Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mamaman ที่ ธันวาคม 02, 2023, 08:47:42
-
ตามหัวข้อเลยครับ
ไทยตื่นตูมไปเองว่า รถน้ำมันจะหมดไป แต่ ยุโรษ อเมริกา ก็ยังใช้รถน้ำมันปกติ
รถน้ำมัน ยังไงก็ไม่หมดไปจากประเทศไทยครับ แต่ จะค่อย ลดจำนวนลงจุดคงที่ อาจมากถึง 50 % ในตลาด
เพียงแค่ รถน้ำมัน จะ ถูกรถไฟฟ้า แย่งส่วนแย่งการตลาด ในบางกลุ่มเท่านั้น
ขนาดที่ยุโรษ ทีเราอ้างว่า จะยกเลิกรถน้ำมัน ก็ยังไม่ค่อยเห็น BEV สักเท่าไหร่ อัตราส่วน BEV และ PHEV พอๆ กัน
ก้แสดงให้เห็นว่า คนยังต้องพึ่งน้ำมันในการเดินทางไกลๆ และ อัตรส่วน BEV ล้วนไม่ มีน้ำมัน อยู่ที่ ไม่ถึง 20% ของรถทั้งหมด
ส่วนตัวผมมองว่า รถน้ำมันก็ยังอยู่คู่ประเทศไทยไป อีก เกิน 10 ปี หรือ อาจตลอดไป
อย่าลืม ว่าบ้านเรา เป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำ มัน แม้จะพยายามอ้างว่า ซื้อมากลั่นขายก็เถอะ
ปตท ก็ไม่มีศักยภาพในการ ผลิตรถ EV เอง ทำได้ แค่ แปะแบรนจีน แล้ว จ้าง จีน นำชิ้นส่วนมาประกอบในไทย
ใครที่อวยจีน เยอะๆ ก็ระวังเศรษฐกิจแบบ ทุนนิยมแค่จีน ละกัน
แต่ก่อน ฝรั่ง ญี่ปุ่น ใช้กฏเดียวกันในการทำตลาด เสรีการค้า ทุกชาติเท่าเทียม แต่ก็มีคนหาว่า อวยแต่ยุ่น
จีนมา แหกกฏ รัฐเลือกปฏิบัติ เกิดความไม่ยุติธรรม ในการ ลงทุน ก็ดูกันต่อไป
เพียงแค่ ปริมาณ จะมีกลุ่ม รถ BEV ที่เพิ่มมากขึ้น เรื่อย จนมีอัตรส่วนพอๆกัน แค่นั้นเอง
-
อย่างที่มีคนเคยว่ากันไป
มันไม่ใช่ innovation ใหม่ที่มาแทนที่แบบเก่าแบบสมบูรณ์
มันเป็นแค่ Alternative innovation
แต่โลกเรา คนเห่อของใหม่เป็นธรรมดา soft power แหละ
อีกอย่าง รถน้ำมันเก่าๆกั๊ก option กันมาก
EV ราคาไม่แพง ใส่ option จัดเต็ม มันก็น่าสนใจเป็นพิเศษ
-
จะว่าไปถ้าโลกนี้ไม่มีประเทศพี่จีนก็คงขาดสีสันไปเยอะเหมือนกันนะครับ 555 ตั้งแต่พวกของก็อปเกรด A ยุคแรกๆ มาโควิด มา EV
ผมมองว่าช่วง 1-5 ปีนี้คือช่วงกอบโกยของค่ายรถจีน เพราะโอกาสมาถึงแล้ว ไม่ต้องมี R&D แค่ใส่แบตลูกใหญ่ๆ ทำหน้าตาสวยๆหน้า แปะจอกลางใหญ่ๆ ตั้งชื่ออย่างกะถาม ChatGPT ก็คือขายได้แล้ว
จึงไม่แปลกที่รัฐบาลผลักดันสุดๆ เพราะท้ายที่สุดคงอยากให้มีแบรนด์รถยนต์ที่เป็นที่ยอมรับเป็นของตัวเองสักที จากที่ไม่เคยเจาะตลาดได้เลย
และในเมื่อ High Value Product อย่างรถกลายเป็นอะไรที่สามารถอัพเกรดออกใหม่ได้ทุกๆปี จะเกิดอะไรขึ้นกับราคาขายต่อ?
ถึงตอนนั้นสุดท้ายคนที่เจ็บสุดคือผู้บริโภค (ที่เลือกผิดแบรนด์) อยู่ดี
-
https://www.facebook.com/photo/?fbid=10161100374351069&set=pcb.10161100375386069&locale=th_TH
-
source มาจากไหนอะครับ ยุโรปเริ่มทะยอยเปลี่ยนกันแล้วครับ แต่ใช่ที่รถน้ำมันยังเยอะอยู่ ยิ่งถ้าอยู่ ต่างจังหวัดที่เจริญน้อยๆ ก็ยังมีแต่รถดีเซลเกียร์กระปุกครับ
ส่วน อเมริกา ถ้าเทียบกับประชากรก็น้อยแหละ รัฐ/เมือง เล็กๆ เค้ายังไม่มีปั้มชาร์จไฟเลย ทำให้มันดูน้อยเข้าไปอีก รวมถึงระยะทางต่อ trip เค้าเยอะเวลาข้ามเมืองที เป็นวันทำให้ไม่สะดวกแวะชาร์จ
แต่ trend YoY+ เยอะ ยุโรปไปไวแน่ๆครับ ถ้าไม่นับประเทศที่พัฒนาช้า ขนาด conservative จัดแบบอังกฤษเค้ายังทะยอยเปลี่ยนกันเลย
รถน้ำมันยังอยู่อีกนานจริง แต่คนกลุ่มเมืองก็จะเริ่มมีไฟฟ้ามา disrupt มากขึ้นเยอะครับ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านไม่ได้จะเสร็จใน 1-2ปี อีก 10ปีก็ยังมีอยู่ ยิ่งระบบ logistic ต้องเน้นเร็วและระยะทาง ยังไงก็มีครับ ไม่เกี่ยวกับอวยจีนใดๆ ต้องแยกออกมาเป็นเรื่อง tech + สัญชาติ
ณ วันนี้ระยะทางและราคายังเป็นข้อจำกัด ด้วยต้นทุนกับ ecosystem ที่ยังไม่พร้อมเต็มที่ ส่วนแบ่งตลาดเลยมีแต่คนเมืองที่ใช้รถน้อยครับมันเลยยิ่งทำให้ดูน้อยเข้าไปใหญ่ ส่วนคนเมืองก็จะมองมาเยอะ เพราะมันมากระจุกกันอยู่แต่ extra urban
การลงทุนเค้าก็ได้ FTA ที่นานาประเทศเค้าเซ็นกันแค่ jp/kr เค้าไม่ได้มาอยู่ร่วม แต่ประเทศที่พร้อมในการส่งออกมันคือจีน ก็แซะไปเรื่อย
ไม่ได้บอกว่าจะจีนจะดีที่สุด แต่ในเมื่อ jp เค้าไม่พร้อมมาลงแข่งสนามนี้ มันก็ไปตามเทรนด์โลกมั้ยนะ จะมาบอกว่าอย่าซื้อรอยุ่นมาแข่งก่อน ใครเค้าจะรอ ถ้าทำธุรกิจแล้วคู่แข่งไม่มีของขายเราจะเก็บไว้รอขายพร้อมกันเพื่อให้คนมองว่าแฟร์หรอ งงแท่ะ
คิดเป็นไดโนเสาร์แบบนี้ไม่ได้นะครับ เหมือนบ่นตอน iphone ออกแรกๆ ก็มีมนุษย์ลุงบอกว่า ลายนิ้วมือเราจะหายไป ใช้หัวเราเป็นเสาอากาศ มันไม่ยั่งยื่น จอแพงแตกง่าย ใช้แบบปุ่มคือดีสุดใน 3 โลก ปีแรกๆ เค้าก็ได้ส่วนแบ่งตลาดไม่เยอะครับ ส่วนอนาคตคงต้องให้คุณภาพมันตัดสินว่าไปรอดมั้ย
นอกจากมั่นใจแต่ในวิทยาการยุคเก่า จะใช้โทรศัพท์แบบไม่ใช่ smart phone เลี้ยงม้าขี่แบบ eco รักธรรมชาติอายุขัยตัวเองก็อีกเรื่องนึงครับ เพราะในอดีตรุ่นอากงผมเองก็ปฏิเสธที่จะใช้มือถือในการติดต่อ + รถเกียร์ auto เค้าก็แช่อยุ่กับโทรศัพท์บ้าน + รถ manual จนหมดอายุขัย ในวันที่คนส่วนใหญ่ใช้ smart phone แล้วครับ
-
เรื่องน้ำมันหมดโลก .. ประเด็นนี้เคยพูดกันมาก สมัยน้ำมันแพงที่ไปติดแก็สกันทั่วเมืองอะ
และ อ.วีระ เองพูดในรายการวิทยุของแกว่า "ชั่วชีวิตนี้ของเรา ไม่มีทางที่น้ำมันจะหมดโลก" พูดง่ายๆ น้ำมันจะยังมีอยู่จนเราตายนั่นแหละครับ ดังนั้น ประเด็นนี้้ กับใครที่บอกว่าน้ำมันจะหมดโลก จึงเป็นเรื่องตลกมานานแล้ว
ส่วนยุโรปนั่น ที่บอกลดการใช้น้ำมัน ก็อ้างเรื่องสิ่งแวดล้อมกัน ซึ่งก็คือนโยบายเค้าซึ่ง ก็เห็นมีการขยายกันทุกปี ไม่รู้จะไปสุดตรงไหนเลย 555
ส่วนประเทศรวยๆอย่างโมนาโก ... supercar เต็มเมืองเลยนะ ทำไมไม่ใช้ EV กัน
-
ประเทศไทยจะลากยาวกว่าประเทศอื่นๆจริงแหละครับด้วยแนวคิดที่อิงตัวเองสะดวกมากกว่าคุณภาพชีวิตแบบไืทยๆ วันนึงสัดส่วนรถทั้งโลกจะเป็นรถไฟฟ้าเกินครึ่ง การพัฒนายานยรต์จะไปลงกับรถไฟฟ้าเป็นหลัก รถน้ำมันจะเป็นเพียงเทคโนโลยีเก่าลากขายแต่ไม่มีการพัฒนาอีกแล้ว ครั้งหนึ่งคตไทยเึยชื่อขอบทีาโตโยต้าลากขายเครื่องยนต์วีออสเป็นสิบๆปีแล้วบอกถูกใจชอบอะไรของโตโยต้าก็ได้ อะไหล่เก่าเยอะๆ ไม่ต้องการเทคโนโลยีล้ำ จะได้ซื้อเทคโนโลยีเก่าของโตโยต้าลากขายจนวันที่โตโยต้าเลิกขายรถน้ำมันสมใจอยาก
โตโยต้าประกาศไม่ตามเทคโนโลยีรถไฟฟ้ายังงั้นยังงี้แต่สุดท้ายก็เอาเล็กซัสไฟฟ้ากับbzx4มาขายตามตลาดโลกกับเค้า ปากบอกจะเน้นไฮโดรเจนแต่ก็ยังหนีไม่พ้นต้องตามกระแสรถไฟฟ้า แทบทุกรุ่นที้ขายเป็นไฮบริดจะหมดละ
..อยากขายอย่างจีนอย่างยุโรปเค้าแต่ตามไม่ทันเอง ;D
-
ผมคิดว่าในประเทศที่รายได้ไม่สูงมากคนใช้รถกันยาวๆ รถเครื่องสันดาปน่าจะอยู่กันอีกนานครับเพราะรถ ev แบบรถตลาดน่าจะเหมาะกับการใช้ไปถึงจุดนึงแล้วนำไปบด recycle มากกว่า อย่างประเทศรายได้สูงส่วนมากคนใช้รถถึงจุดนึงพอไม่คุ้มค่าซ่อมหรือต้องเสียภาษีรถเก่ามากๆแล้วก็ขายเป็นเศษเหล็กกัน มีเพื่อนคนจีนบอกว่าใช้รถที่นั่นได้เต็มที่ก็ 12 ปีครับ หลังจากนั้นขายเป็นทิ้งเลยเพราะภาษีรถเก่าสูงมาก
-
ใช่เลยครับ
เห็นการเปิดตัว Camry ในอเมริกา กระแสมีแต่คนอยากได้เครื่องเบนซิลปกติ
-
ผมเองก็เลือก kick มาลองใช้ 3 ปี ตามมาด้วย tesla per ปีหน้ารอตัดสินใจ avatr 11 อีกคัน
ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำมันหมดโลกเลย แต่ใช้แล้วรู้สึกดี เลยอยากใช้ แค่นั้นแหละ
ท่านอื่นก็คงเป็นเหมือนกัน "ขอสัมผัสไฟฟ้าสักคัน" ประมาณนั้นมั้งครับ
-
ให้น้ำมันเบนซิน 95 กับ ดีเซล ลิตรละไม่เกิน 10.00 บาท
คิดว่าไงบ้างครับ ;D
-
มันตื่นตูมกันตาม IO จีนปั่นกระแสมากกว่านะ ;D
กระทู้มีแต่ม้า เซลล์ แล้วก็ IO มาผลัดกันปั่น
ไฟฟ้าอย่างนู้น ประหยัดอย่างงี้
-
ให้น้ำมันเบนซิน 95 กับ ดีเซล ลิตรละไม่เกิน 10.00 บาท
คิดว่าไงบ้างครับ ;D
รู้จัก OPEC ไหม ราคาลงเมื่อไหร่มันก็ลดกำลังผลิตเพื่อดันราคาไว้ตลอด
-
ไม่เข้าใจว่าหลายคนจะต่อต้านรถไฟฟ้าทำไมกันนัก
โลกกำลังจะเปลี่ยนผ่านไปใช้ EV แล้วเดือดร้อนอะไรกันเหรอ
คุณชอบรถสันดาป คิดว่ามันมีอนาคตอีกไกลก็ใช้ไปสิ
;D ;D ;D ;D
-
ผมว่าเทคฯของแบต EV ในขณะนี้จะถูก disrupt ด้วยตัวของมันเองก่อนรถสันดาปซะอีกครับ
เหมือน iphone 1 จอสัมผัสเหมือน iphone 10 มั้ย ก็ใช่ แต่คุณยังสามารถใช้ iphone 1 ได้อย่างไม่มีปัญหาในตอนที่ iphone 10 วางขายแล้วมั้ย?
ในขณะที่รถสันดาปเมื่อ 20 ปีที่แล้วปัจจุบันยังวิ่งกันชิลๆ
-
(https://i.imgur.com/nwyhVp0.jpg)
-
ในอนาคตระยะวิ่งและเวลาชาร์จอาจไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าชนหรือใช้จนแบตเสื่อมก็ต้องเปลี่ยนทั้งก้อนอยู่ดีซึ่งมันทั้งแพงและเปลืองแร่ธาตุบางตัวซึ่งไม่ใช่จะหาเมื่อไหร่ก็หาได้
-
ยังไงน้ำมันจะอยู่กับโลกใบนี้ต่อไป จนชั่วชีวิตคน
ยังไงรถสันดาปก็ต้องไปต่อ จะเป็น Mild Hybrid, Full Hybrid หรือ Plug-in Hybrid อะไรก็ตามแต่
เพียงแต่ว่าช่วงนี้มันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านแค่นั้นเอง
-
ผมคนนึงแหละ ที่ไม่ต่อต้านรถไฟฟ้า
แต่ผมคิดอย่างมีเหตุและมีผล ผมจึงยังไม่ใช้รถยนต์จากเมืองจีน...
เมื่อไหร่ที่เขาพร้อมขายแบบครบวงจร ผมก็พร้อมซื้อครับ แต่จีนไม่เคยทำอะไรให้พร้อมเลยให้ตายเหอะ
กะจะขายอย่างเดียวจริงๆ ขายออกไปคันนึงคือแทบจะจบๆกันไป
เอาให้เห็นภาพง่ายๆเลย ผมตีกลมๆให้ มอไซค์ฮอนด้าเวฟ ออก 10 คัน ปั๊ม ชุดหน้าแฟริ่ง 1 คัน
แต่จีน ออก 100 คัน ปั๊มชุดแฟริ่งมา 1 คัน
แปลว่าอะไร ถ้าขับฮอนด้าเวฟไปล้มแล้วชุดแฟริ่งแตก คุณจะไม่ต้องขับรถเฟรมเปล่าๆแน่นอน
แต่รถจีน ได้ขี่รถเฟรมเปล่าๆไปช่วงนึงแน่นอน หรือถ้าซวยๆ ไปเจอเขาเปลี่ยนโมเดล คือทิ้งครับ
มันเคยเกิดขึ้นในตลาดบ้านเราเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว
ทุกวันนี้รถจีนที่เปิดตัวไปซักพัก ยังเจออาการแบบนี้เลย
แม้แต่ที่ผลิตในประเทศเราเองแท้ๆ ยังเจอ
ผมเชื่อครับ คนที่ใช้รถตลาด คงรู้เหตุผลนี้ดี
และก็เชื่ออีกครับ คนที่เจอปัญหาจากรถไฟฟ้าจีน ถ้าเขายังมีตังค์เหลือ เขาคงออกรถตลาด เติมน้ำมันต่อครับ
คนมีตังค์ รถไฟฟ้าจีนคือของเล่น
แต่คนรายได้ไม่มาก คงมาเล่นด้วยไม่ไหว
-
ไม่เข้าใจว่าหลายคนจะต่อต้านรถไฟฟ้าทำไมกันนัก
โลกกำลังจะเปลี่ยนผ่านไปใช้ EV แล้วเดือดร้อนอะไรกันเหรอ
คุณชอบรถสันดาป คิดว่ามันมีอนาคตอีกไกลก็ใช้ไปสิ
;D ;D ;D ;D
โลกมันค่อยๆเปลี่ยนอยู่แล้วครับ แต่ IO ปั่นกระแสกันเกินเหตุว่าจะเปลี่ยนไวมากใน 5 ปีนี้ ซึ่งมันขัดกับความจริงครับทำให้คนตื่นตระหนกกัน
-
ยังครับยังตระหนกตกใจตื่นตูมไม่พอ รถ i c e ที่ผมหมายตาราคายังลงน้อยมาก จงลงจงลง ;D
-
งั้นปัญหาอยู่ที่คุณภาพคนแล้วครับที่ตื่นตูมเกินเหตุ+เห็นแก่ตัว กลัวตัวเองจะลำบากเลยต้องรีบตั้งตัวรังเกียจรถไฟฟ้ากัน กลัวหาอะไหล่ไม่ได้กลัวไม่มีน้ำมันเติม ไร้ซึ่งวิจารณญานในการใช้สมองคิดเองว่าอีกนานมากกว่ารถน้ำมันจะหายไป ผมไม่เห็นว่ารถไฟฟ้าจะปั่นจะioตรงไหน เค้าก็มีกลุ่มในเฟซบุ้คของเค้าพูดคุยแลกเปลี่ยนการใช้งานในหมู่คนใช้รถไฟฟ้า แต่คนใช้รถน้ำมันเองนั่นแหละไปล้ำเส้น เข้าไปแสดงความเห็นเยาะเย้ย กดหัวเราะ ดูถูกถากถางคนใช้รถไฟฟ้า แชร์ล้อเลียนรถไฟฟ้ากันเป็นเรื่องสนุก ในขณะที่คนใช้รถไฟฟ้าเองผมไม่เห็นเห็นสักคนที่จะไปอยู่ในกลุ่มคนใช้รถน้ำมันแล้วทำพฤติกรรมแบบเดียวกับพวกต่อต้านรถไฟฟ้าทำ เก่งกันมากบนเพจเทสล่า mg byd แต่ไม่ยักกล้าแหยมกับรถไฟฟ้ายุโรปอย่างเบนซ์ bmw ปอช ::)
-
ค่อนข้างมั่นใจว่ารถน้ำมันไม่หมดไปและไม่น่าจะแทนด้วยรถไฟฟ้าได้ครับ
แต่การเข้ามาของรถไฟฟ้าที่ได้สิทธิทางภาษีมันเป็นตัวเร่งหลักเลย
ภาษีของไทยทำให้รถที่แรงๆราคาสูงครับ ขนาด tesla สมัย ที่เกรย์เปิดราคา 3 ล้าน ยังทำให้ตื่นตัวได้มาก เพราะมันทำอัตราเร่ง 0-100 ในระดับ super car ได้
แล้วพอ official มาขายเองทุบราคาเกรย์ก็ตลาดแตกเลย เลยทำให้คนมองว่า EV มันคุ้มค่าครับ และมาเจอเรื่องของน้ำมันแพงอีก
คิดว่าตื่นตูมดูแรงไป ใช้คำว่าตื่นตัวน่าจะดูเหมาะสมกว่าครับ สำหรับคนที่มีที่จอดมีที่ชาร์จ และใช้รถเยอะๆ ใช้ bev มันประหยัคค่าใช้จ่ายได้จริงๆ
ถ้ากำลังจะเปลี่ยนรถ ค่อนข้างคุ้มครับ
ในต่างประเทศอาจต้องดูรายประเทศครับ ว่าทางรัฐอยากให้ไปทางไหนก็หาทางส่งเสริมไปทางนั้น อย่าง Norway/HongKong น่าจะชัดเจนว่าอยากไปทาง EV
US เอง ที่ไม่ได้มีกำแพงภาษี ที่ประเทศใหญ่ และคนชอบรถคันโตๆเครื่องใหญ่ๆ tesla จะไม่ได้ก็ไม่แปลกครับ แต่กลุ่มคนที่อยู่ใกล้เมืองใหญ่ ก็ใช่กันเยอะอยู่ครับ
น้ำมันคิดว่ามันไม่หมดครับ แต่ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มันเยอะ พอมันถูกเขาก็ลดการผลิตเพื่อให้ราคาขึ้น... ในขณะที่ค่าไฟจะติด solar หรือรัฐจะออกมาตราการอะไรมาช่วยเหลือยังพอได้บ้าง
ยอมรับว่าสนใจรถไฟฟ้าล้วนครับ เพราะต้องใช้รถมากขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น แถมรถก็เริ่มเก่าละ อีกไม่นานคงต้องเปลี่ยน
HEV ก็ประหยัดเพิ่มได้ไม่เยอะ PHEV ที่คิดว่าตอบโจทย์ก็ต้องไปยุโรป
เคสผม ปัญหาคือ BEV แบรนที่คิดว่าพอจะโอเคตอนนี้มีแต่ Volvo ซึ่งจากเดิมที่ใช้รถญีปุ่น ต้องเจออะไหล่ยุโรปราคาศูนย์ ก็กังวลอยู่
ส่วนกลุ่มแบรนใหม่ Tesla ก็ศูนย์น้อยไม่รถว่าถ้ามีปัญหาจะเป็นยังไง BYD ก็ดูทุกอย่างต้องพึ่งจากจีนหมด เลยตัดสินใจไมไ่ด้สักที.. แบรนเล็กแบรนน้อยยิบย่อยก็ไม่รู้ว่าจะอยู๋ได้ยาวแค่ไหนอีก...
คือ อยู่ในจุดที่ว่าถ้า toyota honda ทำ bev ออกมา เทียบเท่ากับฝั่งจีนได้ ในราคาแพงกว่า ก็ยังมีเหตุผลให้สนใจครับ
-
ถ้แบตลูกโตๆ ไม่แพงแบบที่เห็นๆกัน มันก็น่าสนแหละ
แต่ราคาแบบนี้คงเปิดใจใด้แค่ hybrid ซึ่งขนาดว่ามันใช้แค่ลูกเล็กๆ
เปลี่ยนทียังปาเข้าไปเกือบแสนกันเลทีเดียว
เรื่องจุดคุ้มทุน ใครใช้ประโยชน์จาก EV ใด้ เงินเหลือเข้ากระเป๋า
ทั้งในระยะสั้น และยาว นั่นคือฉลาดที่สุด
-
งั้นปัญหาอยู่ที่คุณภาพคนแล้วครับที่ตื่นตูมเกินเหตุ+เห็นแก่ตัว กลัวตัวเองจะลำบากเลยต้องรีบตั้งตัวรังเกียจรถไฟฟ้ากัน กลัวหาอะไหล่ไม่ได้กลัวไม่มีน้ำมันเติม ไร้ซึ่งวิจารณญานในการใช้สมองคิดเองว่าอีกนานมากกว่ารถน้ำมันจะหายไป ผมไม่เห็นว่ารถไฟฟ้าจะปั่นจะioตรงไหน เค้าก็มีกลุ่มในเฟซบุ้คของเค้าพูดคุยแลกเปลี่ยนการใช้งานในหมู่คนใช้รถไฟฟ้า แต่คนใช้รถน้ำมันเองนั่นแหละไปล้ำเส้น เข้าไปแสดงความเห็นเยาะเย้ย กดหัวเราะ ดูถูกถากถางคนใช้รถไฟฟ้า แชร์ล้อเลียนรถไฟฟ้ากันเป็นเรื่องสนุก ในขณะที่คนใช้รถไฟฟ้าเองผมไม่เห็นเห็นสักคนที่จะไปอยู่ในกลุ่มคนใช้รถน้ำมันแล้วทำพฤติกรรมแบบเดียวกับพวกต่อต้านรถไฟฟ้าทำ เก่งกันมากบนเพจเทสล่า mg byd แต่ไม่ยักกล้าแหยมกับรถไฟฟ้ายุโรปอย่างเบนซ์ bmw ปอช ::)
ใช่ครับปัญหาอยู่ที่ คนจริงๆ
อย่างกระทู้ ผมไม่มีประโยคไหน ต่อต้านรถไฟฟ้า
แต่จะมี ติ่งรถไฟฟ้า ที่ แตะต้องไม่ได้ มาหาเรื่อง
วลีเด็ด ของ พวก ลัทธิคลั่ง รถไฟฟ้า คือ
1 รถเลือกคน
2 รถน้ำมันจะหมดโลก
แต่มันสวนทางกันไหม คนนั้นละเลือกรถ มากกว่า
-
ประเทศไทยจะลากยาวกว่าประเทศอื่นๆจริงแหละครับด้วยแนวคิดที่อิงตัวเองสะดวกมากกว่าคุณภาพชีวิตแบบไืทยๆ วันนึงสัดส่วนรถทั้งโลกจะเป็นรถไฟฟ้าเกินครึ่ง การพัฒนายานยรต์จะไปลงกับรถไฟฟ้าเป็นหลัก รถน้ำมันจะเป็นเพียงเทคโนโลยีเก่าลากขายแต่ไม่มีการพัฒนาอีกแล้ว ครั้งหนึ่งคตไทยเึยชื่อขอบทีาโตโยต้าลากขายเครื่องยนต์วีออสเป็นสิบๆปีแล้วบอกถูกใจชอบอะไรของโตโยต้าก็ได้ อะไหล่เก่าเยอะๆ ไม่ต้องการเทคโนโลยีล้ำ จะได้ซื้อเทคโนโลยีเก่าของโตโยต้าลากขายจนวันที่โตโยต้าเลิกขายรถน้ำมันสมใจอยาก
โตโยต้าประกาศไม่ตามเทคโนโลยีรถไฟฟ้ายังงั้นยังงี้แต่สุดท้ายก็เอาเล็กซัสไฟฟ้ากับbzx4มาขายตามตลาดโลกกับเค้า ปากบอกจะเน้นไฮโดรเจนแต่ก็ยังหนีไม่พ้นต้องตามกระแสรถไฟฟ้า แทบทุกรุ่นที้ขายเป็นไฮบริดจะหมดละ
..อยากขายอย่างจีนอย่างยุโรปเค้าแต่ตามไม่ทันเอง ;D
นี่ละครับตัวอย่าง การบิดเบือน และเหยียด ประเทศชาติ
"โตโยต้าประกาศไม่ตามเทคโนโลยีรถไฟฟ้า" ไป เอาข่าวโจมตีโตโยต้ามาอีกละ
ทั้งที่ Toyota ร่วมมือกับจีน ผลิต BEV ขายในจีนตั้งนานละ
เอา ประโยคที ประธาน Toyota พูดมาวางสิว่าเค้าพูดว่าอะไร เค้าไม่ได้ บอก ไม่ตามเทคโนโลยีรถไฟฟ้า นะ
-
ผมเองก็เลือก kick มาลองใช้ 3 ปี ตามมาด้วย tesla per ปีหน้ารอตัดสินใจ avatr 11 อีกคัน
ไม่ได้เกี่ยวกับน้ำมันหมดโลกเลย แต่ใช้แล้วรู้สึกดี เลยอยากใช้ แค่นั้นแหละ
ท่านอื่นก็คงเป็นเหมือนกัน "ขอสัมผัสไฟฟ้าสักคัน" ประมาณนั้นมั้งครับ
kick ไม่ถือเป็น รถใช้พลังจาก ไฟฟ้าครับ ยังเติมน้ำมัน แบกเครื่องสันดาปอยู่ เป็น HEV
คันต่อไปผม ก็ HEV เช่นกันครับ ถ้ามีกำลังซื้อ ถึงจะมี BEV ไว้หล่อๆ ในเมือง อีกคัน ปล ผมก็ไม่ได้ต่อต้านรถไฟฟ้านะ
-
ผมมองว่ารถ RE-EV น่าจะเหมาะสมกับการใช้งานมากกว่ารถ BEV ครับ โดยเฉพาะถ้าตัดแต้มต่อในเรื่องภาษี , เงินชดเชยจากรัฐออกไป แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครเอามาขาย คงเพราะนโยบายรัฐแหละที่ต้องการผลักดัน BEV
ลองอ่านข่าวนี้ดูสิครับ อนาคตบ้านเราก็จะเป็นแบบนั้น
https://www.headlightmag.com/2023-11-30-world-news-used-evs-are-taking-longer-times-to-be-sold/ (https://www.headlightmag.com/2023-11-30-world-news-used-evs-are-taking-longer-times-to-be-sold/)
ปล. ผมไม่ได้ต่อต้านรถ BEV ครับ ทุกวันนี้ยังใช้ PHEV เลย ยังอยากให้รถตัวเองวิ่งไฟฟ้าได้มากกว่านี้อีกหน่อย หรือถ้ารถที่ขับอยู่มันเป็น RE-EV ได้ล่ะสวยเลย
และผมก็ไม่ได้ต้องการรถที่อัตตราเร่ง 0-100 3วิ 4วิ อะไรแบบที่แบรนด์รถไฟฟ้าชอบเอามาขิงกันด้วยครับ
-
เอาจริงคนรอบตัวผมก็ไม่เห็นมีใครกลัวน้ำมันหมดโลกนะครับ
แต่ที่บางคนสนใจevเพราะมันคือความแปลกใหม่ในการขับ อัตราเร่งต่อราคาที่ถูกกว่าสันดาปมาก
หรืออีกกลุ่มคือพวกที่คิดเรื่องประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าเติมไฟฟ้าถูกกว่าเติมน้ำมันแค่นั้นเลย
ไม่มีใครซื้อevเพราะกลัวน้ำมันหมดโลกหรอกครับ 🤣
-
(https://i.imgur.com/nwyhVp0.jpg)
เห็นแบบนี้ผมไม่แปลกใจที่ Toyota ยังเลือกที่จะขายรถสันดาบต่อ
คือจะเปลี่ยนไปผลิตรถไฟฟ้าให้ยอดขายน้อยลงทำไม ในเมื่อรถสันดาบกับไฮบริดยังขายดีกว่าและทำกำไรได้
ขนาดค่ายที่เน้นขายรถไฟฟ้าเป็นหลักยังไม่ติด 10 อันดับแรกเลย
มีแค่แถวสแกนดิเนเวียที่ยอดขายรถไฟฟ้าเยอะกว่ารถสันดาบ
คือยังไงวันนึงรถไฟฟ้ามันก็ต้องมาแทนที่รถสันดาบแหละ
แต่เพียงแค่มันยังไม่ใช่วันนี้
-
อะไรคือตื่นตูม เห็นหลายคนมองว่ารถไฟฟ้าคือทางเลือกมากกว่า หลายคนบ้านใกล้ที่เรียนที่ทำงาน ขับในเมือง ชอบรถไฟฟ้าก็ซื้อ
คนที่ตื่นตูมคือคนที่ดูยูทิวบ์ เรียกยอดวิวด้วยคอนเท้นต์ทั้งหลายแหล่ แต่ไม่ได้คิดจะซื้อรถ
-
อะไรคือตื่นตูม เห็นหลายคนมองว่ารถไฟฟ้าคือทางเลือกมากกว่า หลายคนบ้านใกล้ที่เรียนที่ทำงาน ขับในเมือง ชอบรถไฟฟ้าก็ซื้อ
คนที่ตื่นตูมคือคนที่ดูยูทิวบ์ เรียกยอดวิวด้วยคอนเท้นต์ทั้งหลายแหล่ แต่ไม่ได้คิดจะซื้อรถ
+1
คนที่ทำ content ใน social นี่ตัวดีเลยครับ ชอบตั้งชื่อคลิปให้ดูน่าตกใจ ไม่รู้จะปั่นเอายอดวิวไปถึงไหน
มีข้อมูลแค่ด้านเดียว แถมข้อมูลก็ผิดๆ ถูกๆ อย่างล่าสุดเอายอดจองรถไฟฟ้าใน motorshow มาทำข่าว
บอกว่ารถน้ำมันถึงคราวอวสาน เพราะยอดจองรถไฟฟ้าในงานแค่ 3 วัน บ้าหรือเปล่า
-
ใครหลอกใคร ใครรู้จริง เรื่องอุตสาหกรรมใหญ่ขนาดนี้ ดูกันยาวๆ
เลือกที่เหมาะสมกับเราจริงๆ ก้อพอ
-
ยูทูปเบอร์ท่านนึงบอกว่า ค่ายใบพัดแห่งเยอรมัน จะไม่มีรถสันดาปผลิตแล้วนับจากนี้.....
ครับ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
-
น้ำมันคงไม่มีวันหมดโลก
แต่แร่ผลิตแบต เหมือนมีวี่แววจะหมด
เราควรเชื่อแบบไหนดี
ผมสนับสนุนแนวคิด แบต 1 EV = 10 HV
มันส่งเสริมโลกมากกว่าเยอะเลย
หรือมีองค์กรไหน ทำชุดคิท Mild Hybrid (คล้ายๆกับ Ertiga เพิ่มมอเตอร์+Inveter พ่วงสายพาน กับ ECU และเพิ่มชุดแบต)
มันก็น่าลองนะครับ
-
ยูทูปเบอร์ท่านนึงบอกว่า ค่ายใบพัดแห่งเยอรมัน จะไม่มีรถสันดาปผลิตแล้วนับจากนี้.....
ครับ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
ตัวอย่างของ IO ปล่อยข่าวที่เป็นความจริง (แต่ไม่หมด)
BMW หยุดผลิตรถยนต์สันดาปในเยอร์มันแล้ว จริงครับ
แต่ได้ย้ายการผลิตรถยนต์สันดาปไปที่โรงงานในออสเตรียก่อนหน้านี้แล้ว ...
-
ไทยไม่ได้ตื่นตูมในเรื่องรถ EV หรอกครับ
แต่ตื่นข่าวปั่นกระแสในโซเชียลกันซะมากกว่า
หลายๆสื่อก็ทำคอนเท้นอย่างที่เราเห็นนี่แหละครับ
โน้มน้าวให้คนเชื่อไปเรื่อยๆว่ารถน้ำมันจะหมดโลก รถน้ำมันจะหมุดยุค
เหมือนตอนรถม้าเปลี่ยนผ่านมาใช้รถยนต์กันใน 13 ปี
คนไม่รู้ ไม่คิด ก็คล้อยตามง่ายๆสิครับ (รถยนต์สะดวกกว่ารถม้าทุกด้านใช่มั้ยครับ ไม่ต้องเสียเวลาหาอาหาร เก็บขี้เรี่ยราดเต็มเมือง ม้าป่วย ฯลฯ แล้วตอนนี้รถไฟฟ้ามันสะดวกกว่ารถน้ำมันรอบด้านรึยังครับ)
แล้วที่เห็นในโซเชียลทั้งหลายเนี่ย
ไม่ค่อยมีหรอกครับ คนที่จะแอนตี้รถไฟฟ้า เพราะมันเป็นอะไรที่แปลกใหม่
แต่ที่ดูเหมือนจะมีดราม่ากันบ่อยๆ ก็เริ่มจากพวกเนิร์ด EV ทั้งนั้น ที่คอยแซะรถน้ำมันก่อน ตลอดเวลาแทบทุกวันแทบทุกโพสท์
เหม็นควันอย่างงั้นอย่างงี้ รถน้ำมันจอดตายอยู่บ้านเป็นขยะไดโนเสาร์งี้
หลายๆคนในโซเชียลก็เลยเชื่อว่าการขับรถไฟฟ้านั้น วิเศษวิโสเยี่ยงรถเทวดา กูนั้นเท่ กูนั้นเจ๋งกว่าพวกรถน้ำมัน ก็แค่นั้นเองครับ
-
ยูทูปเบอร์ท่านนึงบอกว่า ค่ายใบพัดแห่งเยอรมัน จะไม่มีรถสันดาปผลิตแล้วนับจากนี้.....
ครับ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
ตัวอย่างของ IO ปล่อยข่าวที่เป็นความจริง (แต่ไม่หมด)
BMW หยุดผลิตรถยนต์สันดาปในเยอร์มันแล้ว จริงครับ
แต่ได้ย้ายการผลิตรถยนต์สันดาปไปที่โรงงานในออสเตรียก่อนหน้านี้แล้ว ...
ผมจำข่าวนี้ได้เลย
มีเพจนึงจั่วหัวประมาณ "ประกาศชัยชนะ!! BMW เลิกทำรถเครื่องยนต์สันดาบแล้ว" ผมเห็นแล้วขำเลย ;D
ส่วนสื่อรถยนต์อย่าง HLM ข่าวเดียวกันลงว่า BMW ย้ายโรงงานผลิตเครื่องยนต์.....
มันช่างต่างกันยิ่งนัก
-
งั้นปัญหาอยู่ที่คุณภาพคนแล้วครับที่ตื่นตูมเกินเหตุ+เห็นแก่ตัว กลัวตัวเองจะลำบากเลยต้องรีบตั้งตัวรังเกียจรถไฟฟ้ากัน กลัวหาอะไหล่ไม่ได้กลัวไม่มีน้ำมันเติม ไร้ซึ่งวิจารณญานในการใช้สมองคิดเองว่าอีกนานมากกว่ารถน้ำมันจะหายไป ผมไม่เห็นว่ารถไฟฟ้าจะปั่นจะioตรงไหน เค้าก็มีกลุ่มในเฟซบุ้คของเค้าพูดคุยแลกเปลี่ยนการใช้งานในหมู่คนใช้รถไฟฟ้า แต่คนใช้รถน้ำมันเองนั่นแหละไปล้ำเส้น เข้าไปแสดงความเห็นเยาะเย้ย กดหัวเราะ ดูถูกถากถางคนใช้รถไฟฟ้า แชร์ล้อเลียนรถไฟฟ้ากันเป็นเรื่องสนุก ในขณะที่คนใช้รถไฟฟ้าเองผมไม่เห็นเห็นสักคนที่จะไปอยู่ในกลุ่มคนใช้รถน้ำมันแล้วทำพฤติกรรมแบบเดียวกับพวกต่อต้านรถไฟฟ้าทำ เก่งกันมากบนเพจเทสล่า mg byd แต่ไม่ยักกล้าแหยมกับรถไฟฟ้ายุโรปอย่างเบนซ์ bmw ปอช ::)
ผมขอกดถูกใจหลายรอบกับเม้นนี้เลยครับ
และบอกว่าไทยตื่นตูมนี่คือ คนไทยทั้งประเทศ ซึ่งรวมถึงผมด้วยน่ะสิ เป็นงั้นไป
หลายกระทู้ที่ในเพจ FBรถไฟฟ้าตั้งกระทู้มาเหน็บรถสันดาป ส่วนมากก็คือคนสันดาปที่เข้าไปแผงตัวใน
กลุ่มรถไฟฟ้าแล้วมาตั้งกระทู้เพื่อให้ทัวมาลงมาด่ารถไฟฟ้า ในเม้นเขาก็แจ้งแอดมินมาลบกันทั้งนั้น
ส่วนมากไม่มีใครหลงกลไปเม้นร่วม กระทู้มันสังเกตกันง่ายๆ ส่วนมากจะไม่ระบุตัวตน
คนแอนตี้ไฟฟ้า เกือบทุกคนจะพิมบอกว่า ตัวเองไม่แอนตี้รถไฟฟ้า (เรื่องอะไรขะยอมรับ)
หรืออาจจะแค่แอนตี้รถจีน อันนี้อาจจะยังแยกกันไม่ออก
แต่เราก็สังเกตกันเองไม่ยาก
หากใครอยากรู้จริงก็ลองกดเข้าไปดูการแสดงความคิดเห็นเก่าๆของคนนั้นๆเอา
ผมยังยึดคติว่า เงินเขา เขาซื้อรถไรก็เรื่องของเขาไหม
-
ยูทูปเบอร์ท่านนึงบอกว่า ค่ายใบพัดแห่งเยอรมัน จะไม่มีรถสันดาปผลิตแล้วนับจากนี้.....
ครับ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\
ตัวอย่างของ IO ปล่อยข่าวที่เป็นความจริง (แต่ไม่หมด)
BMW หยุดผลิตรถยนต์สันดาปในเยอร์มันแล้ว จริงครับ
แต่ได้ย้ายการผลิตรถยนต์สันดาปไปที่โรงงานในออสเตรียก่อนหน้านี้แล้ว ...
ผมจำข่าวนี้ได้เลย
มีเพจนึงจั่วหัวประมาณ "ประกาศชัยชนะ!! BMW เลิกทำรถเครื่องยนต์สันดาบแล้ว" ผมเห็นแล้วขำเลย ;D
ส่วนสื่อรถยนต์อย่าง HLM ข่าวเดียวกันลงว่า BMW ย้ายโรงงานผลิตเครื่องยนต์.....
มันช่างต่างกันยิ่งนัก
แล้วก็บอกว่า รถสันดาป รุ่นนั้น รุ่นนี้ จะราคาขึ้นมากมาย ..... อืมมมมมม ;D