Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: bukla ที่ กันยายน 22, 2024, 20:33:24
-
ผมเจอโพสเป็นระยะๆ
รับทำคดี พาลูกหนี้ไปคืนรถ แล้วไม่ต้องจ่ายที่เหลือ
บางคนเลยจะรีไฟแนนซ์ เอาเงิน แล้วค่อยคืนกัน
อ่านแล้วแปลกๆ ทำได้จริงหรอครับ ใช้ กม.ช่องทางไหนกัน
-
ผมคิดว่าพอมีช่องทางทำได้คับ ปกติคดีแพ่งพอไปถึงศาลส่วนใหญ่จะจบในลักษณะไกล่เกลี่ย เช่น อาจจะตกลงให้คืนรถ แล้วไฟแนนซ์ก็เอาไปปล่อยต่อ (ไฟแนนซ์ก็ยึดเงินดาวน์+กินดอกเบี้ยบางส่วนไป)
แต่ผู้กู้ซื้อรถก็ติด Blacklist ไปอย่างน้อยๆก็ 3 ปี อาจจะไม่สามารถกู้ธนาคารหรือไฟแนนซ์ปกติได้อีก
-
กฏหมายใหม่ที่ออกมามีประโยชน์ครับ ถ้าสะดวกลองไปหาอ่านตัวเต็มดู
แต่เดียวผมขอสรุปที่เค้าทำๆกัน และทำได้ดังนี้ครับ
กรณีที่เราค้างชำระ จนถึงขั้นติดตามยึดรถ หากเราแน่ใจว่าผ่อนไม่ไหวและอยากปลดภาระ ให้เราหาเงินมาชำระเฉพาะงวดที่ค้าง และคืนรถได้เลย เราจะไม่มีภาระต้องถูกฟ้องใดๆจากไฟแนนท์
เช่นสมมุติค้างชำระ 3 เดือน ไฟแนนท์ขอรถคืน เดิมผ่อนเดือนละ 1หมื่น เราหาเงินไปจ่าย 3 หมื่นแล้วคืนรถเลย ก็จะถือว่าหมดภาระต่อกันฟ้องร้องกันไม่ได้ ถึงแม้ไฟแนนท์รับรถไปแล้วประมูลขายได้ราคาต่ำกว่ายอดหนี้คงค้างก็ฟ้องเรียกส่วนต่างไม่ได้แบบก่อนแล้ว
ส่วนอีกเคส ถ้าหากเราไม่มีเงิน 3 หมื่นไปปิดยอดค้างข้างต้น ให้เราทำการรีไฟแนนท์ จะกลายเป็นเราปิดไฟแนนท์เก่า รถเราจะไปอยู่ในนามไฟแนนท์ใหม่ ทีนี้ เมื่อเราไม่มียอดค้างชำระ ก็สามารถคืนรถยนต์ได้โดยไม่ถูกฟ้องแบบเดียวกับเคสแรก
2 เคสบน เป็นเคสในกรณ๊ที่ยังไม่ถูกฟ้องในชั้นศาลนะครับ แต่หากถูกฟ้องแล้ว ให้เราจ้างทนายความสู้คดี ทนายความจะทำสำนวนต่อสู้ให้เราจ่ายเพียงยอดค้างชำระรวมค่าปรับและดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่ต้องจ่ายหนี้ส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากการขายทอดตลาด เพราะศาลให้ความเห็นว่า การขายทอดตลาดได้ในราคาใด ไฟแนนท์ไม่สามารถฟ้องเรียกรับส่วนต่างจากลูกหนี้ได้แล่ว ตามกฏหมายใหม่ครับ เพราะการขายได้ราคาต่ำไม่ใช่ความรับผิดชอบของลูกหนี้ หากเป็นหน้าที่รับผิดชอบของไฟแนนท์เอง (เพราะผู้ขายคือไฟแนนท์ ไม่ใช่เราครับ)
สรุปสั้นๆ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าไม่ไหว ตัดใจปล่อยมือครับ คืนรถไปจ่ายที่ค้างให้เรียบร้อย มีเงินฟื้นตัวเมื่อไร กลับมาซื้อใหม่ได้(กับไฟแนนท์อื่น) ไม่มีคดีติดครับ
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
นี่คงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก ที่ทำให้ไฟแนนซ์ผ่านการกู้เงินซื้อรถยากขึ้นกว่าเดิมใช่ไหมครับ
ถ้าดาวน้อย จากนี้ก็น่าจะออกรถยากขึ้นเยอะใช่มั้ยครับ
เพราะไม่อย่างนั้นคนซื้อมาขับเท่ๆซัก 10 เดือน 15 เดือนปล่อยยึดดีกว่าเพราะขายก็เอาเงินมาตัดไม่พอ
-
กฏหมายใหม่ที่ออกมามีประโยชน์ครับ ถ้าสะดวกลองไปหาอ่านตัวเต็มดู
แต่เดียวผมขอสรุปที่เค้าทำๆกัน และทำได้ดังนี้ครับ
กรณีที่เราค้างชำระ จนถึงขั้นติดตามยึดรถ หากเราแน่ใจว่าผ่อนไม่ไหวและอยากปลดภาระ ให้เราหาเงินมาชำระเฉพาะงวดที่ค้าง และคืนรถได้เลย เราจะไม่มีภาระต้องถูกฟ้องใดๆจากไฟแนนท์
เช่นสมมุติค้างชำระ 3 เดือน ไฟแนนท์ขอรถคืน เดิมผ่อนเดือนละ 1หมื่น เราหาเงินไปจ่าย 3 หมื่นแล้วคืนรถเลย ก็จะถือว่าหมดภาระต่อกันฟ้องร้องกันไม่ได้ ถึงแม้ไฟแนนท์รับรถไปแล้วประมูลขายได้ราคาต่ำกว่ายอดหนี้คงค้างก็ฟ้องเรียกส่วนต่างไม่ได้แบบก่อนแล้ว
ส่วนอีกเคส ถ้าหากเราไม่มีเงิน 3 หมื่นไปปิดยอดค้างข้างต้น ให้เราทำการรีไฟแนนท์ จะกลายเป็นเราปิดไฟแนนท์เก่า รถเราจะไปอยู่ในนามไฟแนนท์ใหม่ ทีนี้ เมื่อเราไม่มียอดค้างชำระ ก็สามารถคืนรถยนต์ได้โดยไม่ถูกฟ้องแบบเดียวกับเคสแรก
2 เคสบน เป็นเคสในกรณ๊ที่ยังไม่ถูกฟ้องในชั้นศาลนะครับ แต่หากถูกฟ้องแล้ว ให้เราจ้างทนายความสู้คดี ทนายความจะทำสำนวนต่อสู้ให้เราจ่ายเพียงยอดค้างชำระรวมค่าปรับและดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่ต้องจ่ายหนี้ส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากการขายทอดตลาด เพราะศาลให้ความเห็นว่า การขายทอดตลาดได้ในราคาใด ไฟแนนท์ไม่สามารถฟ้องเรียกรับส่วนต่างจากลูกหนี้ได้แล่ว ตามกฏหมายใหม่ครับ เพราะการขายได้ราคาต่ำไม่ใช่ความรับผิดชอบของลูกหนี้ หากเป็นหน้าที่รับผิดชอบของไฟแนนท์เอง (เพราะผู้ขายคือไฟแนนท์ ไม่ใช่เราครับ)
สรุปสั้นๆ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าไม่ไหว ตัดใจปล่อยมือครับ คืนรถไปจ่ายที่ค้างให้เรียบร้อย มีเงินฟื้นตัวเมื่อไร กลับมาซื้อใหม่ได้(กับไฟแนนท์อื่น) ไม่มีคดีติดครับ
ผมว่าแบบนี้เอื้อลุกหนี้มากไปหน่อยครับ
ส่งเสริมให้เกิดหนี้เสียในระบบ
-
ผมว่ายากอยู่นะ ถ้าน้อย ๆ พอได้ ถ้าเยอะ ผมเป็นเจ้าหนี้ก็ไม่ยอมแหละ
-
กฏหมายใหม่ที่ออกมามีประโยชน์ครับ ถ้าสะดวกลองไปหาอ่านตัวเต็มดู
แต่เดียวผมขอสรุปที่เค้าทำๆกัน และทำได้ดังนี้ครับ
กรณีที่เราค้างชำระ จนถึงขั้นติดตามยึดรถ หากเราแน่ใจว่าผ่อนไม่ไหวและอยากปลดภาระ ให้เราหาเงินมาชำระเฉพาะงวดที่ค้าง และคืนรถได้เลย เราจะไม่มีภาระต้องถูกฟ้องใดๆจากไฟแนนท์
เช่นสมมุติค้างชำระ 3 เดือน ไฟแนนท์ขอรถคืน เดิมผ่อนเดือนละ 1หมื่น เราหาเงินไปจ่าย 3 หมื่นแล้วคืนรถเลย ก็จะถือว่าหมดภาระต่อกันฟ้องร้องกันไม่ได้ ถึงแม้ไฟแนนท์รับรถไปแล้วประมูลขายได้ราคาต่ำกว่ายอดหนี้คงค้างก็ฟ้องเรียกส่วนต่างไม่ได้แบบก่อนแล้ว
ส่วนอีกเคส ถ้าหากเราไม่มีเงิน 3 หมื่นไปปิดยอดค้างข้างต้น ให้เราทำการรีไฟแนนท์ จะกลายเป็นเราปิดไฟแนนท์เก่า รถเราจะไปอยู่ในนามไฟแนนท์ใหม่ ทีนี้ เมื่อเราไม่มียอดค้างชำระ ก็สามารถคืนรถยนต์ได้โดยไม่ถูกฟ้องแบบเดียวกับเคสแรก
2 เคสบน เป็นเคสในกรณ๊ที่ยังไม่ถูกฟ้องในชั้นศาลนะครับ แต่หากถูกฟ้องแล้ว ให้เราจ้างทนายความสู้คดี ทนายความจะทำสำนวนต่อสู้ให้เราจ่ายเพียงยอดค้างชำระรวมค่าปรับและดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่ต้องจ่ายหนี้ส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากการขายทอดตลาด เพราะศาลให้ความเห็นว่า การขายทอดตลาดได้ในราคาใด ไฟแนนท์ไม่สามารถฟ้องเรียกรับส่วนต่างจากลูกหนี้ได้แล่ว ตามกฏหมายใหม่ครับ เพราะการขายได้ราคาต่ำไม่ใช่ความรับผิดชอบของลูกหนี้ หากเป็นหน้าที่รับผิดชอบของไฟแนนท์เอง (เพราะผู้ขายคือไฟแนนท์ ไม่ใช่เราครับ)
สรุปสั้นๆ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าไม่ไหว ตัดใจปล่อยมือครับ คืนรถไปจ่ายที่ค้างให้เรียบร้อย มีเงินฟื้นตัวเมื่อไร กลับมาซื้อใหม่ได้(กับไฟแนนท์อื่น) ไม่มีคดีติดครับ
ผมว่าแบบนี้เอื้อลุกหนี้มากไปหน่อยครับ
ส่งเสริมให้เกิดหนี้เสียในระบบ
จริงๆไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ สาเหตุหนี้้เสีย มีหลายสาเหตุครับ เช่นคนที่เคยทำงานบริษัทฯสามารถผ่อนชำระได้อยู่ปกติ แต่อยู่ๆก็เกิดปัญหาเลิกจ้าง ตกงาน หรืองานที่ทำอยู่ประสบปัญหาเศรษฐกิจก็มีมากครับ ไม่ใช่เกิดจากความนิสัยเสียเพียงอย่างเดียวทั้งหมด
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนนี้คือ ไฟแนนท์ตามยึดรถได้้ รถคืนไปแล้วแต่มูลค่าหนี้ยังคงอยู่ครบพร้อมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ เมื่อถูกนำไปขายทอดตลาดในราคาถูก (ตั้งใจขายถูกให้ออกไว) เมื่อมีส่วนต่าง ไฟแนนท์ก็กลับไปฟ้องเรียกเก็บกับลูกหนี้อีก อย่างนี้ไฟแนนท์รับเต็มๆ ไม่มีเสียเลย ทั้งๆที่การขายทอดตลาด ไฟแนนท์เป็นผู้ยอมขายราคาต่ำเอง ลูกหนี้ไม่รู้เรื่องด้วย แบบนี้ยุติธรรมกับลูกหนี้แล้วครับ (ตามกฏหมายใหม่)
ทีนี้ไฟแนนท์ทำอย่างไร .. ก็พวกดาวน์ต่ำ 0-15% เนี่ยจะหมดไปครับ อยากกู้ดาวน์ขั้นต่ำ 20-25% มันจะช่วยหากเกิดกรณีอย่างนี้ขึ้น คนซื้อก็จะพยายามไม่คืนรถเพราะตัวเองดาวน์มาเยอะ
-
ผมว่ายากอยู่นะ ถ้าน้อย ๆ พอได้ ถ้าเยอะ ผมเป็นเจ้าหนี้ก็ไม่ยอมแหละ
ทุกวันนี้ไฟแนนท์จะไม่ยึดแล้วครับ จากที่คุยๆมา แต่จะแก้เกมส์ด้วยการเรียกลูกหนี้มารีไฟแนนท์ใหม่ เคลียร์ยอดค้างให้ และพยายามให้ลูกหนี้ผ่อนต่อให้ได้ครับ ค้างอีกก็รีอีก วนไปเรื่อยๆ
-
เรื่องกฎหมาย อย่าไปเชื่อข่าวในโซเซี่ยลต่างๆอะไรมากครับ เพราะ ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แต่ละคดีไม่เหมือนกันครับ
-
กฏหมายใหม่ที่ออกมามีประโยชน์ครับ ถ้าสะดวกลองไปหาอ่านตัวเต็มดู
แต่เดียวผมขอสรุปที่เค้าทำๆกัน และทำได้ดังนี้ครับ
กรณีที่เราค้างชำระ จนถึงขั้นติดตามยึดรถ หากเราแน่ใจว่าผ่อนไม่ไหวและอยากปลดภาระ ให้เราหาเงินมาชำระเฉพาะงวดที่ค้าง และคืนรถได้เลย เราจะไม่มีภาระต้องถูกฟ้องใดๆจากไฟแนนท์
เช่นสมมุติค้างชำระ 3 เดือน ไฟแนนท์ขอรถคืน เดิมผ่อนเดือนละ 1หมื่น เราหาเงินไปจ่าย 3 หมื่นแล้วคืนรถเลย ก็จะถือว่าหมดภาระต่อกันฟ้องร้องกันไม่ได้ ถึงแม้ไฟแนนท์รับรถไปแล้วประมูลขายได้ราคาต่ำกว่ายอดหนี้คงค้างก็ฟ้องเรียกส่วนต่างไม่ได้แบบก่อนแล้ว
ส่วนอีกเคส ถ้าหากเราไม่มีเงิน 3 หมื่นไปปิดยอดค้างข้างต้น ให้เราทำการรีไฟแนนท์ จะกลายเป็นเราปิดไฟแนนท์เก่า รถเราจะไปอยู่ในนามไฟแนนท์ใหม่ ทีนี้ เมื่อเราไม่มียอดค้างชำระ ก็สามารถคืนรถยนต์ได้โดยไม่ถูกฟ้องแบบเดียวกับเคสแรก
2 เคสบน เป็นเคสในกรณ๊ที่ยังไม่ถูกฟ้องในชั้นศาลนะครับ แต่หากถูกฟ้องแล้ว ให้เราจ้างทนายความสู้คดี ทนายความจะทำสำนวนต่อสู้ให้เราจ่ายเพียงยอดค้างชำระรวมค่าปรับและดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่ต้องจ่ายหนี้ส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากการขายทอดตลาด เพราะศาลให้ความเห็นว่า การขายทอดตลาดได้ในราคาใด ไฟแนนท์ไม่สามารถฟ้องเรียกรับส่วนต่างจากลูกหนี้ได้แล่ว ตามกฏหมายใหม่ครับ เพราะการขายได้ราคาต่ำไม่ใช่ความรับผิดชอบของลูกหนี้ หากเป็นหน้าที่รับผิดชอบของไฟแนนท์เอง (เพราะผู้ขายคือไฟแนนท์ ไม่ใช่เราครับ)
สรุปสั้นๆ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าไม่ไหว ตัดใจปล่อยมือครับ คืนรถไปจ่ายที่ค้างให้เรียบร้อย มีเงินฟื้นตัวเมื่อไร กลับมาซื้อใหม่ได้(กับไฟแนนท์อื่น) ไม่มีคดีติดครับ
ผมว่าแบบนี้เอื้อลุกหนี้มากไปหน่อยครับ
ส่งเสริมให้เกิดหนี้เสียในระบบ
จริงๆไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ สาเหตุหนี้้เสีย มีหลายสาเหตุครับ เช่นคนที่เคยทำงานบริษัทฯสามารถผ่อนชำระได้อยู่ปกติ แต่อยู่ๆก็เกิดปัญหาเลิกจ้าง ตกงาน หรืองานที่ทำอยู่ประสบปัญหาเศรษฐกิจก็มีมากครับ ไม่ใช่เกิดจากความนิสัยเสียเพียงอย่างเดียวทั้งหมด
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนนี้คือ ไฟแนนท์ตามยึดรถได้้ รถคืนไปแล้วแต่มูลค่าหนี้ยังคงอยู่ครบพร้อมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ เมื่อถูกนำไปขายทอดตลาดในราคาถูก (ตั้งใจขายถูกให้ออกไว) เมื่อมีส่วนต่าง ไฟแนนท์ก็กลับไปฟ้องเรียกเก็บกับลูกหนี้อีก อย่างนี้ไฟแนนท์รับเต็มๆ ไม่มีเสียเลย ทั้งๆที่การขายทอดตลาด ไฟแนนท์เป็นผู้ยอมขายราคาต่ำเอง ลูกหนี้ไม่รู้เรื่องด้วย แบบนี้ยุติธรรมกับลูกหนี้แล้วครับ (ตามกฏหมายใหม่)
ทีนี้ไฟแนนท์ทำอย่างไร .. ก็พวกดาวน์ต่ำ 0-15% เนี่ยจะหมดไปครับ อยากกู้ดาวน์ขั้นต่ำ 20-25% มันจะช่วยหากเกิดกรณีอย่างนี้ขึ้น คนซื้อก็จะพยายามไม่คืนรถเพราะตัวเองดาวน์มาเยอะ
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ก็ฟังดูสมเหตุสมผล
และไฟแนนซ์ก็ต้องปรับวิธีการจัดการความเสี่ยงตัวเองด้วยเงินดาวน์และค่างวดที่เหมาะสม
-
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่ได้รับจากกระทู้นี้ครับ
-
ที่แน่ๆทนายใด้งานทำ ใด้ค่าแรง สำเร็จหรือไม่คงต้องวัดเอา ปัจจัยมันมีหลายอย่าง
หนี้คงค้าง สภาพและมูลค่ารถปัจจุบัน ตัวแปรมันเยอะ สำเร็จบ้างแต่ไม่ 100% แน่ๆ
-
ผมเอาบทความสรุปโดยอ้างอิงข้อกฏหมาย น่าจะพอเชื่อถือได้ จากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มาให้อ่านครับ
(https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/f5506e5b493b29c12b4a14981154d3da.png)
-
คืนรถมันก็ต้องเสียส่วนต่างอยู่ดี ส่วนใหญ่ที่ผ่อนไม่ไหวต้องการคืนรถหรือปล่อยยึด ยอดหนี้มันเหลือมากกว่ามูลค่ารถ แล้วตอนนี้ราคารถมือ 2 ตกมาก ไฟแนนซ์เอาไปปล่อยก็ราคาต่ำอยู่แล้วยังไงก็โดนฟ้องเสียส่วนต่างทีหลัง
-
ผมว่ายากอยู่นะ ถ้าน้อย ๆ พอได้ ถ้าเยอะ ผมเป็นเจ้าหนี้ก็ไม่ยอมแหละ
ทุกวันนี้ไฟแนนท์จะไม่ยึดแล้วครับ จากที่คุยๆมา แต่จะแก้เกมส์ด้วยการเรียกลูกหนี้มารีไฟแนนท์ใหม่ เคลียร์ยอดค้างให้ และพยายามให้ลูกหนี้ผ่อนต่อให้ได้ครับ ค้างอีกก็รีอีก วนไปเรื่อยๆ
ที่เห็นมาก็ตามนี้จริงๆ ครับ ต่อให้ขึ้นศาลก็มีไกล่เกลี่ยอยู่ดี แต่บางคนเหมือนจะดี ต้องดูดีๆ นะ ไกล่เกลี่ยแล้ว ไม่ไหวก็ไม่ควรทำ ถ้าหนี้มันเสียมากๆ เค้าก็มีทางเลือกให้อีก แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้
-
รอดูซักปีสองปี น่าจะมีกรณีตัวอย่างให้เห็นกันเยอะแล้วละ แบบนี้ก็ดีจะได้คัดกรองคนซื้อเยอะๆหน่อย สำหรับผมดาวน์อย่างน้อย 25% ผ่อน 4 ปี อยู่แล้ว ถ้าผ่อนไม่ไหวแสดงว่าการเงินไม่พร้อมจะซื้อรถ
-
จริงๆ ไม่ต้องใช้ทนายเลยครับ
ประสบการณ์เพื่อนที่ต้องการจะไม่ผ่อนต่อ คือ นำเอารถไปคืนที่ไฟแนนซ์ (อย่ารอให้ติดหนี้หลายเดือน เสียค่าปรับแล้วค่อยไปคืน)
หลังจากนำรถไปคืน จะได้เหตผลอะไร ก็แล้วแต่ก็แจ้งไปตามตรงว่า ไม่มีความสามารถในการผ่อนแล้ว ก็ว่ากันไปครับ
หลังจากนั้น ไฟแนนซ์จะนำรถเราไปขายทอดตลาด ช่วงนี้อาจจะกินเวลาหลายเดือน กว่ารถของเราจะขายได้
ขายได้เท่าไร ก็จะมาหักลบกับยอดจัดที่เหลืออยู่ครับ ตรงจุดนี้และ ไฟแนนซ์จะเรียกเรามาไกล่เกลี่ยส่วนนี้ว่าเราจะจ่ายที่เหลือเท่าไร
สามารถปฏิเสธในการจ่ายได้ ก็บอกไปตามตรงว่า ไม่มีเงินก็จะไม่ต้องจ่ายส่วนที่เหลือได้ครับ
อันนี้ คือ เพื่อนผมทำมาแล้วครับ
-
ผมว่า แล้ว แต่ เคส แล้วแต่กรณี ต้องพิจารณาอีกที
ถ้าคุยยากคง ทำให้ จ่ายน้อยที่สุด :-X
-
ฟังจากเพื่อนที่ทำรถบรรทุกส่งของ แกมีบริษัท4-5หัว รถรวมๆ300คัน หลังบ้านต้องแข็งพอควร
แกใช้คำว่าเอารถไปคืนไฟแนนซ์
คือแกไปประมูลงานมา แล้วก็ออกรถมาใช้กับงานนั้นๆ ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องกับลูกค้าบางอย่าง งานไปต่อไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นก็ไปหางานใหม่ หรือทนขาดทุนไปก่อน
แกเล่นวิธีนี้ ซึ่งผมฟังแกอธิบายอยู่2-3รอบ ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมมันถึงทำได้ อาจจะเพราะแกเป็นลูกค้ารายใหญ่ด้วย ไฟแนนซ์อาจจะเลี้ยงสถานการณ์ไป แล้วช่วยหาคนมาซื้อต่อรึป่าวไม่แน่ใจ
-
ผมว่าไม่จำเป็นต้องมีทนายเลยนะครับ เข้าไปคุยกับไฟแนนซ์ได้เลย อาจจะมีการปรับโครงสร้างหนี้ได้ จะได้ไม่ต้องคืนรถด้วยครับ
ส่วนถ้าจะคืนรถกันจริงๆ เรื่องส่วนต่างนั้น ผมเกรงว่าอาจจะเลี่ยงไม่ได้ครับ เพราะราคารถตกมากช่วงนี้ ยังไงขายทอดตลาดไป โอกาสที่จะได้ราคา cover ยอดหนี้ ไม่น่าเป็นไปได้เลย
-
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
นี่คงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก ที่ทำให้ไฟแนนซ์ผ่านการกู้เงินซื้อรถยากขึ้นกว่าเดิมใช่ไหมครับ
ถ้าดาวน้อย จากนี้ก็น่าจะออกรถยากขึ้นเยอะใช่มั้ยครับ
เพราะไม่อย่างนั้นคนซื้อมาขับเท่ๆซัก 10 เดือน 15 เดือนปล่อยยึดดีกว่าเพราะขายก็เอาเงินมาตัดไม่พอ
ไฟแนนซ์ ปล่อยยากขึ้น เพราะ หนี้เสีย ครับ
ไฟแนนซ์ ไม่ได้อยากได้รถ มาเป็นทรัพย์สิน เพราะทรัพย์สิน มันเสื่อมค่าลงทุกปี
ไฟแนนซ์ ต้องการดอกเบี้ย ยิ่งกู้ ยิ่งเป็นหนี้ ยิ่งได้ดอกเบี้ย ไฟแนนซ์ยิ่งรวย ครับ ไฟแนนซ์จะรักลูกค้าพวกนี้มาก
จริงๆ ไฟแนนซ์ ก็ทำตัวเอง ปล่อยกู้ง่าย บางเจ้าดาวน์ 0 บาท ผ่อนขับเลย ทำยังกะเป็นรถมอเตอร์ไซต์ เลย เพราะหวังขยายฐานลูกค้า (ลูกหนี้) ให้เยอะขึ้น
แต่พอเขาผ่อนไม่ไหว ก็ทิ้งรถ จะไปฟ้องเขา ฟ้องเอาอะไรครับ ในเมื่อทรัพย์สินเงินทอง เขาไม่มี
สุดท้ายไปจบลงที่ชั้นไกล่เกลี่ย แทบทั้งนั้น