้วยครับ อย่าฟังความข้างเดียว ทำไมราคาลิเธียมตกและราคาน้ำมันขึ้น
-
เรื่องแบบนี้มันก็ต่างข้อมุล ต่างความเชื่อจริงๆนะ
สิ่งที่จะบ่งบอกได้ก็คือเวลาเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี ต่อจากนี้เราคงเห็นอะไรมากขึ้น ว่าสุดท้ายแล้ว EV จะเกิดยาวๆ หรือจะค่อยๆลดน้อยลง
-
ต้องดูยาวๆครับ เเต่ในความคิดผมน่าจะเป็นจริงครับ
-
ดูกันยาวๆครับ เหมือนรถน้ำมันแหละครับ ที่พอมี เทคโนโลยีใหม่มาแล้วจะกังวลกัน
1.รถ ev เพิ่มแร่ขาดและแร่ส่วนที่ใช้แล้วใช้อีกหลาย cycle จะเสื่อมจนใช้ไม่ได้อีก
- ตัว Battery เองก็มีการปรับปรุงพัฒนาเรื่อยๆนะครับ อย่างเมื่อก่อนเราใช้ถ้า aa ก้อนเขียวๆ มันก็มาสู่ยุคของ alkaline / lithium ขนาดอาจไม่ต่างแต่ความจุ แรงดันมากขึ้น และยิ่งอยู่ในกระแสแบบนี้มี ส่วนตัวคิดว่าไม่ต้องกังวลเท่าที่คิดครับ
2.รถ ev เพิ่มค่าไฟเพิ่มต้องเพิ่มการใช้น้ำมันเพื่อผลิตไฟฟ้า ปล่อยคาร์บอนเพิ่ม
- อันนี้เห็นด้วยครับ ว่าถ้าไม่มี Renewal Energy ยังไงมลพิษจากการผลิตไฟก็เพิ่ม
ถ้ามองในมุมของมลพิษจากรถส่วนหนึ่งที่หายไป แล้วโยกไปอยู่กับโรงงานผลิตไฟฟ้าที่ถูกควบและมีการตรวจสอบมาตรฐานมลพิษที่ปล่อยออกมา มันก็ดูคุ้มค่านะครับ แต่ยังไง ชุมชนใกล้ๆโรงไฟฟ้าอาจได้รับผลกระทบมากขึ้น
3.เปลี่ยนยางบ่อยเพราน้ำหนักเยอะ
- ถ้าใช้ยางตาม spec คิดว่าไม่ต่างกันมากจนเป็นประเด็นครับ การสึกหรออาจมาจาก อัตราเร่งที่ดีขึ้น แล้วขับ agressive ขึ้นมากกว่า
4.เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วสร้างความเสียหายมากขึ้นเพราะรถหนักขึ้น
- เห็นด้วยครับ รถเล็กๆ eco b-seg เจอรถพวกนี้ชนก็เจ็บหนักขึ้นแน่นอนครับ
แต่พวก bev น้ำหนักก็ประมาน 2-2.5 ตัน พอๆกับ กระบะ / ppv ที่วิ่งกันทั่วครับ
5.หากรถใช้ไฟๆ้าทั้งคันและมีระบบ ai เวลาถูกแจมคือ...
- ถ้ารถมีการเชื่อมต่อกับ network / internet ยังไงก็เสี่ยงครับ malware ฝั่งในระบบให้จ่ายเงิน ไม่งั้น start ไม่ได้ ก็อาจความเป็นไปได้
ซึางรถน้ำมันในปัจจุบันหลายๆรุ่น มันก็เชื่อมต่อแบบนี้ได้ อาจมีความเสี่ยงไม่ต่างกันครับ
-
ผมเห็นดังที่หลายคนใน HeadlightMag สนับสนุน
หนึ่งในคำตอบของยุคนี้ โดยเฉพาะไทย คือ PHEV ครับ
แบตหมด/ตอนเปลี่ยนแบตพบว่าแบตแพง ขับต่อเป็นรถน้ำมันเฉย ๆ ได้
ยิ่งส่วน ICE แรง ยิ่งไม่เป็นปัญหาเมื่อไม่มีไฟจากแบต กินน้ำมันเท่ารถน้ำมันปกติ
; คนในเฟซ EV คุยกันเรื่องไม่เปลี่ยนแบต PHEV หากไม่จำเป็นอยู่ หลายคนเห็นด้วย
ในทางตรงกันข้าม
หากน้ำมันแพง แบตเทคโนโลยีใหม่ถูก มีโอกาสที่แบตในอนาคตจะจุมากขึ้น
ก็เปลี่ยนแบต แล้วขับเป็น BEV
-
8) 8) 8).....อย่าห่วงครับ แร่วัสดุอื่นใช้ผลิตแบตฯ ป้อน EV มีทางเลือกอีกหลายแบบ :-X
-
หรือว่าพี่โตจะคิดถูกที่พัฒนารถไฮโดรเจนไปด้วย....
-
ถึงตอนนั้น solid stage กับ แบตที่ใช้ sodium คงมาทันพอดี