Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: solo ที่ มกราคม 23, 2024, 19:14:07
-
https://moneyandbanking.co.th/2024/87434/?fbclid=IwAR13BDK6oyEVzqqFQbhj9ywpTNcLnsJ8V-e7ZXhAYO4Oe7hnVXHV7-TzOVM
-
อย่าเพิ่งคาดการณ์ครับแป๊ะ
ไปเคลียร์บริษัทลูกตัวเองก่อน ปลอมผลการทดสอบมาหลายปีเลยนิ
-
ประเมินตามปัจจัย ณ เวลานั้นๆ ก็ต้องพูดแบบนั้นแหละ ขนาดประเทศไทย ไฟฟ้าเข้าถึงเกือบทุกบ้านแล้ว ถามว่าทุกบ้านจะใช้รถไฟฟ้ามั้ยหละ
อย่างผมก็ไม่ ถึงแม้ที่บ้านจะมีรถ 3 คัน ผมก็คงไม่ขายออกไปซํก คันหรือสองคัน เพื่อรับรถไฟฟ้าคันใหม่เข้ามาในบ้าน
เพราะเดือนนึงขับรถแค่ 1500 กม.เอง จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าไหร่เชียว
ส่วน new car buyer คิดว่าทุกคนปัจจัยเค้าพร้อมจะซื้อรถไฟฟ้ามั้ยหละ ?????
-
ก็ประมาณนั้นแหละมั้งคับ เพราะถ้ามองกลาง ๆ
บ้านที่มีรถคันเดียว โอกาสที่จะเป็นรถไฟฟ้าคงน้อย
บ้านที่มีรถสองคัน ก็มีโอกาสจะเป็นรถไฟฟ้าคันนึงได้ ถ้ามีมันก็คือสัดส่วน 50%
บ้านที่มีรถหลาย ๆ คัน ก็อาจมีรถไฟฟ้าในนั้น มองเป็นสัดส่วนก็คือน้อยกว่า 30%
เฉลี่ยๆ ออกมาก ถ้าจะบอกว่า 30% มันก็ make sense อยุ่
-
8) 8) 8)......สู้ไม่ได้ เตะออก เตะออก ข่าวทีวีในญี่ปุ่นบ้านตัวเองก็ออก มายอมรับกับสื่อ ว่า EV กับ อิเล็กทรอนิกส์ ล้าหลังจีนอยู่ถึง 4 ปี ! ดูท่าจะขึ้นไปตีคู่กับจีนและเกาหลี ได้ยาก มัวแต่โม้จะไปสำรวจดวงจันทร์เพลิน :-X
-
30% ที่ว่าอาจจะน้อย
แต่.. ในนั้นคือ 100% ที่ไม่ใช่โตโยต้าแน่ๆ
-
มารอชม วลียอดฮิต โกดัก โนเกีย ;D
-
กั๊กไว้ขายตอน ev วิ่งเต็มเมือง
ลองไฟฟ้าแล้วไม่อยากได้สันดาปอีกเลย ไม่ว่าจะโบ หรือบริด
-
มารอชม วลียอดฮิต โกดัก โนเกีย ;D
แบบนี้ได้มั้ยครับ
KODAK - NOKIA
555+
-
สำหรับบางคน บางบ้าน ที่พวกเค้าไม่สนค่าไฟฟ้าหรือนำ้มัน
แต่เวลามีค่ากับพวกเค้ามากที่สุด
ที่สำคัญต้องสะดวก หยิบกุญแจแล้วขับรถออกจากบ้าน ไม่ต้องวางแผน
นำ้มันหมดตรงไหนก็แวะปั้มไม่เกิน 10 นาที
EV คงอยู่ในลิสต์ท้ายๆ แหละครับ
ปล.ในอนาคต ถ้ามีระบบที่ชาร์ตไฟเพียง 5-10 นาที แล้ววิ่งได้ 500 กม. ก็คงดี
-
โตโยต้ากลับไปทำสินค้าของตัวเองให้มันทนทานเหมือนสมัยทำตลาดช่วงแรกๆก่อนมาพยายามสกัดตลาดรถไฟฟ้าเหอะ :P แฮริเอ่อสิบกว่าปีที่แล้วมีปัญปั๊มน้ำรั่วยังไงปัจจุบันก็ยังปล่อยให้มีเหมือนเดิมยังงั้น เล็กซัส LS โฉมที่แล้วสิบปีที่แล้วมีปัญหาปั๊ม ABS พังไวยังไงปี 2023 ก็ยังปล่อยให้มีปัญหาพังไวเหมือนเดิม…..เทคโนโลยีสูบ V เทอร์โบเริ่มใช้ช้ากว่ารถเยอรมันเค้านานมากแต่พอทำมาขายก็ไม่ได้ทนทานอะไรเลยหลุดผัง consumer report reliability กระจาย :-\ โตโยต่าเคยตัวกับบารมีเก่ามานานจนลูกค้าอเมริกันเค้าเข็ดกลับไปหารถเยอรมันกันเยอะแล้ว “ชั้นจะต้องใช้เล็กซัสที่สมรรถนะด้อยกว่าไปทำไมในเมื่อมันไม่ได้ทนและค่าซ่อมก็แพงระดับรถเยอรมันแล้ว”…….นี่คือสิ่งที่คนในคลับเล็กซัสพากันก่นด่ายี่ห้อที่ตัวเองชื่นชอบ :-\
-
สำหรับบางคน บางบ้าน ที่พวกเค้าไม่สนค่าไฟฟ้าหรือนำ้มัน
แต่เวลามีค่ากับพวกเค้ามากที่สุด
ที่สำคัญต้องสะดวก หยิบกุญแจแล้วขับรถออกจากบ้าน ไม่ต้องวางแผน
นำ้มันหมดตรงไหนก็แวะปั้มไม่เกิน 10 นาที
EV คงอยู่ในลิสต์ท้ายๆ แหละครับ
ปล.ในอนาคต ถ้ามีระบบที่ชาร์ตไฟเพียง 5-10 นาที แล้ววิ่งได้ 500 กม. ก็คงดี
สัดส่วนเศรษฐีที่ไม่สนใจค่าพลังงานเช่นนั้นมีน้อยมากในประเทศไทยนะครับ…. :-X ลองดูสถิติสิที่ว่าสัดส่วนคนไทยที่มีเงินฝากในธนาคารเกินสิบล้านมีไม่ถึง10%ของคนไทยทั้งประเทศ ถ้าจะรวยจัดๆไม่สนค่าพลังงานเลยยิ่งต้องน้อยกว่า10%นั้นขึ้นไปอีก……รถไฟฟ้าเลยตีตลาดกระจุยอย่างทุกวันนี้
-
อเมริกา ยอดขายรถปี 2023 รวมทั้งหมดประมาณ 15 ล้านคัน
ยอดขายรถ BEV (tesla ขายได้ทุกโมเดลรวมกันประมาณ 700,000 คัน) รวมประมาณ 1 ล้านคัน
เทียบเป็นสัดส่วนคือ ยอดขายรถไฟฟ้าของอเมริกา ปี 2023 คิดเป็นประมาณ 7% ของยอดขาย
-
ตามลุงพูดแหล่ะครับ เยอะยังไงก็ไม่เกิน 30%
-
เฉพาะ รถรุ่น D segment. เมืองไทยน่าจะเกิน 60% ภายในปีนี้
-
มีข่าวลือมาว่า Camry Facelift จะเป็นขุมพลัง BEV อย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีรุ่นน้ำมันและ Hybrid มาไทยอย่างเป็นทางการน่าจะช่วงปลายเดือนสิงหาคม ถึงต้นเดือนกันยายน ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.5 ล้านบาท ตัว Top ประมาณ 1.7 ล้านบาท วิ่งได้ประมาณ 650-790km NEDC (ความจุแบตเตอรี่ 82-103kW)
(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQId6vK2hgBJAN5J4zJzK1hGhg0jpk5TfgZ4Q&usqp=CAU)
-
มีข่าวลือมาว่า Camry Facelift จะเป็นขุมพลัง BEV อย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีรุ่นน้ำมันและ Hybrid มาไทยอย่างเป็นทางการน่าจะช่วงปลายเดือนสิงหาคม ถึงต้นเดือนกันยายน ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.5 ล้านบาท ตัว Top ประมาณ 1.7 ล้านบาท วิ่งได้ประมาณ 650-790km NEDC (ความจุแบตเตอรี่ 82-103kW)
(https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQId6vK2hgBJAN5J4zJzK1hGhg0jpk5TfgZ4Q&usqp=CAU)
คันในรูปนั่นก็ เบนซิน/ไฮบริด นะครับ
ดังนั้น Camry BEV เป็นไปไม่ได้
-
ท่านประธานก็ต้องพูดโดยอิงกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วยแหละครับ และต้องอิงกับบริษัทของตัวเองด้วย ในเมื่อ Toyota ยังไม่ได้เร่ง speed ไปทาง full ev เลย ยังไงก็ยังต้องขายรถน้ำมันอยู่ดี
-
ถ้าหลายประเทศไม่แบนรถสันดาบภายใน ก็คิดว่าน่าจะประมาณนั้น
แต่ญี่ปุ่น คงไม่เน้น EV นอกจากปัจจัยที่ต้องการอุ้มผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายย้อยแล้ว อีกปัจจัยนึงคือคงไม่ต้องการที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียด้วย เพราะญี่ปุ่นคงกลัวเรื่องนี้มาก
ส่วนส่วนตัวปัจจัยที่ไม่เลือกรถ EV ไม่สะดวกในการชาร์จ คงรอให้ชาร์จเร็วต่ำกว่า 3-5 นาที ( 5 นาทีก็นานนะ เทียบกับกาเติมน้ำมัน ) ซึ่งในไทยคงอีกนาน เจอคนที่จอดแต่ไม่ชาร์จด้วยยิ่งไปกัยใหญ่
-
ผมคิดเองเล่นๆครับว่า ถ้ารถไฟฟ้าเกิน 95% คือทุกยี่ห้อ ใช้แบตเตอรี่เเทบจะ หรือเหมือนกันหมด รถน้ำมันคงจะหมดไปได้จริงๆ
คือเข้าปั้ม ถอดโมดุลแบตฯ เปลี่ยนเลยเหมือนเราเปลี่ยนถ่านรีโมท มีอย่างมากแค่ AA AAA มันจะทำได้มั้ย เวิคมั้ย
ปั้มชาร์ทใช้เวลานานไป หรือแก้ให้เร็วแบบเติมน้ำมันอย่างทุกวันนี้ไม่ได้ หรือใกล้เคียงที่สุด คนที่ใช้ EV ไม่ได้เลย ก้อคงยังเกินครึ่ง (ไม่นับว่าถ้าถูกบีบจากผู้ผลิตที่กุมอำนาจเบ็ดเสด เราทำไรไม่ได้)
หรือถ้าวันนึงมีชาร์ท wireless บนที่จอดได้ กระทั่งบนนถนน (เห็นใน youtube) อันนั้นก้อคงมาแน่
ผมก้ออยากได้ เคยลองแล้วก้อยอมรับว่ามันมีจุดเเข็งของมันเลย ดีเลย แต่ยังคิดว่ายุ่งยากไปสำหรับตอนนี้ครับ