Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: saran_1st ที่ กันยายน 23, 2024, 17:00:24
-
สวัสดีครับ วันนี้จะมารีวิวยางแบบบ้านๆให้ฟังครับ เป็นยางยี่ห้อ Giti รุ่น GitiSport S2 ขอใช้หัวเรื่องว่า First Impression แล้วกันนะครับเพราะนับตั้งแต่เปลี่ยนยางมาผมเพิ่งใช้งานไปประมาณ 1 เดือนเศษ รวมระยะทางประมาณ 2,000 กิโลเมตร ไว้ถ้ามีผลการใช้งานในระยะยาวจะแวะมาเล่าให้ฟังต่อในโอกาสถัดไปนะครับ
เรื่องมันเริ่มมาจากว่าจะขยับจากล้อ 17 นิ้ว มาเป็น 18 นิ้ว พอเช็คราคายางเจ้าตลาดยางสปอร์ตรุ่นที่เคยใช้อยู่หรือเสียงตอบรับตลาดดีๆล้วนราคาสูงพอสมควร ทั้ง Pilot Sport 5 และ RE004 ไซส์ 235/40R18 มีราคาอยู่ในระดับเส้นละ 6-7 พัน แล้วแต่ร้านและส่วนลด เลยมองหาตัวเลือกอื่นๆที่ประหยัดลงโดยสมรรถนะไม่น่าเกลียด หรือราคาประมาณนั้นแหละแต่ได้สมรรถนะเหนือไปกว่านั้นอีก ก็จะสนใจอยู่ 5 ตัวเรียงตามลำดับความสนใจจากมากไปน้อยได้ดังนี้
1. Bridgestone Potenza Sport - ราคาไม่ได้ประหยัดลง แต่ด้วยเม็ดเงินที่จ่ายไปเท่าๆกับ RE004 ผมรู้สึกว่าตัวนี้จะได้ยางที่เทพกว่าเกาะถนนดีกว่า จึงน่าจะคุ้มค่ากว่าสำหรับผมเพราะเป็นคนชอบเข้าโค้งอยู่แล้ว ไม่ได้สนใจเรื่องเสียงและความนุ่มนวลนัก และผมชอบรูปลักษณ์แก้มยางรุ่นนี้มากๆ รีวิวเมืองนอกดูโดดเด่นทั้งทางแห้งและทางเปียก มีข้อด้อยแค่เรื่องการสึกหรอของยางที่หมดไวหน่อย
2. Yokohama Advan Sport V107 - พอจะหาร้านที่ราคาเบากว่า Michelin / Bridgestone ได้นิดหน่อย อ่านรีวิวใน Facebook ของพี่อดีตทีมงาน HLM ท่านหนึ่งแล้วอยากลองเห็นแกบอกว่าเหมาะกับคนขับห้าวๆ รีวิวเมืองนอกเรื่อง Wet Grip เวลาถนนเปียกก็ใช้ได้ แก้มยางสวยมากเช่นกัน
3. Yokohama Advan Neova AD08RS - ตัวนี้ไม่ต้องเอ่ยอะไรมาก ยางลายสามัญประจำกลุ่มรถซิ่งอยู่แล้ว อันที่จริงนับตั้งแต่เปลี่ยนจาก AD08 มาเป็น AD08R ผมก็เริ่มสนใจยางตระกูลนี้มากขึ้นเพราะดูจะปรับปรุงจุดอ่อนเรื่องการรีดน้ำมาพอสมควรจึงน่าจะใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น ผมเข้าใจว่ายาง Pattern นี้ที่ญี่ปุ่นเลิกขายไปแล้วเพราะไม่มีในเว็บญี่ปุ่น แต่บ้านเรา (หรืออาจมีประเทศอื่นด้วย) ยังอยากได้กันอยู่ เขาเลยต้องปั๊มมาขายกันต่อไปแล้วปรับ compound ปรับตำแหน่งทางการตลาด เท่าที่อ่านดูหลายๆที่มักพูดตรงกันว่าตัว RS ไม่เกาะหนึบหนับเหมือนเดิม ซึ่งดูจากราคาที่เป็นมิตรมากกว่าสมัยก่อนพอสมควร และมีไซส์ของรถกระบะออกมาขายด้วยก็ดูน่าเชื่อว่าคงเป็นไปตามนั้น
4. Yokohama Advan Fleva V701 - ตัวนี้ก็ได้รับอิทธิพลจากรีวิวใน Facebook ของพี่ท่านนั้นเช่นกัน สิ่งที่ชอบคือราคาประหยัดลงมาหน่อยและลายสวยดี แต่ก็แอบกังวลว่าเวลาเอาไปบู๊ในโค้งเพื่อหนีรถ EV ที่มาจี้ท้าย มันจะรับความเร็วได้ไม่สูงนัก
5. BFGoodrich G-Force Phenom - จากที่เห็นยางรถเก๋งของ BFGoodrich ยุคใหม่ๆเริ่มมีความน่าใช้มากขึ้น เช่น Advantage Touring ผมเลยอยากลองตัว Phenom ที่เป็นยางแนวสปอร์ต เชื่อว่าอย่างขี้เหร่ที่สุดก็คงไม่หนีไปจาก Pilot Sport 3 ที่เคยใช้สมัยก่อนนู้น เพราะยังไงซะ BF มันก็เครือเดียวกับ Michelin (อย่าง Firestone ที่เป็นแบรนด์รองของ Bridgestone ก็จะเอาเทคโนโลยีหรือ Pattern ของ Bridgestone ตัวเก่าๆมาใช้ ถ้า BFGoodrich/Michelin มีความสัมพันธ์ลักษณะเดียวกัน มันก็ไม่น่าจะห่วยกระโหลกกะลาอะไรนัก)
หลังจากประเมินลักษณะการขับขี่ และเส้นทางที่ใช้ประจำแล้ว (มอเตอร์เวย์ + ถนนปกติ + ถนนสายรองที่พื้นผิวถนนไม่ค่อยดีน้ำขังบ่อย) เลยเหลือแค่ 2 ตัวเลือกแรก คือ Potenza Sport กับ V107 ระหว่างที่นั่งคิดๆอยู่บังเอิญไถ Facebook เจอร้านแต่งรถร้านดังแห่งหนึ่งไปตัดเอายาง Giti รุ่นสปอร์ตลายโหดๆมาขาย ผมเลยระลึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นป้ายโฆษณายางยี่ห้อนี้ตามสนามแข่งรถในเมืองนอกนี่นา คราวนี้ Algorithm ของ Facebook ทำงานเลยครับ พอค้นหาคำว่า Giti ทีนึงคราวนี้มาเป็นตับมาให้อ่านไม่หยุดเลย
เท่าที่หาข้อมูลได้ ยี่ห้อ Giti นี่เป็นยี่ห้อยางที่มีต้นกำเนิดมาจากอินโดนีเซีย ดำเนินธุรกิจมาร่วม 70 ปีแล้ว ผมเข้าใจว่าก่อนหน้านี้มันคือยาง GT Radial แหละครับ แต่ช่วงหลังๆแตกแบรนด์ออกมาเป็น Giti จับกลุ่มสปอร์ต / พรีเมี่ยม และลุยโปรโมทตามกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต ปัจจุบันสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้เขายังมีสำนักงาน R&D (วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์) กระจายตัวอยู่ในยุโรปและอเมริกาด้วย นั่งอ่านๆเพลินๆแล้วพบว่ายางรุ่นที่อาจตอบโจทย์การใช้งานของผมคือรุ่น GitiSport S2
ลองหายางตกปี (ปี 2023) ดูว่าพอมีขายไหม ได้ราคาน่ารักอีก 235/40R18 ทั้งชุดจบที่ 8,000 บาท (เส้นละ 2,000 บาท) ก็เลยซื้อมาแบบไม่ต้องคิด ราคานี้ใช้ปีเดียวถอดทิ้งก็ยังคุ้มเลยมั้ง
(https://i.postimg.cc/cCdVSL6P/Giti-01.jpg)
-
สเปคล้อที่ใส่จะเป็น 18x8.5 +45 รัดด้วยยาง 235/40R18 เต็มซุ้มพอดีแบบไม่ต้องลุ้นต้องเสียวติดซุ้ม จั๊มสะพานสบายๆและไม่กว้างเกินจนรถเลื้อย
(https://i.postimg.cc/LX3bNFvD/Giti-02.jpg)
ให้ดูแก้มชัดๆครับ หล่อใช้ได้นะเจ้า Giti ช้างน้อย ไม่ต้องส่องหานะครับว่า Made in ประเทศอะไรเพราะเขาเอาไปซ่อนไว้ด้านในครับ55 ผมพลิกดูแล้วมัน Made in China ผมสรุปให้เพื่อนผมฟังแบบนี้ครับ [เยอรมันออกแบบ - สิงคโปร์ขาย - จีนผลิต]
(https://i.postimg.cc/PJfF7VRj/Giti-03.jpg)
หลังจากใส่แล้วสิ่งที่กังวลนิดหน่อย (ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม) คือผมว่าหน้ายางและแก้มยางดูมีขนาดค่อนข้างเล็กสำหรับยางไซส์ 235 ที่ใส่กับล้อกว้าง 8.5 นิ้ว ลองสังเกตจากด้านข้างดูครับผมว่ามี Rim Protection น้อย ถ้าเผลอเบียดฟุตบาทนี่ล้อแม็กเป็นรอยหนักแน่นอน แทบไม่มีแก้มยางนูนออกมาช่วยเซฟ
(https://i.postimg.cc/rshY2GBt/Giti-04.jpg)
ว่าแล้วก็ตั้งศูนย์แล้วไปลองขับกัน พักหลังๆนี้เห็นร้านยาง Fast Fit ทั้งหลายทยอยเปลี่ยนเครื่องตั้งศูนย์เป็นชนิดที่จับกับยางกันหลายร้านเลย รอบนี้ก็เลยเสาะหาร้านที่มีแบบนี้ครับ อย่างหนึ่งที่น่าเศร้าคือพนักงานหรือแม้แต่ผู้จัดการร้านบางร้านยังไม่รู้ข้อดีของเครื่องพวกนี้เลยแม้ว่าร้านตัวเองจะมีอยู่แล้ว บางคนถามก็ไม่รู้เรื่องหรือบอกว่าไม่มี (แต่ผมเห็นอยู่ชัดๆว่ามี 55) เครื่องแบบนี้ผมชอบมันอุ่นใจดีไม่ต้องกลัวล้อเป็นรอย ไม่ต้องไปยืนกำกับช่างเยอะ คือผมเป็นคนค่อนข้างจุกจิกเรื่องพวกนี้เพราะผมเองก็เป็นช่างมาก่อน ครูที่สอนงานช่างผมก็ดุและใส่ใจรักในอาชีพช่างมากๆด้วย นอกจากนี้ในรถผมยังพกลูกบล็อกถอดน็อตล้อชนิดมีปลอกกันรอยไว้ด้วยเผื่อไปที่ร้านไหนแล้วเขาไม่มีใช้ผมก็จะเอาให้ใช้ ล่าสุดผมพกก้อนยางสำหรับแป้นที่ขาลิฟท์ยกรถไว้ในรถอีก 4 ก้อนด้วย เผื่อไปร้านที่ยางขาลิฟท์ขาดผมก็จะเอาให้เขายืม55 ชายน้ำใต้รถจะได้ไม่ยับไม่เสียรูปครับ บ้านผมซีเรียสเรื่องนี้มากๆ (ทำเป็นเล่นไปนะ มีโอกาสได้ใช้ควักออกมาใช้แล้วจริงๆด้วยนะครับ)
(https://i.postimg.cc/ZYjQNZWK/Giti-05.jpg)
-
มาพูดถึงการขับขี่กันบ้าง หลังจากที่ใช้งานมาประมาณ 1 เดือนเศษ วิ่งเกือบๆ 2,000 กิโลเมตร สภาพเส้นทางมอเตอร์เวย์ประมาณ 70% ถนนในเมืองคุณภาพดีประมาณ 10% และถนนสายรองที่พื้นผิวแย่น้ำขังอีก 20% ผมขอสรุปแยกประเด็นดังนี้
Dry Grip (8.0 เต็ม 10.0)
การเกาะถนนในสภาพถนนแห้งนั้นตัวเปรียบเทียบของผมคือ RE004 (225/45R17) ที่อยู่ในล้อชุดเก่าของรถคันเดียวกันนี้ ในโค้งเดียวกัน RE004 (ใช้งานมา 2 ปี ดอกยาง 80%) ผมสามารถเข้าได้ที่ 110 km/h เจ้า GitiSport S2 (235/45R18) ก็สามารถพาผมเข้าโค้งได้ในระดับเดียวกัน โดยที่ยังไม่รู้สึกถึงอาการ Understeer และไม่ได้ยินเสียงยางร้อง อย่างไรก็ตามความเกาะถนนก็อยู่ในระดับยางสปอร์ตวิ่งถนนทั่วๆไป แน่นอนยังไม่สามารถเทียบกับยาง Soft Compound ได้ ส่วนหนึ่งที่ใช้ความเร็วในโค้งได้สูงเทียบชั้นยางเจ้าตลาดงอาจเป็นเพราะยางผมหน้ากว้างขึ้น ล้อแม็กกว้างขึ้น ยางแก้มเตี้ยลง นอกนั้นปัจจัยควบคุมเหมือนเดิมทุกอย่าง ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า หากผ่านไป 1-2 ปีจะยังยืนระดับสมรรถนะได้เหมือนยางเจ้าตลาดรึเปล่า จึงขอให้ที่ 8 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 ก่อนครับ
(https://i.postimg.cc/BQ6VcyF5/Giti-06.jpg)
Wet Grip (7.5 เต็ม 10.0)
การเกาะถนนในสภาพถนนเปียกผมเปรียบเทียบกับหนึ่งในเทพทางน้ำของยุคอย่าง Pilot Sport 4 (225/45R18) และยางพรีเมียม Primacy 4 (205/55R16) ที่ใช้อยู่ในรถคันอื่นที่บ้าน ขณะฝนตกหนักปานกลางบนมอเตอร์เวย์ GitiSport S2 ประกอบกับระบบขับเคลื่อนแบบ All Wheel Drive สามารถพาผมมุดไปมาโดยใช้เลนบนมอเตอร์เวย์ให้ครบทั้ง 4 เลน (เพื่อแซงรถช้าแช่ขวาทั้งหลาย) ได้อย่างมั่นใจไม่มีอาการปัดแต่อย่างใด สามารถใช้ความเร็วได้ใกล้เคียงกับ PS4 เลยครับ สิ่งที่ด้อยกว่าคือเวลาเจอแอ่งน้ำลึกๆ PS4 มักจะสามารถรูดผ่านไปได้โดยไม่ต้องเกร็งพวงมาลัยมาก เพราะล้อไม่ค่อยโดนน้ำดูดแล้วดึงให้เป๋ได้ง่ายๆ แต่กับ GitiSport S2 อาการที่ว่านี้มีพบได้มากกว่า PS4 เล็กน้อย ส่วนการเข้าโค้งในขณะถนนเปียกที่โค้งเดียวกับในหัวข้อด้านบน PS4 เข้าได้ประมาณ 80 km/h เจ้า GitiSport S2 ผมกล้าเข้าสุดๆที่ประมาณ 75 km/h ครับ สาเหตุจะขอพูดถึงที่หัวข้อ Handling ต่อนะครับ
(https://i.postimg.cc/7ZJtj2mf/Giti-07.jpg)
Handling (6.5 เต็ม 10.0)
เท่าที่ลองขับใช้งานผมว่า Road feedback หรือ ความรู้สึกที่ส่งผ่านมาถึงพวงมาลัย ของ GitiSport S2 ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อารมณ์เหมือนว่าขับแล้วมันชาๆ ตื้อๆไปหมด เวลาเลี้ยวเข้าโค้งรู้สึกว่ายังไม่ค่อยคม จับอาการค่อนข้างยากว่าเมื่อไหร่ที่ยางจะเริ่มร้องหรือเริ่มสูญเสีย Grip โดยรวมๆมันไม่ถึงกับว่าน่ากลัวหรือขับแล้วไม่สนุกนะครับ เอาเป็นว่า Road feedback ถือว่าด้อยกว่ายางเจ้าตลาดในกลุ่มสปอร์ตแล้วกันครับ คนที่อยากรู้สึกถึงทุกรายละเอียดของถนนอาจจะไม่ชอบเจ้าตัวนี้ และผมแนะนำว่าพยายามอย่าไปใส่จนสุด Limit ของยางแล้วกันครับ
(https://i.postimg.cc/CLQ6vNC3/Giti-08.jpg)
Comfort (9.0 เต็ม 10.0)
สอดกล้องกับหัวข้อ Handling ครับ ยางตัวนี้เป็นยางกลุ่มสปอร์ตที่นิสัยติดนุ่ม เวลาขับมันเลยออกมาทื่อๆอย่างที่กล่าวถึงด้านบน แน่นอนว่ามันขับสบายมาก ขยับจากล้อ 17 นิ้ว มาเป็น 18 นิ้ว แก้มเตี้ยลง แต่ดันขับสบายกว่าตอนใส่ RE004 นอกจากนี้เสียงยางก็เงียบครับ ถ้าไม่บอกผมนึกว่าใส่ยางนุ่มเงียบอยู่ อย่างไรก็ตามหัวข้อนี้ต้องรอดูยาวๆครับว่าหลังพ้น 1 ปีแล้วจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้ขับแล้วชอบมากขอให้ 9 เต็ม 10 ไว้ก่อนแล้วกัน
(https://i.postimg.cc/s2FHzgNK/Giti-09.jpg)
Value (9.5 เต็ม 10.0)
หากเป็นยางปีใหม่ ราคาน่าจะอยู่ประมาณเส้นละ 2พันปลายๆ อย่างที่เล่าให้ฟังตอนแรกครับ ผมได้เป็นยางค้างปีมา แฮปปี้กับราคาที่ได้มามากๆ คิดว่าถ้าชุดต่อไปยังหาอะไรที่ตอบโจทย์กว่านี้ไม่ได้ หรือไม่ได้อยากลองรุ่นอื่นๆ ก็คงจบที่ S2 เหมือนเดิมครับ หาได้ที่ไหน ยางขอบ 18 ขับดีประมาณนี้ ทั้งชุดจบไม่ถึงหมื่น
(https://i.postimg.cc/T2HfMBr1/Giti-10.jpg)
ขอขอบคุณที่ตามอ่านมาจนจบครับ หวังว่า Review นี้จะเป็นประโยชน์กับท่านที่กำลังหายางราคาประหยัดคุ้มค่าอยู่ครับ
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ ละเอียด ชัดเจน เห็นภาพมากๆครับ
-
ขอบคุณมากครับ อ่านเพลินและสนุกมาก
หากมีโอกาสมาตอบหลังใช้งานไป 1 ปี ผมก็จะตามไปอ่านครับ :) :) :)
-
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ ละเอียด ชัดเจน เห็นภาพมากๆครับ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านครับ ยินดีครับ :D
ขอบคุณมากครับ อ่านเพลินและสนุกมาก
หากมีโอกาสมาตอบหลังใช้งานไป 1 ปี ผมก็จะตามไปอ่านครับ :) :) :)
ขอบคุณที่แวะมาติชมครับ ::) ไว้ครบ 1 ปีหรือ 10,000 โล อันไหนถึงก่อนผมจะแวะมาอัพเดตเป็นระยะครับ
โชคไม่ดีที่เพิ่งมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนล้อชั่วคราว ผมอาจจะเอายางชุดนี้ (หน้ากว้าง 235) ไปใส่กับล้อสำรองขนาดกว้าง 7.5 นิ้วแล้ววิ่งใช้งานซักพักใหญ่ๆ ยางมันจะกว้างเกินล้อไปหน่อย อาจจะมีผลเรื่องการบิดตัวของแก้มยางมากกว่าปกติเล็กน้อยครับ แต่สำหรับบททดสอบเรื่องเสียงกับ Grip หลังจากใช้งานครบปี น่าจะยังไม่คลาดเคลื่อนมาก
-
การออกเดทเพื่อมีเซ็กส์. (https://top.datingx.live)
Most realistic adult game (https://en.adultgame.life)