Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: thanawanch ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2024, 10:37:40
-
ตามความเข้าใจของผม นโยบาย One Price คือ
-ลดบทบาทของเซลล์ลงและดีลเลอร์ลง
-ผู้ซื้อจะซื้อรถยนต์ที่ราคาเดียวกัน ดอกเบี้ยเท่ากัน
-ของแถม+ส่วนลดเหมือนกัน
-ค่ายรถเป็นคนดูแลสต็อกกลางไม่ใช่ดีลเลอร์
ซึ่งตัวผมเองในฐานะผู้บริโภค มองว่ามันขาดเสน่ห์ของการวิ่งหาเซลล์ที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด หรือ ศูนย์ที่ให้เงื่อนไขดีที่สุด
ผมมองว่ามันสนุกและท้าทายคนที่ซื้อรถดี
ยกตัวอย่างตัวผมเอง เมื่อตอนซื้อรถคันล่าสุด ผมส่ง dm ไปตามเพจเซลล์ต่างๆ เริ่มที่ศูนย์ใกล้บ้านให้ส่วนลด 50,000
จนไปสุดที่ศูนย์ไกลบ้านคนละฝั่งเมือง เซลล์ให้ส่วนลด 280,000 พร้อมดอก0%5ปี ซึ่งผมก็ยอมข้ามเมืองไปซื้ออย่างไม่ลังเล
อยากทราบว่าในมุมของผู้บริโภค ชอบนโยบายการขายแบบนี้ไหมครับ?
-
^
^
เพราะมีลูกค้าที่ทำแบบนี้เยอะไงครับ เค้าถึงต้องมี One Price ผมไม่ได้ว่าคุณนะครับแต่นี่คือเรื่องจริง
ปัญหาของดีลเลอร์ที่ทุกๆค่ายต้องเจอคือ ลูกค้าช๊อบ วิ่งหาโชว์รูมที่ให้ข้อเสนอดีที่สุด แต่ในกลไกลตลาดคือ ดีลเลอร์รายใหญ่ก็จะเป็นต่อรายเล็กเพราะสามารถให้ส่วนลดได้มากกว่า จากยอดการสต๊อกรถหรืออื่นๆ
ทีนี้ปัญหาเกิดดังนี้ครับ
1.ลูกค้าต่างจังหวัดวิ่งเข้ากรุงเทพฯ ตามหาโชว์รูมที่ให้ข้อเสนอดีกว่า
2.ลูกค้าเปลี่ยนใจขณะที่จองไปแล้วเมื่อไปเจอข้อเสนอที่ดีกว่าจากที่อื่น
3.โชว์รูมใหญ่ อยากระบายของสามารถดรั้มส่วนลดได้มากกว่า เพราะกฏการสั่งรถ ยิ่งสั่งมากยิ่งได้ราคาถูกวงการรถก็เช่นกัน โชว์รูมใหญ่เงินหนาสต๊อกรถทีหลายร้อยคัน โชว์รูมเล็กสู้ไม่ได้
และนี่คือปัญหาบางส่วนเท่านั้น จริงๆมีมากกว่านี้มาก ซึ่งมันเป็นปัญหาของการทะเราะกันระหว่างดีลเลอร์ด้วย หลายบริษัทไม่แลกรถกันเพราะแย่งลูกค้ากัน ลูกค้าแทนที่จะออกรถใกล้บ้าน แต่กับวิ่งไปออกอีกจังหวัดที่ให้โปรดีกว่าแล้วเค้าจะสร้างโชว์รูมมาเพื่ออะไร ...
ตอนนี้ One Price ที่เห็นชัดและกฏแรงมากคือ BYD ซึ่งผมมองว่านี่คือดีมาก ห้ามใครแถมมูลค่าเกิน 300บาทเซลให้ลูกค้าได้แค่พวงมาลัยไหว้ตอนออกรถเท่านั้น แพงกว่านั้น ตรวจเจอปิดโชว์รูมทันที
ส่วนมาสด้าเคยทำแล้วแต่พังไม่เป็นท่า ต่างคนต่างแอมดรั้มราคา แอบแถม ตรวจเจอขู่จะปิดแต่ทำจริงไม่กล้า สุดท้ายก็ยกเลิกไป แต่ Rever ไม่ใช่เค้าเอาจริง
-
เป็นข้อดีของ Brand โดยตรงเลยครับ
1. เจ้าเล็กอยู่ได้ เพราะไปที่ไหนก็ได้เหมือนกันหมด
2. ส่งผลมาจากข้อแรก เมื่อเจ้าเล็กอยู่ได้ ทำให้ศูนย์บริการขยายออกเป็นวงกว้างมากขึ้น รองรับรถเข้า service ได้มากขึ้น กระจายไปตามเมืองต่างๆได้มากขึ้น ไม่กระจุกตัวอยู่แต่หัวเมืองใหญ่
3. ปิดการขายได้มากขึ้น การปล่อยให้ลูกค้าตามหาข้อเสนอที่ดีกว่าจากดีลเลอร์เจ้าอื่น เป็นการเปิดโอากาศที่ทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจเป็นจำนวนมาก ผมเคยดู GLE แล้วพยายามตามหาข้อเสนอที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายไปจบที่ X5 แทน นี่ก็เป็นเคสตัวอย่างนึงครับ แต่ถ้าเป็นแบบ One Price จะสามารถปิดการขายได้ทันที
-
ในฐานะที่เคยมีความ "คัน" M340i ประสบการณ์ของการไม่ใช้ one price คือ ชั่วร้ายมาก คือ แต่ละเจ้า แต่ละเซลล์ มากันคนละราคา คนละเงื่อนไขกันหมด จะเลือกอันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเข้าใจรายละเอียดอันนั้น สรุปไม่ซื้อมันซะเลย
-
ถ้าทำได้จริง มันดีกับค่ายรถและดีลเลอร์ สามารถควบคุม margin ได้ และไม่ได้แข่งตัดราคากันเอง
คนซื้อก็ไม่ต้องวิ่งหาเจ้าที่ถูกที่สุด ไปหาดีลเลอร์ไหนก็ได้ ตามสะดวก
คงต้องรอดูกันไปครับ ผมไม่แน่ใจว่าจะทำได้จริงแค่ไหนครับ
-
ผมซื้อรถตลาด ที่ราคาต่ำกว่า 2 ล้าน
ผมชอบ policy นี่ครับ ไม่ต้องมาต่อรองอะไรให้เสียเวลา มันชัดเจนดีครับ
ปรกติเป็นคนที่ไม่มี skill การต่อราคา ชอบร้านที่ตั้งราคาชัดเจนนุติธรรมแล้วตามราคานั้นเลย มากกว่ามาเชคต่อราคาหลายๆเจ้าๆ
ส่วนตัวคิดว่าตราบใดที้ศูนย์กับเซลยังได้ส่วนแบ่งจากการขาย มันก็ยังมีช่องทางทำโปรโมชั่นกันเองได้ครับ
-
ผู้ซื้อเองผมมองว่าไม่ได้รับผลอะไรมากมายนัก ถ้าหากไม่พอใจราคา หรือบลาๆ ก็มียี่ห้ออื่นๆเป็นตัวเลือกอยู่ดี
ดีลเลอร์บางเจ้าอาจจะโอเค บางเจ้าอาจจะไม่โอเค เป็นธรรมดา
-
ง่ายดี ต่อไปซื้อรถใน Shopee รอเก็บโค้ดลดรัวๆ
แข่งกันที่บริการหลังการขายดีกว่า รถจิ้มซื้อเอาในมือถือ เหมือนเทสล่าแหละมีตัวอย่างให้ดู
เซลล์อาจจะดีสำหรับคนคุยเก่งขยันหาศูนย์ต่างๆ
-
ในแง่ของดีเลอร์ ท่านอื่นให้ความเห็นไปแล้ว
ในแง่ของคนซื้อ ผมว่าก็มีข้อดี คือถ้าชอบรถ ก็จองกับดีลเลอร์ใกล้บ้านได้เลย ไม่ต้องตามหาส่วนลดที่ดีกว่า
และถ้ารถรุ่นไหนขายดีจนส่งมอบไม่มัน ลูกค้าก็จะได้รับรถตามคิวจอง ใครจองก่อนได้ก่อน ไม่โดนลัดคิว ไม่โดนแขวนจอง
ระบบเก่า(พูดรวมทุกยี่ห้อ) รถบางรุ่นที่ขายดี ก็จะมีเซลที่อัดโปรหนักๆ เพื่อเอายอดจอง
แต่พอรถมาลงที่โชว์รูม ก็มาโพสท์ว่า มีรถหลุดจอง หาคนที่ต้องการรับรถไวๆ แต่ต้องรับข้อเสนอของเซล อะไรประมาณนี้ครับ
-
เห็นว่า bmw ก็จะใช้นโยบายนี้โดยเริ่มจากตระกูล M ก่อนครับ
-
ดีครับ ผมชอบแบบนี้
จองรถผ่านแอพผ่านเว็บของบริษัทรถ
เลือกดีลเลอร์ที่ต้องการรับรถ เลือกโปรโมชั่น ของแถมต่างๆ
ยื่นไฟแนนซ์ออนไลน์ผ่านแอพ
ถ้าผ่านก็แค่เตรียมเอกสารวันรับรถ
-
ถ้าผมมีเซลส์ดี มีศูนย์บริการดีในใจอยู่แล้ว ผมไม่แคร์เรื่อง One Price เลยสักนิด ศูนย์บริการแย่ๆ ประเภทค้น Google ปุ๊บเจอปั๊บแต่เซลส์แจกส่วนลดเยอะที่ผ่านมาได้กำไรจากการขายโดยไม่ดูแลลูกค้า ลูกค้าหลายคนก็เลือกซื้อศูนย์ฯ ที่แจกส่วนลด แล้วไปใช้บริการศูนย์ฯ ที่บริการดี ถ้าคุณเป็นเจ้าของศูนย์บริการจะรู้สึกยังไง
-
ศูนย์ที่ตัดราคารถเยอะ ก้อ(มัก)จะ ไปเอาคืนทางอื่น
ปัญหา ในส่วนดีลเลอร์คือ ถ้าบริษัทแม่ทำแบบนี้ได้ อำนาจต่อรองของดีลเลอร์เจ้าใหญ่จะหายไป บริษัทแม่คอนโทรลทุกดีลเลอร์ได้ง่ายขึ้น อนาคตจะบีบส่วนลด fix margin ก็ทำได้ง่าย ทีนี้ขึ้นอยู่กับดีลเลอร์ใหญ่ๆ ในวงการจะเอาด้วยมั้ย จะจับมือดีลเลอร์ด้วยกันเองดีขึ้น หรือแย่ลง
เพราะของเคยกิน เพราะเงินหนากว่ามันหาย จะทนได้แค่ไหน
บริษัทรถหลายแบรนด์ ยังแสดงออกว่าลูกค้าจะใหญ่กว่าบริษัทรถไม่ได้ นับประสาอะไรกับดีลเลอร์ จะใหญ่แค่ไหน ก้อไม่ได้ผลิตสินค้าเองกับมือ ก้อคือคู่ค้าอยู่ดี หายไป ก้อหาใหม่ได้
ในมุมผู้ซื้อรถ เห็นด้วย ผมว่าง่ายดีนะ ถ้าตั้งราคามาแบบว่า fair price ก้อเหลือแค่ว่า คนซื้อเคยต่อได้ เล่นตัวได้ ปรับใจได้มั้ย หรือต่อไปค่ายยุ่นรวมหัวกัน one price แต่พี่จีนแทงข้างหลัง ก้อเป็นไปได้อีก
-
ผมว่านโยบาย one price ก็ดีนะครับ คนซื้อก็สบายใจว่าซื้อที่ไหนก็ราคาเดียวกัน และจะได้วัดกันที่การบริการ
สิ่งที่ผมว่าจะน้อยลง ถ้าค่ายรถมีนโยบาย one price ก็คือ เซลจะหมกเม็ดหรือตุกติกกับลูกค้าน้อยลงเพราะไม่จำเป็นต้องมาหากำไรจากส่วนอื่นแทนค่าคอมมิชชั่น
ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันการแข่งขันสูง ลูกค้าหลายคนพยายามหาโปรโมชั่นส่วนลดให้ตัวเองจ่ายน้อยที่สุด จนบางครั้งเซลขายรถเองแทบไม่เหลืออะไร แต่ก็ต้องยอมขายเพราะอาชีพเซลถ้าไม่มียอดก็อาจจะอยุ่ไม่ได้ เซลที่ไม่ดีบางคนอาจจะใช้วิธีให้ของแถมคุณภาพต่ำ หรือว่าหมกเม็ดอะไรบางอย่าง หรือเซลบางคนไม่หมกเม็ดแต่ก็อาจจะให้บริการลูกค้าแบบไม่ได้ใส่ใจเต็มที่เท่าที่ควร
ใจเค้าใจเราครับ อย่างเราเองทำงาน ก็ยังอยากได้รายรับที่เหมาะสมเลยใช่ไหมครับ
-
ผมว่าดีนะ ไม่ต้องแข่งการขายแข่งราคา มาแข่งserviceแทน
ต่อจากนี้ผมจะซื้อรถจะวัดที่serviceละ ดูรีวิว0ได้จากกลุ่มคนใช้รถในเฟสบุ้ค
0ใหนกากก็รอวันเจ้งไป เพราะซื้อที่ใหนก็ได้เหมือนกัน
-
ในมุมผู้บริโภคอย่างผม ผมว่าทำให้ผู้ขายจะต้องพัฒนาการให้บริการ อย่างน้อยก็เป็นไปตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น มีความชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่เสียเวลา เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า
-
นโยบาย One Price เหมือนเคยมีใน GWM นะครับ เท่าที่จำได้
นโยบาย One Price มีข้อดีคือ ป้องกันไม่ให้โชว์รูมใดโชว์รูมหนึ่ง เสียเปรียบ จากยอดขายรถในแต่ละโชว์รูม (เพราะโปรโมชั่นแต่ละโชว์รูมแตกต่างกัน) โปรโมชั่นทุกๆโชว์รูม จะ เหมือนกัน ทุกประการ อีกทั้งคนที่อยู่ต่างจังหวัด สามารถซื้อรถตรงโชว์รูมใกล้บ้านมากขึ้น ไม่ต้องถึงขั้น ข้ามมาซื้อรถที่ กทม. เพราะโปรโมชั่นในโชว์รูมนั้นที่ดีกว่า (ยกเว้นกรณีที่จะซื้อรถ Maybach อันนี้ต้องข้ามมาซื้อรถที่ กทม.)
ปล.
1) Mercedes-AMG เหมือนมีแล้วในโชว์รูมต่างจังหวัด จำไม่ได้ว่าเป็นโชว์รูมไหน อยู่จังหวัดไหน
2) ผมอยากให้ Mercedes-Benz ทำยอดขายกลับมาที่ 1 แซง BMW ให้จงได้!!!!! ในบรรดา Luxury Cars ในไทย อีกครั้ง 😢
-
'คล้าย'กับกรณีซื้ออุปกรณ์คอมในสมัยก่อนกับสมัยนี้ 'ส่วนใหญ่'สั่งผ่าน shopping platform กันละ เพราะคู่เทียบเยอะ ไม่ต้องเดินหาวนไปมา
'สมัยก่อน' เดินหาเดินถามกันสนุกสนาน มีสเนห์กับกลุ่มสังคมเล็กๆ รู้จักกับเจ้าของร้านนู้นร้านนี้ได้ส่วนลดพิเศษกับของแถมเล็กๆน้อยๆแล้วแต่ใจเจ้าของร้าน
เวลาเปลี่ยน รูปแบบก็เปลี่ยน ถ้ารูปแบบใหม่มันดีจริง มันก็ค่อยๆมาทดแทนรูปแบบเดิม ส่วนรูปแบบเดิมก็ยังมีอยู่ แต่จะเล็กลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็น 'exclusive' เฉพาะกลุ่มแทน
-
ดีครับ เคยเจอพวกต่อรองของแถมเยอะๆก็ได้แต่จองลมไป ไม่ได้รถ
เพราะเซลล์ลัดคิวให้คนที่ได้มาร์จิ้นเยอะก่อน
ให้มันเป็นมาตราฐานเดียวกันนี่แหละ ดีสุด
-
ผมว่าทำไม่ได้ ยอดขายตกแน่
-
ถ้า one price ที่ราคาดีเท่ากันหมด ลูกค้าชอบครับไม่ต้องเทียบราคา
แต่ถ้า one price แบบแพงเท่ากัน ต้องวัดกันว่าลูกค้ายอมซื้อไหม เพราะมีโอกาสจะไหลไปอีกยี่ห้อที่ one price ที่ราคาโดนใจกว่า หรือ อีกยี่ห้อไม่ one price ก็ไปหาราคาฝั่งนั้นเอา
-
เป็นระบบที่ดีครับ แต่จะให้ผ่านพ้นไปได้ต้องอดทนเพราะ คนชินกับการตามหาส่วนลดมานาน
ระบบนี้จริงๆเละทั้งผู้บริโภค ทั้งค่ายรถเอง
ในมุมดีลเลอร์ ผมเองเป็นดีลเลอร์ ตจว. มีปัญหาหนักมากๆๆๆๆ
เพราะคนจะหนีไปออกรถกันในเมือง ศูนย์ดังๆที่มียอดเยอะ ตัดรถมาได้เยอะทำให้ได้ราคาดีพิเศษ ซึ่งศูนย์ประเภทนี้จะเน้นส่งรถอย่างเดียวแต่เซอวิส xxx สุดๆ ละโยนมาให้เป็นภาระของศูนย์ local ซึ่งจริงๆ แล้วกำไรมาจากการเซอวิสก็จริง แต่มันจะทำให้เซลเราค่าคอมน้อย รายได้น้อย คนก็จะคุณภาพต่ำลง ระบบก็จะพังไปตาม และหลายๆค่ายมีนโยบายให้ stock รถไว้จำนวนหนึ่ง ถึงเป็นรุ่นที่ขายไม่ได้แน่นอน เราวางแผนนำเสนอยังไงเค้าก็จะบังคับให้ stock ไว้ครับ ตรงนี้ดีลเลอร์ก็ต้องรับภาระ
ในมุมลูกค้า ที่ไปตามล่าหาโปรดีๆ เหมือนจะคุ้ม
แต่จริงๆแล้วมันคือการบิดพริ้วของตัวเลขมากกว่า พวกนี้คิดมาแล้วจะไม่ต่างมากมาย เพราะแอบเอาไปทำ 0%, cashback, ซับดาวน์, ของแถมต่างๆ จากมาจิ้นก้อนใหญ่ที่มีในใจอยู่แล้ว จะมีแค่บางคนที่เซลยอมเข้าเนื้อเพื่อให้ได้จำนวนตามเป้า วนกลับไปข้างบน เซลเองก็จะเจ็บตัวที่เข้าเนื้อเพื่อให้ศูนย์ได้ volume เพื่อไปทำราคาต้นทุนรถถูก มองๆไปเหมือนจะเป็นศูนย์เองที่รับความอุบาทว์นี้ไว้ ลูกค้าเองเหมือนจะได้ดีลดี เหมือนที่บอกลด 50k, 280k ต่างกันเยอะ แต่เอามากางแล้วลดเท่านั้นจริงรึเปล่า ถ้าใช่รถใหม่มั้ยครับการตัดสต๊อกแลกรถจากเจ้าอื่น? เพราะการตัดราคาแบบนี้ทำให้มีรถค้างนานๆ จากศูนย์ ตจว. ละยอมแลกมาให้เจ็บตัวน้อยที่สุด
แต่จริงๆแล้วลูกค้าที่เป็น local ในเขตนั้นก็จะโดนลูกค้าต่างถิ่นมา service ทำให้คิวนาน ทุกๆอย่างช้ากว่าที่ควรจะเป็น เพราะธรรมชาติของคนไทยยังมองว่า เซลคือขี้ข้าตลอดชีพตั้งแต่ซื้อรถ รถมีปัญหา หรืออะไรจะถามหาเซลหมดทั้งที่เป็นหน้าที่ของ "after sales" ที่แปลว่า "หลัง" การขาย
พอซ่อมแล้วไม่ประทับจิตประทับใจ ก็จะย้ายไปศูนย์อื่น อย่างค่ายใบพัดก็ซ่อม ศูนย์นึงที่มีรถส่งเยอะๆ แล้วขยาดจนต้องไปตามลายแทงศูนย์ดีย่านจรัญ สุดท้ายศูนย์นั้นก็เต็มผมที่ออกรถเพราะอยู่แถวนั้นก็ต้องระเห็ดไปเซอวิสที่อื่นเพราะว่าขี้เกียจรอคิว
ถ้ามองเป็นสเน่ห์ผมว่าแย่อ่ะ เหมือนแผงลอยที่ทำให้ฟุตบาทเดินไม่ได้ น้ำเน่าขังแล้วบอกว่า street food คือสเน่ห์ประเทศไทย
อะไรที่มันเป็นเอกลักษณ์จริงๆเราเอามาทำให้ดีได้ครับ อะไรที่ทุเรศๆ ผมว่าควรปรับเปลี่ยน นโยบาย one price ดีมาก แต่หลังบ้างจริงๆก็ยังมีให้เกินอยู่ แต่ตรงนี้ดีลเลอร์เองก็จะกลัวเพราะถ้ามีการแคปหลักฐานไปส่ง บ. แม่ก็จะโดนปรับครับ ของผมเองเคยขายหลายค่าย มีค่าย m ที่จริงจัง ถึงแม้ปัจจุบันเหมือนจะตายแล้วก็เถอะ แต่ระบบเค้าค่อนข้างโอเค ที่เซลจะสู้กันได้แค่ของแถมยิบย่อยเท่านั้น
ถ้ามองว่าศูนย์ที่ดีเป็นยังไงผมมองว่าโมเดลของ GWM คือการเอา pain point ของดีลเลอทั้งหมดมาแก้นะ แต่อีกมุมนึงคือใช้งานได้ไม่ค่อยจริงเท่าไหร่ ก็เละๆหน่อยครับ
ตอนนี้ผมมองว่า tesla ที่เอา tech + partner มาช่วยกันรุม ดีที่สุดแล้ว แค่ gen ลุงๆ จะเหนื่อยกับเทคโนโลยีหน่อย ค่ายแมสมาทำคงยาก ถ้า product ไม่ได้เด่นมาก
ยังเคยมีเคส เสี่ยคนนึงเดินเข้ามาอัดคลิปชี้หน้าด่า TA เพราะไม่ยอมให้เทสรถเพราะไม่ได้นัดคิวมาก่อน เข้ามาละก็โวยวายว่า รถว่าง คนว่าง เทสไม่ได้ สวะ ขยะ อะไรแบบนี้ อันนี้คือ persona ของคนส่วนใหญ่ในประเทศอยู่นะครับ ยิ่ง ตจว. จะเห็นชัดมาก ใส่ทองมาทั้งตัวกร่างสุดๆ
ระบบ one price จะทำงานได้ดีต้องรออีก 10-20 ปีครับ เจนนี้ต้องตายไปก่อนเท่านั้น เค้าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เป็นเจนที่มี asset มีกำลังซื้อ แต่ไม่มีสามัญสำนึกและมารยาทครับ ยิ่งใน ตจว. ไม่ต้องพูดถึง ในพื้นที่ๆความรู้เข้าถึงน้อย เศรษฐีท้องถิ่นแบบบ้านๆสันดานแย่กว่าเสี่ยๆในเมืองกรุงมากครับ ต้องรอวันที่การศึกษาเข้าถึง(ซึ่งคงไม่มีวันนั้น) หรือ ให้พนักงานออฟฟิศเริ่มขยายเมืองออกมาครับ
ตั้งแต่ covid มา การทำงานแบบ remote ทำให้สภาพชุมชนใน ตจว. ดีขึ้นเพราะมีพวก tech job บางประเภท ได้ work from home จริงๆ และ digital nomad เยอะขึ้นมากครับ เป็นสัญญาณที่ดีของความเจริญทางสังคม แต่เทียบสัดส่วนก็น้อยเหลือเกิน
-
จะขายได้น้อยลง
เพราะความรู้สึกได้ส่วนลดเยอะๆ กว่าใคร มันเหมือนได้โดปโดปามีน บางทีไม่อยากได้รถเท่าไร
แค่อยากได้ดีลพิเศษขึ้นมา
-
ในยุคที่โซเชี่ยวเน็ตเวิร์คเต็มเมืองแบบนี้ผมเห็นด้วยนะ
ตอนนี้แค่คุณเข้าไปในกลุ่ม ระบุความต้องการ เซลล์ก็เอา offer มาเสนอมันง่ายเกินไป
-
เชื่อว่าจะมีหลายคนไม่ชอบ เพราะการเป็นคน ต่อเก่ง กล้าขอ มันไม่ได้เปรียบคนอื่นอีกต่อไป (อย่างแม่ผมนี่ ต่อเก่งมากกกก ล่าสุดที่ซื้อรถ สงสาร Sale Manager มาก 555) แต่ถ้ามองแบบกว้างๆ มันเป็นการทำธุรกิจที่ Sustainable กว่า
ศูนย์ไหน บริการดี และ เก็ง ความต้องการของคนพื้นที่ถูกต้อง ศูนย๋นั้นก็ชนะ และไม่จำเป็นต้องทุนหนาที่สุดด้วย
-
ผมเห็นด้วยนะ ... แต่ก็ต้องปรับตัวกันพักใหญ่
+ กระจายยอดขาย ให้ดีลเลอร์ได้ทั่วประเทศ ไม่กระจุกตัวแต่ดีลเลอร์ใหญ่ๆ
+ ดีลเลอร์ตามหัวเมือง ขายได้ ศูนย์บริการ แต่ละจังหวัด ก็จะไม่ล้มหายตายจาก
+ แต่ละเจ้า จูงใจด้วย การบริการ และ คุณภาพของแถม ที่ margin ไม่สูงแบบเดิม
+ ลูกค้า ซื้อก่อน ซื้อหลัง ไม่รู้สึกโดนราคาหลังหัก
+ ยอดขายไม่เดิน ตั้งราคาไม่เหมาะ ค่ายรถก็จัดลดราคาทั่วประเทศ (ดูจากเคส Aion Y)
*ผลคือ ราคาที่เหมาะสม ก็กระจายโอกาสให้ ผู้บริโภค ได้ทั่วถึง*
-
เป็นระบบที่ดีครับ แต่จะให้ผ่านพ้นไปได้ต้องอดทนเพราะ คนชินกับการตามหาส่วนลดมานาน
ระบบนี้จริงๆเละทั้งผู้บริโภค ทั้งค่ายรถเอง
ในมุมดีลเลอร์ ผมเองเป็นดีลเลอร์ ตจว. มีปัญหาหนักมากๆๆๆๆ
เพราะคนจะหนีไปออกรถกันในเมือง ศูนย์ดังๆที่มียอดเยอะ ตัดรถมาได้เยอะทำให้ได้ราคาดีพิเศษ ซึ่งศูนย์ประเภทนี้จะเน้นส่งรถอย่างเดียวแต่เซอวิส xxx สุดๆ ละโยนมาให้เป็นภาระของศูนย์ local ซึ่งจริงๆ แล้วกำไรมาจากการเซอวิสก็จริง แต่มันจะทำให้เซลเราค่าคอมน้อย รายได้น้อย คนก็จะคุณภาพต่ำลง ระบบก็จะพังไปตาม และหลายๆค่ายมีนโยบายให้ stock รถไว้จำนวนหนึ่ง ถึงเป็นรุ่นที่ขายไม่ได้แน่นอน เราวางแผนนำเสนอยังไงเค้าก็จะบังคับให้ stock ไว้ครับ ตรงนี้ดีลเลอร์ก็ต้องรับภาระ
ในมุมลูกค้า ที่ไปตามล่าหาโปรดีๆ เหมือนจะคุ้ม
แต่จริงๆแล้วมันคือการบิดพริ้วของตัวเลขมากกว่า พวกนี้คิดมาแล้วจะไม่ต่างมากมาย เพราะแอบเอาไปทำ 0%, cashback, ซับดาวน์, ของแถมต่างๆ จากมาจิ้นก้อนใหญ่ที่มีในใจอยู่แล้ว จะมีแค่บางคนที่เซลยอมเข้าเนื้อเพื่อให้ได้จำนวนตามเป้า วนกลับไปข้างบน เซลเองก็จะเจ็บตัวที่เข้าเนื้อเพื่อให้ศูนย์ได้ volume เพื่อไปทำราคาต้นทุนรถถูก มองๆไปเหมือนจะเป็นศูนย์เองที่รับความอุบาทว์นี้ไว้ ลูกค้าเองเหมือนจะได้ดีลดี เหมือนที่บอกลด 50k, 280k ต่างกันเยอะ แต่เอามากางแล้วลดเท่านั้นจริงรึเปล่า ถ้าใช่รถใหม่มั้ยครับการตัดสต๊อกแลกรถจากเจ้าอื่น? เพราะการตัดราคาแบบนี้ทำให้มีรถค้างนานๆ จากศูนย์ ตจว. ละยอมแลกมาให้เจ็บตัวน้อยที่สุด
แต่จริงๆแล้วลูกค้าที่เป็น local ในเขตนั้นก็จะโดนลูกค้าต่างถิ่นมา service ทำให้คิวนาน ทุกๆอย่างช้ากว่าที่ควรจะเป็น เพราะธรรมชาติของคนไทยยังมองว่า เซลคือขี้ข้าตลอดชีพตั้งแต่ซื้อรถ รถมีปัญหา หรืออะไรจะถามหาเซลหมดทั้งที่เป็นหน้าที่ของ "after sales" ที่แปลว่า "หลัง" การขาย
พอซ่อมแล้วไม่ประทับจิตประทับใจ ก็จะย้ายไปศูนย์อื่น อย่างค่ายใบพัดก็ซ่อม ศูนย์นึงที่มีรถส่งเยอะๆ แล้วขยาดจนต้องไปตามลายแทงศูนย์ดีย่านจรัญ สุดท้ายศูนย์นั้นก็เต็มผมที่ออกรถเพราะอยู่แถวนั้นก็ต้องระเห็ดไปเซอวิสที่อื่นเพราะว่าขี้เกียจรอคิว
ถ้ามองเป็นสเน่ห์ผมว่าแย่อ่ะ เหมือนแผงลอยที่ทำให้ฟุตบาทเดินไม่ได้ น้ำเน่าขังแล้วบอกว่า street food คือสเน่ห์ประเทศไทย
อะไรที่มันเป็นเอกลักษณ์จริงๆเราเอามาทำให้ดีได้ครับ อะไรที่ทุเรศๆ ผมว่าควรปรับเปลี่ยน นโยบาย one price ดีมาก แต่หลังบ้างจริงๆก็ยังมีให้เกินอยู่ แต่ตรงนี้ดีลเลอร์เองก็จะกลัวเพราะถ้ามีการแคปหลักฐานไปส่ง บ. แม่ก็จะโดนปรับครับ ของผมเองเคยขายหลายค่าย มีค่าย m ที่จริงจัง ถึงแม้ปัจจุบันเหมือนจะตายแล้วก็เถอะ แต่ระบบเค้าค่อนข้างโอเค ที่เซลจะสู้กันได้แค่ของแถมยิบย่อยเท่านั้น
ถ้ามองว่าศูนย์ที่ดีเป็นยังไงผมมองว่าโมเดลของ GWM คือการเอา pain point ของดีลเลอทั้งหมดมาแก้นะ แต่อีกมุมนึงคือใช้งานได้ไม่ค่อยจริงเท่าไหร่ ก็เละๆหน่อยครับ
ตอนนี้ผมมองว่า tesla ที่เอา tech + partner มาช่วยกันรุม ดีที่สุดแล้ว แค่ gen ลุงๆ จะเหนื่อยกับเทคโนโลยีหน่อย ค่ายแมสมาทำคงยาก ถ้า product ไม่ได้เด่นมาก
ยังเคยมีเคส เสี่ยคนนึงเดินเข้ามาอัดคลิปชี้หน้าด่า TA เพราะไม่ยอมให้เทสรถเพราะไม่ได้นัดคิวมาก่อน เข้ามาละก็โวยวายว่า รถว่าง คนว่าง เทสไม่ได้ สวะ ขยะ อะไรแบบนี้ อันนี้คือ persona ของคนส่วนใหญ่ในประเทศอยู่นะครับ ยิ่ง ตจว. จะเห็นชัดมาก ใส่ทองมาทั้งตัวกร่างสุดๆ
ระบบ one price จะทำงานได้ดีต้องรออีก 10-20 ปีครับ เจนนี้ต้องตายไปก่อนเท่านั้น เค้าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เป็นเจนที่มี asset มีกำลังซื้อ แต่ไม่มีสามัญสำนึกและมารยาทครับ ยิ่งใน ตจว. ไม่ต้องพูดถึง ในพื้นที่ๆความรู้เข้าถึงน้อย เศรษฐีท้องถิ่นแบบบ้านๆสันดานแย่กว่าเสี่ยๆในเมืองกรุงมากครับ ต้องรอวันที่การศึกษาเข้าถึง(ซึ่งคงไม่มีวันนั้น) หรือ ให้พนักงานออฟฟิศเริ่มขยายเมืองออกมาครับ
ตั้งแต่ covid มา การทำงานแบบ remote ทำให้สภาพชุมชนใน ตจว. ดีขึ้นเพราะมีพวก tech job บางประเภท ได้ work from home จริงๆ และ digital nomad เยอะขึ้นมากครับ เป็นสัญญาณที่ดีของความเจริญทางสังคม แต่เทียบสัดส่วนก็น้อยเหลือเกิน
เป๊ะครับ
-
ชอบครับเพราะปกติเป็นคนที่ไม่ได้เที่ยวหว่านติดต่อเซลเป็นสิบๆ คนเพื่อหาดีล
รู้สึกสบายใจถ้าทุกคนที่ขับรถเหมือนเราจ่ายเท่ากับที่เราจ่ายไปไม่มีใครจ่ายมากหรือน้อย เท่าเทียมกันดีครับ
-
สำหรับรถบ้านทั่วไป ผมเฉย ๆ เพราะถึงต่อสุดยังไงก็ได้ 5000 - 10000 เดียว ซื้อใกล้บ้าน ตอนไป service ยังได้รับการต้อนรับ คนคุ้นเคยกันบ้าง
แต่สำหรับรถพรีเมียม ที่ส่วนลดต่างกันเป็น แสน สองแสน มีผลมากครับ ซื้อแพงจะรู้สึกว่าตัวเองโง่ ไม่หา ไม่รอบคอบ ที่สำคัญ เมียบ่นไม่หยุดครับ
-
ถ้าผมมีเซลส์ดี มีศูนย์บริการดีในใจอยู่แล้ว ผมไม่แคร์เรื่อง One Price เลยสักนิด ศูนย์บริการแย่ๆ ประเภทค้น Google ปุ๊บเจอปั๊บแต่เซลส์แจกส่วนลดเยอะที่ผ่านมาได้กำไรจากการขายโดยไม่ดูแลลูกค้า ลูกค้าหลายคนก็เลือกซื้อศูนย์ฯ ที่แจกส่วนลด แล้วไปใช้บริการศูนย์ฯ ที่บริการดี ถ้าคุณเป็นเจ้าของศูนย์บริการจะรู้สึกยังไง
รู้สึกดีสิครับ มาใช้บริการ Maintenance นี่ก็กำไรทั้งนั้น
-
ปกติ เวลาซื้อรถ ผมจะซื้อกับ sale ที่ผมสนิท ไว้ใจ ผมไม่เคย เอาใบเสนอราคาไปแห่เช็คตามโชว์รูม .. เต็มที่ ผมหาข้อมูลในคลับมาก่อนว่า ได้อะไร แล้วก็ติดต่อ sale ซึ่งปกติจะได้ใกล้เคียงกัน แค่นั้นจบ ไม่เคยมานั่งต่อ บีบคอ ครับ
สมมติ เป็น One Price ผมก็ยังเลือก ที่จะออกรถ กับ sale ที่ไว้ใจอยู่ดี มันไม่ใช่แค่ ซื้อรถ จ่ายเงิน แล้วก็จบไง ระหว่างนั้น มันมีรายละเอียดอีก อย่างการส่งมอบรถ ของแถม การจดทะเบียน ซึ่งพวกนี้นะ ถ้าได้ sale ห่วยนะ จะปวดหัวไม่รู้จบ แบบตอนที่ผมออก nissan pulsar นั่นแหละ
ส่วนตอน service ผมก็จะเข้าศูนย์ประจำเช่นกัน ซึ่งเป็นคนละศูนย์กับที่ซื้อรถ ก็ฝ่ายบริการหลังการขาย กับ ฝ่ายขาย มันแยกส่วนกันอยู่แล้ว
-
เขาเรียกว่ามาตรการกำจัด พนักงานขายออกจากระบบจะใช้ platform มาแทนที่คราวนี้สบายดีลเลอร์
ลดต้นทุน ก็ถือว่าเพิ่มรายได้ไปในตัวแล้ว
0 ไหนซ่อมดีจะมีรถเยอะก็ไม่แปลกแสดงว่า 0ก็ไม่มีมาตรฐานในงานซ่อมแบบที่เซลล์ลดราคา
ของที่ดีมันขายด้วยตัวเองแทบจะไม่จำเป็นต้องให้ใครมาโฆษณา คนใช้งานรู้ดีสุดว่าเจ็บจากส่วนไหน ขาดส่วนไหน อะไรคือความสำคัญอันดับแรก
ผู้ซื้อรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับราคา ตัวเลือกที่2ก็จะมาเอง
-
One Price ก็ลดได้นะครับ
https://autolifethailand.tv/discount-official-price-eqs500-mercedes-benz-thailand/
https://autolifethailand.tv/discount-official-price-mercedes-benz-e300e-thailand/
-
เห็นว่า bmw ก็จะใช้นโยบายนี้โดยเริ่มจากตระกูล M ก่อนครับ
ราคา m จะถูกลงหรือครับ แต่ก็แพงอยู่ดี
เริ่ม m รุ่นไหนครับ
-
ง่ายๆ ครับ ผ่าน ดีลเลอร์ หรือ เซลล์ คุณซื้อรถแพง ครับ
เพราะราคาที่ขาย คือ ราคาที่เขามี margin จากดอกเบี้ย หรือ % ที่ได้อีก
จริงๆ One Price มันก็มีดีมีเสีย
และเอาจริงๆ เขาอาจจะขายได้ถูกกว่านี้ เพราะไม่ต้องเสีย % ให้กับหลายๆ อย่าง (อาจจะเรียกว่า กำไรเยอะขึ้น ก็ได้)
ในมุมผู้บริโภค ถ้าตราบใดราคาเท่าเดิม ดอกเบี้ยเท่าเดิม(กรณีผ่อน) ไม่มีผลอะไรครับ
เพราะบางคัน บางยี่ห้อ ส่วนลดก็แทบไม่มีอยู่แล้ว ขอแทบตายยังได้หลักพันเลย
-
เบื่อเซลล์ บางจำพวก ยิ่งขายดีๆ นี่หยิ่ง อยากให้ตกงานไปแหละดีแล้ว กดสั่งในมือถือ configure ได้เอง จบ