Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: wcr ที่ มกราคม 17, 2024, 10:17:13
-
พอดีวันนี้ขับรถเจอคันนึง อยู่เลนกลาง เข้าใจว่าจะแซงคันข้างหน้าที่ช้ามากๆ แต่ด้วยความที่ช้ากันอยู่ พอออกมาเลนขวาก็เร่งไม่ขึ้น แล้วก่อนออกไฟเลี้ยวก็ไม่เปิด ผมมาเลนขวาโล่งๆต้องมาเบรคกระทันหันเกือบชนท้าย ดีที่ข้างหลังไม่มีคันอื่นตามมา ผมก็บีบแตรยาวๆไป เค้าก็ยกมือขอโทษ เป็นคนมีอายุประมาณนึง
ผ่านไปซักพัก มีชนกัน 4 คันรวดที่เลนขวาสุด โดยที่คันแรกหน้าชี้ออกไปด้านขวา เดาได้ไม่ยากว่าคันแรกออกขวามาแล้วคันที่ 2 เบรคไม่ทันเลยชน (ไม่หนัก) แต่คันหลังจากนั้นก็ชนมาอีก 2 คัน รถติดยาว
คือคนพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่มีเซนส์ในการกะระยะหรือความเร็วของรถคันอื่นรอบๆตัวเขา หรือคิดว่ายังไงคันอื่นก็ต้องเบรคให้เค้าทัน หรือไม่ได้คิดอะไรซักอย่างเลย ขับแบบมึนๆไปวันๆ เพื่อนสมาชิกมีคนใกล้ตัวหรือคนรู้จักที่ขับรถแบบนี้กันบ้างมั้ยครับ จะได้เข้าใจความคิดหรือความไม่คิดของคนพวกนี้มากขึ้น หรือพอจะมีวิธีแก้ปัญหาพวกนี้ยังไงบ้างมาแชร์กันครับ
-
มันไม่คิดครับ
-
วิธีแก้คงไม่มี
คงต้องแก้ที่ตัวเราน่ะครับ เวลาขับตจว.เจอโหดกว่านี้อีก
แต่ผมก็รอดมาได้เพราะต้องอ่านความคิดชาวบ้านตลอดเวลที่ใช้ความเร็วสูง และทุกๆคันที่จะผ่านเขาไป จะต้องมีทางหลบอย่างน้อย 1 ถึง 2 ทาง
ทุกๆครั้งที่ผมเจอแบบนี้ ผมชูนิ้วกลางใส่เสมอครับ ผมไม่ยอมแบกรับเป็นความแค้นแล้วไม่สบายใจคนเดียวหรอก
คนทำต้องได้รับรู้บ้าง... ว่าทำอะไรลงไป
แต่เสียดาย ถ้าเดินทางกับครอบครัว ก็คงต้องปล่อยมันไป ปล่อยให้มันไปทำกับคนอื่น
ก็คงขอแหละ ขอว่าซักวัน คันที่โดนมันตัดหน้าเป็นรถพ่วง 18 ล้อ
-
มี 2 อย่างครับ
1. กะระยะไม่เก่งหรือไม่ชินกระจกมองข้าง
2. มันไม่มองกระจกข้าง
ผมนี่จะเจอแต่อย่างที่ 2 คืออยู่ๆมันก็ออกมาตัดหน้าผมเลย ไฟ BSM บนกระจกข้างมันผมยังเห็นเลยว่ามันเตือนอยู่แต่คนขับไม่มอง ทุกวันนี้ทำได้แค่คอยสังเกตุอาการณ์คันหน้า ถ้ามันพุ่งไปใกล้คันหน้าแล้วไม่มีท่าทีจะเบรคหรือเปิดไฟเลี้ยว กระพริบไฟเตือนให้แสงมันสะท้อนกระตุกสติมันก่อนเลยแล้วเท้าเตรียมเบรคเอาไว้เผื่อมันยังจะถลนออกมาอีก
-
ทุกวันนี้คนขับรถกันแปลกมาก ไม่รู้ว่าไม่มีเซ้นส์ หรือไม่สนใจโลก
ผมตั้งข้อสังเกตเล่นๆ ว่าหรือจะเป็นเพราะเด็กยุคหลังๆ ที่โตมาในยุคดิจิตอล เลยไม่ค่อยมีเซ้นส์เรื่องฟิสิกส์เท่าไหร่หรือเปล่า
-
พวกไม่ได้เรื่องเยอะ ขับแบบไม่มีเซ้นไม่มีจินตนาการในการขับ พวกนี้เหมือนระเบิดเวลาเคลื่อนที่ เราต้องระวังพวกมันเอา ทุกวันนี้ขับก็จะเผื่อไว้ตลอด จังหวะไม่ชัวไม่วัดดวงครับ
-
มองหลายมุมนะ
1. ไม่ได้ดู กะระยะไม่เก่ง อันนี้รถเลนกลางผิดเต็มๆ
2. เลนขวาวิ่งเร็วเกิน ถ้าถนนวิ่งกัน 100 limit 100 แล้ววิ่งขวามา 140-160 อันนี้ผมโทษรถขวานะ เขาไม่ได้ตื่นตัวระดับ 140 ปละไม่คิดว่าจะมีรถกดมาเร็วขนาดนั้น.0
-
วิธีแก้คงไม่มี
คงต้องแก้ที่ตัวเราน่ะครับ เวลาขับตจว.เจอโหดกว่านี้อีก
แต่ผมก็รอดมาได้เพราะต้องอ่านความคิดชาวบ้านตลอดเวลที่ใช้ความเร็วสูง และทุกๆคันที่จะผ่านเขาไป จะต้องมีทางหลบอย่างน้อย 1 ถึง 2 ทาง
ทุกๆครั้งที่ผมเจอแบบนี้ ผมชูนิ้วกลางใส่เสมอครับ ผมไม่ยอมแบกรับเป็นความแค้นแล้วไม่สบายใจคนเดียวหรอก
คนทำต้องได้รับรู้บ้าง... ว่าทำอะไรลงไป
แต่เสียดาย ถ้าเดินทางกับครอบครัว ก็คงต้องปล่อยมันไป ปล่อยให้มันไปทำกับคนอื่น
ก็คงขอแหละ ขอว่าซักวัน คันที่โดนมันตัดหน้าเป็นรถพ่วง 18 ล้อ
มี 2 อย่างครับ
1. กะระยะไม่เก่งหรือไม่ชินกระจกมองข้าง
2. มันไม่มองกระจกข้าง
ผมนี่จะเจอแต่อย่างที่ 2 คืออยู่ๆมันก็ออกมาตัดหน้าผมเลย ไฟ BSM บนกระจกข้างมันผมยังเห็นเลยว่ามันเตือนอยู่แต่คนขับไม่มอง ทุกวันนี้ทำได้แค่คอยสังเกตุอาการณ์คันหน้า ถ้ามันพุ่งไปใกล้คันหน้าแล้วไม่มีท่าทีจะเบรคหรือเปิดไฟเลี้ยว กระพริบไฟเตือนให้แสงมันสะท้อนกระตุกสติมันก่อนเลยแล้วเท้าเตรียมเบรคเอาไว้เผื่อมันยังจะถลนออกมาอีก
เห็นด้วยกับการพยายามประเมินสถานการณ์ให้ดีที่สุดก่อนครับ เพราะกรณีแบบนี้ก็ถือว่าเจออยู่บ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ใกล้มาก ไม่ได้ต้องใช้ความพยายามในการหลีกเลี่ยงมาก ก็พอหัวอุ่นๆไม่ได้อะไร
แต่บางครั้งที่ใกล้มากๆและไม่มีสัญญาณให้ประเมินนี่หัวร้อนมากๆครับ เหมือนมันกะว่าถ้าชนเราก็ผิดอยู่ดีเพราะมันเอารถมันเข้าเลนได้เกือบเต็มคันแล้ว แล้วส่วนใหญ่พวกนี้พอออกมาได้ก็มาแช่ขวาต่ออีก
อย่างที่ผมเจอวันนี้เค้าก็ยกมือขอโทษก็เข้าใจได้ว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า "ถ้าขับไม่เป็นก็แค่ไม่ต้องขับ" ประมาณนี้เลยครับ
-
ทุกวันนี้คนขับรถกันแปลกมาก ไม่รู้ว่าไม่มีเซ้นส์ หรือไม่สนใจโลก
ผมตั้งข้อสังเกตเล่นๆ ว่าหรือจะเป็นเพราะเด็กยุคหลังๆ ที่โตมาในยุคดิจิตอล เลยไม่ค่อยมีเซ้นส์เรื่องฟิสิกส์เท่าไหร่หรือเปล่า
ผมว่าเซนส์เรื่องฟิสิกส์มีส่วนแน่ๆครับ หลักๆก็การกะระยะและความเร็ว, แรงเฉื่อย เคยเห็นวิจัยที่ว่าส่วนใหญ่ผู้หญิงจะมีเซนส์ด้านนี้น้อยกว่าผู้ชาย เพราะความจำเป็นต้องใช้มันต่างกันตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ก็ไม่เสมอไปแน่ๆ
ส่วนเด็กรุ่นหลังๆถ้าจะเกี่ยว ผมตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเกี่ยวกับเด็กที่ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมหรือกีฬาที่มีเรื่องแรงเข้ามาเกี่ยว หรือตอนนั่งรถตอนยังขับรถไม่เป็นไม่รู้จักสังเกตอาการต่างๆของรถรวมถึงสถานการณ์นอกรถอะไรแบบนี้ครับ
-
มองหลายมุมนะ
1. ไม่ได้ดู กะระยะไม่เก่ง อันนี้รถเลนกลางผิดเต็มๆ
2. เลนขวาวิ่งเร็วเกิน ถ้าถนนวิ่งกัน 100 limit 100 แล้ววิ่งขวามา 140-160 อันนี้ผมโทษรถขวานะ เขาไม่ได้ตื่นตัวระดับ 140 ปละไม่คิดว่าจะมีรถกดมาเร็วขนาดนั้น.0
ข้อ 2 นี่เข้าใจได้เลยครับ บางครั้งถ้ามาเร็วเกินปกติ คนออกมามันก็ไม่ได้เผื่อถึงขนาดนั้นยิ่งถ้ามาจากไกลๆ แต่อย่างวันนี้ผมขับมาแค่ 80 เพราะเพิ่งผ่านจุดที่รถชะลอมา ต้องมาเบรคหัวทิ่มแบบไร้สาระมาก
-
ทุกวันนี้คนขับรถกันแปลกมาก ไม่รู้ว่าไม่มีเซ้นส์ หรือไม่สนใจโลก
ผมตั้งข้อสังเกตเล่นๆ ว่าหรือจะเป็นเพราะเด็กยุคหลังๆ ที่โตมาในยุคดิจิตอล เลยไม่ค่อยมีเซ้นส์เรื่องฟิสิกส์เท่าไหร่หรือเปล่า
ผมว่าเซนส์เรื่องฟิสิกส์มีส่วนแน่ๆครับ หลักๆก็การกะระยะและความเร็ว, แรงเฉื่อย เคยเห็นวิจัยที่ว่าส่วนใหญ่ผู้หญิงจะมีเซนส์ด้านนี้น้อยกว่าผู้ชาย เพราะความจำเป็นต้องใช้มันต่างกันตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ก็ไม่เสมอไปแน่ๆ
ส่วนเด็กรุ่นหลังๆถ้าจะเกี่ยว ผมตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเกี่ยวกับเด็กที่ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมหรือกีฬาที่มีเรื่องแรงเข้ามาเกี่ยว หรือตอนนั่งรถตอนยังขับรถไม่เป็นไม่รู้จักสังเกตอาการต่างๆของรถรวมถึงสถานการณ์นอกรถอะไรแบบนี้ครับ
คิดเหมือนกันเลยครับ คือที่เจอขับแปลกๆ ไม่รู้ว่าใช่เด็กหรือเปล่า แต่ช่วง 5 ปีมานี่ มันเยอะขึ้นจริงๆ และเยอะขึ้นทุกวัน
-
มองหลายมุมนะ
1. ไม่ได้ดู กะระยะไม่เก่ง อันนี้รถเลนกลางผิดเต็มๆ
2. เลนขวาวิ่งเร็วเกิน ถ้าถนนวิ่งกัน 100 limit 100 แล้ววิ่งขวามา 140-160 อันนี้ผมโทษรถขวานะ เขาไม่ได้ตื่นตัวระดับ 140 ปละไม่คิดว่าจะมีรถกดมาเร็วขนาดนั้น.0
เห็นด้วยครับ ยกตัวอย่าง พวกมอไซค์ที่ขับเร็วๆ พวกนี้ทำให้การกะระยะ ของผู้อื่น ผิดพลาดได้ง่าย
-
มีอีกรูปแบบนึงนะครับที่เซ็งไม่แพ้กัน วิ่งช้าเลนขวาเว้นระยะแบบดักเหยื่อ
พอจะเปิดไฟขอทางเข้าก็แรงมาปิดทันที :-\
(อาการนี้หละที่ทำให้หลายคนไม่ค่อยอยากเปิดไฟขอทาง)
ถ้าเจอการวัดใจแล้ววัดพลาดก็จะชนรูปแบบจขกทว่ามาเหมือนกัน
-
เอาแบบเซฟๆ ผมใช้วิธีดูรถที่อยู่เลนข้างๆ ถ้าขับช้ากว่าปกติ ผมก็จะยกคันเร่งก่อนเลย
เช่น ถ้าผมมา 120 แต่เลนข้างๆ ขับ 60 เพราะกลัวมันเปลี่ยนเลนกระทันหันนี่แหละ
เนื่องจากรถที่อยู่เลนกลาง บางทีไปติดรถที่ขับช้ากว่า ทำให้ต้องแซงแล้วมาเจอกันพอดี
-
คุณสามารถเจอการขับรถแบบนี้ ได้ทั่วไปครับ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
ทุกวันนี้ ผมขับรถ ผมสนใจแค่ตัวผม รถผม เท่านั้น
ส่วนคนอื่นจะขับยังไง ก็ปล่อยผ่านไปครับ เพราะไปกะ ไปเกณฑ์ ให้เขาต้องแบบนั้น แบบนี้ไม่ได้ ถึงแม้เราคิดว่าเขาทำขับรถผิดกฏจราจร ขับไม่เก่ง ขับไม่ชินทาง หรือ อื่นๆ ก็สุดแล้วแต่
ผมระวังหน้า ระวังหลัง ระวังข้าง รถผมเท่านั้น และ ทำตามกฏจราจร ให้ได้มากที่สุด เป็นพอ ครับ
สิ่งที่เจอบ่อยสุด คือ เปิดไฟเลี้ยว = เลี้ยวได้ เปลี่ยนเลนได้ โดยที่เจ้าของเลน เขาจะให้ทางหรือไม่ ไม่สนใจ โนสนโนแคร์ ครับ
ผมปล่อยผ่านหมด ไม่ค่อยสนใจหรอก
-
วัน ๆ นึงผมต้องเจอคนพวกนี้ประมาณ 10-30 คัน ทั้งเบี่ยงออกซ้ายและขวา จะบ้าตาย >:(
เหมือนก่อนเลี้ยวเขามองแค่เลนข้าง ๆ ว่ามันว่างเฉย ๆ ไม่ได้มองกระจกข้างหรือกระจกหลัง จะมองกระจกก็ต่อเมื่อเริ่มหักเลี้ยวแล้วเท่านั้น
หรือไม่ก็มองกระจกแล้วแต่เห็นรถอยู่ไกลๆ ก็เลยหักเลี้ยวเปลี่ยนเลนโดยที่ไม่ได้สนความเร็วรถข้างหลังที่พุ่งเข้ามาเร็วกว่า
หรือไม่ก็พวกอาการหนักสุดคือดูกระจกมองหลังแล้ว เห็นรถข้างหลังมาเร็วกว่าแล้ว แต่กลัวโดนแซงเลยกระโดดออกมาขวางไว้ก่อน
แล้วเท่าที่ผมสังเกต คนพวกนี้ตอนที่ถนนโล่งๆยาวเป็นกิโล จะไม่ค่อยเปลี่ยนเลนหรอก จะเปลี่ยนเลนก็ต่อเมื่อตอนผมเข้าไปใกล้ๆ หรือไม่ก็ตอนผมกำลังจะแซง
บางคน ข้างหน้าตัวเองไม่มีรถอะไรขวาง ไม่มีใครให้แซง แต่ก็กระโดดเปลี่ยนเข้ามาขวางแบบโง่ ๆ เลย ทั้งที่เลนเขาโล่งๆ
-
มีอีกรูปแบบนึงนะครับที่เซ็งไม่แพ้กัน วิ่งช้าเลนขวาเว้นระยะแบบดักเหยื่อ
พอจะเปิดไฟขอทางเข้าก็แรงมาปิดทันที :-\
(อาการนี้หละที่ทำให้หลายคนไม่ค่อยอยากเปิดไฟขอทาง)
ถ้าเจอการวัดใจแล้ววัดพลาดก็จะชนรูปแบบจขกทว่ามาเหมือนกัน
สารภาพว่าผมทำอยู่เรื่อยๆ เป็นเคสที่มองว่าถ้าเขาเข้ามาแล้วเราเสียจังหวะหรืออันตรายกับเรา
ส่วนใหญ่จะเป็นเคสรถที่มุดมา หรือแบบว่า เลนขวาวิ่งต่อๆกันมา ค่อยๆแซงเลนกลางกัน
แล้วมีคันนึงเหยียบมาเลนกลางแล้วจะมาเข้าขวา ซึ่งหลายๆครั้ง ผมเลือกที่ตะเร่งอุดช่องไว้ เพราะถ้าเขาเข้ามาได้ ระยะห่างของเขากับเราจะอยู่ระยะ 1-2 เมตร ในความเร็ว 80-100 ซึ่งถ้ามีคนเบรคจังหวะนั้น เราอายชนคันหน้า หรือถ้าเราเบรคทันคันหลังก็สอยเราได้ครับ
คัวผมมองว่าการเปลี่ยนเลนที่ดีคือ เปลี่ยนเข้ามาแล้วรถที่วิ่งอยู่ไม่ต้องเบรคให้ อาจแค่ยกคันเร่งพอ
เข้าใจว่าตามกฏหมายถ้าจะเปลี่ยนเลน เราต้องดูว่ารถว่างและปลอดภัยที่จะเปลี่ยน แล้วเปิดไฟเลี้ยว แล้วค่อยเปลี่ยนครับ แต่บนถนนจริงๆ มันอาจทำแบบนั้นไม่ได้ครับ
-
ทุกวันนี้คนขับรถกันแปลกมาก ไม่รู้ว่าไม่มีเซ้นส์ หรือไม่สนใจโลก
ผมตั้งข้อสังเกตเล่นๆ ว่าหรือจะเป็นเพราะเด็กยุคหลังๆ ที่โตมาในยุคดิจิตอล เลยไม่ค่อยมีเซ้นส์เรื่องฟิสิกส์เท่าไหร่หรือเปล่า
1.อาจเพราะคนส่วนใหญ่ขี่จักรยานยนต์มาก่อน
2.อาจเพราะใบขับขี่ ได้มาง่ายเกินไป
3.อาจเพราะกฎหมายบทลงโทษเบาเกินไป
4.อาจเพราผู้บังคับใช้กฎหมาย ไม่จริงจัง รับส่วย
5.อาจเพราะสุดท้าย อ้างว่าจน
-
ส่วนใหญ่ พวกรถยกสูงชอบจี้ตูดคันหลัง แถมแซงรถโดยเบี่ยงออกขวาแบบไม่มองหลังนี่น่ากลัวมากๆ โดยเฉพาะพวกรถกระบะกับ PPV ทั้งหลาย
-
ใครมีเวลาลองมาดูเส้นที่ผมเจอทุกวันดูครับ ถนน304 ช่วงปราจีนบุรีไปเขาปัก นรกของจริงครับ
ส่วนใหญ่ถือว่าออกมาขวางเลนได้แล้วคือจบ บางคันพุ่งออกมาเลนขวาเพื่อยูเทิน ที่ต้องขับไปอีกเป็นกิโลเพื่อยูเทิน ข้างหลังมากันเป็นร้อย แล้วถนนคือพังยับมากๆ
ทุกวันนี้ขับรถเข้ากทม.ที ผมมีความสุขกับคนบนถนนมากครับ
-
มองหลายมุมนะ
1. ไม่ได้ดู กะระยะไม่เก่ง อันนี้รถเลนกลางผิดเต็มๆ
2. เลนขวาวิ่งเร็วเกิน ถ้าถนนวิ่งกัน 100 limit 100 แล้ววิ่งขวามา 140-160 อันนี้ผมโทษรถขวานะ เขาไม่ได้ตื่นตัวระดับ 140 ปละไม่คิดว่าจะมีรถกดมาเร็วขนาดนั้น.0
เห็นด้วยครับ ยิ่งขับเร็วต้องยิ่งตื่นตัวประสาทสัมผัสต้องไวขึ้น พร้อมรับเหตุการณ์เฉพาะหน้า ซึ่งจะแถมมากับความเครียดของตัวเราเอง เสียสุขภาพจิต ความดันขึ้น แก่เร็ว สุดท้ายอายุสั้นลง ลดความเร็วลงครับ ทุกอย่างจะผ่อนคลายมากขึ้น
-
มีอีกรูปแบบนึงนะครับที่เซ็งไม่แพ้กัน วิ่งช้าเลนขวาเว้นระยะแบบดักเหยื่อ
พอจะเปิดไฟขอทางเข้าก็แรงมาปิดทันที :-\
(อาการนี้หละที่ทำให้หลายคนไม่ค่อยอยากเปิดไฟขอทาง)
ถ้าเจอการวัดใจแล้ววัดพลาดก็จะชนรูปแบบจขกทว่ามาเหมือนกัน
สารภาพว่าผมทำอยู่เรื่อยๆ เป็นเคสที่มองว่าถ้าเขาเข้ามาแล้วเราเสียจังหวะหรืออันตรายกับเรา
ส่วนใหญ่จะเป็นเคสรถที่มุดมา หรือแบบว่า เลนขวาวิ่งต่อๆกันมา ค่อยๆแซงเลนกลางกัน
แล้วมีคันนึงเหยียบมาเลนกลางแล้วจะมาเข้าขวา ซึ่งหลายๆครั้ง ผมเลือกที่ตะเร่งอุดช่องไว้ เพราะถ้าเขาเข้ามาได้ ระยะห่างของเขากับเราจะอยู่ระยะ 1-2 เมตร ในความเร็ว 80-100 ซึ่งถ้ามีคนเบรคจังหวะนั้น เราอายชนคันหน้า หรือถ้าเราเบรคทันคันหลังก็สอยเราได้ครับ
คัวผมมองว่าการเปลี่ยนเลนที่ดีคือ เปลี่ยนเข้ามาแล้วรถที่วิ่งอยู่ไม่ต้องเบรคให้ อาจแค่ยกคันเร่งพอ
เข้าใจว่าตามกฏหมายถ้าจะเปลี่ยนเลน เราต้องดูว่ารถว่างและปลอดภัยที่จะเปลี่ยน แล้วเปิดไฟเลี้ยว แล้วค่อยเปลี่ยนครับ แต่บนถนนจริงๆ มันอาจทำแบบนั้นไม่ได้ครับ
ทำเหมือนกัน...
ถ้าช่องข้างหน้าไม่กว้างมากพอผมก็เร่งปิดนะครับ เพราะพวกนี้เห็นแก่ตัว จะไปให้ได้โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ที่ร่วมใช้ถนน แต่มีบางคันห้าวมากยังดันทุรังเบียดเข้ามาให้ได้อันนี้ก็ต้องยอมเบรค ไม่งั้นมีเรื่องแน่
แต้ถ้าทางข้างหน้าโล่งผมก็ไม่เร่งแข่งครับ
ถ้ามาจี้ท้ายแล้วข้างหน้าโล่ง ผมมีทางเลือก 2 ทางคือหลบให้หรือไม่ก็เร่งหนีไปเลย
-
คงไม่เห็นไม่สังเกตุ
คงไม่มีสกิลในการกะ
หรือไม่ก็
คงไม่สนเลย ก็มีครับ เหอๆ
-
ถ้าเจอเก๋งสีเขียวเข้ม civic หรือ accord รุ่นเก่าที่เส้นวิภาดี-รังสิต ฝากจัดการด้วยคับ เจอประจำ ประมาณว่าเข้าทางหลักได้ก็จะเบียดเข้าขวาสุดอย่างเดียวเลย แล้วก็ขับช้าแช่...... ตบไฟหรือบีบแตรก็ไม่สะทกสะท้าน มีขับคล่อมเลนกวนทีนด้วย พอแซงปุ้บ มันก็เร่งแซงคืน หรือไม่ก็เร่งปิดไม่ให้แซง เราเจอแทบจะทุกปีตลอดที่ขับรถมาสิบกว่าปี มันก็ยังอยู่ และยังทำสันดานเดิมตลอด ไม่ว่าจะรถเราหรือรถคนอื่นก็ตาม
-
ถ้าเจอเก๋งสีเขียวเข้ม civic หรือ accord รุ่นเก่าที่เส้นวิภาดี-รังสิต ฝากจัดการด้วยคับ เจอประจำ ประมาณว่าเข้าทางหลักได้ก็จะเบียดเข้าขวาสุดอย่างเดียวเลย แล้วก็ขับช้าแช่...... ตบไฟหรือบีบแตรก็ไม่สะทกสะท้าน มีขับคล่อมเลนกวนทีนด้วย พอแซงปุ้บ มันก็เร่งแซงคืน หรือไม่ก็เร่งปิดไม่ให้แซง เราเจอแทบจะทุกปีตลอดที่ขับรถมาสิบกว่าปี มันก็ยังอยู่ และยังทำสันดานเดิมตลอด ไม่ว่าจะรถเราหรือรถคนอื่นก็ตาม
พกปืนช่วยท่านได้ฮะ ลองขนาบข้างเปิดกระจกแล้วทำท่าจะยิงใส่ ;D
-
ถ้าเจอเก๋งสีเขียวเข้ม civic หรือ accord รุ่นเก่าที่เส้นวิภาดี-รังสิต ฝากจัดการด้วยคับ เจอประจำ ประมาณว่าเข้าทางหลักได้ก็จะเบียดเข้าขวาสุดอย่างเดียวเลย แล้วก็ขับช้าแช่...... ตบไฟหรือบีบแตรก็ไม่สะทกสะท้าน มีขับคล่อมเลนกวนทีนด้วย พอแซงปุ้บ มันก็เร่งแซงคืน หรือไม่ก็เร่งปิดไม่ให้แซง เราเจอแทบจะทุกปีตลอดที่ขับรถมาสิบกว่าปี มันก็ยังอยู่ และยังทำสันดานเดิมตลอด ไม่ว่าจะรถเราหรือรถคนอื่นก็ตาม
พกปืนช่วยท่านได้ฮะ ลองขนาบข้างเปิดกระจกแล้วทำท่าจะยิงใส่ ;D
ลงข่าวหน้าหนึ่งพอดี 🤣
-
มีอีกรูปแบบนึงนะครับที่เซ็งไม่แพ้กัน วิ่งช้าเลนขวาเว้นระยะแบบดักเหยื่อ
พอจะเปิดไฟขอทางเข้าก็แรงมาปิดทันที :-\
(อาการนี้หละที่ทำให้หลายคนไม่ค่อยอยากเปิดไฟขอทาง)
ถ้าเจอการวัดใจแล้ววัดพลาดก็จะชนรูปแบบจขกทว่ามาเหมือนกัน
สารภาพว่าผมทำอยู่เรื่อยๆ เป็นเคสที่มองว่าถ้าเขาเข้ามาแล้วเราเสียจังหวะหรืออันตรายกับเรา
ส่วนใหญ่จะเป็นเคสรถที่มุดมา หรือแบบว่า เลนขวาวิ่งต่อๆกันมา ค่อยๆแซงเลนกลางกัน
แล้วมีคันนึงเหยียบมาเลนกลางแล้วจะมาเข้าขวา ซึ่งหลายๆครั้ง ผมเลือกที่ตะเร่งอุดช่องไว้ เพราะถ้าเขาเข้ามาได้ ระยะห่างของเขากับเราจะอยู่ระยะ 1-2 เมตร ในความเร็ว 80-100 ซึ่งถ้ามีคนเบรคจังหวะนั้น เราอายชนคันหน้า หรือถ้าเราเบรคทันคันหลังก็สอยเราได้ครับ
คัวผมมองว่าการเปลี่ยนเลนที่ดีคือ เปลี่ยนเข้ามาแล้วรถที่วิ่งอยู่ไม่ต้องเบรคให้ อาจแค่ยกคันเร่งพอ
เข้าใจว่าตามกฏหมายถ้าจะเปลี่ยนเลน เราต้องดูว่ารถว่างและปลอดภัยที่จะเปลี่ยน แล้วเปิดไฟเลี้ยว แล้วค่อยเปลี่ยนครับ แต่บนถนนจริงๆ มันอาจทำแบบนั้นไม่ได้ครับ
ทำเหมือนกัน...
ถ้าช่องข้างหน้าไม่กว้างมากพอผมก็เร่งปิดนะครับ เพราะพวกนี้เห็นแก่ตัว จะไปให้ได้โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ที่ร่วมใช้ถนน แต่มีบางคันห้าวมากยังดันทุรังเบียดเข้ามาให้ได้อันนี้ก็ต้องยอมเบรค ไม่งั้นมีเรื่องแน่
แต้ถ้าทางข้างหน้าโล่งผมก็ไม่เร่งแข่งครับ
ถ้ามาจี้ท้ายแล้วข้างหน้าโล่ง ผมมีทางเลือก 2 ทางคือหลบให้หรือไม่ก็เร่งหนีไปเลย
มันก็เป็นเคสๆไปครับ ผมก็มีบ้างถ้าเป็นขบวนยาวๆ ;D
แต่พอดีนึกถึงพวกที่ "พอจะแซงก็แรงขึ้นมาทันที"นี่ ไม่รู้คิดอะไรนะครับ
บางทีในถนน 2 เลนตีคู่กันสองช่องเลยจนบางครั้งคันเลนซ้ายก็ต้องยอมช้าลงอีก
แต่พอคนจะเลื้อยแซงไอ้ขวาก็แรงทันที
หรือว่าขวาก็แช่มาตั้งนาน พอเราจะออกซ้ายเพื่อแซงก็แรงตีคู่เราทันทีอีก 555