Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Diogo ที่ กันยายน 09, 2024, 11:28:55
-
สวัสดีท่านสมาชิกทุกท่าน ปัจจุบันผมได้มีการจอง Sealion 6 ตัว Premium ไป คาดว่าน่าจะอยู่ทันใน 1,000 คันแรก ระหว่างที่รอการขึ้นไลน์ประกอบและส่งมอบผมก็ได้ตั้งข้อสังเกตุ
1.การใช้งาน PHEV ซึ่งมี 2 ระบบ มีความเสี่ยงในแง่ของการพัง 2 ระบบมากแค่ไหน (ตรงนี้ผมคิดว่าด้วยมันเป็น 2 ระบบ หากเราใช้งานใน กทม เป็นหลักและมีการชาร์จไฟฟ้าส่วนเครื่องยนต์มันอาจจะทำงานน้อย ตรงนี้มันก็อาจจะต้องเสื่อมง่ายเพราะไม่ได้ทำงาน กับเสื่อมน้อยเพราะใช้งานน้อย0
2.ค่าซ่อมบำรุงที่ยังเป็นประเด็นว่าแพง แต่เนื่องจากราคาที่หลุดมาไม่ได้เป็นทางการ แต่ก็เชื่อว่าความจริงๆน่าจะไม่ได้ต่างไปจากที่หลุดมาเว้นจะทำโปรลดราคาค่าบำรุง (ส่วนตัวข้อนี้ผมมองว่ายังรับได้สำหรับผม ถ้ามันบำรุงแล้วทำให้ประสิทธิภาพการทำงานคงที่ เพราะสุดท้ายไม่ได้แพงไปกว่า Volvo XC40 T5 ที่ใช้)
3.เรื่องของเวลาการส่งมอบจริง เนื่องจากรุ่นนี้ไม่มีนำเข้ามาเป็นประกอบในประเทศ 100%
ทั้ง 3 ข้อหลักๆ ข้างบนถึงทำให้ผมลังเล จากเรื่องความแน่นอนในการส่งมอบ และการซ่อมบำรุงในระยะต่อไป
ที่นี้คำถามที่ผมจะขอคำแนะนำหากไม่ใช่ Sealion 6 มีรถคันไหนที่น่าสนใจ โดยความต้องการหลักผมคือ SUV/Urban SUV เป็น PHEV/EV/HEV ตามลำดับครับ เนื่องจากต้องการเปิดแอร์เวลาอยู่ในลานจอดเวลารอคอย
ปล.รถคันก่อนหน้าคือ Civic eHEV ซึ่งตัดสินใจขายไปด้วยเหตุผล 1.แร็คพวงมาลัยเปลี่ยน 3 ครั้ง 4 อัน ใน 2 ปี 2.รถเตี้ย ขับใน กทม แล้วเหนื่อย และเมื่อยเวลาเข้ารถเพราะเบาะเตี้ย และอีกคันคือ XC40 T5 แล้วชอบความเป็นรถยกสูง แต่กินน้ำมันในเมืองสุดๆ ครับ
-
เรื่องระบบ เครื่องยนต์ไม่ต้องกลัวพัง เพราะมันพังยากสุด ถึงแม้จะใช้น้อย ใช้มาก
เรื่องไฟฟ้า การตัดต่อ การชาร์จ ระบบ Hybrid อันนี้พังง่ายกว่า
ด้วยชื่อชั้น byd ไม่น่าห่วงมากมาย แต่ก็ต้องเตรียมใจเผื่อ
รถที่ทดแทน ถ้าไหวก็ crv หรือ cross แต่ถ้าไม่รีบใช้รถ ก็รอดู Mini landcruiser ใกล้จะขายแล้ว
ครึ่งปีบวกลบ ราคาอยู่ในช่วง cross ไปหา fortuner มี hybrid แน่นอน
-
PHEV โดยทั่วไป ไม่ต้องห่วงค่าซ่อมครับ
มีการสำรวจรถแสนคัน วิ่งเป็นแสนกม. โดย Consumer reports แล้ว สมัย BEV เป็นประมาณ Leaf/S ซะส่วนใหญ่
ค่าบำรุงรักษา (น่าจะก่อนเปลี่ยนแบต) BEV = PHEV < HEV < ICE ครับ
สองระบบช่วยกันขับ แต่ละระบบไม่เสีย
คุณขับไปเถอะครับ ล้านโล เครื่อง ICE รถคุณน่าจะใช้ไป 300,000 โลเอง เผลอ ๆ พาร์ทมอเตอร์จะเสียก่อนดังเจ้าของรถ BEV ระยะยาวบอกกัน (เป็นที่มาให้ประมาณปีที่สิบ BEV เสียค่าบำรุงเพิ่มจนมาเท่า PHEV)
-
ไม่ได้ใช้รถจีนนะครับ แต่สั่งอะไหล่รถจากจีนบ่อยๆ
ตอบในแง่ซ่อมบำรุง
แต่จะมาบอกว่าอะไหล่สั่งจากจีนง่าย และเร็วมาก
เชื่อได้เลยว่าต่อไปถ้ามีอู่เฉพาะทาง ของ Sealion เรื่องอะไหล่ไม่น่าเป็นกังวลครับ
-
จองไปแล้ว ก็ดีใจด้วยครับ โดยส่วนตัวผมก็สนใจตัวนี้ไม่น้อยเช่นกัน
สำหรับผมโดยรวมของตัวรถเช่นระบบขับเคลื่อนกับไฟฟ้า ผมไม่กังวลอะไรนะ แต่มีเรื่องเดียวที่กังวลและเห็นชอบมีปัญหากับรถค่ายจีนคือระบบแอร์
ที่ผ่านมาหลายๆรุ่นที่ออกขายก็เจอปัญหาแอร์ไม่เย็น หรือเย็นไม่พอ จนถึงพังไปเลยในปีแรกก็มี
ดังนั้นประกอบไทยรุ่นแรก ผมก็ไม่รู้ว่าระบบแอร์เค้าแบบเดียวกับที่จีนใช้ไหม ก็ต้องรอดูกันครับ
-
เอาแง่ร้ายไปนะครับ
เครื่องยนต์จีน คุณภาพยังต่ำอยู่
ประสิทธิภาพพลังงาน ยังสู้รถญี่ปุ่นไม่ได้
และรุ่นนี้ มีปัญหาในจีนเยอะพอสมควร
จนเค้าออกรุ่นใหม่ออกมาแล้ว
ถ้าไปดูประวัติ รถจีน Hybrid
ทั้ง MG GWM เละเทะอยู่ กินน้ำมัน และ ไม่ได้แรงอะไร
ม้าเยอะ แต่ม้าแคระ ม้าเยอะแต่ลงมาถึงล้อน้อย
-
เนื่องจากจองแล้ว ใช้เลยครับ
ซ่อมบำรุงไม่แพงเท่าวอลโว่แน่นอน
สิ่งที่ต้องกังวลมีเรื่องเดียว ไฮบริดของเขาเป็นการควบคุมสามรูปแบบ ต้องดูความเสถียรของซอร์ฟแวร์ครับ แต่เท่าที่เห็นทดสอบกันก็บอกว่าดี อัตราสิ้นเปลืองก็ถือว่าดีนะครับ
-
มีวารันตี ก็ เคลมได้ ครับ ไม่น่าห่วง ถ้าที่บ้านมีรถ สำรองใช้
ผมว่า หลายคนก็ อยากพิสูจน์ ความทนทาน เหมือนกัน
ประวัติ เครื่อง ไฮบริด จากจีน ไม่ค่อยดี จากค่ายอื่นๆ ที่ผ่านมา
นี่ เป็น ไฮบริด BYD ตัวแรก ในบ้านเรา ต้องลุ้น ครับ
-
ยินดีกับรถใหม่ด้วยครับ ด้วยราคานี้คิดว่าคุ้มสุดครับแทบจะไร้คู่แข่งแล้ว เพราะสามารถจอดเปิดแอร์รอได้ตามประสงค์ ส่วนเรื่องความไว้ใจได้ไหมคงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ
ส่วนตัวถ้าให้เลือก ผมเอา PHEV ไว้หลังสุดครับ EV > Hybrid > เบนซิน,ดีเซลล้วน > PHEV
ประสบการณ์ผมกับ phev ของ bm ไม่ดีเอามากๆ อันดับแรกเลยคือพอไฟหมดปุ๊ป คือกินน้ำมันโหดมาก ต่อมาคือพอแบตมันเสื่อมรถมันมีปัญหาครับ เช่น เร่งไม่ขึ้น รถเอ๋อเหมือนสำลัก กระตุกเพราะตัดระบบต่อไปๆ มาๆ แบตความจุไม่กี่ kwh ราคาแพงพอๆ กับขนาด 40-50kwh อีก แต่ถ้าสามารถเปลี่ยนรถได้ทุกๆ 5-6 ปี phev ถือว่าดีมาก
-
จองไปแล้วเหมือนกันครับคันแรกของศูนย์ แต่เค้าตีว่าอย่างไวก็ ตค. และอาจจะช้ากว่า ที่คุยกับเซลนะครับ
1. phev ณปัจจุบันที่น่าห่วงคือแบตอย่างเดียวเลยครับ แต่ใน worst case รถจีนส่วนใหญ่ยังถูกด้อยค่าเรื่อง ICE มาก เป็นผลพวงจาก ฮังโหลเอมจี มากกว่า byd คะแนน reliablity ในเว็บจีนไม่ได้แย่ครับ แต่ก็มาจากสื่อจีนผมเองก็คงตอบไม่ได้ เพราะรถที่ทำตลาดนอกส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มไฟฟ้าเป็นหลักและยังไม่มีฐานและระยะเวลามากพอที่จะตัดสิน
1.1 ด้วยระบบ dm-i มันแทบจะเป็นรถไฟฟ้า ปั่นไฟเข้าแบต และมีเครื่องยนต์ช่วยในบางจุดของการขับเคลื่อนเท่านั้น
ภาพรวมผมเลยไม่ได้กังวลเท่าไหร่
2. ผมยังไมเ่ห็นตารางเลยแต่คิดว่าไม่ถูกแน่ๆครับ ทำใจไว้ว่าประมาณ mazda และไม่แพงเท่า volvo แน่ๆครับ
3. ก็ว่าซั่นผมว่าไวสุดเค้าต้องดันให้ทัน motorexpo เพราะพระเอกรอบนี้น่าจะ sealion 6 / m6 แล้วยั่วๆ sealion 7/denza มั้งนะครับ
เรื่องอะไหล่ผมไว้ใจจีนมากกว่าญี่ปุ่นนิดนึงครับถ้าต้องสั่ง ถ้าจะนานผมเบลม ศูนย์และแบรนด์มากกว่าที่ปล่อยให้ backorder มันเดินทางนาน ทุกวันนี้รถซ่อมอู่ที่เป็น premium ญี่ปุ่นในมือผมพวก lexus กับ nissan แปลกๆ สั่ง oem จากจีนแค่ 2 อาทิตย์ ญี่ปุ่นหาอะไหล่ยากจะรอรถตัดร้านอะไหล่ก็ 30วัน ++ เลยครับ
ส่วนถ้าจะเปิดแอร์ก็ต้องเป็น phev แบตใหญ่กับ bev เท่านั้น เพราะ hev ได้ไม่นานอยู่แล้วครับ ก็จะเหลือตัวเลือกแค่ค่ายจีน
ในมุมค่ายจีนตอนนี้ผมว่า byd รวมๆดูโอเคสุด ส่วนตัวผมชอบ changan มากกว่า แต่หลายๆอย่างในจอก็ยังมี bug อยู่รวมถึงราคาที่โดดจากเพื่อนไปไกลนิส (อารมณ์ mazda vs toyota) จะน่าห่วงคงเป็นระยะยาวมากกว่า ปัจจุบันก็มีข่าว atto3 airbag ไม่ระเบิด ซึ่งแย่กว่าไม่มีอะไหล่กับประกันงอแงมากในการใช้งาน
-
ถ้าเป็นผม ย้ำว่า ถ้าเป็นผม
ถ้าจะเอา Sealion 6 นะ ผมไปเอา BEV ไปเลยจบๆ ดีกว่า
ส่วนตัวเลือก จะ Deepal หรือ XPeng ก็ได้ หรือจะ รอ Sealion 07 (ไฟ้ฟ้าล้วน) ปลายปีนี้ ก็ได้
เพราะ
1. รถ HEV หรือ PHEV ของค่ายนี้ ไม่ได้เด่น ผมยอมไปเอา HR-V หรือ Cross ดีกว่า
2. รถ HEV หรือ PHEV เข้าใจถูกแล้วว่า ถ้ามีปัญหา หรือ การดูแล มันก็ต้องดูแล 2 ระบบจริง (ไม่ใช่ว่า เครื่องมีปัญหา แล้ว จะใช้โหมดไฟฟ้า ไปพลางก่อน ไม่ได้ครับ)
3. ถึงยุคที่ต้องเลือก ที่ต้องเปลี่ยน ถ้าผมจะเอา HEV/PHEV ผมยอมใช้รถน้ำมันเพียวๆ หรือ ไป BEV เลย
แต่จองไปแล้ว ก็ต้องตามนั้นครับ รับรถมา ค่อยว่ากัน
ปล.ใช้แบตเตอรี่วิ่งในเมือง เครื่องยนต์ไม่ได้สตาร์ทเลย ใช่ว่าจะดีนะครับ เพราะการที่เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานเลย หรือ นานๆ ทำงานที มันสึกหรอกว่า ทำงานทุกวันอีกนะ
-
ถ้าจองไปแล้วก็แสดงความยินดีด้วยนะครับ
แต่ถ้า ยัง ลอง มองหา BEV ไปเลย จะ รู้สีกไม่เสียดายในภายหลังครับผม
อันนี้จาก ประสบการณ์ส่วนตัวที่ใช้ BEV มากว่า 120,000km
-
2. รถ HEV หรือ PHEV เข้าใจถูกแล้วว่า ถ้ามีปัญหา หรือ การดูแล มันก็ต้องดูแล 2 ระบบจริง (ไม่ใช่ว่า เครื่องมีปัญหา แล้ว จะใช้โหมดไฟฟ้า ไปพลางก่อน ไม่ได้ครับ)
ยี่ห้ออื่น ผมไม่แน่ใจนะครับ
แต่ Volvo โฆษณา และ ผม/เพื่อนสมาชิกเฟซประสบจริงแล้ว ว่า
1. ICE เสีย ขับไฟฟ้าได้ (ผมบังคับไม่จับคลัทช์ ICE ได้แน่นอน ตลอดเส้นทางตราบเท่าแบตมี)
2. Motor เสีย ขับน้ำมันได้ (มีเพื่อนสมาชิกโมดูลไฮบริดเสีย ก็ขับเป็นรถน้ำมันได้)
และ แปลกประหลาดมหัศจรรย์มาก รถออกมาแล้วสิบปี ไม่เคยมีสมาชิกในกลุ่มเฟซหมื่นคน ซ่อมส่วน ICE แม้กระทั่งเปลี่ยนหัวเทียน เป็นต้น แม้แต่คนเดียว
-
https://youtu.be/0-J6wboWffk?si=Ftgu0XeWWbwAhSHC
นาที 14.40-19 ลองไปดูเองนะครับ คำตอบคืออันตราย จากช่วงใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเหยียบสุดให้เครื่องยนต์ติดขึ้นมาช่วยใช้เวลา 6 วินาที ตอนเร่งแซงรอ6วินาทีคืออันตรายมากครับ ชีวิตจริงรถทั่วไปใช้เวลาแค่1วินาทีเองครับ :-\
-
https://youtu.be/0-J6wboWffk?si=Ftgu0XeWWbwAhSHC
นาที 14.40-19 ลองไปดูเองนะครับ คำตอบคืออันตราย จากช่วงใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเหยียบสุดให้เครื่องยนต์ติดขึ้นมาช่วยใช้เวลา 6 วินาที ตอนเร่งแซงรอ6วินาทีคืออันตรายมากครับ ชีวิตจริงรถทั่วไปใช้เวลาแค่1วินาทีเองครับ :-\
น่ากลัวมากๆครับเคสนี้ เทอร์โบรอรอบเต็มที่ก็วิเดียว
เกียร์เก่าๆ eco car ยังไม่เอ๋อขนาดนี้
ถ้าตอนเทส 80-120 เจอ 6 วิเข้าไป ตัวเลขคงดูไม่จืด