Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: sukhontha ที่ เมษายน 07, 2024, 06:56:55
-
สำหรับผมตอนนี้ใช้ kick - saab 93
ซื้อให้ลูก c220d tesla y per (แต่ผมไม่เคยขับ)
ผมชอบคิ๊กส์ ในระบบวันแพเดิลมาก (โหมดรีเจนสูงสุด) ใช้ตลอดตั้งแต่ออกรถมา จะใช้เบรคเฉพาะ ถอยเข้า-ออกจากซอง และรถข้างหน้าเบรคแรง ๆเท่านั้น
ผมไปดูรีวิวหลาย ๆท่านที่ใช้รถไฟฟ้า หลาย ๆแบรนด์ มักจะบอกว่ามันรีเจนแบบแปลก ๆ แล้วปิดรีเจนไปขับโหมดธรรมดากัน มันแปลกยังไง หรือตอบสนองไม่ทันใจ สงสัยจริง ๆ คืออยากจะได้รถไฟฟ้าจีน-เกาหลี สักคัน ยังตัดสินใจไม่ได้ และไม่ได้ลองขับ (เทสล่าที่บ้านก็ดีครับ แต่ผมติว่ามันไม่สวย...ทั้งวิ่งสวน -วิ่งตาม มันก็ดูไม่สวย)
จึงสอบถามท่านที่ก่อน ขอบคุณครับ
-
ผมไม่เคยใช้รถไฟฟ้านะ แต่พอนึกออกว่า อาการรีเจน มันประมาณไหน
คนที่รับได้กับการรีเจน คือคนที่เคยขับรถที่เป็นเกียร์ธรรมดา เพราะอารมแบบใส่เกียร์ 3 ลากถึงเรดลายมาแล้วยกคันเร่ง มันก็จะมี เอ็นจิ้นเบรคให้รู้สึกหน่วงๆ แล้วกดต่อได้ หรือรถเกียร์ AUTO ที่เกียร์ไม่ลดเป็นเกียร์ว่างแบบของค่ายยุโรป หรือ mazda ที่เวลายกคันเร่งมันจะมีเอ็นจิ้นเบรคให้อยู่ ไม่เหมือนเกียร์ CVT ที่เวลายกคันเร่งแล้วมันจะเบาคล้ายเกียร์ว่างไปเลย
เพราะเคสนี้ เพื่อนผมที่เคยใช้รถเจ้าตลาดที่เกียร์เค้าไม่มี เอ็นจิ้นเบรค พอมาเจอเกียร์รถที่มีเอ็นจิ้นเบรคก็จะมีคำถามมาเสมอว่า ยกคันเร่งแล้วมันตื้อๆ ไม่ไหลต่อซึ่งเค้าไม่คุ้นเคย
ดังนั้น รีเจนผมก็คิดว่าน่าจะคล้ายกัน การขับรถที่บางคนชินกับการยกคันเร่งแล้วไหลต่อยาวๆ อยากชลอเดียวเหยียบเบรคเอง กับ บางคนที่ชินกับเอ็นจิ้นเบรคคือ ยกคันเร่ง แล้วรถชลอตัวลงช้าๆโดยไม่ต้องเบรค หรือเบรคน้อยมาก 2อย่างนี้อยู่ที่ความคุ้นเคยจริงๆ
-
ผมใช้ Volvo XC40 Pure Electric กับ BYD Dolphin Ext
Volvo มี One Pedal ส่วน BYD จะมีแค่ Regen เฉยๆ ไม่ถึงหยุดนิ่ง
ส่วนตัวชอบ OPD มากครับ ปรับตัวแปปเดียวก็ชิน พอไปขับ BYD หงุดหงิดเลยครับ ต้องคอยมาเบรคๆ
ผมคิดว่าคนที่ไม่ชอบ น่าจะเพราะไม่อยากปรับตัวมากกว่าครับ ชินแบบรถน้ำมันไปแล้ว
-
ส่วนตัวคิดว่าคนที่ชอบรีเจนคือคนที่พื้นฐานเท้าละเอียดในการเหยียบคันเร่งครับ
ตั้งแต่ 10 20 ปีที่แล้วคนที่บ้านก็บอกว่าผมขับเหยียบคันเร่งรักษาระยะจากคันหน้าได้ดีเยี่ยม
แต่สมัยนี้เทียบก็คงเป็น adaptive cruise control manual ฮา
ถึงเป็นเกียร์ออโต้ก็เล่นเกียร์ได้รู้จักนิสัยของพวก engine brake
ใช้ทั้งตอนรถติดใช้ทั้งตอนขึ้นเขาลงเขาใช้ทั้งตอนขับตามกันเป็นหมู่คณะ
พอมาขับพวก hybrid ก็เล่นเกียร์ b บ่อยๆ
พอตอนนี้มาใช้เทสล่า my ก็ชินได้ใน 5 นาทีแรกออกรถเลยครับ
one pedal ของเทสล่าน่าจะเป็นความละเอียดของเซ็นเซอร์ด้วยหรือเปล่า
ถ้าเทียบเหมือน ecu เมื่อก่อนที่เป็น 16 bitแล้วเปลี่ยนมาเป็น 32 bitมั้งครับ
คนไม่รู้ก็จะไม่รู้สึกว่ามันฉีดน้ำมันละเอียดขึ้นเป็นฝอยมากขึ้น การทำงานแม่นยำขึ้นทุกอย่าง
มันต่างจากเดิมยังไง แต่สำหรับคนรู้มันก็ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างรู้สึกได้
ของแบรนด์จีนน่าจะขาดความสมูทไปบ้างคงทำให้หลายคนไม่ชอบนะผมว่า
ส่วนคนที่นิสัยการขับคล้ายๆผมก็ชอบ one pedal กันทุกคนไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็ตาม
แต่ทุกคนก็ยกให้ one pedal ของเทสล่าดีที่สุดตรงกันครับ ::)
-
ผมใช้ Volvo XC40 Pure Electric กับ BYD Dolphin Ext
Volvo มี One Pedal ส่วน BYD จะมีแค่ Regen เฉยๆ ไม่ถึงหยุดนิ่ง
ส่วนตัวชอบ OPD มากครับ ปรับตัวแปปเดียวก็ชิน พอไปขับ BYD หงุดหงิดเลยครับ ต้องคอยมาเบรคๆ
ผมคิดว่าคนที่ไม่ชอบ น่าจะเพราะไม่อยากปรับตัวมากกว่าครับ ชินแบบรถน้ำมันไปแล้ว
ขอบคุณครับ จะได้ตัด byd ออกไปครับ
-
ผมเคยใช้ Nissan Leaf ก็ติดใจ One Pedal ครับ
เป็นรถเช่าระยะยาว
หมดสัญญาคืนรถไปแล้ว ก็ยังอยากได้รุ่นใหม่
แต่เสียอย่างเดียวที่ชาร์จหายาก เพราะหัวชาร์จเป็น ชาร์เดอร์โม
ดีที่ ปั๊ม ปตท แถวบริษัท มีหัวชาร์จแบบนี้ และไม่มีใครแย่งชาร์จด้วย
ไปลอง BYD มาก็ไม่ถูกใจ
เอา MG รุ่นถูกประท้วงมา ก็พัง(อาการเดียวกับที่เขาไปประท้วงเลย)
เลยคืนรถให้บริษัทรถเช่าไป แล้วเปลี่ยนยี่ห้อแทน
ส่วน เทสล่า ด้วยความที่มัน minimal มาก เลยทำให้เป็นรถกองกลางของบริษัทไม่ได้ เพราะต้องมาเรียนรู้ว่าขับยังไง (ขี้เกียจสอน)
แถมค่าเช่าก็แพงมากสู้ค่าเช่าไม่ไหว
สรุปก็ไปเอา ยาริส เอทีฟ มาครับ ฮ่าๆ
-
ส่วนตัวคิดว่าคนที่ชอบรีเจนคือคนที่พื้นฐานเท้าละเอียดในการเหยียบคันเร่งครับ
ตั้งแต่ 10 20 ปีที่แล้วคนที่บ้านก็บอกว่าผมขับเหยียบคันเร่งรักษาระยะจากคันหน้าได้ดีเยี่ยม
แต่สมัยนี้เทียบก็คงเป็น adaptive cruise control manual ฮา
ถึงเป็นเกียร์ออโต้ก็เล่นเกียร์ได้รู้จักนิสัยของพวก engine brake
ใช้ทั้งตอนรถติดใช้ทั้งตอนขึ้นเขาลงเขาใช้ทั้งตอนขับตามกันเป็นหมู่คณะ
พอมาขับพวก hybrid ก็เล่นเกียร์ b บ่อยๆ
พอตอนนี้มาใช้เทสล่า my ก็ชินได้ใน 5 นาทีแรกออกรถเลยครับ
one pedal ของเทสล่าน่าจะเป็นความละเอียดของเซ็นเซอร์ด้วยหรือเปล่า
ถ้าเทียบเหมือน ecu เมื่อก่อนที่เป็น 16 bitแล้วเปลี่ยนมาเป็น 32 bitมั้งครับ
คนไม่รู้ก็จะไม่รู้สึกว่ามันฉีดน้ำมันละเอียดขึ้นเป็นฝอยมากขึ้น การทำงานแม่นยำขึ้นทุกอย่าง
มันต่างจากเดิมยังไง แต่สำหรับคนรู้มันก็ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างรู้สึกได้
ของแบรนด์จีนน่าจะขาดความสมูทไปบ้างคงทำให้หลายคนไม่ชอบนะผมว่า
ส่วนคนที่นิสัยการขับคล้ายๆผมก็ชอบ one pedal กันทุกคนไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็ตาม
แต่ทุกคนก็ยกให้ one pedal ของเทสล่าดีที่สุดตรงกันครับ ::)
ขอบคุณครับ เพราะงี้แหละลูกชาย จอด c220d เป็นรถเฝ้าโรงรถ เดือน ๆ วิ่งไม่เกินสองวัน...ติดเทสล่าเป็นตังเมเลย...
-
ผมใช้ model y ชอบมากครับ โดยเฉพาะตอนรถติดๆๆ (แต่หลังจาก up version ใหม่ๆ รู้สึกมันไหลยาวต้องเพื่อระยะกว่าเดิม แต่ได้ความนุ่มนวลเข้ามา) ส่วน atto3 ไปลองแล้วไม่ชอบ มันเหมือนจะหยุดแต่ไม่หยุดต้องคอยเติมเบรค ส่วนผมถ้าต้องซื้อรถอีกคัน ขอแบบมี่มี one pedal ดีกว่า ผมขับรถติดๆ ขาละ 1 ชั่วโมงกว่า ขับรถที่มี one pedal รู้สึกชิวกว่า
ความเห็นส่วนตัวที่นักรีวิวไม่ชอบคงเพราะเป็นอะไรที่แปลกว่ารถทั่วๆ ไปที่เทส เพราะเขาเทสใน 1 ปี น่าจะเกิน 50 รุ่น แล้วรุ่น one pedal อาจจะหลุดมาให้เคสแค่ 4-5 คัน แล้วถ้าเป็นคนชอบมุด ชอบจี้ติดคันหน้าแล้วเบรคแล้วเร่งแซง อาจจะไม่ชอบ (เทสรถตามสไตร์ไม่ใช่รถตัวเอง กระทืบเบรคกระทืบคันเร่ง เต็มที่) เพราะมันเหมือนจะเบรคไม่อยู่ มันมุดไม่ได้ ซึ่ง myp ใน mode track ก็ตัดระบบ one pedal ออก
-
one pedal มันเหมาะกับขับในเมืองครับ รถติดบ้างวิ่งบ้าง มันจะได้ประโยชน์มากกว่า
แต่ถ้าเอาไปขับทางไกลยาวๆหน่อย หรือขับบนทางด่วนที่รถไม่ติด, รถแบบ one pedal จะขับสู้แบบปล่อยไหลไม่ได้ครับ
ผมว่ารถที่ดีควรจะปรับได้ ผมมี Model3Perf ที่เป็น one pedal (เท่านั้น) / E Tron GT ( ไม่เป็นone pedal) และ Kicks (ปรับได้)
ส่วนตัวชอบแบบ kicks ที่สุด ช่วงไหนขับยาวๆก็ปรับ Normal mode ไหลๆไปเรื่อยๆ ถ้าขับในเมืองก็ปรับ Sport - one pedal
-
ผมเช่า tesla มาขับ 3 วัน แค่ชั่วโมงแรกก็ปรับตัวได้เเล้ว ไม่ได้ยากเลย
แต่...ไม่ชอบเลย แฟนก็ไม่ชอบ เห็นตรงกันว่าขับไม่สบาย
เวลาขับต้องตั้งใจขับ เท้าต้องจี้คันเร่งตลอดเวลา ใจลอยหรือผ่อนคลายจะเสียจังหวะทันที กลายเป็นขับไม่สนุก
เป็นเหตุผลหลักที่ไม่ซื้อ tesla ทั้งๆที่อยากได้มาหลายปี :-\ :-\ :-\
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
-
สดๆร้อนๆเลยเมื่อเช้าเกือบจูบท้าย kicks เพราะผมจี้หาจังหวะแซงถนนสองเลนสวนกันต่างจังหวัด แล้วจู่ๆ KICKS ข้างหน้าก็ลดความเร็วลงอย่างเร็ว ที่สำคัญไฟเบรคก็ไม่ติดด้วย คงเพราะข้างหน้าเป็นคอสะพานทรุดถนนไม่เรียบเขาเลยยกคันเร่งอย่างไว สรุปคิดซะว่าตามกระบะเกียร์ธรรมดาสายเอ็นจิ้นเบรคก็ประมาณนี้
-
ผมเช่า tesla มาขับ 3 วัน แค่ชั่วโมงแรกก็ปรับตัวได้เเล้ว ไม่ได้ยากเลย
แต่...ไม่ชอบเลย แฟนก็ไม่ชอบ เห็นตรงกันว่าขับไม่สบาย
เวลาขับต้องตั้งใจขับ เท้าต้องจี้คันเร่งตลอดเวลา ใจลอยหรือผ่อนคลายจะเสียจังหวะทันที กลายเป็นขับไม่สนุก
เป็นเหตุผลหลักที่ไม่ซื้อ tesla ทั้งๆที่อยากได้มาหลายปี :-\ :-\ :-\
แบบนี้แปลว่ายังปรับตัวไม่ได้ครับ แค่บังคับได้เฉยๆ
ถ้าปรับตัวได้ มันจะไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะความเคยชินในการยกคันเร่งจะหายไปครับ และจะไม่รู้สึกไม่สบายอีกต่อไป
แนะนำ ลองไปเดือนนึงถึงจะหายครับ
-
สำหรับผมตอนนี้ใช้ kick - saab 93
ซื้อให้ลูก c220d tesla y per (แต่ผมไม่เคยขับ)
ผมชอบคิ๊กส์ ในระบบวันแพเดิลมาก (โหมดรีเจนสูงสุด) ใช้ตลอดตั้งแต่ออกรถมา จะใช้เบรคเฉพาะ ถอยเข้า-ออกจากซอง และรถข้างหน้าเบรคแรง ๆเท่านั้น
ผมไปดูรีวิวหลาย ๆท่านที่ใช้รถไฟฟ้า หลาย ๆแบรนด์ มักจะบอกว่ามันรีเจนแบบแปลก ๆ แล้วปิดรีเจนไปขับโหมดธรรมดากัน มันแปลกยังไง หรือตอบสนองไม่ทันใจ สงสัยจริง ๆ คืออยากจะได้รถไฟฟ้าจีน-เกาหลี สักคัน ยังตัดสินใจไม่ได้ และไม่ได้ลองขับ (เทสล่าที่บ้านก็ดีครับ แต่ผมติว่ามันไม่สวย...ทั้งวิ่งสวน -วิ่งตาม มันก็ดูไม่สวย)
จึงสอบถามท่านที่ก่อน ขอบคุณครับ
ซื้อให้ลูกเกี่ยวอะไรกับคำถามรึเปล่าครับไม่แน่ใจ หรือบอกเฉยๆว่ามีตังล้นเหลือจะขับ porsche ก็ได้แต่จะใช้นิสสัน
เท่าที่ผมเคยใช้มา รวม nissan leaf/kick ผมว่า nissan ทำ 1-pedal ได้แย่สุดครับ มีความสู้เท้าตั้งแต่ระบบไฮบริดตอน x-trail และรถหยุดแบบจิกหัว เหมือนที่ model3 รุ่นแรกๆเป็น
แก๊งรถจีนที่มี 1-pedal ที่เทสมาก็มี
ora goodcat > ทั่วๆไปครับ แค่ไม่ชอบที่มันไม่ work pararelle กับ radar ทั้งที่มีอยู่แล้ว ปล่อยเร็วหัวทิ่มปล่อยช้าเสียวๆหน่อย แต่ภาพรวมใช้ได้นะ
aion y > อันนี้คล้ายๆแมว แต่ผมว่า synergy ได้ดีกว่าหน่อย
byd-deepal-mg ไม่มี 1-pedal นะครับ ถึงเซลจะบอกหน่วงสุดแทบจะเหมือน 1-pedal ยังไงก็บอกเลยว่าไม่เหมือน ไม่ใช้ ใช้งานไม่ได้เหมือนกันแม้แต่นิดเดียว
ส่วนแก๊งรถพรีเมียมทุกสัญชาติ
volvo > อันนี้ดีครับ สมตัว
tesla > ดีสมตัวเช่นเดียวกันมีติเรื่องหัวทิ่มเล็กน้อย แต่ใน model3 highland ผมเพิ่งรับมา แก้เรื่องนี้แล้ว smooth ขึ้นมากครับ แต่เหมือนแรงจะน้อยลงจากความรู้สึกที่ใช้ tmY ตัวนำเข้า uk
bmw > อันนี้ผมให้ดีที่สุด มัน synergy กับ radar ได้ดีมากครับ วิ่งไกลเหยียบแล้วปล่อยรถจะชะลอช้าๆ แต่ถ้ามีรถข้างหน้ามันก็จะหยุดทันที
-
เคยไปเช่า model Y LR ที่ US
ประตัวได้เลยครั้งแรกที่ขับ ชอบ opd มาก
ขับไป 8พันกว่าโล แทบไม่ได้แตะเบรค ในเมือง opd นอกเมือง มีตอนซิ่งๆใน CA ก็สนุกมาก
autopilot ชิลเลย ปรกติใช้ auto แต่เกียร์
ธรรมดาก็ขับได้ ใช้ BB ประจำใช้
enging brake ตลอดครับ เลยอาจจะปรับตัวไม่ยาก
-
ยืนยันอีกเสียงว่า 3 highland regen นุ่มขึ้น คุมง่ายขึ้นกว่าเดิมมากครับ
ส่วน ix3 มีระบบ adaptive regen อย่างที่ท่านด้านบนว่าซึ่งดีจริง และมีประโยชน์มากเวลาขับเร็วหน่อย บางทีเราต้องการปล่อยคันเร่งแค่เพื่อปล่อยไหล
แต่ความนุ่มนวลหรือความง่ายในการคุมให้เบรคไม่หัวทิ่มผมว่ายังสู้ Tesla ไม่ได้ครับ
ข้อเสียของ tesla คือมันปิดไม่ได้เนี่ยแหล่ะ ถ้ากังวลกับเรื่องนี้คงต้องหารถที่ปรับโหมด regen ได้ครับ
-
จากที่ผมได้ลอง MG4 XPower และ MG ES มา ระบบ Regen ทำงานได้ Smooth มากๆ Smooth สุดๆ ในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าทั้งหลายที่มาจำหน่ายในไทย
ORA 07 Performance ระบบ Regen มัน Smooth แต่ Regen แอบกระชากไปนิดๆ
BYD Dolphin กับ Seal ระบบ Regen ทำงานได้ Smooth ก็จริง แต่ Regen กลับเข้าแบต น้อยกว่า MG
-
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความเห็นครับ
สำหรับท่าน axister ที่สงสัย..ว่าเกี่ยวไหม เกี่ยวครับ ผมลองใช้ kick ก่อน เพื่อหาข้อดี-เสีย ผมใช้สามปี คิดว่าข้อดีมีมากกว่า จึงซื้อให้ลูกใช้ เอาที่คิดว่าดีที่สุดไปเลยจะได้ไม่ต้องห่วง ส่วนเงินมีมาก-น้อย ไม่เกี่ยวครับ เพราะผมตั้งเป้าแล้วถึงเก็บเงินเพื่อสิ่งนั้น กว่าเงินจะครบอาจจะใช้เวลาปี-สองปีก็เป็นไปได้
ตัวผมเองไม่ติดแบรนด์ ขอให้ถูกใจก็พอ ตอนนี้ รอดูการทดสอบ รีเจน การกินไฟ ปัญหา
ขอบคุณทุกความเห็นอีกครั้งครับ
-
เคยขับแค่
Tesla model 3 ก่อน minor
Kicks gen 1
Ora Good Cat
Tesla นุ่มนวลสุด แต่มันไม่ได้ลดเร็วขนาดนั้น ทางไกลใช้แทนเบรกได้ ในเมืองต้องมองการไกล กะดีๆ
Kicks gen 1 ผมกลับคิดว่าไม่แย่นะ learning curve เยอะหน่อย เหมือนขับรถกอล์ฟ แต่พอเป็นแล้ว ผมว่ามันใช้แทนเบรกได้สบาย
Ora good cat ปรับ level 3 เหมือนอยู่กึ่งกลาง
ส่วนตัวคิดว่ามันอยู่ที่ความชิน มันปรับตัวได้ แค่ช่วงแรกต้องเกร็งๆเท้าหน่อย แค่นั้นเอง
อยากลอง adaptive regen เหมือนกัน ของ bmw i เห็นว่าฉลาดพอตัว
-
Tesla Model Y Longrange - เป็นรถที่ Regen ค่อนข้างหนักหน่วง ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ถ้าคุณเหยียบๆ อยู่แล้วถอนคันเร่งทันทีคือมีหน้าทิ่ม ที่แย่คือมันไม่สามารถปรับได้เลย ยกเว้นไปซื้อ S3XY Button มาติด คนชอบก็จะรักไปเลย คนเกลียดก็จะเกลียดเลย
ฺBMW iX - สามารถเลือกได้ 2 แบบหลักๆ คือ ใช้เกียร์ D เพื่อฟีลลิ่งเหมือนรถน้ำมัน หรือเกียร์ B เพื่อฟีลลิ่งแบบรถไฟฟ้า คือมี Regen ที่ค่อนข้างหนักหน่วง แต่น้อยกว่า และนุ่มนวลกว่า Tesla และขอเดาว่ารุ่นอื่นๆ อย่าง i4 i5 ก็น่าจะมีฟีลลิ่งที่ใกล้เคียงกัน
-
ผมใช้ Tesla Model 3 Per ตัวเก่า และ Y LR (Y ขายไปแล้ว)
สำหรับผม คนที่ว่าหัวทิ่มอาจจะไม่ชินในการคุมคันเร่งครับ ผมได้มาแรกๆ ถอนคันเร่งแบบที่เคยๆ ก็ทิ่ม ไปๆ มาๆ เดี๋ยวนี้ใช้ regen smooth กว่าเบรคอีกครับ เวลาสลับไปขับคันอื่นก็ไม่งงนะครับ แปลกดี ตอนแรกนึกว่าจะมึนๆ ไปๆ มาๆ คงเหมือนท่านที่ขับเป็นทั้งเกียร์ธรรมดาและออโต้ พอคล่องแล้ว สลับไปสลับมาไม่มีปัญหาครับผม
-
ขอบคุณครับ มีประโยชน์มากเลยครับ
-
One pedal + Adaptive cruise Stop and GO ที่สุดครับ
ขับง่ายมากกก
-
ถ้าจะซื้อซักคัน ไม่เกี่ยงขนาดรถ ผมว่า MG4 ขับสนุกสุดแล้วนะ สนุกสนานแน่นอน
ส่วน regen นี่ผมว่าเป็นแค่เรื่องปลีกย่อย ไม่ได้สำคัญมาก อยู่ที่ความถนัดของแต่ละคน และปรับตัวให้เข้ากับรถมากกว่า ขับไปซักพัก ถ้าใส่ใจว่าจะขับดีๆ ก็ขับเนียนได้ทุกคัน
ผมขับ EV มา 3 ปี รวมๆ 1.2 แสนโล ที่บ้านมี MG EV อยู่ 3 คัน ขับจนเข้าเท้าทุกคัน ก็พอจะให้ข้อมูลได้ตามนี้
- MG4 regen เนียนสุด (โหมด Adaptive ไล่ Kers ให้เนียนมาก) แต่ปรับ Kers ต้องกดในจอ
- EP regen ยังเนียนกว่าได้ ถ้าขับเก่ง เพราะมีก้านปรับ Kers ปรับเล่นได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์
- ZSEV (ตัวปรับใหม่) คล้าย EP แต่แป้นเบรคไม่ regen เพิ่มให้ รถใช้ผ้าเบรคเยอะกว่า และกินไฟกว่า
One pedal ก็เคยขับบ้าง จังหวะคึกคักมันก็ดี แต่ขับไกล ปล่อยไหลยาวๆ ผมว่าปล่อยไหลธรรมชาติเนียนกว่า อีกอย่าง ถ้าขับเสียจังหวะ regen แรงๆ พวกรถ EV จะกินไฟกว่าชัดเจน เลยไม่ค่อยนิยมใส่ one pedal มาเป็นมาตรฐานมั้งครับ