Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ ตุลาคม 05, 2024, 11:24:06
-
https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2751652?fbclid=IwY2xjawFtnM5leHRuA2FlbQIxMQABHbiM44FujmA9eqS4lUIpa1Nnn4RRC4vAQHnGMcieYUjcWZCafXEuYABtVg_aem_qMcKPNsa1tdtrfW_YL85sQ
จากที่พี่แพนเคยเขียนไว้
ส่วนตัวผมชอบ แบบ EREV ครับ เพราะว่ามันคือรถมอเตอร์ไฟฟ้า (BEV) ที่มีเครื่องไว้ปั่นไฟเข้าแบต เพื่อให้วิ่งได้ไกลขึ้น ข้อดีกว่า PHEV คือ เครื่องมันไม่ได้มาขับเคลื่อนเลย ตัดระบบ ตัดต่อกำลังเครื่อง-มอเตอร์ไปได้เลย
แต่ก็ยังมีเครื่องนะครับ แต่เครื่องยนต์โดยมากจะต่ำกว่า 1.5 ลงไป ซึ่งมันพื้นฐานดูแลไม่ยากครับ
ที่จำได้ ว่ามีขาย คือ BMW I3 กับ Mazda MX-30 ที่ใช้เครื่องโรตารี่มาลง
ส่วนที่รู้สึกว่าน่าสนใจ คือ Deepal L07 ครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Deepal_L07
ถ้าไหนๆ ฉางอัน จะตั้งโรงงานจริงจัง ใช้ชิ้นส่วนในไทยมากๆ เพื่อการส่งออก ผมหวังว่า
1. จะมีขาย Mazda EZ-6 ประกอบไทยในชื่อ Mazda 6
2. มีตัว EREV มาขายทั้งตัว Deepal และ Mazda ด้วยครับ
คิดิอย่างไรกันครับ มาแชร์กันได้ครับ
-
ผมคิดว่ามันเป็นแนวทางการออกแบบรถของ ยุโรป กับญี่ปุ่นครับ
EREV ได้เปรียบที่ไม่ต้องชาร์จไฟเลย ใช้งานเหมือนรถน้ำมันทั่วๆไป
ถ้าเทียบกับ Hybrid ทั่วๆไป ที่ความเร็วต่ำใช้งานในเมือง จะได้อัตราเร่งที่ดีกว่า แต่พอความเร็วสูงหน่อย ด้วยข้อจำกัดของขนาดแบต / มอเตอร์ อัตราเร่งมันดรอปและการบริโภคเชื้อเพลิงมันสูงขึ้นครับ
มันเลยเหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก
คิดว่าแนวทางญีปุ่น ไม่ได้ใช้รถบนย่านความเร็วสูงกัน เพราะที่ ญี่ปุ่น ทางด่วนวิ่งได้แค่ 120 อย่าง Nissan GT-R ยังมี Limit ที่ 180
PHEV ส่วนตัวผมรู้สึกว่า แนวคิดของเขาคืออัตราเร่งต้องโอเค แล้วถ้ามีไฟในแบตให้ใช้ก็ทำให้มันดีขึ้นไปอีก เป็นการใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยเพิ่มสมรรถนะ
พื้นฐานของมันเลยเป็นเครื่องยนต์ที่สมรรถนะโอเค วิ่งความเร็วสูงบน AutoBahn ได้
ซึ่งพอเข้าไทย ด้วยความที่เป็นรถกลุ่ม Hybrid ได้ส่วนลดเรื่องของภาษี ทำให้ ราคาในไทยมันน่าสนใจ
กลุ่มคนที่อยากประหยัดค่าน้ำมัน ก็มาเอา PHEV เสียบชาร์จ วิ่งไฟฟ้าจากแบตเอา
ผมว่ามันดีทั้งคู่แหละ อยู่ที่โจทย์ของแต่ละคนต้องการอะไร หรือให้ความสำคัญกับอะไรเป็นหลัก
ถ้าเอาแค่สองชนิดนี้ ในราคาเท่ากันผมจะเลือก PHEV ครับ อย่างน้อยมันใช้งานได้โอเค ในทุกย่านความเร็ว
แต่ในชีวิตจริงมันมีเรื่องของราคารถ การดูแลรักษา ความน่าเชื่อถือของแบรน เข้ามาเกี่ยวอีก...
ที่อยากให้มีจริงๆคือรถที่ รถสมรรถนะกลางๆ 0-100 สัก 10-11 วิ แต่ชาร์จไฟ และวิ่งไฟฟ้าล้วนได้ครับ
-
ผมเข้าใจว่า EREV คือ PHEV ชนิดหนึ่งนะครับ
-
ผมว่าดีทั้งคู่ครับ เพราะในเมือง ชาร์จจากบ้าน มันลดการปล่อยมลพิษเมืองใหญ่ได้ดี
PHEV หลายรุ่น คนเท้าหนักอาจชอบ PHEV มากกว่า เพราะ ขับด้วยสองระบบ โดยรวมแรงกว่า แต่ก็ไม่ทุกรุ่น เพราะเห็นคนมาบอกว่ารถที่ผมเชียร์ยี่ห้อจีน กดเร่งจากมอเตอร์ขับอยู่กว่าเครื่องจะติดช่วยตั้งหกวิ (ผมยังสงสัยเลยว่า มันเซ็ตไว้โหมดประหยัดหรือเปล่า ถ้าโหมดแรงจะติดเร็วขึ้นไหม)
ส่วน EREV อย่าง Mazda MX-30 ก็จะได้ยินเสียงโรตารี น่าจะไพเราะมาก แค่จินตนาการถึงการหมุนของโรตารีก็อยากขับละ
-
จริงๆมันเป็น phev เหมือนกันครับ แต่ differentiate ด้วยคำ เพราะว่าคนเราคุ้นชินกับ hev / phev ที่ใช้เครื่องเป็นหลัก แล้วใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วย เค้าเลยนิยามคำมาใหม่ให้เป็น erev เพื่อใช้เป็นคำทางการตลาดแยกตัวจาก conventional hybrid
อย่าง phev ของ sealion 6 นิมันก็เป็นแนวๆ erev ครับ ถึงจะไม่ใช่ปั่นเข้าแบต 100% แต่พื้นฐานเป็นการใช้ไฟฟ้าวิ่งเป็นหลัก
ซึ่งผมมองว่ามัน smooth กว่า hb toyota ที่ใช้มาตลอดมากๆครับ lexus ที่ว่าเก็บเสียงดีนุ่มจิ๊ด เวลาสลับการทำงานเครื่องไฟฟ้าก็มี ฮึ่มๆอยู่ ผมใช้ es ตัวล่าสุดนะ ไม่ใช่ ux lbx
แต่ sealion 6 ที่ไปลองมา พยายามรีดกดยังไงแล้ว เครื่องก็ทำงานเบากว่ามากไม่รู้สึกเลยว่าทำงานตอนไหน ยิ่งถ้าเป็นแก๊ง erev แบบแบตลูกใหญ่ ผมคิดว่ามันจะยิ่งนิ่งกว่า เพราะเคยลอง kicks เองก็ทำงานได้ smooth เหมือนกัน
ตอนนี้ผมมองว่ามันตอบโจทย์สุดละ แต่ถ้าส่วนตัวขอไป bev ล้วนดีกว่า ไม่ได้ห่วงเรื่องการบำรุง 2 ระบบ เพราะเชื่อเถอะแบตทั้งแพค แพงกว่า แบตเล็ก + เครื่อง 2เท่าได้ครับ แต่ผมเองชอบจอดรถนอนแล้วก็จอดรถในบ้าน เลยไม่ชอบให้มัน emit ใดๆทั้งสิ้น ชาร์จบ้านได้ ทำงาน flexible แอบหนีไปชาร์จตอนบ่ายได้ไรงี้ เลยลงตัวกับการใช้ชีวิต
แต่สำหรับคนที่ต้องเตรียมรบหน้าตู้ชาร์จ ทั้งเจอคนหน้าด้าน เจอมนุษย์ลุง ผมว่า erev ตอบโจทย์ที่สุด ในยุคนี้ครับ
-
ถ้าจะให้เลือกใช้จริงๆ ผมก็ชอบ EREV นะครับ คือ สิ่งที่คาดว่าจะได้รับแตกต่างจาก PHEV และ EV คือ
1.ไม่ต้องไปลุ้นหาที่ชาร์จ เพราะเรามีเครื่องปั่นไฟไปด้วยทุกที่
2.การขับเคลื่อน ด้วยกำลังมอเตอร์ ทำให้ได้แรงบิดต่อเนื่องที่ดี ไปได้ทั้งทางไกล ทางใกล้
3.การสึกหรอของเครื่องยนต์ต่ำกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป เพราะเครื่องยนต์รอบทำงานคงที่ เมื่อไฟเต็มเครื่องก็หยุดการทำงาน
โดยส่วนตัวคิดว่า ถ้าระบบ Erev แต่ใช้เครื่องยนต์เป็นเครื่องดีเซลขนาดเล็ก น่าจะมีประสิทธิ์ภาพในการปั่นไฟมากกว่าได้ เพราะเครื่องดีเซลมีแรงบิดสูงที่รอบต่ำ น่าจะเหมาะสมกว่าเครื่องเบนซิน
-
พากันงง หลงไปกับชื่อการตลาดกันใหญ่แล้วครับ
EREV คือ HEV ชนิดหนึ่ง
PHEV คือ HEV ที่เสียบปลั๊กชาร์จไฟจากภายนอกได้
เอาจริงๆ EREV คือ เครื่องปั่นไฟป้อนแบต ดังนั้น EREV = e-Power = I-MMD ซึ่งทั้งหมดคือ HEV แบบ Series
ส่วน PHEV คือ HEV ที่เสียบชาร์จไฟจากภายนอกได้ มันคือ HEV ที่เพิ่ม P เข้ามาแค่นั้นเอง
ถ้า HEV แบบ EREV or e-Power or I-MMD มันเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ ทั้งหมดก็จะกลายเป็น PHEV นั่นเองครับ
ทำไมชอบเครื่องปั่นไฟกันเหรอครับ ที่มันดูจะประหยัดก็เพราะมันใส่แบตใหญ่ไงครับ (เทียบกับโตโยต้า)
เคยแง้มๆ ดูราคาแบต e-Power กันรึยังครับ (ประมาณ 3 เท่าของโตโยต้านะ)
-
พากันงง หลงไปกับชื่อการตลาดกันใหญ่แล้วครับ
EREV คือ HEV ชนิดหนึ่ง
PHEV คือ HEV ที่เสียบปลั๊กชาร์จไฟจากภายนอกได้
เอาจริงๆ EREV คือ เครื่องปั่นไฟป้อนแบต ดังนั้น EREV = e-Power = I-MMD ซึ่งทั้งหมดคือ HEV แบบ Series
ส่วน PHEV คือ HEV ที่เสียบชาร์จไฟจากภายนอกได้ มันคือ HEV ที่เพิ่ม P เข้ามาแค่นั้นเอง
ถ้า HEV แบบ EREV or e-Power or I-MMD มันเสียบปลั๊กชาร์จไฟได้ ทั้งหมดก็จะกลายเป็น PHEV นั่นเองครับ
ทำไมชอบเครื่องปั่นไฟกันเหรอครับ ที่มันดูจะประหยัดก็เพราะมันใส่แบตใหญ่ไงครับ (เทียบกับโตโยต้า)
เคยแง้มๆ ดูราคาแบต e-Power กันรึยังครับ (ประมาณ 3 เท่าของโตโยต้านะ)
คิดเหมือนกันเลยครับ ว่า มันก็คือ E-power ที่มี เต้ารับชาร์ทไฟ ครับ
-
ผมเห็นตัวเลขการวิ่งในเมืองของ EREV แล้ว ชอบนะ
อย่างคันนึงที่ในเมือง 25 km/l นี่ มันคุ้มมากสำหรับคนใช้ในเมือง
เหนือกว่า ICE คันผมแบบเทียบไม่ติดเลย
-
ผมชอบ PHEV น่ะครับ แต่ขอแบบวิ่งได้ไกลไกลสัก 100 โล
วิ่งในเมืองก็เสียบปลั๊กเอา วิ่งต่างจังหวัดก็ใช้น้ำมัน
ข้อเสียน่าจะซ่อมบำรุงแพง
-
เรื่องค่าซ่อมบำรุง ระยะยาว ผมไม่แน่ใจสองตัวนี้เทียบกันเลยครับ
แต่ถ้าสมัยก่อน ช่วง Leaf / S ครองตลาด ค่าซ่อมบำรุงระยะยาว PHEV = BEV < HEV < ICE จากข้อมูลรถแสนกว่าคันครับ
จากการพูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มเฟซ EV พบว่า PHEV 10 ปี มันไม่ต้องซ่อมส่วนสันดาปภายในเลย (ไม่เคยมีคนบ่นแม้กระทั่งเรื่องเปลี่ยนหัวฉีด) ส่วนที่เสีย มันเสียเหมือน BEV คือ ส่วนไฟฟ้า
และถ้าสมัยนี้ ชุมชนอู่ซ่อมรถอังกฤษ พบว่า พอเกิน 5 ปี การซ่อม (ไม่ใช่ค่าซ่อม) ของ BEV จะมีอัตราสูงสุด (สูงกว่าสันดาปภายในและไฮบริดทุกรูปแบบ) เช่น อินเวอร์เตอร์เสีย หรือ มอเตอร์เสีย หรือ แบตเสื่อม ครับ
แบต ชาร์จ DC ประจำ วิ่งบ่อย ๆ ปีกว่าก็มีคนแบตไปแล้วครับ
-
ชอบ PHEV ระยะไฟฟ้า ขับช้าๆ ได้ไกล ๆ เหมาะกับในเมืองที่สุด ลดมลพิษ :-X
-
ส่วนตัวตอนนี้ลงตัวกับPHEVครับเพราะระยะทางวิ่งไม่เกินแบตของ750eตลอด EREVไม่เคยลอง แต่ที่ใช้อยู่ระบบของBMW PHEV smoothดีมากครับ น้ำมันไม่ได้เติมมานานแล้ว
-
ส่วนตัวตอนนี้ลงตัวกับPHEVครับเพราะระยะทางวิ่งไม่เกินแบตของ750eตลอด EREVไม่เคยลอง แต่ที่ใช้อยู่ระบบของBMW PHEV smoothดีมากครับ น้ำมันไม่ได้เติมมานานแล้ว
เยี่ยมเลยครับ ;)
-
จากที่อ่านๆดูมันก็คือ e-power แบบนิสสัน ที่มีแบตลูกใหญ่หน่อยกับปลั๊กชาร์จ ใช่มั้ย..
-
จากที่อ่านๆดูมันก็คือ e-power แบบนิสสัน ที่มีแบตลูกใหญ่หน่อยกับปลั๊กชาร์จ ใช่มั้ย..
ตามนี้ครับ มันคือ Hybrid นั่นแหละครับ
-
จากที่อ่านๆดูมันก็คือ e-power แบบนิสสัน ที่มีแบตลูกใหญ่หน่อยกับปลั๊กชาร์จ ใช่มั้ย..
ใช่ครับ
-
นอกจาก erev และ phev ยังมี dmi ของbyd ที่ดึงเอาข้อดีของทั้งสองอย่างมาใช้เลยนะครับเท่าที่ได้ดูรีวิวจากสื่อไทยหลายๆ ช่องแล้ว น่าจะครบเครื่องและเหมาะกับคนที่ยังอยากใช้รถไฟฟ้า แต่ ก็ลังเลที่จะซื้ออยู่ ยอดขายในจีนคนก็ยังเทไปทาง dmi ยิ่งออกเจนใหม่ dmi5.0 มาอีก erev น่าจะสู้ไม่ได้แล้วตอนนี้
-
dmi byd นี่แหละครับที่ตอนแรกผมเชียร์ จากหลายสื่อ มันคือ PHEV นี่แหละครับ
ปรากฏ คนในบอร์ดนี่ไปพบว่า ตอนเร่ง ใช้เวลา 6 วินาทีกว่าเครื่องยนต์จะติด เขาบอกว่า อันตรายนะ
-
ถ้าให้เลือก คงเลือก PHEV ระยะ แบต สัก 200 km ก็เพียงพอต่อการวิ่งต่อวัน
หรือ นานๆทีออก ตจว ที ก็ เติมน้ำมันเอา ก็สะดวกที่สุดเลยครับ