Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nobody123 ที่ กันยายน 11, 2024, 09:57:30
-
ตอนผมจะซื้อรถคันที่สามของบ้าน แฟนอยากได้ SUV ดังนั้น หนึ่งในช็อยส์คือ Y (ตัวผมอยากได้ X)
อ่านเว็บไทยโฆษณาทั้งทางการ ทั้งชาวบ้านรีวิวจริง น่าซื้อ (เกือบซื้อ)
แต่ ระยะพิสูจน์แบตในไทย สั้นไปครับ อย่างเช่น มีการสัมภาษณ์ผู้ใช้รายหนึ่ง 'ใช้ไปสามปี Capacity ลดเกือบ 10% พร้อมลงตัวเลข' ซึ่ง ตรงกับด้านล่างนี้เลยครับ (ไม่ดี)
ระยะยาว เป็นดังภาพนี้ครับ สี่ปี 10% 12ปี 30% ในบางบ้านเมืองประเทศค่อนข้างเย็นอย่างสหรัฐ
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/Picture15f4ea078f7cf138c.png)
ปลายอายุ (ประมาณสิบปี) ผมเจอเจ้าของรถที่ Capacity แบตลด 66% (เหลือ 33%) แล้ว! ดังภาพนี้
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/Picture4897b3978a604e55b.png)
ในไทยจะเจอหักลงเร็วกว่าเพราะ แม้ยังไม่ Max cycles reached แต่ Ambient temperature เกิน 27 องศา เยอะวันมากกว่าสหรัฐโดยรวมเยอะ (ญาติผมอยูหลายรัฐ อย่าง Texas ทางใต้ยังเย็นหลายวันมากเลย)
ส่วนคนใช้รถน้อย ก็อยู่ได้นาน ครับ (แต่มันไม่คุ้มส่วนต่างค่าน้ำมัน เมื่อเปลี่ยนแบตแม้เพียงครั้งเดียว)
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/Picture117e08dcc4740761ae.png)
โดยรวม ปัญหาแบตเป็นอย่างไรบ้าง เรามาดูรถที่ผลิตหลากหลายขนาดแบต คลิกดูหัวข้อในเพจนี้ได้เลยครับ
https://teslamotorsclub.com/tmc/tags/battery-replacement/
ไม่เห็นเหมือนโฆษณาที่บอกว่า แบตอยู่ได้ สามแสน - เกือบล้านโล เลยซักนิดเดียว (ผมว่าเขาเทสต์เมืองเย็นมากเลย)
; สำหรับคนเดินทางไกลแล้วชาร์จ *ทุกวัน* สามแสนโล เป็นไปได้ เพราะสิบปี ครบไซเคิลชาร์จ แต่เกินห้าแสนโลนี่ เจออากาศร้อน ๆ ไทย ไม่น่าไหวนะครับ
ก็เห็นเจ้าของเขียนในลิงค์อยู่ พอประมาณสิบปี วิ่งไปประมาณแสนกว่าโล เปลี่ยนแบตแล้ว
ราคารวมภาษีชิ้นส่วนไทย 25% ก็ตาม kWh เช่น 60-100 kWh ก็ต้องจ่ายกันตีกลม ๆ 600,000-1,000,000 บาท ครับ
(ยิ่ง DC ชาร์จบ่อย / จอดตากแดด =
1. ได้เปลี่ยนแบตในประกัน ดีเหมือนกัน
2. ได้เปลี่ยนแบตนอกประกันเร็วกว่าที่ควร ไม่น่าดีเพราะค่าบำรุงรักษาสูงกว่าคันอื่น)
(https://img2.pic.in.th/pic/Picture38a0c3a56fd299aea.png)
-
ผมยกตัวอย่างแบตตะกั่วกรดนะครับ
ยกตัวอย่างเป็นแบตที่ใส่กับ ups แล้วกัน
อย่าง life time 10 ปีที่เขียนไว้ในสเป็คคือเรื่องจริงไหม ใช่ครับ คือเรื่องจริง แต่... มันคืออยู่ใน conditions control มีการควบคุมอุณหภูมิ มีการควบคุมการ charge และ discharge
Condition ที่ว่าคือ charge ที่กระแสตามคู่มือ ที่ 20 องศา โดยการ discharge คือ cycle ที่ลดลง พอมาเจออุณหภูมิร้อนระอุของบ้านเราเดือนเมษา พวกแบตที่ทำงานใน open air ใช้ได้แค่ปีครึ่งเป็นแถบ
Lithuim ทุกประเภทก็ไม่ต่างกันครับ มี cycle มี temp. operation เป็นตัวแปรทั้งนั้นครับ คำว่า 300,000 โลหรือจะกี่ cycle ก็แล้วแต่ มักเป็นตัวเลขที่เขียนมาจาก lab ทั้งนั้นครับ
อย่างในบ้านเราเอง ปีนึงผมแบ่งเป็น 3 ช่วงนะครับ
1.ช่วงหน้าร้อน เป็นช่วงที่ทำลายแบตอย่างแท้จริง รองลงมาก็
2.หน้าหนาว ถ้าในภาคกลาง เวลารถติดๆ ผิวถนนที่ร้อนระอุก็ทำลายแบตไม่ต่างกับหน้าร้อน
3.จะดีหน่อยก็หน้าฝนที่พื้นผิวถนนเย็นหน่อย
แปลว่า ใน 1 ปีบ้านเรา จะมี 8 เดือนที่ทำให้แบตรถไฟฟ้าเสื่อมเร็วกว่าปกติพอสมควร
ปล.แต่ความร้อนระอุที่ว่าจะมีอยู่แค่ประมาณ 4 ชม.ต่อวันเท่านั้น
แต่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้รถของแต่ละคนด้วยครับ ถ้าขับเช้าไปทำงาน ค่ำกลับบ้าน ก็จะไม่เข้าเงื่อนไขกระชากวิญญาณแบต แต่ถ้าเป็น grab วิ่ง taxi อันนี้เข้าเงื่อนไขเลยครับ
เคสล่าสุดที่เจอในเฟสคือซีลป้องกันน้ำเข้าแบตของ mg zs เสื่อม...
MG โยนให้ประกัน ประกันก็โยนกลับมา
เมืองไทยเมืองร้อนครับ อะไรที่เรียกว่า lifetime อายุจะสั้นกว่าปกติอยู่แล้ว
วันนี้ผมยังไม่ค่อยตื่นเต้นกับรถไฟฟ้าเท่าไหร่ อาจเพราะผมขายแบตและอยู่วงการแบตเตอรี่มาตั้งแต่เด็ก
มันยังมีเงื่อนไขยุบยิบๆอีกเยอะเลยที่จะใช้แบตให้ได้ครบอายุของมัน
แต่ถ้าใครใช้รถไม่เยอะ ขับทำงานเช้าเย็น รับส่งลูกเช้าเย็น เงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหาอะไรครับ
แต่ถ้าวิ่งงานทั้งวัน ต้องคิดหนักนิดนึงครับ รถไฟฟ้ารุ่นแรกๆยังวิ่งกันไม่ถึง 3 ปี ยังกะเกณฑ์อะไรลำบาก
ส่วนตัว ถ้าใครรอได้ ก็ไปประมาณ 4-5 ปีแล้วมาดูกันอีกทีครับ
เสริมให้ครับ solid state เองก็มีจุดอ่อนเรื่องอุณหภูมิเช่นกัน แต่น้อยกว่า lithium หลายชนิดครับ
-
8) 8) 8)......ขอบคุณครับ ได้ความรู้ดี :-X