Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Destiny_gun ที่ กันยายน 27, 2024, 13:55:18
-
หลังจากที่บ้านเรา Up เป็น Euro5 ไม่ได้นาน แต่คนใช้รถก็ใช้รถเยอะกันจริงๆ เข้าเช็คระยะเริ่มมีเสียงจากช่างว่า น้ำมันเครื่องเกินขีดกันแล้ว???
แต่ช่างศูนย์ยืนยันว่าปลอดภัย? ใน Manual มีแจ้งไว้
ตกลง DPF มันมีปัญหานี้โดยที่แก้ไขอะไรไม่ได้จริงๆหรอ
-
เป็นกับรถบางแบรนด์หรือเปล่าครับ
-
DPF ยังมีปัญหาอื่นอีก ถ้าจะใช้รถดีเซลมี DPF ผมยอมกลับไปหาใช้เบนซินพื้นฐานง่าย ๆ ซ่อมง่ายซ่อมถูก ดีกว่า ดีเซลสมัยใหม่จุกจิกและค่าใช้จ่ายเยอะเกินไป
-
AdBlue ต้องมาแล้ว
-
Euro5 น่าจะมาดูรถที่วิ่งใช้งานหลักหมื่นโลขึ้นไปดูด้วย ดูซิว่าเหลือสักกี่ยูโรหลังใช้งานในชีวิตจริง
-
กลายเป็นว่าดีเซล euro5 ของบีเอ็ม เสถียรดีมาก โดยเฉพาะรุ่นที่ไม่ต้องเติม adblue
ส่วนรุ่นเติม adblue ต้องดูกันต่อไปว่าจะมีปัญหาจุกจิกเหมือน MB ไหม เดี่ยว NOx sensor ตัวบน-ตัวล่างเสีย
เดี๋ยวหัวฉีดadblueเสีย เดี๋ยวปั๊มadblue เสีย ทยอยกันเสีย หมดกันหลักแสนก็มี
บางคนไปปิด adblue ทำไม่ดี เครื่องพังอีก
-
เป็นกับรถบางแบรนด์หรือเปล่าครับ
ที่เจอตอนนี้เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่ Regen ด้วยตัวเองเหมือนกับ Mazda เลยครับ
DPF ยังมีปัญหาอื่นอีก ถ้าจะใช้รถดีเซลมี DPF ผมยอมกลับไปหาใช้เบนซินพื้นฐานง่าย ๆ ซ่อมง่ายซ่อมถูก ดีกว่า ดีเซลสมัยใหม่จุกจิกและค่าใช้จ่ายเยอะเกินไป
จริงๆมันมีก็ดีนะครับ ช่วงกรองพวกควันดำได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่น้ำมันดีเซลลงไปในเครื่องได้เนี่ยแหละครับ
AdBlue ต้องมาแล้ว
555 แค่นี้ผมว่าคนใช้เริ่มขยาดแล้ว ไม่ใช่วิ่งแค่ 150k พัง แบบนี้ผมว่าอย่ามีดีกว่า
Euro5 น่าจะมาดูรถที่วิ่งใช้งานหลักหมื่นโลขึ้นไปดูด้วย ดูซิว่าเหลือสักกี่ยูโรหลังใช้งานในชีวิตจริง
นั่นสิครับ
กลายเป็นว่าดีเซล euro5 ของบีเอ็ม เสถียรดีมาก โดยเฉพาะรุ่นที่ไม่ต้องเติม adblue
ส่วนรุ่นเติม adblue ต้องดูกันต่อไปว่าจะมีปัญหาจุกจิกเหมือน MB ไหม เดี่ยว NOx sensor ตัวบน-ตัวล่างเสีย
เดี๋ยวหัวฉีดadblueเสีย เดี๋ยวปั๊มadblue เสีย ทยอยกันเสีย หมดกันหลักแสนก็มี
บางคนไปปิด adblue ทำไม่ดี เครื่องพังอีก
ยังดีที่ผ่านมือผมมามันยังมีแค่ DPF ยังไม่เคยเจอ Adblue ครับ แต่ DPF Benz มันตันเร็วจริงๆ
-
รถ euro5
DPF ทุกคัน ตอนนี้ เจอปัญหา กินน้ำมัน กว่า euro4 ไม่ค่อยดีเลย :'(
-
มันเป็นสิ่งที่เค้าเลือกที่จะลด Nox มากจนกลายเป็นลดประสิทธิ์ภาพและคุณภาพของเครื่องยนต์ลงไปเยอะ ทำให้เครื่องยนต์มีปัญหา ไม่ทน และปล่อยควันมากกว่าเดิม จนต้องมีตัวแก้ไปเรื่อยจนมันเป็ยอย่างวันนี้แหละ
เมื่อก่อน เครื่องดีเซลไม่มี EGR ครับ รถโคตรทน สมัยที่ใครๆก็บอกว่าดีเซลทน นั่นแหละเรื่องจริง ต่อมา บอกการจุดระเบิดของดีเซลมันอุณภูมิสูง ทำให้เกิด Nox ปล่อยก๊าซทำโลกร้อน สายวิศวกรรมก็ไม่รู้จะแก้ไง(ความรู้ตัน) ก็ไปหาวิธีลดความร้อนตอนจุดระเบิดลงซะ ด้วยการใส่ EGR เข้ามา และให้มันดูดไอเสียที่เผาไหม้แล้ว วนกลับไปในท่อ ID ใหม่ ผลคือ ลดอุณหภูมิการจุดระเบิดได้จริง แต่ผลที่ตามมาคือ การจุดระเบิดไม่สมบูรณ์ มีควัน ก่อ PM 2.5 เครื่องยนต์สึกหรอกว่าเดิม ท่อ ID ตัน
แต่พอลด Nox ได้ ทีนี้ Euro5 เข้ามาคือต้องลดปริมาณควันที่ปล่อยออกมาด้วย ... ทีนี้ด้วยความรู้ที่ตันอยู่แล้ว ก็นึกไม่ออก เลยคิดหาตัวดักควันมันซะเลยซึ่งก็คือ DPF เอามาดักควันไว้ ซึ่งก็ดักได้ แต่มันตันเมื่อมีการสะสมมากๆ สุดท้ายก็ต้อทำให้มันเผาสลายควันได้ ก็จ่ายน้ำมันเข้าไป เผาให้มันเป็นผงออกมา สุดท้ายไอ้ผงนั่นก็ปล่อยออกมาอยู่ดี แต่อนุภาคมันใหญ่กว่า PM 2.5 เลยรอดตัว ผ่านมาตราฐาน
เรื่อง่ายๆแค่นี้แหละ จุดเริ่มต้นมันมาจากจะลด Nox และมันก็ลามมาเรื่อย ... แก้ปัญหาเดิม ก่อปัญหาใหม่ ... อยากลด Nox จากไอเสียรถยนต์ แต่ไม่ไปแก้การปล่อย Nox จากภาคอุตสาหกรรม ต่างๆ
-
มันมีข่าวการฟ้องร้องในออสเตรเลีย สมัยที่ไทยส่งออก Hilux ที่ติด DPF ไปขายที่นั่นใหม่ๆ พร้อมกับ Fotuner และ Prado จากญี่ปุ่น ซึ่งปกติโซนยุโรป ออสเตรเลีย มาตรฐานมลพิษจะล้ำไปก่อนเราซัก 3-6 ปี ทีนี้คนที่ซื้อไปในช่วงนั้นเจอปัญหากันเพียบ Toyota เองก็ใบ้กินเพราะรู้แต่หาทางแก้ไขไม่ได้
สุดท้ายผู้บริโภครวมตัวฟ้องร้องจนชนะคดี จบเรื่องเมื่อ Toyota จ่ายชดเชยค่าเสียเวลา ค่าสึกหรอจากปัญหา DPF ให้ผู้ซื้อทุกราย เข้าใจว่าได้คนละ 3,000-6,000 AUD (หาอ่านเอาจาก Reddit) และทำการเปลี่ยน DPF เป็น hardware ตัวใหม่ที่ปรับปรุงแล้ว พร้อมทั้งปรับปรุง software การเผาเขม่า หลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหาอีกเลย
เลยเข้าใจว่า DPF ใน Revo ดีเซลไทยน่าจะเป็นตัวที่ปรับปรุงแล้ว จากประสบการณ์ในออสเตรเลีย 6 ปีก่อนถ้ามันจะเกิดซ้ำที่ไทยก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ความเป็นไปได้น่าจะเป็นยี่ห้ออื่นๆมากกว่าที่มีปัญหา โดยเฉพาะหากขับในเมืองเป็หลักไม่เคยขึ้นทางด่วน หรือออกต่างจังหวัดเลย เช่น รถรับส่งลูกบ้าน shuttle bus ตามคอนโด
-
มันมีข่าวการฟ้องร้องในออสเตรเลีย สมัยที่ไทยส่งออก Hilux ที่ติด DPF ไปขายที่นั่นใหม่ๆ พร้อมกับ Fotuner และ Prado จากญี่ปุ่น ซึ่งปกติโซนยุโรป ออสเตรเลีย มาตรฐานมลพิษจะล้ำไปก่อนเราซัก 3-6 ปี ทีนี้คนที่ซื้อไปในช่วงนั้นเจอปัญหากันเพียบ Toyota เองก็ใบ้กินเพราะรู้แต่หาทางแก้ไขไม่ได้
สุดท้ายผู้บริโภครวมตัวฟ้องร้องจนชนะคดี จบเรื่องเมื่อ Toyota จ่ายชดเชยค่าเสียเวลา ค่าสึกหรอจากปัญหา DPF ให้ผู้ซื้อทุกราย เข้าใจว่าได้คนละ 3,000-6,000 AUD (หาอ่านเอาจาก Reddit) และทำการเปลี่ยน DPF เป็น hardware ตัวใหม่ที่ปรับปรุงแล้ว พร้อมทั้งปรับปรุง software การเผาเขม่า หลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหาอีกเลย
เลยเข้าใจว่า DPF ใน Revo ดีเซลไทยน่าจะเป็นตัวที่ปรับปรุงแล้ว จากประสบการณ์ในออสเตรเลีย 6 ปีก่อนถ้ามันจะเกิดซ้ำที่ไทยก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ความเป็นไปได้น่าจะเป็นยี่ห้ออื่นๆมากกว่าที่มีปัญหา โดยเฉพาะหากขับในเมืองเป็หลักไม่เคยขึ้นทางด่วน หรือออกต่างจังหวัดเลย เช่น รถรับส่งลูกบ้าน shuttle bus ตามคอนโด
ตอนนั้นถ้าผมจำไม่ผิด Hardware เปลี่ยนจาก Regen อัตโนมัติเป็นมีปุ่มกดติดตั้งให้ครับ Software เปลี่ยนจาก Regen เองเป็นต้องกดปุ่ม แค่นั้นเองครับ และจะมีเตือนให้กดเป็นไฟกระพริบ ถ้าชม.การใช้งานหรือวัดค่าได้จาก O2 sensor ครับ