Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nobody123 ที่ กรกฎาคม 13, 2024, 19:44:11
-
รุ่น P1800 เครื่องหน้า ขับหลัง
เจ้าของขับไป 4,8xx,xxx กม. โดยประมาณ
ด้วยเสื้อสูบและเกียร์เดิม
ตามข่าว
https://www.beartai.com/buzz/viral/734061?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3y5TMY9uC4Z5gUt9eMmNjmW7eXchysnkE6C0IpI-SgRgpgC57HkWeYvXU_aem_zUfMjbR2OvGMcXVg-xk5FQ
ไม่แปลกใจที่เมื่อค้นดูราคารถมือสอง P1800 ในไทยแล้ว พบว่า เท่าหรือมากกว่ากับรถ VV มือหนึ่งเลยทีเดียว
ปรากฏการณ์ ใกล้เคียงกันนี้กำลังเกิดขึ้นกับ VV PHEV ที่เปิดตัวมานานแล้ว ไม่พบว่าเจ้าของคนใดต้องซ่อมเครื่องยนต์ด้านหน้าเลย
ส่วน ERAD (Electric Rear Axis Drive) รุ่นสองและสาม เป็นต้นมา ก็มีความเสถียรอย่างมาก ทำให้รถขับหลังได้อย่างสนุก (พอประมาณ) ครับ
-
รถไฟฟ้าล้วนยังไม่ค่อยเสถียรนะครับ
https://www.facebook.com/photo?fbid=8751402091543469&set=pcb.8751405238209821
-
https://www.facebook.com/padgapaow/posts/pfbid02t78gtehcoRvgPHsrFD9qQae2NnFd5ckumeJCL4TcHsWUybDJBTD96Euupxw345bDl
-
เสื้อสูบเดิม แต่ก็เคย Rebuild ตัวเครื่อง ซึ่งถ้าไม่เจอปัญหาเรื่องความร้อน หรือสูบแตก ตัวเสื้อสูบก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรอยู๋แล้ว แถมยังเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 5000 km อีก
ส่วนใหญ่ที่เปลียนเครื่องกันเพราะยกเครื่องมือสองหรือเครื่องใหม่ใส่ มันคุ้มกว่าการรื้อเครื่องออกมาซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่ครับ
แล้วที่ไม่เคยเปลี่ยนเกียร์แต่เป็นเกียร์กระปุก ซึ่งปรกติที่มันเสียคือส่วนของคลัช ในเคสของเกียร์ at คลัชมันอยู่ในเกียร์ ส่วนใหญ่ที่ยกเกียร์เพราะคลัชมันเสีย
https://www.media.volvocars.com/us/en-us/media/pressreleases/616
เอาจริงๆมันก็ใช้งานมาเยอะมากนะครับ 4,800,000 km ในเวลา 52 ปี ตกวันละ 252 km เลย ไม่รวมวันหยุด
แต่ถ้าเรามองว่าเจ้าของรถเขาต้องการทำ world record ผมว่ารถยุคก่อน ที่ไม่ได้มีระบบ electronic อะไรมาก และได้รับการดูแลอย่างดีมันก็ไปถึงได้ครับ
และ volvo เองก็เหมือนจะเป็น sponsor กลายๆด้วย...
มันเหมือนแข่งขับประหยัดน้ำมันที่ทำตัวเลขเว่อร์ แต่มันไม่ใช้การให้งานแบบที่คนทั่วๆไปใช้กันหน่ะครับ
ตัวผมเองก็แฟน Volvo นะครับ ไม่ได้อยากให้เข้าใจผิด
แต่ก่อนหน้านี่ในไทย volvo ไม่ได้เป็นรถที่ ทนทานอะไรมากครับ
ยุค 940 ก็โดนเรื่องเกียร์กันแทบทุกคันช่วงแสนโล จนราคาขายต่อร่วงเละเทะ ช่วง xc90 ตัวแรก ก็ยังมีปัญหาเรื่องเกียร์ เหมือนว่าเกียร์รับแรงบิดจากเครื่องยนต์ไม่ไหว ช่วงที่โดน ford take ไป ก็ยังมีปัญหา
จะมีก็ S80 ตัวท้ายๆ กับ Gen ปัจจบันที่ดูไว้ใจได้ ส่วน PHEV ก็มีเคลมมอเตอร์ แต่ไม่แน่ใจว่ามีปัญหาถือว่าน้อยสุดได้ไหม ถ้าเทียบกับ BMW / Mercedes
-
อ่านแล้ว คือไม่ใช่ว่า วิ่งขนาดนี้ไม่พังนะ คือพัง แต่ซ่อมบางชิ้นกลึงขึ้นมาใหม่
อีกประเด็นคือ ไม่แน่ใจว่ารถที่วิ่งอยู่แต่เมืองหนาวอย่าง อลาสก้า หรือแคนนาดา รถจะทนกว่าหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ภาระของรถอาจจะน้อยกว่ารถเมืองร้อนเพราะมันไม่มีแอร์
-
แท็กซี่ไทยช่วงบูม ๆ วนไมล์หลายรอบอยู่นะ คือหลายล้านแหนะ ใช้เวลาไม่กี่ปีเองครับ
-
สภาพแวดล้อมดี
ดูแลรักษาตามปกติ
ก็ใช้งานได้ครับ ตราบใดที่ยังมีอะไหล่สนับสนุน
เรื่องธรรมดา
เจอ TFR บ้านเราก่อนเถอะ
-
รถไฟฟ้าล้วนยังไม่ค่อยเสถียรนะครับ
https://www.facebook.com/photo?fbid=8751402091543469&set=pcb.8751405238209821
เสถียรภาพรถสามยี่ห้อที่ผมมี ที่สหรัฐสำรวจ
BM เสถียรสุดครับ
กลาง ๆ ก็ VV
น้อยสุดกลับเป็น MB เฉย
-
ส่วน PHEV ก็มีเคลมมอเตอร์ แต่ไม่แน่ใจว่ามีปัญหาถือว่าน้อยสุดได้ไหม ถ้าเทียบกับ BMW / Mercedes
นั่นคือ ERAD 1 ครับ รุ่น 2/3 แก้ปัญหาแล้ว
ตอนจะซื้อคันที่สามของบ้าน ผมอยู่ในกลุ่ม PHEV สามเจ้า VV ปัญหาน้อยสุด (น้อยมาก) คือ เคลมกันหลายคนก่อนหมดประกัน คือ โช้คฝาท้าย แค่นั้นครับ ส่วนเคลมส่วนอื่น อันนี้ แล้วแต่การขับแต่ละคน/QC มากกว่า น้อยมาก เหลือเกิน
(กลุ่ม VV ผม สมาชิก 1x,xxx คน ครับ)
-
ตีกลมๆ เข้าได้รถมาปี 1966 ปีนี้ 2024 ก็ประมาณ 58 ปี (ตีกลมๆ 60 ปี)
วิ่ง 4,000,000km ก็ตกปีละ 60,000km
ถามว่าใช้งานเยอะไหม ผมว่า ถ้าคิดแค่ปีๆ นึง ไม่ได้เยอะ เพราะผมคิดว่า หลายๆ คนก็ใช้รถประมาณนี้อยู่แล้ว
แต่มันจะเยอะ คือ 60 ปีที่ผ่านมา เขาขับรถเยอะแบบนี้ตลอด 60 ปี เลย โดยที่อายุเพิ่มขึ้น การงานเขาเปลี่ยนแปลงไป(หรือป่าว) แต่ก็ยังใช้รถเยอะ
ถ้าบ้านกับที่ทำงาน หรือ การทำงาน หรือ ชีวิต ต้องขับรถไกลแบบนี้เสมอ ผมยอมรับว่า ตัวคน เขาเจ๋งจริงครับ
ส่วนตัวรถ บ้านเรา ถ้าแท็กซี่ ไม่กำหนดอายุรถ เลขไมล์ ก็วนกลับหลายรอบเช่นกันครับ
หรือไม่ หลายๆ คน พอรถเลขไมล์เพิ่มเยอะๆ ก็จำต้องขาย เพราะไม่อยากดูแลรถที่เลขไมล์เยอะ
-
ถ้าบ้านกับที่ทำงาน หรือ การทำงาน หรือ ชีวิต ต้องขับรถไกลแบบนี้เสมอ ผมยอมรับว่า ตัวคน เขาเจ๋งจริงครับ
เห็นด้วยครับ ขับไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลย
และเสริมว่า คือ VV ที่ขับหลังหรือขับสี่ มันขับสนุกนิด แต่สนุกนาน ครับ (PHEV หนัก ต้องใส่ค้ำโช้คหน้าให้เหมือนสเปคเมืองนอก ถึงขับมัน ครับ)
เพื่อนสมาชิกกลุ่มหมื่นกว่าคนผม สองคนละ ขับ T8 V60 ทริปยาว 1,8xx km ยังบอกขับสนุก
คือ ถ้าบอกคนเดียว ก็งั้น ๆ นี่มาสองคนระยะเท่ากันเลย
อย่าง BM Sedan ที่ผมมี (ซึ่งคุณ JIMMY ชื่นชม) คือ พอพ้น 30-40 นาทีไปแล้ว ส่วนตัวผม มันหายสนุก ไม่แน่ใจเพราะช่วงล่างกระด้างหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองยี่ห้อ เวลาผมขับคันใดคันนึง มักจะไม่อยากกลับไปขับอีกคัน สลับกันไปมา
ปล. ออกต่างจังหวัด ยกให้ VV สนุกและสบาย ครับ
ส่วนอย่างขับในซอยย่อยสุขุมวิท ก็ยังยกให้ VV อยู่ดี เพราะมันซับแรงจากฝาท่อระบายน้ำอยู่ อยู่ดี ครับ
(กรณีในเมือง ทั้งสองคัน ขับหลังทั้งคู่ สูบลม 46-47)
-
นี่แหละ ความฝันที่ผมอยากขับแมวดี วิ่งทะลุ 1,000,000km
เนื่องด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ทำให้ปัญหาจุกจิกมีมากขึ้น แต่ก็ดีในยุคนั้น คนขับต้องใช้ทักษะพิเศษในการควบคุมรถไม่ให้ชนหรืออุบัติเหตุ ตรงข้ามกับปัจจุบันที่มีระบบความปลอดภัยที่เพรียบพร้อมในตอนนี้