Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: DiKiBoyZ ที่ ตุลาคม 09, 2023, 15:16:48
-
เห็นยอดขายรถกระบะเริ่มถอยๆ ลง ทุกค่ายเลย
ถ้าดูเป็นกราฟ มันไม่ใช่ยี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่ง ด้วย เหมือนตลาดมันลดลงแบบเห็นได้ชัด
ผมคิดว่าอาจจะมีการรอ ตัวปรับโฉม ตัว minor change บ้าง อาจจะมีส่วน แต่มันก็ไม่ได้ minor change พร้อมกันทุกค่ายหรือป่าว
เป็นไปได้ไหมครับ ว่า รถ BEV ราคาที่ทับกับกระบะ มันมาแย่งตลาดตรงไหนนั้นไปด้วย (คนซื้อด้วยราคา ไม่สน segment รถ)
-
สร้างตัวผ่อนไม่ไหวมากกว่า
และตอนนี้ไฟแนนปล่อยยาก รถผ่อนไม่ไหวก็เต็มเต้นท์
คนมีเงินหน่อย สอยมือสองสวยๆ ราคาไม่แพงก็มีตัวเลือกได้เยอะ
ตลาด EV กับ กระบะ แทบจะคนละเรื่องเลยครับ
รถกระบะเนี่ย ถ้าใช้เป็นรถนั่งส่วนมากคันเดียวของบ้าน(ยกเว้นบ้านเป็นกิจการ) EV แทบจะทั้งหมดคันที่ 2-3 ทั้งนั้น
EV น่าจะตีกับ premium B-seg C-seg Cross over เน้นคนเมืองมากกว่าครับ
-
ตลาดรถปิคอัพมันอิ่มตัวมากกว่า ยอดไม่ได้เพิ่มไปจากนี้แล้ว
-
อันดัน 1+2 ยอดขายเดือนนึงประมาณ 20000 กว่าคัน
ขายกันกระหน่ำมาหลายปี มันจะไม่ลดบ้างเหรอครับ
ทุกวันนี้กะบะเต็มถนนครับ มันจะอิ่มบ้างก็ไม่น่าแปลกครับ
-
คนซื้อรถกระบะไม่ได้มองรถยนต์นั่ง BEV แน่ๆครับยิ่งกลุ่มแคผและตอนเดียว ไม่ได้มองแน่นอน ที่รถกระบะ Drop สาเหตุหลักเลยคือการควบคุมการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่อกลุ่มผู้ซื้อรถกระบะโดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้าที่สัดส่วนการผ่อนต่อรายได้มีสัดส่วนสูง กลุ่นนี้โดนเข้มงวดมากครับ และกลุ่มนี้แหละที่ Drive ยอดขายให้มันโตกว่าปกติ พอกลุ่มนี้โดนคุมปุ๊บแน่นอนยอดขายมันหายไปพอสมควรครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ Bev เลย เพราะยอดขาย Bev ก็ไม่ได้มาเติมเต็มยอดกระบะที่ลดลง ดังนั้นรถยนต์นั่ง BEV มาได้เป็นปัจจัยเลยที่ทำให้ยอดกระบะลดลงไปครับ
-
มีคนกลุ่มหนึ่งใช้กระบะแทนรถเก๋ง เพราะจ่ายภาษีถูกกว่า เช่นตอนเดียว 3% cap 5% double capจ่าย 12% ถ้าเล่นเก๋งต้องจ่ายไม่ต่ำกว่า 25% พอ EV มานอกจากจะไม่เสียภาษีแล้ว ยังได้เงินจากรัฐอีก 150,000 บาทแถมค่าไฟถูกกว่าดีเซล ทำไมจะไม่เอาล่ะครับ
-
ด้วยค่าเงินเฟ้อ และ เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นเท่าไร
ไฟแนนซ์รถยนต์ ปล่อยสินเชื่อยากขึ้น และหนี้เสียมันขึ้นเรื่อยๆ ครับ
-
ตลาดรถปิคอัพมันอิ่มตัวมากกว่า ยอดไม่ได้เพิ่มไปจากนี้แล้ว
ถ้าดูยอดแต่ละปี หลังๆ มานี่ ผมว่ามันจะเพิ่ม มากกว่าลดลงนะครับ
อันดัน 1+2 ยอดขายเดือนนึงประมาณ 20000 กว่าคัน
ขายกันกระหน่ำมาหลายปี มันจะไม่ลดบ้างเหรอครับ
ทุกวันนี้กะบะเต็มถนนครับ มันจะอิ่มบ้างก็ไม่น่าแปลกครับ
มันก็เป็นไปได้แหละครับ แต่การที่จะลด หรือ ยอดหายไป อยู่ๆ มันหายไปไม่ได้นะครับ
นอกซะจากว่า สภาวะเศรษฐกิจ หรือ อีกอย่าง คือ มีตลาดอื่น มาแย่งไป ครับ
เพราะอยู่ๆ มันเลิกซื้อกันเอาดื้อๆ ไม่ได้หรอกครับ รถมันก็เปลี่ยนผ่าน ตามอายุบ้าง ไรบ้าง
ถ้าเรื่องเศรษฐกิจ 3-4 มานี้ มันก็ใช่ว่าจะดีนะครับ
แต่ยอดขายกระบะมันเริ่มกราฟ เริ่มลดลงเรื่อยๆ ช่วงปีนี้ มันต้องมีนัยยะ บ้างละครับ
มีคนกลุ่มหนึ่งใช้กระบะแทนรถเก๋ง เพราะจ่ายภาษีถูกกว่า เช่นตอนเดียว 3% cap 5% double capจ่าย 12% ถ้าเล่นเก๋งต้องจ่ายไม่ต่ำกว่า 25% พอ EV มานอกจากจะไม่เสียภาษีแล้ว ยังได้เงินจากรัฐอีก 150,000 บาทแถมค่าไฟถูกกว่าดีเซล ทำไมจะไม่เอาล่ะครับ
ผมก็คิดเหมือนกัน ขนาดในกรุงเทพฯ ในคอนโด เอง กระบะเยอะมาก ทั้งที่ขับไปทำงาน และ ขับกลับ ใช้เป็นรถนั่งแทบจะ 100% ก็ว่าได้
จุดเด่นที่เห็นชัดๆ เลย คือ ลุยน้ำท่วมในกรุงเทพ (เพื่อนผมบางคน ก็คิดแบบนี้)
ด้วยค่าเงินเฟ้อ และ เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นเท่าไร
ไฟแนนซ์รถยนต์ ปล่อยสินเชื่อยากขึ้น และหนี้เสียมันขึ้นเรื่อยๆ ครับ
ก็อาจจะเป็นได้ครับ
แต่คิดกลับกัน รถ segment อื่น หรือ รถใหม่ ที่เป็น BEV ก็ต้องกู้ไฟแนนซ์เหมือนกันนะครับ
มันเห็นภาพว่า กลุ่มนึงกำลังโต และ อีกกลุ่มนึงกำลังลง
ส่วนกระบะเพื่อการพาณิชย์ อันนี้ก็คิดว่า ยังคงไปได้ต่อ เพราะคงยังไม่มีกระบะ BEV มาแทนในเร็วๆ นี้ได้
-
คือถ้าเก๋งกับ SUV ตลาดมันอาจจะทับกันก็ไม่แปลก
แต่เมืองไทยยังไม่มีกระบะ EV จริงๆจังๆเลยครับ
ที่ยอดกระบะมันลดเพราะยอดยึดเยอะ ไฟแน๊นซ์ก็ปล่อยยากขึ้น
-
เท่าที่ผมดูจากคนที่ออกรถปิคอัพรอบๆตัวผม ในตจว.
เขาไม่ได้ซื้อรุ่นชนรุ่นนะ เขาจะซื้อตัวถังนึง เว้น ตัวถังนึง
เช่น อีสุ ดีแม๊กตัวแรก 2002 จะมาซื้อตัว 2020+ ส่วนคนใช้ปี 2012-2019 เขาก็เฉยๆ รถเดิมก็ใช้เรื่ื่อยๆ
คนใช้วีโก้ เขาก็ไม้ได้ ว้าวอะไรมากมายกับรีโว่ รถเดิมอายุก็ไม่เกิน10ปี แต่เขารอตัวใหม่ 2025ที่จะเปิดตัว
สมัยก่อนใน ตจว. ที่ดินกว้าง ที่จอดรถเหลือๆ จนตอนนี้ลูกหลานแบ่งที่ไปสร้างบ้าน ที่จอดมันก็น้อยลง ไม่อยากมีรถเยอะๆ
นี่คือสภาพสังคม ตจว.ปี 2023 นี้อ่ะ ยอดขายปิคอัพมันเลยไม่ได้กระโดดเว่อวังแบบที่สมัยเครื่องคอมมอนเรลมาเปิดตัวใหม่ๆ สมัยนั้น มันคุ้มที่จะเสียเงิน
สมัยนี้รถใหม่ป้ายแดงมันไม่ได้ เด่นกว่ารถเดิมขนาดนั้น มีอะไรดีกว่า ไฟสว่างกว่าหน่อยแต่คันเดิมก็มองเห็นถนน แอร์ออโต้ แต่แอร์เดิมก็เย็น ระบบช่วยทรงตัว รถเดิมเราไม่มีก็หายางแงพๆช่วย ขับช้าลงชดเชยไป
-
ผมว่าไม่เกี่ยวเลยครับ
persona รถกระบะกับ bev นิคนละกลุ่มสุดๆ
หลายๆปัจจัยที่หลายๆคนบอกมาใช่ครับ แต่ช่วงนี้ดอกเบี้ยตึง ปล่อยไฟแนนซ์น้อยลงพอสมควร ปกติออกรถนิแทบจะไม่ต้องยื่นไรเลยติดบูโรยังดันได้ ตอนนี้ถ้ารายได้รวมไม่ถึงส่วนใหญ่ปัดตกเลยครับ
พ่อแม่น้องออนิวส่วนใหญ่ไม่ได้มีรายได้ประจำที่มั่นคง แค่ไฟแนนซ์ตึงขึ้นนิดเดียวก็ต้องหันไปหามือ 2 แล้วครับพวกจัดแล้วเงินเหลือ
-
คำว่ากระบะ สำหรับประเทศไทย มันใหญ่โตและกว้างขวางจริงๆนะครับ
-ใช้งานแท้ๆ.1 พวกตอน หรือ แค็บที่เอาไว้ส่งของอย่างเดียวตามบริษัทห้างร้าน
-ใช้งานแท้ๆ.2 พี่ๆวิศวะกรหรืองานเซลที่ใช้งานเกือบทุกวัน
-ใช้งานเทียมๆ.1 พี่ๆวิศวกรหรืองานเซลที่ใช้ทั้งส่วนตัวและเรื่องงาน
-ใช้งานเทียม.2 เอารถส่วนตัวมาวิ่งงานส่งของเช่นพวกส่งน้ำกับส่งพัสดุ หรือรับจ้่งทั่วๆไป
-ใช้เป็นรถส่วนตัวขับประจำวัน และไม่ขนของ หรือนานๆขนที
-เอามาแต่งซิ่งวิ่งเล่นหละงถนนหรือ off road(แต่กลุ่มนี้น่าจะน้อย
ก็ไม่รู้ว่ากลุ่มไหนขายเยอะกว่ากัน และกลุ่มไหนที่หายไป
-
เห็นยอดขายรถกระบะเริ่มถอยๆ ลง ทุกค่ายเลย
ถ้าดูเป็นกราฟ มันไม่ใช่ยี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่ง ด้วย เหมือนตลาดมันลดลงแบบเห็นได้ชัด
ผมคิดว่าอาจจะมีการรอ ตัวปรับโฉม ตัว minor change บ้าง อาจจะมีส่วน แต่มันก็ไม่ได้ minor change พร้อมกันทุกค่ายหรือป่าว
เป็นไปได้ไหมครับ ว่า รถ BEV ราคาที่ทับกับกระบะ มันมาแย่งตลาดตรงไหนนั้นไปด้วย (คนซื้อด้วยราคา ไม่สน segment รถ)
ธนาคารปล่อยสินเชื่อยากครับตอนนี้ ด้วยหลายสาเหตุ ปัจจัยทางการเมืองก็เกี่ยว ความเชื่อมันผู้บริโภค ดอกเบี้ยก็เกี่ยว เงินฝืดเงินเฟ้อ
และอย่างความเห็นก่อนหน้า กระบะ มักจะเป้นพวกเครดิตไม่ค่อยดีครับ ดันกันสุดเคสจริงๆ
ยอดรีเจคเมื่อเดือนสิงหา ราว 20-25% เลย กลับกัน พวกยี่ห้อรองอย่าคิดว่ายอดรีเจคน้อยนะครับ
มาสด้าเองก็รีเจคกระบะเยอะ โตต้าเองไม่ต้องห่วง
ยอดน้อยจริงๆก็พวกฟอร์ด ยึดน้อยกว่า คนออกเป็นพวกมีฐานเดือนมั่นคงกว่า และมีทรัพย์สินอย่างอื่นให้ยึด
-
ผมว่าตอนนี้ทุกสินค้าซบเซาลงหมดครับ ของที่ไม่จำเป็นก็ขายได้น้อยลง
ส่วนรถยนต์ก็น่าจะคล้ายกันคือ คนที่จะเปลี่ยนรถสำหรับคนที่มีรายได้มั่นคงก็ซื้อได้ตามรอบ ส่วนคนค้าขาย หากินรายวันรายเดือน อันนี้เหนื่อย บางคนก็ชลอการซื้อไป
เพื่อนผมขายของ online เค้าบ่นมาตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้วว่า ยอดขายตกลงเยอะมาก และเป็นทั้งตลาดเลย
ตลาดหุ้นก็แย่ครับ
-
คนรอ DMAX ใหม่หรือเปล่า
-
ผมมองว่า BEV ไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายกระบะโดยตรง
มองแยกข่วงราคา กระบะ 5-8 แสน เป็นกลุ่มรายได้ไม่เยอะ / กระบะพาณิชย์ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ เช่น
1.อสังหาฯ Q2/2566 จำนวนยูนิตที่ขายได้น้อยลงเยอะ จำนวนเหลือขายเพิ่มขึ้น จากปัจจัย ศก ที่ขะลอตัว ดอกเบี้ยขึ้นไปกลางปี หนี้ครัวเรือนเพิ่ม แบงก์ก็ปล่อยกันยาก
เท่านี้ผมว่าส่งผลต่อผู้รับเหมา ช่างตกแต่ง ต่อเติม จัดสวน เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ไม่มากก็น้อย
ไม่ขอพูดถึงตัวเลข เพราะตัดมาแปะ อาจ mislead ได้ ไปหาอ่านกันในเว็บมีรายงานเยอะ
2.ไฟแนนซ์ปล่อยยากขึ้น
3.หมดหน้าผลไม้ คนออกรถกันไปเยอะตอน มีค-มิย (เกษตรกร ล้ง พ่อค้า กระบะคอกสูง ร้านปุ๋ยยา ฯลฯ)
4.รายได้ OT คนทำงานในนิคมอาจลดลง (แต่ผมไม่มีข้อมูล) ซึ่งน่าจจะเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่เหมือนกัน
กระบะ 8 แสน - 1.3 ล้าน เป็น 4 ประตูส่วนใหญ่ คนซื้อรายได้ดี อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจน้อยกว่า แต่ก็มีสินค้าที่ไม่ใช่คู่แข่งทางตรงกับกระบะ 4 ประตู เช่น B SUV C segment PPV Eco car
ดูจากแถวบ้าน และญาติๆผม คนมีกระบะใช้คันเดิมยาวเป็นสิบปี รถใหม่เป็น Fortuner Legender/Leader , Everest ใหม่ , Cross , HRV , Yaris Ativ
พวกรถใช้ในสวน ส่งของ dmax , vigo , tiger , big m , l200 ก็ซ่อม/ซื้อมือสองใช้กัน แยกรถใช้งานและรถครอบครัวออกจากกัน แทบไม่มีซื้อรถใหม่
และสังเกตจากตัวเอง ตอนนี้ขยายธุรกิจใช้แต่ out source เช่น mazda รับจ้าง , เช่ากระบะ , เลือก supplier ที่ส่งไว คิดแล้วค่าใช้จ่ายต่อเดือนไม่กี่พัน ผ่อนกระบะหลักหมื่น ไม่ต้องซ่อมรถ ไม่ปวดหัวว่าลูกน้องเข้าๆ ออกๆ หยุดงาน บางทีกระบะจอดเป็นอาทิตย์ รู้สึกเริ่มเป็น sharing economy แล้ว ซึ่งบริษัทอื่นคงเป็นไปนานแล้ว ดูจากขนส่งเอกชนจ้างคนนอกมาส่งของกัน
แต่ก็ดูกันยาวๆครับ เศรษฐกิจเปลี่ยน พฤติกรรมคนเปลี่ยน
-
หลักๆคือไฟแนนซ์ปล่อยยากขึ้นครับ
เมื่อก่อนขายของตลาดนัด มีเงินเข้าบัญชี ถ่ายรูปหน้าร้าน ก็ผ่านแล้ว
เดี๋ยวนี้หลักฐานแค่นี้ไม่พอ ผ่านยาก ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ต้องมีคนค้ำ
ในกลุ่มที่เป็นกระบะตัวเตี้ยแค็ป ที่ขายได้ดี ตอนนี้น้อยลง
แต่กระบะสี่ประตูยกสูง หรือตัวท็อป ผมก็ยังเห็น Ranger wildtrak ยังเต็มถนนอยู่เลย
Revo GR มีให้เห็นเรื่อยๆ คิดว่ากลุ่มนี้เขาไม่ค่อยมีปัญหาด้านการเงิน ผ่านไฟแนนซ์ไม่ยาก
-
ตอนนี้ไฟแนนซ์ปล่อยยากขึ้นมากครับ เพราะจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ยิ่งช่วงโควิท ก็กระหน่ำปล่อยมาก
แล้วผลที่ตามมาคือ ผ่อนกันไม่ไหว โดยยืดกันเยอะ
ตอนนี้เลยต้องปรับนโยบายใหม่ ให้ปล่อยไฟแนนซ์ยากขึ้น
แต่ก็นะครับ หลายๆยี่ห้อ โดยเฉพาะน้องออนิว ก็มีโปรแบบดาวน์ 0 บาทไรงี้อยู่นะบางโชว์รูม
-
ช่วงนี้เงียบนะครับ แทบทุกวงการเลย ที่คุยๆมา ร้านเครื่องเสียง / ร้านฟิล์ม หรือ เซลล์ฮอนด้าเอง ก็บอกว่า ตลาดเงียบมาก ครับ
-
ช่วงนี้เงียบกันมาก กระทบกันไปหมด เข้าไปในกลุ่มเฟส "รถผ่อนต่อไม่ไหว" ปล่อยไปให้เปลี่ยนสัญญากันฟรีๆ เยอะเลยครับ
-
ผมว่ารวมๆ คงเพราะสภาพเศรษฐกิจมากกว่า
แต่สำหรับตัวผมเอง ก็คือหนึ่งในคนที่จะไม่ซือกระบะอีกนั่นแหละ 555
ผมใช้กระบะดีเซล 4 ประตูมา 3 gen ละ ....มันคือรถสารพัดประโยชน์ของบ้าน แต่ก็ไม่ใช่รถคันหลัก คันต่อไป ผมมองไปที่ BEV SUV มากกว่าจะซื้อกระบะ 4 ประตูอีกรอบอะคับ
-
ขออนุญาต วิจารณ์การตอบคำถามของท่าน สมาชิกก่อนนะครับ
อยากให้ตอบด้วยความจริง หรือให้ความเห็นในเชิงบวก แบบพี่สอนน้องหรือพ่อสอนลูกด้วยความรักและห่วงใย
โดยไม่แฝงการจิกกัด เหน็บแนม หรือทำให้เจ้าของกระทู้ดูโง่ (หรือจะเรียกว่าทำให้ตัวเองดูฉลาดกว่าก็แล้วแต่จะคิด)
ไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีใครอยากจะถาม และเราก็ไม่มีโอกาศได้ตอบ หรือให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ขอละครับ ด้วยความเคารพ
ตอบคำถามครับ ตามที่ผมทราบจากข่าวรวมกับความคิดเห็นของผม
1. ถ้าเป็นคนที่เลือกซื้อรถกระบะ 4 ประตู โดยไม่ได้เน้นขนของ (แค่เผื่อว่าจะขนของ) หวังประหยัดเพราะดีเซลราคาถูกกว่า -> ผมว่ากลุ่มนี้หวั่นไหวกับ BEV กลุ่ม SUV แน่นอนครับ
(หรืออาจจะซื้อ Dolphin เป็นคันที่ 2 โดยเปลี่ยนใจจากกระบะ 4 ประตูก็ได้ครับ)
2. ถ้าเป็นกลุ่มที่อย่างไรก็ต้องกระบะเท่านั้น เช่นรถคอกขนส่ง วัยรุ่นสร้างตัว ผมว่ากลุ่มนี้รายได้ลดลงเพราะการจ้างที่เคยบูมลดลง รถโดนยึด สินเชื่อปล่อยยาก (อย่างที่หลายๆท่านแจ้งไว้ข้างต้น)
ผมเริ่มเห็นรถส่งของ Kerry / Flash กลายเป็นมอเตอร์ไซด์ส่งของชิ้นเล็ก ของขนาดกลางก็เริ่มเห็น Jazz / NV pickup มาส่ง สินค้าชิ้นไม่ใหญ่จริงจะไม่ค่อยเห็นรถกระบะดีเซลมาส่งละครับ
ผมว่าถ้ามีรถกระบะขนาดเล็กที่เป็น BEV ออกมาแนว Carry หรือ NV Pickup ออกมา ในราคา Dolphin Standard Range หรือถูกกว่า ผมคิดว่ากระทบยอดรถกระบะดีเซลบางส่วนแน่นอนครับ
-
ผมว่า ยอดขายกระบะตกเพราะสภาพสินเชื่อ และการอิ่มตัวของระบบ ลอจีสติคที่ฉาบฉวย และแฟชั่นมันเปลี่ยนด้วย
ยอด ev โตเพราะ การเปลี่ยนใจของคนซื้อที่มีกำลัง คาดเดายากถ้ามีอะไรสะกิดเเรงๆ เช่นปัญหายืดเยื้อ หรือดีเฟครถมีมาก ก้ออาจทำให้ตัดสินใจยาก
กระบะมองว่าไม่ได้ตกเพราะโดนแย่งยอดนะ มันหายเองและคนละกลุ่มแบบกลายๆด้วยครับ
-
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
ขออนุญาต วิจารณ์การตอบคำถามของท่าน สมาชิกก่อนนะครับ
อยากให้ตอบด้วยความจริง หรือให้ความเห็นในเชิงบวก แบบพี่สอนน้องหรือพ่อสอนลูกด้วยความรักและห่วงใย
โดยไม่แฝงการจิกกัด เหน็บแนม หรือทำให้เจ้าของกระทู้ดูโง่ (หรือจะเรียกว่าทำให้ตัวเองดูฉลาดกว่าก็แล้วแต่จะคิด)
ไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีใครอยากจะถาม และเราก็ไม่มีโอกาศได้ตอบ หรือให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ขอละครับ ด้วยความเคารพ
ตอบคำถามครับ ตามที่ผมทราบจากข่าวรวมกับความคิดเห็นของผม
1. ถ้าเป็นคนที่เลือกซื้อรถกระบะ 4 ประตู โดยไม่ได้เน้นขนของ (แค่เผื่อว่าจะขนของ) หวังประหยัดเพราะดีเซลราคาถูกกว่า -> ผมว่ากลุ่มนี้หวั่นไหวกับ BEV กลุ่ม SUV แน่นอนครับ
(หรืออาจจะซื้อ Dolphin เป็นคันที่ 2 โดยเปลี่ยนใจจากกระบะ 4 ประตูก็ได้ครับ)
2. ถ้าเป็นกลุ่มที่อย่างไรก็ต้องกระบะเท่านั้น เช่นรถคอกขนส่ง วัยรุ่นสร้างตัว ผมว่ากลุ่มนี้รายได้ลดลงเพราะการจ้างที่เคยบูมลดลง รถโดนยึด สินเชื่อปล่อยยาก (อย่างที่หลายๆท่านแจ้งไว้ข้างต้น)
ผมเริ่มเห็นรถส่งของ Kerry / Flash กลายเป็นมอเตอร์ไซด์ส่งของชิ้นเล็ก ของขนาดกลางก็เริ่มเห็น Jazz / NV pickup มาส่ง สินค้าชิ้นไม่ใหญ่จริงจะไม่ค่อยเห็นรถกระบะดีเซลมาส่งละครับ
ผมว่าถ้ามีรถกระบะขนาดเล็กที่เป็น BEV ออกมาแนว Carry หรือ NV Pickup ออกมา ในราคา Dolphin Standard Range หรือถูกกว่า ผมคิดว่ากระทบยอดรถกระบะดีเซลบางส่วนแน่นอนครับ
ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรับฟังทุกความคิดเห็น ขอบคุณที่ท่าน Fong เป็นห่วงครับ
เพราะอาจจะมี สมช.บางท่าน มีข้อมูลเชิงลึกกว่าผม ก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน หรือ ผมอาจจะกว่าโง่กว่าหลายๆ ท่านจริงๆ ก็ได้ครับ 555555 ผมไม่ถือ
เพราะที่ผมถาม ผมถามด้วยตัวเลขครับ
จากครึ่งปี ที่ผ่านมี (ปี 2566)
ตลาดรถกระบะเพื่อการพาณิชย์รวมทุกยี่ห้อ มันลดลงเกือบ 25%
ตลาดรถกระบะทุกยี่ห้อ มันลดลงเกือบ 20%
รวมแม้กระทะทั้ง SUV พื้นฐานกระบะ หรือ PPV ที่หลายคนเรียกก็ด้วย
ตลาดรถยนต์นั่ง(รวมทั้งรถมัน และ รถ EV) มันเพิ่มขึ้น หรือ โตขึ้น เกือบ 10%
ในคำถาม หรือ สมมุติฐาน ของผม คือ
ถ้าไฟแนนซ์ ปล่อยกู้ยากขึ้น (ตามที่ สมช.หลายๆ ท่านกล่าว)
แสดงว่า ไฟแนนซ์ ปล่อยกู้ยากขึ้นในกลุ่มรถกระบะเพื่อการพาณิชย์กลุ่มเดียวใช่ไหม?
แล้วกลุ่มรถกระบะที่เป็นโดยสาร ป้ายดำ หรือ 4 ประตู ก็ปล่อยกู้ยากขึ้นใช่ไหม?
แล้วกลุ่ม SUV หรือ PPV (สำหรับบางท่านเรียก) ก็ปล่อยกู้ยากขึ้นใช่ไหม?
แต่รถกลุ่มอื่น เช่น เก๋ง ปล่อยกู้ง่ายขึ้นเหรอครับ ทำไมยอดเพิ่ม (อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ)
ส่วนเรื่อง เศรษฐกิจ มันซบเซา ผมก็เข้าใจ แต่ถ้ามันยอดขายลดลง เพราะ เศรษฐกิจ มันก็ต้องลดลงในทุก segment หรือป่าว ทำมันมี segment เพิ่ม และ อีก segment ลดละ อันนี้ผมอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ
ส่วนเรื่อง ใครรอยี่ห้อไหน ตัวใหม่ เปิดตัว ผมว่า คงไม่ขนาดนั้น เพราะมันลดลงทั้งตลาด ไม่ใช่รุ่นไหน หรือ ยี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่ง
สรุปคำถาม กลุ่มรถที่ผมเอ่ยมา พอตีเป็น "ราคา" ตัวรถมันคาบเกี่ยวกับ กลุ่มรถ EV ที่เกิดขึ้นมาในตลาดบ้านเราพอดี มันทำให้ผมคิดว่า หรือว่า กลุ่มตลาด หรือ ผู้บริโภค มีการย้ายกลุ่ม segment รถด้วยหรือไม่
-
กลุ่มรถเก๋งที่ว่ายอดเพิ่มนั้นมีแค่ Toyota กับ Honda แค่นั้นครับ และโตเพียงแค่เลขตัวเดียว ส่วนมาสด้า,นิสสัน,มิตซูลดไม่ต่ำกว่า 20% เลย แต่ยอดรถเก๋งที่สูงนั้นมาจากรถไฟฟ้า
-
ส่วนตัวผมมองว่า ยอดขายรถกระบะถดถอยลง เพราะ 2 ส่วน ขอยกตัวอย่างคนรู้จัก หรือที่ผมเห็นเคสมากับตานะครับ
1. BEV - พนักงานที่ต้องวิ่งงาน ลักษณะที่ไม่ต้องขนของบรรทุก เมื่อก่อนชอบออกกระบะมาวิ่งกัน เพราะน้ำมันถูก กินส่วนต่างค่าน้ำมัน ค่าเสื่อมราคา ที่บริษัทจ่ายให้ ผมเห็นมีหลายๆคนทยอยออกรถ BEV ออกมาวิ่งแทน เพราะได้กำไรจากส่วนต่างมากขึ้น (ทั้งนี้ถ้าอีกหน่อยบริษัทมีนโยบายจ่ายอีกอัตราสำหรับ BEV ก็คงกระทบลักษณะการซื้อแบบนี้)
2. ลูกค้าชะลอการใช้จ่าย - ใช้รถคันเดิมต่อ หรือ หากซื้อใหม่ก็ไปหามือสองสภาพดีแทน ผมเห็นคนรู้จักที่จับรถมือสองมาขายบ่นกันว่า ช่วงนี้ demand รถมือสอง ทั้งกระบะสภาพดี ทั้ง BEV เพิ่มสูงขึ้น พ่อค้าแทบจะต้องแย่งกันหารถมือสองไปขาย อันนี้อาจเป็นอีกส่วนที่ยอดรถใหม่ตก เพราะคนไปหามือสองสภาพดีกันมากขึ้น
-
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
ขออนุญาต วิจารณ์การตอบคำถามของท่าน สมาชิกก่อนนะครับ
อยากให้ตอบด้วยความจริง หรือให้ความเห็นในเชิงบวก แบบพี่สอนน้องหรือพ่อสอนลูกด้วยความรักและห่วงใย
โดยไม่แฝงการจิกกัด เหน็บแนม หรือทำให้เจ้าของกระทู้ดูโง่ (หรือจะเรียกว่าทำให้ตัวเองดูฉลาดกว่าก็แล้วแต่จะคิด)
ไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีใครอยากจะถาม และเราก็ไม่มีโอกาศได้ตอบ หรือให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
ขอละครับ ด้วยความเคารพ
ตอบคำถามครับ ตามที่ผมทราบจากข่าวรวมกับความคิดเห็นของผม
1. ถ้าเป็นคนที่เลือกซื้อรถกระบะ 4 ประตู โดยไม่ได้เน้นขนของ (แค่เผื่อว่าจะขนของ) หวังประหยัดเพราะดีเซลราคาถูกกว่า -> ผมว่ากลุ่มนี้หวั่นไหวกับ BEV กลุ่ม SUV แน่นอนครับ
(หรืออาจจะซื้อ Dolphin เป็นคันที่ 2 โดยเปลี่ยนใจจากกระบะ 4 ประตูก็ได้ครับ)
2. ถ้าเป็นกลุ่มที่อย่างไรก็ต้องกระบะเท่านั้น เช่นรถคอกขนส่ง วัยรุ่นสร้างตัว ผมว่ากลุ่มนี้รายได้ลดลงเพราะการจ้างที่เคยบูมลดลง รถโดนยึด สินเชื่อปล่อยยาก (อย่างที่หลายๆท่านแจ้งไว้ข้างต้น)
ผมเริ่มเห็นรถส่งของ Kerry / Flash กลายเป็นมอเตอร์ไซด์ส่งของชิ้นเล็ก ของขนาดกลางก็เริ่มเห็น Jazz / NV pickup มาส่ง สินค้าชิ้นไม่ใหญ่จริงจะไม่ค่อยเห็นรถกระบะดีเซลมาส่งละครับ
ผมว่าถ้ามีรถกระบะขนาดเล็กที่เป็น BEV ออกมาแนว Carry หรือ NV Pickup ออกมา ในราคา Dolphin Standard Range หรือถูกกว่า ผมคิดว่ากระทบยอดรถกระบะดีเซลบางส่วนแน่นอนครับ
ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรับฟังทุกความคิดเห็น ขอบคุณที่ท่าน Fong เป็นห่วงครับ
เพราะอาจจะมี สมช.บางท่าน มีข้อมูลเชิงลึกกว่าผม ก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน หรือ ผมอาจจะกว่าโง่กว่าหลายๆ ท่านจริงๆ ก็ได้ครับ 555555 ผมไม่ถือ
เพราะที่ผมถาม ผมถามด้วยตัวเลขครับ
จากครึ่งปี ที่ผ่านมี (ปี 2566)
ตลาดรถกระบะเพื่อการพาณิชย์รวมทุกยี่ห้อ มันลดลงเกือบ 25%
ตลาดรถกระบะทุกยี่ห้อ มันลดลงเกือบ 20%
รวมแม้กระทะทั้ง SUV พื้นฐานกระบะ หรือ PPV ที่หลายคนเรียกก็ด้วย
ตลาดรถยนต์นั่ง(รวมทั้งรถมัน และ รถ EV) มันเพิ่มขึ้น หรือ โตขึ้น เกือบ 10%
ในคำถาม หรือ สมมุติฐาน ของผม คือ
ถ้าไฟแนนซ์ ปล่อยกู้ยากขึ้น (ตามที่ สมช.หลายๆ ท่านกล่าว)
แสดงว่า ไฟแนนซ์ ปล่อยกู้ยากขึ้นในกลุ่มรถกระบะเพื่อการพาณิชย์กลุ่มเดียวใช่ไหม?
แล้วกลุ่มรถกระบะที่เป็นโดยสาร ป้ายดำ หรือ 4 ประตู ก็ปล่อยกู้ยากขึ้นใช่ไหม?
แล้วกลุ่ม SUV หรือ PPV (สำหรับบางท่านเรียก) ก็ปล่อยกู้ยากขึ้นใช่ไหม?
แต่รถกลุ่มอื่น เช่น เก๋ง ปล่อยกู้ง่ายขึ้นเหรอครับ ทำไมยอดเพิ่ม (อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ)
ส่วนเรื่อง เศรษฐกิจ มันซบเซา ผมก็เข้าใจ แต่ถ้ามันยอดขายลดลง เพราะ เศรษฐกิจ มันก็ต้องลดลงในทุก segment หรือป่าว ทำมันมี segment เพิ่ม และ อีก segment ลดละ อันนี้ผมอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ
ส่วนเรื่อง ใครรอยี่ห้อไหน ตัวใหม่ เปิดตัว ผมว่า คงไม่ขนาดนั้น เพราะมันลดลงทั้งตลาด ไม่ใช่รุ่นไหน หรือ ยี่ห้อใด ยี่ห้อหนึ่ง
สรุปคำถาม กลุ่มรถที่ผมเอ่ยมา พอตีเป็น "ราคา" ตัวรถมันคาบเกี่ยวกับ กลุ่มรถ EV ที่เกิดขึ้นมาในตลาดบ้านเราพอดี มันทำให้ผมคิดว่า หรือว่า กลุ่มตลาด หรือ ผู้บริโภค มีการย้ายกลุ่ม segment รถด้วยหรือไม่
เป็นชุดข้อมูลที่น่าคิดครับ และก็สงสัยเช่นกัน
ถ้าจะให้ตอบตามความเข้าใจของผม คนที่ออกรถในช่วงที่ผ่านมา ออกรถง่าย ดาวน้อย ผ่อนนาน ไฟแนนซ์ผ่านฉลุย
มาตอนนี้ก็จะเหลือเฉพาะคนที่มีกำลังซื้อเท่านั้นที่ยังคงกู้ผ่าน หรืออาจจะซื้อสดไปเลย
ซึ่งแน่นอนว่าต่อให้มีกำลังซื้อแต่ถ้าไม่ประหยัดน้ำมัน หรือเป็นรถ BEV คนกลุ่มนี้ก็อาจจะไม่สนใจครับ
[ ส่วนตัวผมก็พอจะซื้อได้ แต่อยากรอให้ผ่อนรถที่ใช้อยู่ให้หมดก่อน เพราะรายได้ลดลงและมีความไม่แน่นอน ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ]
ผมเชื่อว่าคนซื้อรถยุคนี้ มีความรู้ขึ้นเยอะมากครับ เอาราคามาล่ออย่างเดียวไม่ได้แล้ว
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลและข้อสงสัยที่เอามาแชร์ครับ :) :) :) :)
ปล. ผมถามคำถามแบบคนไม่รู้เรื่อง (หรือจะเรียกว่าโง่ก็คงไม่ผิด) ในนี้บ่อยครับ ได้ข้อมูลดีๆ เยอะ แต่ก็ได้คำด่าเหน็บแนม แซมมาด้วยเสมอ
อ่านในกระทู้ท่านอื่นก็จะต้องมีความเห็นที่ต้องด่าก่อนแล้วค่อยตอบ บางที่ไม่ตอบด้วยด่าอย่างเดียวจากนั้นก็กลายเป็นกระทู้ดราม่าไปซะงั้น
จนอดคิดไม่ได้ว่าท่านเหล่านี้ไปเก็บกดอะไรมา ที่บ้านมีปัญหาอะไร หรือว่าด่าใครเขาไม่ได้ก็เลยมาลงในนี้หรืออย่างไร
เฮ่อ ผมก็บ่นไปเรื่อยตามประสามนุษย์ลุง ขอบคุณที่รับฟัง (อ่าน) ครับ 8) 8) 8)
-
กลุ่มรถเก๋งที่ว่ายอดเพิ่มนั้นมีแค่ Toyota กับ Honda แค่นั้นครับ และโตเพียงแค่เลขตัวเดียว ส่วนมาสด้า,นิสสัน,มิตซูลดไม่ต่ำกว่า 20% เลย แต่ยอดรถเก๋งที่สูงนั้นมาจากรถไฟฟ้า
ผมไม่แน่ใจว่าในความคิดของผมเท่าไหร่
แต่ผมคิดว่า จำนวนรถที่วนเวียน หรือ ถูกซื้อขาย มันก็ไม่ได้ได้ลด หรือ ไม่ได้เพิ่ม อย่างมีนัยยะสำคัญ ใน ด้าน จำนวน
แต่ยอดขายที่ลดในกลุ่มหนึ่ง แล้ว มาเพิ่ม ในกลุ่มหนึ่ง ผมเลยอดคิดไม่ได้ว่า มันอาจจะเป็นการย้าย หรือ เปลี่ยน ประเภทรถ หรือ segment ของการซื้อรถ หรือป่าว
และ ด้วยที่มีรถไฟฟ้า เป็นทางเลือกใหม่(ปีนี้) มันตรงกับยอดที่ลดจากตลาดกระบะ มาเพิ่มในรถยนต์นั่ง กลุ่มราคาไกล้เคียงกันพอดีครับ
ส่วนตัวผมมองว่า ยอดขายรถกระบะถดถอยลง เพราะ 2 ส่วน ขอยกตัวอย่างคนรู้จัก หรือที่ผมเห็นเคสมากับตานะครับ
1. BEV - พนักงานที่ต้องวิ่งงาน ลักษณะที่ไม่ต้องขนของบรรทุก เมื่อก่อนชอบออกกระบะมาวิ่งกัน เพราะน้ำมันถูก กินส่วนต่างค่าน้ำมัน ค่าเสื่อมราคา ที่บริษัทจ่ายให้ ผมเห็นมีหลายๆคนทยอยออกรถ BEV ออกมาวิ่งแทน เพราะได้กำไรจากส่วนต่างมากขึ้น (ทั้งนี้ถ้าอีกหน่อยบริษัทมีนโยบายจ่ายอีกอัตราสำหรับ BEV ก็คงกระทบลักษณะการซื้อแบบนี้)
2. ลูกค้าชะลอการใช้จ่าย - ใช้รถคันเดิมต่อ หรือ หากซื้อใหม่ก็ไปหามือสองสภาพดีแทน ผมเห็นคนรู้จักที่จับรถมือสองมาขายบ่นกันว่า ช่วงนี้ demand รถมือสอง ทั้งกระบะสภาพดี ทั้ง BEV เพิ่มสูงขึ้น พ่อค้าแทบจะต้องแย่งกันหารถมือสองไปขาย อันนี้อาจเป็นอีกส่วนที่ยอดรถใหม่ตก เพราะคนไปหามือสองสภาพดีกันมากขึ้น
ตามข้อ 1. ผมรู้สึกว่า มันเริ่มเป็นแนวนั้นเช่นกันครับ
ข้อ 2. อาจจะต้องดูตัวเลขของปีก่อนหน้า ร่วมด้วย อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ครับ
-
ไฟแนนซ์ผ่านยากก็มีส่วนนะครับ แล้วยุคนี้ คนอาจจะชลอการออกรถใหม่ด้วย รถเดิมใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน