Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: apinui ที่ สิงหาคม 08, 2024, 14:58:55
-
จากข่าวของเว็ปเรา
https://www.headlightmag.com/2024-08-08-official-price-byd-sealion-6/
ผมที่เห็นราคา และเข้าไปอ่านสเป็ก option ถึงกับร้อง เ๙ี่ย ... กันเลยทีเดียวครับ
ผมที่ปรามาท บลูลี่ รถจีนมาโดยตลอด และ เจอสเป็ก และราคา ที่เทียบกับตัวรถและรูปแบบรถ บอกตามตรง ผมรู้สึก อยากได้ และยอมรับซะงั้น
รถปลั๊คอิน ราคาไม่ถึงล้าน ตัวรถใหญ่ขนาดนี้ มันทำให้รู้สึกลืมความเป็นรถจีนที่เราไม่ชอบไปเลย ...
เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรกันบ้างกับรุ่นนี้ครับ
-
ก็ดีหมด ยกเว้นยังไม่มั่นใจเครื่องยนต์ ถ้าไฟฟ้าล้วนก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก มีแค่แบตที่แพง พอมีเครื่องยนต์ก็ยังไม่กล้า ต้องรอดูรุ่นแรกๆสักพัก
-
ผมว่าหลายคน ปรามาท หรือ ยี๊ หรือ แอบ(รังเกียจ) รถที่มาจากประเทศนี้
หลายคน มาจาก attitude หรือ mindset ของคน แทบทั้งนั้น โดย อาจจะสนใจ หรือ ไม่ได้สนใจ ตัว product เลยว่า คืออะไร โดยเฉพาะยี่ห้อ (ไม่ใช่สถานที่ผลิต)
มันมีทั้งดี และ ไม่ดี ปะปนกันไป
ส่วนตัวผม มองในมุมของความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่น และ ความที่รู้จักคนจีนพอสมควร(ไปอยู่จีน) มากกว่า มองด้วย attitude หรือ mindset
ถ้าเป็นรถ Hybrid และ Plug-in ตัวผมเอง(โดยส่วนตัว) ผมเชื่อมั่นรถยี่ห้อนี้ น้อยกว่า ยุโรป และ ญี่ปุ่น ครับ แต่เขาเด่นเรื่องออฟชั่น และ สำคัญสุด คือ ราคา ครับ
สุดท้าย เลือก สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับเรา ครับ อย่าไปรัก ชอบ เกลียด จนมองข้ามอะไรๆ หลายๆ อย่าง ครับ
-
ขนาดมันประมาณไหนครับ ใหญ่เท่า crv ไหม
-
เป็น BYD รุ่นนึงที่ส่วนตัวไม่ได้ประทับใจดีไซน์อะไรขนาดนั้น
ยิ่งพอไปสัมผัสคันจริง กลายเป็นผมยังชอบเส้นสาย Atto 3 กว่ามาก
แต่จากราคาตัวเริ่มต้นที่เปิดมา ถึงแม้จะเป็นแค่ตัวเริ่มต้นยังไม่มีบรรดา ADAS แต่ก็ไม่คิดว่าด้วย spec powertrain , ขนาดรถ และวัสดุที่ใช้จะทำให้พี่กล้ากดราคาให้ต่ำล้านได้ (ดู live เปิดตัวพอดี ตอนที่ราคาวิ่งอยู่แล้วเลข 1 ด้านหน้าหายนี่ผมตาถลนเหมือนในมีมฝรั่งเลยนะ 555555) เรียกได้ว่า เดือดดด ของจริง
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ด้วยตัวเลขเศษของมัน ผมเชื่อว่าเดี๋ยวก็มี 8 นำหน้าให้เห็นครับ
สิ่งที่น่าลุ้นกว่าคือตัวท็อปหรือตัว AWD นี่แหละครับ ถ้า spec แน่น เปิดมาไม่เกิน 1.2M นี่ Atto 3 ล็อตแรกมีร้องกันบ้างล่ะ
ขนาดมันประมาณไหนครับ ใหญ่เท่า crv ไหม
พอๆ กันครับ ความยาวยาวกว่านิดหน่อย แต่ความกว้างแคบกว่านิดเดียวเช่นกันครับ
-
จริง ราคานี่ช็อควงการพอสมควรเลยนะ
-
เหมือนเดิมคือกังวลส่วนที่มองไม่เห็นมากกว่า :-\
อย่างฝาปิดแบตใครจะไปคิดว่าจะเป็นปัญหาเพราะมันอยู่ในจุดที่ไม่ได้รับแรงปะทะและคนมองไม่เห็นเท่าไหร่
เหมือนตัวยี่ห้อปีกนางฟ้า? เหมือนจะดูดี แต่ก็เหมือนมีข่าวเรื่องกรอบพลาสติกในรถแตก โดยที่อายุรถยังไม่เท่าไหร่เลย
เหมือนที่จีนปลายปีนี้จะเริ่มเปลี่ยนกฎหมายให้คนใช้รถได้ยาวนานขึ้น
หวังว่ารถที่ออกมาช่วงนี้จะได้แนวคิดนี้ไปพัฒนาออกมาด้วยนะครับ
เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้กับผู้กล้า
-
ลองเข้าไปอ่านการรับประกัน ผมนี่ อึ้งเลยยยยยย :o
-
ขนาดมันประมาณไหนครับ ใหญ่เท่า crv ไหม
BYD Sealion 6 ยาว 4,775 x กว้าง 1,890 x สูง1,670 มม.
กลุ่มเดียวกัน
Honda CR-V ยาว 4,694 x กว้าง 1,864 x สูง1,692 มม.
Haval H6 ยาว 4,653 x กว้าง 1,886 x สูง1,724 มม.
ซึ่งยาวกว่า กว้างกว่า ทั้งคู่ แต่ Haval H6 สูงกว่า Sealion
ชัดๆ เทียบกับ FORTUNER ยาว 4,795 x กว้าง 1,855 x สูง 1,835 มม.
สั้นกว่า FORTUNER 20 มิล (2 cm)
กว้างกว่า FORTUNER 45 มิล(4.5 cm)
เตี้ยกว่า FORTUNER 160 มิล(16 cm)
ประมาณนี้ครับ
-
คันใหญ่มากนะ กับราคาไม่ข้ามล้าน แถมได้ PHEV
เอาแค่ Xpander Hev ราคาไล่กัน
แต่มิติคันนี้ไปไกลเลย ??? ??? ??? ???
นึกถึงคำพูด พี่โฉ "ยุคนี้ไม่มีแล้ว 4P มีแต่ Price Strategy"
-
นึกถึง Mixue เลย
เดี๋ยว MG, Haval ก็จะลดราคาตาม
-
จะมีส่วนลดที่ช้อกกว่าตามมาไหมครับ 😂
-
ผมคิดว่าผมคงบาย ขนาดไฮบริดทำหน้าที่สองอย่าง ยังไม่ค่อยสบายใจ นี่ระบบทำหน้าที่สามอย่าง ผมคงผ่านแหละ
รอเลือกไฟฟ้าล้วนอย่างเดียว ดีเลย์ไปก่อน ตอนนี้ ลิเที่ยมตั้งแต่ต้นปีลงร้อยละหกสิบ เหมืองลิเที่ยมขาดทุน ร้องโอย ๆ ...ดังนั้นแบตฯลดราคาได้อีกครับ
-
มันทำให้รู้ว่า รถราคาบ้านเรามัน over price ไปไกลขนาดไหน
ลองเทียบกับ CRV ถึงแม้ว่าต่อให้ CRV ลดต้นทุนน้อยกว่า และให้มีการสต็อคอะไหล่เยอะกว่า แสดงว่าราคาตัวท็อปจริงๆมันไม่ข้าม 1.5 ล้านด้วยซ้ำ แต่กลับขาย 1.7 ล้าน แล้วรัฐบาลก็ไม่ทำอะไรซักอย่าง ปล่อยให้ญี่ปุ่นค้ากำไรเกินควรมานานเท่าไหร่แล้ว
-
พวกรถ SUV คันใหญ่ๆ อย่างตัวนี้ หรืออย่าง Deepal เนี่ย มันเอาเบาะแถว 3 ไปใส่เพิ่มได้ไหมอะคับ ( แบบ CRV 5 ที่นั่งกะ 7 ที่นั่ง )
คือแบบ ถ้ามีเด็กน้อยกะคนแก่ จะได้ให้เด็กไปอยุ่แถวสาม แต่ไม่อยากไปพวก PPV
-
ออฟชั่นดี ราคาดี แต่ห่วงเรื่องความทนทานกับบริการหลังการขายนี่แหละครับ
-
รอผลเทส อัตราเร่ง กับ อัตราสิ้นเปลือง ตอนแบตหมดจนเหลือก้นแบตอย่างเดียว ว่าอัตราเร่งจะดีแบตตอนแบตเยอะไหม
แล้วอัตราสิ้นเปลือง หลังแบตหมดจะอยู่ที่เท่าไร ถ้าสัก 15-17 km/l ขึ้นไป นี่แจ๋วเลย
แต่ถ้า 10-12 km/l นี่ ความน่าสนใจก็ลดลงไปเยอะ
-
กังวล เครื่อง-เกียร์ แหละครับ
กลัวจะอายุไม่ยืน
แถมในจีนก็ ถัง 60 ลิตร-แบตเต็ม วิ่ง 1000 กม.
แปลว่า ไม่มีแบต อาจจะแถวๆ 12-13 กม./ลิตรเองนะ
-
พวกรถ SUV คันใหญ่ๆ อย่างตัวนี้ หรืออย่าง Deepal เนี่ย มันเอาเบาะแถว 3 ไปใส่เพิ่มได้ไหมอะคับ ( แบบ CRV 5 ที่นั่งกะ 7 ที่นั่ง )
คือแบบ ถ้ามีเด็กน้อยกะคนแก่ จะได้ให้เด็กไปอยุ่แถวสาม แต่ไม่อยากไปพวก PPV
เคยเห็น CR-V Gen 4 มีร้านรับทำอยู่ครับ นั่งได้จริงกว่าแถว 3 ของ Gen 5 กับ Gen 6 ที่มาจากโรงงานด้วย
-
คนเท้าไม่หนัก รักษ์โลก อยากประหยัดเงินค่าแบตตอนปีที่สิบ ไปขับแล้วชอบ ควรมองนะครับ
จะมีต้องคิดนิดนึงก็คนขับทางไกล พอแบตหมด เครื่องจ่ายชาร์จ 0-100 มันจะลด จาก 8.5 วิ เหลือ 10 วิ ก็คือ ลากเครื่องหน่อย ๆ
(ข้อมูลจากกลุ่ม PHEV นะครับ)
และก็ อายุคนขับ คงต้องหนุ่มหน่อย (ผมทางไกลไม่ให้รถขับเอง เป็นประจำ ไม่ไหวละ)
ถ้าให้ค่า ADAS 1,000,000 บาท ต่ออายุรถ 2x ปี อย่างที่ FSD ให้ค่าซอฟต์แวร์ตัวเองเท่านั้น รถคันนี้ถ้ามี ADAS มันก็น่าจะราคาสองล้าน ครับ
แต่มันไม่มี
ระบบช่วยขับมีแค่ Adaptive cruise control และ กล้องรอบคัน
ทั้งนี้ เจ้ารถจีน มีคนบอกเคยระบุว่า PHEV สองระบบ ยุ่งยากเสียซ้ำซ้อน
ซึ่งต่างกับรถสแกน สองระบบช่วยกันขับ แต่ละระบบยิ่งไม่เสีย
ตอนนี้ จีนกลืนน้ำลายตัวเองละ เพราะพบจากรุ่นพี่ฝรั่งว่า รถแบตใหญ่ตัวเอง เสี่ยงราคาขายต่อตกอย่างมาก
ถ้าพึงพอใจ ขับแล้วชอบ รอไปซักพักไม่พบปัญหาใหญ่ เติมไฟปกติได้ (อย่าเติม DC บ่อย แบตมันเสื่อมเร็วกว่า AC) ผมว่าน่าจัดครับ
-
จากที่เคยบอกว่า มันไม่น่าปังเพราะเป็น PHEV ที่มีทั้งเครื่องและแบต
พอเจอราคาแล้ว น่าสนใจจริงๆ... ถ้า
ราคาแบบ ยี่ปุ่นไม่กล้าเอา phev มาขายอะ ราคาถูกกว่า Outlander รุ่นโล๊ะจากต่างประเทศ เกือบเท่าตัว
-
ใช่ ๆ ทำไมญี่ปุ่นพลาดตรงนี้ . . .
-
ราคาถูกจริง แต่ก็ต้องดูใช้งานจริง รอดูไปก่อน :P
-
ที่ผ่านมารถไฟฟ้ามันออกมากี่รุ่นต่อกี่รุ่นราคาลดเท่าไหร่ผมไม่สนเลย ไลฟ์สไตล์มันไม่เข้ากับเรา
แต่วันนี้ทำงานเสร็จกลับบ้านมาเห็นราคาตัวนี้แล้วโอ้โหตาลุกเลย มันทำราคาได้ไงวะเนี่ย
อ่านออฟชั่นที่ได้ ระยะทางev รวมๆแล้วไม่ติดอะไรเลย ติดแค่รถมันใหญ่ไปหน่อย
และแน่นอนยังไม่มั่นใจเดี๋ยวขอดูชาวบ้านเขาใช้ไปซักพักก่อนดีกว่า
-
ชอบมากครับ ทำราคาแบบนี้เปิดศึกกับเจ้าตลาดญี่ปุ่นเต็มรูปแบบ เอาจริงๆใครซื้อ CRV ตัวท็อปในราคา 2 เท่าของคันนี้ ต้องคิดจนปวดหัวบ้างละต่อให้เป็นแฟนเดนฮอนด้าขนาดไหน เศรษฐกิจก็ใช่จะดี ยุคนี่เซฟเงินได้ดีที่สุด สิ่งที่ผมคิดไว้อีกไม่นานน่าจะเกิดขึ้นคือ BYD ยอดแซงฮอนด้า ถ้าฮอนด้าไม่รีบปรับตัวเอารถไฟฟ้าจากจีนเข้ามาขาย แต่ก็แข่งยากอยู่ดี เพราะเคยชินกับการตั้งราคา Mark Up ไว้สูงๆ เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์แบรนด์
-
ผมเป็นคนเดียวไหม ที่เฉยๆกับราคา
MG HS PHEV เครื่อง 1500 แถมเทอร์โบ (ซึ่งคิดว่าต้นทุนแพงกว่า) แบต 16.6 kW
ขนาด size รถไม่ต่างกันมาก (เหมือน cx-5 vs CR-V)
ADAS มา Panoramic sunroof เครื่องเสียง bose
ราคามือ 1 ไม่ถึงล้านเช่นกัน
ไม่ชอบรถจีน แต่เห็น Mazda, Honda ลดราคาช่วงนี้แล้ว ก็คิดว่าดีเหมือนกัน ที่มาช่วยดึงสติค่ายรถญี่ปุ่น
-
รอผลเทส อัตราเร่ง กับ อัตราสิ้นเปลือง ตอนแบตหมดจนเหลือก้นแบตอย่างเดียว ว่าอัตราเร่งจะดีแบตตอนแบตเยอะไหม
แล้วอัตราสิ้นเปลือง หลังแบตหมดจะอยู่ที่เท่าไร ถ้าสัก 15-17 km/l ขึ้นไป นี่แจ๋วเลย
แต่ถ้า 10-12 km/l นี่ ความน่าสนใจก็ลดลงไปเยอะ
เคยขับ Volvo XC90 แบบไม่มีแบตไฟบ้าน ทางไกล ถนนโล่ง ไม่มีรถติด ความเร็วไม่เกิน 120 ได้อยู่แถวๆ 10-12 โลลิตร
ถ้า Seal U ทำ 15-17 โลลิตรได้ แสดงว่า เทคโนโลยีเครื่องยนต์จีน มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดมากๆ
-
ถ้าซื้อรุ่นนี้ เงินเหลือเยอะ
เอาส่วนต่างพาเมียไปกินร้านอาหารดีๆ ไปเที่ยวนอนโรงแรมหรู
-
ภาพจำของชาวไทยที่ว่ารถคือทรัพย์สิน มาถึงช่วงเปลี่ยนถ่ายแบบจริงจังซักที
คนที่ใช้รถไม่คุ้มค่าเสื่อม + ค่าดูแล จะจนลงอย่างมีนัยยะมากๆ
ศึกนี้ยังไม่จบ จะพลิกกลับได้มั้ย หรือพังกันเป็นแถบๆ ต้องติดตามกันยาวๆ ไม่เกิน 5 ปี ผมว่าเห็นหน้าเห็นหลังกันแน่ ค่ายยุ่นจะสู้แบบตัดหางคู่ค้า หรือย้ายหนีหาสมรภูมิใหม่ รอชมกันยาวๆแน่เลย
-
ผมว่าดีไซน์ด้านหน้าดูรกไปหน่อย ถ้าได้แบบ sealion 7 จะสวยกว่านี้
-
ราคาดีจริงครับ
รถญี่ปุ่นมัน Overprice มานานครับ แต่ก็เข้าใจได้ครับ ทุกอย่างมีค่าใช้จ่ายครับ ตัดราคา เอากำไรต่ำๆ จะเอาเงินที่ไหนมาพัฒนา มาจ่ายดีลเลอร์ มาจ่ายพนักงานดีดีครับ
จีนทำธุรกิจแบบไม่เหมือนตำราฝรั่งครับ อัดกันตายไปข้างนึง กรูเอาคนเดียว ไม่ใช่กอดคอแบ่งๆไปด้วยกันครับ ระบบมันพังหมดครับ สุดท้ายคนธรรมดาก็ตายด้วยนะครับ
ส่วนตัวคงยังไม่ซื้อรถจีนครับ ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกหลายปีครับ
-
พวกรถ SUV คันใหญ่ๆ อย่างตัวนี้ หรืออย่าง Deepal เนี่ย มันเอาเบาะแถว 3 ไปใส่เพิ่มได้ไหมอะคับ ( แบบ CRV 5 ที่นั่งกะ 7 ที่นั่ง )
คือแบบ ถ้ามีเด็กน้อยกะคนแก่ จะได้ให้เด็กไปอยุ่แถวสาม แต่ไม่อยากไปพวก PPV
เคยไปนั่ง CRv 7 ที่นั่ง
กระโดดลงตั้งแต่วินาที่ที่ 3 ครับ
มันนั่งไม่ได้จริงๆ เอาไว้เก็บของเหมาะแล้ว
การนั่งแถว3จริงพวก Expander กับ Veloz ทำได้ดีกว่าครับ
แต่ถ้ามีงบ 1 ล้านกลางถึงปลาย รอ nissan serena ครับตัวนี้จบเลย ประตูสไลด์ด้วยเหมาะกับครอบครัวที่สุด
ส่วนตัวเคยเห็นคนใช้เทสล่า 5 ประตู นั่ง 7คน
ให้ลูก 2 คนอายุประมาน 8-10 ขวบ ไปนั่งชันเข่าในช่องเก็บของเห็นแล้วไม่โอเคครับ ดูลำบาก
-
ดูจากภาพทั้งภายนอก-ภายใน + ราคา ผมเชื่อว่าค่ายญี่ปุ่นตายหยังเขียดถูกรถทับ
เวรกรรมตามทันแล้วล่ะ หลังจากรวมหัวกันฟันคนไทยมา 30-40 ปี ไม่ใช่ตายเฉพาะที่ไทยประเทศเดียว แต่จะตายทั่วทั้ง SEA ทั้ง 10 ประเทศ
-
CRV น่าจะตายเป็นรุ่นแรก ขายฟันกำไรมานาน แถมยังลดสเปคมากมาย แม้สาวกไทยจะบูชาขนาดไหนก็ตาม แนวโน้มยอดตกแน่ๆ สมควร
-
ตอนนี้รอลุ้นอย่างเดียวเลย เพื่อนๆจะปรับตัวกันมายังไงให้สอดคล้องกับราคานี้
ถ้า crv plug-in มาแพงกว่า 3-4 แสนผมว่าน่าสนใจมากๆแต่ถ้าทำราคามาเท่าเดิมหรืออย่างเก่ง 1.5 ผมว่าน่าจะลำบาก แต่ผมว่าเก่งสุดน่ทจะลดให้ได้แค่ 1.5 แล้วแถมของเอา
-
อย่าเพิ่งรีบซื้อกันนะครับ เดี๋ยวพอถึงเวลาที่เค้าลดราคา จะได้ไม่เจ็บตัวมาก
-
อย่าเพิ่งรีบซื้อกันนะครับ เดี๋ยวพอถึงเวลาที่เค้าลดราคา จะได้ไม่เจ็บตัวมาก
เจอเม้นนี้สะดุ้งเลย 5555
-
ในกลุ่ม CR-V gen6 เริ่มมีมาถามกันเรื่อยๆละ
จนมีบางโพสต์แนวตัดพ้อเลยจะมาถามรุ่นนี้ในกลุ่ม CR-V ทำไม เปรียบเทียบทำไม
จนดูออกแนวแบบกระฟัดกระเฟียดเลย
-
อย่าเพิ่งรีบซื้อกันนะครับ เดี๋ยวพอถึงเวลาที่เค้าลดราคา จะได้ไม่เจ็บตัวมาก
เจอเม้นนี้สะดุ้งเลย 5555
ถ้าเค้าลดสักแสน เหลือ 8 แสนกลางๆ ผมนี่จะขายมาสด้า 3 แล้วไปซื้อเป็นคนแรกแบบไม่ลังเลเลยจริงๆ ::) ::)
-
มีเงินก็ไปรถญี่ปุ่นแหล่ะครับ
ตอนนี้บ้านเรายังไม่โอเคกับรถจีน ความรู้สึกเหมือนรถเกาหลีในบ้านเราเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ปัจจุบันรถเกาหลีกลายเป็นดูดีในสายตาเราพอ ๆ กับรถญี่ปุ่นแล้ว
รอซัก 10 ปี ค่อยมาใช้รถจีน ให้วันเวลาพิสูจน์ตัวมันไปก่อนครับ
-
ราคามันชวนน่าลองจริงๆ
-
มันจะมีเป็น bev อย่างเดียวไหมครับ atto 3 เล็กไปหน่อย
ต้นทุนของ after Sales service นั้นสูงมากนะครับ และความตั้งใจในการบริการนั้นมีค่ามาก
-
จะรถจีน รถญี่ปุ่น แล้วยังไง ใครทำรถออกมาดี มันก็ดีไม่ว่าชาติไหน
จะรถ ev หรือ รถสันดาป มันก็คือยานพาหนะเหมือนๆ กัน ไม่เห็นจะเกี่ยวว่าต้อง ev ตามกระแสปาวๆ เลย
เราซื้อรถส่วนตัวเพราะอะไรกันครับ? เพราะความสะดวก สบาย ไม่ต้องไปลำบากนั่งรถเมล์กันไม่ใช่เหรอ แม้มันจะประหยัดกว่าเยอะมากๆ ผมไม่เข้าใจหรอกว่าคนที่เอาแต่ตามกระแสจะลดค่าน้ำมัน แต่ไปทำให้ความสะดวก สบาย ลดลงกันทำไม ด้วยการต้องมานั่งรอชาร์จ แล้วก็บอกว่ารับได้ มันย้อนแย้งครับ วิธีคิดผมง่ายกว่านั้นมาก เราจ่ายเพิ่มเพื่อความสะดวกสบาย แล้วทำไมผมต้องไปนั่งรอชาร์จด้วยละ ตลกมาก จนกว่า ev จะชาร์จได้เร็ว และไม่กระทบความสะดวก สบาย ในการเดินทาง ค่อยมาว่ากัน ถ้าเอาเหตุผลเรื่องประหยัดค่าน้ำมัน ผมนั่งรถเมล์ก็ได้ครับ ประหยัดกว่าเยอะ มันดูเป็นเหตุผลครึ่งๆ กลางๆ ยังไงไม่รู้ ซื้อรถยังไงก็ไม่มีประหยัดหรอก อะไรที่มีค่าเสื่อมราคายังไงก็คือสิ้นเปลือง แต่ต้องรู้ว่าเรายอมจ่ายไปเพื่ออะไร
แต่จีนผลิตรถได้ถูกจริงๆ ญี่ปุ่นก็สู้ไม่ได้ ไม่มีประเทศไหนสู้ได้ทั้งโลกเลยมั้ง แบบนี้มันจะฆ่าอุตสาหกรรมรถยนต์ประเทศอื่น เขาถึงตั้งภาษี ev จีนกันไงครับ ไทยจะเป็นไก่ที่ถูกเชือดให้โลกดู ไทยส่งออกรถและชิ้นส่วนอันดับ 1 ส่งออกไทยหลังจากนี้เหนื่อยแน่นอน ปชช ได้ของถูกจากจีนก็จริง แต่คุณเคยเห็นพวกแอปส่งอาหารไหม เขายอมส่งขาดทุนกันไปทำไม มันเป็นเกมแย่ง market share เพื่อฆ่าคู่แข่งให้ออกจากอุตสาหกรรมไป พอเขาชนะเขาก็จะคุมตลาดผู้เดียว เหมือนกับ lazada shopee ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เขาแอบขึ้นราคากันปีที่ผ่านมาคุณรู้ไหม? นั่นแหละครับ ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับของราคาถูกจากจีน
เขาถึงได้บอกว่า ev จีนก็เหมือนปลาหมอคางดำกันไง มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย เพราะมันไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันกันแล้ว แต่มันเป็นเรื่องของโครงสร้างต้นทุนที่แตกต่างกันอย่างมาก ปลาอื่นมันถึงตายไงครับ
ผมพูดเตือนสติคนที่อยากได้ของถูก ออปชันเยอะๆ และไม่เฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์หรอกนะ แล้วหลังจากนี้จะอยู่กันยังไงละ ถ้าปล่อยจีนเข้ามากันแบบนี้ ผมสงสารผู้ประกอบการไทย หวังว่าจะไม่เป็นแบบที่อินโดนะครับ ที่นั่นเขาเผาร้านกิจการคนจีนกันเลย รู้สึกตัวช้าในน้ำก็มีแต่ปลาหมอคางดำหมดแล้ว ปลาอื่นตายหมดแล้ว
ผมไม่สนว่าจะ ev หรือป่าว หรือจะจีนหรือป่าว แต่คุณคิดให้ไกลกว่าแค่ของราคาถูกที่อยู่ตรงหน้ากันไหม ปัญหาสังคมจะตามมา เพราะมันมาไม่ใช่แค่ ev
-
ู^
^
ขออภัยนะครับ มุมนี้ผมเห็นต่างนะครับเรื่องอุตสาหกรรม ตอนนี้คุณกำลังบอกว่า อุตสาหกรรมจีน ที่ทำของราคาถูกมาขาย ทำให้อุตสาหกรรมในประเทศตาย อันนี้ถูกครับ แต่คำถามต่อคือ อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยส่วนใหญ่คือ ญี่ปุ่นครับ เค้าขายได้เค้าก็หอบกำไรกลับญี่ปุ่นไม่ต่างจีน
ทีนี้มองมาที่ผลิตภัณฑ์ BYD Sealion เป็น Phev ไม่ใช้ BEV ดังนั้นเค้าไม่ได้ ได้เปรียบทางภาษีเลย เค้าเสียเรทเดียวกับที่ญี่ปุ่นเสีย CR-V เสียเท่าไร Sealion เสียเท่านั่น แต่เค้าทำราคาแบบนี้มาขายให้เราได้ ที่สำคัญเค้าประกอบไทย มันมีการจ้างงานแน่นอนตรงจุดนี้
ดังนั้นสิ่งที่เราได้รับคือ การแข่งขัน การปรับตัว ไม่ผูกขาดแบบที่เราเคยเจอ
อุตสาหกรรมรถยนต์ในบ้านเรา มีแต่ญี่ปุ่น กับ ยุโรป เค้าสร้างงานก็จริง แต่จีนก็สร้างงานให้เราได้เช่นกัน ถ้าอ่านจากกฏหมายต่างๆประกอบด้วย
ดังนั้น กระทู้นี้ผมตั้งขึ้นมาไม่ใช่ว่าอวยจีนหรือกลับใจมาอวยจีน แต่พอดูสิ่งที่เค้าทำ และดูสิ่งที่เราได้รับ Phev ขายไม่ข้ามล้าน ไม่ได้รับสิทธิ์พิเศษทางภาษีใดๆ แต่เค้าขายราคานี้ให้เรา นี่แหละคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย
ที่บอกว่าเตือนสติคือ พยายามจะบอกว่า อย่าไปซื้อรถจีน อย่าให้มันเกิด ไปซื้อรถญี่ปุ่น ไฮบริจคันละ 1.7 ล้านนั่นล่ะดีแล้ว อุตสาหกรรมเราจะได้ไม่ตาย อย่างนั้นหรือ
ถ้ามันจะเป็นในตอนนี้สำหรับอุตสาหกรรมรถ ก็แค่กำลังจะเปลี่ยนจาก ญี่ปุ่น เป็นจีน เปลี่ยนเจ้าตลาดจากรถญี่ปุ่นเป็นรถจีนเท่านั้นถ้ามันจะเป็น
ส่วนอุตสาหกรรมอื่นที่คนไทยเป็นผู้ผลิต เช่นภาคเกษตร ถ้าจีนปลูกทุเรียนมาขายตัดราคาในไทย หรือ จีนปลูกข้าว เลี้ยงหมู แล้วเอามาขายตัดราคาในไทย อันนี้ค่อยว่ากันว่าไทยจะเป็นแบบประเทศอื่น
ดังนั้นภาครถยนต์ โดยส่วนตัว ถ้าญี่ปุ่นมันจะตาย และจีนมาแทนที่ ผู้ประกอบการไทย โรงงานไทยปรับตัวได้ (ถ้าได้) เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นก็ได้
ป.ล.ผมไม่ได้ชวนทะเราะนะครับ มีตรงไหนที่อ่านแล้วไม่สบายใจผมขออภัยด้วยนะครับ แลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ
-
ถ้างบ 1.7 ไม่สน ev
ตอนนี้ผมจะ ซื้อ BYD นี่แหละ 940,000
แล้วก็ซื้อ ญี่ปุ่นไม่เกิน 6 แสนอีกคัน สำรองไว้
ยังเหลืองบ 1 แสนกว่าๆ ในมืออีก
-
ู^
^
ขออภัยนะครับ มุมนี้ผมเห็นต่างนะครับเรื่องอุตสาหกรรม ตอนนี้คุณกำลังบอกว่า อุตสาหกรรมจีน ที่ทำของราคาถูกมาขาย ทำให้อุตสาหกรรมในประเทศตาย อันนี้ถูกครับ แต่คำถามต่อคือ อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยส่วนใหญ่คือ ญี่ปุ่นครับ เค้าขายได้เค้าก็หอบกำไรกลับญี่ปุ่นไม่ต่างจีน
ทีนี้มองมาที่ผลิตภัณฑ์ BYD Sealion เป็น Phev ไม่ใช้ BEV ดังนั้นเค้าไม่ได้ ได้เปรียบทางภาษีเลย เค้าเสียเรทเดียวกับที่ญี่ปุ่นเสีย CR-V เสียเท่าไร Sealion เสียเท่านั่น แต่เค้าทำราคาแบบนี้มาขายให้เราได้ ที่สำคัญเค้าประกอบไทย มันมีการจ้างงานแน่นอนตรงจุดนี้
ดังนั้นสิ่งที่เราได้รับคือ การแข่งขัน การปรับตัว ไม่ผูกขาดแบบที่เราเคยเจอ
อุตสาหกรรมรถยนต์ในบ้านเรา มีแต่ญี่ปุ่น กับ ยุโรป เค้าสร้างงานก็จริง แต่จีนก็สร้างงานให้เราได้เช่นกัน ถ้าอ่านจากกฏหมายต่างๆประกอบด้วย
ดังนั้น กระทู้นี้ผมตั้งขึ้นมาไม่ใช่ว่าอวยจีนหรือกลับใจมาอวยจีน แต่พอดูสิ่งที่เค้าทำ และดูสิ่งที่เราได้รับ Phev ขายไม่ข้ามล้าน ไม่ได้รับสิทธิ์พิเศษทางภาษีใดๆ แต่เค้าขายราคานี้ให้เรา นี่แหละคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย
ที่บอกว่าเตือนสติคือ พยายามจะบอกว่า อย่าไปซื้อรถจีน อย่าให้มันเกิด ไปซื้อรถญี่ปุ่น ไฮบริจคันละ 1.7 ล้านนั่นล่ะดีแล้ว อุตสาหกรรมเราจะได้ไม่ตาย อย่างนั้นหรือ
ถ้ามันจะเป็นในตอนนี้สำหรับอุตสาหกรรมรถ ก็แค่กำลังจะเปลี่ยนจาก ญี่ปุ่น เป็นจีน เปลี่ยนเจ้าตลาดจากรถญี่ปุ่นเป็นรถจีนเท่านั้นถ้ามันจะเป็น
ส่วนอุตสาหกรรมอื่นที่คนไทยเป็นผู้ผลิต เช่นภาคเกษตร ถ้าจีนปลูกทุเรียนมาขายตัดราคาในไทย หรือ จีนปลูกข้าว เลี้ยงหมู แล้วเอามาขายตัดราคาในไทย อันนี้ค่อยว่ากันว่าไทยจะเป็นแบบประเทศอื่น
ดังนั้นภาครถยนต์ โดยส่วนตัว ถ้าญี่ปุ่นมันจะตาย และจีนมาแทนที่ ผู้ประกอบการไทย โรงงานไทยปรับตัวได้ (ถ้าได้) เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นก็ได้
ป.ล.ผมไม่ได้ชวนทะเราะนะครับ มีตรงไหนที่อ่านแล้วไม่สบายใจผมขออภัยด้วยนะครับ แลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ
แต่คำถามต่อคือ อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยส่วนใหญ่คือ ญี่ปุ่นครับ เค้าขายได้เค้าก็หอบกำไรกลับญี่ปุ่นไม่ต่างจีน
ผมว่ามันต่างตรงนี้ครับ
คือก่อนจะเหลือเป็นกำไรแล้วหอบกลับประเทศ
ได้ทิ้งเม็ดเงินไว้ในประเทศนี้เท่าไหร่ เป็นสัดส่วนเท่าไหร่
ถ้ามันเท่ากัน ก็ไม่ต่าง แต่ถ้าไม่เท่า มันก็ต่างครับ
ซึ่งตอนนี้ก็พอเห็นภาพลางๆ แล้วไม่ใช่เหรอครับ
-
^
ู^
อันนี้ก็เห็นด้วยครับว่ามันต่าง แต่ตัวเลขที่ว่า ใครหอบเงินกลับประเทศมากกว่าล่ะ ใครมีตัวเลขตรงนี้บ้าง
CRV ขายคันละ 1.7 ล้าน กับ Sealion ขาย 9 แสน ใครน่าจะหอบกำไรกลับประเทศได้มากกว่ากัน และใครทิ้งเงินไว้ในประเทศมากกว่ากัน
เพราะทั้ง 2 รุ่นนี้ เสียภาษีเท่ากัน ประกอบไทย มีการจ้างงานในประเทศเหมือนกัน
-
^^^
^^
ถ้ารถส่งออก ส่วนต่าง ทิ้งไว้ในประเทศใช่ครับ
แต่ถ้าส่วนต่างที่ขายในประเทศ ก็เงินพวกเรานี่แหละครับ
-
^
ู^
อันนี้ก็เห็นด้วยครับว่ามันต่าง แต่ตัวเลขที่ว่า ใครหอบเงินกลับประเทศมากกว่าล่ะ ใครมีตัวเลขตรงนี้บ้าง
CRV ขายคันละ 1.7 ล้าน กับ Sealion ขาย 9 แสน ใครน่าจะหอบกำไรกลับประเทศได้มากกว่ากัน และใครทิ้งเงินไว้ในประเทศมากกว่ากัน
เพราะทั้ง 2 รุ่นนี้ เสียภาษีเท่ากัน ประกอบไทย มีการจ้างงานในประเทศเหมือนกัน
การจ้างงานในประเทศจะเท่ากันจริงมั้ย เพราะกรณี JP มีการซื้อ part ในประเทศจริง
ทำแม่พิมพ์ในประเทศจริง หลาย ๆ รุ่น ใช้ไทยเป็นฐานผลิต ส่งออกทั้งรถสำเร็จรูป ชิ้นส่วน และแม่พิมพ์
ห่วงโซ่การผลิตยาวมาก แต่จีน ?!?
บางทีพวกเราก็น่าจะบูรณาการข่าวสารกันหน่อย
ปลายปีที่แล้วตอนสื่อต่าง ๆ ปล่อยข่าวอุตสาหกรรมรถยนต์จ่ายโบนัสกัน 10 เดือนบ้าง 8.5 เดือนบ้าง
ก็มีกระแสโกรธเกรี้ยวกันอยู่ว่า ไงล่ะ ฟาดกำไรกันพุงกาง จ่ายโบนัสอู้ฟู่
แต่อีกมุมเวลาที่ลืม ๆ ข่าวนี้ไปแล้ว ก็ให้คิดกันว่า บริษัทพวกนี้เข้ามากอบโกยกำไร เหลือแค่เศษเงิน
ให้แรงงานไทย
โบนัส 10 เดือน ... เศษเงิน ?!?
แหม แค่โบนัส 10 เดือน ต่อให้ 100 เดือนก็เศษเงิน ที่โกยไปนั่นเท่าไหร่
อืมมม ก็ถูกนะ
แต่เอ๊ะ เอ๊ะ อะไรมั้ย ตอนสือออกข่าว ไม่เห็นมีข่าวโบนัสบริษัทจีนเลย กี่เดือนกันหนอ
ตั้งโรงงานในไทยกันมาหลายปีแล้วนะ โบนัสกี่เดือน ไม่เคยได้ยินกันเลย
10 เดือนเหมือนกันมั้ย หรือ 7 เดือน หรือ 5 เดือน 3 เดือน หรือไม่มี
ถ้าโบนัสน้อย เราคิดยังไงครับ เห็นสมควร เพราะขายรถถูกๆ กำไรน้อย
ก็ต้องโบนัสน้อย ๆ สิ ถูกแล้ว
เอ๊ะ หรือจริง ๆ ก็กำไรแหละ แต่ไม่จ่ายไง ก็โกย ไง หรือยังไงนะ
ผมก็ไม่รู้ทางฝั่งจีนครับ แต่ข้อมูลทางอีกฝั่งก็ดูจะเป็นพี่เปิดเผยมากกว่า
อันที่จริง ภาษีเท่ากัน ทำไมขายถูก ขายแพงกว่า ก็อืมมม นะ
ถ้าขายถูกด้วยการเสียสละ ตัดกำไร คิดถึงการทำธุรกิจอยู่ร่วมกันสังคมระยะยาว ก็ดีนะเยี่ยมเลย
แต่ ถ้าจะเข้ามาทุ่มตลาด ทุ่มให้พังแล้วโกยอยู่คนเดียว ก็คงไม่ดีมั้งครับ
ทุกวันนี้เลิกกิน Mixue ละ ยอมจ่ายแพงซื้อน้ำเจ้าอื่น ๆ กินดีกว่า ไม่ได้รวย แต่ยังพอจ่ายไหว
ให้ผู้ประกอบการคนไทยได้มียอดมั่งดีกว่าครับ
-
^
^
ที่ว่ามา ถูกครับ
รถญี่ปุ่น ขายเรา 1.7 ล้าน พนักงานได้โบนัส 10 เดือน .... เฮ ... ญี่ปุ่นคืนกำไรมาให้ก้อนโตเลย ..
ค่ายจีน ขายเรา 9 แสน พนักงานได้โบนัส 2 เดือน ... ว้าา... โบนัสน้อย กำไรคืนสู่คนไทยน้อย
ทีนี้ มาจิ้นรถ 1.7ล้าน กับ รถ 9แสน มันเท่ากันไหม .. แน่นอนไม่เท่ากัน ... แล้วใครมากกว่าล่ะ ? ? มาจิ้นเค้าต้องขนาดไหน จ่าย 10 เดือนเนี่ย
กลับมา เอาตัวเอง ผมเองเนี่ย ... ไม่ใช่พนักงานค่ายรถ ไม่ได้มีส่วนในโบนัสนั้น จะญี่ปุ่น หรือจีน ผมไม่ได้มีส่วนร่วม .. ผมเป็นแค่คนซื้อ ผมไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆในอุตสาหกรรมนั้นโดยตรงเลย
ผมต้องไปจ่าย 1.7ล้าน เพื่ออุ้มธุรกิจญี่ปุ่น เพื่อให้เค้ามีกำไรมาจ่ายโบนัสให้คนไทย 10 เดือน ถือเป็นการคืนกำไรสู่คนไทย
หรือ ... ผมจะควักเงิน 9แสนซื้อรถจีน แต่คนจีนจ่ายโบนัสคนไทยได้แค่ 2 เดือน
เราคือผู้ซื้อครับ โอเค ภาพรวมเราอาจจะคิดว่าจีนมาทุ่มตลาด ทำตลาดรถยนต์พัง ก็รถยนต์ญี่ปุ่นพังครับ โรงงานญี่ปุ่นพัง ผมไม่ได้พังด้วย ...
เข้าใจว่าภาพรวมในอุตสาหกรรมมันทำแย่ ทำตลาดพัง แต่ลองมองที่มันพัง คือเรา หรือใคร เราเสียผลประโยชน์ตรงไหน จากเหตุการนี้
อันนี้คุยกันเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์นะครับ ตัวเรา เสียประโยชน์ หรือได้ประโยชน์ จากการทุ่มตลาดของจีน ผมต้องเดือดร้อนจากการพังทลายของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นหรือเปล่า ซึ่งมันไม่เกี่ยวกะผมเลย ถ้าผมเป็นแค่พ่อค้าขายปลาน่ะ
-
อย่าลืมว่า พวกบริษัท supplier ที่ผลิตชิ้นส่วน ก็โดนด้วยครับ
(รถญี่ปุ่นขายแพง เพราะโดน markup ขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ระดับชิ้นส่วนนี่หละครับ)
ต่างกับรถจีน เข้าใจว่าชิ้นส่วนน่าจะนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ แล้วมาประกอบที่ไทย
-
เห็นเงื่อนไข warranty แล้วงงเลยครับ สรุปเหลือประกันส่วนไหนสำคัญๆบ้างกันแน่
-
เรารู้จักคำว่า ทัวร์จีนศูนย์เหรียญ
คนไทยที่รู้จักกันขายของให้คนจีน
พอคนจีนเห็นว่าขายดี มาขายแข่ง และก็บอกบริษัททัวร์จีนให้แวะมาของเค้าเท่านั้น อย่าแวะร้านคนไทย
คนไทยก็เจ๊งครับ
ขี้ยังไม่กระเด็นนี่สิเรื่องจริง
ทำงานดีลกับคนจีน พอขายดี มันก็เอาล่ามมา วิ่งหาลูกค้าเอง เราก็ขายไม่ได้ เพราะเราต้องซื้อต่อเค้ามาอีกที
-
ู^
^
ขออภัยนะครับ มุมนี้ผมเห็นต่างนะครับเรื่องอุตสาหกรรม ตอนนี้คุณกำลังบอกว่า อุตสาหกรรมจีน ที่ทำของราคาถูกมาขาย ทำให้อุตสาหกรรมในประเทศตาย อันนี้ถูกครับ แต่คำถามต่อคือ อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยส่วนใหญ่คือ ญี่ปุ่นครับ เค้าขายได้เค้าก็หอบกำไรกลับญี่ปุ่นไม่ต่างจีน
ทีนี้มองมาที่ผลิตภัณฑ์ BYD Sealion เป็น Phev ไม่ใช้ BEV ดังนั้นเค้าไม่ได้ ได้เปรียบทางภาษีเลย เค้าเสียเรทเดียวกับที่ญี่ปุ่นเสีย CR-V เสียเท่าไร Sealion เสียเท่านั่น แต่เค้าทำราคาแบบนี้มาขายให้เราได้ ที่สำคัญเค้าประกอบไทย มันมีการจ้างงานแน่นอนตรงจุดนี้
ดังนั้นสิ่งที่เราได้รับคือ การแข่งขัน การปรับตัว ไม่ผูกขาดแบบที่เราเคยเจอ
อุตสาหกรรมรถยนต์ในบ้านเรา มีแต่ญี่ปุ่น กับ ยุโรป เค้าสร้างงานก็จริง แต่จีนก็สร้างงานให้เราได้เช่นกัน ถ้าอ่านจากกฏหมายต่างๆประกอบด้วย
ดังนั้น กระทู้นี้ผมตั้งขึ้นมาไม่ใช่ว่าอวยจีนหรือกลับใจมาอวยจีน แต่พอดูสิ่งที่เค้าทำ และดูสิ่งที่เราได้รับ Phev ขายไม่ข้ามล้าน ไม่ได้รับสิทธิ์พิเศษทางภาษีใดๆ แต่เค้าขายราคานี้ให้เรา นี่แหละคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย
ที่บอกว่าเตือนสติคือ พยายามจะบอกว่า อย่าไปซื้อรถจีน อย่าให้มันเกิด ไปซื้อรถญี่ปุ่น ไฮบริจคันละ 1.7 ล้านนั่นล่ะดีแล้ว อุตสาหกรรมเราจะได้ไม่ตาย อย่างนั้นหรือ
ถ้ามันจะเป็นในตอนนี้สำหรับอุตสาหกรรมรถ ก็แค่กำลังจะเปลี่ยนจาก ญี่ปุ่น เป็นจีน เปลี่ยนเจ้าตลาดจากรถญี่ปุ่นเป็นรถจีนเท่านั้นถ้ามันจะเป็น
ส่วนอุตสาหกรรมอื่นที่คนไทยเป็นผู้ผลิต เช่นภาคเกษตร ถ้าจีนปลูกทุเรียนมาขายตัดราคาในไทย หรือ จีนปลูกข้าว เลี้ยงหมู แล้วเอามาขายตัดราคาในไทย อันนี้ค่อยว่ากันว่าไทยจะเป็นแบบประเทศอื่น
ดังนั้นภาครถยนต์ โดยส่วนตัว ถ้าญี่ปุ่นมันจะตาย และจีนมาแทนที่ ผู้ประกอบการไทย โรงงานไทยปรับตัวได้ (ถ้าได้) เราก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นก็ได้
ป.ล.ผมไม่ได้ชวนทะเราะนะครับ มีตรงไหนที่อ่านแล้วไม่สบายใจผมขออภัยด้วยนะครับ แลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ
ผมจะตอบไปทีละเรื่องนะครับ จะได้เคลียร์ จริงๆ บางอย่างผมไม่ต้องตอบด้วยซ้ำ(คำตอบอยู่ในที่ผมเขียนไว้อยู้แล้ว แต่เหมือนคุณทำความเข้าใจได้ไม่หมดเอง)
"ขออภัยนะครับ มุมนี้ผมเห็นต่างนะครับเรื่องอุตสาหกรรม ตอนนี้คุณกำลังบอกว่า อุตสาหกรรมจีน ที่ทำของราคาถูกมาขาย ทำให้อุตสาหกรรมในประเทศตาย อันนี้ถูกครับ แต่คำถามต่อคือ อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยส่วนใหญ่คือ ญี่ปุ่นครับ เค้าขายได้เค้าก็หอบกำไรกลับญี่ปุ่นไม่ต่างจีน"
-คุณมองแต่กำไรญี่ปุ่นหรือครับ ยอดส่งออกรถ ผมขอถามง่ายๆ กลับว่ามันถูกนับเป็นยอดส่งออก export ที่อยู่ใน gdp หรือไม่ครับ ถ้าใช่ มันทำให้ gdp โตนะครับ เราไม่ได้วัด gnp นะครับ และผมได้พูดไว้ว่า "ไทยส่งออกรถและชิ้นส่วนอันดับ 1 ส่งออกไทยหลังจากนี้เหนื่อยแน่นอน" สิ่งที่ไทยจะตายคือชื้นส่วนครับ ถ้าคุณอ่านให้ละเอียด ผมจะบอกว่ารถและชิ้นส่วน
"ทีนี้มองมาที่ผลิตภัณฑ์ BYD Sealion เป็น Phev ไม่ใช้ BEV ดังนั้นเค้าไม่ได้ ได้เปรียบทางภาษีเลย เค้าเสียเรทเดียวกับที่ญี่ปุ่นเสีย CR-V เสียเท่าไร Sealion เสียเท่านั่น แต่เค้าทำราคาแบบนี้มาขายให้เราได้ ที่สำคัญเค้าประกอบไทย มันมีการจ้างงานแน่นอนตรงจุดนี้"
-ตรงนี้ผมไม่ได้พูดเรื่องภาษีเลยนะครับ สิ่งที่ผมพูดคือ "แต่จีนผลิตรถได้ถูกจริงๆ ญี่ปุ่นก็สู้ไม่ได้ ไม่มีประเทศไหนสู้ได้ทั้งโลกเลยมั้ง" ผมไม่แตะเรื่องภาษีเพราะรู้ว่ามันไม่ใช่ ev ผมยังงงว่าคุณเอามาเป็นประเด็นได้ยังไง สิ่งที่ผมกังวลไม่ใช่เรื่องการจ้างงานด้วยซ้ำ แต่คือเรื่องที่โครงสร้างต้นทุนที่แตกต่างกัน มันคนละเรื่องกับการแข่งขันแล้วนะครับ ผมพูดไว้หมดแล้ว จีนเหมือนเอเลี่ยนสปีชีแบบปลาหมอคางดำ มันไม่ใช่เรื่องแข่งขัน แต่มันทำลายระบบนิเวศ
สิ่งที่ผมพยายามจะสื่อ จะเตือนสติ คือเรื่อง "...มันเป็นเกมแย่ง market share เพื่อฆ่าคู่แข่งให้ออกจากอุตสาหกรรมไป พอเขาชนะเขาก็จะคุมตลาดผู้เดียว เหมือนกับ lazada shopee ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เขาแอบขึ้นราคากันปีที่ผ่านมาคุณรู้ไหม? นั่นแหละครับ ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับของราคาถูกจากจีน...เพราะมันไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันกันแล้ว แต่มันเป็นเรื่องของโครงสร้างต้นทุนที่แตกต่างกันอย่างมาก"
ถ้ายังพูดเรื่องการแข่งขันก็แปลว่าไม่เข้าใจที่ผมพยายามจะสื่อแล้วละครับ คงต้องย้ำหนักๆ ซ้ำอีกรอบว่า "มันไม่ใช่เรื่องของการแข่งขัน แต่มันเป็นเรื่องของโครงสร้างต้นทุน"
ทำไมปลาหมอคางดำไปอยู่ที่ไหน คนอยู่เดิมก็จะตาย สูญพันธุ์ เพราะมันไม่ใช่การแข่งขันแบบที่เข้าใจไงครับ มันเป็นเรื่องโครงสร้างต้นทุน(ย้ำรอบ3) มันเป็นเอเลี่ยนสปีชี
-
ผมเองก็ไม่แม่นเรื่องภาษีนะครับ
ฝั่งญี่ปุ่นไม่มี FTA มา Support ทำให้นำเข้ามาทั้งคัน จะโดนอัตราภาษีที่สูงลิ้ว 200-300% เลยยังคงตั้งโรงงานในไทยเพื่อผลิตขายในประเทศและส่งออก
แล้วเหตุที่ Sourcing ชิ้นส่วนจากในไทยก็เพราะทำต้นทุนได้ถูกกว่าการนำเข้าชิ้นส่วนจากญี่ปุ่น ที่อาจมีราคาสูงจากค่าแรงที่สูงกว่าค่าขนส่งและภาษีนำเข้าชิ้นส่วน รวมกับ volumn ของอะไหล่ที่ต้องใช้เพื่อผลิตรถสำหรับส่งออกอีก การหาโรงงาผลิตในไทยเลยเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
กลับกัน ค่ายจีน การนำเข้าชิ้นส่วนจากจีนซึ่งค่าแรงถูกและรองรับการผลิตปริมาณมากอยู่แล้ว สั่งเข้ามา+ค่าขนส่ง+ภาษีนำเข้า(ไม่แน่ใจว่า FTA อะไหล่ BEVโดนภาษีไหม) น่าจะถูกกว่าหาโรงงานผลิตในไทยแหละ
ถ้ามองแค่นี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้อง Sourcing ชิ้นส่วนนั้นๆในไทยแล้ว นอกจากมีข้อกำหนดบังคับไว้
ถ้าทำแล้วได้กำไรน้อยลง จะทำไปทำไม..
หรือมองอีกแง่ก็คล้ายๆกับ Mercedes / BMW ที่ ประกอบในไทย คือนำเข้าอะไหล่มาเพื่อประกอบขายโดยอาจมีอะไหล่ที่ผลิตในประเทศบ้าง
ซึ่งมันจะถูกกว่าการนำเข้ารถทั้งคันเข้ามาขาย
เรื่องการเอาบริษัทในเครือ / ชาติตัวเองมาตั้งโรงงาน ก็ไม่ใช้เรื่องแปลก
อย่าง Denso / Aisin ก็มาตั้งโรงงานในไทย เหมือนกัน
ส่วนเรื่องของแรงงานต่างด้าว ตามกฏหมายแรงงาน ก็มีข้อบังคับอยู่ว่า Expat มีสัดส่วนได้เท่าไหร่ ไหนจะ Workpermit อีก
แต่เแรงงานจีนราคาถูกกว่าแรงงานญี่ปุ่น / ยุโรปแน่นอน เราเลยไม่เจอฝั้งญี่ปุ่น / ยุโรป ทำแบบนี้
สุดท้ายคิดว่า คิดว่ามันเป็นเรื่องผลประกอบการนั้นแหละ
ถ้าญี่ปุ่นหรือยุโรป ทำแบบนี้แล้วได้กำไรมากขึ้น ผมเชื่อว่าเขาก็ทำ
-
ประเด็นคืออะไรรู้ไหมครับ ผมชื่นชมจีนด้วยซ้ำ ว่าผลิตได้เก่งมากๆ ทำได้ราคาถูกแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ ทิชชู่ ไปยัน รถยนต์
แต่เนื่องด้วยผมเป็นคนไทย ผมจึงเห็นความสำคัญ ของอาชีพที่มีคนในประเทศทำกันเยอะๆ อย่าง ข้าว ยางพารา และอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้ประเทศ 10 อันดับแรกจากยอดส่งออก ของพวกนี้ถ้าถูกกระทบมันหนักมากๆ ผมไม่ได้ต่อต้านจีนเลย ถ้ามันเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มีความสำคัญ อย่างเช่น เหล็ก
ทีนี้ รถและชิ้นส่วน ดันเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้ประเทศอันดับ 1 นี่สิปัญหา ได้ของถูกจากจีนเป็นเรื่องดีครับ แต่แบบนี้เรียกได้ไม่คุ้มเสีย
ปล คุณทำงานอาชีพอะไรกัน ลองคิดว่าเป็นตัวเองกันดูนะครับ จะยังสนุกกับการชอบของถูกอยู่ไหม ถ้าจีนมาบุกสิ่งที่คุณทำอยู่บ้าง คุณอย่าคิดนะว่าไกลตัว จีนแม่งผลิตได้หมดทุกอย่าง และถูกกว่าของคุณด้วย มองไกลๆ ครับ อย่าเห็นแก่แค่เศษเงินที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่ใช่มากเกินไปถึงขนาดชาตินิยมนะ เอาพอดีๆ
-
ประเด็นคืออะไรรู้ไหมครับ ผมชื่นชมจีนด้วยซ้ำ ว่าผลิตได้เก่งมากๆ ทำได้ราคาถูกแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ ทิชชู่ ไปยัน รถยนต์
แต่เนื่องด้วยผมเป็นคนไทย ผมจึงเห็นความสำคัญ ของอาชีพที่มีคนในประเทศทำกันเยอะๆ อย่าง ข้าว ยางพารา และอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้ประเทศ 10 อันดับแรกจากยอดส่งออก ของพวกนี้ถ้าถูกกระทบมันหนักมากๆ ผมไม่ได้ต่อต้านจีนเลย ถ้ามันเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่ได้มีความสำคัญ อย่างเช่น เหล็ก
ทีนี้ รถและชิ้นส่วน ดันเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้ประเทศอันดับ 1 นี่สิปัญหา ได้ของถูกจากจีนเป็นเรื่องดีครับ แต่แบบนี้เรียกได้ไม่คุ้มเสีย
ได้ไม่คุ้มเสีย เห็นด้วยครับ ซื้อของถูกลง เราควรจะเหลือเงินมากขึ้น ถูกมั้ยครับ
ตอนนี้คนไทยที่เทไปทางของถูกคงคิดว่ามันทำให้ประหยัด แล้วเงินจะเหลือ = เป็นบวก
คนไทยลองถามตัวเองกันดูว่า มันใช่มั้ย
ส่วนตัวผมพอมองออกแบบที่ท่านนี้เขียนนะ สุดท้ายจะผิดหรือถูก ไม่รู้เหมือนกันแต่ที่แน่ๆ คนในประเทศไม่มีงานทำอาชีพที่เคยหารายได้ให้คนในประเทศค่อยค่อยหายไปแบบนี้เรียกว่าดีก็ต้องยอมรับสภาพกันไปครับวันหนึ่งเมื่อมันมาถึงตัวถ้ามันยังแก้ได้ก็ดีไปถ้ามันสายไปแล้วก็คงไม่ไม่ต้องมาโอดครวญอะไรกันเพราะเมื่อถึงวันนั้นมันจะไม่มีทางแก้แล้ว
-
^
^
ที่ว่ามา ถูกครับ
รถญี่ปุ่น ขายเรา 1.7 ล้าน พนักงานได้โบนัส 10 เดือน .... เฮ ... ญี่ปุ่นคืนกำไรมาให้ก้อนโตเลย ..
ค่ายจีน ขายเรา 9 แสน พนักงานได้โบนัส 2 เดือน ... ว้าา... โบนัสน้อย กำไรคืนสู่คนไทยน้อย
ทีนี้ มาจิ้นรถ 1.7ล้าน กับ รถ 9แสน มันเท่ากันไหม .. แน่นอนไม่เท่ากัน ... แล้วใครมากกว่าล่ะ ? ? มาจิ้นเค้าต้องขนาดไหน จ่าย 10 เดือนเนี่ย
กลับมา เอาตัวเอง ผมเองเนี่ย ... ไม่ใช่พนักงานค่ายรถ ไม่ได้มีส่วนในโบนัสนั้น จะญี่ปุ่น หรือจีน ผมไม่ได้มีส่วนร่วม .. ผมเป็นแค่คนซื้อ ผมไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆในอุตสาหกรรมนั้นโดยตรงเลย
ผมต้องไปจ่าย 1.7ล้าน เพื่ออุ้มธุรกิจญี่ปุ่น เพื่อให้เค้ามีกำไรมาจ่ายโบนัสให้คนไทย 10 เดือน ถือเป็นการคืนกำไรสู่คนไทย
หรือ ... ผมจะควักเงิน 9แสนซื้อรถจีน แต่คนจีนจ่ายโบนัสคนไทยได้แค่ 2 เดือน
เราคือผู้ซื้อครับ โอเค ภาพรวมเราอาจจะคิดว่าจีนมาทุ่มตลาด ทำตลาดรถยนต์พัง ก็รถยนต์ญี่ปุ่นพังครับ โรงงานญี่ปุ่นพัง ผมไม่ได้พังด้วย ...
เข้าใจว่าภาพรวมในอุตสาหกรรมมันทำแย่ ทำตลาดพัง แต่ลองมองที่มันพัง คือเรา หรือใคร เราเสียผลประโยชน์ตรงไหน จากเหตุการนี้
อันนี้คุยกันเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์นะครับ ตัวเรา เสียประโยชน์ หรือได้ประโยชน์ จากการทุ่มตลาดของจีน ผมต้องเดือดร้อนจากการพังทลายของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นหรือเปล่า ซึ่งมันไม่เกี่ยวกะผมเลย ถ้าผมเป็นแค่พ่อค้าขายปลาน่ะ
โอววว ถ้าพี่เป็นพ่อค้าขายปลานะ เป็นถ้าอันเดียวกันกับผมเลยสิครับ
ผมขายปลา ปลาเผานะ จะว่าไป ถ้าของผมไม่ได้ขายปลาโดยตรง แต่เป็นผู้จัดการร้านปลาเผาน่ะ
ผมขายปลาเผา ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอุตสาหกรรมรถยนต์เลยนะ ไม่เกี่ยวกันเลยจริง ๆ
ดังนั้นพนักงานมันจะโบนัส 10 เดือน หรือ 0 เดือน ผมก็ไม่ได้รวย ไม่ได้จนกับเขาเลย
จะไปสนใจทำไม จริงมั้ย จริงสิ ก็พี่ว่ายังงั้นนิ
ที่จะเกี่ยวก็คือก่อนหน้านี้ซื้อรถมาใช้ รถมันก็แพงแหละ คันนิดเดียว 5-6 แสน ออปชั่นก็น้อย
ก็กัดฟันผ่อนจนหมด ใช้มาจนรถจีนเข้ามา หู้ยยยย สวย ออปชั่นเยอะ ราคาถูกกกก
ผมงี้ขายคันเก่าเลย ได้เงินมาเป็นแสน เอามาดาวน์รถจีนยังมีเงินเหลือ ผ่อน ไป มีความสุข
ร้านผมนะ ขายปลาเผา มีกับแกล้มอื่น ๆ ด้วย ลูกค้าก็คนละแวกนั้นแหละ ทั้งพนักงานบริษัท
โรงงาน หรือพ่อค้า แม่ค้า ขายอาหาร เครื่องดื่ม ต่าง ๆ ก็ลูกค้าผม เดือนนึงมากัน 2-3 ครั้ง
สังสรรค์ในกลุ่มเพื่อนร่วมงานบ้าง พาครอบครัวมากินข้าวบ้าง ลูกค้าเยอะครับ
แต่หลัง ๆ มานี้ เริ่มซบเซาไปบ้าง พวกโรงงานก็บ่น ๆ กันว่าคำสั่งซื้อหายไป พนักงานไม่มี
โอทีบ้างแหละ พนักงานซับโดนปลดบ้างแหละ ร้านน้ำก็บ่นว่ามีร้านน้ำมะนาวจีนมาเปิด ขายแก้วละ 20 บาท
แก้วเบ้อเร้อ จะไปสู้ราคาไงไหว อืม เขาว่าโดนทุนจีนเข้ามาทุบตลาดทำให้ค้าขายลำบาก
คิดแล้วยังว่าตัวเองโชคดีนะที่ทำร้านปลาเผา ทุนจีนที่ไหนจะมาขายปลาเผาแข่ง
ไม่มีหรอก ไม่ได้ผลกระทบอะไร น้ำมะนาวจีนก็อร่อยดี แก้วละ 20 บาทเอง
ของถูกแบบนี้ ผู้บริโภคได้ประโยชน์จริงมั้ย ไหนจะมีร้านไก่ทอดจีนมาอีก ชิ้นละ 15 บาท ถูกกว่าเหนียวไก่
หน้าตลาดอีก ของถูกใคร ๆ ก็ชอบ มากันเยอะ ๆ มาๆๆๆๆ ดีครับ ผมชอบของถูก
แต่ พักนี้ ที่ร้านปลาเผาผมลูกค้าเริ่มบางตานะ ที่เคยมากินปลาเผาประจำเริ่ม นาน ๆ มาที
บางคนก็หายหน้าไปเลย คงเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดีแหละ ไม่ใช่ทุนจีนหรอก
จีนไม่ได้มาขายปลาเผาแข่งกับร้านผมนี่นา
จนวันนึง เจ้าของร้านมาบอกผมว่า จะยุบร้านปลาเผาสาขานี้นะ เพราะลูกค้าน้อย
เปิดต่อไปไม่ไหว
อ้าว ผมจะตกงานเหรอเนี่ย ไม่เกี่ยวกับทุนจีนนะ แล้วทำไมผมตกงานล่ะ
ตายละ แล้วรถจีนที่เพิ่งดาวน์มาน่ะ ผ่อนมาได้แค่ปีเดียวเอง จะเอาเงินที่ไหนผ่อนต่อ
ยอดหนี้ที่เหลือ แม่มยังเยอะกว่าราคารถป้ายแดงรุ่นเดียวกันตอนนี้เลย ก็เล่นลดราคาทีละแสน 2-3 รอบเนี่ย
แล้วจะทำไง ตอนนี้จะยกให้ใครผ่อนต่อก็ไม่มีใครรับ ไอ่ตอนซื้อรถกระป๋องแพง ๆ แม่มยังมีเงิน
ผ่อนจนหมด จนขายต่อยังมีเงินมาดาวน์รถจีนเนี่ย แล้วยังเหลือเงินอีกนะ
แต่กับรถจีนถูก ๆ ออปชั่นล้ำ ๆ นี่ กลับผ่อนไม่รอดซะละ
ไหนบอกว่า มีคนขายรถถูก ๆ แล้วผู้บริโภคได้ประโยชน์ไง
เอ๊ะ หรือว่าไม่เกี่ยว ไม่ใช่เป็นเพราะทุนจีน
เอ๊ะยังไง จีนไม่ได้มาขายปลาเผาแข่ง แต่ทำไมผมตกงาน โดนยึดรถแบบ งง ๆ ล่ะครับ
-
อย่าเพิ่งรีบซื้อกันนะครับ เดี๋ยวพอถึงเวลาที่เค้าลดราคา จะได้ไม่เจ็บตัวมาก
ถูกต้องครับ คุณรู้ไหมเรเว่กำไรเท่าไร 12% honda กำไร 3% เอง บางเฉียบ แล้วก็มาพูดกันว่าญี่ปุ่นกั้ก ถ้าญี่ปุ่นกั้กนะ ไอ้ 12% คืออะไร โคดพ่องโคดแม่งกั้กอะ ลดได้อีกเยอะเลยบอกให้
คนมันเห็นรถออปชันน้อย ก็เลยทึกทักกันเอาเองว่ากั้ก โครงสร้างต้นทุนมันต่างกันต่างหากครับ เหล็กแม่งส่งมาจากเมืองจีน แต่ถูกกว่าเหล็กของโรงงานไทย คืออันไล?
ขนาดเหล็กยังถูกกว่า แล้วพวกพาร์ทชิ้นส่วนรถจะไปเหลือเหรอ?
-
ไม่ต้องอะไรมาก ขนาดได้ภาษีถูกไปแล้ว การขนส่งเริ่มใช้รถบรรทุกจีน ไม่ใช้รถบรรทุกไทยแล้วนะครับ!!!
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9346679
-
^
^
ที่ว่ามา ถูกครับ
รถญี่ปุ่น ขายเรา 1.7 ล้าน พนักงานได้โบนัส 10 เดือน .... เฮ ... ญี่ปุ่นคืนกำไรมาให้ก้อนโตเลย ..
ค่ายจีน ขายเรา 9 แสน พนักงานได้โบนัส 2 เดือน ... ว้าา... โบนัสน้อย กำไรคืนสู่คนไทยน้อย
ทีนี้ มาจิ้นรถ 1.7ล้าน กับ รถ 9แสน มันเท่ากันไหม .. แน่นอนไม่เท่ากัน ... แล้วใครมากกว่าล่ะ ? ? มาจิ้นเค้าต้องขนาดไหน จ่าย 10 เดือนเนี่ย
กลับมา เอาตัวเอง ผมเองเนี่ย ... ไม่ใช่พนักงานค่ายรถ ไม่ได้มีส่วนในโบนัสนั้น จะญี่ปุ่น หรือจีน ผมไม่ได้มีส่วนร่วม .. ผมเป็นแค่คนซื้อ ผมไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆในอุตสาหกรรมนั้นโดยตรงเลย
ผมต้องไปจ่าย 1.7ล้าน เพื่ออุ้มธุรกิจญี่ปุ่น เพื่อให้เค้ามีกำไรมาจ่ายโบนัสให้คนไทย 10 เดือน ถือเป็นการคืนกำไรสู่คนไทย
หรือ ... ผมจะควักเงิน 9แสนซื้อรถจีน แต่คนจีนจ่ายโบนัสคนไทยได้แค่ 2 เดือน
เราคือผู้ซื้อครับ โอเค ภาพรวมเราอาจจะคิดว่าจีนมาทุ่มตลาด ทำตลาดรถยนต์พัง ก็รถยนต์ญี่ปุ่นพังครับ โรงงานญี่ปุ่นพัง ผมไม่ได้พังด้วย ...
เข้าใจว่าภาพรวมในอุตสาหกรรมมันทำแย่ ทำตลาดพัง แต่ลองมองที่มันพัง คือเรา หรือใคร เราเสียผลประโยชน์ตรงไหน จากเหตุการนี้
อันนี้คุยกันเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์นะครับ ตัวเรา เสียประโยชน์ หรือได้ประโยชน์ จากการทุ่มตลาดของจีน ผมต้องเดือดร้อนจากการพังทลายของอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นหรือเปล่า ซึ่งมันไม่เกี่ยวกะผมเลย ถ้าผมเป็นแค่พ่อค้าขายปลาน่ะ
โอววว ถ้าพี่เป็นพ่อค้าขายปลานะ เป็นถ้าอันเดียวกันกับผมเลยสิครับ
ผมขายปลา ปลาเผานะ จะว่าไป ถ้าของผมไม่ได้ขายปลาโดยตรง แต่เป็นผู้จัดการร้านปลาเผาน่ะ
ผมขายปลาเผา ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอุตสาหกรรมรถยนต์เลยนะ ไม่เกี่ยวกันเลยจริง ๆ
ดังนั้นพนักงานมันจะโบนัส 10 เดือน หรือ 0 เดือน ผมก็ไม่ได้รวย ไม่ได้จนกับเขาเลย
จะไปสนใจทำไม จริงมั้ย จริงสิ ก็พี่ว่ายังงั้นนิ
ที่จะเกี่ยวก็คือก่อนหน้านี้ซื้อรถมาใช้ รถมันก็แพงแหละ คันนิดเดียว 5-6 แสน ออปชั่นก็น้อย
ก็กัดฟันผ่อนจนหมด ใช้มาจนรถจีนเข้ามา หู้ยยยย สวย ออปชั่นเยอะ ราคาถูกกกก
ผมงี้ขายคันเก่าเลย ได้เงินมาเป็นแสน เอามาดาวน์รถจีนยังมีเงินเหลือ ผ่อน ไป มีความสุข
ร้านผมนะ ขายปลาเผา มีกับแกล้มอื่น ๆ ด้วย ลูกค้าก็คนละแวกนั้นแหละ ทั้งพนักงานบริษัท
โรงงาน หรือพ่อค้า แม่ค้า ขายอาหาร เครื่องดื่ม ต่าง ๆ ก็ลูกค้าผม เดือนนึงมากัน 2-3 ครั้ง
สังสรรค์ในกลุ่มเพื่อนร่วมงานบ้าง พาครอบครัวมากินข้าวบ้าง ลูกค้าเยอะครับ
แต่หลัง ๆ มานี้ เริ่มซบเซาไปบ้าง พวกโรงงานก็บ่น ๆ กันว่าคำสั่งซื้อหายไป พนักงานไม่มี
โอทีบ้างแหละ พนักงานซับโดนปลดบ้างแหละ ร้านน้ำก็บ่นว่ามีร้านน้ำมะนาวจีนมาเปิด ขายแก้วละ 20 บาท
แก้วเบ้อเร้อ จะไปสู้ราคาไงไหว อืม เขาว่าโดนทุนจีนเข้ามาทุบตลาดทำให้ค้าขายลำบาก
คิดแล้วยังว่าตัวเองโชคดีนะที่ทำร้านปลาเผา ทุนจีนที่ไหนจะมาขายปลาเผาแข่ง
ไม่มีหรอก ไม่ได้ผลกระทบอะไร น้ำมะนาวจีนก็อร่อยดี แก้วละ 20 บาทเอง
ของถูกแบบนี้ ผู้บริโภคได้ประโยชน์จริงมั้ย ไหนจะมีร้านไก่ทอดจีนมาอีก ชิ้นละ 15 บาท ถูกกว่าเหนียวไก่
หน้าตลาดอีก ของถูกใคร ๆ ก็ชอบ มากันเยอะ ๆ มาๆๆๆๆ ดีครับ ผมชอบของถูก
แต่ พักนี้ ที่ร้านปลาเผาผมลูกค้าเริ่มบางตานะ ที่เคยมากินปลาเผาประจำเริ่ม นาน ๆ มาที
บางคนก็หายหน้าไปเลย คงเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดีแหละ ไม่ใช่ทุนจีนหรอก
จีนไม่ได้มาขายปลาเผาแข่งกับร้านผมนี่นา
จนวันนึง เจ้าของร้านมาบอกผมว่า จะยุบร้านปลาเผาสาขานี้นะ เพราะลูกค้าน้อย
เปิดต่อไปไม่ไหว
อ้าว ผมจะตกงานเหรอเนี่ย ไม่เกี่ยวกับทุนจีนนะ แล้วทำไมผมตกงานล่ะ
ตายละ แล้วรถจีนที่เพิ่งดาวน์มาน่ะ ผ่อนมาได้แค่ปีเดียวเอง จะเอาเงินที่ไหนผ่อนต่อ
ยอดหนี้ที่เหลือ แม่มยังเยอะกว่าราคารถป้ายแดงรุ่นเดียวกันตอนนี้เลย ก็เล่นลดราคาทีละแสน 2-3 รอบเนี่ย
แล้วจะทำไง ตอนนี้จะยกให้ใครผ่อนต่อก็ไม่มีใครรับ ไอ่ตอนซื้อรถกระป๋องแพง ๆ แม่มยังมีเงิน
ผ่อนจนหมด จนขายต่อยังมีเงินมาดาวน์รถจีนเนี่ย แล้วยังเหลือเงินอีกนะ
แต่กับรถจีนถูก ๆ ออปชั่นล้ำ ๆ นี่ กลับผ่อนไม่รอดซะละ
ไหนบอกว่า มีคนขายรถถูก ๆ แล้วผู้บริโภคได้ประโยชน์ไง
เอ๊ะ หรือว่าไม่เกี่ยว ไม่ใช่เป็นเพราะทุนจีน
เอ๊ะยังไง จีนไม่ได้มาขายปลาเผาแข่ง แต่ทำไมผมตกงาน โดนยึดรถแบบ งง ๆ ล่ะครับ
จีนมันไปที่ไหน มันก็ทิ้งคำว่าศูนย์เหรียญไปทั่วแหละครับ
ล่าสุดที่ผมไปเที่ยวญี่ปุ่น ไปเจอ alphard รับส่งสนามบิน-โรงแรม เฮ้ย 2พันกว่าบาท เท่าฮ่องกงเลย พอๆกับสิงคโปร์มายะโฮร์ด้วย ถูกโคตรๆ
ก็งงสิ ไม่ได้ใส่โปรซะหน่อย ทำไมถูกงี้
พอเจอคนขับ นั่งฟังเพลงในรถ ก็ชัดๆเลย เปิดเพลงจีนตลอดทาง ลูกสาวผมพูดจีนกับเขา เขาก็พูดจีนกลับ
ขนาดญี่ปุ่นเข้มงวดขนาดนี้ยังมิวายต้องเจอ
แล้วไทยผู้ซึ่งไม่เข็มงวดอะไรเลย อีกไม่นาน คงเป็นมณฑลไท่กั๋วจริงๆแล้วล่ะ
-
อ่าน ทุกความเห็นแล้วครับ เข้าใจทุกท่าน ...
เราพูดถึงปัญหามามากแล้ว แต่การแก้ปัญหายังหาไม่เจอเลย ... คำถาม ... ? ?
เราต้องร่วมกัน มาซื้อรถญี่ปุ่นราคา 1.7 ล้าน กันเพื่ออุ้มพนักงานโรงงาน พ่อค้าปลาอย่างผม รวมถึงร้านน้ำ ร้านอื่นๆ กันใช่ไหมครับ ....
แนวทางแก้คืออะไรล่ะ ... เราจะต้องโอบอุ่ม ธุรกิจญี่ปุ่น เพื่อให้คนไทยอยู่รอดกันแบบนี้หรือ
ซื้อแต่ของญี่ปุ่น เพื่อสกัดจีนเติบโต ใช่หรือไม่ครับ (เอาเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์นะ)
-
ส่วนตัวผม ผมไม่คิดจะซื้อสินค้ากับคนเอาเปรียบแน่นอนครับ
ผมมองว่า ญี่ปุ่นเอาเปรียบเรา
แต่จีนก็ใช่ว่าจะไม่เอาเปรียบเราเช่นกัน
การตั้งราคาสินค้าถูกๆ แต่ไปฟันค่าอะไหล่แบบจุกๆ จนประกันยังขยาด ภัยมืดที่ลูกค้ามองไม่เห็น
ค่ายญี่ปุ่นต้องการกำไร 50%
ค่ายจีนก็ต้องการ 50% เท่ากัน
ค่ายยุโรปก็เช่นกัน
แต่การเดินทางไปถึงจุดนั้นต่างกัน
ผมเองคิดว่าคุณทำเต้นท์น่าจะมองปรากฏการณ์แบบนี้ออกได้ไวกว่าคนอื่นนะครับ
MB C202 สมัยผมใช้ ผมแทบจะไม่ต้อยุ่งอะไรกับโคมไฟตลอด 3 แสนโลเลย นี่ถ้ารถคันนั้นยังอยู่ ผมแค่เปลี่ยนเป็นหลอด led เกรดดีๆราคา 4 พันเข้าไป มี cut off คมๆก็ใช้ต่อระดับ 4-5 แสนโลสบายๆ สิ่งที่ค่ายรถเสียไปคือการขายอะไหล่...
จีนเขาไม่โง่หรอกครับ เขายึดโมเดลขายอะไหล่ลัดเลาะมาทีเดียว ในประกันภัย ชนมา ลูกค้าอาาจะเบาใจช่วงแรก แต่อย่างที่บอก เจออะไรที่ต้องเบิกศูนย์แพงกว่า 3 เท่า ประกันจุก ลูกค้าก็จุก
ลองดูครับ คิดว่าญี่ปุ่นเอาเปรียบคนไทยมานาน แต่อย่างน้อยๆการเบิดฝาท้ายใหม่ ประตูใหม่ ก็ไม่ทำให้เบี้ยปีถัดไปพุ่ง
และต่อไปนี้ 0 เหรียญที่กำลังจะเกิดอีกรายก็คือประกันจีนแดง
แล้วตอนนี้เราติดกับดัก io จีนขนาดไหนลองคิดดู ผมเชื่อว่าตอนนี้คุณก็กำลังติด
***Haval H6 PHEV ราคาเท่าไหร่ครับ***
ราคาไม่ต่างกับ CRV เลยใช่มั๊ย
แต่ io ตาม facebook เลี่ยงการโจมตีเพื่อนร่วมสัญชาติก่อน
ถ้าเจ้า Sealion ไม่หมกเม็ดเรื่อง warranty มาในลักษณะ full option ตัวท๊อปน่าจะไปชนกับ crv ซึ่งก็อาจจะไม่มีประเด็นอะไรก็ได้ครับ
ช่างน้ำหนักเยอะๆครับ จะได้ไม่แพ้สงคราม io
-
งานนี้ไม่รู้ว่าคนที่ร้องลั่นแล้วตัดสินใจจองไปแล้ว พอเห็นเงื่อนไขประกันบนเว็บไซต์จะได้ร้องซ้ำอีกรอบไหม หึหึ
-
รอคนซื้อ และ พิสูจน์ระยะยาวให้ครับ ::)
-
ตามสไตล์ byd มีโอกาสลดอีก 2 ครั้ง
น่าจ 1-2 ปี ลดเป็นแสน + อาจจะลดครั้งละ 5 หมื่นครับรอให้กระแสนิ่งๆก่อน
ถ้าอยากเล่นรอได้รอ
-
ถ้าเรามองแค่ราคาตัวรถ ไม่แปลกใจที่รถจีนที่ราคาถูกกว่า ผมไม่เคยดูถูกรถจีนนะ ถ้าถึงจุดนึงที่ผมมองว่าคุ้ม ในสายตาของผม รถของชาติไหนผมก็ซื้อ ราคาที่ตั้งมา แน่นอนครับ แต่ละแบรนด์ มี position ตัวเอง ทั้งศูนย์บริการ ความเชื่อมั่น อะไหล่ คนเข้ามาตลาดทีหลัง แบรนด์ใหม่ในสายตาผู้บริโภคก็ต้องทำราคาแบบนี้ ผมก็ไม่ได้แปลกใจ ด้วยระบบทุนนิยม ใครซื่อใจผู้บริโภคไม่ได้ เค้าก็ต้องลดราคาสินค้าเค้ามาเอง เค้าทำสินค้ามาขาย ไม่ใช่มาแจก ใครก็ต้องอยากได้กำไรมสกที่สุด สุดท้ายแล้วแต่คุณ ไม่ต้องไปช่วยเค้าแก้ปัญหาหรอกครับ
ในเคสนี้ไปอ่านเงือนไขการรับประกัน ก็ok กับราคาและความเสี่ยงดีครับ
-
CRV ไม่ต้องลดราคาลงมาเท่าจีนหรอกครับ 1.7 ลดมาสัก 1.3 ยอดก็คงเดินน่าดู คงใด้ผมสักคันด้วน 555
การเข้ามาของทุนจีนต่อจากนี้น่ากลัวมาก ใครทำอาชีพอะไรต้องวิเคราะห์ 3ปี 5ปี เป็นอย่างไร
ท้ายสุดเงินหาใด้น้อยลง รถจีนราคาไม่สูงอาจจะเหมาะกับเราในที่สุด
-
GDP ไทยประมาณ 18 ล้านล้าน
มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ประมาณ 1 ล้านล้านกว่าๆ
เทียบกับ GDP แล้วไม่ถึง 10%
แรงงานในภาคนี้น่าจะหลักแสนคน เทียบกับกำลังแรงงานไทย (อยู่ในวัยทำงาน) ประมาณ 38 ล้านคน
ถ้าต้องรณรงค์ให้คนไทยช่วยแบกรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น คิดว่าสมเหตุสมผลมั้ย เหมือนรัฐบาลต้องช่วยอุดหนุนเงินให้ชาวนาปีเป็นแสนล้านยังงั้นเหรอ ต่างกันแค่รัฐบาล เป็นเอกชน
ช่วยกันซื้อ CRV คันละ 1.7 ล้าน , Fortuner, Camry, Accord ตัวท็อปคันละเกือบ 2 ล้าน หรือ Civic ล้านต้นๆ เพื่อให้บริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นกำไรเยอะๆ จะได้ส่งเงินกลับประเทศได้มากๆ และให้แรงงานในอุตฯ ยานยนต์ได้โบนัส 10 เดือน ?
ถ้าต้องเป็นภาระขนาดนี้ เชิญบริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นขนของกลับประเทศไปเถอะ แต่ในความเป็นจริง บ.รถ สัญชาติญี่ปุ่น ไม่ได้พึ่งพาแต่ตลาดในประเทศไทยอย่างเดียว เขาผลิตและส่งออกมากกว่าขายในประเทศอีก แต่กำไรต่อคันอาจจะไม่เยอะเท่ากับขายในประเทศแค่นั้นเอง
รถสัญชาติญี่ปุ่นที่ขายในประเทศไทยขึ้นราคาแทบจะทุกปี อย่างผมมี Mu-x อยู่ 2 คัน
คันแรกซื้อ ธ.ค. 64 ราคา 1.59 ล้าน
ธ.ค. 65 ซื้อเพิ่มอีกคัน ราคาขยับขึ้นอีก 49,000 บาท เพิ่มแค่เปิดประตูท้ายรถแบบขยับเข้า ออก
ผ่านไปแค่ 1 ปี 7 เดือน รุ่นท็อปเปลี่ยนชื่อเป็น RS ขยับราคาขึ้นอีก 120,000 บาท ที่เห็นๆ เพิ่มกล้องมองรอบคัน
คือออกแรกๆ กั๊กออฟชั่น แล้วค่อยๆ มาเพิ่มทีละอย่าง พร้อมกับปรับขึ้นราคา ทำไปเรื่อยๆ ราคาก็ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ
อีก 2-3 ปี คิดว่าน่าจะใกล้แตะ 2 ล้านบาท :-X
-
มองอีกมุม รถญี่ปุ่นที่ผลิตประเทศอื่น ก็ไม่ได้แพงเหมือนที่ไทยนะ
-
มองอีกมุม รถญี่ปุ่นที่ผลิตประเทศอื่น ก็ไม่ได้แพงเหมือนที่ไทยนะ
ใช่ครับต่างประเทศรถญี่ปุ่นถูกว่าเมืองไทยเยอะ พอผลิตในไทยแพงกว่าน่าจะบวกเยอะ
-
มองอีกมุม รถญี่ปุ่นที่ผลิตประเทศอื่น ก็ไม่ได้แพงเหมือนที่ไทยนะ
ใช่ครับต่างประเทศรถญี่ปุ่นถูกว่าเมืองไทยเยอะ พอผลิตในไทยแพงกว่าน่าจะบวกเยอะ
เทียบราคากับประเทศไหนล่ะครับ
หลายๆ ประเทศก็แพงกว่าไทยนะครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเอาโครงสร้างภาษีมากางเทียบกันด้วยครับ
-
มองอีกมุม รถญี่ปุ่นที่ผลิตประเทศอื่น ก็ไม่ได้แพงเหมือนที่ไทยนะ
ใช่ครับต่างประเทศรถญี่ปุ่นถูกว่าเมืองไทยเยอะ พอผลิตในไทยแพงกว่าน่าจะบวกเยอะ
รัฐบาลวางนโยบายโดยมองว่ารถยนต์เป็รของฟุ่มเฟือยครับ ถีงแม้รถจะผลิตในประเทศก็ยังเสียภาษีสรรพสามิตรอยู๋ครับ
ลองดูอย่าง กระบะครับ ตอนเดียว / cab / 4dr กลุ่มนี้เสียภาษีไม่เท่ากัน เป็นส่วนนึงที่ทำให้ราคามันต่างกันด้วย
-
8) 8) 8)......ซื้อเลย คบระยะยาวได้ :-X
-
GDP ไทยประมาณ 18 ล้านล้าน
มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ประมาณ 1 ล้านล้านกว่าๆ
เทียบกับ GDP แล้วไม่ถึง 10%
แรงงานในภาคนี้น่าจะหลักแสนคน เทียบกับกำลังแรงงานไทย (อยู่ในวัยทำงาน) ประมาณ 38 ล้านคน
ถ้าต้องรณรงค์ให้คนไทยช่วยแบกรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น คิดว่าสมเหตุสมผลมั้ย เหมือนรัฐบาลต้องช่วยอุดหนุนเงินให้ชาวนาปีเป็นแสนล้านยังงั้นเหรอ ต่างกันแค่รัฐบาล เป็นเอกชน
ช่วยกันซื้อ CRV คันละ 1.7 ล้าน , Fortuner, Camry, Accord ตัวท็อปคันละเกือบ 2 ล้าน หรือ Civic ล้านต้นๆ เพื่อให้บริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นกำไรเยอะๆ จะได้ส่งเงินกลับประเทศได้มากๆ และให้แรงงานในอุตฯ ยานยนต์ได้โบนัส 10 เดือน ?
ถ้าต้องเป็นภาระขนาดนี้ เชิญบริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นขนของกลับประเทศไปเถอะ แต่ในความเป็นจริง บ.รถ สัญชาติญี่ปุ่น ไม่ได้พึ่งพาแต่ตลาดในประเทศไทยอย่างเดียว เขาผลิตและส่งออกมากกว่าขายในประเทศอีก แต่กำไรต่อคันอาจจะไม่เยอะเท่ากับขายในประเทศแค่นั้นเอง
รถสัญชาติญี่ปุ่นที่ขายในประเทศไทยขึ้นราคาแทบจะทุกปี อย่างผมมี Mu-x อยู่ 2 คัน
คันแรกซื้อ ธ.ค. 64 ราคา 1.59 ล้าน
ธ.ค. 65 ซื้อเพิ่มอีกคัน ราคาขยับขึ้นอีก 49,000 บาท เพิ่มแค่เปิดประตูท้ายรถแบบขยับเข้า ออก
ผ่านไปแค่ 1 ปี 7 เดือน รุ่นท็อปเปลี่ยนชื่อเป็น RS ขยับราคาขึ้นอีก 120,000 บาท ที่เห็นๆ เพิ่มกล้องมองรอบคัน
คือออกแรกๆ กั๊กออฟชั่น แล้วค่อยๆ มาเพิ่มทีละอย่าง พร้อมกับปรับขึ้นราคา ทำไปเรื่อยๆ ราคาก็ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ
อีก 2-3 ปี คิดว่าน่าจะใกล้แตะ 2 ล้านบาท :-X
ผมดูตัวเลขเร็วๆ แล้วรู้สึกแหม่งๆ นะครับ?
"มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ประมาณ 1 ล้านล้านกว่าๆ"
ไอ้ 1 ล้านๆ บาท เนี่ยมันมูลค่าการส่งออกรถและชิ้นส่วนรึป่าว(ตรงกับยอดส่งออกพอดี) เพราะผมไปดู research ของกรุงไทย(ที่มา enlite) แค่มูลค่าตลาดชิ้นส่วนก็ปาเข้าไป 1.5 ล้านๆ บาทแล้วนะ เหมือนจะสับสนระหว่าง export กับ market cap รึป่าวเนี่ย
ผมพยายามตีความคำว่า "มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์" ของคุณ อ่านยังไงก็เข้าใจว่า market cap นะ แต่ตัวเลขดันไปตรงกับ export แบบงงๆ คุณเข้าใจมูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ว่ายังไงหรือ?
-
เข้าใจยังไง ?
1 ล้านล้านกว่าๆ มันก็คือมูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย
พูดถึงบทวิเคราะห์ของกรุงไทย เลยไปเสิร์ช บทวิเคราะห์นี้ตั้งแต่ มีนาคม 2566 ตัวเลขต่างๆ ของปี 2566 2567 นั้นเป็นการคาดการณ์ อย่างเช่นยอดผลิตรถยนต์ปี 2567 คาดการณ์ไปโน้น 2.1 ล้านคัน ปัจจุบันปรับเป้าเหลือ 1.7 ล้านคัน ดังนั้นตัวเลขที่ประมาณการณ์ของกรุงไทยผิดเพี้ยนไปหมด ของจริงปีนี้น่าจะต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท สัดส่วนต่อ GDP ไม่ถึง 10% (สินค้าอุตสาหกรรมประมาณ 30% ของ GDP)
คนไทยยังเข้าใจผิดกันเยอะคิดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ส่งออกเป็นอันดับ 1 ของจริงก็ตามรูป อันดับ 3
(https://img2.pic.in.th/pic/Screenshot-2024-08-12-221312.jpg)
-
เข้าใจยังไง ?
1 ล้านล้านกว่าๆ มันก็คือมูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย
พูดถึงบทวิเคราะห์ของกรุงไทย เลยไปเสิร์ช บทวิเคราะห์นี้ตั้งแต่ มีนาคม 2566 ตัวเลขต่างๆ ของปี 2566 2567 นั้นเป็นการคาดการณ์ อย่างเช่นยอดผลิตรถยนต์ปี 2567 คาดการณ์ไปโน้น 2.1 ล้านคัน ปัจจุบันปรับเป้าเหลือ 1.7 ล้านคัน ดังนั้นตัวเลขที่ประมาณการณ์ของกรุงไทยผิดเพี้ยนไปหมด ของจริงปีนี้น่าจะต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท สัดส่วนต่อ GDP ไม่ถึง 10% (สินค้าอุตสาหกรรมประมาณ 30% ของ GDP)
คนไทยยังเข้าใจผิดกันเยอะคิดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ส่งออกเป็นอันดับ 1 ของจริงก็ตามรูป อันดับ 3
(https://img2.pic.in.th/pic/Screenshot-2024-08-12-221312.jpg)
มันเป็นตัวเลขโดยประมาณอยู่แล้ว ดังนั้นจะคาดการณ์มันก็อยู่แถวๆ นั้นแหละครับ
ผมว่าคุณไม่รู้เรื่องในประเด็นที่ผมพูดนะ มูลค่าการส่งออกรถและชิ้นส่วน ไม่เท่ากับ มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ นะ?
ผมน่ะ งง ที่คุณเอา มูลค่าการส่งออกรถ มาเป็น มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์
ถ้าพูดถึง มูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย มันคืออะไรครับ?
ผมจะคิดเร็วๆ ให้ดูนะ ถ้าส่งออก 1 ล้านๆ มันยังมียอดขายรถในประเทศอีก เกือบๆ 1 ล้านๆ แล้วยังมีชิ้นส่วนอีก 1.5 ล้านๆ(2564) ผมบวกเร็วๆ มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องมีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านๆ ไหนจะยังมีพวกอู่ซ่อมบริการอีกเยอะแยะไปหมด
คุณเอายอดส่งออกมาเป็น มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ มันใช่เหรอครับ?
แล้วก็ส่งออกรถเป็นอันดับ 1 น่าจะเป็นปีก่อนๆ ที่คุณเอามาแปะนะ ปัจจุบันมันก็ลดลงเรื่อยเป็นเรื่องปกติ เพราะ ev มันก็ส่งผลกระทบมาเรื่อยๆ หลายปีแล้ว ผมว่าตรงนี้ไม่เห็นเป็นประเด็นตรงไหนเลย
ที่เป็นประเด็นของผมก็คือ ทำไมคุณถึงเอา มูลค่าการส่งออกรถ มาเป็น มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ ต่างหากครับ คุณรวมชิ้นส่วนไปรึยัง คุณรวมยอดในประเทศแล้วรึยัง อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องมันเยอะนะคุณ มันใช่ 1 ล้านๆ กว่า แน่เหรอ(แค่ชิ้นส่วนอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 1.5 ล้านๆ แล้วนะ) เอาตัวเลขปีที่แล้วก็ได้ จะได้จบ เอาปีนี้เดี๋ยวคุณก็เดาเอาเองว่าน้อย เห็นแววละ
ผมถึงได้ถามไง ว่าคุณเข้าใจมูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ว่ายังไง แต่ดันตอบว่า "1 ล้านล้านกว่าๆ มันก็คือมูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย" เหมือนไม่ได้ตอบอะ
หวังว่าคงจะไม่มาแปะยอดส่งออกอีกนะ? คนละประเด็นกันเลย
-
ผมไปเช็คมาแล้ว ส่งออกรถและชิ้นส่วน อันดับ 1 ปี 2566 มันก็ปีที่แล้วนี่เองไม่ได้เก่าเลย
พอมาโดนตัวเลขไม่ครบปี ของปีนี้แล้ว เหมือนถูกเล่นลิ้นยังไงก็ไม่รู้ เอาเถอะ ตลาดรถมันหดตัว ปีนี้ อันดับ 1 คงเป็น อิเลค
ผมแปลกใจที่มีคนบอกว่า "คนไทยยังเข้าใจผิดกันเยอะคิดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ส่งออกเป็นอันดับ 1" ตัวเลขปีที่แล้วเองนะคุณ 2566 มันมีอคติมากไปรึป่าวเนี่ย ตัวเลขเต็มปีปีล่าสุดนะนั่น
-
CRV ไม่ต้องลดราคาลงมาเท่าจีนหรอกครับ 1.7 ลดมาสัก 1.3 ยอดก็คงเดินน่าดู คงใด้ผมสักคันด้วน 555
การเข้ามาของทุนจีนต่อจากนี้น่ากลัวมาก ใครทำอาชีพอะไรต้องวิเคราะห์ 3ปี 5ปี เป็นอย่างไร
ท้ายสุดเงินหาใด้น้อยลง รถจีนราคาไม่สูงอาจจะเหมาะกับเราในที่สุด
...พออ่านมาถึงตรงนี้ ก็มานึกได้ว่า สายปั่นนี่ ปั่นเข้าหัวได้ดีจริงๆ
ราคาตอนเปิดตัว
CRV eHEV ตัว ES ราวๆ 1.5ครับ(ส่วนลดไม่รู้ แต่น่าจะมีมาตั้งรับเยอะละ) ซึ่งตัวนี้ควรเอามาเทียบกับ Sealion แต่ใน social มีแต่คนท่องว่า 1.7ล้านทั้งนั้น
พอเอาเลข 1.7มาท่องกันก็ดูแพงไปเลย หรือ CRV E1.5โบ ก็เริ่มที่ 1.4 เจอส่วนลดก็ 1.3ล้านไม่ยากเลย
ถ้าคิดมากหน่อย แล้วไม่กระหน่ำวิ่งเยอะๆ ไม่ต้องมองเรื่องช่วยอุตสาหกรรมไทยก็ได้ CRV ตัวล่างก็ไม่แย่
CRV ก็ยังเป็นทางเลือกที่ใช้ยาวๆได้ ok.กว่า ส่วนต่างราคาเหมือนซื้อความอุ่นใจกับราคาขายต่อไปละกัน
หรือทำไม สายปั่น ไม่เอา ZENIX มาเทียบละ 1.3ล้านกับ toyota ไฮบริดคันใหญ่เท่ากันหรือจะใหญ่กว่าด้วยก็ไม่ได้ห่างกับ Sealion เยอะ
เอาเข้าจริงๆ ด้วยภาพการเทกับราคาอะไหล่ของ BYD ผมกลับไม่แปลกใจกับราคา 9แสน อย่าลืมว่า MG HS C ตัวน้ำมันเริ่มต้น 9.39นะครับ เพราะถ้ามาราคา 1ล้านกว่า MG HEV 1.2ล้านสามารถทำราคาลงมาเล่นได้ไม่ยาก(ดู MG4 สินึกจะลดก็ลงมาง่ายๆซะงั้น)...MG ถึงชื่อจะไม่ค่อยดีแต่เทียบกับ BYD ที่เทเละแบบที่เห็น ผมว่าคนยังจะเอา MG มากกว่าครับ
-
มันเป็นตัวเลขโดยประมาณอยู่แล้ว ดังนั้นจะคาดการณ์มันก็อยู่แถวๆ นั้นแหละครับ
ผมว่าคุณไม่รู้เรื่องในประเด็นที่ผมพูดนะ มูลค่าการส่งออกรถและชิ้นส่วน ไม่เท่ากับ มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ นะ?
ผมน่ะ งง ที่คุณเอา มูลค่าการส่งออกรถ มาเป็น มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์
ถ้าพูดถึง มูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย มันคืออะไรครับ?
ผมจะคิดเร็วๆ ให้ดูนะ ถ้าส่งออก 1 ล้านๆ มันยังมียอดขายรถในประเทศอีก เกือบๆ 1 ล้านๆ แล้วยังมีชิ้นส่วนอีก 1.5 ล้านๆ(2564) ผมบวกเร็วๆ มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องมีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านๆ ไหนจะยังมีพวกอู่ซ่อมบริการอีกเยอะแยะไปหมด
คุณเอายอดส่งออกมาเป็น มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ มันใช่เหรอครับ?
แล้วก็ส่งออกรถเป็นอันดับ 1 น่าจะเป็นปีก่อนๆ ที่คุณเอามาแปะนะ ปัจจุบันมันก็ลดลงเรื่อยเป็นเรื่องปกติ เพราะ ev มันก็ส่งผลกระทบมาเรื่อยๆ หลายปีแล้ว ผมว่าตรงนี้ไม่เห็นเป็นประเด็นตรงไหนเลย
ที่เป็นประเด็นของผมก็คือ ทำไมคุณถึงเอา มูลค่าการส่งออกรถ มาเป็น มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ ต่างหากครับ คุณรวมชิ้นส่วนไปรึยัง คุณรวมยอดในประเทศแล้วรึยัง อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องมันเยอะนะคุณ มันใช่ 1 ล้านๆ กว่า แน่เหรอ(แค่ชิ้นส่วนอย่างเดียวก็ปาเข้าไป 1.5 ล้านๆ แล้วนะ) เอาตัวเลขปีที่แล้วก็ได้ จะได้จบ เอาปีนี้เดี๋ยวคุณก็เดาเอาเองว่าน้อย เห็นแววละ
ผมถึงได้ถามไง ว่าคุณเข้าใจมูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ว่ายังไง แต่ดันตอบว่า "1 ล้านล้านกว่าๆ มันก็คือมูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย" เหมือนไม่ได้ตอบอะ
หวังว่าคงจะไม่มาแปะยอดส่งออกอีกนะ? คนละประเด็นกันเลย
รู้จักสินค้าขั้นสุดท้ายมั้ย
A ผลิต 20 บาท ขายให้ B ไปผลิตต่อแล้วขาย 30 บาท และสุดท้าย C ซื้อจาก B ไปผลิตขายได้ 60 บาท คิดว่ามูลค่าของสินค้านี้เท่าไหร่ ?
อ่านบทวิเคราะห์ของกรุงไทยแล้วไม่เข้าใจ แต่คิดว่าเข้าใจ แล้วมาบวกเองมั่วๆ ต่อเป็น 3 ล้านล้าน
มูลค่าของอุตสาหกรรมยานยนต์มันคือรวมทั้งหมด ขายในประเทศ และส่งออก
ของปี 2565 ตามคลิป
https://youtu.be/VZPWfwuKUpY?si=LWHsL8ejwqS3cGT4
หลายปีก่อน มูลค่าของอุตสาหกรรมยานยนต์ เคยมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับ GDP แต่ตอนนี้คือต่ำกว่า 10%
ถ้าเอา GDP เป็นตัวตั้ง แล้วเอา % ของอุตฯ ยานยนต์มาหาค่า ง่ายๆ แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าจริงมันมูลค่าประมาณเท่าไหร่
มโนเอาเอง เม็คตัวเลขเอง อย่างนี้ขอบายละกัน คุยไปก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ
-
รู้จักสินค้าขั้นสุดท้ายมั้ย
A ผลิต 20 บาท ขายให้ B ไปผลิตต่อแล้วขาย 30 บาท และสุดท้าย C ซื้อจาก B ไปผลิตขายได้ 60 บาท คิดว่ามูลค่าของสินค้านี้เท่าไหร่ ?
อ่านบทวิเคราะห์ของกรุงไทยแล้วไม่เข้าใจ แต่คิดว่าเข้าใจ แล้วมาบวกเองมั่วๆ ต่อเป็น 3 ล้านล้าน
มูลค่าของอุตสาหกรรมยานยนต์มันคือรวมทั้งหมด ขายในประเทศ และส่งออก
ของปี 2565 ตามคลิป
https://youtu.be/VZPWfwuKUpY?si=LWHsL8ejwqS3cGT4
หลายปีก่อน มูลค่าของอุตสาหกรรมยานยนต์ เคยมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับ GDP แต่ตอนนี้คือต่ำกว่า 10%
ถ้าเอา GDP เป็นตัวตั้ง แล้วเอา % ของอุตฯ ยานยนต์มาหาค่า ง่ายๆ แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าจริงมันมูลค่าประมาณเท่าไหร่
มโนเอาเอง เม็คตัวเลขเอง อย่างนี้ขอบายละกัน คุยไปก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ
final goods ผมรู้จักครับ รู้ว่ามันมีส่วนที่ทับกัน
แต่คุณน่ะ ไม่เห็นตอบคำถามผมเลย ตกลงคุณรวมชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ oem แล้วหรือยัง อู่บริการซ่อมรถ ของตกแต่งรถ พวกนี้ไม่ทับกับ final goods นะ พวกนี้ไม่ใช่อุตสาหกรรมรถยนต์เหรอครับ?
คุณไปนับตามสินค้าส่งออก มันนับแต่สินค้าผลิต มันไม่รวมบริการ แต่มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมดมันมีบริการด้วย
ผมรู้แต่แรกแล้วว่าคุณคงเอาแค่ ยอดขายรถรวมกันแค่นั้น แล้วอ้างว่ามันคือมูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมด ใครกันครับที่ไม่รู้เรื่อง?
ส่วนเรื่องตัวเลข ผมประมาณๆ เอาจากปีก่อนๆ ที่เคยทำได้ มันไม่เรียกมโนมั้งครับ มันเกิดขึ้นจริง เขาเรียกข้อเท็จจริง แต่ไอ้ตัวเลขไม่เต็มปีของคุณเนี่ย แล้วมาเดาว่าต้องเท่าไร เนี่ยสิครับเรียกมโน
แปะคลิปอะไรของคุณ ในคลิปมันนับแต่ผลิต ถ้าทั้งหมดจริงๆ มันควรนับรวมบริการด้วย ถ้าจะนับแค่นั้นควรใช้คำว่า อุตสาหกรรมผลิตรถและชิ้นส่วน
ถ้าคุณจะมองผลกระทบ คุณควรมองตามความหมายกว้างหรือแคบ คนมีอคติมันก็จะมองตามความหมายแคบละนะ
-
^
^
เบรคสักแป็บ อย่าพึ่งตีกันเลยครับ ทั้ง 2 ท่าน ต่างคนต่างมีข้อมูลที่ดี ผมอ่านแล้วก็พอเข้าใจที่จะสื่อทั้งสองท่านแหละ ...
ข้อมูลที่เอามาก็ต่างคนต่างเข้าใจต่างกัน ถ้าเอามาฟาดกัน มันคงเถียงกันอีกนาน
ทีนี้เอาแค่หลักปฏิบัติ ของประชาชนอย่างเราๆ ตอนนี้ เฉพาะอุตสาหรรมรถยนต์เนี่ย .. เราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ไม่ใช่แนวทางแก้จากรัฐฯนะครับ เอาตัวเราเนี่ย ถ้าจะสกัดจีนศูนย์เหรียญ สกัดรถจีน เราจะทำอะไรได้บ้าง
พร้อมใจกันสนับสนุนรถญี่ปุ่น ขายราคาไหน ฉันก็จะซื้อ หรือจะโนสนโนแคร์ เน้นเราจ่ายถูกไว้ก่อนซื้อรถจีน หรืออย่างไร เถียงกันมาเยอะ แต่ไม่มีใครพูดถึงแนวทางแก้ไขที่ประชาชนจะทำได้เลยครับ
-
BYD เป็นอยู่กระบวนท่าเดียวคือลดราคาดังที่ท่านสนใจเพราะ CRV ราคา 1.7 ล้านแต่ Sea Lion ราคาแค่เก้าแสน ต่างกันตั้งแปดแสน แต่เขาเองหารู้ไม่ว่าคนซื้อรถระดับนี้แล้ว เขาไม่ได้ซื้อเป็นคันแรก หรือจะเพิ่มจำนวนรถที่มีในบ้าน ส่วนใหญ่ ต้องเอารถเก่ามา Turn และตอนนี้ราคารถเก่าตกลงมาก ดังที่ลูกค้าหลายรายเจอคือ ถึงแม้รถใหม่ราคาถูก แต่รถเก่าขายไม่ได้ราคาสรุปก็คือ ซื้อรถตอนนี้ไม่ได้ประหยัดอะไร
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าทุนจีนมาทำเต็นท์รถเอง ส่วนต่างแปดแสนนี่เอามาประกันราคารถเก่าลูกค้าเลยว่ารถคุณไม่ว่ายี่ห้ออะไร ฉันให้ราคาสูงกว่าหลายแสน ในขณะเดียวกันก็Dump ราคาขายของรถเก่าไปเลย ขาดทุนกี่แสนไม่ว่าเพราะฉันตั้งใจขายรถใหม่อยู่แล้ว
ฉะนั้นเลือกซื้อรถถูกๆไปเถิดเพราะฉันเป็นพ่อค้าปลาอยู่แล้วแฮ่ๆไม่กระทบหรอก
-
^
^
เบรคสักแป็บ อย่าพึ่งตีกันเลยครับ ทั้ง 2 ท่าน ต่างคนต่างมีข้อมูลที่ดี ผมอ่านแล้วก็พอเข้าใจที่จะสื่อทั้งสองท่านแหละ ...
ข้อมูลที่เอามาก็ต่างคนต่างเข้าใจต่างกัน ถ้าเอามาฟาดกัน มันคงเถียงกันอีกนาน
ทีนี้เอาแค่หลักปฏิบัติ ของประชาชนอย่างเราๆ ตอนนี้ เฉพาะอุตสาหรรมรถยนต์เนี่ย .. เราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ไม่ใช่แนวทางแก้จากรัฐฯนะครับ เอาตัวเราเนี่ย ถ้าจะสกัดจีนศูนย์เหรียญ สกัดรถจีน เราจะทำอะไรได้บ้าง
พร้อมใจกันสนับสนุนรถญี่ปุ่น ขายราคาไหน ฉันก็จะซื้อ หรือจะโนสนโนแคร์ เน้นเราจ่ายถูกไว้ก่อนซื้อรถจีน หรืออย่างไร เถียงกันมาเยอะ แต่ไม่มีใครพูดถึงแนวทางแก้ไขที่ประชาชนจะทำได้เลยครับ
ข้อมูลที่ผิดมันก็คือไม่ถูกต้อง อุตส่าห์บอกว่าคิดเร็วๆ แล้วนะ ก็ยังมากล่าวหาว่ามโนอีก ไม่เข้าใจคนแบบนี้ มันก็กะๆ ประมาณๆ นั่นแหละ เพราะมันคิดเร็วๆ ไง ก็พูดอยู่
งั้นก็ยึดตามในคลิปที่พี่แกแปะมาจะได้จบ ผมมั่นใจยังไงก็ไม่ใช่แค่ 1 ล้านๆ กว่า แน่ๆ ละ ในคลิปคนอ่านข่าวบอกไว้ว่า 1.89 ล้านๆ เป็นแค่ยอดส่งออก รวมกับยอดขายรถในประเทศเท่านั้น ยังไม่นับรวมชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ oem ซึ่งรวมไปก็เกิน 2 ล้านๆ แน่ๆ ละ ไม่ต้องไปพูดถึงบริการหลังการขายด้วยซ้ำ เพราะอะไหล่มันคงไม่ไปติดตั้งในรถให้คุณเองหรอก เอาแค่ผลิตก็เกิน 2 ล้านๆ แน่ๆ แล้ว ไม่ใช่ 1 ล้านๆ กว่าอะไรนั่น(ผิดแน่ๆ)
ศูนย์บริการ บริการหลังการขาย ก็เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมรถยนต์ ตรงนี้ไม่มีมูลค่างั้นหรือ ไม่งั้นแล้วมันอยู่ในอุตสาหกรรมไหน
เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามบิดเบือนตัวเลขให้เข้าใจผิด ผมบวกแบบไม่มโนให้แล้วนะ(โดยที่ยังไม่รวมบริการ ก็เกิน 2 ล้านๆ แน่ๆ แล้ว(ใช้ตัวเลขจากตลิปที่เขาแปะเองด้วย))(ตัด final goods ให้พี่แกเขาแล้วด้วย จะได้ไม่บ่นอีก)
หวังว่าคงไม่เจอเล่นลิ้นมาพูดว่า ชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ oem ไม่ถึง 1 แสนล้านอีกนะ คือมันเกินแน่ๆ ละ ของแบบนี้มันพิสูจน์ให้เห็นความจริงได้ แค่เจ้าตัวจะยอมรับรึป่าวก็แค่นั้น
อึ้งงงง ตั้งแต่บอกว่า "คนไทยยังเข้าใจผิดกันเยอะคิดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ส่งออกเป็นอันดับ 1" ทั้งๆ ที่ มันก็อันดับ 1 2566 จริงๆ เข้าใจผิดตรงไหนหว่า อะไรของเขา?(เอาตัวเลขไม่ครบปี ในปีที่มีปัญหาหดตัว เหมือนจงใจพยายามจะอคติให้ได้เลย)
-
ผมจะคิดเร็วๆ ให้ดูนะ ถ้าส่งออก 1 ล้านๆ มันยังมียอดขายรถในประเทศอีก เกือบๆ 1 ล้านๆ แล้วยังมีชิ้นส่วนอีก 1.5 ล้านๆ(2564) ผมบวกเร็วๆ มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องมีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านๆ ไหนจะยังมีพวกอู่ซ่อมบริการอีกเยอะแยะไปหมด
มั่วแล้วยังมีหน้ามาแถอีก สีข้างถลอกหมดแล้ว
ที่บอกเป็นข้อเท็จจริง มีแหล่งที่มา หรือ reference มั้ย ?
ถ้าไม่มีก็คือมโนมั่วๆ เอาเอง
รออยู่นะลุง ถ้ายังหาแหล่งอ้างอิงไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาตอบแบบแถๆ แบบเดิมอีก
-
ผมจะคิดเร็วๆ ให้ดูนะ ถ้าส่งออก 1 ล้านๆ มันยังมียอดขายรถในประเทศอีก เกือบๆ 1 ล้านๆ แล้วยังมีชิ้นส่วนอีก 1.5 ล้านๆ(2564) ผมบวกเร็วๆ มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องมีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านๆ ไหนจะยังมีพวกอู่ซ่อมบริการอีกเยอะแยะไปหมด
มั่วแล้วยังมีหน้ามาแถอีก สีข้างถลอกหมดแล้ว
ที่บอกเป็นข้อเท็จจริง มีแหล่งที่มา หรือ reference มั้ย ?
ถ้าไม่มีก็คือมโนมั่วๆ เอาเอง
รออยู่นะลุง ถ้ายังหาแหล่งอ้างอิงไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาตอบแบบแถๆ แบบเดิมอีก
อ้าว ผมว่าผมก็บอกไปแล้วนะ ว่าคิดเร็วๆ มันก็กะคร่าวๆ ประมาณๆ จากสิ่งที่เคยทำได้ในอดีต
ผมก็คิดใหม่ให้แล้วนะ โดยอ้างอิงตัวเลขจากคลิปที่คุณแปะเองไม่ใช่เหรอครับ ได้อ่านไหม ตอบอีกรอบให้ก็ได้ สงสัยจะไม่ได้อ่าน? เพราะไม่ได้อ้างถึงตรงๆ ทั้งๆ ที่มันอยู่ข้างบนนี้เอง
ผมมีคำถามนะ รถมือ2 คุณจะแยกออกมาเป็นอุตสาหกรรม... หรือมันควรจะนับรวมเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมดด้วย ยานยนต์นี่รวมจักรยานยนต์ด้วยไหม? ไหนจะตลาดยางรถอีก ของตกแต่งต่างๆ นาๆ after market เอาละสิ จะบวกยังไงกับ 1.89 ล้านๆ ที่แปะคลิปมา ให้ยังคงเป็น 1 ล้านๆ กว่าๆ ได้ละ ผมสังสัย
-
ผมจะคิดเร็วๆ ให้ดูนะ ถ้าส่งออก 1 ล้านๆ มันยังมียอดขายรถในประเทศอีก เกือบๆ 1 ล้านๆ แล้วยังมีชิ้นส่วนอีก 1.5 ล้านๆ(2564) ผมบวกเร็วๆ มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องมีไม่ต่ำกว่า 3 ล้านๆ ไหนจะยังมีพวกอู่ซ่อมบริการอีกเยอะแยะไปหมด
มั่วแล้วยังมีหน้ามาแถอีก สีข้างถลอกหมดแล้ว
ที่บอกเป็นข้อเท็จจริง มีแหล่งที่มา หรือ reference มั้ย ?
ถ้าไม่มีก็คือมโนมั่วๆ เอาเอง
รออยู่นะลุง ถ้ายังหาแหล่งอ้างอิงไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาตอบแบบแถๆ แบบเดิมอีก
ข้อมูลที่ผิดมันก็คือไม่ถูกต้อง อุตส่าห์บอกว่าคิดเร็วๆ แล้วนะ ก็ยังมากล่าวหาว่ามโนอีก ไม่เข้าใจคนแบบนี้ มันก็กะๆ ประมาณๆ นั่นแหละ เพราะมันคิดเร็วๆ ไง ก็พูดอยู่
งั้นก็ยึดตามในคลิปที่พี่แกแปะมาจะได้จบ ผมมั่นใจยังไงก็ไม่ใช่แค่ 1 ล้านๆ กว่า แน่ๆ ละ ในคลิปคนอ่านข่าวบอกไว้ว่า 1.89 ล้านๆ เป็นแค่ยอดส่งออก รวมกับยอดขายรถในประเทศเท่านั้น ยังไม่นับรวมชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ oem ซึ่งรวมไปก็เกิน 2 ล้านๆ แน่ๆ ละ ไม่ต้องไปพูดถึงบริการหลังการขายด้วยซ้ำ เพราะอะไหล่มันคงไม่ไปติดตั้งในรถให้คุณเองหรอก เอาแค่ผลิตก็เกิน 2 ล้านๆ แน่ๆ แล้ว ไม่ใช่ 1 ล้านๆ กว่าอะไรนั่น(ผิดแน่ๆ)
ศูนย์บริการ บริการหลังการขาย ก็เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมรถยนต์ ตรงนี้ไม่มีมูลค่างั้นหรือ ไม่งั้นแล้วมันอยู่ในอุตสาหกรรมไหน
เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามบิดเบือนตัวเลขให้เข้าใจผิด ผมบวกแบบไม่มโนให้แล้วนะ(โดยที่ยังไม่รวมบริการ ก็เกิน 2 ล้านๆ แน่ๆ แล้ว(ใช้ตัวเลขจากตลิปที่เขาแปะเองด้วย))(ตัด final goods ให้พี่แกเขาแล้วด้วย จะได้ไม่บ่นอีก)
หวังว่าคงไม่เจอเล่นลิ้นมาพูดว่า ชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ oem ไม่ถึง 1 แสนล้านอีกนะ คือมันเกินแน่ๆ ละ ของแบบนี้มันพิสูจน์ให้เห็นความจริงได้ แค่เจ้าตัวจะยอมรับรึป่าวก็แค่นั้น
อึ้งงงง ตั้งแต่บอกว่า "คนไทยยังเข้าใจผิดกันเยอะคิดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ส่งออกเป็นอันดับ 1" ทั้งๆ ที่ มันก็อันดับ 1 2566 จริงๆ เข้าใจผิดตรงไหนหว่า อะไรของเขา?(เอาตัวเลขไม่ครบปี ในปีที่มีปัญหาหดตัว เหมือนจงใจพยายามจะอคติให้ได้เลย)
-
ลุงก็ยังตอบแบบแถ เอาสีข้างเข้าถูเหมือนเดิม
1 ล้านล้านกว่า มันคือ เกิน 1 ล้านล้าน แต่ไม่เกิน 2 ล้านล้าน ลุงอ่านแล้วตีความไม่เป็นอีก
การที่ลุงมาโต้แย้งคนอื่น สิ่งที่ลุงพิมพ์มายืดยาวนั้น มันต้องมีแหล่งที่มา ไม่ใช่มโนเอาเอง หรือพูดลอยๆ อย่างนี้ไม่มีน้ำหนักไปหักล้างความเห็นคนอื่นได้เลย สิ่งที่ลุงพิมพ์มันก็แค่ขยะตัวอักษรที่ไม่มีค่าอะไร
อย่างที่ผมโพสต์ไว้ นอกจากความคิดเห็น (Opinion) มันก็มี Fact ที่มีแหล่งที่มา และสามารถเอาไปค้นหาได้
อย่างส่งออกปี 2567 ไม่รู้ว่าลุงดูกราฟเป็นหรือเปล่า ?
ยานยนต์และส่วนประกอบ อยู่อันดับ 3 ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงกรกฎาคม มันเป็น Fact ไม่ใช่เอาของปีก่อน แล้วจะสามารถเปลี่ยนแปลง Fact ได้
การปรับลดยอดผลิตปี 2567 เหลือ 1.7 ล้านคัน นี่เป็นสมาคมอุตฯ เป็นคนประกาศเอง ไม่ใช่ผมเดา ตรงนี้เชิร์สหาได้ไม่ยาก
ส่วนที่ลุงบอกยังไม่รวมโน้น รวมนี้ เพราะไม่ใช้คำตามที่ลุงคิด หรือมโน นั่นมันสับเซ็ตของอุตฯ ยานยนต์
สุดท้ายจริงๆ คงไม่เสียเวลากับลุงแล้ว ความเห็นผมมีแหล่งที่มา ไม่ใช่พูดลอยๆ หรือมโนเอาเอง ลุงลองดูแล้วย้อนกลับไปอ่านความเห็นก่อนหน้าเอาเองละกัน
-
ตอนนี้ผมว่ามันออกจากประเด็น BYD Sealion ไปเยอะมากๆ แล้วนะครับ
ผมว่าถ้าจะคุยเรื่อง รายได้ เศษฐกิจ ภาษี จีดีพี และ การลงทุนและอุตสาหกรรม ไทย ญี่ปุ่น จีน น่าจะยกไปอีกโพสต์ นะครับ
-
GDP ไทยประมาณ 18 ล้านล้าน
มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ประมาณ 1 ล้านล้านกว่าๆ
เทียบกับ GDP แล้วไม่ถึง 10%
แรงงานในภาคนี้น่าจะหลักแสนคน เทียบกับกำลังแรงงานไทย (อยู่ในวัยทำงาน) ประมาณ 38 ล้านคน
ถ้าต้องรณรงค์ให้คนไทยช่วยแบกรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น คิดว่าสมเหตุสมผลมั้ย เหมือนรัฐบาลต้องช่วยอุดหนุนเงินให้ชาวนาปีเป็นแสนล้านยังงั้นเหรอ ต่างกันแค่รัฐบาล เป็นเอกชน
ช่วยกันซื้อ CRV คันละ 1.7 ล้าน , Fortuner, Camry, Accord ตัวท็อปคันละเกือบ 2 ล้าน หรือ Civic ล้านต้นๆ เพื่อให้บริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นกำไรเยอะๆ จะได้ส่งเงินกลับประเทศได้มากๆ และให้แรงงานในอุตฯ ยานยนต์ได้โบนัส 10 เดือน ?
ถ้าต้องเป็นภาระขนาดนี้ เชิญบริษัทรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นขนของกลับประเทศไปเถอะ แต่ในความเป็นจริง บ.รถ สัญชาติญี่ปุ่น ไม่ได้พึ่งพาแต่ตลาดในประเทศไทยอย่างเดียว เขาผลิตและส่งออกมากกว่าขายในประเทศอีก แต่กำไรต่อคันอาจจะไม่เยอะเท่ากับขายในประเทศแค่นั้นเอง
รถสัญชาติญี่ปุ่นที่ขายในประเทศไทยขึ้นราคาแทบจะทุกปี อย่างผมมี Mu-x อยู่ 2 คัน
คันแรกซื้อ ธ.ค. 64 ราคา 1.59 ล้าน
ธ.ค. 65 ซื้อเพิ่มอีกคัน ราคาขยับขึ้นอีก 49,000 บาท เพิ่มแค่เปิดประตูท้ายรถแบบขยับเข้า ออก
ผ่านไปแค่ 1 ปี 7 เดือน รุ่นท็อปเปลี่ยนชื่อเป็น RS ขยับราคาขึ้นอีก 120,000 บาท ที่เห็นๆ เพิ่มกล้องมองรอบคัน
คือออกแรกๆ กั๊กออฟชั่น แล้วค่อยๆ มาเพิ่มทีละอย่าง พร้อมกับปรับขึ้นราคา ทำไปเรื่อยๆ ราคาก็ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ
อีก 2-3 ปี คิดว่าน่าจะใกล้แตะ 2 ล้านบาท :-X
ความเห็นนี้ ชัดเจนแจ่มแจ้งสุดแล้วครับ ญี่ปุ่นผมชอบนะ ครอบครัวผมไปกันปีเว้นปี move on ไม่ได้เลย แต่จะให้ไปช่วยแบกธุรกิจยานยนต์ญี่ปุ่นด้วยคงไม่เอาอ่ะ ไม่คิดจะปรับตัว รถยนต์นะ ไม่ใช่ภูเขาไฟฟูจิ ที่ใครๆก็สร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้
-
มันตลกตรงที่แต่ก่อน แซะว่านำเข้าจากจีนแล้วภาษี 0% เลยทำราคาได้ถูก
แต่ตัวนี้ เป็นราคาประกอบในประเทศ เหมือนหลายๆแบรนด์ญ๊่ปุ่นทำ
คิดภาษีแบบรถไฮบริดทั่วไป ไม่ได้ตีตั๋วรถไฟฟ้า
มันว้าว ตรงที่ทำราคาได้ต่ำกว่า เจ้าตลาดอย่าง Honda ได้ครึ่งล้าน ซึ่งแน่นอนว่า CRV ไม่กล้าเอาตัว PHEV เข้ามาด้วยซ้ำ เพราะกลัวทำราคาไม่ได้
ถ้าไม่ติดเรื่องแบรนด์ มันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามาก
-
ลุงก็ยังตอบแบบแถ เอาสีข้างเข้าถูเหมือนเดิม
1 ล้านล้านกว่า มันคือ เกิน 1 ล้านล้าน แต่ไม่เกิน 2 ล้านล้าน ลุงอ่านแล้วตีความไม่เป็นอีก
การที่ลุงมาโต้แย้งคนอื่น สิ่งที่ลุงพิมพ์มายืดยาวนั้น มันต้องมีแหล่งที่มา ไม่ใช่มโนเอาเอง หรือพูดลอยๆ อย่างนี้ไม่มีน้ำหนักไปหักล้างความเห็นคนอื่นได้เลย สิ่งที่ลุงพิมพ์มันก็แค่ขยะตัวอักษรที่ไม่มีค่าอะไร
อย่างที่ผมโพสต์ไว้ นอกจากความคิดเห็น (Opinion) มันก็มี Fact ที่มีแหล่งที่มา และสามารถเอาไปค้นหาได้
อย่างส่งออกปี 2567 ไม่รู้ว่าลุงดูกราฟเป็นหรือเปล่า ?
ยานยนต์และส่วนประกอบ อยู่อันดับ 3 ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงกรกฎาคม มันเป็น Fact ไม่ใช่เอาของปีก่อน แล้วจะสามารถเปลี่ยนแปลง Fact ได้
การปรับลดยอดผลิตปี 2567 เหลือ 1.7 ล้านคัน นี่เป็นสมาคมอุตฯ เป็นคนประกาศเอง ไม่ใช่ผมเดา ตรงนี้เชิร์สหาได้ไม่ยาก
ส่วนที่ลุงบอกยังไม่รวมโน้น รวมนี้ เพราะไม่ใช้คำตามที่ลุงคิด หรือมโน นั่นมันสับเซ็ตของอุตฯ ยานยนต์
สุดท้ายจริงๆ คงไม่เสียเวลากับลุงแล้ว ความเห็นผมมีแหล่งที่มา ไม่ใช่พูดลอยๆ หรือมโนเอาเอง ลุงลองดูแล้วย้อนกลับไปอ่านความเห็นก่อนหน้าเอาเองละกัน
ยังงงเหมือนเดิม แถยังไง งง ก็บอกว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่คุณเอามา มันแค่ผลิตไง ถ้าอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมด มันจะต้องรวมบริการด้วย เพราะมันมีส่วนบริการหลังการขาย และ after market อีก คุณก็ยังคงอ้างตัวเลขผลิตอีกเช่นเคยที่ไม่รวมบริการด้วย ผมเอาตัวเลข 1.89 ล้านๆ มาจากคลิปที่คุณแปะมานั่นยังไม่มีที่มาอีกเหรอ งง ทีเดียวเลย
ทีนี้ ประเด็นคือ(นี่ผมพูดซ้ำแล้วนะเนี่ย ทำไมยังแถเอาแค่ผลิตอย่างเดียวอีกนะ) "ในคลิปคนอ่านข่าวบอกไว้ว่า 1.89 ล้านๆ เป็นแค่ยอดส่งออก รวมกับยอดขายรถในประเทศเท่านั้น" มันยังไม่รวมด้านบริการ แล้วก็ after market พวกที่เป็นนำเข้า นี่สิแถถลอกจริง
ปล ผมอ้างตัวเลขในคลิปที่คุณแปะมาด้วยซ้ำ ยังมาบอกไม่มีที่มานี่งงมาก คงจะแถเรื่องที่มาอีกไหม ในเมื่อคลิปคุณแปะเองน่ะ?
ที่นี้ 1.89 ล้านๆ เนี่ย มันแค่ด้านผลิตรถและชิ้นส่วนส่งออก รวมกับขายในประเทศ(ดูคลิป) ยังไม่รวมด้านบริการอย่างศูนย์บริการ อู่นอก ซึ่งรวมไปมันเกิน 2 ล้านๆ แน่ๆ ไง ยิ่งพวกอุปกรณ์ตกแต่งนำเข้า ยางอีก รถมือ2 ใช่รถยนต์ไหม คุณรวมมันเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมดไหม
ปล2 อย่าเอาแค่ผลิตมาบอกเป็นทั้งหมดอีกนะ วนอยู่ตรงนี้ แถจนถลอกแล้วคุณ(เดาไม่ผิดหรอก เดี๋ยวมาเล่นลิ้นเรื่องเดิมอีก คอยดู ไหนที่มาตัวเลข(ก็คลิปคุณไง) แล้วก็โชว์ตัวเลขผลิต(จะโชว์กี่รอบกันนะ ก็บอกอยู่ว่าประเด็นมันอยู่ที่ อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมด ไม่เท่ากับ อุตสาหกรรมผลิตรถและชิ้นส่วน ต้องรวมด้านบริการด้วย))
แล้วใครลุงคุณน่ะ งง อย่าเอานิสัยคิดเองเออเองแบบ 1 ล้านๆ กว่า มาใช้สิ มันไม่ดี ผมไม่ได้รู้จักกับคุณเลย ชอบมโนหรือยังไง คุณคงอยากเด็ก ทั้งๆ ที่อายุมากสินะ ถึงได้พยายามเรียกใครว่าลุงน่ะ ระวังผิดเอานะ มันจะหน้าแตก คนแบบนี้ก็มีด้วย ไม่ได้รู้จักกับมันเล้ย
-
ลุงก็ยังตอบแบบแถ เอาสีข้างเข้าถูเหมือนเดิม
1 ล้านล้านกว่า มันคือ เกิน 1 ล้านล้าน แต่ไม่เกิน 2 ล้านล้าน ลุงอ่านแล้วตีความไม่เป็นอีก
การที่ลุงมาโต้แย้งคนอื่น สิ่งที่ลุงพิมพ์มายืดยาวนั้น มันต้องมีแหล่งที่มา ไม่ใช่มโนเอาเอง หรือพูดลอยๆ อย่างนี้ไม่มีน้ำหนักไปหักล้างความเห็นคนอื่นได้เลย สิ่งที่ลุงพิมพ์มันก็แค่ขยะตัวอักษรที่ไม่มีค่าอะไร
อย่างที่ผมโพสต์ไว้ นอกจากความคิดเห็น (Opinion) มันก็มี Fact ที่มีแหล่งที่มา และสามารถเอาไปค้นหาได้
อย่างส่งออกปี 2567 ไม่รู้ว่าลุงดูกราฟเป็นหรือเปล่า ?
ยานยนต์และส่วนประกอบ อยู่อันดับ 3 ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงกรกฎาคม มันเป็น Fact ไม่ใช่เอาของปีก่อน แล้วจะสามารถเปลี่ยนแปลง Fact ได้
การปรับลดยอดผลิตปี 2567 เหลือ 1.7 ล้านคัน นี่เป็นสมาคมอุตฯ เป็นคนประกาศเอง ไม่ใช่ผมเดา ตรงนี้เชิร์สหาได้ไม่ยาก
ส่วนที่ลุงบอกยังไม่รวมโน้น รวมนี้ เพราะไม่ใช้คำตามที่ลุงคิด หรือมโน นั่นมันสับเซ็ตของอุตฯ ยานยนต์
สุดท้ายจริงๆ คงไม่เสียเวลากับลุงแล้ว ความเห็นผมมีแหล่งที่มา ไม่ใช่พูดลอยๆ หรือมโนเอาเอง ลุงลองดูแล้วย้อนกลับไปอ่านความเห็นก่อนหน้าเอาเองละกัน
มันยากตรงไหนเนี่ย กะอีแค่ ยอดขายรถและชิ้นส่วนส่งออก รวมกับ ยอดขายรถและชิ้นส่วนในประเทศ มันไม่ใช่อุสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมด มันวัดแค่ผลิตอย่างเดียว(จริงๆ ในคลิปควรเขียนหัวข้อใหม่เป็นอุตสาหกรรมผลิตรถและชิ้นส่วนด้วยซ้ำ)
มันมีบริการหลังการขายอีก ชิ้นส่วนที่ไม่ใช่ oem นำเข้าก็มี ของพวกนี้ไม่ถูกนับรวมด้วยเพราะไม่ใช่ผลิต
เดี๋ยวคอยดู แม่งมาโชว์ด้านผลิตอย่างเดียวอีกชัว วนมันอยู่ตรงเนี้ย เพื่ออะไร
ตัวเลขไม่เต็มปี แปลว่าเดือนที่เหลือเดาเอาสินะ ตราบใดที่ยังไม่ครบ เขาวัดกันเต็มปีไม่ใช่เหรอ คุณเองไม่ใช่เหรอที่ไม่เอาคาดการณ์ งง อีก
ฟัง 2 รอบแล้ว ว่าจะไม่มาอีก ก็เห็นมานะ มาเองหรือป่าวคุณ จะมาโวยวายทำไม? งง อีก 2 ที
รอบ 3 นี่ หมาแดกแล้วนะ จะรอดู
-
ตอนแรก 1+1+1.5 = 3.5 ล้านล้าน
ต่อมาบอกเกิน 2 ล้านล้านแน่ๆ
ลุงไม่มีที่มาของตัวเลขไง เลยไม่หลักยึด ถึงได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เอาล่าสุดที่ลุงบอก 1.89 + โน่นนี่นั่น ว่าเกิน 2 ล้านล้านบาท
"โน่นนี่นั่น" ลุงเอาตัวเลขนี้มาจากไหน ? แหล่งอ้างอิงไหน ?
ถ้าลุงคิดว่าลุงถูก ลุงต้องหาข้อมูลที่มีแหล่งที่มา หรืออ้างอิงมาหักล้าง หรือโต้แย้ง
แต่สิ่งที่ลุงพิมพ์มาทั้งหมดนั้น มันเป็นการมโนคิดเอาเองไง มันถึงไม่มีน้ำหนัก หรือความน่าเชื่อถือ เพราะยังงี้ไงถึงเถียงกันไม่จบ
ถ้าลุงบอกที่มาได้มันก็จบแล้ว
ลุงเอารถเก่า กับนำเข้า มาเพื่อ ?
ลุงยิ่งพิมพ์ยิ่งเลอะเทอะ ลุงรู้ความหมายของ GDP หรือไม่ ?
GDP (Gross Domestic Product) หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ที่วัดจากมูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศในช่วงเวลาหนึ่งๆ คำว่า มูลค่าขั้นสุดท้าย หมายถึง การไม่นับรวมวัตถุดิบและปัจจัยอื่นๆ ที่ใช้ในการผลิตสินค้านั้นๆ เพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ โดยทั่วไปแล้ว GDP จะวัดเป็นรายไตรมาสหรือรายปี
รถเก่ามันผลิตผ่านมาหลายปี หรือเป็นสิบปี นับเป็น GDP ของปีนั้นๆ ไปแล้ว
สรุปลุงไม่มีความเข้าใจอะไรสักอย่าง มีแต่แรงแถอย่างเดียว
-
ตอนแรก 1+1+1.5 = 3.5 ล้านล้าน
ต่อมาบอกเกิน 2 ล้านล้านแน่ๆ
ลุงไม่มีที่มาของตัวเลขไง เลยไม่หลักยึด ถึงได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เอาล่าสุดที่ลุงบอก 1.89 + โน่นนี่นั่น ว่าเกิน 2 ล้านล้านบาท
"โน่นนี่นั่น" ลุงเอาตัวเลขนี้มาจากไหน ? แหล่งอ้างอิงไหน ?
ถ้าลุงคิดว่าลุงถูก ลุงต้องหาข้อมูลที่มีแหล่งที่มา หรืออ้างอิงมาหักล้าง หรือโต้แย้ง
แต่สิ่งที่ลุงพิมพ์มาทั้งหมดนั้น มันเป็นการมโนคิดเอาเองไง มันถึงไม่มีน้ำหนัก หรือความน่าเชื่อถือ เพราะยังงี้ไงถึงเถียงกันไม่จบ
ถ้าลุงบอกที่มาได้มันก็จบแล้ว
ลุงเอารถเก่า กับนำเข้า มาเพื่อ ?
ลุงยิ่งพิมพ์ยิ่งเลอะเทอะ ลุงรู้ความหมายของ GDP หรือไม่ ?
GDP (Gross Domestic Product) หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ที่วัดจากมูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศในช่วงเวลาหนึ่งๆ คำว่า มูลค่าขั้นสุดท้าย หมายถึง การไม่นับรวมวัตถุดิบและปัจจัยอื่นๆ ที่ใช้ในการผลิตสินค้านั้นๆ เพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ โดยทั่วไปแล้ว GDP จะวัดเป็นรายไตรมาสหรือรายปี
รถเก่ามันผลิตผ่านมาหลายปี หรือเป็นสิบปี นับเป็น GDP ของปีนั้นๆ ไปแล้ว
สรุปลุงไม่มีความเข้าใจอะไรสักอย่าง มีแต่แรงแถอย่างเดียว
รอบ 3 แล้วนะ หมาแดกแล้วนะ 555+ สงสัยจะเป็นคนที่พูดอย่างทำอย่างนะ ไม่ไหว
ตอบทีละอย่างนะ 1.89 พูดกี่รอบแล้ว ว่าเอามาจากคลิปที่คุณแปะเองไง จะให้ตอบกี่รอบเนี่ย อ่านหรือป่าวเหอะ?
แล้วก็ gdp มันวัดทางด้านผลิตอย่างเดียว เพราะเป็นส่งออก ถ้าจะพูดถึง อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมด มันมีบริการด้วย ซึ่งจะไปรวมอยู่ในบริโภค ของ gdp คุณน่ะไม่รู้เรื่องของ gdp เลย ที่จะเอามาคิดมูลค่าอุตสาหกรรมเพราะ gdp มันคิดแค่ c+i+g+x-m คิดแค่ผลิตอย่างเดียวมันไม่ครบนะหนู
เรื่องที่ที่นับแต่ final goods เหตุผลก็เพราะมันนับผลิตอย่างเดียว ด้านบริการไปลง c หมด เข้าใจไหม แถถลอกหมดแล้ว อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมด มันยังมีพวกซื้อมาขายไปอีก(อย่างรถมือ2) พวกนี้ก็รวมอยู่ใน c
มีเรื่องเล่านะ บ้านผมเป็นอู่ซ่อมรถ ผมไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์เหรอ? ผมเปิดเต้นรถมือ2 กิจการผมไม่มีมูลค่างั้นเหรอ ไม่อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์เหรอ? นี่รถทั้งนั้นเลยนะนั่น ถ้าด้านผลิตไม่นับซ้ำไม่แปลก แต่ด้านบริการมันอยู่ใน c เข้าใจไหม เห้ออออ บริการหลังการขายของศูนย์บริการรถ พวกนี้อยู่ในอุตสาหกรรมปาหี่เหรอ? ไม่นับเนี่ย
บ้านผมเปิดร้านขายยาง ผมไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์เหรอทวด? ยางก็เป็นชิ้นส่วนนะทวด แถมมียาง made in japan ด้วย อยู่ในตัว m
ทวดคิดดีๆ นะ ชิ้นส่วนที่นำเข้าไม่อยู่ในด้านผลิตของทวด ที่ทวดนับนะ ไหนจะยังพวกอู่นอกอีก พวกนี้บัญชี 2 เล่มนะทวด นับยังไงเอ่ยทวด
เราจะวัดมูลค่าอุตสาหกรรม ไม่ได้วัด gdp นะทวด มูลค่าตลาดรถมือ2 มีมูลค่าเยอะนะ เอาไปลงไหนทวด ส่วนที่นับซ้ำก็ตัดออกไป
จะวัดแบบ gdp อีกไหมทวด เซงแล้วนา
-
ตอนแรก 1+1+1.5 = 3.5 ล้านล้าน
ต่อมาบอกเกิน 2 ล้านล้านแน่ๆ
ลุงไม่มีที่มาของตัวเลขไง เลยไม่หลักยึด ถึงได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เอาล่าสุดที่ลุงบอก 1.89 + โน่นนี่นั่น ว่าเกิน 2 ล้านล้านบาท
"โน่นนี่นั่น" ลุงเอาตัวเลขนี้มาจากไหน ? แหล่งอ้างอิงไหน ?
ถ้าลุงคิดว่าลุงถูก ลุงต้องหาข้อมูลที่มีแหล่งที่มา หรืออ้างอิงมาหักล้าง หรือโต้แย้ง
แต่สิ่งที่ลุงพิมพ์มาทั้งหมดนั้น มันเป็นการมโนคิดเอาเองไง มันถึงไม่มีน้ำหนัก หรือความน่าเชื่อถือ เพราะยังงี้ไงถึงเถียงกันไม่จบ
ถ้าลุงบอกที่มาได้มันก็จบแล้ว
ลุงเอารถเก่า กับนำเข้า มาเพื่อ ?
ลุงยิ่งพิมพ์ยิ่งเลอะเทอะ ลุงรู้ความหมายของ GDP หรือไม่ ?
GDP (Gross Domestic Product) หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ที่วัดจากมูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศในช่วงเวลาหนึ่งๆ คำว่า มูลค่าขั้นสุดท้าย หมายถึง การไม่นับรวมวัตถุดิบและปัจจัยอื่นๆ ที่ใช้ในการผลิตสินค้านั้นๆ เพื่อไม่ให้เกิดการนับซ้ำ โดยทั่วไปแล้ว GDP จะวัดเป็นรายไตรมาสหรือรายปี
รถเก่ามันผลิตผ่านมาหลายปี หรือเป็นสิบปี นับเป็น GDP ของปีนั้นๆ ไปแล้ว
สรุปลุงไม่มีความเข้าใจอะไรสักอย่าง มีแต่แรงแถอย่างเดียว
ไปตั้งเงื่อนไขกับตัวเองว่า ไม่มาเสียเวลาบ้างละ แต่นี่ก็โกหก มารอบที่ 3 แล้วนะ เอ้ะ ยังไง เป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือเลยนะ แหม
ไม่มีใครไปทำอะไรให้ ก็ดันทำร้ายตัวเองได้เนอะ ด้วยคำพูดโง่ๆ
มีอะไรที่เชื่อถือได้บ้างเนี่ยสำหรับคุณน่ะ ผมถามจริง ตอบอะไรไป ถามเหมือนไม่ได้อ่านที่ตอบไปเลย
ผมติดใจเรื่องนี้นะ ช่วยตอบที อยากจะรู้ว่าจะแถยังไง
แล้วผมไม่ใช่ลุงคุณนะ ไม่ได้รู้จักกัน ไม่รู้อายุ ถ้าคนเราจะเรียกคนอื่นว่ายังไงก็ได้ งั้นผมจะเรียกคุณว่า ทวด นะ(ผมคิดว่าคุณคงมีปัญหาด้านอายุถึงทำแบบนี้)
-
ลุงยังแถ เอาสีข้างเข้าถูเหมือนเดิม ตอบแบบคนไม่มีความรู้ คงไปเสิร์ชใน Google แล้วอ่านแค่นั้น ก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้รู้แล้ว เลยรีบมาโชว์ความฉลาด (น้อย) ต่อ
การคำนวณ GDP มี 3 วิธี
1.ด้านรายได้ เป็นการคำนวณ GDP โดยการรวมรายได้ประเภทต่าง ๆ ที่บุคคลได้รับในฐานะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตในรอบระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
2.ด้านรายจ่าย เป็นการคำนวณ GDP โดยการนำรายจ่ายของครัวเรือนในการซื้อสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายรวมกันในระยะเวลา 1 ปี
3.ด้านผลผลิต เป็นการคำนวณ GDP โดยการรวมมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจจะเป็นตัววัดมูลค่าของสินค้าและบริการ
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ผลลัพธ์ หรือตัวเลขเท่ากันเสมอ
เอาสมการมาลง แต่ไม่ได้มีความเข้าใจเลยแม้แต่น้อย
อธิบายแบบสั้นๆ (ยาวคิดว่าอ่านไปก็ไม่น่าจะเข้าใจ เสียเวลาพิมพ์)
GDP ที่ทั่วโลกวัดกันนั้น วัดกันเป็นรายปี หรือ 1 ปี (จริงๆ วัดกันเป็นรายไตรมาสด้วย ครบ 4 ไตรมาสแล้วมารวมเป็น 1 ปี)
รถผลิตปี 2561 ก็นับเป็นของปี 2561 ไปแล้ว พอมาปี 2566 คนเอารถเก่าปี 2561 มาขาย แล้วเต็นต์รถเอามาขายเป็นมือ 2 เขาไม่เอาไปนับรวมเข้าไปใน GDP ของปี 2566 อีกเพราะจะเป็นการนับซ้ำ
อะไหล่ A ผลิตปี 2566 นับรวมอยู่ใน GDP แล้ว ต่อมาร้านซ้อมรถ ซื้ออะไหล่ A มา เพื่อมาซ้อมรถให้ลูกค้า เขาก็ไม่นับอะไหล่จากร้านซ้อมรถ เพราะจะเป็นการนับซ้ำ ตรงร้านซ้อมคิดเป็นค่าบริการ
M ตัวแปรในสมการ เป็นตัวลบมูลค่าของ GDP ไม่ใช่เพิ่ม เพราะ GDP นับเฉพาะสินค้าและบริการที่ผลิตในประเทศ ดังนั้นในสมการจึง -M (ลบเอ็ม) เช่น รถยนต์ 1 คันมูลค่า 1 ล้านบาท นำเข้าเครื่องยนต์จากประเทศญี่ปุ่น 3 แสนบาท นอกนั้นผลิตในประเทศเองทั้งหมด เท่ากับมูลค่าของรถยนต์คันนี้จะมีมูลค่า 7 แสนบาทนับเข้าไปใน GDP ไทย
เราจะวัดมูลค่าอุตสาหกรรม ไม่ได้วัด gdp
ลุงไม่มีความรู้ไง เลยมั่วไป มั่วมา อย่างนี้
ความเห็นเริ่มแรกผม (ไปอ่านดูใหม่นะลุง) บอกว่า อุตฯ ยานยนต์ คิดเป็นประมาณ 10% ของ GDP คือเป็นการวัดมูลค่าใน 1 ปีที่อยู่ใน GDP
แล้วตอนนี้ลุงมาบอกว่าคุยคนละเรื่องกับผม...
ประเด็นต่อมา
1.89 + โน่นนี่นั่น ว่าเกิน 2 ล้านล้านบาท
"โน่นนี่นั่น" ลุงเอาตัวเลขนี้มาจากไหน ? แหล่งอ้างอิงไหน ?
ลุงอ่านรู้เรื่องบ้างหรือเปล่าเนี่ย ?
1.89 ผมก็รู้อยู่แล้วไงว่ามาจากคลิปข่าว TNN
ที่ต้องการคือที่ลุง บวก โน่น นี่ นั่น เข้าไป แล้วบอกว่าเกิน 2 ล้านล้าน นี้มาจากไหน ? มีข้อมูล และตัวเลข อ้างอิงจากที่ไหน ?
มาแย้ง หรือหักล้างข้อมูลคนอื่น อย่างแรกเลยลุงต้องมีข้อมูลที่มีแหล่งที่มา ถ้าลุงแค่พิมพ์ตัวเลข และแหล่งที่มามันก็จบแล้ว
สรุป ไม่มี แล้วก็แถไปเรื่อยๆ ว่าคิดจากกิจการนี้ กิจการนั้น แบบมั่วไปหมด
สุดท้าย
ใช่ ผมไม่ได้มีความน่าเชื่อถือ และลุงเองก็ไม่มีความน่าเชื่อถือเช่นกัน เพราะผม กับลุงเป็นใครก็ไม่รู้ในโลกออนไลน์
แต่สิ่งที่ผมแตกต่างจากลุง คือ ความเห็นผมมีหลักการ (ตามหลักวิชาการ) และมีแหล่งที่มาของตัวเลข ไม่ใช่พูดลอยๆ สามารถสืบค้นได้ ส่วนลุงมีแต่หลักกูอย่างเดียวไม่มีวัวผสม และมโนตัวเลขเอาเอง
ที่ยังมาตอบอยู่ เพราะลุงเป็นคนเริ่มก่อนมิใช่เหรอ มาพิมพ์แสดงความฉลาด (น้อย) ว่าตรงนี้ผิด ตรงนั้นผิด โดยที่ไม่มีความรู้อะไรเลย แล้วก็มั่วมาตลอด การแย้งว่าข้อมูลของใครผิด ข้อมูลของลุงต้องมีแหล่งที่มา หรืออ้างอิง น่าเชื่อถือ ไม่ใช่มโนเอาเอง ซึ่งลุงก็แค่คนที่ไม่มีตัวตน ไม่ได้มีเครดิต ที่จะสามารถพูดลอยๆ แล้วทำให้คนอื่นยอมรับ
สรุปสั้นๆ อ่านแล้วพยายามทำความเข้าใจด้วย
ต้นเรื่องมาจาก ผมโพสต์ว่าอุตฯ ยานยนต์ มีมูลค่า 1 ล้านล้านกว่า คิดเป็นประมาณ 10% ของ GDP ซึ่งมีแหล่งที่มา ไม่ใช่มั่วเอาเอง ต่อมาลุงเข้ามาแย้ง
1+1-1.5 = 3.5
ผมถามถึงตัวเลขมีแหล่งอ้างอิงจากไหน ลุงตอบไม่ได้
ต่อมาเปลี่ยนเป็น 1.89 (จากคลิปข่าว TNN) + โน่น นี่ นั่น เป็นกิจการโน้น กิจการนี้นับรวมเข้าไปเกินแน่ แต่เหมือนเดิมมโนเอาเอง พอถามแหล่งที่มา ก็แถไปเรื่องอื่น
ถัดมาก็บอกวัดมูลค่าอุตฯ ยานยนต์ ไม่ใช่ GDP
สั้นๆ เลยนะ ผมต้องการ Fact ลุงแค่หาข้อมูลตัวเลขที่มีแหล่งที่มาหักล้างแต่แรกมันจบไปนานแล้ว ถ้าข้อมูลนั้นเป็น Fact ที่ถูกต้อง ผมก็แค่ยอมรับ แล้วก็เลิกเข้ามาโพสต์ แต่นี้เอาแต่พล่ามไร้สาระ มั่วไปเรื่อย พูดลอยๆ อย่างนี้สุนัขที่ไหนก็พูดได้
-
ลุงยังแถ เอาสีข้างเข้าถูเหมือนเดิม ตอบแบบคนไม่มีความรู้ คงไปเสิร์ชใน Google แล้วอ่านแค่นั้น ก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้รู้แล้ว เลยรีบมาโชว์ความฉลาด (น้อย) ต่อ
การคำนวณ GDP มี 3 วิธี
1.ด้านรายได้ เป็นการคำนวณ GDP โดยการรวมรายได้ประเภทต่าง ๆ ที่บุคคลได้รับในฐานะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตในรอบระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
2.ด้านรายจ่าย เป็นการคำนวณ GDP โดยการนำรายจ่ายของครัวเรือนในการซื้อสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายรวมกันในระยะเวลา 1 ปี
3.ด้านผลผลิต เป็นการคำนวณ GDP โดยการรวมมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจจะเป็นตัววัดมูลค่าของสินค้าและบริการ
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ผลลัพธ์ หรือตัวเลขเท่ากันเสมอ
เอาสมการมาลง แต่ไม่ได้มีความเข้าใจเลยแม้แต่น้อย
อธิบายแบบสั้นๆ (ยาวคิดว่าอ่านไปก็ไม่น่าจะเข้าใจ เสียเวลาพิมพ์)
GDP ที่ทั่วโลกวัดกันนั้น วัดกันเป็นรายปี หรือ 1 ปี (จริงๆ วัดกันเป็นรายไตรมาสด้วย ครบ 4 ไตรมาสแล้วมารวมเป็น 1 ปี)
รถผลิตปี 2561 ก็นับเป็นของปี 2561 ไปแล้ว พอมาปี 2566 คนเอารถเก่าปี 2561 มาขาย แล้วเต็นต์รถเอามาขายเป็นมือ 2 เขาไม่เอาไปนับรวมเข้าไปใน GDP ของปี 2566 อีกเพราะจะเป็นการนับซ้ำ
อะไหล่ A ผลิตปี 2566 นับรวมอยู่ใน GDP แล้ว ต่อมาร้านซ้อมรถ ซื้ออะไหล่ A มา เพื่อมาซ้อมรถให้ลูกค้า เขาก็ไม่นับอะไหล่จากร้านซ้อมรถ เพราะจะเป็นการนับซ้ำ ตรงร้านซ้อมคิดเป็นค่าบริการ
M ตัวแปรในสมการ เป็นตัวลบมูลค่าของ GDP ไม่ใช่เพิ่ม เพราะ GDP นับเฉพาะสินค้าและบริการที่ผลิตในประเทศ ดังนั้นในสมการจึง -M (ลบเอ็ม) เช่น รถยนต์ 1 คันมูลค่า 1 ล้านบาท นำเข้าเครื่องยนต์จากประเทศญี่ปุ่น 3 แสนบาท นอกนั้นผลิตในประเทศเองทั้งหมด เท่ากับมูลค่าของรถยนต์คันนี้จะมีมูลค่า 7 แสนบาทนับเข้าไปใน GDP ไทย
เราจะวัดมูลค่าอุตสาหกรรม ไม่ได้วัด gdp
ลุงไม่มีความรู้ไง เลยมั่วไป มั่วมา อย่างนี้
ความเห็นเริ่มแรกผม (ไปอ่านดูใหม่นะลุง) บอกว่า อุตฯ ยานยนต์ คิดเป็นประมาณ 10% ของ GDP คือเป็นการวัดมูลค่าใน 1 ปีที่อยู่ใน GDP
แล้วตอนนี้ลุงมาบอกว่าคุยคนละเรื่องกับผม...
ประเด็นต่อมา
1.89 + โน่นนี่นั่น ว่าเกิน 2 ล้านล้านบาท
"โน่นนี่นั่น" ลุงเอาตัวเลขนี้มาจากไหน ? แหล่งอ้างอิงไหน ?
ลุงอ่านรู้เรื่องบ้างหรือเปล่าเนี่ย ?
1.89 ผมก็รู้อยู่แล้วไงว่ามาจากคลิปข่าว TNN
ที่ต้องการคือที่ลุง บวก โน่น นี่ นั่น เข้าไป แล้วบอกว่าเกิน 2 ล้านล้าน นี้มาจากไหน ? มีข้อมูล และตัวเลข อ้างอิงจากที่ไหน ?
มาแย้ง หรือหักล้างข้อมูลคนอื่น อย่างแรกเลยลุงต้องมีข้อมูลที่มีแหล่งที่มา ถ้าลุงแค่พิมพ์ตัวเลข และแหล่งที่มามันก็จบแล้ว
สรุป ไม่มี แล้วก็แถไปเรื่อยๆ ว่าคิดจากกิจการนี้ กิจการนั้น แบบมั่วไปหมด
สุดท้าย
ใช่ ผมไม่ได้มีความน่าเชื่อถือ และลุงเองก็ไม่มีความน่าเชื่อถือเช่นกัน เพราะผม กับลุงเป็นใครก็ไม่รู้ในโลกออนไลน์
แต่สิ่งที่ผมแตกต่างจากลุง คือ ความเห็นผมมีหลักการ (ตามหลักวิชาการ) และมีแหล่งที่มาของตัวเลข ไม่ใช่พูดลอยๆ สามารถสืบค้นได้ ส่วนลุงมีแต่หลักกูอย่างเดียวไม่มีวัวผสม และมโนตัวเลขเอาเอง
ที่ยังมาตอบอยู่ เพราะลุงเป็นคนเริ่มก่อนมิใช่เหรอ มาพิมพ์แสดงความฉลาด (น้อย) ว่าตรงนี้ผิด ตรงนั้นผิด โดยที่ไม่มีความรู้อะไรเลย แล้วก็มั่วมาตลอด การแย้งว่าข้อมูลของใครผิด ข้อมูลของลุงต้องมีแหล่งที่มา หรืออ้างอิง น่าเชื่อถือ ไม่ใช่มโนเอาเอง ซึ่งลุงก็แค่คนที่ไม่มีตัวตน ไม่ได้มีเครดิต ที่จะสามารถพูดลอยๆ แล้วทำให้คนอื่นยอมรับ
สรุปสั้นๆ อ่านแล้วพยายามทำความเข้าใจด้วย
ต้นเรื่องมาจาก ผมโพสต์ว่าอุตฯ ยานยนต์ มีมูลค่า 1 ล้านล้านกว่า คิดเป็นประมาณ 10% ของ GDP ซึ่งมีแหล่งที่มา ไม่ใช่มั่วเอาเอง ต่อมาลุงเข้ามาแย้ง
1+1-1.5 = 3.5
ผมถามถึงตัวเลขมีแหล่งอ้างอิงจากไหน ลุงตอบไม่ได้
ต่อมาเปลี่ยนเป็น 1.89 (จากคลิปข่าว TNN) + โน่น นี่ นั่น เป็นกิจการโน้น กิจการนี้นับรวมเข้าไปเกินแน่ แต่เหมือนเดิมมโนเอาเอง พอถามแหล่งที่มา ก็แถไปเรื่องอื่น
ถัดมาก็บอกวัดมูลค่าอุตฯ ยานยนต์ ไม่ใช่ GDP
สั้นๆ เลยนะ ผมต้องการ Fact ลุงแค่หาข้อมูลตัวเลขที่มีแหล่งที่มาหักล้างแต่แรกมันจบไปนานแล้ว ถ้าข้อมูลนั้นเป็น Fact ที่ถูกต้อง ผมก็แค่ยอมรับ แล้วก็เลิกเข้ามาโพสต์ แต่นี้เอาแต่พล่ามไร้สาระ มั่วไปเรื่อย พูดลอยๆ อย่างนี้สุนัขที่ไหนก็พูดได้
ง่ายๆ เลยนะปู่ ปู่อธิบาย gdp ทำไม? เพื่ออะไร? คนเรามันพูดไม่รู้เรื่องก็แบบนี้แหละ
อย่างแรกเลย ที่จะโต้แย้ง gdp มันง่ายมาก ก็คือ คุณเอาที่อยู่ใน gdp = c+i+g+x-m มาพูดว่ามันคือ อุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งมันไม่ใช่ ถ้าผมบริโภคยาง made in japan ผมทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมดใหญ่ขึ้นใช่ไหม แต่ใน gdp ที่คุณนับมันเป็นตัวหักในตัว m เห็นไหมว่ามันต่างกัน?
ทั้งๆ ที่ผมก็พูดอยู่นะว่าที่นับซ้ำก็ตัดออก ก็ยังจะพูดเรื่อง final goods เหมือนเดิมนะปู่ มันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ เห้อออ ผมรู้ว่าชิ้นส่วนที่ผลิตมันซ้ำ แต่ผมกำลังพูดภึงบริการหลังการขายที่อยู่ในตัว c คุณไม่รวมด้วยเลย มันจะถูกได้ยังไงปู่ คุณเข้าใจคำว่าบริการไหมปู่ ไปพูดถึงชิ้นส่วนที่นับซ้ำทำไมปู่ บริการคือการที่ชิ้นส่วนไม่สามารถเข้าไปติดในรถให้คุณได้เอง ต้องมีแรงงานไปทำให้ มันมีมูลค่านะปู่ คราวหลังอ่านให้มันเข้าใจก่อนตอบสิปู่
ก่อนจะเอาตัวเลขนะปู่ ทำความเข้าใจให้ได้ก่อนว่าไอ้ 1.89 ที่ปู่แปะมาน่ะ มันยังไม่รวมพวกที่ผมถามข้างล่างใช่หรือไม่ ให้ได้ก่อนนะปู่? เอาตัวเลขไปเดี๋ยวก็แถนอกเรื่อง พูดไม่รู้เรื่องยาวอีก รำคาญ เดี๋ยวก็ถามหาที่มาอีก จะได้หยุดเรื่องที่มาไว้ก่อน แต่ปู่มันจะพูดอีกเชื่อไหม
สุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่ได้อะไรจากคำตอบปู่เลย แถวนไปวนมาเหมือนเดิม
ชิ้นส่วนนำเข้าที่อยู่ในตัว m ก็ไม่ได้ตอบ
บริการหลังการขาย ที่ตอบปู่ก็แถไปว่าชิ้นส่วนนับซ้ำอีก เห้ออออ บริการครับปู่ หักชิ้นส่วนออกสิเพราะมันคือผลิต
ส่วนเรื่องตัวเลข 1.89 ถามหาที่มา กว่าจะเข้าใจว่าเอามาจากคลิปปู่เอง ล่อตอบไป 3 รอบ ปู่ขี้ลืมเหรอไง
-
ลุงยังแถ เอาสีข้างเข้าถูเหมือนเดิม ตอบแบบคนไม่มีความรู้ คงไปเสิร์ชใน Google แล้วอ่านแค่นั้น ก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้รู้แล้ว เลยรีบมาโชว์ความฉลาด (น้อย) ต่อ
การคำนวณ GDP มี 3 วิธี
1.ด้านรายได้ เป็นการคำนวณ GDP โดยการรวมรายได้ประเภทต่าง ๆ ที่บุคคลได้รับในฐานะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตในรอบระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
2.ด้านรายจ่าย เป็นการคำนวณ GDP โดยการนำรายจ่ายของครัวเรือนในการซื้อสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายรวมกันในระยะเวลา 1 ปี
3.ด้านผลผลิต เป็นการคำนวณ GDP โดยการรวมมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจจะเป็นตัววัดมูลค่าของสินค้าและบริการ
ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ผลลัพธ์ หรือตัวเลขเท่ากันเสมอ
เอาสมการมาลง แต่ไม่ได้มีความเข้าใจเลยแม้แต่น้อย
อธิบายแบบสั้นๆ (ยาวคิดว่าอ่านไปก็ไม่น่าจะเข้าใจ เสียเวลาพิมพ์)
GDP ที่ทั่วโลกวัดกันนั้น วัดกันเป็นรายปี หรือ 1 ปี (จริงๆ วัดกันเป็นรายไตรมาสด้วย ครบ 4 ไตรมาสแล้วมารวมเป็น 1 ปี)
รถผลิตปี 2561 ก็นับเป็นของปี 2561 ไปแล้ว พอมาปี 2566 คนเอารถเก่าปี 2561 มาขาย แล้วเต็นต์รถเอามาขายเป็นมือ 2 เขาไม่เอาไปนับรวมเข้าไปใน GDP ของปี 2566 อีกเพราะจะเป็นการนับซ้ำ
อะไหล่ A ผลิตปี 2566 นับรวมอยู่ใน GDP แล้ว ต่อมาร้านซ้อมรถ ซื้ออะไหล่ A มา เพื่อมาซ้อมรถให้ลูกค้า เขาก็ไม่นับอะไหล่จากร้านซ้อมรถ เพราะจะเป็นการนับซ้ำ ตรงร้านซ้อมคิดเป็นค่าบริการ
M ตัวแปรในสมการ เป็นตัวลบมูลค่าของ GDP ไม่ใช่เพิ่ม เพราะ GDP นับเฉพาะสินค้าและบริการที่ผลิตในประเทศ ดังนั้นในสมการจึง -M (ลบเอ็ม) เช่น รถยนต์ 1 คันมูลค่า 1 ล้านบาท นำเข้าเครื่องยนต์จากประเทศญี่ปุ่น 3 แสนบาท นอกนั้นผลิตในประเทศเองทั้งหมด เท่ากับมูลค่าของรถยนต์คันนี้จะมีมูลค่า 7 แสนบาทนับเข้าไปใน GDP ไทย
เราจะวัดมูลค่าอุตสาหกรรม ไม่ได้วัด gdp
ลุงไม่มีความรู้ไง เลยมั่วไป มั่วมา อย่างนี้
ความเห็นเริ่มแรกผม (ไปอ่านดูใหม่นะลุง) บอกว่า อุตฯ ยานยนต์ คิดเป็นประมาณ 10% ของ GDP คือเป็นการวัดมูลค่าใน 1 ปีที่อยู่ใน GDP
แล้วตอนนี้ลุงมาบอกว่าคุยคนละเรื่องกับผม...
ประเด็นต่อมา
1.89 + โน่นนี่นั่น ว่าเกิน 2 ล้านล้านบาท
"โน่นนี่นั่น" ลุงเอาตัวเลขนี้มาจากไหน ? แหล่งอ้างอิงไหน ?
ลุงอ่านรู้เรื่องบ้างหรือเปล่าเนี่ย ?
1.89 ผมก็รู้อยู่แล้วไงว่ามาจากคลิปข่าว TNN
ที่ต้องการคือที่ลุง บวก โน่น นี่ นั่น เข้าไป แล้วบอกว่าเกิน 2 ล้านล้าน นี้มาจากไหน ? มีข้อมูล และตัวเลข อ้างอิงจากที่ไหน ?
มาแย้ง หรือหักล้างข้อมูลคนอื่น อย่างแรกเลยลุงต้องมีข้อมูลที่มีแหล่งที่มา ถ้าลุงแค่พิมพ์ตัวเลข และแหล่งที่มามันก็จบแล้ว
สรุป ไม่มี แล้วก็แถไปเรื่อยๆ ว่าคิดจากกิจการนี้ กิจการนั้น แบบมั่วไปหมด
สุดท้าย
ใช่ ผมไม่ได้มีความน่าเชื่อถือ และลุงเองก็ไม่มีความน่าเชื่อถือเช่นกัน เพราะผม กับลุงเป็นใครก็ไม่รู้ในโลกออนไลน์
แต่สิ่งที่ผมแตกต่างจากลุง คือ ความเห็นผมมีหลักการ (ตามหลักวิชาการ) และมีแหล่งที่มาของตัวเลข ไม่ใช่พูดลอยๆ สามารถสืบค้นได้ ส่วนลุงมีแต่หลักกูอย่างเดียวไม่มีวัวผสม และมโนตัวเลขเอาเอง
ที่ยังมาตอบอยู่ เพราะลุงเป็นคนเริ่มก่อนมิใช่เหรอ มาพิมพ์แสดงความฉลาด (น้อย) ว่าตรงนี้ผิด ตรงนั้นผิด โดยที่ไม่มีความรู้อะไรเลย แล้วก็มั่วมาตลอด การแย้งว่าข้อมูลของใครผิด ข้อมูลของลุงต้องมีแหล่งที่มา หรืออ้างอิง น่าเชื่อถือ ไม่ใช่มโนเอาเอง ซึ่งลุงก็แค่คนที่ไม่มีตัวตน ไม่ได้มีเครดิต ที่จะสามารถพูดลอยๆ แล้วทำให้คนอื่นยอมรับ
สรุปสั้นๆ อ่านแล้วพยายามทำความเข้าใจด้วย
ต้นเรื่องมาจาก ผมโพสต์ว่าอุตฯ ยานยนต์ มีมูลค่า 1 ล้านล้านกว่า คิดเป็นประมาณ 10% ของ GDP ซึ่งมีแหล่งที่มา ไม่ใช่มั่วเอาเอง ต่อมาลุงเข้ามาแย้ง
1+1-1.5 = 3.5
ผมถามถึงตัวเลขมีแหล่งอ้างอิงจากไหน ลุงตอบไม่ได้
ต่อมาเปลี่ยนเป็น 1.89 (จากคลิปข่าว TNN) + โน่น นี่ นั่น เป็นกิจการโน้น กิจการนี้นับรวมเข้าไปเกินแน่ แต่เหมือนเดิมมโนเอาเอง พอถามแหล่งที่มา ก็แถไปเรื่องอื่น
ถัดมาก็บอกวัดมูลค่าอุตฯ ยานยนต์ ไม่ใช่ GDP
สั้นๆ เลยนะ ผมต้องการ Fact ลุงแค่หาข้อมูลตัวเลขที่มีแหล่งที่มาหักล้างแต่แรกมันจบไปนานแล้ว ถ้าข้อมูลนั้นเป็น Fact ที่ถูกต้อง ผมก็แค่ยอมรับ แล้วก็เลิกเข้ามาโพสต์ แต่นี้เอาแต่พล่ามไร้สาระ มั่วไปเรื่อย พูดลอยๆ อย่างนี้สุนัขที่ไหนก็พูดได้
สรุปปู่ ถึงจะพูดโน้นนั้นเพื่อให้ตัวเองดูดี แต่ก็มาสินะ
งั้นจะวางเงื่อนไขตัวเองทำไมน้า แต่พอกลับกลอกปุ้บ ก็กลายเป็นดูแย่ติดลบนะปู่ คราวหลังอย่าทำนะปู่ ผมยังไม่ทำเลย
-
ง่ายๆ เลยนะปู่ ปู่อธิบาย gdp ทำไม? เพื่ออะไร? คนเรามันพูดไม่รู้เรื่องก็แบบนี้แหละ
อย่างแรกเลย ที่จะโต้แย้ง gdp มันง่ายมาก ก็คือ คุณเอาที่อยู่ใน gdp = c+i+g+x-m มาพูดว่ามันคือ อุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งมันไม่ใช่ ถ้าผมบริโภคยาง made in japan ผมทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมดใหญ่ขึ้นใช่ไหม แต่ใน gdp ที่คุณนับมันเป็นตัวหักในตัว m เห็นไหมว่ามันต่างกัน?
ทั้งๆ ที่ผมก็พูดอยู่นะว่าที่นับซ้ำก็ตัดออก ก็ยังจะพูดเรื่อง final goods เหมือนเดิมนะปู่ มันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ เห้อออ ผมรู้ว่าชิ้นส่วนที่ผลิตมันซ้ำ แต่ผมกำลังพูดภึงบริการหลังการขายที่อยู่ในตัว c คุณไม่รวมด้วยเลย มันจะถูกได้ยังไงปู่ คุณเข้าใจคำว่าบริการไหมปู่ ไปพูดถึงชิ้นส่วนที่นับซ้ำทำไมปู่ บริการคือการที่ชิ้นส่วนไม่สามารถเข้าไปติดในรถให้คุณได้เอง ต้องมีแรงงานไปทำให้ มันมีมูลค่านะปู่ คราวหลังอ่านให้มันเข้าใจก่อนตอบสิปู่
ก่อนจะเอาตัวเลขนะปู่ ทำความเข้าใจให้ได้ก่อนว่าไอ้ 1.89 ที่ปู่แปะมาน่ะ มันยังไม่รวมพวกที่ผมถามข้างล่างใช่หรือไม่ ให้ได้ก่อนนะปู่? เอาตัวเลขไปเดี๋ยวก็แถนอกเรื่อง พูดไม่รู้เรื่องยาวอีก รำคาญ เดี๋ยวก็ถามหาที่มาอีก จะได้หยุดเรื่องที่มาไว้ก่อน แต่ปู่มันจะพูดอีกเชื่อไหม
สุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่ได้อะไรจากคำตอบปู่เลย แถวนไปวนมาเหมือนเดิม
ชิ้นส่วนนำเข้าที่อยู่ในตัว m ก็ไม่ได้ตอบ
บริการหลังการขาย ที่ตอบปู่ก็แถไปว่าชิ้นส่วนนับซ้ำอีก เห้ออออ บริการครับปู่ หักชิ้นส่วนออกสิเพราะมันคือผลิต
ส่วนเรื่องตัวเลข 1.89 ถามหาที่มา กว่าจะเข้าใจว่าเอามาจากคลิปปู่เอง ล่อตอบไป 3 รอบ ปู่ขี้ลืมเหรอไง
ยังเข้ามาแถเหมือนเดิม มั่วเหมือนเดิม อธิบายไปเหมือนสีซอให้...ฟัง
GDP วัดจากมูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศใน 1 ปี
อ่านภาษาไทยออกมั้ยเนี่ย
สินค้าที่ผลิตต่างประเทศมันจะนับเป็นรายได้ของประเทศได้ยังไง ถ้านับแล้วจะเอามา -M ทำไม
ยกสมการ GDP มาแล้วยังไม่เข้าใจอีก X-M มันก็ทิ้มตาลุงอยู่ทนโท่
ลุงไปซื้อยางจากญี่ปุ่น 100 บาท ญี่ปุ่นผลิตญี่ปุ่นก็ได้เงินไป 100 บาท ไม่ใช่ของไทย ตรงนี้ก็หักออกจาก GDP 100 บาท แล้วลุงเอามาขายต่อได้บวกค่าบริการ และกำไรอีก 10 บาท เขาก็นับเข้าไปไง ไม่ใช่รวมเป็น 110 เข้าใจยากตรงไหน
นี่เป็นหลักวิชาการ ส่วนลุงหลัก กู จะเอามาเพิ่มให้ได้ ไปพูดที่ไหนก็มีแต่คนขำ
อะไหล่ A ผลิตปี 2566 นับรวมอยู่ใน GDP แล้ว ต่อมาร้านซ้อมรถ ซื้ออะไหล่ A มา เพื่อมาซ้อมรถให้ลูกค้า เขาก็ไม่นับอะไหล่จากร้านซ้อมรถ เพราะจะเป็นการนับซ้ำ ตรงร้านซ้อมคิดเป็นค่าบริการ
พิมพ์ไว้ชัดเจน อ่านภาษาไทยออกมั้ย ?
1.89 ล้าน เป็นมูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ และชิ้นส่วน ของปี 2565 บอกชัดเจนไปแต่แรกแล้วว่ารวมหมด
ที่นี้ลุงแย้งว่าไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ลุงก็แย้งได้ แต่ลุงต้องแย้งแบบมีข้อมูล มีแหล่งที่มา หรือแหล่งอ้างอิง ซึ่งผมถามหาตรงนี้
และมูลค่าที่แท้จริงของอุตฯ ยานยนต์ ชิ้นส่วน บริการ หรืออะไรต่างๆ นาๆ อย่างที่ลุงพล่ามมาตลอด แท้จริงแล้วมูลค่าเท่าไหร่ ? และวัดยังไง ?
ลุงเลิกแถ แล้วช่วยตอบหน่อยเถอะ
-
ง่ายๆ เลยนะปู่ ปู่อธิบาย gdp ทำไม? เพื่ออะไร? คนเรามันพูดไม่รู้เรื่องก็แบบนี้แหละ
อย่างแรกเลย ที่จะโต้แย้ง gdp มันง่ายมาก ก็คือ คุณเอาที่อยู่ใน gdp = c+i+g+x-m มาพูดว่ามันคือ อุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งมันไม่ใช่ ถ้าผมบริโภคยาง made in japan ผมทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมดใหญ่ขึ้นใช่ไหม แต่ใน gdp ที่คุณนับมันเป็นตัวหักในตัว m เห็นไหมว่ามันต่างกัน?
ทั้งๆ ที่ผมก็พูดอยู่นะว่าที่นับซ้ำก็ตัดออก ก็ยังจะพูดเรื่อง final goods เหมือนเดิมนะปู่ มันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอ เห้อออ ผมรู้ว่าชิ้นส่วนที่ผลิตมันซ้ำ แต่ผมกำลังพูดภึงบริการหลังการขายที่อยู่ในตัว c คุณไม่รวมด้วยเลย มันจะถูกได้ยังไงปู่ คุณเข้าใจคำว่าบริการไหมปู่ ไปพูดถึงชิ้นส่วนที่นับซ้ำทำไมปู่ บริการคือการที่ชิ้นส่วนไม่สามารถเข้าไปติดในรถให้คุณได้เอง ต้องมีแรงงานไปทำให้ มันมีมูลค่านะปู่ คราวหลังอ่านให้มันเข้าใจก่อนตอบสิปู่
ก่อนจะเอาตัวเลขนะปู่ ทำความเข้าใจให้ได้ก่อนว่าไอ้ 1.89 ที่ปู่แปะมาน่ะ มันยังไม่รวมพวกที่ผมถามข้างล่างใช่หรือไม่ ให้ได้ก่อนนะปู่? เอาตัวเลขไปเดี๋ยวก็แถนอกเรื่อง พูดไม่รู้เรื่องยาวอีก รำคาญ เดี๋ยวก็ถามหาที่มาอีก จะได้หยุดเรื่องที่มาไว้ก่อน แต่ปู่มันจะพูดอีกเชื่อไหม
สุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่ได้อะไรจากคำตอบปู่เลย แถวนไปวนมาเหมือนเดิม
ชิ้นส่วนนำเข้าที่อยู่ในตัว m ก็ไม่ได้ตอบ
บริการหลังการขาย ที่ตอบปู่ก็แถไปว่าชิ้นส่วนนับซ้ำอีก เห้ออออ บริการครับปู่ หักชิ้นส่วนออกสิเพราะมันคือผลิต
ส่วนเรื่องตัวเลข 1.89 ถามหาที่มา กว่าจะเข้าใจว่าเอามาจากคลิปปู่เอง ล่อตอบไป 3 รอบ ปู่ขี้ลืมเหรอไง
ยังเข้ามาแถเหมือนเดิม มั่วเหมือนเดิม อธิบายไปเหมือนสีซอให้...ฟัง
GDP วัดจากมูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศใน 1 ปี
อ่านภาษาไทยออกมั้ยเนี่ย
สินค้าที่ผลิตต่างประเทศมันจะนับเป็นรายได้ของประเทศได้ยังไง ถ้านับแล้วจะเอามา -M ทำไม
ยกสมการ GDP มาแล้วยังไม่เข้าใจอีก X-M มันก็ทิ้มตาลุงอยู่ทนโท่
ลุงไปซื้อยางจากญี่ปุ่น 100 บาท ญี่ปุ่นผลิตญี่ปุ่นก็ได้เงินไป 100 บาท ไม่ใช่ของไทย ตรงนี้ก็หักออกจาก GDP 100 บาท แล้วลุงเอามาขายต่อได้บวกค่าบริการ และกำไรอีก 10 บาท เขาก็นับเข้าไปไง ไม่ใช่รวมเป็น 110 เข้าใจยากตรงไหน
นี่เป็นหลักวิชาการ ส่วนลุงหลัก กู จะเอามาเพิ่มให้ได้ ไปพูดที่ไหนก็มีแต่คนขำ
อะไหล่ A ผลิตปี 2566 นับรวมอยู่ใน GDP แล้ว ต่อมาร้านซ้อมรถ ซื้ออะไหล่ A มา เพื่อมาซ้อมรถให้ลูกค้า เขาก็ไม่นับอะไหล่จากร้านซ้อมรถ เพราะจะเป็นการนับซ้ำ ตรงร้านซ้อมคิดเป็นค่าบริการ
พิมพ์ไว้ชัดเจน อ่านภาษาไทยออกมั้ย ?
1.89 ล้าน เป็นมูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ และชิ้นส่วน ของปี 2565 บอกชัดเจนไปแต่แรกแล้วว่ารวมหมด
ที่นี้ลุงแย้งว่าไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ลุงก็แย้งได้ แต่ลุงต้องแย้งแบบมีข้อมูล มีแหล่งที่มา หรือแหล่งอ้างอิง ซึ่งผมถามหาตรงนี้
และมูลค่าที่แท้จริงของอุตฯ ยานยนต์ ชิ้นส่วน บริการ หรืออะไรต่างๆ นาๆ อย่างที่ลุงพล่ามมาตลอด แท้จริงแล้วมูลค่าเท่าไหร่ ? และวัดยังไง ?
ลุงเลิกแถ แล้วช่วยตอบหน่อยเถอะ
ว่าแล้ว ว่าคุยกับพวกไม่รู้เรื่อง มันต้องไปทีละคำถาม แล้วรอคำตอบสินะ ไม่งั้นมันจะแถไปเรื่องอื่นไม่จบสักที
เอางี้แล้วกัน หยุดเรื่องอื่นไว้ก่อน แค่คำถามเดียว แล้วรอคำตอบก่อนค่อยไปต่อนะปู่
การวัดมูลค่าอุตสาหกรรม คือปริมาณของกิจกรรมทาง ศก ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนั้น ไม่ใช่วัดแบบ gdp ตรงนี้ เคลียไหมปู่?
ดังนั้น คำถาม ถ้าผมมีเงินอยู่ 1 ล้าน จะเลือกซื้อรถ 1 คัน ทางเลือกของผมมี 2 ทางคือ 1 บริโภครถใหม่ 2 บริโภครถมือ2
ถ้าผมบริโภครถใหม่ จะถูกคุณนับแบบ gdp แต่ถ้าผมบริโภครถมือ2 จะไม่ถูกนับ(ความคิดปู่)
การบริโภคของผม ไม่ว่าทางไหนทั้ง 2 ทาง จะทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์เพิ่มขึ้นทั้งหมด ถูกต้องไหม?
รอคำตอบอยู่นะปู่ รอว่าจะแถยังไง ไปทีละคำถามนี่แหละดี จะได้เห็นเลย ว่ามั่วตรงไหน
-
ยังเข้ามาแถเหมือนเดิม มั่วเหมือนเดิม อธิบายไปเหมือนสีซอให้...ฟัง
GDP วัดจากมูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศใน 1 ปี
อ่านภาษาไทยออกมั้ยเนี่ย
สินค้าที่ผลิตต่างประเทศมันจะนับเป็นรายได้ของประเทศได้ยังไง ถ้านับแล้วจะเอามา -M ทำไม
ยกสมการ GDP มาแล้วยังไม่เข้าใจอีก X-M มันก็ทิ้มตาลุงอยู่ทนโท่
ลุงไปซื้อยางจากญี่ปุ่น 100 บาท ญี่ปุ่นผลิตญี่ปุ่นก็ได้เงินไป 100 บาท ไม่ใช่ของไทย ตรงนี้ก็หักออกจาก GDP 100 บาท แล้วลุงเอามาขายต่อได้บวกค่าบริการ และกำไรอีก 10 บาท เขาก็นับเข้าไปไง ไม่ใช่รวมเป็น 110 เข้าใจยากตรงไหน
นี่เป็นหลักวิชาการ ส่วนลุงหลัก กู จะเอามาเพิ่มให้ได้ ไปพูดที่ไหนก็มีแต่คนขำ
อะไหล่ A ผลิตปี 2566 นับรวมอยู่ใน GDP แล้ว ต่อมาร้านซ้อมรถ ซื้ออะไหล่ A มา เพื่อมาซ้อมรถให้ลูกค้า เขาก็ไม่นับอะไหล่จากร้านซ้อมรถ เพราะจะเป็นการนับซ้ำ ตรงร้านซ้อมคิดเป็นค่าบริการ
พิมพ์ไว้ชัดเจน อ่านภาษาไทยออกมั้ย ?
1.89 ล้าน เป็นมูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ และชิ้นส่วน ของปี 2565 บอกชัดเจนไปแต่แรกแล้วว่ารวมหมด
ที่นี้ลุงแย้งว่าไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ลุงก็แย้งได้ แต่ลุงต้องแย้งแบบมีข้อมูล มีแหล่งที่มา หรือแหล่งอ้างอิง ซึ่งผมถามหาตรงนี้
และมูลค่าที่แท้จริงของอุตฯ ยานยนต์ ชิ้นส่วน บริการ หรืออะไรต่างๆ นาๆ อย่างที่ลุงพล่ามมาตลอด แท้จริงแล้วมูลค่าเท่าไหร่ ? และวัดยังไง ?
ลุงเลิกแถ แล้วช่วยตอบหน่อยเถอะ
แล้วก็เลิกพล่าม gdp สักที จะวัด มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ ไม่ใช่เหรอปู่ ไม่ได้วัดรายได้ประชาชาติเนอะ ตอบให้ตรงคำถามละ
-
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/Screenshot-2024-08-21-131645.png)
-----------------------------------------------
หายไปหลายวัน นึกว่าจะไปหาคำตอบ แต่ไปคิดหาคำแถ และมั่วต่อ
ไหนละมูลค่า (ที่เป็นจำนวนตัวเลข) และหลักการวัดมูลค่า
เห็นคำถามมั้ยลุง ตอบให้ตรงหน่อยเถอะ ไม่ต้องแถไปประเด็นอื่น
ลุงย้อนกลับไปไล่อ่านตั้งแต่แรกนะ เริ่มแรกผมโพสต์ หรือพูดถึงอะไร ?
มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ ต่อ GDP ย้ำนะว่ามูลค่าอุตฯ ต่อ GDP
ตามบริบท ถ้าไม่โง่เกินไปก็ต้องเข้าใจได้ว่าเป็นการวัดรายได้ของอุตฯ นี้ เพราะ GDP วัดรายได้ (หรือมูลค่าที่เป็นจำนวนเงิน) ภายในระยะเวลา 1 ปี
ต่อมา ลุงโผล่เข้ามาแย้ง ตอนแรกยังพูดถึง GDP และยังยกสมการ GDP มาโชว์ให้เห็นความฉลาด (น้อย) ว่าตัวเองมีความเข้าใจ GDP และยังถามการคิด GDP ผมก็ตอบไปหมดแล้วตามหลักวิชาการ และยังมีแหล่งที่มาของตัวเลขต่างๆ
ตอนหลังลุงมาบอกไม่ต้องพูดถึง GDP แล้วจะถามมาทำไมตั้งเยอะว่ะลุง
คนมันไม่มีความรู้ ความเข้าใจ ได้แต่มั่ว มโน และแถ พอถูกสวนกลับ มันก็ไปไม่เป็น และเมื่อไม่มีหลักยึด ก็มั่วไปเรื่องโน้น เรื่องนี้
เรื่องที่เบี่ยงประเด็นพอโดนถามกลับก็ใบ้แดก ไม่ได้ตอบอะไรเลย นอกจากแถไปเรื่อยๆ
เอาเป็นว่าตอนนี้ลุงอยากเบี่ยงประเด็น ไม่อยากพูดถึง GDP เพราะไม่มีความรู้ ก็ตามแต่ลุงสะดวก แต่ช่วยตอบคำถามมูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาเลยละกัน
ว่ามีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
อย่าตอบแบบพวก IQ ต่ำ ว่ามากกว่า 1.89 ล้านล้านบาท (ซึ่งเป็นมูลค่าใน GDP ของปี 2565) ละกัน
ช่วยตอบแบบผู้มีปัญญา ที่มีหลักการ และแหล่งอ้างอิงหน่อยนะลุง
อุตฯ ยานยนต์มีมูลค่าเท่าไหร่ และมีหลักการวัดยังไง (วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล เก็บตั้งแต่เมื่อไหร่ ตีมูลค่า และหน่วยงานไหนทำ)?
-
ลุงอย่าหาย :-X
เข้ามาตอบหน่อยว่ามูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามออกมา
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
-
ลุงอย่าหาย :-X
เข้ามาตอบหน่อยว่ามูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามออกมา
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
ผมว่าคนที่พูดไม่รู้เรื่องคือฝั่งปู่มากกว่านะ
ง่ายๆ เลย คือคำถามผมปู่ยังไม่ตอบเลยนะ อุตส่าบอกว่าหยุดอย่างอื่นไว้ก่อน ตอบคำถามง่ายๆ แค่นี้ ยังแถไปประเด็นอื่นได้ เพลียนะ(ผมรู้ละปู่เป็นคนแบบนี้นี่เองถึงได้พูดไม่รู้เรื่อง ไม่ตอบคำถามแต่จะแถไปเรื่องอื่นเสมอ)
ขอคำตอบก่อนปู่ ค่อยไปต่อ(คำตอบแม่งแค่ถูกหรือไม่ถูก แต่เขียนมายาวหลายบรรทัด โดยที่ไม่มีคำตอบเลย ปู่แม่งโคตรหลอนอะ)
-
ลุงอย่าหาย :-X
เข้ามาตอบหน่อยว่ามูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามออกมา
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
เดี๋ยวปู่จะหาว่าเอาเปรียบ ผมตอบปู่ให้คำถามนึงแล้วกัน แล้วก็กรุณาอย่ามั่วอีกนะ เบื่อพวกพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ
"ลุงย้อนกลับไปไล่อ่านตั้งแต่แรกนะ เริ่มแรกผมโพสต์ หรือพูดถึงอะไร ?
มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ ต่อ GDP ย้ำนะว่ามูลค่าอุตฯ ต่อ GDP
ตามบริบท ถ้าไม่โง่เกินไปก็ต้องเข้าใจได้ว่าเป็นการวัดรายได้ของอุตฯ นี้ เพราะ GDP วัดรายได้ (หรือมูลค่าที่เป็นจำนวนเงิน) ภายในระยะเวลา 1 ปี"
คำตอบนะ ผมโต้แย้งคุณเรื่อง มูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เป็น 1 ล้านๆ กว่าๆ ไม่ใช่ต่อ gdp อะไรของปู่นะ
1 ล้านๆ กว่าๆ ที่ผมพูด หน่วยมันเป็นต่อ gdp เหรอปู่ บาทนะนั่นปู่ อย่ามั่วสิ อะไรต่อ gdp มิทราบ ย้อนไปดูนะ ความจำเริ่มเลอะเลือนแล้วปู่ กรุณาดูด้วยว่าโต้แย้งเรื่องไหน ไม่ใช่มั่วไปเรื่อยนะปู่
ผิดเรื่องป่าวเนี่ยปู่
ตอบให้แล้วนะ ตอบคำถามผมด้วยนะปู่ รออยู่(แค่ตอบคำถาม มันยังไม่ตอบเลย ไปพูดเรื่องอื่นหน้าตาเฉย ดูเหอะ)
-
ลุงอย่าหาย :-X
เข้ามาตอบหน่อยว่ามูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามออกมา
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
ต่อไปนี้จะเป็นแบบนี้นะ คนนึงถาม อีกคนตอบ อีกคนถาม คนนึงตอบ คนละ 1 คำถาม
เพื่อป้องกันคนที่พูดไม่รู้เรื่องแบบปู่ จะแถท่าเดียว ไม่ยอมตอบคำถาม
ปู่จะยังไงผมไม่สน แต่ผมจะไม่ไปต่อ ถ้าไม่ตอบคำถามก่อน ผมเห็นนิสัยปู่เเล้ว แถสะบัด
-
ยังมั่ว และแถเหมือนเดิม
ตอบอะไรของลุง ตอบในสิ่งที่ไม่ได้ถาม จะตอบทำไมลุง
ผมพิมพ์ภาษาไทยชัดเจน ลุงยังอ่านจับใจความไม่ได้
ผมถามย้ำๆ เน้นข้อความให้เห็นชัดๆ มา 5-6 ครั้งแล้ว ลุงไม่เห็นตอบซะที
มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
ตอบตรงนี้ได้จบไปตั้งนานแล้ว แต่ว่ามันเกินสติปัญญาลุงที่จะสามารถหาคำตอบได้ เลยแถไปเรื่องอื่นเพราะไม่อยากเสียหน้า และอยากเอาชนะ
ทั้งหมดที่ลุงพล่ามมามันไม่มีหลักการ และมโนคิดเอง มันเลยไม่มีคำตอบรองรับไง ไม่แปลกที่ลุงจะชิ่งหนี รีบออกตัวว่าจะไม่ไปต่อ
ย้ำอีกรอบ (ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่) มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
แมนๆ หน่อย เลิกแถ แล้วตอบสักที
-
ถ้าไม่เลิกทะเลาะกัน ผมให้ทีมงาน แบนคู่นะครับ คุยกันดีๆสิครับ แยกย้ายครับ
-
ยังมั่ว และแถเหมือนเดิม
ตอบอะไรของลุง ตอบในสิ่งที่ไม่ได้ถาม จะตอบทำไมลุง
ผมพิมพ์ภาษาไทยชัดเจน ลุงยังอ่านจับใจความไม่ได้
ผมถามย้ำๆ เน้นข้อความให้เห็นชัดๆ มา 5-6 ครั้งแล้ว ลุงไม่เห็นตอบซะที
มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
ตอบตรงนี้ได้จบไปตั้งนานแล้ว แต่ว่ามันเกินสติปัญญาลุงที่จะสามารถหาคำตอบได้ เลยแถไปเรื่องอื่นเพราะไม่อยากเสียหน้า และอยากเอาชนะ
ทั้งหมดที่ลุงพล่ามมามันไม่มีหลักการ และมโนคิดเอง มันเลยไม่มีคำตอบรองรับไง ไม่แปลกที่ลุงจะชิ่งหนี รีบออกตัวว่าจะไม่ไปต่อ
ย้ำอีกรอบ (ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่) มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
แมนๆ หน่อย เลิกแถ แล้วตอบสักที
นี่คือคำถามผมนะปู่
"การวัดมูลค่าอุตสาหกรรม คือปริมาณของกิจกรรมทาง ศก ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนั้น ไม่ใช่วัดแบบ gdp ตรงนี้ เคลียไหมปู่?
ดังนั้น คำถาม ถ้าผมมีเงินอยู่ 1 ล้าน จะเลือกซื้อรถ 1 คัน ทางเลือกของผมมี 2 ทางคือ 1 บริโภครถใหม่ 2 บริโภครถมือ2
ถ้าผมบริโภครถใหม่ จะถูกคุณนับแบบ gdp แต่ถ้าผมบริโภครถมือ2 จะไม่ถูกนับ(ความคิดปู่)
การบริโภคของผม ไม่ว่าทางไหนทั้ง 2 ทาง จะทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์เพิ่มขึ้นทั้งหมด ถูกต้องไหม?"
ไปย้อนดูได้ ปู่ไม่เคยตอบเลยนะ หยุดพล่ามเรื่องอื่นยืดยาวแล้วตอบแค่นี้ยังไม่ทำเล้ย
แล้วก็ นี่คือคำถามคุณสินะ "มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?"
ผมจะตอบให้ แต่ปู่ตอบคำถามคนอื่นก่อนนะ ผมตอบปู่ไปเยอะแล้ว ถ้าอยากให้ตอบอันไหนก็มาแค่คำถามเดียว ไม่ใช่หลายคำถาม เอาใจคนแก่ไม่ถูกเว้ย ตอบอันนั้นเสือกจะเอาอีกอัน เฮ้ออ
ปล สุดท้ายก็ตอบด้วยการถามกลับ ผมถามจริงปู่ไม่คิดจะตอบก่อนค่อยถามเหรอไง มันเป็นยังงี้ตลอด
-
ยังมั่ว และแถเหมือนเดิม
ตอบอะไรของลุง ตอบในสิ่งที่ไม่ได้ถาม จะตอบทำไมลุง
ผมพิมพ์ภาษาไทยชัดเจน ลุงยังอ่านจับใจความไม่ได้
ผมถามย้ำๆ เน้นข้อความให้เห็นชัดๆ มา 5-6 ครั้งแล้ว ลุงไม่เห็นตอบซะที
มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
ตอบตรงนี้ได้จบไปตั้งนานแล้ว แต่ว่ามันเกินสติปัญญาลุงที่จะสามารถหาคำตอบได้ เลยแถไปเรื่องอื่นเพราะไม่อยากเสียหน้า และอยากเอาชนะ
ทั้งหมดที่ลุงพล่ามมามันไม่มีหลักการ และมโนคิดเอง มันเลยไม่มีคำตอบรองรับไง ไม่แปลกที่ลุงจะชิ่งหนี รีบออกตัวว่าจะไม่ไปต่อ
ย้ำอีกรอบ (ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่) มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
แมนๆ หน่อย เลิกแถ แล้วตอบสักที
แล้วก็นะ ไอ้คำพูดดูดี แต่แหลตลอดคืออะไร ผมรู้แล้วละว่าปู่เป็นคนยังไง พูดว่าไม่มาเสียเวลาแต่กลับกลอกมา 2-3 รอบแล้วนะปู่น่ะ
ผมถามจริงเหอะ เวลาแถจะโยงมาผมทำไม ในเมื่อปู่เป็นคนพูดเอง ทำเอง กลับกลอกเอง ยอมรับว่าตัวเองพูดอะไรไม่ได้งั้นเหรอ ไม่เข้าใจ
อันนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นเรื่องที่โต้แย้งนะ แต่แค่อยากรู้ว่า คนที่กลับกลอกคำพูดตัวเอง มันจะแก้ตัวยังไง อย่าโยงคนอื่น คนอื่นไม่เกี่ยว ทำตัวเองเหอะ แล้วมาดูกันว่าจะแหลยังไงกับสิ่งที่พูดไปแล้ว ช่วยตอบอันนี้ด้วยนะ
ผมละเกลียดคนที่สร้างภาพว่าตัวเองดูดีที่สุด พูดอย่างนึง แต่ทำอีกอย่าง เวลาตอบอย่าโยงคนอื่นนะอย่าลืม เป็นสิ่งที่ตัวเองทำเอง ไม่มีใครไปบังคับ
ผมอยากจะเห็นว่าคนที่นิสัยไม่ดี จะกลับผิดเป็นถูกยังไง ช่วยแสดงให้ดูหน่อย
-
ถ้าไม่เลิกทะเลาะกัน ผมให้ทีมงาน แบนคู่นะครับ คุยกันดีๆสิครับ แยกย้ายครับ
แบนเลยครับ ผมไม่ได้สนใจเท่าไร
คงจะพูดไม่รู้เรื่องไปเรื่อยๆ นั่นแหละ เพราะดูเหมือนจะไม่ตอบคำถามเลย แล้วยังกลับกลอกไปมาอีก รอดูเจ้าตัวอยู่ว่าจะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองกลับกลอกได้ไหม
-
"การวัดมูลค่าอุตสาหกรรม คือปริมาณของกิจกรรมทาง ศก ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนั้น ไม่ใช่วัดแบบ gdp ตรงนี้ เคลียไหมปู่?
ไม่ได้ต้องการคำนิยาม ที่คิดเอาเองมั่วๆ นะลุง
แค่นี้ยังแยกไม่ออก จะบ้าตายกับลุงจริง IQ คงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคนไทย
ดังนั้น คำถาม ถ้าผมมีเงินอยู่ 1 ล้าน จะเลือกซื้อรถ 1 คัน ทางเลือกของผมมี 2 ทางคือ 1 บริโภครถใหม่ 2 บริโภครถมือ2
ถ้าผมบริโภครถใหม่ จะถูกคุณนับแบบ gdp แต่ถ้าผมบริโภครถมือ2 จะไม่ถูกนับ(ความคิดปู่)
การบริโภคของผม ไม่ว่าทางไหนทั้ง 2 ทาง จะทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์เพิ่มขึ้นทั้งหมด ถูกต้องไหม?"
ตรงนี้เคยตอบไปแล้วไงลุง แล้วให้ตอบซ้ำทำไม ? ย้อนอ่านดูนะลุง บรรทัดที่ 10 https://community.headlightmag.com/index.php?topic=88794.msg1528260#msg1528260
ตามหลักวิชาการยังตอบเหมือนเดิม มูลค่าไม่เพิ่มขึ้น หรือจะให้มากกว่า 1 ปี วัดมูลค่าทั้งหมด รถยนต์มีค่าเสื่อมราคา ซื้อ 2 ล้านเมื่อ 10 ปีก่อน มูลค่ามันก็ไม่ได้อยู่ที่ 2 ล้านไปตลอดกาล เมื่อขายได้ราคา 5 แสนบาท มูลค่าทั้งหมดมันก็เหลือแค่เท่าราคาขายมือ 2 ไม่ใช่ 2ล้าน+5แสน แค่เปลี่ยนมือจากนาย A (ในฝั่ง Asset เหลือ 0 บาท) ไปนาย B (ฝั่ง Asset 5 แสนบาท เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่ามีแต่จะลดลง) เป็นไปตามหลักบัญชี ซึ่งมันก็สอดคล้องกับหลักเศรษฐศาสตร์
ในเรื่องของ GDP ลุงแถไม่ออกแล้ว เลยเปลี่ยนเป็นไม่นับแบบ GDP แล้วไปพล่ามว่าต้องนับอย่างโน้นอย่างนี้ตามหลักกูที่มโนคิดเอง
มันเลยเป็นที่มาของคำถาม
มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง (วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล เก็บตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ การตีมูลค่า และหน่วยงานไหนทำจะได้ไปสืบค้นบ้าง) ?
ถามมาจะ 10 รอบแล้ว แถไปเรื่องอื่นตลอด
ง่ายๆ ไม่มีปัญญาตอบ เพราะมันเกินสติปัญญาลุงที่จะสามารถหาคำตอบได้
ทั้งหมดที่ลุงพล่ามมามันไม่มีหลักการ (หลักวิชาการ) และมโนคิดเอง มันเลยไม่มีคำตอบรองรับไง ให้ลุงตายอีกกี่สิบชาติยังไงมันก็ไม่มีคำตอบ
-
เห้อออออออออ เนี่ย คนอ่านมันถึงได้หายไปทีละคนๆๆๆ อยาก ทะเลาะเชิญ PM คุยกันเหอะครับ
-
เห้อออออออออ เนี่ย คนอ่านมันถึงได้หายไปทีละคนๆๆๆ อยาก ทะเลาะเชิญ PM คุยกันเหอะครับ
ผมเองก็ไม่ได้อยากเสวนากับคนแบบนี้หรอกครับ มันเข้ามาแย้งก่อน แล้วแย้งแบบมั่วๆ ไม่มีหลักวิชาการ ไม่มีแหล่งอ้างอิงใดๆ เลย แล้วจะไปยอมคนพรรค์นั้นได้ยังไง
การโต้แย้งกับคนที่ไม่มีหลักวิชาการ มีแต่หลักกู และแหล่งที่มาอย่างตาลุง มันหาจุดจบไม่ได้อย่างที่เห็น เพราะมันจะงอกหลักกูมาได้เรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
โพสต์เริ่มแรกผม ชัดเจนพูดถึงสัดส่วนมูลค่าอุตฯ ยานยนต์ต่อ GDP
GDP ไทยประมาณ 18 ล้านล้าน
มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์ประมาณ 1 ล้านล้านกว่าๆ
เทียบกับ GDP แล้วไม่ถึง 10%
ของปี 2565 ตามคลิป
https://youtu.be/VZPWfwuKUpY?si=LWHsL8ejwqS3cGT4
หลายปีก่อน มูลค่าของอุตสาหกรรมยานยนต์ เคยมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับ GDP แต่ตอนนี้คือต่ำกว่า 10%
ถ้าเอา GDP เป็นตัวตั้ง แล้วเอา % ของอุตฯ ยานยนต์มาหาค่า ง่ายๆ แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าจริงมันมูลค่าประมาณเท่าไหร่
แล้วนี่โพสต์ตาลุง มีแต่หลักกู และไม่มีแหล่งที่มา
แล้วก็ gdp มันวัดทางด้านผลิตอย่างเดียว เพราะเป็นส่งออก ถ้าจะพูดถึง อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมด มันมีบริการด้วย ซึ่งจะไปรวมอยู่ในบริโภค ของ gdp คุณน่ะไม่รู้เรื่องของ gdp เลย ที่จะเอามาคิดมูลค่าอุตสาหกรรมเพราะ gdp มันคิดแค่ c+i+g+x-m คิดแค่ผลิตอย่างเดียวมันไม่ครบนะหนู
เรื่องที่ที่นับแต่ final goods เหตุผลก็เพราะมันนับผลิตอย่างเดียว ด้านบริการไปลง c หมด เข้าใจไหม แถถลอกหมดแล้ว อุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมด มันยังมีพวกซื้อมาขายไปอีก(อย่างรถมือ2) พวกนี้ก็รวมอยู่ใน c
มีเรื่องเล่านะ บ้านผมเป็นอู่ซ่อมรถ ผมไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์เหรอ? ผมเปิดเต้นรถมือ2 กิจการผมไม่มีมูลค่างั้นเหรอ ไม่อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์เหรอ? นี่รถทั้งนั้นเลยนะนั่น ถ้าด้านผลิตไม่นับซ้ำไม่แปลก แต่ด้านบริการมันอยู่ใน c เข้าใจไหม เห้ออออ บริการหลังการขายของศูนย์บริการรถ พวกนี้อยู่ในอุตสาหกรรมปาหี่เหรอ? ไม่นับเนี่ย
บ้านผมเปิดร้านขายยาง ผมไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์เหรอทวด? ยางก็เป็นชิ้นส่วนนะทวด แถมมียาง made in japan ด้วย อยู่ในตัว m
ทวดคิดดีๆ นะ ชิ้นส่วนที่นำเข้าไม่อยู่ในด้านผลิตของทวด ที่ทวดนับนะ ไหนจะยังพวกอู่นอกอีก พวกนี้บัญชี 2 เล่มนะทวด นับยังไงเอ่ยทวด
ลุงแกเข้าใจว่า GDP วัดจากการผลิตอย่างเดียว และผลิตได้ก็ส่งออก
ลุงแกคงแปลตรงๆ จากคำว่า Gross Domestic Product แล้วเข้าใจเอาเองว่าผลิตอย่างเดียว แต่ไม่รู้ว่าคำยามของมัน คือ สินค้า และบริการขั้นสุดท้าย
ผมยกเอาวิธีหา GDP มายังไม่เข้าใจเลย
ด้านรายได้ ผู้ผลิตขายรถเป็นรายได้ 1 ล้าน
ด้านรายจ่าย ผู้บริโภคจ่ายเงินซื้อรถยนต์ 1 ล้าน
วิธีการหาทั้ง 3 วิธี ผลลัพธ์เท่ากันหมด ลุงแกคิดไปเองว่านับรายได้ของบริษัทผู้ผลิตแล้ว ไม่นับผู้บริโภคซื้อไปด้วยเหรอ คือจะเอามารวมกันทั้งหมด
GDP เป็นหลักสากล วัดจากมูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศในช่วงเวลาหนึ่งๆ
รถเก่าเคยนับไปแล้วก็ไม่เอามานับซ้ำแค่นั้น หลักการง่ายๆ
ยางรถยนต์นำเข้า ถูกหักออกจาก GDP เป็นไปตามหลักการ X-M
อู่ซ้อมรถนับค่าบริการ + กำไร
ดูความมั่วของลุงแกเองละกัน หลักกูอย่างเดียว ลองไปค้นดูมีอยู่ในตำราไหนบ้าง การมาโต้แย้งคนอื่น มันต้องมีหลักการ และแหล่งที่มา
อธิบายไปแกก็ไม่รับ เพราะอีโก้ไม่อยากแพ้ ไม่อยากอาย
เมื่อลุงแกเชื่อหลักกู ที่คิดขึ้นเองอย่างเดียว และแหล่งที่มาก็ไม่มีสักอย่าง งั้นไม่ต้องพูดถึงหลัก GDP ตามที่ลุงต้องการ ลุงตอบมาละกันว่า
มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?
ใบรับประทาน ถามเกือบ 10 หน ก็เลี่ยงไม่ตอบ แถไปเรื่องนั้นเรื่องนี้
สุดท้ายลุงแกเข้าใจว่าใครตอบคนสุดท้ายแล้วเป็นผู้ชนะ งั้นให้ลุงเป็นคนตอบคนสุดท้ายละกัน
ผมก็ไม่รู้ว่าการชนะคนประสาทอย่างลุงมีประโยชน์ยังไง ? ทำให้ชีวิตดีขึ้น? เปล่าเลยมีแต่เสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์
-
การมาของ Sealion DM-I PHEV มีโอกาสทำยอดขายแซง Toyota ได้แน่นอน แถม Sealion DM-I PHEV เป็นรุ่นแรกที่ประกอบในไทย
-
"การวัดมูลค่าอุตสาหกรรม คือปริมาณของกิจกรรมทาง ศก ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนั้น ไม่ใช่วัดแบบ gdp ตรงนี้ เคลียไหมปู่?
ไม่ได้ต้องการคำนิยาม ที่คิดเอาเองมั่วๆ นะลุง
แค่นี้ยังแยกไม่ออก จะบ้าตายกับลุงจริง IQ คงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคนไทย
ดังนั้น คำถาม ถ้าผมมีเงินอยู่ 1 ล้าน จะเลือกซื้อรถ 1 คัน ทางเลือกของผมมี 2 ทางคือ 1 บริโภครถใหม่ 2 บริโภครถมือ2
ถ้าผมบริโภครถใหม่ จะถูกคุณนับแบบ gdp แต่ถ้าผมบริโภครถมือ2 จะไม่ถูกนับ(ความคิดปู่)
การบริโภคของผม ไม่ว่าทางไหนทั้ง 2 ทาง จะทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์เพิ่มขึ้นทั้งหมด ถูกต้องไหม?"
ตรงนี้เคยตอบไปแล้วไงลุง แล้วให้ตอบซ้ำทำไม ? ย้อนอ่านดูนะลุง บรรทัดที่ 10 https://community.headlightmag.com/index.php?topic=88794.msg1528260#msg1528260
ตามหลักวิชาการยังตอบเหมือนเดิม มูลค่าไม่เพิ่มขึ้น หรือจะให้มากกว่า 1 ปี วัดมูลค่าทั้งหมด รถยนต์มีค่าเสื่อมราคา ซื้อ 2 ล้านเมื่อ 10 ปีก่อน มูลค่ามันก็ไม่ได้อยู่ที่ 2 ล้านไปตลอดกาล เมื่อขายได้ราคา 5 แสนบาท มูลค่าทั้งหมดมันก็เหลือแค่เท่าราคาขายมือ 2 ไม่ใช่ 2ล้าน+5แสน แค่เปลี่ยนมือจากนาย A (ในฝั่ง Asset เหลือ 0 บาท) ไปนาย B (ฝั่ง Asset 5 แสนบาท เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่ามีแต่จะลดลง) เป็นไปตามหลักบัญชี ซึ่งมันก็สอดคล้องกับหลักเศรษฐศาสตร์
ในเรื่องของ GDP ลุงแถไม่ออกแล้ว เลยเปลี่ยนเป็นไม่นับแบบ GDP แล้วไปพล่ามว่าต้องนับอย่างโน้นอย่างนี้ตามหลักกูที่มโนคิดเอง
มันเลยเป็นที่มาของคำถาม
มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง (วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล เก็บตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ การตีมูลค่า และหน่วยงานไหนทำจะได้ไปสืบค้นบ้าง) ?
ถามมาจะ 10 รอบแล้ว แถไปเรื่องอื่นตลอด
ง่ายๆ ไม่มีปัญญาตอบ เพราะมันเกินสติปัญญาลุงที่จะสามารถหาคำตอบได้
ทั้งหมดที่ลุงพล่ามมามันไม่มีหลักการ (หลักวิชาการ) และมโนคิดเอง มันเลยไม่มีคำตอบรองรับไง ให้ลุงตายอีกกี่สิบชาติยังไงมันก็ไม่มีคำตอบ
โอเคปู่ตอบแล้วนะ งั้นผมจะตอบคำถามปู่ ง่ายๆ เลย "มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมดมีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง ?"
เอา gdp ออกจากหัวสมองไปก่อนนะปู่ เราไม่ได้วัดเป็นต่อ gdp แต่ผมโต้แย้งที่เป็นบาท(ที่บอกว่า 1ล้านๆ กว่า)
อ้างอิงจากในคลิปที่ปู่อ้างมานะ 1.89 ล้านๆ มาจาก 2 ส่วน คือ 5.95 แสนล้าน จำหน่ายในประเทศ 1.3 ล้านๆ ส่งออกต่างประเทศ ยอดตรงนี้มีแต่ยอดผลิตรถใหม่เท่านั้น
ถ้าจะวัดแค่ผลิตน่ะใช่ แต่มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด มันกว้างกว่าคำว่ารถใหม่จ้ะปู่ มันแฝงอยู่ในตัว m ตัว c เต็มไปหมด
มีมูลค่าเท่าไร ไม่มีข้อมูลที่หาได้หรอก ต้องรวมจากหลายๆ ส่วนเข้าด้วยกัน แล้วยังมีพวก sme ที่เป็นบัญชี 2 เล่มอีกที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ เพราะหลักการวัดก็อย่างที่พูดไป ต้องวัดปริมาณกิจกรรมทาง ศก ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนี้ โยน gdp ทิ้งไป ไม่ได้เกี่ยวเล้ย(ไม่ได้จะวัดต่อ gdp นะปู่)
ทีนี้คำถาม "เลกซัส ไทยแลนด์" เป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ หรือไม่? ถ้าไม่ แล้วอยู่ในอุตสาหกรรมอะไร?
ตามตรรกะเพี้ยนๆ ของปู่ เลกซัสไม่อยู่ใน 1.89 ล้านๆ นะจ้ะ มันอยู่ในตัว m ใน gdp ยึดตาม gdp มาก คำตอบมันคงออกมาพิลึกๆ
ค่อยๆ ไป ทีละคำถามเดี๋ยวก็รู้เรื่อง คนพูดไม่รู้เรื่องก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ(มันจะได้มีสมาธิโฟกัสกับคำถาม ไม่ใช่พล่ามไปเรื่อยไร้สาระ) ถ้ามาหลายคำถามบอกด้วยนะว่าจะให้ตอบอันไหน เพราะจะตอบแค่ 1 ปู่แม่งโกงประจำ เป็นพวกชอบแถนอกประเด็น ขนาดบอกหยุด...ตอบแค่คำถามไปแล้วนะ
-
"การวัดมูลค่าอุตสาหกรรม คือปริมาณของกิจกรรมทาง ศก ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนั้น ไม่ใช่วัดแบบ gdp ตรงนี้ เคลียไหมปู่?
ไม่ได้ต้องการคำนิยาม ที่คิดเอาเองมั่วๆ นะลุง
แค่นี้ยังแยกไม่ออก จะบ้าตายกับลุงจริง IQ คงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคนไทย
ดังนั้น คำถาม ถ้าผมมีเงินอยู่ 1 ล้าน จะเลือกซื้อรถ 1 คัน ทางเลือกของผมมี 2 ทางคือ 1 บริโภครถใหม่ 2 บริโภครถมือ2
ถ้าผมบริโภครถใหม่ จะถูกคุณนับแบบ gdp แต่ถ้าผมบริโภครถมือ2 จะไม่ถูกนับ(ความคิดปู่)
การบริโภคของผม ไม่ว่าทางไหนทั้ง 2 ทาง จะทำให้มูลค่าอุตสาหกรรมรถยนต์เพิ่มขึ้นทั้งหมด ถูกต้องไหม?"
ตรงนี้เคยตอบไปแล้วไงลุง แล้วให้ตอบซ้ำทำไม ? ย้อนอ่านดูนะลุง บรรทัดที่ 10 https://community.headlightmag.com/index.php?topic=88794.msg1528260#msg1528260
ตามหลักวิชาการยังตอบเหมือนเดิม มูลค่าไม่เพิ่มขึ้น หรือจะให้มากกว่า 1 ปี วัดมูลค่าทั้งหมด รถยนต์มีค่าเสื่อมราคา ซื้อ 2 ล้านเมื่อ 10 ปีก่อน มูลค่ามันก็ไม่ได้อยู่ที่ 2 ล้านไปตลอดกาล เมื่อขายได้ราคา 5 แสนบาท มูลค่าทั้งหมดมันก็เหลือแค่เท่าราคาขายมือ 2 ไม่ใช่ 2ล้าน+5แสน แค่เปลี่ยนมือจากนาย A (ในฝั่ง Asset เหลือ 0 บาท) ไปนาย B (ฝั่ง Asset 5 แสนบาท เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่ามีแต่จะลดลง) เป็นไปตามหลักบัญชี ซึ่งมันก็สอดคล้องกับหลักเศรษฐศาสตร์
ในเรื่องของ GDP ลุงแถไม่ออกแล้ว เลยเปลี่ยนเป็นไม่นับแบบ GDP แล้วไปพล่ามว่าต้องนับอย่างโน้นอย่างนี้ตามหลักกูที่มโนคิดเอง
มันเลยเป็นที่มาของคำถาม
มูลค่าของอุตฯ ยานยนต์ทั้งหมด ตามที่ลุงพล่ามมาทั้งหมด
มีมูลค่าเท่าไหร่ และหลักการวัดยังไง (วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล เก็บตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ การตีมูลค่า และหน่วยงานไหนทำจะได้ไปสืบค้นบ้าง) ?
ถามมาจะ 10 รอบแล้ว แถไปเรื่องอื่นตลอด
ง่ายๆ ไม่มีปัญญาตอบ เพราะมันเกินสติปัญญาลุงที่จะสามารถหาคำตอบได้
ทั้งหมดที่ลุงพล่ามมามันไม่มีหลักการ (หลักวิชาการ) และมโนคิดเอง มันเลยไม่มีคำตอบรองรับไง ให้ลุงตายอีกกี่สิบชาติยังไงมันก็ไม่มีคำตอบ
ผมยังไม่ได้คำตอบเรื่องที่ปู่พูดกลับกลอกไปมาเลยนะ แต่อันนี้นอกเรื่องเฉยๆ
ผมแค่อยากจะรู้ว่า คนที่มันพูดอะไรออกมาแล้วทำตรงข้ามกับที่พูด ซึ่งเกิดขึ้นจริง มีหลักฐานชัดเจน จะยอมรับเรื่องนี้ยังไง
ไม่เอาคำตอบที่โยนไปเรื่องคนอื่นนะ มันตอบไม่ตรงคำถาม
เอาตัวปู่เองอะ ทำไปทำไม ไม่มีใครไปบังคับให้ทำนะ อย่าโทษคนอื่น หรือมีนิสัยยังงี้อย่างนั้นหรือ มันกลับกลอกชัดเจนนะ ช่วยตอบที ผมอยากรู้ว่าจะแถท่าไหนถึงจะหลุด ยิ่งทำเป็นไม่พูดถึงนี่ยิ่งเสียนิสัยนะปู่ ทำผิดก็ยอมรับ ไม่ผิดก็ดิ้นมา อยากเห็น
-
เห้อออออออออ เนี่ย คนอ่านมันถึงได้หายไปทีละคนๆๆๆ อยาก ทะเลาะเชิญ PM คุยกันเหอะครับ
ถ้าผมไม่หยุด เขาก็ดูท่าจะไม่หยุดนะ แบนคู่ไปก็ไม่มีปัญหา อีกคนสนหรือป่าวผมไม่รู้(ดูจากการที่ก็มาตอบอยู่นะ คงจะไม่สนเช่นกัน) แต่ผมไม่สน แบนคู่ได้เลยครับ
"ผมเองก็ไม่ได้อยากเสวนากับคนแบบนี้หรอกครับ มันเข้ามาแย้งก่อน แล้วแย้งแบบมั่วๆ ไม่มีหลักวิชาการ ไม่มีแหล่งอ้างอิงใดๆ เลย แล้วจะไปยอมคนพรรค์นั้นได้ยังไง"
เขาบอกเขาไม่ยอมนะ แต่พูดอะไรกลับกลอกไปมานะ ตอนแรกใช้คำว่า ไม่มาเสียเวลากับผมหรอก... ตอนนี้เปลี่ยนเป็นไม่อยาก ถือว่าฉลาดขึ้น ไม่งั้นก็คงกลับกลอกอีกรอบ
ถ้าเขายอม เขาก็จะกลับกลอกคำพูดตัวเองอีกรอบ(คงชอบใช้คำพูดมัดตัวเองเพื่อสร้างภาพมั้ง แล้วสุดท้ายทำตามที่พูดไม่ได้)
ผมฟันธงเลยแบนคู่
จะหยุด คนกลับกลอกไปมาก็เสีย("แล้วจะไปยอมคนพรรค์นั้นได้ยังไง")
ไม่หยุด คนกลับกลอกก็เสีย("ไม่มาเสียเวลากับคนแบบนี้")
เขามัดตัวเอง ไม่ว่าทางไหนเขาก็เสียทั้ง 2 ทางแล้วละ(ปู่เขาตลกดี)