Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Prawee ที่ เมษายน 23, 2024, 10:13:20
-
อยากสอบถามความคิดเห็นพี่ครับ อยากจะออกรถคันแรกของบ้าน
งบประมาณ 1.2m ตอนนี้มีในใจคือ
1. Honda fe ehev civic rs
2. Byd seal ตัวเริ่มต้น
สไตค์การใช้งาน
-ขับรถไปทำงานไปกลับรวม 100กม. ประมาณ 2-3วัน / weak
-วันเสาร์ อาทิตย์มีขับใกล้ๆไปห้าง ในเมืองทั่วๆไป
-ขับเที่ยว 1-2 ครั้ง /เดือน
-กลับต่างจังหวัด ขอนแก่น เชียงราย ปีละ 1-2 ครั้ง
อยากทราบว่าค่าใช้จ่ายโดยรวมประมาณ 5-7 ปี ตัวไหนคันถูกกว่ากันครับ
-
เชื่อว่าถ้าได้ชาร์ทไฟ Off Peak ตลอดหรือเกิน 50-80% ยังไงค่าใช้จ่ายฝั่ง EV น่าจะถูกกว่าครับ น่าจะไม่ถึง 1 บาท แต่ถ้าใช้ DC On Peak ก็เกือบๆจะพอๆ กับ HEV
ส่วนตัวผมใช้ Civic eHEV อยู่เนื่องจากบริษัทยังเบิกเป็นค่าน้ำมัน จากคันเดิม CX-30 ค่าน้ำมันประมาณ 6000-7000 มาคันนี้เหลือ 2500-3500 ตกประมาณ 1.8-2.2 บาทต่อกินโล เวลาไปต่างจังหวัดไม่ต้องลุ้นและวางแผนเยอะ แต่ถ้าใช้ EV จริงๆ ส่วนตัวคิดว่าก็น่าจะปรับตัวได้ แต่น่าจะเผื่อเวลาเยอะขึ้น ครับ
จากคำถามระยะเวลา 5-7 ปียังไงค่าไฟถูกกว่าแน่ครับ แต่แน่นอนราคาตัวรถ รวมถึงค่าประกันภัย และค่าแบตที่ประกันจะครอบคลุมน้อยลงทุกๆ ปีก็เป็นปัจจัยที่ผมยังกังวล (แบต Civic eHEV อยู่ที่ 9x,xxx บาท ครับ ประกัน 10 ปีไม่จำกัดระยะทาง)
-
civic ehev ค่าน้ำมันตกโลละประมาณ 2 บาท ค่าประกันปีละ 20,000
seal ค่าไฟน่าจะประมาณโลละ 1 บาท ค่าประกันไม่แน่ใจ น่าจะมีปีละ 30,000
civic ใช้งาน 5-7 ปี ระบบไฮบริดกับแบตเตอรี่ยังอยู่ในการรับประกัน ฉะนั้นไม่ต้องห่วงค่า Maintenance
ราคาขายต่อก็ไม่แย่เท่า seal แน่ๆ
ถ้ามองความประหยัดรวมๆ มันหนีกันไม่ค่อยออกครับ แล้วแต่ความชอบ
แต่ถ้ามองว่าเป็นรถคันเดียวผมเลือก honda ดีกว่า
-
ดูตามการใช้งานแล้ว มีออกตจว.ด้วย แถมใช้งาน 5-7 ปี ผมนะนำ hev ครับ ไม่ต้องลุ้นราคาขายต่อในอนาคต แบตก็ประกัน10ปี ไม่ต้องวางแผนมาก อยากจะขับไปตจว.ก็ทำได้เลย น้ำมันหมดปั๊มเติมก็มีทั่วไป
-
แบรนด์จีนผมขอผ่านครับ ล่าสุด Seal ของน้องที่รู้เพิ่งไปชนยับเยิน Airbag ก็ไม่ออกครับ เห็นมีหลายเคสแล้วครับ
ส่วนตัวผมว่าแบรนจีนยังไม่ได้พิสูจน์ความเชื่อมั่นครับ เพิ่งเข้ามาขายกันเองครับ อีก 4-5 ปี ผมว่าน่าจะรู้เรื่องครับ
EV ขับ ตจว. ถึงจะมีที่ชาร์จแต่ก็เสียเวลาน่าดูครับ ถ้าต้องการวิ่งยาวๆ ทำเวลานิดนึง ผมขอผ่านเลยครับ
-
เห็นว่ามีเดินทางไกล 1-2 ครั้ง ขอเดาว่าเป็นช่วงเทศกาลนะครับ
กรุงเทพขอนแก่น คิดว่าต้องชาร์จไฟเพิ่มครับ ไม่งั้นอาจถึงแบบลุ้นๆ
อาจวิ่งไปปากช่อง ขึ้น m6 ลง สีคิ้วหาชาร์จ หรือลงโคราชแล้วหาปั้มชาร์จครับ
ซึ่งเส้นนั้น รู้สึกปั้มน้ำมันไม่ได้เยอะ แล้วจุดชาร์จก็ไม่ได้มีทุกปั้ม...
ถ้าช่วงเดินทางเป็นช่วงเทศกาลด้วย ผมคิดว่าจะลำบากครับ
ผมตีกลมๆเป็นขับ week ละ 400km ปัดขึ้นเป็น ปีละ 25000
ค่าเชื้อเพลิง seal ตีไปสัก 20000 ส่วนcivic น่าจะต้องมี 60000 ครับ หักประกัน เชคะยะ คิดว่าส่วนต่างปีละ 40000 ได้ครับ
คิดว่า BEV ราคาน่าจะร่วงเร็วครับ ยิ่ง BYD ที่ Dump ราคาบ่อย คิดว่าราคาน่าจะลงหนัก สุดท้ายแล้ว
คิดว่า Seal มือสอง 4 ปีราคาน่าจะลงเยอะกว่า Civic ehev ครับ
ยิ่งใช้ระดับ 5-7 ปี ตอนนั้น ev ใหม่ อาจดีขึ้นมาก จนทำให้ตัวเก่าไม่มีใครสนใจเลยก็ได้ครับ
สรุป ผมไป Civic ครับ คิดว่าน่าจะตอบโจทย์มากกว่า นอกจากใช้รถเยอะขึ้น หรือ ปรับลดมาเหลือพวก atto3/dolphine ซื่อราคาถูกลง ตอนขายก็เจบน้อยลงหน่อย
-
ค่าใช้จ่ายตลอด 7 ปี ผมว่ายังไงก็ Seal ครับ
ค่ายใช้จ่ายที่ Seal จะเยอะกว่า Civic แทบจะมีข้อเดียวเลยคือ ค่าประกันภัย
ซึ่ง ก็ไม่ได้ต่างกันมาก หลักหมื่น ซึ่งหักจากค่าน้ำมันที่ไม่ต้องเติม มาเป็นค่าประกันได้
ถ้าอยู่บ้าน ที่มีชาร์จ AC แบบออฟพีค ยิ่งถูกกว่าชัดเจน
ระยะเดินทาง ตอนนี้ไปได้ทั่วไทยครับ ไม่ต้องห่วง อาจจะมีสะดุดๆ ช่วง สงกรานต์ และ ปีใหม่ ที่รถเยอะ ต้องวางแผนการชาร์จดีๆ หน่อย แค่นั้น ที่เหลือ ไม่ใช่ปัญหาเลย
-
อีกข้อนึงที่คนชอบลืมคำนวนคือเวลาขับรถ ev ไปเที่ยวจะคำนวนแค่ระยะทางไป-กลับ แต่ลืมคำนวนเผื่อระยะทางที่ใช้ขับเที่ยว ไม่ว่าจะไปๆ มาๆ ในเมืองหรือจากจุด A ไปจุด B ซึ่งก็มีเป็นหลัก 100 โลได้ไม่ยาก
ส่วนตัวผมว่ามันเที่ยวไม่ค่อยสนุกถ้าต้องมาคอยคำนวนว่า ถ้าเราจะไปร้านนี้ กลับมาที่โรงแรม จากโรงแรมไปที่นี่ ไฟพอมั้ย อาจจะพอเที่ยว แต่ขากลับอาจจะไม่พอ ต้องชาร์จเพิ่ม มันสามารถทำทริปล่มได้เลยนะครับ
ผิดกับรถน้ำมันก็อยากไปไหนก็ไป จะหลง จะวน จะอ้อม จะแวะไหนก็สบายใจ
ev ยังไงก็เหมาะกับใช้จากจุด a ไป b แบบชัวร์ ไม่ออกนอกเส้นทางครับ ซึ่งไม่ใช่ตอนเที่ยวแน่ๆ
ถ้ามีรถอีกคันที่เป็นน้ำมันเอาไว้ไปเที่ยว แล้วจะออก ev เอาไว้ขับไปทำงานวันละเป็นร้อยโล อันนี้เห็นด้วย 100%
-
ราคาขายต่อเมื่อครบ 5-7 ปี ซีวิคเยอะกว่ามากๆ
เอาค่าใช้จ่ายมาเฉลี่ยส่วนนี้ด้วยนะครับ
-
ดูแล้วกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายไป civic เท่านั้นครับ
-
seal พอลดราคาแล้ว ลงมาเล่นกับ civic ด้วย ถึงว่า ยอดขายเยอะมาก
-
ผมก็เลือกระหว่าง civic ehev rs กับ seal ตัวเริ่มเหมือนกัน (แต่สุดท้ายผมไปเอา seal ตัวกลาง) ที่เลือก seal เพราะกล้องรอบคัน bsm อยากลองรถไฟฟ้า
หลังจากใช้มา 4 เดือน 11,000 กิโลเมตร ใข้ไฟที่บ้าน off peak ตกกิโลเมตรละ 0.5 บาท ใช้งาน คลองสี่ ฟิวเจอร์รังสิต ธรรมศาสตร์รังสิต ก่อนหน้านี้ใช้ อเมล่า 1.0 ค่าน้ำมัน 4,000 บาท ต่อเดือน seal 1,500 บาท เวลาจอดรอแฟนในห้างจะกินไฟประมาณ 1-1.5 kwh ถ้าเป็นกลางแจ้งแดดร้อน 1.5-3 kwh
ที่ไม่ชอบ seal คือช่วงล่างถ้าถ้าถนนไม่ดีขับไม่เกิน 100-110 จะมีอาการไม่มากรับได้ ถ้าเกินกว่านั้นรถจะมีอาการเด้งโยนพอสมควรถ้านั่ง 2 คน (น้ำหนักรวม 2 คน 116 กิโลกรัม) เคยขับไปขอนแก่นนั่ง 4 คน รวมสำภาระ 300-350 กิโลกรัม อาการมีอยู่แต่รับได้
-
ถ้าโจทย์คือความคุ้มค่าเงิน ใช้รถ 5-7ปี ผมเลือกซีวิค (ยกเว้นจะมีเงื่อนไขอย่างอื่น เช่น อยากลองนวัตกรรม )
ถ้าใช้รถ ev ต้องใช้รถวิ่งเยอะจริงๆระดับหลายๆหมื่นโลต่อปี เพราะค่าพลังงานที่เซฟได้ มันจะไปครอบคลุมค่าประกันภัยรายปี / ค่าเสื่อมของแบตเตอรี่
-
เท่าที่ดูใช้รถไม่เยอะครับ ส่วนต่างค่าน้ำมันไม่มาก
ระยะยาว 1 ดีกว่า
เพราะค่าประกันชั้น1 รถไฟฟ้าโหดมาก
แต่ถ้าชอบเทคโนโลยี ความล้ำสมัย ซื้อไฟฟ้าครับ
-
Civic ครับ เพราะดูแล้ววิ่งไม่เยอะ
รถไฟฟ้าเหมาะกับใช้งานในเมือง จะประหยัดค่าใช้จ่าย
แต่ถ้าเดินทางไกล เชียงราย ขอนแก่น รถไฮบริดสบายกว่ากันมาก
ข้อเสียของรถไฟฟ้าเวลาเดินทางไกล
1. ขับเร็ว แบตหมดไวมาก (ขับเร็วในที่นี้แค่ 120 ก็กินไฟกว่าวิ่ง 100 เยอะแล้วครับ)
2. แอร์ไม่เย็นเท่ารถน้ำมัน เดาว่าคอมแอร์ไปช่วยระบายความร้อนแบตด้วย เดินทางไกลตอนเที่ยงกับตอนกลางคืน การกินไฟต่างกันเลย
3. ค่าไฟต่อกิโลเมตร แทบไม่ต่างจากค่าน้ำมันรถไฮบริด แถมค่าไฟยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ไม่คงที่ด้วย เช่น ถ้าเหยียบเยอะ
จากแบตรถที่วิ่งได้ 300 กม.++ อาจจะเหลือไม่ถึง 200 กม. หรือค่าชาร์จแต่ละสถานี แต่ละเวลาก็ไม่เท่ากัน และมีแนวโน้มว่าจะปรับราคาขึ้นอีก
เพราะในช่วงปีที่ผ่านมา ปตท. ปรับค่าไฟขึ้นมา 2 รอบแล้ว สูงสุด 1.5 บาท/หน่วย จาก 4.5 บาท เป็น 6.0 บาท คิดเป็นร้อยละ 33 ถือว่าสูงมาก
ปล.ผมมีทั้งรถไฮบริดกับรถไฟฟ้าครับ
-
ดูแล้วใช้รถไม่มาก เป็นผมไปeHEVดีกว่า
-
ถ้าเป็นรถคันแรก ใช้ ehev ไปเถอะ ไปไหนมาไหนสบายใจ อะไรเสียก็ไม่ต้องรออะไหล่นาน
-
ชอบๆ
-
ehev ก่อน อีก5-7ปีเทคแบตมันนิ่งก็ค่อยเปลี่ยนเป็น ev
ปัจจุบันผมใช้ model y ระยะทางที่ยืนพื้นตามสถานีชาร์จนอกบ้านอยู่ช่วง 20-80%
ต่ำกว่าหรือมากกว่านั้นคือชาร์จบ้านครับ เรื่องซ่อมเรื่องชนหนักไม่ได้เอามาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ
แต่ถ้าคันถัดไปคงเลือกที่ระยแบตช่วง 20-80% ว่าได้ระยะ EPA อยู่ที่เท่าไหร่
ถ้าให้ผมบอกคนใกล้ตัวผมก็จะบอกให้ไปไฮบริดญี่ปุ่นก่อน รอให้อะไรๆมันเข้าที่เข้าทางก็ไม่สาย ได้ของดีราคาถูก แต่อย่าคิดนะว่ารถ ehev จะขายต่อได้ราคาใน5-7ปี ถ้าถึงตอนนั้นแบต ev มันวิ่งได้พันกิโล ของเก่าจะ ev,hev ราคาก็ร่วงได้ไม่ต่างกัน
-
คู่นี้ผมเลือก seal ครับ จริงๆลองเช่าใช้ก่อนดีมั้ยครับ ใน evme มีพวกเช่าระยะยาว ยอมเสียซัก 7 วันจะตอบได้ครับ
เรื่องแบต ขึ้นอยู่กับการใช้งาน function ต่างๆ ก็เช่นกัน แอร์ไม่เย็นเป็น bev คือไรงง นิใช้ bev เป็นหลักไม่มีคันไหนแอร์ไม่เย็นครับ
ระยะวิ่ง ให้ดูตามมาตรฐาน epa/wltp อย่าวัด nedc มันเลอะเทอะ ยิ่ง byd มีจุดอ่อนตรงนี้ชอบแสดงเลขระยะจากแบต ไม่ได้คำนวนจากการใช้งาน
เช่น atto3 charge เต็มบอกวิ่งได้ 420 เลย แต่ iX3 วัดจากแรงเท้า ชาร์จเต็มทุกวันนี้ผมวิ่งได้ 290 แต่ถ้าเข้าเมืองรถติดๆกลับมาบ้าน ระยะวิ่งเพิ่งเป็น 300+ ด้วยซ้ำ
จีนไม่จีนอยู่ที่ทัศนคติแล้วครับคนที่เลือกรถจากอันนี้ก็มีทางเลือกไม่มาก ถ้าเรารักญี่ปุ่นก็อย่าเลือกว่าจะใช้อะไร เลือกเลยต้องใช้ยี่ห้ออะไรอย่าถามว่าดีมั้ย แค่เป็นญี่ปุ่นก็ถูกแล้ว เพราะเราจะสรรหาข้อเสียที่เกิดขึ้นมาติได้เสมอครับ bias จัด
แต่ผมก็ไม่แนะนำ mg ครับ ใช้แล้ว ระบบกาก วัสดุคุณภาพต่ำ qc เหมือนลืมจ้าง ห่วยครับ
-
Civic ไปก่อนครับ
-
รอซ่อม 3-6 เดือนไหวหรือไม่ถ้าเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนล็กๆ น้อยๆ
ถ้าไม่ไหวไปรถญี่ปุ่นครับ
-
ไป BYD Seal เลยครับ Save ค่าน้ำมันไปได้มาก แถม Blade Battery เป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในบรรดา EV ไทย