Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: apinui ที่ กรกฎาคม 15, 2024, 10:49:43
-
ชวนคุยเช้านี้ กับข้อฉุกคิดของผมเอง จากการใช้งาน Android auto จนเคยตัว จนต้องมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมถึงต้องใช้
ผมนึกย้อนไปในวัยหนุ่ม ที่ขับรถเป็นเซลแมน วิ่งหาลูกค้าทั้งใน กทม และปริมณทลได้ โดยไม่ได้พึ่ง GPS เลย ในสมัยที่สม๊าทโฟนยังไม่กำเนิด ในยุคที่ยังใช้มือถือ Nokia 3310 โทรหาลูกค้าเพื่อถามทาง
ตอนนั้นผมจำตัวเองได้ว่า เมื่อผมไปหาใคร ผมจะโทรถามทางเค้าแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นผมจะจำได้ ไม่เคยโทรถามทางเป็นครั้งที่ 2 และนั้นทำให้ผมสามารถรู้ถนนเส้นทางใน กทม เป็นอย่างดี ซอยไหน ทะลุไหน แยกไหน โซนไหน บอกชื่อที่ตั้งมา รู้หมดว่าอยู่จุดไหนของ กทม
และเมื่อเทคโนโลยีเข้ามา มีสม๊าทโฟน เริ่มมีเนวิเกเตอร์ติดรถ แต่ก็ยังราคาแพงเกินกว่าที่ผมจะซื้อมาใช้และ ผมไม่คิดว่าต้องซื้อเพราะไม่มีที่ไหนที่ผมไปไม่ถูก ... (สำหรับเส้นทาง กทม )
และวาบมาตอนนี้สิ ตั้งแต่ในรถสามารถเชื่อมต่อ สม๊าทโฟนและแค่เสียบสาย แผนที่ก็ขึ้นหน้าจอ และเราแค่พูดใส่เข้าไปว่าจะไปไหน มันก็มีเส้นนำทาง แถมบอกเวลาที่จะถึงอย่างแม่นยำให้อีก ...
ตอนนี้ผมถามตัวเอง ขนาดมา office ที่ขับมาทุกวันจำทางได้ ยังต้องเปิดเลย ถามว่าเปิดทำไม เปิดเพื่อดูว่าเราจะถึงกี่โมง และรถติดหรือเปล่า
สุดท้ายผมกลายเป็นคนขับรถที่มองจอ มากกว่ามองทางไปแล้ว จำไม่ได้แล้วว่าตึกที่ขับผ่านมา มันเคยขายอะไร มีปั๊มน้ำมันอยู่ตรงไหน มีไฟแดงหรือเปล่า
บางครั้งแค่จากบ้าน จะขับไปเที่ยวเส้นทางที่ไม่ซับซ่อนอย่างบางแสน ยังต้องเปิด GPS เลยมันอะไรกัน ..
มีใครเป็นแบบนี้บ้างไหมครับ มาแชร์กัน
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/ggt.png)
-
ของผมยังไม่ถึงกับติดครับ ถ้าไปทางที่ชินวิ่งประจำและรถไม่ติดอยู๋แล้วจะไม่ได้เปิดไว้
เน้นเป็นเปิดดูสภาพจราจรครับ อย่างของผมเวลาเดินทางไป รร ลูกได้ ไปได้ 2 ถ้าทางที่วิ่งปรกติมันใช่เวลาเยอะผิดปรกติ ก็ไปอีกทางเลยครับ
แต่ถ้าวิ่งในเส้นที่ที่ไม่คุ้นก็เลี้ยวตาม maps เหมือนกันครับ แต่จะพยายาม รีวิวเส้นทางก่อน บางทีเขาก็พาอ้อมไปทางแย่ๆ หรือ วนแบบแปลกเหมือนกัน
-
ขับทุกวัน ใช้ทุกวันจนชินแล้วครับ แม้จะวิ่งเส้นเดิมๆ แต่วงจรการเดินทางต่างกันตลอดเวลา
มีไว้ ดูไว้ก่อนเดินทาง แน่นอนว่าดีกว่าแน่นอน
บางวันวิ่งรถแค่ 30 นาทีถึง บางวันติดหนึบ 50นาทีถึง เพราะการจราจรติดหนักเนื่องจากอุบัติเหตุ ถ้าไม่ดูก่อน เลี่ยงไม่ได้ไปไหนไม่ได้เลย (เส้นเทพารักษ์-สำโรง)
อย่างว่าครับ ชอบใครชอบมัน แต่ถ้าทำให้เกิดประโยชน์ได้จะดี
ยกเว้นแต่ บางคนวิ่ง ต่างจังหวัด สบาบๆ ไม่ต้องคิดไรมาก
-
หลักๆคือใช้เพื่อดูสภาพการจราจรเหมือนกันครับ ส่วนเรื่องความจำนั้น เมมโมรี่ผมมีน้อยอยู่แล้วครับ ;D
-
ผมใช้ wireless android auto สตาร์ทรถมันก็เชื่อมต่อเอง ปกติถ้าไม่ใช้ระบบนำทางก็เปิดแผนที่ทิ้งไว้เฉยๆ กับฟังเพลงผ่าน Youtube Music ครับ
-
ใช้รถที่ไม่มี android auto ก็เปิดใช้ driving mode ตลอดนะ หลักๆเอาไว้ดูสภาพจราจรว่าตรงไหนติดก็เลี่ยงไปทางอื่น หรือไม่ก็ทำใจไว้ล่วงหน้า
-
ไม่ได้ใช้ทั้งคู่ครับ
ถ้าจะไปที่ๆ ไม่เคยไปจะดู google map ก่อนเดินทางแล้วจำเอาว่าต้องไปทางไหน
ถ้าหลงหรือต้องไประหว่างขับรถ จะจอดแล้วนำทางด้วยมือถือแล้วฟังเสียงเอา
ผมไม่ชอบมองจอไป ดูถนนไป
-
มายกมือครับ
ถ้าเส้นทางเดิมๆ อันนี้ไม่ใช้ได้ แต่้าไปต่างจังหวัดหรือเส้นทางใหม่ๆ ต้องใช้ตลอดครับ
-
ติดครับ ใช้ตลอด เส้นทางเดิมก็ใช้ เพราะบางครั้งมีปัญหาในเส้นทางเดิม ระบบก็จะแนะนำเส้นทางใหม่ให้
ผมไม่คิดมากครับ มาก็ใช้ แต่ไม่มี ก็ยังพอจำทางได้ครับ
แต่ภรรเมียผมนี่คือขาดไม่ได้ครับ เพราะปกตินางก็ไม่เคยจำทาง(ได้)อยู่แล้ว พอใช้เป็นนี่ไปกันใหญ่ ;D ;D ;D
-
ใช้ map ไม่ใช่แค่บอกทางนะครับ แต่ช่วย
บอกสภาพการจราจร
แนะนำเส้นทางเลี่ยง
บอกเวลาถึงจุดหมายโดยประมาณ
และบอกด้วยว่าไปถึงแล้ว ตรงจุดหมายนั้นเปิดบริการหรือปิดบริการแล้ว
หาปั๊มน้ำมัน
หาร้านอาหาร และ เมื่อไปถึงร้านแล้ว ยังแนะนำด้วยว่าคนส่วนใหญ่สั่งอะไรที่ร้านนี้
หาร้าน 7-11 ที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น
สิ่งที่ยังขาดคือ
คำนวณค่าทางด่วน
ความเร็วที่จำกัดบนถนนเส้นนั้น
ครับ
-
ใช้ 90% เลยครับ ไม่ว่าจะทางคุ้นเคยหรือไม่ เพราะประโยชน์มันมากกว่าโทษ
จะไม่ใช้ก็แค่ออกไปซื้อของปากซอย ไปรับแฟนที่BTSแถวๆบ้าน
-
เมื่อก่อนไปไหนไม่ถูก พอหาเส้นทางไปครั้งแรกได้ ต่อไปก็ไปได้ แต่พอเปิดแผนที่นี่ไปสองสามครั้งก็ยังจำไม่ได้ครับ จะแค่คลับคล้ายคลับคราว่าประมาณนี้แต่ไม่รู้ว่าเลี้ยวตรงไหนแน่
-
ปัญหาคือรถอีกคันไม่มี 555 แต่คนที่มีแบบเสียบสาย ไม่ค่อยสะดวก เเต่ฟังเพลงเสียงดีกว่า ใครเป็นบ้าง
-
เปิดตลอดเพื่อดูจราจรครับ จะได้ทำความเร็วตามสภาพการจราจรข้างหน้า + ดูประมาณเวลาที่จะถึง
-
ไม่เคยใช้เลยครับ เพราะรถที่ใช้ประจำไม่มีจอ 555
เลยติดใช้ google maps / แอปต่างๆ ใปมือถือไปแล้ว
-
เหมือนหลายๆ ท่านคือขับเส้นทางเดิมๆก็ใช้ maps นำทางไปด้วยครับ เพราะสภาพจราจรแต่ละวันไม่เหมือนกัน
บางทีก็เปิดเล่นๆ ให้จอมันขึ้นภาพสวยๆ 555
-
พึ่งใช้รถที่มี Apple Car Play มาเกือบปี ปกติก็จะเสียบ Car Play ฟังเพลงจาก Apple Music
ส่วนใหญ่ถ้าขับเส้นทางประจำ บ้าน ที่ทำงาน คอนโด ห้าง ที่ๆจำทางได้ ผมเปิดหน้าจอที่ครึ่งนึงเป็นเพลง เป็นMaps ครึ่งนึง แต่ไม่ได้กดนำทางนะ เพราะจะได้เห็นทั้งชื่อเพลง และสภาพการจราจรจากMaps
แต่ถ้าขับไปที่ๆไม่คุ้น ก็จะเปิด Maps เพื่อนำทางเต็มจอครับ
-
ผมต่อ CarPlay / AA ไม่ได้หวังแค่ใช้ Maps นะ ผมหวังหลายอย่างเลย
- UI การกดโทรมันสะดวก ค้นหาง่ายกว่า UI จอรถต่อ Bluetooth แถมตั้ง favorite อะไรไว้ก็ยกมาเหมือนกัน
- การฟังเพลง / Podcast ผ่าน 3rd Party Apps ใช้งานได้ดี มี Playlist ที่เราทำไว้หรือแอปแนะนำให้เลือกสะดวก ข้อมูลมาจริง UI รถแค่เปลี่ยนเพลงหน้าหลังได้ก็ดีใจล่ะ
ฯลฯ
-
สอบถามเพื่อนๆครับ
ถ้าถนนทางด่วนเป็นแนวเดียวกับถนนด้านล่าง เช่นเส้นวิภาวดี หรือเส้นบางนา
จะสังเกตุแผนที่อย่างไรว่าอยู่บนทางด่วนหรือถนนด้านล่าง
บางครั้งบนทางด่วนติดบางครั้งกนนข้างล่างติด
-
สอบถามเพื่อนๆครับ
ถ้าถนนทางด่วนเป็นแนวเดียวกับถนนด้านล่าง เช่นเส้นวิภาวดี หรือเส้นบางนา
จะสังเกตุแผนที่อย่างไรว่าอยู่บนทางด่วนหรือถนนด้านล่าง
บางครั้งบนทางด่วนติดบางครั้งกนนข้างล่างติด
บนแผนที่มันจะบอกนี่ครับว่าเราอยู่บนถนนชื่ออะไร อย่างทางหลวง 31 คือเส้นวิภาวดีรังสิตข้างล่าง ไม่งั้นมันก็จะบอกเลยว่าอยู่บนดอนเมืองโทลเวย์ ถ้า GPS ไวๆหน่อย ออกไปนอกเส้นทางที่มันทับกัน มันจะจับได้แล้วอัพเดตชื่อถนนให้
ส่วนตัวใช้ AA มาเป็นสิบปีแล้ว แต่ก่อนใช้ garmins แล้วโดนลูกชายบอกว่าใช้ google map ดีกว่า ทดลองใช้ไปๆมาๆกลายเป็นแอปที่ใช้ทุกวัน ในรถไม่ต้องพูดถึง ขึ้นปั๊ปรถลิ้งค์ขึ้นจอให้ เส้นทางประจำอย่างกลับบ้าน-ไปที่ทำงานก็เปิดใช้ดูจราจรว่าเป็นยังไง แรกๆเคยลองดื้อไม่เชื่อมันไปตามเส้นทางที่เราคิดว่าดี กลายเป็น 9 ใน 10 ครั้งสู้มันไม่ได้ ถึงช้ากว่าที่มันบอกตลอด เดี๋ยวนี้เลยแบบไม่คิดละ มันบอกไง ไปอย่างงั้น เว้นแต่บางทีอยากแวะกลางทางนอกเส้นทางที่มันบอกแล้วขี้เกียจค้นหา พอออกนอกเส้นทางมันก็หาเส้นทางใหม่ให้ เวลาอยู่นอกรถก็ใช้ google map นี่แหละค้นหาสถานที่ ทำ route เดินทาง โดยเฉพาะเวลาทำ road trip อ้อ แบบเคยไปกับแชงกรีล่ากับคาราวานทัวร์ ไกด์รถนำเจอทางปิดไปไม่ถูก ผมเปิด AA อยู่แล้ว (off line download ไว้) บอกเส้นทางรถเบอร์ศูนย์ เค้าให้เรานำเลยจนเข้าเส้นทางที่เค้าคุ้น 55 นอกนั้นก็ YT music ฟังเพลินทั้งทริป เลยยอมเสียตังจ่ายค่าสมาชิกได้ YT premium มาอีก ดูสบายไปเลย อ้อ เวลาเอามือถือขึ้นจอรถ จอมือถือมันก็ว่างๆ เปิด radarbot ได้อีกแอป ขับทางไกลๆไม่ต้องกังวลเรื่องกล้องจับความเร็ว โดยส่วนตัว ผมให้ 11 เต็ม 10
-
แต่ก่อนอยากให้รถมี GPS กับ NAV มาเลย
ตั้งแต่มี Apple CarPlay ผมไม่เคยใช้ GPS ที่ติดมากับรถเลย ใช้ Google Maps ตลอด เป็นสิ่งแรกที่ผมจะเปิดและเป็นหน้าจอหลักผมเลย
ไม่ได้ดูเส้นทาง แต่มันดูสภาพจราจรร่วมด้วย เป็นอะไรที่ดีมากๆ สำหรับคนใช้รถกรุงเทพ หรือ ในเมือง
-
ใช้ฟังเพลง กับดูแผนที่เป็นหลักสำหรับทางที่ไม่เคยไป แต่ก็มีแผนที่ติดรถอยู่ ไว้ตอนไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
-
ขับทุกวัน ใช้ทุกวันจนชินแล้วครับ แม้จะวิ่งเส้นเดิมๆ แต่วงจรการเดินทางต่างกันตลอดเวลา
มีไว้ ดูไว้ก่อนเดินทาง แน่นอนว่าดีกว่าแน่นอน
บางวันวิ่งรถแค่ 30 นาทีถึง บางวันติดหนึบ 50นาทีถึง เพราะการจราจรติดหนักเนื่องจากอุบัติเหตุ ถ้าไม่ดูก่อน เลี่ยงไม่ได้ไปไหนไม่ได้เลย (เส้นเทพารักษ์-สำโรง)
อย่างว่าครับ ชอบใครชอบมัน แต่ถ้าทำให้เกิดประโยชน์ได้จะดี
ยกเว้นแต่ บางคนวิ่ง ต่างจังหวัด สบาบๆ ไม่ต้องคิดไรมาก
+1
-
รถที่ใช้งานอยู่ ไม่มี ใช้ Google Map ตลอด ดูสภาพการจราจร เส้นทางที่ไม่เคยไป และ เส้นทางต่างจังหวัด ที่พัก ร้านอาหาร ครับ
-
ถ้าเราเปิด gps ดูแมพนำทาง แมพก็จะเอาฐานข้อมูลตำแหน่งพวกนี้ไปวิเคาระห์สภาพจราจรไหมครับ ยิ่งคนใช้เยอะยิ่งแม่นยำจากฐานของผู้เปิดใช้งานจำนวนมาก?
-
ถ้าไปในที่ที่คุ้นเคยใกล้ๆก็ไม่ใช้ครับ เสียบเพราะฟังเพลงกับใช้คำสั่งเสียงเวลาโทรหาเพื่อนครับ แต่บางทีก็เหมือนที่พี่บอกครับ รู้ทางอยู่แล้วแต่แค่อยากจะรู้เวลาถึงที่หมาย จุดไหนรถติดบ้างและเอาไว้ดูโค้งด้วยครับ จริงๆขับรถที่ไม่มีก็ได้ครับ แต่มีแล้วมันดีกว่าครับผม
-
ใช้ map ไม่ใช่แค่บอกทางนะครับ แต่ช่วย
บอกสภาพการจราจร
แนะนำเส้นทางเลี่ยง
บอกเวลาถึงจุดหมายโดยประมาณ
และบอกด้วยว่าไปถึงแล้ว ตรงจุดหมายนั้นเปิดบริการหรือปิดบริการแล้ว
หาปั๊มน้ำมัน
หาร้านอาหาร และ เมื่อไปถึงร้านแล้ว ยังแนะนำด้วยว่าคนส่วนใหญ่สั่งอะไรที่ร้านนี้
หาร้าน 7-11 ที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น
สิ่งที่ยังขาดคือ
คำนวณค่าทางด่วน
ความเร็วที่จำกัดบนถนนเส้นนั้น
ครับ
ถ้า ตจว. ผมใช้ดูโค้งเพื่อประเมินความเร็วก่อนเข้าด้วย
หรือข้างหน้ามีแยก มีรถติด ก็จะเตรียมลดความเร็วก่อนถึงจุดด้วยครับ
-
ผมกดใช้เกือบตลอดแล้วตอนนี้ เอาไว้ดูรถติดครับ เพราะบางวัน บางช่วงเวลา เส้นทางเดิมๆรถติดมากๆก็มี แต่รอบๆถนนหลักมันมีซอยยิบย่อยที่ใช้เดินทางได้ ถ้ารถติด มันจะบอกให้ไปทางอื่นแทน มีประโยชน์ครับ ครั้งนึงผมก็กดใช้ตามปกติ เส้นทางไปทำงานทุกๆวันเนี่ยแหล่ะครับ ปรากฏว่าตรงแยกระหว่างทาง ขึ้นเส้นแดง +10 นาที ก็คือมันเกิดอุบัติเหตุตรงแยก ผมเลยได้ไปทางเลี่ยงอื่น ถ้าไม่มี map ผมคงคาอยู่ตรงนั้นแล้ว
-
ใช้ map ไม่ใช่แค่บอกทางนะครับ แต่ช่วย
บอกสภาพการจราจร
แนะนำเส้นทางเลี่ยง
บอกเวลาถึงจุดหมายโดยประมาณ
และบอกด้วยว่าไปถึงแล้ว ตรงจุดหมายนั้นเปิดบริการหรือปิดบริการแล้ว
หาปั๊มน้ำมัน
หาร้านอาหาร และ เมื่อไปถึงร้านแล้ว ยังแนะนำด้วยว่าคนส่วนใหญ่สั่งอะไรที่ร้านนี้
หาร้าน 7-11 ที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น
สิ่งที่ยังขาดคือ
คำนวณค่าทางด่วน
ความเร็วที่จำกัดบนถนนเส้นนั้น
ครับ
ถ้า ตจว. ผมใช้ดูโค้งเพื่อประเมินความเร็วก่อนเข้าด้วย
หรือข้างหน้ามีแยก มีรถติด ก็จะเตรียมลดความเร็วก่อนถึงจุดด้วยครับ
ผมก็ใช้แบบนั้นเหมือนครับ
ต่อให้ไม่มีแยก ไม่มีทางตัด แต่ถ้าเราไม่ชินทาง เราดูมุมกว้างๆ ซูมออกมาสักหน่อย เราจะรู้ว่า ข้างหน้าโค้งซ้าย หรือ ขวา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว หรือ เราจะแซง ก็ทำให้เรารู้ล่วงหน้าได้เช่นกัน
อย่างน้อย ก็ประเมินได้ ดีกว่า วิ่งไปจนถึงป้ายบอกว่าโค้ง
-
Navigator ติดรถ ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะใช้ยาก และบางครั้งก็ไม่ Update
ส่วน Google Maps จะเปิดดูแค่คร่าวๆ ในเส้นทางที่คุ้นเคย เพื่อเช็คการจราจร แล้วก็ปิดไป
แต่ถ้าเส้นทางที่คุ้นเคยน้อย หรือ ไม่คุ้นเคย ก็คงต้องเปิดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ผมมักจะพยายามช่วยตัวเองด้วย Google Maps ก่อน ไม่อยากโทรถามทางโดยไม่จำเป็น
แม้กระทั่ง เวลาที่ จะมีคนมาหา ผมยังขี้เกียจอธิบายทางเลย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ส่วนใหญ่ผมก็จะบอกว่า "พี่ใช้ Maps เป็นมั้ย เดี่ยวผมส่งโลเคชั่นให้นะครับ แล้วดูเอาเลย"
-
ผมใช้เท่าที่จำเป็นครับ
-
ปลายทาง ตำแหน่งอยู่ริมถนน ส่วนมากจะไม่เปิดหละครับ
แต่ถ้า ปลายทางตำแหน่งอยู่ในซอย อันนี้จะต้องเปิดช่วยครับ
ไม่งั้นขับรถเลยซอยที่จะเข้า เสียเวลา จะหงุดหงิด
ปล.ถึงแม้จะเปิดใช้ app บนมือถือช่วย บางทีมันแสดงตำแหน่งช้า บางทีขับเลยปากซอยที่จะเข้า ก็เซ็งหงุดหงิดเหมือนกัน
สรุปคือ ถ้าปลายทาง ไม่เคยไป/ไม่อยู่ริมถนนใหญ่ จะเปิดช่วย
แต่ตำแหน่วที่เคยไป ไม่เปิด/ไม่ติดครับ
-
ผมใช้ตลอดเลยครับ ยิ่งถ้าเป็นตัวไร้สาย เข้ารถก็ติดละ
หลักๆก็ดูเวลารถติด สมัยก่อนใช้ carplay เสียบสาย ขี้เกียจหยิบมาเสียบ เลยเปิดแต่เพลง ไม่ทราบว่ากาญจนามีทำถนน + อุบัติเหตุ (พระราม 9 - ปทุม) ถ้าทราบจะไปทางด่วน / toll way แทน ติดไป 2 ชม.กว่า หลังจากนั้นยอมเสียบดีกว่า
ถ้าเวลาไม่ต่างกันมาก ก็จะไม่สนใจมัน เปิดทางปกติ
อีกอย่าง เน ติดรถ ค้นหายากกว่าโทรศัพท์มาก แถมไม่อับเดตเท่าไหร่
ข้อเสียที่สังเกตได้คือ โทรศัพท์ร้อน (โดยเฉพาะ wireless combo wireless charge) + แบตลด ทั้งๆที่ชาร์จ ไม่แน่ใจต่อไปจะมีใครทำช่องแอร์เป่าโทรศัพท์ไหม กับบางทีมึน ขับอยู่ข้างบนอยูดีๆ ชอบนึกว่ายู่ข้างล่าง ขับข้างล่าง ชอบนึกว่าข้างบน เส้น tollway ตัวดรดี(เปิดต่อเนื่องด้วยนะ) และบางเส้นทางเช่นอยุธยา - ฟิวเจอร์ปาร์ต ตะให้ขึ้น toll way ตลอด ซึ่งลงไม่ได้ อันนี้พวกเนติดรถไม่เป็น
-
ใช้ map ไม่ใช่แค่บอกทางนะครับ แต่ช่วย
บอกสภาพการจราจร
แนะนำเส้นทางเลี่ยง
บอกเวลาถึงจุดหมายโดยประมาณ
และบอกด้วยว่าไปถึงแล้ว ตรงจุดหมายนั้นเปิดบริการหรือปิดบริการแล้ว
หาปั๊มน้ำมัน
หาร้านอาหาร และ เมื่อไปถึงร้านแล้ว ยังแนะนำด้วยว่าคนส่วนใหญ่สั่งอะไรที่ร้านนี้
หาร้าน 7-11 ที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น
สิ่งที่ยังขาดคือ
คำนวณค่าทางด่วน
ความเร็วที่จำกัดบนถนนเส้นนั้น
ครับ
ถ้า ตจว. ผมใช้ดูโค้งเพื่อประเมินความเร็วก่อนเข้าด้วย
หรือข้างหน้ามีแยก มีรถติด ก็จะเตรียมลดความเร็วก่อนถึงจุดด้วยครับ
ผมก็ใช้แบบนั้นเหมือนครับ
ต่อให้ไม่มีแยก ไม่มีทางตัด แต่ถ้าเราไม่ชินทาง เราดูมุมกว้างๆ ซูมออกมาสักหน่อย เราจะรู้ว่า ข้างหน้าโค้งซ้าย หรือ ขวา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว หรือ เราจะแซง ก็ทำให้เรารู้ล่วงหน้าได้เช่นกัน
อย่างน้อย ก็ประเมินได้ ดีกว่า วิ่งไปจนถึงป้ายบอกว่าโค้ง
บนทางด่วนนี่ ใช้ดูว่าข้างหน้ามีรถติดรึเปล่าด้วยนะครับ
บ่อยครั้งที่วิ่งกันมาโล่งๆ แต่ข้างหน้ามีรถติดกองกันอยู่
จากเส้นถนนบน Map สีฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง ถ้าไม่เห็นก่อนนี่
เบรคกันจ๊ากกก เลยครับ
-
ใช้ตลอดครับ นอกจากที่ท่านๆกล่าวมา มันยังมี google Ass. ทำได้หลายอย่าง
- เดินทางไป ตจว. เราถามได้ว่า แถวนี้อยู่ตรงไหน สถานที่แถวนี้ นี้เรียกว่าอะไร บางทีมีคนถาม ถึงไหนแล้ว
- รายงานสภาพอากาศ
- ถามราคาหุ้น
- ให้เล่าเรื่องตลก เรื่องผี ฮาๆๆดี
-
ใช้ครับ และก็เป็นเหมือน จขกท. เลยครับ คือดูจอบ่อยมาก ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ากว่าจะเลี้ยวอีกหลายกิโล
ยิ่งถ้าเปิด map เข้าไปในซอยบ้านเพื่อน
ตอนกลับก็ต้องเปิด map เช่นเดียวกัน ไม่งั้นออกไม่ได้ เพราะไม่ได้จำซอยตอนขาเข้ามา ว่าเลี้ยวทางไหนบ้าง
-
ผมก็ใช้ Apple CarPlay จนชินแล้ว กับ CLS300d แถมจอไหลลื่น ส่วน Apple CarPlay ในแมวดี GT นี่ อิหยังวะ แถมจอค้างอีก ถถถถ
คุณงามความดีของ Apple CarPlay นั่นก็คือ
.Maps ทำงานได้แม่นยำ (หวังว่า GPS จะไม่เข้า ป่า นะ)