Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: wooot ที่ กันยายน 11, 2023, 23:07:04
-
จากกระทู้รถไฟฟ้าคันแรกที่หลายๆท่านเข้ามาตอบกันเยอะพอสมควร
ผมลองดูคำตอบ เกือบทุกท่านต้องการชาร์จเร็ว แบบ 15-20 นาทีเต็ม หรือวิ่งได้สัก 500 กม ถึงจะตอบโจทย์
เลยสงสัยว่าเทคโนโลยีปัจจุบัน เป็นไปได้แค่ไหนครับ ที่จะทำให้รถไฟฟ้าสามารถชาร์จแบตได้เร็วขนาดนั้น ในราคาที่จับต้องได้
หรือต้องรออีกสักระยะ
-
ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยากครับ รถเราชาร์ตไว 170 kW ไปเจอตู้เก่าๆ ได้ 70 kW งี้ หรือเต็มที่ 120 kW
แต่ถ้าไปติด low priority ยิ่งช้า กว่าเดิม
บางทีไปเจอตู้เทพ 250 kW แต่รถก่อนหน้ากำลังชาร์ตได้ กำลัง max ได้ 70 kW เราก็ต้องรออยู่ดี
ส่วนตัวคิดว่าจุดชาร์ตนึง มีหัว 100 kW สัก 5 หัว ยังดีกว่า หัว 250 kW 2 หัว ซะยังดีกว่า
-
ขนาด super charge ของ เทสล่า เองยังแนะนำให้จอดชาร์จ ตู้เว้นตู้ กรณีที่ช่องว่างเลยครับ
ถ้าชาร์จตู้ติดกัน ไฟจะวิ่งน้อยกว่าครับ
-
ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันรุ่นไหนชาร์จได้เร็วสุด
อย่างใน Hyundai Ioniq 5, Kia EV6 ที่ชาร์จได้ 350kw ก็น่าจะชาร์จเร็วเป็นอันดับต้นๆ
คือ 10-80% ใช้เวลา 18 นาที ได้ระยะทางเพิ่มมาประมาณ 290 km
แต่ตอนที่ใช้งานจริง ตู้ 350kw ณ ปัจจุบันก็ไม่ใช่ว่าจะหาเจอง่ายๆ หรือต่อให้หาเจอก็ไม่ใช่ว่าจะว่าง หรือต่อให้ว่างก็ไม่ใช่ว่ากระแสจะปล่อยได้เต็มตลอด
คืออาจจะต้องใช้เวลาชาร์จมากกว่านั้นเป็นเท่าตัวเลยก็ได้
ถ้าอยากใช้เวลาชาร์จพอๆกับเติมน้ำมัน แล้วได้ระยะทางเพิ่มมาเท่ากัน ก็คงต้องรอต่อไปอีก
-
มี 4 เงื่อนไขครับ
1. กระแสไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายไฟ กี่เฟส กี่แอมป์
2. ตู้ชาร์จ จ่ายสูงสุด ต่อหัว หรือ ต่อตู้ ได้กี่ kw
3. ตัวรถรับได้สูงสุดกี่ kw (0-10% หรือ 10-80% หรือ 80-100% มันจะชาร์จไม่เท่ากันนะ)
4. ยังไม่รวม priority อีกนะ(สำหรับบางตู้ บางยี่ห้อ)
ถ้าเงื่อนไขทั้งหมด มันได้สูงสุด ก็เท่ากับ spec รถรับได้ครับ (อ้างอิงตามข้อ 3.)
-
อาจจะไม่ตรงคำถามครับ แต่มีเรื่องพิจารณา อื่นๆ คือ
1. ต้องรอคิว เหมือนเติมน้ำมัน
2. ต้องมีเวลาว่าง ยืดหยุ่นได้ด้วยครับ
เพราะบางทีไม่ว่าง หรือตู้เสีย ก็ต้องต่อคิววนไป ถ้ากะว่าใช้เวลา 30นาที บางทีมากกว่านั้นครับ
-
ในจีน มีตู้ชาร์จและรถยนต์ของxpengที่รองรับการชาร์จ ได้800v นะครับ ตั้งอยู่ตามhigh way ต่างๆ ของจีน 10 นาที วิ่งได้หลายร้อยกิโลเมตรอยู่ บอกไว้เผื่อสำหรับอนาคตครับ
ถ้าเมืองไทยคงขึ้นกับหลายปัจจัยตามความเห็นบนๆ
-
Xpeng ชาร์จได้เร็วจริงๆครับ วันนี้ไป intelligence industrial park ที่กวางโจวมา
ผมว่าเป็นรถที่ดีใช้ได้เลย หน้าตาดี ช่วงล่างแข็งไปหน่อย ชอบสปอยเลอร์หลังของ G6
-
รถ EV ระดับเริ่มต้น แบตเตอรี่ 50-60 kWh สามารถรับไฟ DC 70-90 kW น่าจะเพียงพอแล้ว
ถ้า EV ระดับกลาง ราคาเกิน 1.5 ล้าน แบตเตอรี่ 70-90 kWh สามารถรับไฟ DC 100-350 kW ก็น่าเหมาะสม
-
ชาจเร็วมากๆจะไม่มีผลให้แบตเตอรี่อายุสั้นลงรึครับเหมือนเคยอ่านมาว่าในกรณีโทรศัพการบีบให้ขาจเต็มไวก็มีผลเสียทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวขึ้น
-
ผมเข้าใจว่าความเคยชินของคนขับจากการเติมน้ำมัน ทั้งระยะเวลา จำนวนหัวจ่าย เป็นพฤติกรรมแรกๆเลยครับที่กำหนดความต้องการเวลาชาร์จ ช้ากว่านี้ อาจจะรอได้ยากขึ้น
คงต้องปรับทั้งเทคโนโลยี และความเคยชินของคนขับ
-
ถ้าเจอตู้เสีย ชาร์จ 2-3 นาทีตู้ตัด ต้องลงไปเอาหัวออก เสียบใหม่ ย้ายตู้ ก็กินเวลาไป 10 นาทีแล้วครับ
มีครั้งนึงเคยตั้งใจชาร์จ 10 นาทีก่อนเข้าบ้าน เพราะ ที่บ้านยังใช้แบบ 16A (3.5 kW) ชาร์จช้า ตู้ EA สายหนักๆ ถอยรถเข้าจอด เข้าแอพ ปลดล็อคตู้ เสียบชาร์จ
...
ชาร์จไป 2 นาที ตู้ตัด ต้องกด unlock หัวชาร์จ ถอดสายออก เอาสายม้วนเก็บเข้าตู้ ปิดตู้ เช็คเอาน์
...
จากนั้นวนลูป เสียบใหม่อีกรอบ
...
ชาร์จไป 2-3 นาที ตู้ตัดอีก
...
เก็บสาย ย้ายหัว
สรุป ใช้เวลาไปราวๆ 30 นาที
-
ที่เห็นในไทย ตู้ชาร์จ กำลังสูงสุด จะอยู่ที่ 330 kw.h ครับ ใช้เวลาเท่าไหร่ ก็คำนวณกับความจุของแบตรถคุณดูครับ
ผมใช้ ขนาด 300 kw.h ชาร์จรถหัวลาก 423 kw แบตเหลือ 20% ใช้เวลาชั่วโมงเศษ
แต่ค่าตู้เนี่ย เกือบ 2 ล้าน ไม่รวมพวก หม้อแปลง ระบบสายไฟอีกนะครับ ขนาดลงแค่ 2 ตู้เอง