Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: The Mechanics of Emotions ที่ มิถุนายน 26, 2024, 16:19:33
-
อยากเล่าความรู้สึกส่วนตัวกับรถยนต์สมัยนี้ ส่วนตัวได้ไปสัมผัสได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกรถที่มีเทคโนโลยีเยอะๆ มีแสงสีเวอร์ๆ มีจอแสดงผลใหญ่ ระบบช่วยขับนู่นนี่นั่น เดี๋ยวนี้ผมรู้สึกเอียนมากและโหยหาอยากกลับไปสัมผัสรถที่มันให้ความรู้สึกแบบพอดีๆ อยากใช้ชีวิตกับรถยังทำหน้าที่เป็นรถ ให้เราควบคุมได้เอง มันคือเสน่ห์ของการขับขี่ ไม่ใช่กลายเป็นคอมพิวเตอร์ติดล้อ ที่ใช้ซอฟต์แวร์มาควบคุมซะหมด มันดูเหมือนอะไรที่มีแต่เปลือกให้ดูสวยล้ำ หันไปไหนตอนนี้ก็เหมือนกันหมด
อะไรดลใจให้นึกถึงช่วง golden era ของรถยนต์ช่วง 2010 ทั้งหน้าตารถก็ดูลงตัว เส้นสายไม่เวอร์ไม่ล้น ภายนอกภายในก็ออกแบบดู timeless และมีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือคนขับบ้าง เช่น ABS, TRC, ESP เป็นต้น และเรื่องเครื่องยนต์อย่างพวกรถ performance เมื่อก่อน V8 N/A, V10 N/A เดี๋ยวนี้กลายเป็น 4-6 สูบ + hybrid ไม่ก็เครื่องเล็กพ่วงหอย นึกแล้วก็คิดถึงวันวาน เรือนไมล์เมื่อก่อนตอนมีจอ digital แรกๆ ก็ตื่นตาตื่นใจมัน ดูว้าวมาก ตอนนี้กลับเฉยๆ ชอบรถไมล์เข็มซะมากกว่า มันดูมีเสน่ห์กว่าหน้าจอเยอะเลย ยิ่งพวกที่หน้าปัดเข็มสวยๆ ก็ยิ่งน่าค้นหา ภายในรถบางค่ายแสงสีกลายเป็น bar ซะอย่างนั้น เส้นไฟวิ่งกันเต็มไปหมด สมัยก่อนมี ambient เป็นจุดๆ ให้ความรู้สึกปราณีตในการคิดออกแบบมากกว่าเยอะเลย
ผมเองก็อายุยังไม่เยอะแต่ไม่อินกับรถสมัยนี้เลยครับ มันดูไร้เสน่ห์มากๆ ทั้งที่เมื่อก่อนชอบมาก ดูล้ำดี มองกลับไปตอนสมัยก่อนรู้สึกว่ารถมันมีเสน่ห์กว่านี้ น่าค้นหากว่านี้ แต่ผมก็เชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่ชอบดีไซน์ล้ำ เทคโนโลยีเยอะๆ ของเล่นเยอะๆ แต่สำหรับผมคือไม่ได้อยากได้อะไรพวกนั้นเลย พวกรถขับเอง จอดเอง ช่วยประคองรถ คุมผ่านมือถือ กล้อง 360 หรือจอเยอะๆ อยากได้รถที่ทำหน้าที่เป็นรถและไม่ต้องมาแย่งบทบาทของคนขับ ถ้าการที่คนขับต้องการระบบพวกนี้มาช่วยแสดงว่าคุณอาจจะไม่พร้อมในการขับรถหรือเปล่า
มีใครคิดถึงรถยุคเก่าๆ บ้างครับ คิดยังไงลองแชร์กันดูครับ ไม่มีผิดไม่มีถูก
-
2010 ผม wow กับรถอย่างน้อยสามคันตอนนั้นคือ Accord G8 สีขาวล้อ19ยางบางเตี้ยแป๊ก, Suzuki swiftโฉมนำเข้า และ Benz 4 ตา 212 ที่เพิ่งเปิดตัวในไทยปีนั้นครับ เห็นสามรุ่นนี้ที่ไหนเหลียวมองตลอด
-
เห็นด้วยเลยครับ ไมล์ BMW E/F series สวยมาก พอมาเป็น G จอ digital แล้วรู้สึกวัดรอบแบบนี้ มันกวาดไม่เร้าใจยังไงก็ไม่รู้
-
ตัวหน้าปัดนี่เหมือนกันเลยครับ ยังชอบแบบเข็มกวาดอยู่เลยอ่ะ
แล้วยิ่งตอนนี้ก็ไม่มีความชอบหน้าปัดดิจิตอลเลยซักนิด (ยกเว้น LFA)
ยิ่งเดี๋ยวนี้พวกวัดรอบเป็นแถบสี ยิ่งดูแล้วยังไงๆไม่รู้ (ไม่นับ S2000 นะ อันนั้นยังดูดีอยู่)
-
ถ้าว่ารถปี 2010 ที่ผมใช้ตอนนั้น เทียบกับรถเจนใหม่ 2020 อย่างมาสด้า 3 ผมมีความเห็นต่างนะครับ
รถยุโรปผมไม่เคยใช้นะครับ แต่สำหรับรถญี่ปุ่นอย่างมาสด้าเนี่ย ผมใช้มาตลอด
ปี 2010 ผมออกมาสด้า3 BK และตัดสินใจซื้อจากรีวิวของคุณจิมมี่นี่แหละ ราคารถตอนนั้น 1.03ล้านบาท มีอะไรบ้างละ ไม่มีเลย จอแสดงผลก็ไม่มี ครูสคอนโทรลก็ไม่มี เซ็นเซอร์ หน้า/หลัง กล้องรอบคัน ไม่มีสักอย่าง option เทียบได้กับ eco-car ตัวล่างในปัจจุบันเลย ...
แล้วกลับมามองมาสด้า 3 ปี 2020 สิครับ 10ปีผ่านไป ... ถามว่าอะไรเสียไปบ้างเรื่องการขับขี่ สำหรับมาสด้า ตอบเลยว่าไม่มีเลย จากรีวิวต่างๆ ให้คะแนนการขับขี่อยู่ในเกณต์ดีเสมอ แต่ที่เพิ่มมาคือ เทคโนโลยีนี่แหละ กล้องรอบคัน หน้าจอแสดงผล ไฟหน้าอะแดปทีฟ และอื่นๆอีกมาก ผมยังคงมี่ความสุขจากการขับขี่ การควบคุม แบบที่เคยได้รับจาก BK และได้เทคโนโลยีความสะดวกสะบายเพิ่มมาด้วย ...
ที่เล่ามาไม่ได้อวยมาสด้าให้ฟังนะครับ เพียงแต่ ผมคิดว่า จุดขายหรือจุดเด่นในการนำเสนอของค่ายรถต่างหาก ที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อก่อน คนขับ BMW แน่นอนขึ้นชื่อเรื่องช่วงล่าง การควบคุม แต่ปัจจุบัน ผมก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เค้ายังเด่นเรื่องนั้นอยู่ไหม ยังคงคาเรคเตอร์ คงจุดขายของตัวเองอยู่หรือเปล่า ...
ถ้า BMW เจนใหม่ๆ ใส่อะไรเข้ามามากมาย แต่ยังคงความเป็น BMW ไว้ไม่ได้ ผมก็ไม่แปลกใจที่ แฟน BMW อาจจะรู้สึกไม่ชอบใจครับ
-
"อ.ว.ท.ม."
-
จำได้ตอนนั้นรู้สึกผมจะขับ Z4 e89 กับ mini cooper s r56 ความแพรวพราว mini เค้ามีมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ถือว่าน่ารักในแบบเค้า
ส่วน z4 ผมว่ากำลังพอดี มีเข็มแบบเดิมๆ ไม่หวือหวา มีจอแต่พองาม มีไฟพอสวย
ที่สำคัญคือ ทั้งคู่มีม้า 184 ตัว (เหมือนพวก 320i) ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อยในยุกต์นั้น เอาไปจูน stage 2 ได้ 220-230 ก็ว้าวมากแล้ว
แต่มาสมัยนี้โดนรถบ้านกินเรียบ..
-
ยุคนั้นถ้าพูดถึงบีเอ็ม นึกถึง M5 E60 เครื่อง V10 นี่ชอบมากๆ สุดจริงๆ
หลังจากนั้นมาก็ลดขนาดเครื่อง ใส่ turbo
ตัวล่าสุดนี่เป็นไฮบริดไปซะละ ::) ::)
-
"อ.ว.ท.ม."
อันนี้คลาสสิค
-
ส่วนตัวผมว่าแบบผสมผสานกลางๆกำลังลงตัวครับ อย่างที่รถสมัยใหม่มักเป็นจอสัมผัสไปหมดผมไม่ถนัด ย้อนไปสัก 10-20ปีกำลังพองาม เป็นปุ่มบ้างก้านบ้างก็พอไหว เกียร์กระปุกเหยียบคลัทช์ก็พอได้ เครื่องหายใจเองก็ได้ แต่หากย้อนยุคมากเกินไปจนถึงขั้นให้เอามือหมุนกระจกแบบเมื่อก่อนผมก็ขอผ่านครับ ;D
-
น่าจะเหลือคนที่ขับ rack& pinion ที่ดีๆ
แบบไม่มีพาวเวอร์ ไม่มากครับ
-
ผมว่ายุคสัก 2000 ปลาย-2010 ต้นๆ กำลังดี เทคโนโลยีเครื่องยนต์เริ่มทันสมัยแต่ยังมีความหลากหลายอยู่ มีระบบอำนวยความสะดวกพอประมาณ ยังไม่ได้ยัดทุกอย่างไว้ในจอ ไม่ได้เน้นความแพรวพราวแล้วไปแอบลดคุณภาพลง เหมือนยุคหลัง 2020 มานี้
เรื่องนึงที่ผมไม่ชอบคือรถสมัยใหม่พวงมาลัยค่อนข้างไร้ฟีลลิ่ง ส่วนตัวว่ารถบ้านๆ พวงไฮดรอลิกอย่าง CR-V G2 ฟีลพวงมาลัยยังดีกว่า BMW G20 เลย แต่อาจจะเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนไปใช้เพาเวอร์ไฟฟ้า แล้วก็เพิ่มระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย?
-
ไม่อวยรถยุคปัจจุบัน แต่ยอมรับว่าเทคโนโลยีความปลอดภัยมันดีขึ้นมากกว่าสมัยก่อน
รถยุคก่อนไม่มีอะไรเท่าไร อาศัยความปลอดภัยพื้นฐานจากโครงสร้างล้วนๆ +เข็มขัดนิรภัย มีแอร์แบคหรือ ABS
มาสมัยนี้ผมยังไม่ได้ใช้ auto pilot แต่ได้ใช้พวก
> blindspot
> lanekeep
> arround-view
> dynamic cruise control
> rear traffic aleart
ผมว่ามันช่วยได้มากเลยครับ ไม่ได้หวังพึ่งมันเต็มที่นะครับ ตราบใดที่เรายังระวังเหมือนเดิมแล้วมีเทคโนโลยีพวกนี้มาครอบอีกชั้น ผมว่าการขับขี่มันสะดวก ผ่อนคลายและปลอดภัยมากขึ้น ผมว่ามันดีนะ
-
ถ้าจะคิดถึง .. คงเป็นเรื่องความผูกพันธ์ในวัยเด็กซะมากกว่า
1. volvo 760 GLE รถคันยาว สีฟ้าอ่อน ที่พ่อขับมารับตอนป้ายแดง ตอนที่ผมอยู่อนุบาลสอง เบาะกำมะหยี่สีน้ำเงิน ตัวโตๆ มีเข็มขัดนิรภัยให้คาด
2. volvo 940 GL รถคันสีเขียว เบาะผ้าสีดำ เบาะแสนสบายดุจโซฟา ช่วงล่างที่นุ่มนวล
3. peugeot 405GR สีดำม่วง รถสุดสวย แต่งรอบคัน ทุกวันนี้ก็ยังว่ามันสวย
..............
แต่ถ้ารถยุคปี 2010 ... ผมมี CR-V G3 2.0 2WD .. มันก็ขับใช้ได้ สบายในยุคของมัน อาจจะผูกพันธ์ในแง่ของรถที่พาผมเที่ยวแทบจะทั่วประเทศไทย ช่วงล่างเบรค ที่ถูกปรับแต่งจนหนึบ ขับสนุกแบบรถเก๋งอาย
แต่พอมาเทียบกับคันปัจจุบัน CR-V G6 RS 2023 .. อัตราเร่งดีกว่า ประหยัดกว่า ช่วงล่างนุ่มกว่า (เกาะยังสู้ไม่ได้ แต่ก็ไม่เลวร้าย) เบรคพอคุ้นๆแล้วก็พอไหว แต่ที่รักมากๆคือ ความสบายโดยรวม ทั้งเบาะ ทั้งช่วงล่าง .. คนบ้าขับไปกลับ ปราจีน - วัดไอ้ไข่ - กทม. ระดับ 1.6 - 1.7 พันกม. แบบม้วนเดียว มันทำได้ แบบไม่เพลีย (มาก) ครับ รถสมัยก่อน ไม่มีทางขับได้แบบมันเลย
แล้วอารมณ์แบบ .. จะตอบไลน์ จะดูมือถือ เปิดระบบรักษาเลน ปล่อยรถมันวิ่งไป ไม่ต้องมานั่งพะวงแบบคันเก่า แถม Adaptive Cruise อีก
-
เหมือนกันครับ ชอบ BMW ตระกูล E60/90 แล้ว เหมือนเป็น prime time เลย
Balance ระหว่างขับสนุก เทคโนโลยี และความปลอดภัย
(อาจจะเป็นเพราะอายุที่ไปวัยรุ่นช่วงนั้นก็ได้)
พวงมาลัย feeling ดี มี feedback นิ่ง แน่น มันคง
ช่วงล่างดี
มี airbag 8 ใบ, ความปลอดภัยพื้นฐานครบ
ถ้า upgrade apple CarPlay นี่ยังเป็นรถในฝันเลย ถ้าย้อนกลับไป ไม่ถอดใจค่าซ่อม คงอยู่กับมันได้อีกนาน
รถยุคใหม่ๆ พอ electronic มากขึ้นก็โดยกวนไปหมด เข้าใจว่ามีดีกว่าไม่ได้ใช้ แต่อย่าง bsm ตอนหลังนี่ไม่สนใจไฟเลย ดูกระจกเอาอย่างเดียว เพราะมันติดเกือบตลอดเวลาในเมือง, steering assist ถ้าไม่ขับ cruise ไกลๆ นี่แอบรำคาญ เช่นเดียวกับ brake อัตโนมัติ
ช่วงล่าง F30 นี่เหมือนกลับไปขับรถญี่ปุ่น (ที่ช่วงล่างดีๆ)
แต่พอมา G30 ก็เริ่มมี feeling ดูดถนน แบบตระกูล E60/90 กลับมาแล้ว แต่พวงมาลัยยังไม่คมเท่า
เครื่องยนต์นี่ ผมก็ชอบสมัย NA หวานหู
ขับเครื่องเล็กติดเทอร์โบจิ๋วนี่ ได้ฟิลลิ่งดึง กับตอนขึ้นเขา
แต่ขึ้นที่จอดรถที่ทำงานนี่ตายสนิท จุ่มคันเร่งก่อนบูสมารถไหลลง เหยียบอีกนิดพุ่งทะยานขึ้นไปเลย
(แต่ถ้าขับเกียร์ธรรมดา ยังชอบความรอบต่ำดึงได้ของเทอร์โบอันจิ๋ว ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย)
-
2010 ตอนนั้นใช้ TTS Gen2 อยู่
ผมเห็นต่างนะ อาจจะเริ่มเอียนกับรถแบบเก่าและตัวเองเริ่มแก่ ตอนนี้อยากได้รถขับสบายไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ไม่ต้องแตะเบรค ผมชอบไฟสวยๆ จอสวยๆ
เริ่มเบื่อกับเสียงท่อด้วย รถไฟฟ้าเลยตอบโจทย์ ยิ่งเป็นคนจำทางแย่ๆอยู่
สมัยก่อนไป ตจว. ที่ไม่เคยไปทีนึง ถามทางแล้วถามทางอีก ถามไปจดไปจินตนาการไป ลำบากชีวิตมาก สมัยนี้ไปที่ๆจำได้ยังกดแมพเลย เพราะเผื่อทางที่เคยไปมันรถติดกว่าทางอื่น
ยังไงผมชอบอนาคตมากกว่าอดีต เว้นแต่นานๆทีถึงจะคิดถึงเสียงเครื่องเสียงท่อบ้าง แต่ถ้าจะให้กลับไปใช้เป็นประจำผมก็ไม่เอาอ่ะ
-
ปัจจุบันเวลาไปธุระ หรือไปในที่รถติดๆ ผมก็นั่งรถยุคใหม่ รู้สึกสบายดี
แต่เวลาอยากขับรถเล่นแบบไม่มีธุระอะไร แค่อยากจะออกไปขับรถ ผมมักจะเอารถยุคเก่าออกไปขับ
เลยเข้าใจความรู้สึกครับ
โหยหา เลยต้องหา ตอนนี้ผมก็หารถเก่าๆที่ขับสนุกๆมาเพิ่มอยู่
โดยมีเกณฑ์หลายอย่าง แต่อย่างน้อยต้องมีครบทุกข้อต่อไปนี้ คือ
เกียร์ธรรมดา พวงมาลัยไฮโดรลิค เบรคมือแบบก้าน เกจ์ความเร็วและวัดรอบต้องเป็นเข็มจริง
วันนี้ก็พึ่งเดินทางไปกลับเกือบ 300 กิโลเมตรเพื่อไปดูรถเก่ามือสองที่คุณสมบัติครบดังที่กล่าวมา
ตอนนี้ยังตัดสินใจว่าเอาคันนี้ดีมั๊ย (ดูอยู่หลายคัน) เร็วๆนี้คงจะได้คำตอบให้กับตัวเองครับ
-
เริ่่มขับจริงจังช่วง 2001 ตั้งแต่ผมขับออกถนนครั้งที่ 3 ในชีวิต
ผมก็ต้องขับไปโคราชทันที (2 ครั้งแรกวนไปส่งเพื่อนแถวๆบ้าน)
ทำให้มีความรู้สึกค่อนข้างไปทางขับทางไกลเน้นไปให้ถึงจุดหมาย
ชีวิตเลยเน้นขับไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด แรกๆก็ซื้อหนังสือแผนที่เล่มใหญ่ๆขนาด a3 พกติดรถเอาไว้เปิดดูทาง
หลังๆ GPS เริ่มนิยมพวก garmin หรือตัว option เพิ่มมือถือ windows mobile โยนกล่อง GPS ไว้คอนโซล
เพื่อรับสัญญาณส่งให้มือถือทางบลูทูธ ก็คือติดการเปิด map ทุกครั้งที่เดินทางตั้งแต่ก่อนกาลมาแล้ว
กับสิ่งที่ประทับใจเวลาเหนื่อยๆทำงานหรือไปธุระแล้วได้นั่งแท็กซี่หลายๆคันคือความนิ่งของรถ เวลารถติดเหมือนแท็กซี่ไม่ได้สตาร์ทรถเลย(เน้นโบกแต่รถใหม่ๆ ฮา)
บวกกับได้ใช้ครอบครองแต่รถเบนซิน การดูแลหลักๆคือทำให้มันนิ่งและเงียบเพื่อความสุนทรีเวลาขับรถ
ทำให้รถช่วงนี้เป็นที่ถูกใจของผมมากๆ ทั้งตัวช่วยขับทั้งคอมพิวเตอร์ติดรถ
ทั้งความเงียบของรถยนต์ทั้งการประหยัดพลังงาน
หลายๆท่านอาจจะเคยเห็นผมอวยรุ่นนี้เหลือเกิน(ก็มันโดนมาก)
แต่จากประสบการณ์และการเรียนรู้ของตัวเองคือมันพอดีกับผมจริงๆ model y hw3.0 uss ::)
เน้นขับให้ถึงจุดหมายเน้นสุนทรีกับสิ่งรอบตัวและคนใกล้ชิด ทั้งความโล่งโปร่งสบาย
แต่จากที่ดูทรงอนาคตเทคโนฯรถหลังจากนี้ผมก็เริ่มไม่ชอบในความเยอะของรถเหมือนกัน
ก็คือหยุดที่รุ่นนี้เท่านั้นที่พอดีกับจริตและความต้องการของผมไม่มากไปไม่น้อยไปแล้ว :-X
-
ผมรู้สึกว่า สมัยก่อน ข้อมูลมันไม่ค่อยเยอะ internet ไม่ค่อยมี จะซื้อรถ มันต้องทำการบ้านเยอะ อ่านตามนิตยสาร จะยานยนต์ ฟอรมูล่า แหล่งรถ อะไรก็ว่าไป ไปตามศูนย์ จะขอลองขับ ก็ไม่ใช่จะลองได้ง่าย ๆ เหมือนสมัยนี้ พอต้องใช้เวลากับมันเยอะ มันก็รู้สึกอินกับมันมากขึ้นด้วยมั้งละคับ ซื้อเสร็จ ต้องมาทำการบ้าน หาเปลี่ยนแม็ก เปลี่ยนเครื่องเสียงอีก... ใช้เวลากับมันไปมากมาย
แต่ที่ผมโอเคขึ้นมาก ๆ กับรถสมัยนี้หลัก ๆ มี 2 ประเด็นเลย
1. เรื่องความปลอดภัย มันช่วยได้มากๆ ในกรณีไม่ได้ห้าวเกินไปนัก สมัยก่อนที่จะมี Traction control นี่ ฝนตกถนนลื่นนี่ชีวิตอย่างเสี่ยง ต่อให้ขับสี่ ผมก็ปลิวข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถอีกฝั่งมาแล้ว รอดมาได้ยังไงก็ยังแปลกใจอยู่
2. อัตราเร่งระดับใช้งาน ช่วง 80-140 ที่ดีขึ้นมาก ๆ แม้จะเป็นพวกรถเล็กก็ตาม สมัยก่อนนี่ รถบ้านๆ ถ้าไม่ใช่พวกตัวแรงเนี่ย ต้องเล็งระยะ เล็งเกียร์ให้ดีก่อนแซงเลย คา 5 ไว้นี่แซงไม่รอดแน่
-
ด้วยความที่ยุคเก่าๆ ผมใช้แต่รถเก่า ไม่ได้ใช้รถใหม่
มันเลยไม่มีกรอบ (หรืออาจจะน้อย) กับ การที่จะทำอะไรแต่ละอย่าง (จะเรียกว่า ยืดหยุ่น หรือ โบราญ ก็ได้นะ 555)
ตั้งแต่สมัยรถจดประกอบ รถตัด รถเต็มไปหมด ราคาไม่แพง รถที่ตอนนี้(ปี 2024) ราคา 2-3 ล้านขึ้น แต่ ณ ตอนนั้น ราคา 4 แสน ก็ได้แล้ว
อย่างที่ผมผ่านมา ตั้งแต่ 3Door, GC8, Supra JZA80 เป็นต้น
ณ ตอนนั้น อยากทำอะไรทำ อยากแต่งอะไรแต่ง ของแต่งก็เก่าญี่ปุ่น แทบทั้งนั้น ของไทยแทบหาไม่ได้ ของนอกไม่ต้องพูดถึง(แพง)
แค่กล่อง F-CON ก็มือสอง เทอร์โบ ท่อ และ อื่นๆ ก็มือสองหมด แต่มันดีคือ มันเยอะครับ มีให้เลือก เต็มไปหมด
แต่คนเล่นรถพวกนี้ จะรู้ดีกว่า ถ้าทำดีก็ดี ถ้าทำไม่ดี มันจะเป็นภาระมาก ใช้ไป ซ่อมไป ทำไป ขับไป ดับไป
ซึ่งมันก็เป็นแม็คคานิคล้วนๆ ที่เป็นอิเล้กทรอนิกส์น้อย มันก็คือสไตล์เดิมๆ ตามยุคสมัย ไม่เหมือนปัจจุบันจิ้ม OBD ทีเดียวรู้เลยว่าเป็นอะไร (สมัยก่อนต้องงมหาเอง ในกล่อง IC ไหม้ตัวนึง ยังไม่รู้เลย ต้องแกะมาดู)
เพราะ ตอนนั้น ข้อมูล อู่ ช่าง หรือ สูตรสำเร็จ มันยังไม่มี มันก็เหมือนแต่งเอง ลองเอง ซ่อมเอง เรียนรู้ หาวิชา ที่เขาเรียกว่า เป็น ครู นั้นละ (บางคนเรียกว่า สเน่ห์ บางคนเรียก ทุกข์ลาภ)
พอสมัยนี้ รถพวกนี้ มันแทบจะเป็นสูตรสำเร็จแล้วว่าต้องทำอะไร อะไหล ของแต่ง ของไทยเยอะแยะเต็มไปหมด ของนอกก็ไม่แพงแล้ว (แต่ตัวรถ ก็เหลือน้อยลงไปทุกที ราคาก็เลยแพงขึ้นเรื่อยๆ)
ยิ่งเป็นรถรุ่นใหม่ๆ คือว่า remap คำเดียว ก็จบแล้ว รถบ้านเดิมๆ ก็ติดเทอร์โบโรงงานมาแล้ว จับทำโน่นนิด นี่หน่อย ก็แรงแล้ว (แต่ก่อนเลือดตาแทบกระเด็น กว่าจะแรงได้ ยกเว้นคนมีตังนะ)
-
ส่วนตัวผมชอบรถช่วงปี 2010-2015
เป็นส่วนผสมของปุ่มๆ + จอ display ดูยังลงตัวดีครับ
-
ส่วนตัวผมชอบรถช่วงปี 2010-2015
เป็นส่วนผสมของปุ่มๆ + จอ display ดูยังลงตัวดีครับ
+1
ไม่ค่อยชอบจอ และระบบสัมผัสเท่าไหร่
-
ชอบปุ่มที่สามารถกด หมุนได้ จอขอแค่ setting ดูกล้อง กับ entertainment เล็กๆน้อยๆพอ ไม่ชอบ รฟฟ ใหม่ๆที่นัดทุกอย่างในจอ (จริงๆรถไม่ ฟฟ แต่สมัยใหม่ ก็ยัดมาหมดแล้ว) โดยเฉพาะแอร์ที่ต้องรูดปรับจากจอแบนๆ ผมแอนตี้เลย ไม่ไหว ระบบใหม่ๆของรถยุคใหม่ก็ดีครับ ผมชอบ ช่วยให้เราขับได้ปลอดภัยและสนุกมากขึ้น (ในชีวิตประจำวันนะ ไม่นับลง track)
ส่วนเครื่องยนต์ ผมก็ยังชอบ N/A อยู่ดี V8 ขึ้นไป เสียงเพราะมาก แต่เกียร์ ขอออโต้ ผมขับเกียร์กระปุกตั้งแต่จำความได้ พอละกัน เมื่อยมาก
-
ผมยังไม่มูฟออนจากยุค 90 ครับ ;D ;D ;D ;D
ตอนเด็กๆก็ชอบ เทคโนโลยีอะไรที่มันตื่นตาตื่นใจ แพรวพราว
แต่พอมาตอนนี้ แอร์ใช้งานได้ มีเป่าเท้า แตรดัง พอ !!!! วิทยุไม่มีก็ได้ กระจกไฟฟ้าไม่ซี เอบีเอส แถมมาให้ก็ไม่ว่า ;D ;D ;D ;D
-
เหมือนกันครับ แต่ก่อนลุ้นกับการเปิดตัวรถแต่ละรุ่นมาก โดยเฉพาะ interior
แต่เดี๋ยวนี้คือเอียนมา ค่ายไหนก็เหมือนๆ กันหมด มีแต่จอๆๆๆ
-
ผมชอบแบบสมดุลย์พอดีๆ ไม่เยอะเกินไป
พวกระบบช่วยขับทั้งหลาย adpt. cruise, lane keep, blind spot ผมชอบให้มีไว้เพื่อความปลอดภัยและความสบายมากกว่า
คืออย่างน้อยถ้าเราไม่ใช้ก็ปิดระบบมันได้ แต่ถ้าไม่มีแล้วจะใช้ก็ไม่รู้จะทำไง
พวกจอกลางอย่างน้อยก็มี apple carplay / android auto พอ พวกระบบไร้สาระแบบกดเสียงตดได้ไม่ต้องมี
และก็ไม่ชอบที่ต้องกดทุกอย่างในจอกลาง ชอบกด"ปุ่ม"มากกว่า เพราะมันมีความแม่นยำและมี feedback ที่ดีกว่า
แต่พวก setting ต่างๆที่ไม่ได้เกี่ยวกับการขับขี่และไม่ได้ปรับบ่อยๆ เอาไว้ในจอแหละดีแล้ว ไม่งั้นปุ่มก็เยอะเกินไปอีก
ส่วนเรื่องดีไซน์ ถ้าทั้ง dashboard มีแต่จอ จอ จอ และจอ ผมว่าก็น่าเบื่อครับ
อย่าง Benz EQS จออย่างใหญ่ตั้งแต่ฝั่งซ้ายถึงขวา แสงสีเยอะอลังการเหมือนผับเคลื่อนที่
แต่มันไม่รู้สึกถึงความหรูหราเลย ขึ้นไปนั่งแล้วก็รู้เฉยๆออกไปทางน่าเบื่อ
-
ผมเองชอบรถใหญ่ ชอบช่วงล่างรถยุค 90-2000 เน้น นุ่มสบาย ยางหนาๆ พอมายุคนี้ เน้น handling พวกมาลัยไว ช่วงล่างกระชับ เน้น sport แทน
cockpit ชอบสมัย bmw f30 ทีควบคุมผ่าน dial (iDrive) หรือเปล่า มีปุ่มแยกสำหรับวิทยุ / แอร์ เด่วนี้เป็นเทรนยัดทุกอย่างเข้าจอ ใข้งานยาก
แสงสีภายในเอาจริงๆไม่ค่อยชอบเลย อยากได้เรียบๆ หรือสีพื้นๆธรรมดามากกว่า ฟิลห้องนั้งเล่น มากกว่า Bar
-
ส่วนตัวเป็นคนชอบขับรถเร็วนะครับ สมัยก่อนได้ขับ 318i e30 เกียร์ธรรมดา เคยทำเวลาได้ดีสุดคือจากคอนโดที่พัทยาเหนือมาบ้านที่สาทรแค่ชั่วโมงครึ่ง มอเตอร์เวย์ก็ยังไม่มี ด่วนลอยฟ้าก็ยังไม่มี แล้วก็ไม่ได้ทำ top speed อะไรนักหนาด้วย 160 ยืนพื้น
จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านไปก็ 30กว่าปีแล้ว ผมยังไม่เคยทำเวลาแบบนี้ได้อีกเลย... เริ่มจาก w202 c240 น่าจะแรงกว่า e30 พอตัว และปัจจุบัน Mini F60 CTM ที่แรงกว่าเกือบสองเท่าตัว ก็แปลกใจดี
ตอนแรกว่าจะหา e30 มาขับเล่น แต่ไม่รู้สิ ทำไมทุกวันนี้เวลาขับ CTM f60 แล้วมันมีความรู้สึกเหมือนได้ขับ e30 ยังไงก็ไม่รู้
ส่วนรถที่เคยอยากได้อีกคันในยุคเก่าๆอย่าง Mazda Lantis V6 ผมก็ได้ CX30 มาใช้เฉยเลย 555
ส่วนในช่วง 2010 ผมใช้ Mitsubishi Space Wagon กับ Jazz
คือผมมักจะมีรถใช้ทีหลายๆคันหลายๆประเภทสลับๆกันไป แต่เน้นเป็นพวก 5drs.มากกว่า
จริงๆการไม่ยึดติดกับ Option มากมายนี่ ทำให้เลือกรถมาใช้ได้เยอะขึ้นเยอะเลยนะครับ
ผมขอแค่ให้รถพาเราเดินทางจากจุด a ไป b ได้ก็พอแล้วตามวัตถุประสงค์ที่จะใช้
อย่างล่าสุด
Toyota Zenix ภายในกาก รูปทรงงั้นๆ การขับขี่ก็งั้นๆ อ๊อพชั่นก็งั้นๆอีก คือไม่มีอะไรที่สู้ crv ได้เลย(แอบมีเรื่องเครื่อง DynamicForceนี่แหละ) ผมก็เลือกเขามาใช้ เพราะโจทผมแค่อยากให้ลูกผมนั่งสบายในแถว 2 และแถว 3 มากที่สุด
ผมเลยไม่ค่อยจะยึดติดกับความเก่าและความใหม่เท่าไหร่นัก
-
สงสัยอ่านกระทู้นี้ เยอะจัดเมื่อวานเลยเก็บไปฝันว่า ขับรถยุค 70 ช่วงล่างแหนบเด้งๆ กันเลยทีเดียว 5555
จริงๆ ผมก็ชอบรถช่วงปี 2000-2020 นะครับ ยังมีความanalog ตั้งแต่มีเรื่องมลพิษแล้วรถ hybrid เข้ามากินตลาดเรื่อยๆ ความเรียบง่ายแบบรถสมัยนั้นก็หายไปหมด benz bmw porsche มีจอเต็มไปหมด รู้สึกไม่ว้าวเลย
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ G20 พอminor change แล้วมีจอเต็มไปหมดกับเกียรกระดิกนิ้วนี่ผมไม่ชอบเลย
Porsche ก็เหมือนกัน992 รถแห่งการขับขี่แต่ให้เกียร์ที่โกนหนวด กับจอที่ต้องเอียงตัวดูถึงจะเห็นหมดนี่ก็งงๆ กับมัน
ทุกวันนี้ รถในผันที่อยากได้แต่ด้วยภาระ และไม่มีที่จอดกับเวลาดูแลของผมก็ยังเป็นพวก GR86, GR yaris, Civic TypeR, 911.2 manual พวกนี้อยู่ ถ้าเห็นบนถนนนี่มองเหลียวหลังเลยทีเดียว
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ผมเลือก G30 520d แทน530e เพราะความanalog ของมันนี่แหละ อาจจะช้ากว่า แต่handling ตอนเข้าโค้งดี ขับสนุกจริงๆ
-
เป็นกระทู้ที่อ่านสนุกมาก
-
ผมขับ ISUZU TFR กระจกมือหมุน เกียร์ธรรมดา ไม่มีโบ ความรู้สึกเหมือนของเล่นวัยผู้ใหญ่ ตอนนี้กำลังหา Land Rover Defender มาใช้งานอยู่
ให้ซื้อรถใหม่ ในสมัยนี้ไม่เอาละ รถไฟฟ้า ไม่เอา
-
ช่วงปี2000-2010เป็นช่วงที่เริ่มทำงานมีเงินแต่งรถ ผมก็ได้จับรถ90ที่ชอบตอนเป็นนักเรียนมาใช้มาแต่ง ตอนไปเดินเซียงกงมีความสุขมากที่เห็นเครื่อง 1g-gte 1jz gte 7m-gte rb20/25det etc. จากเก็บเงินซื้อรถก็เก็บเงินวางเครื่องญี่ปุ่น ต่อมาก็เอาเข้าอู่ TUNE รถหาของแต่ง เรื่อยมา ทำรถหมดสามสี่แสนเวลาขายยกทั้งคันได้5หมื่นแสนนึงก็ผ่านเจอแบบนี้หลายครั้ง และมันก็คือทั้งหมดที่เป็นตัวผม ไม่ใช่คนที่จะมีทองสะสมสามสิบบาทห้าสิบบาท แต่เราก็มีความสุขในแบบเรา ตอนนี้ก็เก็บรถ 80/90ไว้ 3 คัน และจะหาเพิ่มอีกเพราะช่วงนี้ราคาลงมาแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดที่ต้องการ ภาพรวมขอลงอีกสัก30%ผมจะจัดอีกสองสามคัน 8)
-
แอร์
..วิทยุ
..เครื่องเล่นเทป
..ล้อแม็ก
..
นึกถึงรถเก๋งยุค 70s และกระบะยุค 80s ในไทยครับ
-
อะไรที่มันมากไป ล้นไปคนเราจะเบื่อจะเอียนก็เป็นธรรมดาฮะ ผมมองว่ามันเหมือนพวกแฟชั่นเสื้อผ้าเดี๋ยวกระแสมันก็วนกลับมาใหม่ สักวันหนึ่งเราน่าจะได้เห็นรถที่มีอะไรแบบเมื่อก่อนพวกหน้าปัดแบบเข็ม มีปุ่มกด อะไรแบบนี้ แต่ยุคนี้ก็อัดหน้าจอสัมผัสกันไปก่อนครับ ฮ่า ๆ
เห็นด้วยเรื่องที่รถยุค 2010 ต้น ๆ คือเป็นจุดกึ่งกลางของความ Analog+digital ครับ ไม่มากไม่น้อยไป
แต่ถ้าพวกจอไมล์ Digital ผมอยากให้ออกแบบเหมือนพวก Toyota Cressida, Mazda 626, Subaru XT จอสวยมาก ให้ฟีลเรโทรด้วย
-
จริงครับ ยิ่งรถสมัยใหม่ที่แทบทุกอย่างไปอยู่ในหน้าจอกลางหมดเลย มันดูจืดไปหมด
-
ผมก็คิดถึงนะครับ สมัย รถมัสเซิลคาร์ยุคแรก ตัดมา collora 2 ประตู ตัดมา jdm 90 แล้วก็ตัดมา golden age ในขณะที่ตอนนี้มันเหมือนจะกลายเป็นแค่ม้านั่งเคลื่อนที่ด้วยสารพัดระบบขับขี่อัตโนมัติ