Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: solo ที่ ตุลาคม 21, 2024, 07:25:40
-
https://www.youtube.com/watch?v=YG7fbi7KOPs
-
เรื่องวิ่งไม่เร็วของรถ EV นี่เรื่องจริงเลย เห็นบนถนนโดยเฉพาะถ้าเป็นเส้นที่วิ่งทางไกล บางคันวิ่งเร็วกว่า 10 ล้อนิดเดียว เข้าใจแหละว่า ถ้าเร็วกว่านี้อาจวิ่งไม่ถึงจุดชาร์จที่มาร์คไว้
จี้ตูด ก็ไม่กดหนีด้วย วิ่งแช่ 80-90 อยู่อย่างนั้น .. ประหยัดเงินแต่เปลืองเวลาชีวิต
-
รถเราซื้อมาใช้เพื่อลดเวลาการเดินทาง เพื่อความสะดวกสบาย
ซื้อมาเป็นภาระ มาคอยกังวล คนบางส่วนคงไม่เอาด้วย
-
ตอบในฐานะคนใช้ Model Y LR ผมรู้ตัวดีว่า Lifestyle ผมมันพอไปได้กับ EV
1. มีบ้าน มีที่จอดรถของตัวเอง และมี Solar Cell ที่ติดและใช้งานได้ดีมาตลอด
2. ในกรณีไปต่างจังหวัด เกือบทุกที่ๆ ไปพัก สามารถจอดชาร์จได้ มีบ่อยครั้งที่ใช้แค่ Portable Charger นี่แหละ
3. อาจจะเพราะรถผมมันแบตใหญ่พอด้วยแหละ ผมเลยไม่กลัวที่จะขับเร็วเลย
4. ผมยังมีรถน้ำมันใช้
5. น้อยครั้งที่ผมจะเดินทางช่วงเทศกาล แม้กระทั่งในวันปกติ ถ้าไปจังหวัดที่เกิน 500 กม. ผมเลือกนั่งเครื่องบินไปเช่ารถเอา
แต่กระนั้นผมก็รู้ดีว่า EV ไม่ได้เหมาะกับทุกคน มีญาติบางคนมาปรึกษาว่าควรซื้อดีมั้ย ก็ยังมีบางเคสที่ผมบอกว่า "อย่าเลย" อยู่
-
ปัญหาที่ว่าในคลิป ผมว่าแค่ส่วนหนึ่งนะ
และคนที่จะซื้อรถไฟฟ้าบางส่วนก็คงทราบดีอยู่แล้วว่ามันไม่ได้วิ่งได้ตามสเปค
ยิ่งวิ่งเร็วก็ยิ่งวิ่งได้น้อย ส่วนตัวผมก็ทราบปัญหานี้อยู่แล้ว
ที่มันชะลอตัวผมว่ามันเป็นเรื่องของจุดอิ่มตัว และปัญหารายได้หรือกำลังซื้อของคนส่วนใหญ่มากกว่า
เพราะยอดขายมันชะลอตัวทุกเซกเมนต์เลย กระบะเจ้าตลาดที่เคยขายเป็นหมื่นเหลือ 5-6 พัน
และคนที่จะซื้อรถไฟฟ้ามาเพื่อเน้นเดินทางไกลส่วนใหญ่เขาไม่เลือกรถไฟฟ้า ถึงจะมีก็ส่วนน้อย
จริงๆรถไฟฟ้าเหมาะกับการใช้ชีวิตของผมมากๆ
ใช้รถวันละ 50 กม. เสียบชาร์จที่บ้าน
เดินทางข้ามจังหวัดอาทิตย์ละครั้งขาละ 150 กม. ระหว่างบ้านผมกับบ้านพ่อแม่
ก็ติดตั้งวอลชาร์จมันไว้ 2 หลังก็จบ..
แต่ที่ยังไม่ซื้อเพราะการเงินมันตึงอยู่แค่นั้นจริงๆ 55+
-
ตอบในฐานะคนใช้ Model Y LR ผมรู้ตัวดีว่า Lifestyle ผมมันพอไปได้กับ EV
1. มีบ้าน มีที่จอดรถของตัวเอง และมี Solar Cell ที่ติดและใช้งานได้ดีมาตลอด
2. ในกรณีไปต่างจังหวัด เกือบทุกที่ๆ ไปพัก สามารถจอดชาร์จได้ มีบ่อยครั้งที่ใช้แค่ Portable Charger นี่แหละ
3. อาจจะเพราะรถผมมันแบตใหญ่พอด้วยแหละ ผมเลยไม่กลัวที่จะขับเร็วเลย
4. ผมยังมีรถน้ำมันใช้
5. น้อยครั้งที่ผมจะเดินทางช่วงเทศกาล แม้กระทั่งในวันปกติ ถ้าไปจังหวัดที่เกิน 500 กม. ผมเลือกนั่งเครื่องบินไปเช่ารถเอา
แต่กระนั้นผมก็รู้ดีว่า EV ไม่ได้เหมาะกับทุกคน มีญาติบางคนมาปรึกษาว่าควรซื้อดีมั้ย ก็ยังมีบางเคสที่ผมบอกว่า "อย่าเลย" อยู่
ชอบคำตอบนี้ครับ
ของทุกอย่างไม่ได้เหมาะกับทุกคน
ถ้าปรับตัวเข้ากับมันได้เราก็จะเห็นว่ามันประหยัดค่าน้ำมันได้เยอะจิง
แต่ทุกวันนี้ผม็ยังขับรถน้ำมันนะ เพราะรถไฟฟ้าเมียไม่ยอมปล่อยให้จับ
-
นึกภาพตัวเองไปนั่งรอชารท์ตอนเดินทางไกลอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้งกรณีถึงปุ๊บได้เสียบเลย แต่ถ้ามีคิวก่อนหน้าต้องรออีก เสียดายเวลากว่าค่าน้ำมัน ผมเป็นประเภทขับไม่ค่อยอยากจอด อยากถึงเร็ว นานๆแวะปั๊มที ใหนจะต้องมาหัวเสียกับนักรบหน้าตู้อีก หลายๆคนอาจจะเหมาะ แต่สำหรับผมไม่ใช่
เห็นหลายความเห็นว่าถ้าทำรถไฟฟ้าวิ่งได้ 800-1000 กม/ชารท์ น่าใช้ สำหรับผมชารท์เร็ว 5-10 นาทีเท่านั้นคือคำตอบ วิ่งแค่ 4-500 กมแต่ชารท์เร็วจะน่าใช้ วิ่ง1000กม/ชารท์แล้วยังชารท์ช้าเหมือนเดิม ยิ่งใช้เวลานานยิ่งนานไปอีกสำรับผมไม่ไหว
-
บางคนกลัวครับ
อย่างแฟนผม ครอบครัวผมบอกไม่เอาเลย ไม่ซื้อเป็นอันขาด กลัวแบตระเบิด
หลายคนเอามาชาทหน้าบ้านครับ กลัวแบตระเบิดในโรงรถแบบที่เป็นข่าว (แต่มาระเบิดหน้าบ้าน ไม่คิดถึงคนอื่นที่ผ่านไปมาเลยนะ -*-)
-
ยอดขายลดเพราะกลุ่มลูกค้าจริงๆที่จะใช้มันมีเท่านี้แหละครับ เพราะถึงจุดนึงมันก็จะชะลอตัวเพราะคนซื้อกันไปเกือบๆหมดแล้ว
ตอนแรกที่แห่กันไปซื้อเพราะด้วยของใหม่ อยากลองอยากใช้ หลายคนที่กระโดดเข้าไป ขายออกก็มี
กลุ่มลูกค้าใหม่ที่เปลี่ยนมาซื้อ ev หลังจากช่วงแรกที่กระแสแรงก็ยังไม่เยอะมาก
มันเป็นทั้งโลกครับ ขนาดวอลโว่ยังชะลอแผนเปลี่ยนตัวเองเป็นไฟฟ้าทั้งไลน์อัพเลย
รถไฟฟ้ามันเป็นกระแสที่แรงมาก ทำให้ supply มันออกมามาก มากซะจนมันมากกว่า demand ตลาดไปเยอะ
-
ถ้าความเห็นส่วนตัวของผม
1.ยังไม่มั่นใจ รถEV โดยเฉพาะเรื่อง ความปลอดภัย ทั้งการใช้งานปกติ และเกิดการชน
2.ไม่มั่นใจบริการหลังการขาย
3.ราคาขายต่อ
ยังไม่พร้อมใช้รถ EV จริงๆครับ
-
แรกๆ ของแปลก ก็อยากได้
ยุคแรกที่รถ BEV เข้าไทย ข้อแรกที่คนกังวลที่สุด คือ เรื่องชาร์จนาน (ชาร์จบ้าน ทั้งคืน) พอถึงจุดนึงที่มี station charge เพิ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เรื่องชาร์จนาน ก็ค่อยๆ เงียบไป แต่กลายเป็นมาเป็นเรื่องแย่งที่ชาร์จกันแทน แต่จะเกิดช่วงเทศกาล
พอผ่านตรงนี้ได้ ก็มาดราม่า เรื่องค่าประกันแพง
พอผ่านอีกที ก็มาคุยเรื่องราคาแบตเตอรี่ที่ราคาล้มคัน กันเลยทีเดียว
แต่พอเริ่มได้สัมผัสเต็มที่แล้ว ก็เริ่มรู้ข้อจำกัด เช่น
- ระยะวิ่งจริง(ไม่ตรงปก)
- ขับเหมือนรถน้ำมัน คือ ซัดกัน 120+ ตัวเลข ระยะวิ่ง หายเกือบ 50% (โม้ไว้ 500-600km แต่วิ่งจริงได้ 300km ต้้นๆ เอง)
ตอนนี้ คนรู้เยอะแล้ว อะไรดี อะไรเด่น อะไรด้อย
สุดท้าย ตอนนี้ มันเริ่มเลืือกเจ้าของ แล้ว ว่า ใครพร้อม?
ส่วนราคาขายต่อ ผมว่า เขายังไม่ค่อยคิด (ถึงจะคิด ก็คงเป็นข้อท้ายๆ) เพราะตอนนี้ อายุรถยังใหม่อยู่เลย ใช้มา 2-3 ปี ยังไม่ช่วงที่ต้องขาย
ลองดูอีก 3-5 ปี ตอนนั้นอายุรถก็ 5-10 ปีแล้ว จะรู้เลยว่า ราคามือ2 มันจะไปได้ขนาดไหน มันก็จะเป็นเงื่อนไขข้อนึง ที่ช่วงเวลานั้น ตลาดรถ BEV มันจะเป็นยังไงต่อไป
-
เรื่องวิ่งไม่เร็วของรถ EV นี่เรื่องจริงเลย เห็นบนถนนโดยเฉพาะถ้าเป็นเส้นที่วิ่งทางไกล บางคันวิ่งเร็วกว่า 10 ล้อนิดเดียว เข้าใจแหละว่า ถ้าเร็วกว่านี้อาจวิ่งไม่ถึงจุดชาร์จที่มาร์คไว้
จี้ตูด ก็ไม่กดหนีด้วย วิ่งแช่ 80-90 อยู่อย่างนั้น .. ประหยัดเงินแต่เปลืองเวลาชีวิต
อาทิตย์ที่ผ่านมาเลยครับ กทม-พัทยา
เท่าที่เจอจะวิ่งประมาณ 80-100 เจอพวกมุดๆ กับเกิน 100 บางช่วง แต่จะเป็นกลุ่มแบตลูกใหญ่
-
ใช้ seal premium 620 NEDC ที่บ้านมีหม้อ TOU
วิ่งที่ความเร็ว 110+- ไม่เคยได้ต่ำกว่า 500km นะครับ(0.8 จาก NEDC)
ออกตัวไฟแดงไม่เคยยั้งด้วย ทำไมในคลิป เอา NEDC คูณ 0.7
วิ่งเพชรบูรณ์-กทม ไปกลับ 680 กิโล
ก็แวะชาร์จแค่ ครึ่งชั่วโมงก่อนกลับรอบเดียวเอง เหมือนแวะกินข้าวปรกติ
รถไฟฟ้าไม่ได้เหมาะกับทุกคน เรื่องจริงครับ
แต่ถ้าเรารู้ระยะรถตัวเอง รู้ระยะทางที่จะไป คำนวนเป็นก็ไม่ได้ยากอะไร
-
ปัญหาอีกอย่างนึงคือ คนที่ใช้ fast charge บ่อยๆ แบตเสื่อมไวครับ ตอนแรกผมจะใช้แทนรถหลักเลย แต่ไปตามกลุ่ม mg ที่ใช้ตั้งแต่แรกๆกัน เค้าใช้แต่ fast charge เก็บสถิติไว้ด้วย แรกๆ 8หมื่นกว่า-1แสนไม่ค่อยต่าง หลังจากนั้นต่างชัดๆเลยครับ
-
นึกภาพตัวเองไปนั่งรอชารท์ตอนเดินทางไกลอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้งกรณีถึงปุ๊บได้เสียบเลย แต่ถ้ามีคิวก่อนหน้าต้องรออีก เสียดายเวลากว่าค่าน้ำมัน ผมเป็นประเภทขับไม่ค่อยอยากจอด อยากถึงเร็ว นานๆแวะปั๊มที ใหนจะต้องมาหัวเสียกับนักรบหน้าตู้อีก หลายๆคนอาจจะเหมาะ แต่สำหรับผมไม่ใช่
เห็นหลายความเห็นว่าถ้าทำรถไฟฟ้าวิ่งได้ 800-1000 กม/ชารท์ น่าใช้ สำหรับผมชารท์เร็ว 5-10 นาทีเท่านั้นคือคำตอบ วิ่งแค่ 4-500 กมแต่ชารท์เร็วจะน่าใช้ วิ่ง1000กม/ชารท์แล้วยังชารท์ช้าเหมือนเดิม ยิ่งใช้เวลานานยิ่งนานไปอีกสำรับผมไม่ไหว
เห็นด้วยกับท่านนี้ ต่อให้ fast charge แต่ถ้ามีคิวก็ต้องรออยู่ดี
-
ใช้ seal premium 620 NEDC ที่บ้านมีหม้อ TOU
วิ่งที่ความเร็ว 110+- ไม่เคยได้ต่ำกว่า 500km นะครับ(0.8 จาก NEDC)
ออกตัวไฟแดงไม่เคยยั้งด้วย ทำไมในคลิป เอา NEDC คูณ 0.7
วิ่งเพชรบูรณ์-กทม ไปกลับ 680 กิโล
ก็แวะชาร์จแค่ ครึ่งชั่วโมงก่อนกลับรอบเดียวเอง เหมือนแวะกินข้าวปรกติ
รถไฟฟ้าไม่ได้เหมาะกับทุกคน เรื่องจริงครับ
แต่ถ้าเรารู้ระยะรถตัวเอง รู้ระยะทางที่จะไป คำนวนเป็นก็ไม่ได้ยากอะไร
ลองใช้จริงและเหยียบเร็วประมาณนั้น ก็ x 0.8 จิงๆล่ะครับ (อาจจะต่างกันแล้วแต่รุ่น)
ของเรา Dolp EX สเปคบอก 490 วิ่งไกลลองเฉลี่ยดูแล้วได้ในช่วง 390-430 กม
แต่เคยลอง 150 นี่ %แบตนี่ฮวบเหมือนกันนะ
มีคนในกลุ่ม 1 คัน ออกมา 1 ปีรถหมดประกันแระ เพราะวิ่งไป แสนเก้าโล สงสัยเป็นเซลหรือไม่ก็ขับแก๊ป(อันนี้เดา)
ชาจ DC ตลอด SOH แบตเหลืออยู่อยู่ 97%
ยังไม่พร้อมก็อย่าพึ่งใช้เลยครับ EV เพราะเดวมาแย่งผมชาร์จ 555
เคยชาร์จปั๊มมีอยู่ครั้ง1 ที่ไม่ได้ชาร์จเพราะไม่ได้จอง เลยสถานีหน้าแต่เป็นอีกฝั่งถนน เพราะเทศกาล
นอกจากนั้นก็ไปรอ 5-15 นาที เพราะเราจองไว้ล่วงหน้า ก็ประมาณเวลาไปถึงเอา อาจต้องวางแผนเยอะกว่ารถน้ำมัน แต่สำหรับผม รับได้ครับ
-
สาเหตุที่ยอดขายลด
1.สภาพเศรษฐกิจ
2.สำหรับหลายคน มันไม่สะดวก
3.สำหรับหลายคน ความมั่นใจและความจำเป็นมันยังไม่มี
มันก็มีเท่านี้เอง
-
ผมก็ชะลอซื้อ ev คันที่3
ที่ยังไม่ซื้อเพราะรอรุ่นใหม่
X9, D9 เทียบกับ zeekr 009
แล้วก็อยากได้แบต 800v
มีรูดจอง maxus7 ไปแล้วแต่กำลังรอดูว่าจะขยับไปแพงขึ้นดีไหม
แต่ประหลาดใจ Avartar ขายหมด 200 คัน
ส่วนใหญ่ซื้อเงินสดนี่สิ คนมีกำลังซื้อก็ยังมีอยู่
ตจว สำหรับผมตัดทิ้งไม่ไปนานมากแล้ว
แต่ถ้าไปก็ว่าจะเช่ารถน้ำมันใช้
-
สาเหตุที่ยอดชลอ
1.จุดอิ่มตัวในแบบที่คนเปลี่ยนผ่านอยากลองใช้หมดแล้ว เริ่มเข้าสู่สมดุล --> ให้น้ำหนักข้อนี้เยอะหน่อย
2.เศรษฐกิจไทยแปลกๆ คนไทยกู้ยากขึ้น หนี้เสียมากขึ้น แบงค์เลยปล่อยยากขึ้นเป็นงูกินหาง
หลายตำราก็ว่าจากดอกที่สูงกว่าชาวบ้านทำให้เกิดเรื่องพวกนี้
3.ความกลัว กลัวการเปลี่ยนแปลง , กลัวอันตราย , กลัวจากกระแสที่ปั่นด้วยส่วนนึง
4.ไลฟ์สไตล์ อันนี้ผมว่าไม่เยอะเท่าไหร่ แต่พ่วงจากข้อ 2,3 เลยทำให้ข้อนี้มีน้ำหนักขึ้น
--------
ส่วนตัวก็กลัวรถจีนเหมือนกันในเรื่องความอันตรายกับความถึกทน
แต่ถึงจังหวะพอดีต้องใช้รถก็เลยได้ถอยรถเมกาที่ราคาสมเหตุสมผลขึ้นมาพอดี
ไลฟ์สไตล์ที่ตอนแรกกังวล พอใช้จริงก็ไม่เท่าไหร่ เนื่องจากใช้เส้นหลักๆ
และเคยใช้รถแก๊สที่วุ่นวายกว่านี้(ในแบบที่ตัวเองเคยใช้เทียบรถไฟฟ้า)
การวางแผนนิดหน่อยแล้วประหยัดเงินได้มากกว่าเท่าตัวจากค่าเชื้อเพลิง กับกำลังรถที่มากเป็นเท่าตัวของเดิม
มันเป็นความรู้สึกที่ชดเชยได้อย่างเหลือเฟือ ถ้าแค่วางแผนเดินทางอีกเล็กน้อยครับ ::)
-
ผมเพิ่มออกรถไฮบริดมาไม่ถึงปี เพราะเวลาขับรถทางไกล จะชอบยิงยาว จะแวะก็ต่อเมื่อ เติมน้ำมัน+กินข้าวหรือเข้าห้องน้ำ
ไม่เคยจอดเพื่อพักรถ/พักคน
ไม่ชอบเสียเวลาในการเดินทางโดยไม่จำเป็น
ถ้าใช้รถไฟฟ้า ก็ต้องมารอชาร์จนานหลายนาที อันนี้ ไม่ชอบ
ทั้งยังต้องเสี่ยงเจอคนไร้มายาทในการใช้ตู้ชาร์จ อันนี้ถึงขั้น เกลียด
ประหยัดค่าเชื้อเพลิง แต่เปลืองเวลา เปลืองอารมณ์ ผมขอผ่านไปก่อน ในอนาคตค่อยว่ากันอีกทีครับ
-
ช่วงนี้ มันช่วงชะลอตัว ของวงการรถอยู่แล้วด้วยส่วนหนึ่ง
สมมติ ผมทำงาน office เช่าคอนโดอยู่ แน่นอน เส้นทางที่ใช้ไปทำงานคือ เส้นประจำ อันนี้รถไฟฟ้า ตอบโจทย์ แต่ปัญหาจะเกิดตรงที่ คอนโดไม่มีที่ชาร์จ ก่อนกลับคอนโด ต้องไปนั่งเฝ้าชาร์จรถ ตามด้วย .. กลับดึก คอนโดไม่มีที่จอดอีก
พอเทศกาล จะกลับบ้านหาพ่อแม่ ตจว. เอาเป็นจังหวัดที่ไม่ใกล้สนามบิน และระหว่างทาง ต้องแวะชาร์จ .. งานมาอีกละ ต้องวางแผน ต้องไปแย่งตู้ชาร์จ ดูวุ่นวายดีพิลึก
แต่โอเค ถ้าคนมีบ้านตัวเอง ติดตั้ง ที่ชาร์จได้ มีรถหลายคัน อันนี้ สบายมากครับ
.............
หันกลับมามองตัวเอง มีรถ 2 คัน ไฮบริด กับ น้ำมัน
ไม่เลือกไฟฟ้า ทั้งที่ บ้านตัวเอง เพราะ
1. ตอนอยู่บ้านตัวเอง ไปไหน มาไหน .. มอเตอร์ไซค์ครับ เร็วสุด
2. ไปบ้านแม่ที่ กทม. บ้านเก่าแล้ว ไปติดตัวชาร์จก็ไม่น่าคุ้ม ถ้าไม่ติด ขากลับ ผมต้องแวะชาร์จ ลำบากผมอีก
3. ผมไปบ้านอีกหลัง ที่ ลำพูน บ่อย .. พอมาเป็นรถ Gen นี้ จะ ไฮบริด หรือ น้ำมัน .. ถังเดียว ปราจีน - ลำพูน สบายๆ ไม่ต้องแวะเติมระหว่างทางด้วย แวะปั๊ม แค่เข้าห้องน้ำ ครับ (อย่าบอกว่า ต้องแวะ ยืดเส้น ยืดสาย บ้างนะ คนขับรถทางไกล จะทราบดี เวลาเป็นเงินเป็นทอง ออกจาก กทม. 4 โมงเย็น ถึง ลำพูน เที่ยงคืน ถ้ามัวแวะชาร์จ ทำนั่น ทำนี่ ถึงนู่น ตี 2 - 3 พาลจะหลับใน ลงข้างทางก่อน)
-
คหสต. ที่ชลอตัว ผมว่า คนที่อยากได้รถไฟฟ้ามากๆ และจำเป็นต้องซื้อเลยคงซื้อไปหมดแล้ว
ส่วนคนที่กำลังเล็งๆ หรือใกล้เปลี่ยนรถ คือมีรถเก่าอยู่แล้ว จากประสบการณ์บ้านเรา ทำให้รู้ว่า
ยิ่งรอ ยิ่งได้ของสเป็คดีมาใหม่เรื่อยๆ ยิ่งรอยิ่งได้ของถูกตอนลดราคา
ผมเห็นเพื่อนในเฟสบางคน รถเปิดตัวใหม่ทีไร แชร์ว่า สวย แจ๋ว อะไรงี้ พูดเหมือนกำลังจะซื้อ สนใจรถไฟฟ้ามากๆ
เหมือนจะซื้อๆ แต่ไม่ซื้อสักที เห็นมา 2 ปีละ
-
ผมก็ไม่เห็นว่า EV จะบูมอะไรที่ยุโรษนะครับ จุดชาร์ทก็เยอะแต่ ก็ไม่พอสำหรับ EV ที่มีอยู่อันน้อยนิด 5555
ก้ได้ แค่ในเมื่อง รถติดๆ ขับใกล้ๆ เจอ จีนปั่นละ 555
-
สำหรับผมเป็นเรื่อง ค่าอะไหล่ที่สูง และ หายากครับ
คือไม่สามารถหาได้ในวันเดียว ไม่ว่าจะวิ่งหาเองที่ไหนก็ตาม
-
บางคนซื้อ EV เพราะมันราคาถูก ออกแบบสวย ออฟชั่นเยอะ รวมๆแล้วน่าใช้กว่ารถญี่ปุ่น
อาจจะไม่ได้ดูเรื่องความเหมาะสมว่าเหมาะกับตัวเองจริงๆไหม