Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Cafe1n ที่ ธันวาคม 14, 2023, 17:37:40
-
(https://medias.thansettakij.com/uploads/images/contents/w1024/2023/12/rh0GVgwrwA9PgmJReVTr.webp)
13 ธันวาคม 2566
ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น หวั่นใจรัฐบาลไทยอาจจะต้องสูญเสียเงินแบบไป-กลับระดับหนึ่งแสนล้านบาท เพื่อโครงการสนับสนุน EV ที่ค่ายรถจีนได้ประโยชน์เต็มๆ
EV จีนไล่ทุบรถญี่ปุ่น ปี 66 ฟันยอดขายไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นคัน เร่งตั้งโรงงานเดินสายการผลิตในไทยไตรมาสแรกปี 2567 รับเงินสนับสนุน EV 3.0 ต่อเนื่อง ค่ายรถญี่ปุ่นตัดพ้อเอื้อประโยชน์จีนมากเกินไป หวั่นรัฐสูญรายได้แบบไป-กลับ แสนล้านบาท ทั้งจ่ายงบอุดหนุน และขาดรายได้จากภาษีของรถญี่ปุ่นที่ยอดขายหายไป หวังเพิ่งนายกฯเศรษฐา คลอดแพ็กเกจช่วยปีหน้า
ตามที่มาตรการ EV 3.0 จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มกราคม 2567 (จดทะเบียนรถใหม่วันสุดท้าย) ที่ภาครัฐให้เงินสนับสนุน EV คันละ 7 หมื่นบาท และ 1.5 แสนบาท ตามความจุของแบตเตอรี่(kWh) ไม่รวมสิทธิ์ประโยชน์ด้านภาษี ซึ่งบรรดาค่ายรถยนต์จากจีนต่างทำตามเงื่อนไข โดยนำเข้า EV จากประเทศบ้านเกิดมาขายก่อน จากนั้นตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป จะเริ่มผลิตคืนในอัตราส่วนเท่ากับที่นำเข้ามา 1:1 เป็นอย่างน้อย
ขณะที่ยอดขาย EV ช่วงปีที่ผ่านมา คึกคักต่อเนื่อง นำโดย BYD NETA MG GWM รวมถึง Wulling (แบรนด์จีนแต่นำเข้ารถมาจากอินโดนีเซีย) คาดว่ายอดขาย EV เฉพาะแบรนด์เหล่านี้ในปี 2566 จะทำได้รวมกันไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นคัน
- รัฐบาลตั้งงบหนุน EV 4 หมื่นล้าน
แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ยอดการจ่ายเงินอุดหนุนตามมาตรการส่งเสริม EV 3.0 ซึ่งเริ่มต้นในปี 2565 จนถึงปัจจุบันอยู่ที่กว่า 3,900 ล้านบาท และคาดตลอดทั้งปีจะมียอดอุดหนุนกว่า 4,000 ล้านบาทโดยจำนวนรถยนต์ที่ได้รับการชดเชยในขณะนี้ อยู่ที่ 6.7 หมื่นคัน ยังเหลือจำนวนรถยนต์ที่เตรียมเข้าร่วมมาตรการอีกประมาณ 7,000 คัน ดังนั้นยอดรวมปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 7.4 หมื่นคัน
ส่วนปี 2567 นั้น กรมสรรพสามิตได้ขอจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว 1.7 หมื่นล้านบาท โดยโครงการนี้ รัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้อนุมัติเงินอุดหนุนรวม 4 ปี (พ.ศ. 2565-2568) ไว้ 4 หมื่นล้านบาท ดังนั้น จึงเหลือวงเงินที่จะใช้ในปี 2568 อีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
- หวั่นรัฐเสียรายได้แสนล้าน
แหล่งข่าวผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายหนึ่ง เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า จากมาตรการ EV 3.0 ของรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยราคา EV ที่ได้รับการสนับสนุนในแต่ละรุ่นที่ลดลงมาจูงใจ จนสามารถแข่งขันได้ พร้อมกับกระแสของโลก พฤติกรรมผู้บริโภคปรับเปลี่ยน EV จึงได้การตอบรับดีมากๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ภาครัฐควรพิจารณาคือ การให้สิทธิประโยชน์อย่างเท่าเทียม เพราะแต่เดิมก็เปิดประตูให้จีนเข้ามาทำตลาด EV โดยไม่เสียภาษีนำเข้าตามกรอบ FTA จีน-อาเซียนอยู่แล้ว ยิ่งได้ออนท็อปจาก EV 3.0 หรือจะต่ออายุเป็นโครงการ 3.5 อีก ยิ่งทำให้ EV จีนมีแต้มต่อที่เหนือกว่าค่ายรถญี่ปุ่น (ที่ยังไม่พร้อมผลิต EV)
ขณะเดียวกันหากพิจารณาโครงการนี้เชื่อว่ารัฐบาลจะต้องสูญเสียรายได้แบบไป-กลับ ทั้ง การจ่ายเงินสนับสนุน EV คันละ 1.5 แสนบาท และยังต้องขาดรายได้จากการจัดเก็บภาษีของรถยนต์แบบดั้งเดิม (ICE,Hybrid) ที่หายไปอีกคันละ 1 แสนบาทโดยเฉลี่ย
อีกทั้ง EV ไม่ได้เข้ามาทำให้ตลาดรถยนต์ขยายตัว ซึ่งยอดขายที่เกิดขึ้นก็ต้องไปกินส่วนแบ่งการตลาดของค่ายอื่นมา(ญี่ปุ่น) ดังนั้น หากดำเนินโครงการครบ 4 ปี ตัวเลข EV คงเพิ่มเป็นหลายแสนคัน ขณะที่ยอดขายรถยนต์นั่งของญี่ปุ่นก็อาจจะหายไปหลายแสนคันเช่นกัน ประเมินว่าสถานการณ์นี้มีโอกาสที่รัฐบาล จะสูญเงินไป-กลับ ถึง 1 แสนล้านบาทเป็นอย่างต่ำ
อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 11% ของ GDP ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ประกอบด้วยซัพพลายเชนมากมายที่ลงหลักปักฐานในไทยเกิน 50 ปี แรงงานรวมทั้งระบบเกือบ 1 ล้านคน ซึ่งตอนนี้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบ จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณามาตรการสนับสนุนบ้าง แหล่งข่าวกล่าว
(https://www.headlightmag.com/hlmwp/wp-content/uploads/2023/12/Top-15-Booking-at-Motor-EXPO-2023-1.jpg)
-ดีลเลอร์ญี่ปุ่นหนีซบจีน
แหล่งข่าวระดับเจ้าของโชว์รูมรถยนต์หลายแบรนด์ และเป็นดีลเลอร์รถญี่ปุ่นรายใหญ่ เปิดเผยว่า การสนับสนุนค่ายรถจีนที่ให้เงิน 1.5 แสนบาทต่อคัน ควรมีข้อจำกัด และไม่น่ามีมาตรการ EV 3.5 ตามออกมาอีก เพราะจากนโยบายนี้เป็นเหมือนการบิดเบือนตลาด หรือสร้างดีมานด์เทียม อันจะส่งผลกระทบกับหนี้ภาคครัวเรือน และระบบเศรษฐกิจในระยะยาว
บรรดาค่ายจีน พร้อมเข้ามาลงทุนในไทยอยู่แล้ว เพราะในเมื่อเขาเห็นคู่แข่งมา เขาก็ต้องตามมา แถมได้ภาษีนำเข้า 0% ดังนั้นการให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลก็น่าจะเพียงพอ หรือถ้าหมดมาตรการ EV 3.0 สิ้นปีนี้ ก็ไม่ควรมี EV 3.5 ต่อ เรียกว่าใครพร้อมก็ให้เขาไปก่อน แต่ใครมาที่หลังต้องยอมรับสภาพ หรือไม่ต้องไปออกนโยบายเอื้อมากเกินไป แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานว่าดีลเลอร์ที่ขายรถญี่ปุ่นอยู่เดิม เช่น วี กรุ๊ป,กลุ่มมหานคร,ช.เอราวัณ และรายอื่นๆ ต่างทยอยย้ายไปเป็นคู่ค้ากับค่ายรถจีน พร้อมปลดป้ายปรับเปลี่ยนโชว์รูมบางแห่งจาก Mazda Suzuki Nissan ไปเป็น GAC AION และฉางอาน ภายใต้แบรนด์ Deepal แล้ว
- มีรายงานแจ้งว่า สำหรับมาตรการที่รัฐบาลไทยเตรียมสนับสนุนการลงทุนของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นในไทยเพิ่มเติมนั้น จะครอบคลุมทั้งกิจการเดิมและการลงทุนใหม่ และรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่รวมถึงมาตรการสนับสนุนการลงทุนเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งแบบสันดาปภายใน ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริ โดยจะยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ในวงเงิน 50% ของเงินลงทุนในระบบอัตโนมัติหรือหุ่นยนต์ และกรณีใช้เครื่องจักรระบบอัตโนมัติในประเทศสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลวงเงิน 100% ของเงินลงทุน ทั้งนี้ ต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2567
https://www.thansettakij.com/motor/ev/583238
-
ตอนนี้ก็เอื้อจีนมากนั่นแหละ แต่เมื่อก่อนก็เอื้อญี่ปุ่นเช่นกัน
-
ตอนเปิดให้ยื่นส่งเสริมโตโยต้าเองก็ยื่นขอรับการส่งเสริมไม่ใช่รึ ถ้าผลิตรุ่นอะไรชื่อยาวๆนั่นได้ก็รับออเดอร์ไปเพียบแล้ว (แต่ก็สู้ราคาไม่ได้อีกแหละ)
-
เทรนรถไฟฟ้ากำลังมาแรง ค่ายจีนทำได้ดีก็เลยตีตื้นค่ายปุ่นได้ แต่ถ้าสมัยเครื่องยนต์ปกติ จีนทำได้ไม่ดี คนก็ไม่ค่อยซื้อใช้กัน ค่ายปุ่นก็ยังขายดี
เราว่าค่ายปุ่นทำตัวเองที่ไม่ยอมเปิดตลาดรถไฟฟ้าแบบจริงจัง รุ่นเครื่องยนต์ธรรมดายังกั๊กออฟชั่นไปหมด (ช่วงหลังเริ่มหนีตายปล่อยของบ้างละ)
พอโดนเขาแย่งเค้กก็มาตัดพ้อ เฮ้อ.....
-
รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์รถจีน แต่เอื้อประโยชน์รถ EV ต่างหาก
ถ้าท่านทำรถ EV ออกมา รัฐก็จะเอื้อประโยชน์ท่านเช่นกัน
เหมือนไม่ยอมลงทุน แต่ก็ไม่อยากเสียผลประโยชน์ มันยังไงๆ อยู่นะ
-
ไม่อยากให้อุดหนุดรถ ev จีนเลย
จีนตั้งราคามาขาย over มากขนาดภาษีนำเข้า 0%
แล้วอีกอย่าง ผมว่ามันไม่แฟร์ที่ เอื้อให้เฉพาะรถไฟฟ้าอย่างเดียว รถ hybrid ไม่มีการลดภาษีจากที่เป็นอยู่
-
รัฐบาลเอื้อ EV แต่ฝ่ายที่ได้รับประโยชน์คือจีนเพราะเขามีสินค้าพร้อมจำหน่ายอยู่แล้ว แต่ที่เสียประโยชน์คือฝั่งญี่ปุ่นเพราะยังไม่พร้อมเรื่องการผลิตและจำหน่าย EV ในขณะนี้ ที่มองว่ารัฐบาลเสียประโยชน์คือภาษีที่ควรได้จะหายไปเพราะการเอื้อให้รถ EV ที่อยากให้รัฐบาลสนับสนุนเพราะทางค่ายญี่ปุ่นเองยังไม่พร้อมเรื่อง EV อีกนานหลายปี งานนี้คงเสร็จ EV จีนไปอีกระยะนึง แต่หลังจากผ่านการใช้งานจริงไป 4-5 ปี ผู้ซื้อ EV จีนเวลานั้นจะมีภสภาพเป็นอย่างไร ตลาดเป็นยังไง ?
-
ช่วงนี้ก็คงกระทบแรงงานไทยที่ทำงานบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยกว่าล้านคน
เพราะในประเทศไทย มีโรงงานซัพพลายอะไหล่ ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ญี่ปุ่นมากมาย
แต่ของจีนคือจีนล้วนๆ ดังนั้นประเทศจีนก็ได้อานิสงค์ แรงงานบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยก็รับผลกระทบไป
-
รัฐบาลเอื้อ EV แต่ฝ่ายที่ได้รับประโยชน์คือจีนเพราะเขามีสินค้าพร้อมจำหน่ายอยู่แล้ว แต่ที่เสียประโยชน์คือฝั่งญี่ปุ่นเพราะยังไม่พร้อมเรื่องการผลิตและจำหน่าย EV ในขณะนี้ ที่มองว่ารัฐบาลเสียประโยชน์คือภาษีที่ควรได้จะหายไปเพราะการเอื้อให้รถ EV ที่อยากให้รัฐบาลสนับสนุนเพราะทางค่ายญี่ปุ่นเองยังไม่พร้อมเรื่อง EV อีกนานหลายปี งานนี้คงเสร็จ EV จีนไปอีกระยะนึง แต่หลังจากผ่านการใช้งานจริงไป 4-5 ปี ผู้ซื้อ EV จีนเวลานั้นจะมีภสภาพเป็นอย่างไร ตลาดเป็นยังไง ?
+1 เห็นด้วยครับ ส่วนตัวให้ 2 ปีไวสุด ตอนนั้นน่าจะเริ่มมีคำตอบได้บ้างแล้ว สำหรับรถไฟฟ้าจีน
-
โทษใครไม่ได้ ญี่ปุ่นไม่ยอมพัฒนา สู้ราคาไม่ไดด้ก็เท่านั้นเอง
-
มุแง ไม่มีของขายแต่บอกหนุนคนอื่น
ตอนเค้าพัฒนากัน ผบรห โตต้าก็เฟียซเองว่ารถไฟฟ้าไม่มีทางฮอต พอเค้ารณรงค์กันก็งอแง
ส่วนตัวผมยังเชื่อในรถญี่ปุ่นมากกว่า แต่ก็ไม่พัฒนาให้ทันเค้าเองมางอแงไม่ได้นะ รีบไปผลิตให้ได้มั้ยอะ
-
Bz4 ละ ไม่เอามาขาย?
Leaf ไม่เอามาขาย?
แล้ว BMW I ทั้งหลายได้ประโยช เค้าก็ไม่เห็นบ่นหนิ
Volvo ก็ทำมาขาย
งง ว่า ญป บ่นอะไร งอแง อะไร เค้าไม่ไก้เขียนหนิว่า ให้แต่รถจีน
เค้าให้ ญี่ห้อไหนก็ได้ที่จะลงทุนผลิต ในประเทศ
การที่ ญป ไม่มาร่วมวง ก็เพราะในอนาคต ญป จะไม่ลงทุนเเล้วไง
แล้วจะบ่นทำไม
-
เอื้อจีนแบบเกินหน้าเกินตาสุดๆ ฟรีภาษีจุกๆ ไม่ต้องญี่ปุ่นโวย นี่เป็นเกาหลีก็โวย โดนภาษี 40% จะเอาอะไรไปสู้จีน
-
เห็นด้วยว่าทีใครทีมันครับ ออกมาพูดน้อยใจ แต่ใครๆ ก็รู้ว่าก็ญี่ปุ่นช้าเอง ก็ต้องยอมรับผลไป
ส่วนตัวผมว่าถึงเวลาญี่ปุ่นออก EV mass มาจริงๆ (เมื่อไหร่ไม่รู้แหละ) ก็ยังมีลูกค้าอีกหลายแสน-ล้านคนที่ยังขับ ICE/hybrid อยู่ ตลาดยังไม่วายหรอก
-
พล่ามอะไรของพวกมัน เสร่อชิบ ;D
-
ค่ายญี่ปุ่นทำตัวเอง เจอไปดีแล้วครับ
-
จีนหลายๆ ค่ายก็ มาลงโรงงานรอแล้วหนิครับ
แค่เอารถมาขายก่อน ช่วงนี้
พี่ยุ่นเราช้าอะ ส่วนตัวผมคิดนะครับ
-
รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์รถจีน แต่เอื้อประโยชน์รถ EV ต่างหาก
ถ้าท่านทำรถ EV ออกมา รัฐก็จะเอื้อประโยชน์ท่านเช่นกัน
เหมือนไม่ยอมลงทุน แต่ก็ไม่อยากเสียผลประโยชน์ มันยังไงๆ อยู่นะ
Nissan leaf, toyota bz4x โดนภาษีเท่า ev จีนไหมครับ
-
รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์รถจีน แต่เอื้อประโยชน์รถ EV ต่างหาก
ถ้าท่านทำรถ EV ออกมา รัฐก็จะเอื้อประโยชน์ท่านเช่นกัน
เหมือนไม่ยอมลงทุน แต่ก็ไม่อยากเสียผลประโยชน์ มันยังไงๆ อยู่นะ
Nissan leaf, toyota bz4x โดนภาษีเท่า ev จีนไหมครับ
เท่าครับ
seal
(https://i.imgur.com/HWMxJqo.jpg)
bz4x
(https://i.imgur.com/rDGFFnZ.jpg)
-
ตลาดรถกระบะหละครับเอื้อใคร มานานแค่ไหน
ราคาน้ำมันดีเซลอีกหละครับ
-
รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์รถจีน แต่เอื้อประโยชน์รถ EV ต่างหาก
ถ้าท่านทำรถ EV ออกมา รัฐก็จะเอื้อประโยชน์ท่านเช่นกัน
เหมือนไม่ยอมลงทุน แต่ก็ไม่อยากเสียผลประโยชน์ มันยังไงๆ อยู่นะ
ตลกแล้วครับ จีนสามารถ นำรถ EV เข้ามาขายแบบ ปลอดภาษีนำเข้าได้เลย ไม่เอื้อยังไงครับ
-
Bz4 ละ ไม่เอามาขาย?
Leaf ไม่เอามาขาย?
แล้ว BMW I ทั้งหลายได้ประโยช เค้าก็ไม่เห็นบ่นหนิ
Volvo ก็ทำมาขาย
งง ว่า ญป บ่นอะไร งอแง อะไร เค้าไม่ไก้เขียนหนิว่า ให้แต่รถจีน
เค้าให้ ญี่ห้อไหนก็ได้ที่จะลงทุนผลิต ในประเทศ
การที่ ญป ไม่มาร่วมวง ก็เพราะในอนาคต ญป จะไม่ลงทุนเเล้วไง
แล้วจะบ่นทำไม
ใครจะลงทุนครับ ทำ EV เปนหมื่นล้าน ในการลงทุน
แต่จีนไม่ต้องทำไร ขนลงเรือ ขาย
เป็นคุณลงทุนไหม คิดสิคิด
คนนึ่ง ต้องควักกระเป๋าหมื่นล้าน เพื่อ ขายรถ ในอนาคต
อีกคนนำเข้ามาขายได้เลย ไม่ต้องเสียสักกะบาท
-
รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์รถจีน แต่เอื้อประโยชน์รถ EV ต่างหาก
ถ้าท่านทำรถ EV ออกมา รัฐก็จะเอื้อประโยชน์ท่านเช่นกัน
เหมือนไม่ยอมลงทุน แต่ก็ไม่อยากเสียผลประโยชน์ มันยังไงๆ อยู่นะ
Nissan leaf, toyota bz4x โดนภาษีเท่า ev จีนไหมครับ
เท่าครับ
seal
(https://i.imgur.com/HWMxJqo.jpg)
bz4x
(https://i.imgur.com/rDGFFnZ.jpg)
อยากจะหัวเราะ ให้ฟันร่วง หนูไม้รู้อะไรเลยจริงๆเหรอ
-
ตลาดรถกระบะหละครับเอื้อใคร มานานแค่ไหน
ราคาน้ำมันดีเซลอีกหละครับ
เดี๋ยวนะครับ เอื้อยังไงนะ รถกระบะมันก็เสียภาษีตามปกตินะ ร้าบานได้เงินภาษีจากตลาดกระบะไปกี่ล้านล้านแล้ว
ราคาน้ำมันดีเซลเขาอุ้มเพราะกระทบภาคอุตสาหกรรม กับการขนส่งครับ ถ้าไม่อุ้มรับรองค่าครองชีพจะสูงกว่านี้ อันนี้เรียกว่าร้าบานเอื้อคนไทยทุกคนยังได้เลยครับ
-
ที่นำเข้าแล้วไม่เสียภาษีมันต้องเซ็น mou ผลิตในไทยด้วย ไม่ใช่เหรอครับ
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะนำเข้า แต่ในอนาคตจะต้องผลิตในไทย เช่น หากนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 100% มาขาย 1 คัน จะต้องผลิตในประเทศให้ได้จำนวน 1 เท่า ภายในปี 2567 (2024) นั่นหมายความว่าถ้าค่ายญี่ปุ่นไปทำสัญญาที่ว่าก็จะได้สิทธินี้เหมือนกัน
ส่วนสรรพสามิตถ้าเป็น ev มันลดจาก 8 เหลือ 2 ทุกยี่ห้อครับ
หรือถ้าผมเข้าใจผิดก็ช่วยเสริมทีครับ
-
ที่นำเข้าแล้วไม่เสียภาษีมันต้องเซ็น mou ผลิตในไทยด้วย ไม่ใช่เหรอครับ
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะนำเข้า แต่ในอนาคตจะต้องผลิตในไทย เช่น หากนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 100% มาขาย 1 คัน จะต้องผลิตในประเทศให้ได้จำนวน 1 เท่า ภายในปี 2567 (2024) นั่นหมายความว่าถ้าค่ายญี่ปุ่นไปทำสัญญาที่ว่าก็จะได้สิทธินี้เหมือนกัน
ส่วนสรรพสามิตถ้าเป็น ev มันลดจาก 8 เหลือ 2 ทุกยี่ห้อครับ
หรือถ้าผมเข้าใจผิดก็ช่วยเสริมทีครับ
เข้าใจผิดครับ อ่านจากในข่าวคือ "แต่เดิมก็เปิดประตูให้จีนเข้ามาทำตลาด EV โดยไม่เสียภาษีนำเข้าตามกรอบ FTA จีน-อาเซียนอยู่แล้ว ยิ่งได้ออนท็อปจาก EV 3.0 หรือจะต่ออายุเป็นโครงการ 3.5 อีก"
แปลว่าเดิมรถไฟฟ้าจีนไม่เสียภาษีนำเข้าอยู่แล้ว เสียแค่สรรพสามิต2% ส่วนที่เซ็นmouตั้งโรงงานคือได้เงินอุดหนุนเพิ่มไปอีก
เรื่องนี้ผมเห็น2มุมนะ
1.มุมที่ว่าเอื้อรถไฟฟ้าจีนมากกว่า อันนี้ก็เรื่องจริง รถไฟฟ้าจากจีนไม่เสียภาษีนำเข้า รถไฟฟ้าผลิตญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรปเสียภาษีนำเข้า จะไปทำราคาสู้ได้ยังไง ถ้าบอกว่าเอื้อรถไฟฟ้าก็ต้องออกกฎให้รถไฟฟ้าไม่เสียภาษีนำเข้าให้หมดสิไม่ว่าผลิตจากไหนก็ตาม
2.มาตรการ ส่งเสริมEV อันนี้ผมว่ามันเป็นการแก้เกมของรัฐบาลมากกว่า หลังจากพลาดไปเซ็นFTAให้รถไฟฟ้าจีนไม่เสียภาษีนำเข้า เลยพยายามหามาตรการจูงใจให้มาตั้งโรงงานในไทย ไม่งั้นจีนก็แค่ขนลงเรือมาขายเรื่อยๆยังไงไม่เสียภาษีนำเข้าอยู่แล้ว
-
รถญี่ปุ่นไฟฟ้า ไม่ใช่เฉพาะราคาที่แพงเวลาเข้าไทยแล้ว คุณภาพ ประสิทธ์ภาพยังไม่ได้อีก
-
รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์รถจีน แต่เอื้อประโยชน์รถ EV ต่างหาก
ถ้าท่านทำรถ EV ออกมา รัฐก็จะเอื้อประโยชน์ท่านเช่นกัน
เหมือนไม่ยอมลงทุน แต่ก็ไม่อยากเสียผลประโยชน์ มันยังไงๆ อยู่นะ
Nissan leaf, toyota bz4x โดนภาษีเท่า ev จีนไหมครับ
เท่าครับ
seal
(https://i.imgur.com/HWMxJqo.jpg)
bz4x
(https://i.imgur.com/rDGFFnZ.jpg)
ไม่เท่าครับ สรรพสามิต 2% เท่ากันหมดทุกอันแต่ยังมีภาษีรูปแบบอื่นๆ ลองหาข้อมูลเรื่อง FTA ดูครับ ที่เค้าว่าหนุนจีน ให้อธิบายคงยาวมาก google เอานะ ส่วนมาตรการ ev เค้าดึงให้มาเปิดโรงงานในไทย มันพ่วงกันมาเพราะ FTA
---------------------------------------------------
ที่ผมสงสัยเรื่องการดิ้นรนค่าย ญป มากกว่า อย่าง bz4x ก็มี product หรือจะ bz3 ก็ตาม แต่ทำไม toyota ไม่ดิ้นรนเอามาขาย ตัวเองก็มี รง. ที่จับมือกับจีน อย่าง bmw เค้าก็ต้อง cbu ทั้งนั้น เข้าใจว่าอยู่ตลาด premium เลยกระทบไม่เยอะ แต่แบบ iX3 อะเค้ายังเอาเข้าจาก dongfeng มาขายในราคาถูกได้เลย
leaf เองต่อให้ทำราคาถูกผมก็ไม่แน่ใจว่าจะปังมั้ย ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่แค่ไม่มีขาย แต่ tech ของ bev คือสู้เค้าไม่ติดฝุ่น
ต่อให้ไม่ใช่ bev ถ้ารถจีนมาในคุณภาพดีๆ ก็โดนแย่งตลาดอยู่ดี แต่ brand ที่ mass มาเป็น MG ละมันดันคุณภาพแย่มันเลยไม่ติดตลาด ส่วน GWM ราคาไม่ถูกและเจอตอใหญ่ตรง jolion hev ที่กินน้ำมันกว่า ice แถมยังแก้ไม่ได้
ถ้า byd/changan มาลงเล่นตลาด ice/hev/phev แล้วมันรอด ญป ก็ตายอยู่ดี แค่ตายช้าหน่อย นิไม่รู้ละว่า ญป เค้างอแงที่รถจีนภาษีถูกเพราะ bev หรือว่างอแงที่กำไรน้อยลง เพราะเมื่อก่อนรถโล้นๆขายเป็นล้าน พอเจอรถจีน 9แสน option ล้นๆก็ต้องมาปรับสู้ ไม่งั้นไม่ได้เห็น honda มีส่วนลดเยอะๆ หรือ toyota ใส่ของมาครบๆแบบทุกวันนี้หรอกครับ
-
ที่ค่ายญี่ปุ่นเขาตัดพ้อก็มีส่วนนะ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ ถ้าจะให้ถูกทุกค่ายนำเขารถยนต์ EV มาขายโดยไม่เสียภาษี
และใช้กติกาเดียวกันทั้งหมดทุกค่ายทุกชาติ ผมว่าคงไม่มีใครออกมาบ่นแน่ๆแต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ จีนนำเข้ามาไม่เสียซักบาทแต่ค่ายอื่นชาติอื่น
ต้องเสียผมว่าไงเขาก็สู้ไม่ได้ และถามว่าทำไมค่ายญี่ปุ่นหรือค่ายอื่นที่มีโรงงานในไทยทำไมไม่ประกอบรถ EV สู้ ก็ต้องมองว่าในทางธุระกิจการตั้งไลน์ประกอบรถ
ซักรุ่นนึงมันใช้เงินเท่าไหร่มันคุ้มไหมกับการลงทุนในตอนนี้ กับยอดขายรถไฟฟ้าในไทยตอนนี้ให้ค่ายไทยทำก็มองว่ายังไม่คุ้มในการตั้งไลน์ผลิต
ผมว่าเราต้องมองกว้างเอาตัวเราไปมองมุมผู้ผลิตหรือค่ายรถด้วยก็ดี ไม่ใช่ว่าจะมองแต่ภาพของผู้บริโภคที่จะเอาแต่ประโยชน์เขาตัวเอง ถ้าทุกคนอยู่บนกติกาเดียวกัน
คงไม่มีใครออกมาบ่นหรือตักพ้อหรอก
-
ตลาดรถกระบะหละครับเอื้อใคร มานานแค่ไหน
ราคาน้ำมันดีเซลอีกหละครับ
เดี๋ยวนะครับ เอื้อยังไงนะ รถกระบะมันก็เสียภาษีตามปกตินะ ร้าบานได้เงินภาษีจากตลาดกระบะไปกี่ล้านล้านแล้ว
ราคาน้ำมันดีเซลเขาอุ้มเพราะกระทบภาคอุตสาหกรรม กับการขนส่งครับ ถ้าไม่อุ้มรับรองค่าครองชีพจะสูงกว่านี้ อันนี้เรียกว่าร้าบานเอื้อคนไทยทุกคนยังได้เลยครับ
กระบะสี่ประตูเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่า C-Segment
กระบะแคปเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่าอีโค่คาร์
นี่เรียกว่าปกติหรอครับ
ตอนนี้อุ้มน้ำมันดีเซลราคา 29.94 บาท แล้วค่าสินค้าค่าขนส่งได้ลดลงซักบาทจากตอนที่น้ำมันราคา 30 กว่าบาทรึยังครับ
-
fake news มั้ยครับ ติ่ง Japan ในนี้ยังแซะ kodak , nokia ต้องมาอยู่เลย 555
-
อ้างรัฐเสียผลประโยชน์ แต่อ่านๆแล้วเหมือนกลัวกำไรตัวเอง / mk share ตัวเองหดหายมากกว่าไหมค่ายญี่ปุ่น
-
ที่นำเข้าแล้วไม่เสียภาษีมันต้องเซ็น mou ผลิตในไทยด้วย ไม่ใช่เหรอครับ
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะนำเข้า แต่ในอนาคตจะต้องผลิตในไทย เช่น หากนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 100% มาขาย 1 คัน จะต้องผลิตในประเทศให้ได้จำนวน 1 เท่า ภายในปี 2567 (2024) นั่นหมายความว่าถ้าค่ายญี่ปุ่นไปทำสัญญาที่ว่าก็จะได้สิทธินี้เหมือนกัน
ส่วนสรรพสามิตถ้าเป็น ev มันลดจาก 8 เหลือ 2 ทุกยี่ห้อครับ
หรือถ้าผมเข้าใจผิดก็ช่วยเสริมทีครับ
FTA นำเข้าไม่เสียภาษีไม่เกี่ยวกับ MOU ครับ เพราะมันครอบคลุมรถ EV ที่ผลิตจากจีนทุกยี่ห้อ ไม่เกี่ยวว่าต้องผลิตในไทยทีหลัง
รถที่ได้สิทธิ์ FTA เช่น Tesla, Volvo ประมาณนี้ครับ
-
อ้างรัฐเสียผลประโยชน์ แต่อ่านๆแล้วเหมือนกลัวกำไรตัวเอง / mk share ตัวเองหดหายมากกว่าไหมค่ายญี่ปุ่น
จริงๆรัฐก็เสียหายทั้งขึ้นทั้งล่องนะครับ จากเดิมไทยเรามีภาษีนำเข้าเพื่อกีดกันรถที่ผลิตจากต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้มีการซื้อรถที่ผลิตในประเทศ รัฐก็สูญเสียรายได้ส่วนนี้ไป แถมกลายเป็นว่ารถจากต่างประเทศมาแย่งยอดขายรถที่ผลิตในประเทศอีก
-
เป้าหมายของ BYD ในไทย ตอนนั้น
..ยอดขายในไทยต้องติด Top 5 ภายใน 5 ปี
แต่ล่าสุด ยอดขาย 11 เดือน ของ BYD ในปี 2023 ได้ที่ 8 (แม้ BYD มาทำตลาดในไทยมา 1 ปี 3 เดือน) เท่ากับว่า ยอดขาย BYD จะติด Top 5 ภายในปีหน้า (แทบไม่ต้องรอ 5 ปี ถึงจะติด Top 5)
ดีแล้วครับที่ BYD ตั้งใจทำตลาดรถยนต์ทั่วโลก รวมถึงในทวีปยุโรป
-
ตลาดรถกระบะหละครับเอื้อใคร มานานแค่ไหน
ราคาน้ำมันดีเซลอีกหละครับ
เดี๋ยวนะครับ เอื้อยังไงนะ รถกระบะมันก็เสียภาษีตามปกตินะ ร้าบานได้เงินภาษีจากตลาดกระบะไปกี่ล้านล้านแล้ว
ราคาน้ำมันดีเซลเขาอุ้มเพราะกระทบภาคอุตสาหกรรม กับการขนส่งครับ ถ้าไม่อุ้มรับรองค่าครองชีพจะสูงกว่านี้ อันนี้เรียกว่าร้าบานเอื้อคนไทยทุกคนยังได้เลยครับ
กระบะสี่ประตูเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่า C-Segment
กระบะแคปเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่าอีโค่คาร์
นี่เรียกว่าปกติหรอครับ
ตอนนี้อุ้มน้ำมันดีเซลราคา 29.94 บาท แล้วค่าสินค้าค่าขนส่งได้ลดลงซักบาทจากตอนที่น้ำมันราคา 30 กว่าบาทรึยังครับ
ขอบคุณครับที่ช่วยขยายความ
ประตู cab เปิดได้ ก็ยังมองว่าไม่ใช่สี่ประตู โดยการไม่ใส่เบาะจากโรง ไม่มีเข็มขัดนิรภัยใน cab สรุปว่ารักทุกค่าย ได้ทุกคนครับ สมบัติผลัดกันโกย เราคนนอกอย่าไปอินครับ
-
ยุ่นมันคิดเอาแต่ได้ งี่เง่าจนเคยตัว ::) ::) ::)
-
กระบะสี่ประตูเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่า C-Segment
กระบะแคปเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่าอีโค่คาร์
นี่เรียกว่าปกติหรอครับ
ตอนนี้อุ้มน้ำมันดีเซลราคา 29.94 บาท แล้วค่าสินค้าค่าขนส่งได้ลดลงซักบาทจากตอนที่น้ำมันราคา 30 กว่าบาทรึยังครับ
ลดครับ ขอร้องด่ามาด่าพูดมั่วๆครับ อย่าให้คนทั่วไปหลง
ค่าขนส่งขึ้นลงตามราคาน้ำมัน ตัวอย่างชัดๆก็เคมีภัณฑ์ 3-4ปีที่ผ่านมา ต้นทุนผลิตยาขึ้นเป็น% น้อยมาก(หลักสตางค์) แต่ที่เห็นราคายาขึ้นพรวดๆตอนดีเซลลิตรละ 32 แล้วก็ปรับลงมาช่วงเหลือ30
ค่ายาร้านทั่วไป ลดลงครับ
ที่เห็นไม่ปรับลง เอามาตัดสินภาคขนส่งไม่ได้นะครับ อย่าใช้ความรู้สึก เอาความจริงมาคุยกัน
-
ญี่ปุ่นพูดจาเอาแต่ได้ ที่ผ่านมาขายรถที่ชิ้นส่วนให้มาไม่เท่าตัวส่งออกคานกันกระแทกไม่ใส่ ออพชั่นไม่เหมือนที่ประกอบขายในต่างประเทศมากี่สิบปีแล้ว เอาเปรียบคนไทยไปตั้งเท่าไหร่แล้ว โดนรถจีนที่ชิงชังนักเล่นงานให้ยับก็ดีแล้ว พอโดนรถจีนเล่นงานหนักก็ลดราคาได้เป็นแสนนี่ สมน้ำหน้าแล้วที่โดนแย่งตลาดไปเพราะมังแต่ชะล่าใจคิดว่าจะเอาเปรียบได้ตลอดไป
-
มุแง โกยมาห้าสิบปีแล้ว พอมีคู่แข่งที่น่ากลัวก็ร้อง มุแง
-
รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์รถจีน แต่เอื้อประโยชน์รถ EV ต่างหาก
ถ้าท่านทำรถ EV ออกมา รัฐก็จะเอื้อประโยชน์ท่านเช่นกัน
เหมือนไม่ยอมลงทุน แต่ก็ไม่อยากเสียผลประโยชน์ มันยังไงๆ อยู่นะ
เห็นด้วยที่สุดครับ ... tesla นี่รถจีนไหมล่ะ .. ทำไมเค้าทำได้
ก็ไม่ได้อวยรถจีนหรือ EV นะครับ แต่เนื้อหาข่าวของญี่ปุ่นนี้ออกแนวทุเรศไปหน่อย เค้าอุดหนุนรถ EV ไม่ใช่รถจีน ส่วนถ้าตัวเองจะผลิต EV มาขายก็ถ้าไม่ทำตามเงื่อนไข BOI ก็ไปผลิตที่จีนสิ มีโรงงานไม่ใช่หรอ ผลิต EV ที่จีนโน่น แล้วนำเข้ามาแบบที่ tesla ทำไง
เรื่มจะเกลียดขี้หน้าค่ายรถญี่ปุ่นแล้วแฮะ ...
-
ถ้าไม่มีเรื่องนี้
คงไม่เห็นพี่โตอัดอ้อบชั่นแบบนี้
พี่ฮอนมีโปรขนาดนี้ ไทยคงย่ำอยู่กับที่อีกนาน
เสียรายได้ เพื่อเปิดทางเลือกให้คนไทยก็คุ้มอยู่นะ
-
สิทธิประโยชน์ที่จีนได้ไป ผมเข้าใจว่าเกี่ยวกับการผลิตในประเทศด้วยนะครับ ตอนนี้อาจจะนำเข้ามาอยู่ แต่ต่อไปต้องผลิตและขายให้ได้ตามที่ได้ขายออกไปแล้ว ถ้าขายไม่ออก คงต้องพยายามดันยอดกันน่าดูเลยเวลานั้น
-
FTA จีน-อาเซียน ที่เป็นตัวปัญหาเรื่องนี้น่ะ เขาเซ็นต์กันมาตั้งแต่ยังไม่มีรถยนต์ไฟฟ้าขายในจีนเลยครับ Tesla ก็ยังไม่มีขาย
คนเซ็นก็ไม่รู้อนาคต เข้าใจว่ามีแต่รถกอล์ฟ ภาษีนำเข้าเลยเป็น 0% เพราะคิดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
มันเป็นช่องโหว่ผมเคยได้มีโอกาสไปฟังทางสรรพสามิตประชุมกับตัวแทนบริษัทรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้น MG ZS EV นำเข้ามาขายแล้ว
ทางญี่ปุ่นก็โวยตั้งแต่ตอนนั้น แต่มันแก้ไม่ได้ ส่วนทางสรรพสามิตก็พยายามหาวิธีที่จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมของเราไม่เสียตลาดให้กับรถ EV นำเข้าจากจีนไปหมด
จนออกมาเป็น EV 3.0 เพื่อบังคับให้ทางจีนต้องมาตั้งโรงงานผลิตในไทยนี่แหล่ะครับ
-
ส่วนตัวขอรอดูว่าถ้า VAT ขึ้นเป็น 10% แล้วใครจะมานั่งฟูมฟายกันระหว่างบริษัทรถจีนกับคนไทย
-
สิทธิประโยชน์ที่จีนได้ไป ผมเข้าใจว่าเกี่ยวกับการผลิตในประเทศด้วยนะครับ ตอนนี้อาจจะนำเข้ามาอยู่ แต่ต่อไปต้องผลิตและขายให้ได้ตามที่ได้ขายออกไปแล้ว ถ้าขายไม่ออก คงต้องพยายามดันยอดกันน่าดูเลยเวลานั้น
ตอนนี้จำนวนคันที่รถจีนใช้สิทธิ์เอาเงินอุดหนุนไปเป็นจำนวนมาก
ตามกติกาก็จะต้องประกอบรถในบ้านเป็นคืนเป็นจำนวนนั้น
เมื่อถึงเวลาก็คอยดูกันว่าบริษัทจีนจะทำตามกติกาที่ตกลงกันไว้
ได้หรือไม่ จะมีอะไรตุกติกมั้ย หรือจะต่อรองอะไรอีกครับ
ปล 1. ถ้าทำได้ก็ถือเป็นเรื่องดีต่ออุตสาหกรรม การจ้างงาน และเศรษฐกิจ
ของบ้านเราครับ
ปล 2. ผมก็อยากให้บริษัทจีนทำตามกติกาที่ตกลงกันไว้ได้นะครับ ไม่อยากเห็น
ความวุ่นวายและการใช้อำนาจทางใดๆ มากดดันทางเศรษฐกิจบ้านเรา
-
คนทั่วไป ที่ไม่ค่อยรู้ข้อมูลเชิงลึกอย่างเช่นผมก็เหมือนกัน แค่ตามข่าวยานยนต์ทั่วไป ยังดูออกเลยครับ
ยิ่งค่ายรถเขารู้อยู่แล้ว คนในหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเองก็รู้หมดแหละ
แต่ทำอะไรไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนอะไรไม่ได้ ก็เหมือน ยอมรับสภาพ
ผมสนับสนุนให้ค่ายยี่ปุ่น ยุบโรงงาน ยกเลิกการผลิตและบริการ ให้คนไทยตกงานกันให้หมด ให้คนงานและคนมีเงินเดือนจากโรงงานญี่ปุ่นเดือดร้อนถึงขีดสุด ไปหาฐานการผลิตใหม่ในประเทศคู่แข่งไทย อย่างเวียดนาม อินโดนิเซีย มาเลเซีย ก็ได้
ผมมีความเชื่อ(ไม่รู้จริงไม่จริงอีกเรื่องนะ) ว่า ประเทศไทยเราพัฒนามาถึงจุดนี้ได้ ถ้าไม่มีโรงงาน การจ้างงาน ผลิตภัณฑ์ หรือ อุตสาหกรรม จากญุี่ปุ่่น ประเทศไทย เราเดินมาไม่ไกลถึงจุดนี้แน่นอน
-
ตลาดรถกระบะหละครับเอื้อใคร มานานแค่ไหน
ราคาน้ำมันดีเซลอีกหละครับ
เดี๋ยวนะครับ เอื้อยังไงนะ รถกระบะมันก็เสียภาษีตามปกตินะ ร้าบานได้เงินภาษีจากตลาดกระบะไปกี่ล้านล้านแล้ว
ราคาน้ำมันดีเซลเขาอุ้มเพราะกระทบภาคอุตสาหกรรม กับการขนส่งครับ ถ้าไม่อุ้มรับรองค่าครองชีพจะสูงกว่านี้ อันนี้เรียกว่าร้าบานเอื้อคนไทยทุกคนยังได้เลยครับ
กระบะสี่ประตูเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่า C-Segment
กระบะแคปเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่าอีโค่คาร์
นี่เรียกว่าปกติหรอครับ
ตอนนี้อุ้มน้ำมันดีเซลราคา 29.94 บาท แล้วค่าสินค้าค่าขนส่งได้ลดลงซักบาทจากตอนที่น้ำมันราคา 30 กว่าบาทรึยังครับ
ปกติค่าขนส่งพวกธุรกิจค้าปลีก modern trade ค่าขนส่งลด 1-1.5% /ค่าน้ำมัน1บาท ครับ
ต้องถามเพิ่มว่าราคาสินค้าลดลงตามไหม น่าจะครบถ้วนมากขึ้นครับ
-
สิทธิประโยชน์ที่จีนได้ไป ผมเข้าใจว่าเกี่ยวกับการผลิตในประเทศด้วยนะครับ ตอนนี้อาจจะนำเข้ามาอยู่ แต่ต่อไปต้องผลิตและขายให้ได้ตามที่ได้ขายออกไปแล้ว ถ้าขายไม่ออก คงต้องพยายามดันยอดกันน่าดูเลยเวลานั้น
FTA ได้สิทธิ์ก็ไม่ต้องผลิตในประเทศครับ เหมือนได้สิทธิ์ฟรีๆไปเลยถ้านำเข้ามาจากจีน เหมือน Tesla ก็ไม่ต้องมาผลิตในไทย
-
รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์รถจีน แต่เอื้อประโยชน์รถ EV ต่างหาก
ถ้าท่านทำรถ EV ออกมา รัฐก็จะเอื้อประโยชน์ท่านเช่นกัน
เหมือนไม่ยอมลงทุน แต่ก็ไม่อยากเสียผลประโยชน์ มันยังไงๆ อยู่นะ
เห็นด้วยที่สุดครับ ... tesla นี่รถจีนไหมล่ะ .. ทำไมเค้าทำได้
ก็ไม่ได้อวยรถจีนหรือ EV นะครับ แต่เนื้อหาข่าวของญี่ปุ่นนี้ออกแนวทุเรศไปหน่อย เค้าอุดหนุนรถ EV ไม่ใช่รถจีน ส่วนถ้าตัวเองจะผลิต EV มาขายก็ถ้าไม่ทำตามเงื่อนไข BOI ก็ไปผลิตที่จีนสิ มีโรงงานไม่ใช่หรอ ผลิต EV ที่จีนโน่น แล้วนำเข้ามาแบบที่ tesla ทำไง
เรื่มจะเกลียดขี้หน้าค่ายรถญี่ปุ่นแล้วแฮะ ...
รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์รถจีนครับ แต่เอื้อประโยชน์รถ EV ที่นำเข้าจากจีน มันสร้างความได้เปรียบมหาศาลให้รถที่มาจากจีน ถ้ารัฐบอกว่าส่งเสริม EV จริงมันต้องเว้นภาษีนำเข้า 0% ให้รถที่ผลิตจากประเทศอื่นด้วยสิครับ
-
8) 8) 8)..... ช่วยไม่ได้ ยูเทิร์นช้า เอง ไม่ต้องคร่ำครวญ :-X
-
เอาจริงๆผมก็คิดว่ามันไม่แฟร์นะ คือก่อนหน้านี้คนที่ได้สิทธิคือ เจ้าไหนก็ได้ ไม่ได้สนใจที่มา แค่มาตั้งโรงงานประกอบในไทย มีชิ้นส่วนที่ผลิตในไทยก็ได้แล้ว นอกจากได้อัตราภาษีที่ถูกกว่าซึ่งทำให้ต้นทุนต่ำลง มันยังสร้างงานให้กับโรงงานชิ้นส่วน และแรงงานอีกหลายพันหลายหมื่นคน
ซึ่งฝั้งยุโรปเองก็มีเอามาประกอบในไทยเหมือนกัน
ซึ่งลึกๆมันก็มีการเอื้อประโยชน์กันอย่างที่ทุกดคนคิดนั้นแหละ จะมาเปิดโรงงานผลิตขายในไทย ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูงอีก ขนาด vw ยังไม่สนใจไทยเลย ผู้เล่นหน้าใหม่ในบ้านเราเลยมีน้อย
พอมา FTA กลายเป็นว่า ไม่ต้องลงทุนอะไรเท่าไร่ เปิดโชว์รูมสั่งรถมาขายจบ คนไทยก็ได้ประโยชน์ตรงที่ได้รถที่ราคาถูกลง แต่โรงงาน/แรงงานนั้งตบยุงกันไป ภาษีรถนำเข้าก็หายไป แต่เฉพาะ ev ที่มากจากจีนนะ...
ก็ไม่รู้ว่ายอดขาย bev จากจีนเยอะ ฝั้งรถผลิตในไทยของขายน้อยลง จะกระทบกับภาษีที่รัฐจัดเก็บได้ขนาดไหน แล้วรัฐจะต้องทำยังไงเพิ่งชดเชยรายได้ที่หายไป..
ส่วนตัวมุมนึงก็คิดว่าดีที่มี fta จะได้เห็นการพัฒนาของรถที่ผลิจชสบในไทยบ้าง
แต่มันจะแฟร์กว่านี้ถ้าเปิดเป็น BEV จากที่ไหนที่โลกก็ได้ แล้วให้สิทธิที่ใกล้เคียงกัน
-
เอาจริงๆผมก็คิดว่ามันไม่แฟร์นะ คือก่อนหน้านี้คนที่ได้สิทธิคือ เจ้าไหนก็ได้ ไม่ได้สนใจที่มา แค่มาตั้งโรงงานประกอบในไทย มีชิ้นส่วนที่ผลิตในไทยก็ได้แล้ว นอกจากได้อัตราภาษีที่ถูกกว่าซึ่งทำให้ต้นทุนต่ำลง มันยังสร้างงานให้กับโรงงานชิ้นส่วน และแรงงานอีกหลายพันหลายหมื่นคน
ซึ่งฝั้งยุโรปเองก็มีเอามาประกอบในไทยเหมือนกัน
ซึ่งลึกๆมันก็มีการเอื้อประโยชน์กันอย่างที่ทุกดคนคิดนั้นแหละ จะมาเปิดโรงงานผลิตขายในไทย ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูงอีก ขนาด vw ยังไม่สนใจไทยเลย ผู้เล่นหน้าใหม่ในบ้านเราเลยมีน้อย
พอมา FTA กลายเป็นว่า ไม่ต้องลงทุนอะไรเท่าไร่ เปิดโชว์รูมสั่งรถมาขายจบ คนไทยก็ได้ประโยชน์ตรงที่ได้รถที่ราคาถูกลง แต่โรงงาน/แรงงานนั้งตบยุงกันไป ภาษีรถนำเข้าก็หายไป แต่เฉพาะ ev ที่มากจากจีนนะ...
ก็ไม่รู้ว่ายอดขาย bev จากจีนเยอะ ฝั้งรถผลิตในไทยของขายน้อยลง จะกระทบกับภาษีที่รัฐจัดเก็บได้ขนาดไหน แล้วรัฐจะต้องทำยังไงเพิ่งชดเชยรายได้ที่หายไป..
ส่วนตัวมุมนึงก็คิดว่าดีที่มี fta จะได้เห็นการพัฒนาของรถที่ผลิจชสบในไทยบ้าง
แต่มันจะแฟร์กว่านี้ถ้าเปิดเป็น BEV จากที่ไหนที่โลกก็ได้ แล้วให้สิทธิที่ใกล้เคียงกัน
อย่างแรก รัฐเสียประโยชน์ จากภาษีที่ควรจะได้ แล้วไม่ได้ครับ
อย่างที่2 ประเทศต้นทางอย่างที่ส่งมาไทย ได้ประโยชน์ที่ไม่ต้องเสียภาษีให้ไทย แถม ต้องเอาเงินภาษี ไปจ่ายส่วนต่างเพื่อลดราคาให้เขาอีกต่ออีก
อย่างที่3 มันก็ควรการสร้างานในประเทศเขา แล้ว เอาสินค้ามาระบายประเทศอื่นได้ แบบกำไรมากขึ้น(เพราะไม่มีภาษี)
อย่างที่4 คนไทยได้ใช้รถที่ถูกกว่าที่ต้องเสียภาษี (แต่ไม่ใช่ถูกลง เพราะราคาตีหยวนเป็นบาทบางรุ่นแพงกว่าที่โน่น) จากการมีภาษี และ ไม่มีภาษี
อย่างที่5 ประเทศต้นทาง ขายวัตถุดิบ จ้างงาน และอื่นๆ ให้กับบริษัทสัญชาติต่างประเทศที่คิดจะไปตั้งฐานผลิตในประเทศเขา
ผมมั่วๆ คิดได้ประมาณนี้นะ
ถ้าใช้คำว่า ไทยอยากพัฒนา หรือ อยากให้คนไทยใช้รถไฟฟ้า ก็เปิดให้นำเข้าได้จากทั่วโลก FTA0% เหมือนกันหมด จะได้ไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง
อีกอย่าง รถที่มาจากประเทศดังกล่าว ก็ไม่ได้มีแต่ยี่ห้อประเทศนั้น ยังมีรถยี่ห้ออื่น ที่ใช้ประเทศดังกล่าว เป็นฐานผลิต ด้วย
บางคนยังมองว่า เจ๊ก หรือ ยุ่น แบ่งแยก โน่น นี่ นั้น มันยันดึง kodak nokia ก็มา
ถ้าตัดชื่อประเทศออก แล้วมองเป็นประเทศนำเข้าจาก A ไม่มีภาษี กับ B มีภาษี มันก็เห็นว่า ทำไมอยู่ๆ ประเทศเราเปิดประตูให้เขาง่ายๆ ไร้กำแพงภาษีขนาดนั้น
จำได้ไหมว่า ก่อนหน้านี้ เคยจะไปเก็บภาษีขายสินค้าออนไลน์ในแอพสีส้มๆ ที่มาจากประเทศนั้น บอกว่าต้องเสีย vat แล้วทุกวันนั้น เก็บได้กี่บาทแล้วครับ
-
ก่อนหน้านี้ ไทยไม่ได้นำเข้ารถจากจีนมากขนาดนี้ ภาษีนำเข้าก็ไม่ได้อยู่แล้วนี่
ตอนนี้ให้เข้าแบบ 0% แต่มีข้อตกลง มันก็เท่าเดิมคือไม่ได้ภาษี
ต่อมาคือคนไทยไปซื้อรถจีน ทำให้ยอดขายรถญี่ปุ่นน้อยลง
ก็เพราะรถญี่ปุ่นมันไม่ตอบโจทย์แล้ว น้ำมันก็แพง
option ก็กั๊กๆ ไม่สมราคา (ตอนนี้ทำไมถึงลดราคาหลักแสนได้ ก็คิดดูละกัน)
แต่ญี่ปุ่นถ้าอยากช่วยไทยเรื่องภาษี ก็ไปเพิ่มยอดขายรถที่ผลิตส่งออกสิ
สมมติยอดขายในไทยตกไป 30,000 คัน ก็ส่งออกเพิ่มให้มากกว่า
-
ก่อนหน้านี้ ไทยไม่ได้นำเข้ารถจากจีนมากขนาดนี้ ภาษีนำเข้าก็ไม่ได้อยู่แล้วนี่
ตอนนี้ให้เข้าแบบ 0% แต่มีข้อตกลง มันก็เท่าเดิมคือไม่ได้ภาษี
ต่อมาคือคนไทยไปซื้อรถจีน ทำให้ยอดขายรถญี่ปุ่นน้อยลง
ก็เพราะรถญี่ปุ่นมันไม่ตอบโจทย์แล้ว น้ำมันก็แพง
option ก็กั๊กๆ ไม่สมราคา (ตอนนี้ทำไมถึงลดราคาหลักแสนได้ ก็คิดดูละกัน)
แต่ญี่ปุ่นถ้าอยากช่วยไทยเรื่องภาษี ก็ไปเพิ่มยอดขายรถที่ผลิตส่งออกสิ
สมมติยอดขายในไทยตกไป 30,000 คัน ก็ส่งออกเพิ่มให้มากกว่า
เมื่อนำเข้าจากจีน รัฐไม่ได้ภาษี
รถนำเข้าจากจีนทำให้รถประกอบในประเทศน้อยลง
ภาษีที่รัฐควรจะได้จากรถประกอบในประเทศก็น้อยลง
ด้วยไงครับ
ส่วนรถที่ประกอบในประเทศแล้วส่งออก
จำนวนรถตรงนี้ไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต
ให้รัฐไทยอยู่แล้ว เพราะรถเหล่านี้ไม่ได้ถูก
บริโภคในประเทศครับ
-
ก่อนหน้านี้ ไทยไม่ได้นำเข้ารถจากจีนมากขนาดนี้ ภาษีนำเข้าก็ไม่ได้อยู่แล้วนี่
ตอนนี้ให้เข้าแบบ 0% แต่มีข้อตกลง มันก็เท่าเดิมคือไม่ได้ภาษี
ต่อมาคือคนไทยไปซื้อรถจีน ทำให้ยอดขายรถญี่ปุ่นน้อยลง
ก็เพราะรถญี่ปุ่นมันไม่ตอบโจทย์แล้ว น้ำมันก็แพง
option ก็กั๊กๆ ไม่สมราคา (ตอนนี้ทำไมถึงลดราคาหลักแสนได้ ก็คิดดูละกัน)
แต่ญี่ปุ่นถ้าอยากช่วยไทยเรื่องภาษี ก็ไปเพิ่มยอดขายรถที่ผลิตส่งออกสิ
สมมติยอดขายในไทยตกไป 30,000 คัน ก็ส่งออกเพิ่มให้มากกว่า
เมื่อนำเข้าจากจีน รัฐไม่ได้ภาษี
รถนำเข้าจากจีนทำให้รถประกอบในประเทศน้อยลง
ภาษีที่รัฐควรจะได้จากรถประกอบในประเทศก็น้อยลง
ด้วยไงครับ
ส่วนรถที่ประกอบในประเทศแล้วส่งออก
จำนวนรถตรงนี้ไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต
ให้รัฐไทยอยู่แล้ว เพราะรถเหล่านี้ไม่ได้ถูก
บริโภคในประเทศครับ
ใช่ครับผลิตน้อยลง ถึงได้ต้องให้มีโรงงานจีนมาสร้างใหม่ผลิตในไทย
ญี่ปุ่นลด จีนเพิ่ม
ส่วนที่ส่งออก มีภาษีจากนิติบุคคลกำไร ปลายปีอีกส่วนครับ
เพิ่มเติมครับ ค่าน้ำมัน ส่วนนึงแล้วไม่ต้องไปซื้อน้ำมันดิบเข้ามาแล้ว
เงินตรงส่วนนี้ที่เคยจ่ายออก ผมว่าใน 1 คนต้องมีเกือบแสน
เงินก้อนนี้ก็ยังอยู่ในประเทศ (ไม่รู้ว่าแต่ละคนเอาไปทำอะไร)
มันก็ยังดีกว่าถูกโอนออกไปซื้อน้ำมันนะครับ
ลองคำนวณเล่นๆ ปีนี้ ยอดจด 20,000 คัน x 8,000 บาท x 12 เดือน = xxx
-
กระบะสี่ประตูเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่า C-Segment
กระบะแคปเสียภาษีสรรพสามิตน้อยกว่าอีโค่คาร์
นี่เรียกว่าปกติหรอครับ
ตอนนี้อุ้มน้ำมันดีเซลราคา 29.94 บาท แล้วค่าสินค้าค่าขนส่งได้ลดลงซักบาทจากตอนที่น้ำมันราคา 30 กว่าบาทรึยังครับ
ลดครับ ขอร้องด่ามาด่าพูดมั่วๆครับ อย่าให้คนทั่วไปหลง
ค่าขนส่งขึ้นลงตามราคาน้ำมัน ตัวอย่างชัดๆก็เคมีภัณฑ์ 3-4ปีที่ผ่านมา ต้นทุนผลิตยาขึ้นเป็น% น้อยมาก(หลักสตางค์) แต่ที่เห็นราคายาขึ้นพรวดๆตอนดีเซลลิตรละ 32 แล้วก็ปรับลงมาช่วงเหลือ30
ค่ายาร้านทั่วไป ลดลงครับ
ที่เห็นไม่ปรับลง เอามาตัดสินภาคขนส่งไม่ได้นะครับ อย่าใช้ความรู้สึก เอาความจริงมาคุยกัน
ผมเป็นผู้บริโภคอ่ะ ผมต้องรู้หรอว่าภาคขนส่งลดราคาหรือไม่ลด ที่ผมรู้คือป้ายราคาสินค้ามันไม่ลดตามราคาน้ำมัน
ผมเป็นลูกค้า ผมก็สนแค่ผลลัพธ์อ่ะ ผมต้องรู้วิธีการของคุณด้วยหรอ งั้นแปลว่างานคุณโคตรห่วยนะ ถ้าคุณกลัวภาคขนส่งของคุณเป็นแพะก็ไปออกข่าวชี้แจงเลยครับ ไม่ใช่มาหาว่าคนอื่นมั่ว
แล้วก็ไม่ต้องมาใช้คำว่าขอร้องอะไรไร้สาระ ผมไม่ใช่นักวิชาการชื่อดังที่พูดอะไรแล้วคนอื่นจะเชื่อ เค้าคิด วิเคราะห์ แยกแยะเป็นครับ
-
ก่อนหน้านี้ ไทยไม่ได้นำเข้ารถจากจีนมากขนาดนี้ ภาษีนำเข้าก็ไม่ได้อยู่แล้วนี่
ตอนนี้ให้เข้าแบบ 0% แต่มีข้อตกลง มันก็เท่าเดิมคือไม่ได้ภาษี
ต่อมาคือคนไทยไปซื้อรถจีน ทำให้ยอดขายรถญี่ปุ่นน้อยลง
ก็เพราะรถญี่ปุ่นมันไม่ตอบโจทย์แล้ว น้ำมันก็แพง
option ก็กั๊กๆ ไม่สมราคา (ตอนนี้ทำไมถึงลดราคาหลักแสนได้ ก็คิดดูละกัน)
แต่ญี่ปุ่นถ้าอยากช่วยไทยเรื่องภาษี ก็ไปเพิ่มยอดขายรถที่ผลิตส่งออกสิ
สมมติยอดขายในไทยตกไป 30,000 คัน ก็ส่งออกเพิ่มให้มากกว่า
เมื่อนำเข้าจากจีน รัฐไม่ได้ภาษี
รถนำเข้าจากจีนทำให้รถประกอบในประเทศน้อยลง
ภาษีที่รัฐควรจะได้จากรถประกอบในประเทศก็น้อยลง
ด้วยไงครับ
ส่วนรถที่ประกอบในประเทศแล้วส่งออก
จำนวนรถตรงนี้ไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต
ให้รัฐไทยอยู่แล้ว เพราะรถเหล่านี้ไม่ได้ถูก
บริโภคในประเทศครับ
ใช่ครับผลิตน้อยลง ถึงได้ต้องให้มีโรงงานจีนมาสร้างใหม่ผลิตในไทย
ญี่ปุ่นลด จีนเพิ่ม
ส่วนที่ส่งออก มีภาษีจากนิติบุคคลกำไร ปลายปีอีกส่วนครับ
เพิ่มเติมครับ ค่าน้ำมัน ส่วนนึงแล้วไม่ต้องไปซื้อน้ำมันดิบเข้ามาแล้ว
เงินตรงส่วนนี้ที่เคยจ่ายออก ผมว่าใน 1 คนต้องมีเกือบแสน
เงินก้อนนี้ก็ยังอยู่ในประเทศ (ไม่รู้ว่าแต่ละคนเอาไปทำอะไร)
มันก็ยังดีกว่าถูกโอนออกไปซื้อน้ำมันนะครับ
ลองคำนวณเล่นๆ ปีนี้ ยอดจด 20,000 คัน x 8,000 บาท x 12 เดือน = xxx
เรากำลังคุยกันเรื่องอะไรนะ ?!?
-
นำเข้าจีน vs ผลิตไทย
รถ EV ผลิตจีนนำเข้าไทย ไม่โดนภาษีนำเข้า กำไรอยู่ที่บริษัทที่จีน กับดีลเลอที่ไทย คนไทยได้รถราคาถูกแต่เม็ดเงินไหลออกไปหมด
รถผลิต/ประกอบในไทย ไม่มีภาษีนำเช้าเพราะประกอบไทย... แต่เสียสรรพสามิตรครับ
แล้วเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ ยังตกลงไปที่ แรงงานหลักหมื่นคน โรงงานชิ้นส่วน ดีลเลอ บริษัทที่จัดตั้งที่ไทยอยู่ในระบบภาษีของไทยบ้าง
ผมเองไม่แน่ใจว่ารถไฟฟ้าที่ผลิตจากจีน จำเป็นต้องมาเปิดโรงงานในไทยไหมนะ
เข้าใจว่า BEV ผลิตในจีนนำเข้ามาไม่เสียภาษี เช่น tesla / byd ตาม FTA
ซึ่งถ้าเอามาประกอบในไทย ต้องเปิดโรงงาน ต้องสั้ง Part ใน volumn ที่น้อยกว่าฝั้งจีน ต้นทุนน่าจะสูงขึ้น
ดีไม่ดีราคาขายอาจแพงกว่านำเข้าทั้งคันก็ได้
ส่วน ICE / PHEV / HEV นำเข้าได้ภาษีเรทต่ำ แต่ต้องมาประกอบจำหน่ายในไทยให้ได้จำนวนเท่ากันด้วย
ซึ่งอันนี้เป้นกลุ่มของ Haval/ Tank ถ้าเป็นกรณีนี้ประเทศเรายังพอได้ประโยชน์อยู่บ้างครับ
-
ก่อนหน้านี้ ไทยไม่ได้นำเข้ารถจากจีนมากขนาดนี้ ภาษีนำเข้าก็ไม่ได้อยู่แล้วนี่
ตอนนี้ให้เข้าแบบ 0% แต่มีข้อตกลง มันก็เท่าเดิมคือไม่ได้ภาษี
ต่อมาคือคนไทยไปซื้อรถจีน ทำให้ยอดขายรถญี่ปุ่นน้อยลง
ก็เพราะรถญี่ปุ่นมันไม่ตอบโจทย์แล้ว น้ำมันก็แพง
option ก็กั๊กๆ ไม่สมราคา (ตอนนี้ทำไมถึงลดราคาหลักแสนได้ ก็คิดดูละกัน)
แต่ญี่ปุ่นถ้าอยากช่วยไทยเรื่องภาษี ก็ไปเพิ่มยอดขายรถที่ผลิตส่งออกสิ
สมมติยอดขายในไทยตกไป 30,000 คัน ก็ส่งออกเพิ่มให้มากกว่า
เมื่อนำเข้าจากจีน รัฐไม่ได้ภาษี
รถนำเข้าจากจีนทำให้รถประกอบในประเทศน้อยลง
ภาษีที่รัฐควรจะได้จากรถประกอบในประเทศก็น้อยลง
ด้วยไงครับ
ส่วนรถที่ประกอบในประเทศแล้วส่งออก
จำนวนรถตรงนี้ไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต
ให้รัฐไทยอยู่แล้ว เพราะรถเหล่านี้ไม่ได้ถูก
บริโภคในประเทศครับ
ทำการบ้านข้อมูลหน่อย ภาษีสรรพสามิต มหาดไทย มูลค่าเพิ่มยังอยู่กันจุกๆครบๆ
โลกแบบไม่สวย ผู้บริโภค no care เรื่องรถประกอบใน เทคโนโลยีล้าสมัย ราคาแพง ขายไม่ออกอยู่แล้ว ได้ประหยัดเงินในกระเป๋าเป็นเท่าๆ ใครไม่ชอบ ถ้าไม่พอใจก็อย่าซื้อรถอีวีนำเข้าจากจีนสิค่อป
-
เอาจริงๆผมก็คิดว่ามันไม่แฟร์นะ คือก่อนหน้านี้คนที่ได้สิทธิคือ เจ้าไหนก็ได้ ไม่ได้สนใจที่มา แค่มาตั้งโรงงานประกอบในไทย มีชิ้นส่วนที่ผลิตในไทยก็ได้แล้ว นอกจากได้อัตราภาษีที่ถูกกว่าซึ่งทำให้ต้นทุนต่ำลง มันยังสร้างงานให้กับโรงงานชิ้นส่วน และแรงงานอีกหลายพันหลายหมื่นคน
ซึ่งฝั้งยุโรปเองก็มีเอามาประกอบในไทยเหมือนกัน
ซึ่งลึกๆมันก็มีการเอื้อประโยชน์กันอย่างที่ทุกดคนคิดนั้นแหละ จะมาเปิดโรงงานผลิตขายในไทย ก็ต้องใช้เงินลงทุนสูงอีก ขนาด vw ยังไม่สนใจไทยเลย ผู้เล่นหน้าใหม่ในบ้านเราเลยมีน้อย
พอมา FTA กลายเป็นว่า ไม่ต้องลงทุนอะไรเท่าไร่ เปิดโชว์รูมสั่งรถมาขายจบ คนไทยก็ได้ประโยชน์ตรงที่ได้รถที่ราคาถูกลง แต่โรงงาน/แรงงานนั้งตบยุงกันไป ภาษีรถนำเข้าก็หายไป แต่เฉพาะ ev ที่มากจากจีนนะ...
ก็ไม่รู้ว่ายอดขาย bev จากจีนเยอะ ฝั้งรถผลิตในไทยของขายน้อยลง จะกระทบกับภาษีที่รัฐจัดเก็บได้ขนาดไหน แล้วรัฐจะต้องทำยังไงเพิ่งชดเชยรายได้ที่หายไป..
ส่วนตัวมุมนึงก็คิดว่าดีที่มี fta จะได้เห็นการพัฒนาของรถที่ผลิจชสบในไทยบ้าง
แต่มันจะแฟร์กว่านี้ถ้าเปิดเป็น BEV จากที่ไหนที่โลกก็ได้ แล้วให้สิทธิที่ใกล้เคียงกัน
อย่างแรก รัฐเสียประโยชน์ จากภาษีที่ควรจะได้ แล้วไม่ได้ครับ
อย่างที่2 ประเทศต้นทางอย่างที่ส่งมาไทย ได้ประโยชน์ที่ไม่ต้องเสียภาษีให้ไทย แถม ต้องเอาเงินภาษี ไปจ่ายส่วนต่างเพื่อลดราคาให้เขาอีกต่ออีก
อย่างที่3 มันก็ควรการสร้างานในประเทศเขา แล้ว เอาสินค้ามาระบายประเทศอื่นได้ แบบกำไรมากขึ้น(เพราะไม่มีภาษี)
อย่างที่4 คนไทยได้ใช้รถที่ถูกกว่าที่ต้องเสียภาษี (แต่ไม่ใช่ถูกลง เพราะราคาตีหยวนเป็นบาทบางรุ่นแพงกว่าที่โน่น) จากการมีภาษี และ ไม่มีภาษี
อย่างที่5 ประเทศต้นทาง ขายวัตถุดิบ จ้างงาน และอื่นๆ ให้กับบริษัทสัญชาติต่างประเทศที่คิดจะไปตั้งฐานผลิตในประเทศเขา
ผมมั่วๆ คิดได้ประมาณนี้นะ
ถ้าใช้คำว่า ไทยอยากพัฒนา หรือ อยากให้คนไทยใช้รถไฟฟ้า ก็เปิดให้นำเข้าได้จากทั่วโลก FTA0% เหมือนกันหมด จะได้ไม่ต้องรักพี่เสียดายน้อง
อีกอย่าง รถที่มาจากประเทศดังกล่าว ก็ไม่ได้มีแต่ยี่ห้อประเทศนั้น ยังมีรถยี่ห้ออื่น ที่ใช้ประเทศดังกล่าว เป็นฐานผลิต ด้วย
บางคนยังมองว่า เจ๊ก หรือ ยุ่น แบ่งแยก โน่น นี่ นั้น มันยันดึง kodak nokia ก็มา
ถ้าตัดชื่อประเทศออก แล้วมองเป็นประเทศนำเข้าจาก A ไม่มีภาษี กับ B มีภาษี มันก็เห็นว่า ทำไมอยู่ๆ ประเทศเราเปิดประตูให้เขาง่ายๆ ไร้กำแพงภาษีขนาดนั้น
จำได้ไหมว่า ก่อนหน้านี้ เคยจะไปเก็บภาษีขายสินค้าออนไลน์ในแอพสีส้มๆ ที่มาจากประเทศนั้น บอกว่าต้องเสีย vat แล้วทุกวันนั้น เก็บได้กี่บาทแล้วครับ
โลกไม่สวย คนไทยและหลายๆคนในนี้มองผลประโยชน์ข้อ 4 อย่างเดียว แค่ไม่พูดออกมาตรงๆแค่นั่นเอง
-
ก่อนหน้านี้ ไทยไม่ได้นำเข้ารถจากจีนมากขนาดนี้ ภาษีนำเข้าก็ไม่ได้อยู่แล้วนี่
ตอนนี้ให้เข้าแบบ 0% แต่มีข้อตกลง มันก็เท่าเดิมคือไม่ได้ภาษี
ต่อมาคือคนไทยไปซื้อรถจีน ทำให้ยอดขายรถญี่ปุ่นน้อยลง
ก็เพราะรถญี่ปุ่นมันไม่ตอบโจทย์แล้ว น้ำมันก็แพง
option ก็กั๊กๆ ไม่สมราคา (ตอนนี้ทำไมถึงลดราคาหลักแสนได้ ก็คิดดูละกัน)
แต่ญี่ปุ่นถ้าอยากช่วยไทยเรื่องภาษี ก็ไปเพิ่มยอดขายรถที่ผลิตส่งออกสิ
สมมติยอดขายในไทยตกไป 30,000 คัน ก็ส่งออกเพิ่มให้มากกว่า
เมื่อนำเข้าจากจีน รัฐไม่ได้ภาษี
รถนำเข้าจากจีนทำให้รถประกอบในประเทศน้อยลง
ภาษีที่รัฐควรจะได้จากรถประกอบในประเทศก็น้อยลง
ด้วยไงครับ
ส่วนรถที่ประกอบในประเทศแล้วส่งออก
จำนวนรถตรงนี้ไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต
ให้รัฐไทยอยู่แล้ว เพราะรถเหล่านี้ไม่ได้ถูก
บริโภคในประเทศครับ
ทำการบ้านข้อมูลหน่อย ภาษีสรรพสามิต มหาดไทย มูลค่าเพิ่มยังอยู่กันจุกๆครบๆ
โลกแบบไม่สวย ผู้บริโภค no care เรื่องรถประกอบใน เทคโนโลยีล้าสมัย ราคาแพง ขายไม่ออกอยู่แล้ว ได้ประหยัดเงินในกระเป๋าเป็นเท่าๆ ใครไม่ชอบ ถ้าไม่พอใจก็อย่าซื้อรถอีวีนำเข้าจากจีนสิค่อป
จุกตรงไหนครับ สรรพสามิตรถไฟฟ้า BEV มันน้อยนะครับ อย่าง Tesla เสียสรรพสามิตแค่ 8% เอง น้อยกว่า Eco Car อีก แถมภาษีมหาดไทยก็เสียแค่ 10% ของสรรพสามิต
ภาษีรถนำเข้ามันหนักที่ภาษีนำเข้านั่นแหละครับ
-
แล้วภาษีนำเข้าที่ว่านี่มันเท่าไหร่ คำนวนยังไง เค้าเปิดเผยไหมครับ
ทำไมภาษีสรรพสามิตบอกได้ แต่ภาษีนำเข้าไม่บอก
จะได้รู้กันไปเลยว่าแบบเสียกับไม่เสียมันต่างกันเท่าไหร่
-
แล้วภาษีนำเข้าที่ว่านี่มันเท่าไหร่ คำนวนยังไง เค้าเปิดเผยไหมครับ
ทำไมภาษีสรรพสามิตบอกได้ แต่ภาษีนำเข้าไม่บอก
จะได้รู้กันไปเลยว่าแบบเสียกับไม่เสียมันต่างกันเท่าไหร่
สรรพสามิตก็รู้แค่ว่าเสียกี่% แต่ไม่รู้ว่าเอาราคาไหนไปคูณ ส่วนภาษีนำเข้าเห็นมีตั้งแต่ 40%-80% ไม่แน่ใจว่าถึง 120% เลยมั้ย
-
แล้วภาษีนำเข้าที่ว่านี่มันเท่าไหร่ คำนวนยังไง เค้าเปิดเผยไหมครับ
ทำไมภาษีสรรพสามิตบอกได้ แต่ภาษีนำเข้าไม่บอก
จะได้รู้กันไปเลยว่าแบบเสียกับไม่เสียมันต่างกันเท่าไหร่
สรรพสามิตก็รู้แค่ว่าเสียกี่% แต่ไม่รู้ว่าเอาราคาไหนไปคูณ ส่วนภาษีนำเข้าเห็นมีตั้งแต่ 40%-80% ไม่แน่ใจว่าถึง 120% เลยมั้ย
ภาษีนำเข้า
ทั่วไป 80% ของราคา CIF
ASEAN-China FTA 0% ของราคา CIF อันนี้โคตรดี 8)
ASEAN-Japan FTA 20% ของราคา CIF
ASEAN-Korea FTA 40% ของราคา CIF
สรรพสามิต
รถ cbu BEV 8% x ราคา retail suggested price (RSP มันรวมต้นทุนการนำเข้า ถ้าซวยมีภาษีนำเข้าก้อนนี้จะบวมถึงบวมมากสุดๆ แต่ถ้านำเข้าจากจีน สบาย)
รถ ckd BEV 2% x ราคา retail suggested price
จะเห็นได้ว่าตัดก้อนภาษีนำเข้าไป ชีวิตคนไทยสบายขึ้นเยอะ
-
การจ้างงานไปอยู่ที่จีนทั้งนั้น ผลิตๆๆๆๆ เอาเข้ามาประกอบที่ไทยเฉยๆ เงินไหลออกไปจีนโลดดดดดด