Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: new36 ที่ กันยายน 09, 2023, 08:54:43
-
เป็นไปได้ไหมครับที่เครื่อง N/A ความจุน้อยกว่าจะแรงกว่าเครื่องที่มีความจุมากกว่า ย้ำนะครับว่า N/A ไม่ใช่มีระบบอัดอากาศ เพราะถ้าหากเป็นเทอร์โบ(สมมติ) ยังพอเข้าใจได้ว่ามีปัจจัยอื่นๆมาเกี่ยวข้อง เช่น ขนาดเทอร์โบ ขนาดบูสต์ แรงดันน้ำมัน ฯลฯ
ลองดูตัวอย่างนี้นะครับ
Mitsubishi 4M40 (มิตซู สตราด้า)
- ความจุ 2.8 ลิตร
- กำลัง 101 แรงม้า
- แรงบิด 198 Nm @ 2,000 rpm
กับ
Toyota 5L (โตโยต้า ไทเกอร์)
- 3.0 ลิตร
- 97 แรงม้า
- 192 Nm @ 2,400 rpm
จากตัวเลขข้างต้น มิตซูน่าจะแรงกว่าไทเกอร์ จริงไหมครับ หรือต่างกันเพราะวิธีวัดหรือหน่วยวัดต่างกัน ท่านใดพอจะบอกได้ไหมครับ
และถามเพิ่มเลย มีใครเคยขับสองรุ่นนี้บ้าง ช่วยแชร์ความรู้สึกให้หน่อยครับ
-
รูปทรงท่อไอดี ขนาดวาล์ว รูปทรงท่อไอเสีย ต่างกัน แรงม้าก็ต่างแล้วครับ
เครื่องเดียวกัน คนละรหัส อยู่คนละตัวถังความแรงยังไม่เท่ากันเลย ครับ
-
เป็นไปได้อยู่แล้ว (แค่ว่าสมัยนี้มันพ้นยุคไปแล้วเลยอาจจะไม่คุ้น) อยู่ที่อัตราส่วนกำลังอัดกับโฟลว์ของอากาศเป็นหลัก
ดูอย่าง B18CR ก็ได้ครับ 1.8 200 ม้า / K24 ใน accord 2.4 ได้แค่ 170 ม้า
-
เป็นไปได้สิครับ
อยู่ที่การออกกับเทคโนโลยีที่ใช้ล้วนๆ
รถเมกันรุ่นเก่าๆ เครื่อง v8 5ลิตร ยังได้แค่ 200 ม้าเลย
งงไหมครับ555
-
เครื่องยนต์ คิดว่าอยู๋ที่การ setting ของแต่ละตัวครับ ทั้งขนาดลูกสูบ ระยะชัก ก็ส่งผลกระทบกับ แรงม้าแรงบิด
ถ้าเครื่องยุคเดียวกัน เทคโนโลยีเดียวกัน ผมว่ามันไม่ได้ต่างกันมากครับ
แต่ละยี่ห้อ ทำเครื่องมาไม่เหมือนกัน ตัวเลขใน spec มันบอกได้คร่าวๆครับ แต่ขับจริงอาจต่างกัน อยุ๋ที่ว่า แรงม้าแรงบิดมาช่วงไหน แล้วเราได้ใช้มันมากแค่ไหนครับ
บางเครื่อง แรงม้าสูง แต่ไปกองอยู๋รอบสูงๆ ที่ไม่ได้ใช้งานจริง
ปล. เคยขับ 2L อืดสุดๆ แต่Diesel NA ทนมากๆ
-
นิยามของความแรงมันพูดยากครับ ที่เราเห็นบนโบชัวร์มันคือแรงม้าสูงสุด แรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องนึงเท่านั้นเอง
ถ้าถามว่าเครื่องเล็กสามารถทำให้แรงม้าสูงสุดเยอะกว่าเครื่องใหญ่ได้มั้ยก็ทำได้อยู่แล้วไม่ได้ยากเลย แต่ต้นอาจจะเหี่ยวจัดๆเลยก็ได้
ถ้าจะดูว่าแรงไม่แรงมันต้องดูกราฟแรงม้าแรงบิดประกอบด้วย
-
กำลังอัดเครื่อง 2 ตัวนี้ต่างกันครับ
ยิ่งกำลังอัดสูงๆยิ่งกิน เผาไหม้ไม่ค่อยสมบรูณ์
แต่รอบเรดไลน์ก็ไปได้สูงขึ้น แต่ก็แลกมากับความร้อน
ดีเซลก่อนคอมมอนเรล หลักการจะมีแค่ น้ำมันกับอากาศ
เครื่องตัวไหน"กวัก" อากาศได้เยอะกว่าก็ไปได้ดีกว่า
ซึ่งการเอาออากศเข้า ก็อยู่ที่แคมชาร์ฟ ทางเดินไอดี รวมถึงการคายทิ้งด้วยว่าคล่องแค่ไหน
ปั๊มน้ำมันดีเซล+หัวฉีดด้วย
ป.ล. โคตรอืดทั้งคู่ ;D ;D 4M40 นี่สูสี MGzs 17-18 วิ
5L.มี 20วิ
-
เครื่อง F1 ยุคต้นๆปี 2000 เครื่อง 3,000 cc NA แต่แรงม้า 900+ นะครับ ลองนึกดู 8)
แล้วนั่นคือเทคโนโลยีเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วน่ะครับ 8)
-
เครื่องเดียวกัน จูนไม่เหมือนกัน ยังได้แรงม้าไม่เหมือนกัน เครื่องคนละตัวยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ
-
แรงม้าสูงสุด มันเป็นยอดกราฟ ณ เวลาหนึ่งเท่านั้น
ต้องดูพื้นที่ใต้กราฟประกอบด้วย
บางทีแรงม้าสูงสุดน้อยกว่า แต่มาเรื่อยๆต่อเนื่องกว่า
ผมว่าดีกว่า
-
มันมีปัจจัยอื่นด้วยครับ
วิศวกรเขาเซ็ทแรงบิดในรอบต่ำเพื่อให้ผู้ใช้บรรทุกไดีดีแลประหยัดน้ำมัน แรงม้าก็จะไม่สูงมาก
อย่างคู่นี้ ผมเคยขับตอนเดียวทั้งคู่
ตอนนั้นเปิดบริษัทใหม่ๆ ซื้อเป็นมือ 2 มาใช้
มิตซูวิ่งรถเปล่าดีนะครับ แต่เวลาขนของ ที่รอบปลายๆมีแต่เสียง แต่กำลังไม่มาเลย ตัวนี้เหมาะกับรถที่ไม่ต้องขนของอย่าง 4*4 ตัวยกสูงหรือ g wagon ขับเนียนเลย
ส่วนไทเกอร์ เขาออกแบให้ขนของดีครับ พอไปพวก 4*4 เพื่อนผมบ่นว่าอืดเฉย
-
ว่ากันที่เครื่องยนต์อย่างเดียว.... เครื่องความจุเล็กกว่าก็อาจจะทำแรงม้าสูงสุดได้เยอะกว่าเครื่องใหญ่ได้คับ
ผมก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องวิศวกรรมเครื่องกลมากนัก แต่ก็พอมีพื้นฐานฟิสิกส์บ้างน่าจะพอตั้งข้อสังเกตุอะไรได้บ้าง
จากสูตรที่ว่า แรงม้า = รอบ x แรงบิด เพราะงั้นเครื่องยนต์ที่ทำแรงม้าได้สูงๆ ไม่รอบจัดก็ต้องมีแรงบิดสูง ควบคู่กัน
เครื่องที่กระบอกสูบเล็กกว่า น้ำหนักลูกสูบเบากว่า ก็สามารถเคลื่อนที่ปั่นรอบได้เร็วกว่า พอรอบจัดแรงม้าก็จะเยอะตาม
หรือถ้าช่วงชักลูกสูบสั้นลง ก็จะปั่นรอบได้มากขึ้น แต่แรงบิดจะน้อยลง (ถ้าช่วงชักสั้น ก็หมายถึงปริมาตรของห้องอัดอากาศก็น้อยลงด้วย)
ส่วนพวกเครื่องใหญ่ CC เยอะ กระบอกสูบใหญ่ หน้าตัดใหญ่ ช่วงชักกว้าง พวกนี้ให้แรงบิดรอบต้นสูง แต่ก็มักจะปั่นรอบได้ไม่สูงมาก
เพราะพอลูกสูบโต หรือช่วงชักยาวทำให้ลูกสูบต้องเคลื่อนที่เยอะ มันก็ทำให้ปั่นรอบได้ลำบากขึ้น
-
การ deeign มีเป้าหมายอยู่ที่ไหนครับ?
ผมยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ เช่น เครื่อง กำเนิดไฟฟ้าดีเซล
ซีซี สูงแต่แรงม้าต่ำ ทั้งชีวิตคือทำงานแค่ที่ 1,500 rpm
แต่สิ่งที่เครื่องยนต์ เล็กๆแรงม้าสูงๆ(เช่นเครื่องระกระบะ)
ให้ไม่ได้คือ Inertia ครับ ซื่งรอบเครื่องยนต์จะนิ่งกว่า
ที่สภาวะ load ที่เปลี่ยนไปครับ
-
ว่ากันที่เครื่องยนต์อย่างเดียว.... เครื่องความจุเล็กกว่าก็อาจจะทำแรงม้าสูงสุดได้เยอะกว่าเครื่องใหญ่ได้คับ
ผมก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องวิศวกรรมเครื่องกลมากนัก แต่ก็พอมีพื้นฐานฟิสิกส์บ้างน่าจะพอตั้งข้อสังเกตุอะไรได้บ้าง
จากสูตรที่ว่า แรงม้า = รอบ x แรงบิด เพราะงั้นเครื่องยนต์ที่ทำแรงม้าได้สูงๆ ไม่รอบจัดก็ต้องมีแรงบิดสูง ควบคู่กัน
เครื่องที่กระบอกสูบเล็กกว่า น้ำหนักลูกสูบเบากว่า ก็สามารถเคลื่อนที่ปั่นรอบได้เร็วกว่า พอรอบจัดแรงม้าก็จะเยอะตาม
หรือถ้าช่วงชักลูกสูบสั้นลง ก็จะปั่นรอบได้มากขึ้น แต่แรงบิดจะน้อยลง (ถ้าช่วงชักสั้น ก็หมายถึงปริมาตรของห้องอัดอากาศก็น้อยลงด้วย)
ส่วนพวกเครื่องใหญ่ CC เยอะ กระบอกสูบใหญ่ หน้าตัดใหญ่ ช่วงชักกว้าง พวกนี้ให้แรงบิดรอบต้นสูง แต่ก็มักจะปั่นรอบได้ไม่สูงมาก
เพราะพอลูกสูบโต หรือช่วงชักยาวทำให้ลูกสูบต้องเคลื่อนที่เยอะ มันก็ทำให้ปั่นรอบได้ลำบากขึ้น
ตามนี้เลยครับ อธิบายดีมากครับ
-
เคยขับ ทั้ง 2 รุ่นครับ สตราด้าแรงกว่า ขับ สนุกกว่าเยอะครับ
จนกระทั่ง toyota ออกตัว 2.5 commomrail ผมเลยย้ายค่ายมา toyota
-
คือแรงกว่าได้มั้ย ถ้าโมดิฟายเฉพาะเครื่องยนต์ ไม่มีระบบอัดอากาศ ก้ออาจเป็นได้ถ้าเทคโนโลยี ขี่กันเยอะ หรือทุนหนามากน้อย นี่คือใช้เครื่องมือวัดแค่แรงม้าจากเครื่องเท่านั้น
แต่ถ้ารวมกันเป็นรถหนึ่งคัน มันมีปัจจัยอื่นช่วยด้วยไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักตัวถัง แอโรไดมานิคของรถคันนั้นๆ อัตราทดเกียร์ เฟืองท้าย ลักษณะการขับขี่ที่นำมาเปรียบเทียบ เช่น ต้นจัด ปลายไหล เร่งกลาง ฯลฯ
ขับสนุก ถูกใจคนขับ มาตรฐานแต่ละคนก้อต่างกัน มันก้อตัดสินกันยากอยู่นะ
-
camry 2.5G ตัวเก่า acv 50 toyota จูนมา 161 hp
camry 2.5G ตัวใหม่ acv 51 209 hp
ขนาด cc เท่ากัน แต่ ทำชิ้นส่วนเครื่องยนต์ใหม่หมด ไม่มีระบบอัดอากาศเหมือนเดิม แต่ทำให้อากาศไหล เข้าเครื่องยนต์ได้ดี กว่าเดิม ทำแรงม้าได้เพิ่มขึ้นตั้ง 40 กว่า hp
และฟิลลิ่งการขับดีกว่า เครื่องเทอร์โบ ขนาด 1,500 cc. แล้วจูนให้ได้ 200 HP มากกว่า วิ่งดีกว่า ขับดีกว่า เครื่องยนต์เล็ก แต่มีเทอร์โบ คนละเรื่องเลยครับ
-
ถ้าจะตอบไม่เอาตามเกณฑ์ของเจ้าของกระทู้นะครับ จะได้เห็นอีกมุมมอง ในยุคไฮบริด
1. เอาอัดอากาศ แต่อัดคนละแบบ
2. เอาเครื่องเท่ากันไปเลย
MB C43 เครื่องสองลิตร M139 ได้ '402' ม้า เฉพาะส่วน ICE ใช้เทคโนโลยีรถแข่ง โดยใช้มอเตอร์สร้างเทอร์โบ คันแรกของโลกที่ผลิตขายคนทั่วไป
VV S60 เครื่องสองลิตร T8 ได้ '320' ม้า เฉพาะส่วน ICE แถมตัวก่อนหน้า ช่วงปีโควิดระบาดหนัก ยังมีเทคโนโลยีรถแข่ง Supercharge* เช่นกัน หากจะนับเป็นคันแรกของโลก ต้องนับ SUV ใหญ่ ที่ใช้เครื่องยนต์แล้วแรงสุด+สะอาดสุดอย่างชัดเจน ในรุ่น XC90 ซึ่ง Setting คล้ายกับ S60
* Supercharge คันนี้ทำงานต่อแม้ Turbo ติดแล้ว
ทั้งสองคันมีมอเตอร์เสริม และจะพบว่า 0-100 สองคันนี้ พอ ๆ กัน (ต่ำกว่าห้าวินิด ๆ)
โดย VV ที่ม้าน้อยกว่า กลับเร็วกว่านิด ๆ ตามเลขโรงงาน ทั้งที่ MB เบากว่าเกือบ 300 กก.
สาเหตุเพราะ VV แบตโวลเตจแรงกว่า / มอเตอร์ตัวใหญ่กว่า
--> ส่งผลให้ VV ขับไฟฟ้าได้หลายสิบโล ส่วน MB เหมือนใช้ขับไฟฟ้าได้แค่แถวที่อยู่ เช่น ขับไปซื้อของทาน
คันแรก ขับสี่ Rear-bias
คันหลัง ขับหน้า ขับหลัง ขับสี่สมมาตร ขับสี่ Front-bias
ด้วยเหตุที่ Front-bias หลายรีวิวในต่างประเทศบอก S/V60 เหมาะ เป็นรถผู้บริหาร
คันที่สอง 2.2 ล้าน
คันแรก ราคาต่างประเทศพอ ๆ กับคู่เปรียบ แล้วแต่ซื้อประเทศไหน
ส่วนราคาในไทยอาจเกือบสิบล้านดัง C43 รุ่นก่อนที่สิบล้านกว่า
(นี่คือสาเหตุที่ผมซื้อ MB เฉพาะสิ่งที่เขาเก่ง คือ รถสวยหรู / นุ่มนวล ส่วนรถแรง ซื้อเจ้าอื่นเอา)
-
ถ้าเอาตัวเลขวัดกัน
แรงกว่า ก็คือ แรงกว่า มันเป็นวิทยาศาสตร์ ครับ
ส่วนทำไมเครื่องเล็กกว่า ทำไมถึงแรงกว่า มันมีหลายปัจจุบันมากครับ
ลองดู K20A ฝาแดง ของ HONDA ที่เคยเป็น Best Engine Of The Years ดูครับ
ขนาดความจุ 2 ลิตร แต่แรงกว่า เครื่องความจุ 2 ลิตร ตัวอื่น ค่ายอื่น เยอะแยะ
ขนาด K20A ฝาแดง ของ FD2R กับ DC5 ก็ยังแรงม้า ไม่เท่ากันเลย เพราะรายละเอียดมันไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆ แค่มองผ่าน ท่อไอดีต่างกัน แค่นั้นก็มีความต่างของความแรงแล้ว ยังไม่ต้องดูรายละเอียดอย่างอื่นเลย
-
https://youtu.be/1rNw0z_rAqs?si=H2rJG0Aa6nzS34lI