Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nobody123 ที่ สิงหาคม 05, 2024, 21:05:46
-
จากสถิติในสหรัฐ ก็ขออนุญาตลงเป็นข้อมูลรถสหรัฐนะครับ
ใครใช้อยู่ ไม่ต้องกังวลใจนะครับ อีกหน่อย เราทุกคนในบอร์ดนี้ คงได้ใช้กันถ้วนหน้า
แต่ตอนนี้เป็นอย่างนี้ครับ จากสองแหล่งข้อมูล คล้องกันตอนปีที่ห้า
(https://img2.pic.in.th/pic/Picture1ea1a1b9ade81d598.jpg)
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/Picture2a8be300da07f1e22.jpg)
เมื่อเทียบกับรถประเภทอื่น (ผมเช็คประเภทนึงละ ราคามือสองในสหรัฐแข็ง แต่ไม่ขอลงเทียบกันดีกว่าครับ) ต้องยอมรับตามตรงครับ ว่า ลงเยอะ (กว่าที่ผมคิดอีก คือ คิดว่าจะไปลงเยอะตอนประกันแบตหมดทีเดียว)
-
ตอนนี้คนไทยกำลังหลงเชื่อ io จีนขนาดหนัก
เขาตดให้ดมก็ว่าหอม
ผมตามในเพจรถไฟฟ้า ตอนนี้มีแค่ 2 ประเด็นที่คาใจ
1.คนที่เคยใช้รถ option เยอะๆราคาถูกกว่าเจ้าตลาดหรือคนใช้รถไฟฟ้ายุคแรกอย่าง ยี่ห้อเม้งกวง ถ้าจะซื้อรถคันใหม่ พวกเขายังกล้ากลับไปใช้รถจีนอีกมั๊ย
2.รถจีนที่สวยแต่รูปอย่างเชอรี่ที่ตอนนี้ io ปั่นหนักมาก หรือเจคงเจคู เขาจะมีระบบสต๊อกอะไหล่พร้อมๆหรือเปล่า
...เชื่อว่าคนที่อายุ 40ขึ้นในบอร์ดนี้คงรู้จักกิตติศัพท์ของ เชอรี่กันดี
สุดท้าย เจ้าอีออนกำลังพ่นพิษ ใช้วัสดุ abs เกรดห่วยสุดแต่เติมสารเคลือบเงาลงไปเยอะๆเพื่อให้ดูดีราคาแพง กำลังแตกทั้งๆที่ไม่ได้โดนอากาศร้อนตอนเมษา บางคันไม่กี่เดือน นู่นี่นั่นแตกแล้ว... แล้วมือสองจะไปเหลืออะไร
-
รถไฟฟ้าถ้าใช้ไป 10 ปีแบตหมดสภาพ ถ้าเปลี่ยนแบตใหม่ก็ราคาเกือบจะซื้อรถใหม่ได้แล้ว จะขายคงไม่มีใครซื้อ คงต้องทิ้งอย่างเดียว แล้วจะเอาไปทิ้งที่ไหนล่ะ
-
ที่ไทยมีใครเปิดโรงงานทำลายเก่าหรือยังนะ
ผมว่าเป็นโอกาสทองเลย แยกเศษเหล็กขาย
-
รถมือสองเมกันราคามันถูกกว่าเมืองไทยมากมายคับ เพราะค่าซ่อมมันแพงมาก civic 10 ปี คันละสองสามแสนยังมี
แล้วถ้าเทียบกับรถสุดฮิตของอเมริกันชนอย่าง F150 หรือรถยุโรปอย่าง BMW ละ ผมเลยไปค้นราคารถมือสองจากใน cars.com มาเทียบให้ดู
F150 XLT 2023 MSRP $48,155
รถมือสอง วิ่ง 30K ราคา $37000
ราคาตกไป -23%
BMW 330e 2023 MSRP $48,895
รถมือสองวิ่ง 19K ราคา $32000
ราคาตกไป -34%
Model Y RWD 2023 MSRP $45380
รถมือสองวิ่ง 6K ปล่อยอยู่ $35000
ราคาตกไป -22%
Tesla มันไม่ได้ราคาตกเยอะสุดซะกะหน่อยอะคับ
-
โดยปรกติ ตลาดมือสองของ US ราคาตกเยอะมากๆอยู่แล้วครับ
เพิ่งมาดีดขึ้นตอนช่วง Covid ที่ stock รถหมดและ Chip ขาดตลาดทำให้รถใหม่ออกสู้ตลาดน้อย
แล้ว Dealer ก็ Markup ราคากัน 10-30% ของราคา MSRP
ถ้ารุ่นฮิตๆที่เพิ่งออกอย่าง Corvette C8 Markup กัน 50% เลย ซึ่งมาคนซื้อให้ไป 1 ปี อยากเปลี่ยนรถเลยขายคืนให้ dealer กลายเป็นได้กำไรด้วยซ้ำ
เหตุที่ราคามือสองร่วงเพราะค่าแรงซ่อมครับ อะไหล่ไม่ได้แพง แต่ค่าแรงสูงจนบางบ้านวางเครื่องกันเองด้วยซ้ำ
ซึ่งเหตุผลที่แหละที่ให้ รถญี่ปุ่นมือสอง ราคาขายต่อสูง
เรื่องราคา Tesla ถ้าเทียบคู่แข่ง ที่ราคารถใหม่กับขนาดของมันใกล้เคียงกัน
ผมคิดว่าราคาขายต่อของเขาไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้แย่นะ แล้วถ้าใส่ตัวแปรพวก ค่า Gas / Service เข้าไปอีกจะต่างกว่านี้ไหม
ไม่ทราบว่ารุ่นอื่นๆที่เทียบกันคือรุ่นอะไรครับ
-
อย่างแรกเลย ตอบสองข้อข้างบน ผมไม่ทราบว่าอะไรราคาตกเยอะสุด ครับ แค่ TL มันตกกว่ารถผมแบบมีนัยยะสำคัญ เช็คผู้ขายรายเดียวกันได้เลย ตามโพสต์นี้ครับ
ในสหรัฐ รถราคาตก คือ รถเก่า เพราะเสี่ยงโดน Carbon tax ที่ผ่านสภาล่างแล้ว (แต่น่าจะยังไม่ผ่านสภาสูง) ครับ
บ้านผมเป็นอเมริกันครึ่งนึง ผมพึ่งขายรถสปอร์ตให้ญาติที่จะมาอยู่ไทยไป คุยกันเรื่องรถอยู่หลายประเด็น
ส่วน 330e ที่คุณยกมาเป็นกรณีพิเศษ กล่าวคือ ผมเข้ากลุ่มเฟซ 330e จะซื้อให้ภรรยา แล้วคนในเฟซบอกว่า 'เออ ปัญหาก็มีประมาณนี้แหละ รับได้ก็ซื้อ' ซึ่งส่วนครอบครัวผมรับปัญหาไม่ได้
ราคาในไทย มีคันที่ ตกเกินล้านแล้วครับ ก็คือ ตกกว่าสหรัฐอีก คาดว่าเป็นคันที่เกิดปัญหา
หรือ ที่ไม่อยากโพสต์เทียบเลยตอนแรก แต่ความเห็นก่อนหน้าถามมา คือ V60 PHEV 2nd hand price in USA
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/Picture32f18c78e69c9ef86.jpg)
ส่วนที่ไม่มีในรูป เขียนว่า 'The 18 for sale on CarGurus range from $47,000 to $66,995'
ตรงกับ/สูงกว่าราคาเมืองไทย ครับ
ถ้าตีซะว่า ปีแรก พอ ๆ กับ ไทย เพราะไม่ต้องกังวล Carbon tax (ด้านบน มีแพงกว่าไทยนะครับ)
ดูง่าย ๆ รถผม ทุกคัน 5 คันที่เป็นเจ้าของมา
1. ไม่มีคันใด 5 ปีราคาเหลือครึ่งเดียว แม้ซักคันเดียว ครับ
2. ไม่มีคันใดผ่านไปแปดปี แล้วราคาเหลือ 2x%
BM ผมหรือคันแรง ๆ อื่น แปดปี ขับประมาณแสนโล ราคาเหลือ 3x% ครับ
คือ ผมหามือสองให้ภรรยาด้วย รถเกือบสิบปี จากเกือบสี่ล้าน เหลือล้านกว่า ครับ
(แต่เธอไม่เอามือสอง)
ตอนนี้ ในแคลิฟอร์เนีย พบปัญหาแล้วครับ คือ ผ่านไปสิบกว่าปี เจ้าของ TL คงบ่นออกสื่อสังคมออนไลน์ หรือ คุยกับเพื่อน ว่า ไม่อยากซื้อแบตใหม่ จะขายมือสองก็ขายไม่ออก
ดังนั้น ยอดขาย TL ในแคลิฟอร์เนียเมืองแห่ง TL เอง ตกติดต่อกันหลายเดือน
ยอดขาย HEV พุ่งเกือบ 25%
ครับ
ในบอร์ดนี้ เราสื่อสารกันตามตรงนะครับ มีคนคิดจะซื้อรถอ่านอยู่ ผมมองว่าหลายท่านโพสต์เป็นวิทยาทาน ครับ
ผมเองก็ได้ประโยชน์จากบอร์ดนี้ คันนึงที่ผมซื้อ เนื่องกับบอร์ดนี้ ครับ
คันที่ว่า ไม่ใช่ V60 ครับ เพราะจิตใต้สำนึกผมคงไปตอนลองรถละ เซลสวย แล้วยังเอาพริตตี้ มานั่งอีกคนในรถตอนลองอีก
-
รถมีไฮบริจ หรือ รถไฟฟ้า ถ้าเป็นมือ 2 ราคามันลงแรงอยู่แล้วนิครับ
ก่อนจะมี EV เกิดขึ้น จำกันได้ไหม รถไฮบริจราคามันตกขนาดไหน
ถ้ามันจะเกิดกับรถ EV ด้วยก็ไม่แปลก เพราะความเชื่อมั่นต่อรถก็คล้ายกันคือ ค่าแบ็ตมันแพง ซื้อมือ 2 มาแล้วแบ็ตมาพังที่เราก็ซวยหนักเลย
และ EV แบ็ตพัง ถ้าไม่เปลี่ยนก็คือวิ่งไม่ได้ เป็นขยะไปเลย ตลาดมือสองมันก็อาจจะขายยากหน่อย ราคาเลยลงแรง
-
จริงๆ แล้วแนวคิดสำหรับรถไฟฟ้านี่เป็นไปตามที่พวกอินฟลูฯ
หรือยูทูปเบอร์เขาพูดอยู่บ่อยๆ นะว่า ใช้คุ้มอ่ะครับ
5ปี 10ปี ก็ประหยัดจนคุ้มแล้ว ไม่ต้องมาคิดเรื่องราคาขายต่อ
กันแล้วล่ะครับ มันคุ้มใช้จนเลยจุดคุ้มทุนไปแล้วนี่ครับ
-
เห็นด้วยในแง่ ใช้คุ้ม ต้องคนขับเยอะ ครับ หลายบอร์ดบอก ปีละ 30,000 กม.ขึ้น
คนขับน้อยอย่างผม เช่น ปีสองหมื่นกว่าโล ไม่คุ้มเลย ส่วนต่างค่าน้ำมัน กับ ค่าแบต+ไฟฟ้า
ผมเลือกใช้ ICE Euro 6/HEV/PHEV ยังดีกว่า ใช้ได้เป็นสิบ ๆ ปี ค่าบำรุงกลาง ๆ
และสำหรับนักสิ่งแวดล้อมในบอร์ดนี้ เขาจะไม่เห็นด้วยกับอินฟลูเหล่านั้น ครับ
หลายคนในบอร์ดนี้ บอกแล้ว เวลากำจัด มันเป็นมลพิษ
ตอนนี้ ในจีน ก็ทราบกันอยู่รถกองกันอยู่เป็นภูเขา คงหาทางกำจัดให้อากาศจีนมันไม่สกปรกกว่านี้อยู่
ใช้จนคุ้มยังไง ถ้าขายได้ คนเราก็อยากขายไหมครับ
เทียบรูปสิบปีแรกของโพสต์แรกนะครับ
รถตลาดขนาดกลาง ค่าเสื่อมราคา 50,000 บาทต่อปี ผมขายมาแล้ว สองคัน
รถหรูขนาดกลาง ค่าเสื่อมราคา 150,000 บาทต่อปี แฟนผมเตรียมจะขายซักพักนึง
ตอนขาย แม้คิดส่วนต่างค่าน้ำมันกม.แล้ว รถอย่างในพารากราฟสุดท้ายนี้ ก็ยังคุ้มกว่าหรือเปล่านะครับ
-
ตอนนี้คนไทยกำลังหลงเชื่อ io จีนขนาดหนัก
เขาตดให้ดมก็ว่าหอม
ผมตามในเพจรถไฟฟ้า ตอนนี้มีแค่ 2 ประเด็นที่คาใจ
1.คนที่เคยใช้รถ option เยอะๆราคาถูกกว่าเจ้าตลาดหรือคนใช้รถไฟฟ้ายุคแรกอย่าง ยี่ห้อเม้งกวง ถ้าจะซื้อรถคันใหม่ พวกเขายังกล้ากลับไปใช้รถจีนอีกมั๊ย
2.รถจีนที่สวยแต่รูปอย่างเชอรี่ที่ตอนนี้ io ปั่นหนักมาก หรือเจคงเจคู เขาจะมีระบบสต๊อกอะไหล่พร้อมๆหรือเปล่า
...เชื่อว่าคนที่อายุ 40ขึ้นในบอร์ดนี้คงรู้จักกิตติศัพท์ของ เชอรี่กันดี
สุดท้าย เจ้าอีออนกำลังพ่นพิษ ใช้วัสดุ abs เกรดห่วยสุดแต่เติมสารเคลือบเงาลงไปเยอะๆเพื่อให้ดูดีราคาแพง กำลังแตกทั้งๆที่ไม่ได้โดนอากาศร้อนตอนเมษา บางคันไม่กี่เดือน นู่นี่นั่นแตกแล้ว... แล้วมือสองจะไปเหลืออะไร
เอาจริงๆ สินค้าจีน มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนรถยนต์อีก คือ ดีพอๆ กัน หรือดีกว่า ราคาถูกกว่า ฟังค์ชั่นเยอะกว่า แต่ความทนทานต่ำ "เสียก็แค่ซื้อใหม่ ซ่อมทำไม" พอเขามาผลิตรถป้อนตลาดโลก ก็ใช้แนวคิดประมาณนี้เช่นกัน
รถญี่ปุ่น ยุโรป เก่าๆ หากคนเงินถึง ก็สามารถแต่ง ซ่อม จนแทบจะเหมือนรถป้ายแดงได้
แต่ถ้าเป็นรถจีน พออายุซัก 10 ปี+ มันอาจจะแทบเป็นไปเลยที่จะซ่อมให้เหมือนใหม่ ทั้งอะไหล่ที่อาจจะเลิกผลิตไปแล้ว ชิ้นส่วนที่กรอบเละเทะ ฯลฯ
ซึ่งเรื่องของ Product Life Cycle หรือ Product Lifetime ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกวางแผนโดยผู้ผลิตทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญ
และสิ่งสุดท้ายที่ผู้ผลิตจีนอยากเห็น คือ การที่รถแบรนด์ตัวเอง ยังคงวิ่งอยู่บนถนนได้ แม้จะผ่านไปหลายๆ สิบปี ตรงกันข้ามคือ เขาต้องการให้คนเปลี่ยนรถบ่อยๆ
ทุก 2-3 ปี และรถที่ขายไปแล้ว ก็ถูกคาดหวังว่า จะถูกโล๊ะทิ้ง หลังจากเจ้าของคนที่สอง
-
ของจีน คือของจีน รถยนต์จีนก็ไม่ต่างกับทีวี แทปเลต อุปกรณ์อิเลคของจีน แม้กระทั่งพวกสินค้า ของใช้ เสื้อผ้าจีน ก็ใช้แนวคิดเดียวกัน คือ "ใช้แล้วทิ้ง" ราคาถูก ได้ของห่วย ใช้ไม่มน ก็ซื้อใหม่ รถจีนเปลี่ยนโมเดลปีชนปี รถยุโรป ญี่ปุ่น มี 4 - 5 ปีขึ้น
-
ผลกระทบจากค่าบำรุงรักษาที่แพงในระยะยาวเป็นครั้งคราว ไม่ได้มีตลอดเหมือนรถน้ำมัน
แม้ค่าบำรุงรักษารถ EV ถูกกว่าน้ำมัน แต่แบต EV ราคา 1/2 ของราคารถนี่ ตัวดีเลย ทำรถ EV มือสอง ร่วงระนาววววววว
-
Tesla นี่ถือว่าราคาขายต่อแข็งเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าด้วยกันแล้วนะครับ
ยี่ห้ออื่นน่าจะราคาตกกว่านี้
-
ยี่ห้ออื่นที่ดัง โดยเฉลี่ย ราคามือสองตกน้อยกว่า ครับ ด้วยเหตุผลดังหน้านี้เลยครับ
https://www.autoblog.com/2024/04/24/report-heres-how-far-used-tesla-prices-have-fallen-in-the-past-year/
-
ปีที่แล้วขายรถน้ำมันทิ้งไป 2 คัน
อายุ 2ปี กับ 4ปี
คันนึงจอดเฉยๆ 1ปี
ขาดทุนรวม 1.4 ล้าน
ตอนนี้กะว่าซื้อมาใช้
ตอนขายประมาณได้ 1แสน
พอใจละ ถือว่าใช้หาเงิน
(ช่วงนี้ขับปีละ 50,000 กม)
-
คนไทยใช้รถนาน พอมาเจอเรื่องแบตรถไฟฟ้า มันค่อนข้างจะไม่ตรงจริตการใช้รถของคนไทยเท่าไหร่ ต้องปรับตัวกันไปครับ
-
มองว่าอีกหน่อยราคารถไฟฟ้าจะอยู่ไม่เกิน 5-6 แสนซะส่วนใหญ่ เน้นการใช้งานในการเดินทางและไม่ได้คิดเรื่องหรูหรายี่ห้ออะไรแล้ว ตอนนี้แค่ระบบชาจร์เข้าที่กับการรีไซเคิ้ลที่เป็นระบบ รถน้ำมันจะหายไปครับ
-
ปีที่แล้วขายรถน้ำมันทิ้งไป 2 คัน
อายุ 2ปี กับ 4ปี
คันนึงจอดเฉยๆ 1ปี
ขาดทุนรวม 1.4 ล้าน
ตอนนี้กะว่าซื้อมาใช้
ตอนขายประมาณได้ 1แสน
พอใจละ ถือว่าใช้หาเงิน
(ช่วงนี้ขับปีละ 50,000 กม)
ขับอย่างนี้ ไป BEV เลยครับ เลือก Lithium-ion phosphate อย่าเลือกแค่ Lithium-ion อย่างผม ตัวแรกทนอากาศร้อนไทยมากกว่า (นิดนึง)
แล้วผมจะช่วยหวังว่า แบตในอนาคต มันจะเทพ
ซึ่งก็มีโอกาสนะครับ เช่น Solid-state แต่อุณหภูมิทำงานรุ่นดัง (มีหลายสาร) มัน 55 องศา ผนวกกับไทยร้อน ยังเป็นข้อจำกัด ครับ
ในทางตรงข้าม Solid-state บางตัว เสถียรมาก แต่ จำนวนปีที่ใช้ได้ กลับน้อยกว่าแบตเหลว
ส่วนตัวผม ถ้ามี BEV แบตเทพอยู่ได้ 20 ปี + ไม่สกปรกเกิน + ไม่แพง ออกจำหน่าย พร้อมผมเกษียณ ผมก็ซื้อครับ