Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Sunny37 ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 14:06:17

หัวข้อ: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sunny37 ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 14:06:17
ผมเริ่มหาดูรถมือ2 อยากได้งบประมาณ7-8 แสน กะว่าดาวห์ให้เหลือผ่อนซัก 5 แสน (ไม่มีเงินเผื่อในการซ่อมใหญ่) ในใจคืออยาากได้ camry 18 เครื่องเบนซินธรรมดา แต่ที่บ้านก็อยากให้ไปดูเป็นยุโรปมือ2 เช่น 320gt, c class ซื้อปีก็จะไล่เลี่ยงกัน อยากทราบข้อน่ากังวลของรถยุโรปหน่อยครับ เผื่อเป็นข้อมูลให้ที่บ้านล้มเลิกความตั้งใจ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Tien.W ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 14:22:39
รถยุโรป อย่าง เบนซ์ หรือ บีเอ็ม ได้มาไมล์ก็แถวๆแสนบวกลบ ค่าปรับสภาพที่ต้องเตรียมไว้ ทั้งดีเซล และเบนซิน ก็ กม.ละ 1 บาท ครับ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: nobody123 ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 14:25:25
หลายคนก็ไม่กลัวครับ
ผมไม่กลัวครับ ลองขับแล้วชอบ ดูสายแล้วใหม่ สภาพทั่วไป ในห้องเครื่อง ในห้องโดยสาร ในซุ้มล้อ OK ผมก็ OK
ผมเจอเรื่องจุ๋มจิ๋มอย่าง ท่อเติมน้ำปัดน้ำฝน เอาเข้าศูนย์/อู่เปลี่ยนได้สบาย ๆ อยู่แล้วครับ
หรือใช้ไปพักนึง ลำโพงดับ หลอดไฟพัง แท่นปรับแอร์ฐานแตก หัวฉีดหมดอายุ พวกนี้ เรื่องเล็กมากครับ ไม่ซื้อมือสองแต่ถือครองมือหนึ่งก็เจอ และ น่าจะมีคนซ่อมให้ได้อยู่
หลังจากสมาชิก Headlightmag แนะแล้ว จิ้มสองสามตัวไหน ผมแนะนำ เข้ากลุ่มรุ่นนั้น ให้รู้ดำรู้แดงไปเลย
(เพราะ คนในนี้ อาจมาตอบคุณ รุ่นนึง แค่คนเดียว แต่กลุ่ม เช่น กลุ่มเฟซ รุ่นนั้น จะตอบคุณ อาจสิบคน และอาจจะได้คำตอบละเอียดว่า รุ่นย่อยไหน(ไม่)ควรซื้อ เช่น ครับ)
แล้วจะซื้อได้อย่างสบายใจ ครับ

พอได้มาแล้ว น้ำมันต่าง ๆ ให้ช่างอู่สูบออกมานิดนึงดูสี ถ้าดูดี/มีปริมาณ ก็ไม่ต้องทำอะไรกับมันเลยครับ

ปล. เพื่อนที่เชียร์ BM (มานาน) และ ผมเองดีใจคันกับที่ผมได้มา (ได้รุ่นเพื่อนเลย) ค่าปรับสภาพ กม.ละประมาณ 0.1 บาท โชคดีสำหรับคันนี้ไปครับ เจ้าของเดิมซ่อมไม่นานก่อนขาย
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: off_033 ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 14:55:19
น้องเพิ่งซื้อ c200 2015 ตัวเบนซินล้วนไปครับ

เอามายังไม่ได้เช็คใหญ่เลยไม่รู้ค่าซ่อม  แต่ทุกอย่างปกติดีทั้งเครื่อง ช่วงล่าง เพราะตอนซื้อดูหลายคันอยู่เหมือนกัน

ตอนนี้มีแค่เปลี่ยนแบตไปลูกนึงแค่นั้นเอง

ตอนซื้อก็จ้างคนไปดู เทส  จ่ายตังส์นิดหน่อยแต่มั่นใจมากขึ้นว่าคันที่ซื้อจะไม่โดนหนักนัก

แต่ค่าซ่อมคงต้องเผื่อไว้อยู่แล้วครับ  เบื้องต้นก็ประมาณแสนนึง - แสนห้า อ้างอิงจากช่องคุณอาร์ตนะครับ

ก็เอางบเรา ลบค่าซ่อมที่เตรียมไว้  จะได้ราคาที่สามารถซื้อได้ครับ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เทียน ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 15:42:14
ผมใช้มาหลายรุ่น สรุป ทนที่สุดที่ใช้มาคือ BMW E46 318I, รองมาก็  Benz w204 c200 Kompressor,  แล้วก็X1+218i เครื่อง B38+เกียร์ไอซิน

ล้านโลได้แน่ๆแบบไม่เหนื่อย
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tom46 ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 15:47:05
เผื่อเป็นข้อมูลให้ที่บ้านล้มเลิกความตั้งใจ

======================

ดูจากประโยคนี้ ท่านไม่ได้มีความอยากใช้รถยุโรปมือสองในใจอยู่แล้วละครับ แบบนี้อย่าได้ไปเลือกมาใช้เลยครับ ท่านจะกังวลและติดใจอยู่ตลอดเวลาที่เกิดปัญหาของรถครับ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GT3 ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 16:00:41
หาอู่ประจำให้ได้ก่อนครับ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PaPaMan ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 16:08:48
ไม่น่ากังวลหรอกครับถ้าเงินถึง ซ่อมถึง ซ่อมเสร็จก็ใช้ต่อได้ยาวๆ


แต่รถที่ขายในตลาดส่วนมากมักขับกันไม่ค่อยบันยะบันยัง สภาพโทรม ไมล์เยอะ ถ้าเจอรถที่เป็นรถบ้านแท้ๆ (ที่บ้านมีรถหลายคัน ใช้น้อย สภาพดี) ก็ให้รีบคว้าเลยครับ พวกนี้เจ้าของเก่ามักไม่ค่อยอยากขาย เนื่องด้วยมันผ่านการใช้งานมาน้อยนั่นเอง + สภาพดีด้วยครับ โดยเฉพาะที่รีบขายก่อนหมด bsi นี่เท่าที่เห็นใช้เยอะสภาพโทรมกว่าอายุทั้งนั้น ไอ้ที่ดีๆเจ้าของเค้าไม่ค่อยอยากขายกัน (ไม่ได้ร้อนเงิน)


แนะนำเครื่องเบนซินครับ เครื่องดีเซลค่าซ่อมแพง + ต้องรี้อเยอะ เบนซินซ่อมถูกกว่า ค่าตัวรถก็ถูกกว่า อะไหล่เก่าจากญป.ก็เยอะกว่า เพราะทางนั้นนิยมเบนซินมากกว่าดีเซล
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Myprecious ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 16:28:15
รถยุโรปปี18 เจ็ดแปดแสนผมว่าสภาพไม่น่าจะดีเท่าไหร่นะครับ ยิ่งถ้าไม่มีงบสำหรับซ่อมใหญ่ ถ้าผ่อนไปซ่อมไป จากที่แค่ไม่ถึงกับชอบอาจจะเป็นเกลียดเลยก็ได้นะครับ

อ้อ แล้วถ้าc classปีราวๆนั้นที่ราคาร่วงๆน่าจะเป็น c300 หรือc350eลองเข้ากลุ่มหาดูปัญหาและค่าใช้จ่ายดูก่อนได้ครับ ได้ข้อมูลไปโน้มน้าวทางบ้านแน่ๆ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: V221 ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 16:59:30
ถ้าไม่เผื่อเงินไว้ซ่อมใหญ่ ไปCamryแบบไม่ต้องคิดได้เลยครับ ผมมีCamry 2.5G ปี18อยู่คันนึง ทนถึกมากๆครับ ไม่มีอะไรจุกจิกเลย ขอบอก
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: spn ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 17:50:04
จขกท ออกเงินเองใช่ไหมครับ ถ้าเงินตัวเอง แล้วกังวล ไป รถ ญป ดีกว่าครับ

ปล.รถ ญป มือสองนี่ยังไงก็ควรกันงบสัก 50-100K สำหรับปีแรก
 ประกัน / ของเหลว / ยาง 4 เส้น / กล้องบันทึกภาพ / ช่วงล่างลูกหมาก ปีกนก โช้ค แบต / ฟิล์ม
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sit: ) ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 18:03:53
ถ้าชอบ เจอค่าซ่อมบอกไม่แพง
ถ้าไม่ชอบ เจออะไรจะร้องว่าไม่น่าเลย
รถยุโรปมือสอง อาจจะมีข้อดีที่ราคาลงมาเยอะ แต่เจ้าของใหม่ต้องเอามาดูแล และรับความเสี่ยงกันเอง บางคนซ่อมดีลงทุนเยอะ บางคนซ่อมแบบประหยัดก็ใช้งานได้  คุณคงต้องชั่งใจว่าเลือกแบบไหน รับได้แค่ไหนหละครับ

คำแนะนำคือถ้าซื้อมาใช้งาน ให้ซื้อรถใหม่ที่สุดวิ่งน้อยสุดดูแลมาดี ในงบที่ไหว อย่าคิดว่าซื้อเพราะราคาถูก แต่ถ้าซื้อเพราะได้รุ่นที่ชอบ แล้วยอมแลกกับอายุรถ และสภาพ ในราคาต่ำ อันนี้ค้องพร้อมรับสถานการณ์ ถ้าเตรียมใจรับได้ก็ลุยครับ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: samaklen ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 18:25:34
มีเวลา มีเงิน
มีพื้นฐานเรื่องการดูแล/ซ่อม บ้าง
จัดไปครับ
ผลตอบแทนคือ คุณภาพการขับขี่ที่จะหาไม่ได้ในรถญี่ปุ่น
ที่ถึงแม้จะพยายาม ปรับแต่งก็ตาม
ถ้าไม่พร้อมตรงนี้ ก็เลือกอีกฝั่ง
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: FyGI ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 19:51:28
เห็นในวงเล็บว่า ไม่มีเงินเผื่อสำหรับซ่อมใหญ่

ต่อให้เป็นรถญี่ปุ่น เกิน 5 ปีก็ต้องซ่อมประมาณนึงถึงจะจบยาวๆ

แนะนำไปรถใหม่ในงบที่มีดีกว่าครับ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 20:09:55
เล่าในมุมเต้นท์รถครับ รถยุโรป ไม่ได้จุกจิกทุกคัน ขึ้นกับดวงของท่าน รุ่น ปี ที่ท่านซื้อ

บางคัน ใช้ต่อได้หลายปีโดยไม่ซ่อมอะไรเลยก็มี ... บางคันขับจากเต้้นท์ยังไม่ทันถึงบ้านไฟโชว์เต็มไปหมดก็เยอะ

ประเด็นคือ ถ้ามันพังเรารับไหวไหม กับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ซึ่ง พังเล็กๆ ก็โดนเกือบหมื่นแล้ว ถ้าพังใหญ่ๆ เช่นแอร์ เกียร์ บางคนต้องไปกู้เงินมาจ่ายกันเลยนะ

รถไฟโชว์ เข้าอู่ขอเสียบกล่องหาอาการก็เสียเงินแล้วนะ พอรู้อาการ แกะเครื่อง นั่งทำงานอยู่ อู่โทรมา พี่ๆ ตรงนั้นก็เสีย ปลั๊กนี้ก็แตก เซ็นเซอร์ก็พัง ของแท้ใหม่ 5x,xxx แท้มือสอง 2x,xxx หงายท้องคาโต๊ะทำงานก็เยอะ
...

คิดดีๆครับ สำหรับเต้นท์อย่างผม ยุโรปปีลึกๆ ผมไม่กล้าซื้อครับ กลัว บางรุ่นไม่เอาเลยแม้จะเป็นรถที่มีประกันเหลือก็ตาม
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: boost ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 20:21:24
ถ้าต้องผ่อนเดือนละหมื่นกว่าแล้วใช้ไปยังผ่อนไม่หมดเจอค่าซ่อมครั้งละหลายหมื่นจะยังโอเครไหมครับ​

ถ้าชัวร์ก็ต้องเตรียมใจซ่อมกิโลละหมื่นตามที่ว่า​ คือถ้ารถวิ่งมาแล้ว1แสนโลก็เตรียมใจเผื่อซ่อม1แสนบาท​ ถ้าเจอเซอร์ไพรส์ให้ได้ครับ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เนื้อน่องไม่หนัง ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 20:31:29
ยุโรปยังไงก็มี คชจ ที่สูงกว่า ญี่ปุ่นครับ ผมชอบช่องคุณอาร์ท ลองดูครับ อาจได้ไอเดียว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง
https://www.youtube.com/@artxenonart

ส่วนตัวคิดว่าถ้างบตึงๆ รถญี่ปุ่นสบายใจกว่า เข้าศูนย์กับงานอาจยังถูกกว่าเอา ยุโรปวิ่งเข้าหลายๆอยู่

แล้วยุโรปหมดประกันแล้ว มันก็ถึงช่วงที่ต้องเริ่มเก็บงานแล้วครับ ทั้งช่วงล่าง กับอาการประจำรุ่นต่างๆ
บางทีในแง่ของการใช้งานอาจยังได้เหละครับ แต่ถ้าซื้อยุโรปมาแล่วใช้งานได้ไม่เต็มร้อยผมว่า ญี่ปุ่นก็อาจตอบโจทย์กว่าครับ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: belkw202 ที่ พฤศจิกายน 03, 2024, 21:04:19
1. ไม่มีเงินเผื่อในการซ่อมใหญ่
2. คนใช้ไม่ได้อยากได้
ด้วย 2 เหตุผลนี้ควรไปแคมรี่ครับ เพราะรถยุโรปอายุ 7ปี+ ยังไงเดี๋ยวได้ซ่อมใหญ่แน่ ไม่ช้าก็เร็ว อาจจะหลักหลายหมื่น ถึงหลักแสน และระหว่างทางก็จะมีจุกๆจิกๆของมันไปเรื่อย มากกว่ารถญ๊่ปุ่นแน่นอน
ซึ่งหากคุณไม่ได้อินกับมัน มันจะน่าหงุดหงิดใจพอสมควรเลยครับ
ขนาดผมเต็มใจใช้รถยุโรปเก่ายังหงุดหงิดกับมันเลย ทั้งเรื่องเงินทั้งเรื่องเวลา
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: marvel ที่ พฤศจิกายน 04, 2024, 00:39:46
ผมมีรถญี่ปุ่นบางรุ่น รถยุโรปบางรุ่น รวมถึงบอดี้ c class w205 ที่อยู่ใน choice ของคุณ Sunny37

ถามว่ารถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหน ตอบกลางๆสำหรับคนทั่วไปก่อน คือ ขึ้นอยู่กับ
- รุ่น เพราะจะต่อเนื่องไปเรื่องต่างๆ เช่น อาการประจำรุ่น , ออปชั่นที่รุ่นนั้นมีซึ่งถ้าเสีย ค่าใช้จ่ายอาจจะสูง
- อู่ประจำ
- ความรู้เรื่องรถรุ่นนั้นๆของเจ้าของรถ
 ฯลฯ

และก็เห็นด้วยกับที่เพื่อนสมาชิกแนะนำครับ สนใจรุ่นไหน เข้ากลุ่มเฟสของรุ่นนั้น
จะได้รู้ปัญหาต่างๆของรุ่นนั้นเพื่อพิจารณาได้ครับ และอาจได้พิจารณาอู่นอกไปด้วย

ตอบกรณีของคุณ Sunny37
c class ที่ยกตัวอย่างมา ถ้าปี18 ก็ w205 ตัวนี้มีหลายรุ่นย่อย
ตัวดีเซลผมไม่ได้ศึกษาว่ามีอาการประจำรุ่นอะไรบ้าง (เห็นมีเพื่อนสมาชิกทางท่านใช้บอดี้นี้เครื่องดีเซลอยู่)
แต่ถ้าตัว plug in hybrid ที่เสียกันบ่อยๆก็ คอมแอร์ (เป็นคอมแอร์ไฟฟ้า)
และถ้าเป็น c350e ช่วงล่างจะเป็นถุงลม ถ้าถุงลมเสีย ค่าใช้จ่ายก็แพง , ส่วน c300e ช่วงล่างไม่ใช่ถุงลม

และเท่าที่อ่าน คุณ Sunny37 อยากได้ camry และบอกว่า ไม่มีเงินเผื่อในการซ่อมใหญ่
ส่วนที่บ้านอยากให้ดูรถยุโรปมือสอง เลยอยากได้ข้อมูลให้ที่บ้านล้มเลิกความตั้งใจ
คงต้องบอกที่บ้านในทำนองว่า รถสามล้านที่ราคามือสองหล่นลงมาเหลือ 7-8 แสน
ราคาอะไหล่ก็เป็นราคาอะไหล่สำหรับรถสามล้าน ไม่ใช่ราคาอะไหล่เดียวกับรถป้ายแดง 7-8 แสน

ผมลองยกตัวอย่าง ข้างล่างนี้ ใบเสนอราคาของศูนย์ authorized dealer
รถ c class w205 c350e เลขกิโล 46,334 หมด warranty แล้ว อาการแอร์ไม่เย็น
เอาเข้าศูนย์เดือนเมษาปีนี้ ขณะนั้น ราคามือสอง ถ้าขายก็ไม่ถึงล้าน
ศูนย์บอก คอมแอร์เสีย ตีราคาซ่อมมา 124,987.60 ครับ

สำหรับรถมือสองราคาไม่ถึงล้าน อะไหล่คอมแอร์ตัวเดียวราคาเต็มร่วมๆ 8 หมื่น ค่าซ่อมเบ็ดเสร็จร่วม 1.25 แสน
เพราะเป็นราคาอะไหล่สำหรับรถสามล้านครับ ถึงแม้ราคามือสองจะตกลงมาเหลือ 7-8 แสนก็ตาม

(https://img2.pic.in.th/pic/8DC7891C-D737-46EC-ACF2-A2458C981903.jpeg)

(https://img2.pic.in.th/pic/C2A034FE-2D5B-4B00-8371-D860FDE0E9A9.jpeg)
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: oryor ที่ พฤศจิกายน 04, 2024, 08:28:30
ผมมีรถญี่ปุ่นบางรุ่น รถยุโรปบางรุ่น รวมถึงบอดี้ c class w205 ที่อยู่ใน choice ของคุณ Sunny37

ถามว่ารถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหน ตอบกลางๆสำหรับคนทั่วไปก่อน คือ ขึ้นอยู่กับ
- รุ่น เพราะจะต่อเนื่องไปเรื่องต่างๆ เช่น อาการประจำรุ่น , ออปชั่นที่รุ่นนั้นมีซึ่งถ้าเสีย ค่าใช้จ่ายอาจจะสูง
- อู่ประจำ
- ความรู้เรื่องรถรุ่นนั้นๆของเจ้าของรถ
 ฯลฯ

และก็เห็นด้วยกับที่เพื่อนสมาชิกแนะนำครับ สนใจรุ่นไหน เข้ากลุ่มเฟสของรุ่นนั้น
จะได้รู้ปัญหาต่างๆของรุ่นนั้นเพื่อพิจารณาได้ครับ และอาจได้พิจารณาอู่นอกไปด้วย

ตอบกรณีของคุณ Sunny37
c class ที่ยกตัวอย่างมา ถ้าปี18 ก็ w205 ตัวนี้มีหลายรุ่นย่อย
ตัวดีเซลผมไม่ได้ศึกษาว่ามีอาการประจำรุ่นอะไรบ้าง (เห็นมีเพื่อนสมาชิกทางท่านใช้บอดี้นี้เครื่องดีเซลอยู่)
แต่ถ้าตัว plug in hybrid ที่เสียกันบ่อยๆก็ คอมแอร์ (เป็นคอมแอร์ไฟฟ้า)
และถ้าเป็น c350e ช่วงล่างจะเป็นถุงลม ถ้าถุงลมเสีย ค่าใช้จ่ายก็แพง , ส่วน c300e ช่วงล่างไม่ใช่ถุงลม

และเท่าที่อ่าน คุณ Sunny37 อยากได้ camry และบอกว่า ไม่มีเงินเผื่อในการซ่อมใหญ่
ส่วนที่บ้านอยากให้ดูรถยุโรปมือสอง เลยอยากได้ข้อมูลให้ที่บ้านล้มเลิกความตั้งใจ
คงต้องบอกที่บ้านในทำนองว่า รถสามล้านที่ราคามือสองหล่นลงมาเหลือ 7-8 แสน
ราคาอะไหล่ก็เป็นราคาอะไหล่สำหรับรถสามล้าน ไม่ใช่ราคาอะไหล่เดียวกับรถป้ายแดง 7-8 แสน

ผมลองยกตัวอย่าง ข้างล่างนี้ ใบเสนอราคาของศูนย์ authorized dealer
รถ c class w205 c350e เลขกิโล 46,334 หมด warranty แล้ว อาการแอร์ไม่เย็น
เอาเข้าศูนย์เดือนเมษาปีนี้ ขณะนั้น ราคามือสอง ถ้าขายก็ไม่ถึงล้าน
ศูนย์บอก คอมแอร์เสีย ตีราคาซ่อมมา 124,987.60 ครับ

สำหรับรถมือสองราคาไม่ถึงล้าน อะไหล่คอมแอร์ตัวเดียวราคาเต็มร่วมๆ 8 หมื่น ค่าซ่อมเบ็ดเสร็จร่วม 1.25 แสน
เพราะเป็นราคาอะไหล่สำหรับรถสามล้านครับ ถึงแม้ราคามือสองจะตกลงมาเหลือ 7-8 แสนก็ตาม

(https://img2.pic.in.th/pic/8DC7891C-D737-46EC-ACF2-A2458C981903.jpeg)

(https://img2.pic.in.th/pic/C2A034FE-2D5B-4B00-8371-D860FDE0E9A9.jpeg)

หลังๆมานี่ Benz ราคาอะไหล่แพงบ้าบอจริงๆครับ
วาล์วแอร์อะไรเกือบสองหมื่น คอมแอร์แปดหมื่น
คือราคาอะไหล่เกินรถไปเยอะมาก ถ้านับเป็นรถคันละสามล้านก็เถอะ ผมว่ามันก็เว่อไปมากอยู่ดี
ลูกปืนล้อข้างละเกือบสองหมื่น ไดชาจตัวละเกือบแสน อันนี้คือ W205 นะครับ ซิ่งรถมันราคาแค่หลักแสนเท่านั้นตอนนี้
เอาง่ายๆถ้ามีอะไรเสียนิดๆหน่อยๆก็ต้องมีหลักหลายหมื่นแล้ว ขนาดคนซื้อมือหนึ่งมาเจอราคาอะไหล่ศูนย์ขนาดนี้ไปก็ขยาดไปกันเยอะแล้ว เข้าเช็คระยะทุกหมื่นโลก็ต้องมีหมื่นกว่าบาทแล้ว ถ้าเทียบกับ BMW, Audi ผมว่าแพงกว่าแบบไร้สาระมากๆ

สำหรับคนที่ซื้อมือสองมีงบประมาณในการซ่อมจำกัดนี่ไม่ต้องพูดถึงอะไหล่แท้เลยครับ OEM เท่านั้น ถูกกว่ากันเยอะมาก
ได้ของแท้เหมือนกันแค่ไม่ตีตรา BENZ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: รถย้าย..ย้ายไปไหน ที่ พฤศจิกายน 04, 2024, 10:11:28
ตอบในส่วนของ W205 BlueTEC  ที่ผมเพิ่งขายไปก่อนนะ
อาการประจำรุ่นเลยคือคอมแอร์ไฟฟ้าเหมือนตั้งเวลาพังทุก 4 ปี ผมเปลี่ยนคอมแอร์ไป 2 ครั้งคือครั้งแรกรถเข้าปีที่ 4 เปลี่ยนศูนย์ และมาเจออีกทีใกล้ๆเข้าปีที่ 8 รอบนี้รถหมดประกันผมก็ไปทำที่ StarAirSound ซึ่งราคาทั้งศูนย์และร้าน StarAirSound ค่าซ่อมส่วนต่างไม่เกิน 5,000 บาท (ของแท้เบิกศูนย์ทั้งหมด) อาการที่พบคือคอมแอร์ซึมแล้วจะมีกลิ่นเหม็นเหมือนมีตัวอะไรตาย แล้วแอร์จะไม่เย็นไป 1 โซน
อีกอาการคือหัวฉีดน้ำยา AdBlue ตันเป็นขี้เกลือซึ่งตัวนี้เปลี่ยนหัวฉีดแล้วต้องเปลี่ยน sensor ด้วย หมดไปเกือบแสนมั้ง (จำราคาไม่ได้) เปลี่ยนอู่ประจำเนื่องจากหมดประกันแล้ว
ส่วนอื่นก็ service ตามปกติ เล่นรถยุโรปไม่ว่าป้ายแดงหรือมือสองถ้าคิดจะใช้ยาวห้ามขี้เหนียวเด็ดขาด เสียคือจับเปลี่ยนเลย อย่าไปซ่อม อย่าไปแต่ง เช่นอุปกรณ์ตัวนี้พัง เอาไปให้ร้านนี้เขี่ยๆ ซ่อมๆ เพื่อให้กลับมาใช้งานได้เป็นต้น มันจะลามครับแล้วคราวนี้จากเสียหลักหมื่นจะเป็นหลักแสนได้

ทีนี้เข้าหัวข้อถ้างบมีจำกัดแล้วไม่มีงบเผื่อซ่อมใหญ่ด้วย เล่นรถญี่ปุ่นดีกว่าครับใช้งานสบายใจกว่า แต่ถ้าเป็นรถบ้านประวัติดีอยากลองเล่นยุโรปก็น่าสนใจ แต่ก็ติดที่งบซ่อมไม่มีอีกเช่นกัน เพราะรถยุโรปถ้าเข้าปีที่ 6 แล้วเรื่องซ่อมมันจะเริ่มมาเรื่อยๆ ถ้าเงินไม่ถึงในการซ่อมมันจะรักอู่มากครับ แล้วการใช้รถจะไม่มีความสุขเลย
สุดท้ายลองเข้ากลุ่มในรุ่นที่เราสนใจไปศึกษาหาข้อมูล รวมถึงอู่ต่างๆก่อนก็ได้ครับเพื่อประกอบการตัดสินใจ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ พฤศจิกายน 04, 2024, 10:44:23
  ผมเขียนตามประสาคนไม่มีนะครับ   หมายถึงไม่มีรถยุโรปนะ  ไม่ใช่ไม่มีเงิน
   รถยุโรปไม่น่ากลัว ถ้าเจ้าของมีเงินซ่อม    แต่ถ้าไม่มีเงินซ่อมหรือกังวลแบบที่ จขกท บอก ว่าไม่มีเงินเผื่อเหลือซ่อม   แบบนี้คงน่ากลัวแน่  ๆ   
   ถ้ามีรายการซ่อมเกิดขึ้น  ราคามันไม่ถูกแน่ ๆ  จ่ายแพงตามประสารถยุโรป  แบบที่คำตอบบน ๆ ตอบกันไว้    ถ้ามีงบจำกัด เจอค่าซ่อมไปหลักหมื่นกระอักแน่ ๆ แล้วมันไม่ได้จบแค่นั้นต่อไปก็มีรายการซ่อมตามมาอีก 
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Edwardsella ที่ พฤศจิกายน 04, 2024, 13:42:54
เข้าอู่นอกบ่อยไหมครับ มีอู่ที่จะซ่อมรถยุโรปประจำไหม
รถอายุเกิน 5 ปี เดี๋ยวมันก็มีอะไรเสื่อมตามสภาพ ได้ซ่อมแน่นอนครับ
ตอนนี้ผมไม่มีความคิดเรื่องรถยุโรปอีกเลยหลังจากคันปัจจุบันเกิน 5 ปีมา มีอะไรเสียเรื่อยๆ ปัญหาคือซ่อมแพงครับ แต่อู่ที่ใช้บริการก็ดี ซ่อมจบทุกครั้ง แต่นั่นแหละ มันแพง
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NoName__??? ที่ พฤศจิกายน 04, 2024, 16:18:10
กังวลแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนกังวลราคาอะไหล่ บางคนค่าซ่อม บางคนกังวลซ่อมไม่จบ บางคนก็ไปจำจาก youtuber มาตอบคนอื่น  ::)

ก่อนจะเล่นหาอู่ประจำก่อน ถ้ามั่นใจว่าช่างเก่ง ช่างซื่อสัตย์ ค่อยหายี่ห้อนั้นมาเล่น แล้วก็เชคด้วยก่อนซื้อ ว่ารับราคาอะไหล่ไหวไหม หลายๆยี่ห้อแพงบ้าเลือดมาก เช่น MB แถมยังจุกจิกเกินหน้าเกินตา BM ไปเยอะ ไม่รู้ทำไม
ที่บ้านมีอู่ประจำซ่อม MB BM VW ก็จะเล่นแค่ 3 ตระกูลนี้ พวก ยี่ห้อฝรั่งเศส สวีเดน แถวบ้านก็มีหลายอู่แต่ไม่รู้จักอู่เหล่านั้นเท่าไหร่ ก็เลยไม่เล่นดีกว่า

หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sunny37 ที่ พฤศจิกายน 04, 2024, 16:27:51
ขอบคุณคำตอบของทุกท่านมากนะครับ ผมจะนำคำตอบไปเป็นแนวทางการเลือกรถนะครับ 🙏😊
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sommer C350e W205 ที่ พฤศจิกายน 04, 2024, 19:55:03
ถ้ายุโรป ในงบ 7-8 แสนบาท แนะนำไป Benz CLA250 AMG แต่ถ้าอยากนั่งสบายๆ อยากได้คันใหญ่ๆ แนะนำ Benz C200 Avantgarde หรือ C250 AMG w205 โฉมปี 2015

ปล. ต้องเผื่องบในการซ่อมด้วย ส่วนใหญ่ งบการซ่อมรถยุโรปมือสองจะอยู่ที่ 8-9 แสนบาท ขั้นต่ำ

จากที่ผมรีวิว ใน User Voice นั้น หลังจากที่ผมได้รถ Benz C350e AMG W205 มือสอง มา 2-3 สัปดาห์ โช๊คหลัง Airmatic รั่ว เลยเขาอู่นอกที่รับซ่อม Benz โดยตรง ดูจากที่ผมรีวิวมาทั้งหมดก็ได้นะครับ โดยเฉพาะตอบกลับ #5

https://community.headlightmag.com/index.php?topic=89213.msg1532198;topicseen#msg1532198
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny_gun ที่ พฤศจิกายน 04, 2024, 23:27:15
ผมมีรถญี่ปุ่นบางรุ่น รถยุโรปบางรุ่น รวมถึงบอดี้ c class w205 ที่อยู่ใน choice ของคุณ Sunny37

ถามว่ารถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหน ตอบกลางๆสำหรับคนทั่วไปก่อน คือ ขึ้นอยู่กับ
- รุ่น เพราะจะต่อเนื่องไปเรื่องต่างๆ เช่น อาการประจำรุ่น , ออปชั่นที่รุ่นนั้นมีซึ่งถ้าเสีย ค่าใช้จ่ายอาจจะสูง
- อู่ประจำ
- ความรู้เรื่องรถรุ่นนั้นๆของเจ้าของรถ
 ฯลฯ

และก็เห็นด้วยกับที่เพื่อนสมาชิกแนะนำครับ สนใจรุ่นไหน เข้ากลุ่มเฟสของรุ่นนั้น
จะได้รู้ปัญหาต่างๆของรุ่นนั้นเพื่อพิจารณาได้ครับ และอาจได้พิจารณาอู่นอกไปด้วย

ตอบกรณีของคุณ Sunny37
c class ที่ยกตัวอย่างมา ถ้าปี18 ก็ w205 ตัวนี้มีหลายรุ่นย่อย
ตัวดีเซลผมไม่ได้ศึกษาว่ามีอาการประจำรุ่นอะไรบ้าง (เห็นมีเพื่อนสมาชิกทางท่านใช้บอดี้นี้เครื่องดีเซลอยู่)
แต่ถ้าตัว plug in hybrid ที่เสียกันบ่อยๆก็ คอมแอร์ (เป็นคอมแอร์ไฟฟ้า)
และถ้าเป็น c350e ช่วงล่างจะเป็นถุงลม ถ้าถุงลมเสีย ค่าใช้จ่ายก็แพง , ส่วน c300e ช่วงล่างไม่ใช่ถุงลม

และเท่าที่อ่าน คุณ Sunny37 อยากได้ camry และบอกว่า ไม่มีเงินเผื่อในการซ่อมใหญ่
ส่วนที่บ้านอยากให้ดูรถยุโรปมือสอง เลยอยากได้ข้อมูลให้ที่บ้านล้มเลิกความตั้งใจ
คงต้องบอกที่บ้านในทำนองว่า รถสามล้านที่ราคามือสองหล่นลงมาเหลือ 7-8 แสน
ราคาอะไหล่ก็เป็นราคาอะไหล่สำหรับรถสามล้าน ไม่ใช่ราคาอะไหล่เดียวกับรถป้ายแดง 7-8 แสน

ผมลองยกตัวอย่าง ข้างล่างนี้ ใบเสนอราคาของศูนย์ authorized dealer
รถ c class w205 c350e เลขกิโล 46,334 หมด warranty แล้ว อาการแอร์ไม่เย็น
เอาเข้าศูนย์เดือนเมษาปีนี้ ขณะนั้น ราคามือสอง ถ้าขายก็ไม่ถึงล้าน
ศูนย์บอก คอมแอร์เสีย ตีราคาซ่อมมา 124,987.60 ครับ

สำหรับรถมือสองราคาไม่ถึงล้าน อะไหล่คอมแอร์ตัวเดียวราคาเต็มร่วมๆ 8 หมื่น ค่าซ่อมเบ็ดเสร็จร่วม 1.25 แสน
เพราะเป็นราคาอะไหล่สำหรับรถสามล้านครับ ถึงแม้ราคามือสองจะตกลงมาเหลือ 7-8 แสนก็ตาม

(https://img2.pic.in.th/pic/8DC7891C-D737-46EC-ACF2-A2458C981903.jpeg)

(https://img2.pic.in.th/pic/C2A034FE-2D5B-4B00-8371-D860FDE0E9A9.jpeg)

อ้างจาก: Clint Barton
link=topic=89206.msg1532153#msg1532153 date=1730689888
ตอบในส่วนของ W205 BlueTEC  ที่ผมเพิ่งขายไปก่อนนะ
อาการประจำรุ่นเลยคือคอมแอร์ไฟฟ้าเหมือนตั้งเวลาพังทุก 4 ปี ผมเปลี่ยนคอมแอร์ไป 2 ครั้งคือครั้งแรกรถเข้าปีที่ 4 เปลี่ยนศูนย์ และมาเจออีกทีใกล้ๆเข้าปีที่ 8 รอบนี้รถหมดประกันผมก็ไปทำที่ StarAirSound ซึ่งราคาทั้งศูนย์และร้าน StarAirSound ค่าซ่อมส่วนต่างไม่เกิน 5,000 บาท (ของแท้เบิกศูนย์ทั้งหมด) อาการที่พบคือคอมแอร์ซึมแล้วจะมีกลิ่นเหม็นเหมือนมีตัวอะไรตาย แล้วแอร์จะไม่เย็นไป 1 โซน
อีกอาการคือหัวฉีดน้ำยา AdBlue ตันเป็นขี้เกลือซึ่งตัวนี้เปลี่ยนหัวฉีดแล้วต้องเปลี่ยน sensor ด้วย หมดไปเกือบแสนมั้ง (จำราคาไม่ได้) เปลี่ยนอู่ประจำเนื่องจากหมดประกันแล้ว
ส่วนอื่นก็ service ตามปกติ เล่นรถยุโรปไม่ว่าป้ายแดงหรือมือสองถ้าคิดจะใช้ยาวห้ามขี้เหนียวเด็ดขาด เสียคือจับเปลี่ยนเลย อย่าไปซ่อม อย่าไปแต่ง เช่นอุปกรณ์ตัวนี้พัง เอาไปให้ร้านนี้เขี่ยๆ ซ่อมๆ เพื่อให้กลับมาใช้งานได้เป็นต้น มันจะลามครับแล้วคราวนี้จากเสียหลักหมื่นจะเป็นหลักแสนได้

ทีนี้เข้าหัวข้อถ้างบมีจำกัดแล้วไม่มีงบเผื่อซ่อมใหญ่ด้วย เล่นรถญี่ปุ่นดีกว่าครับใช้งานสบายใจกว่า แต่ถ้าเป็นรถบ้านประวัติดีอยากลองเล่นยุโรปก็น่าสนใจ แต่ก็ติดที่งบซ่อมไม่มีอีกเช่นกัน เพราะรถยุโรปถ้าเข้าปีที่ 6 แล้วเรื่องซ่อมมันจะเริ่มมาเรื่อยๆ ถ้าเงินไม่ถึงในการซ่อมมันจะรักอู่มากครับ แล้วการใช้รถจะไม่มีความสุขเลย
สุดท้ายลองเข้ากลุ่มในรุ่นที่เราสนใจไปศึกษาหาข้อมูล รวมถึงอู่ต่างๆก่อนก็ได้ครับเพื่อประกอบการตัดสินใจ

จริงๆ ระบบแอร์ใน Hybrid มันต้องมีการเช็คความชื้นระบบทุก 40,000 โลครับ เอกสารที่ผมเจอคือของ Alphard AH30

ที่รถแอร์พังกันในไทย คือศูนย์ไม่เช็คเรื่องพวกนี้เลย ปล่อยให้ความชื้นในระบบสูงจนคอมแอร์ลัดวงจรไปหมด เพราะเค้าขายอะไหล่ได้ อะไหล่เบนซ์ของจีนถูกมาก ในไทยx2 x3 กันไปเลย

ผมแนะนำครับ ใครใช้รถไฮบริดทุกยี่ห้อ หาร้านที่เปลี่ยนน้ำมันคอม (PVE ได้ยิ่งดี หรือ POE ND8 ก็ได้) และเปลี่ยนน้ำยาแอร์ทุก 40,000 โลครับ นอกจากแอร์จะเย็นขึ้นแล้ว ยังวิ่งไฟฟ้าได้เยอะขึ้นด้วยสำหรับรถที่เป็น PHEV และใช้ระบบเอาน้ำยาแอร์ไปหล่อเย็นแบต

รถ Benz Bm รหัสe ที่เต๊นท์ผม ผมทำทุกคัน เพราะลูกค้าซื้อไปจะได้ไม่มาด่าพ่อผมทีหลัง
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: marvel ที่ พฤศจิกายน 05, 2024, 02:51:01
จริงๆ ระบบแอร์ใน Hybrid มันต้องมีการเช็คความชื้นระบบทุก 40,000 โลครับ เอกสารที่ผมเจอคือของ Alphard AH30

ที่รถแอร์พังกันในไทย คือศูนย์ไม่เช็คเรื่องพวกนี้เลย ปล่อยให้ความชื้นในระบบสูงจนคอมแอร์ลัดวงจรไปหมด เพราะเค้าขายอะไหล่ได้ อะไหล่เบนซ์ของจีนถูกมาก ในไทยx2 x3 กันไปเลย

ผมแนะนำครับ ใครใช้รถไฮบริดทุกยี่ห้อ หาร้านที่เปลี่ยนน้ำมันคอม (PVE ได้ยิ่งดี หรือ POE ND8 ก็ได้) และเปลี่ยนน้ำยาแอร์ทุก 40,000 โลครับ นอกจากแอร์จะเย็นขึ้นแล้ว ยังวิ่งไฟฟ้าได้เยอะขึ้นด้วยสำหรับรถที่เป็น PHEV และใช้ระบบเอาน้ำยาแอร์ไปหล่อเย็นแบต

รถ Benz Bm รหัสe ที่เต๊นท์ผม ผมทำทุกคัน เพราะลูกค้าซื้อไปจะได้ไม่มาด่าพ่อผมทีหลัง

ขอบคุณมากครับ ใช้ไฮบริดญี่ปุ่นอยู่อีกคัน(พรีอุส) จะได้เช็คเรื่องนี้ไปด้วยเลย
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny_gun ที่ พฤศจิกายน 05, 2024, 13:29:26
จริงๆ ระบบแอร์ใน Hybrid มันต้องมีการเช็คความชื้นระบบทุก 40,000 โลครับ เอกสารที่ผมเจอคือของ Alphard AH30

ที่รถแอร์พังกันในไทย คือศูนย์ไม่เช็คเรื่องพวกนี้เลย ปล่อยให้ความชื้นในระบบสูงจนคอมแอร์ลัดวงจรไปหมด เพราะเค้าขายอะไหล่ได้ อะไหล่เบนซ์ของจีนถูกมาก ในไทยx2 x3 กันไปเลย

ผมแนะนำครับ ใครใช้รถไฮบริดทุกยี่ห้อ หาร้านที่เปลี่ยนน้ำมันคอม (PVE ได้ยิ่งดี หรือ POE ND8 ก็ได้) และเปลี่ยนน้ำยาแอร์ทุก 40,000 โลครับ นอกจากแอร์จะเย็นขึ้นแล้ว ยังวิ่งไฟฟ้าได้เยอะขึ้นด้วยสำหรับรถที่เป็น PHEV และใช้ระบบเอาน้ำยาแอร์ไปหล่อเย็นแบต

รถ Benz Bm รหัสe ที่เต๊นท์ผม ผมทำทุกคัน เพราะลูกค้าซื้อไปจะได้ไม่มาด่าพ่อผมทีหลัง

ขอบคุณมากครับ ใช้ไฮบริดญี่ปุ่นอยู่อีกคัน(พรีอุส) จะได้เช็คเรื่องนี้ไปด้วยเลย

Prius ใช้พัดลมเป่าแบต อาจจะไม่ค่อยเห็นผลมากเท่าไหร่ แต่ถ้าทำแล้วแอร์เย็นขึ้นแน่นอนครับ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ พฤศจิกายน 05, 2024, 15:15:31
ผมตอบแบบง่ายๆ

เสีย ก็ต้อง ซ่อม ไม่ใช่เฉพาะ ยุโรป หรือ ญี่ปุ่น หรือ เมกา ยัน จีน เกาหลี

แต่คำถามคือ ถ้าจะซ่อมแล้ว ใครซ่อม "ถูกกว่า" น่าจะพอเห็นภาพ

บางคนซื้อมือ2 มา ก็แค่เปลี่ยนของเหลว แล้วใช้อีกยาวๆ

บางคนซื้อมือ2 มาปุ๊ป พังปั๊ป ซ่อมก็หนักเอาเรื่อง

บางคนซื้อมือ2 มา พอเจอกับตัว หาที่ขายแทบไม่ทัน ราคาก็ขาดทุนอีก (อารมณ์แบบ คนในอยากออก คนนอกยากเข้า)

ปล.มือ2 มันต้องดูเป็นคันๆ เลยครับ ย้ำว่า เป็นคันๆ ตามสภาพ และ ประวัติ และที่สำคัญ พยายามเลี่ยงไฮบริดไว้ก่อน เป็นดีที่สุด
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: AgentMolder ที่ พฤศจิกายน 05, 2024, 15:30:37
ดูจากเงื่อนไขในคำถาม
- ตั้งงบรถ 7 - 8 แสนบาท แต่อยากดาวน์ให้ยอดจัด 5 แสน > แปลว่ามันตึงมือจริงๆ ถึงกับต้องตั้งยอดจัด เพื่อให้ผ่อนต่อเดือนน้อยๆ ๖น่าจะแค่หมื่นต้นๆ ต่อเดือน)
- ไม่มีงบสำหรับซ่อม > ยิ่งหนักเลย แปลว่า มีเงินเท่านี้แหล่ะ ไม่สามารถเจียดงบมาซ่อมได้แล้ว

แค่สองข้อนี้ก็บอกลารถยุโรปได้เลยครับ อย่าหาทำเลยหวังดีเลยเตือนครับ ได้รถดีก็โชคดีไป (ซึ่งโอกาสน้อยมากๆ) อย่างที่ความเห็นบางท่านว่า เอาไปเข้าอู่ โทรมาบอกว่าไอ้นั่นเสีย ไอ้นี่พัง อะหลั่ยตัวนึงรถเบนซ์ มีหลักหมื่นขึ้น แพงกว่าค่างวดอีก (ที่แค่นี้ก็ตึงมากแล้ว) อย่าเลยครับไม่คุ้มเลยจริงๆ

Camry ปี 18 ได้ Gen ACV70 ที่ผมใช้อยู่ เครื่องเบนซิน น่าจะวิ่งกันราวๆแสนโล ทนทาน ทนทายาท โคตรบิดามมรดาทน ผมใช้มา 5 ปี แสนโล ยังไม่มีอะไรเสียเลย เสียงก๊อกแก๊กในรถก็ไม่มี ทุกอย่างแทบไม่ต่างจากตอนออกรถใหม่ๆ (ในเงื่อนไขที่ผมเข้า ศ.ตลอดนะครับ)

ดังนั้น ถ้าตัวเลือกที่ให้ตามโจทย์ ไป Camry ครับ ไม่ลังเล
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: xmrminer ที่ พฤศจิกายน 05, 2024, 19:21:39
รถที่ดีควรอำนายความสะดวกและนำความสุขมาให้ แนะนำให้ซื้อญี่ปุ่นรุ่นเล็ก-กลาง จะสบายใจกว่าครับ

เบนซ์นอกจากซ่อมแพงแล้ว อู่ดีๆ หายากมาก ส่วนมากฟันเอาตายครับ ขนาดอะไหล่ที่บอกแท้ๆ เนี่ย ส่วนมากปลอมทั้งนั้น ทั้งปลอมแบบหยาบ ปลอมแบบละเอียด
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: albacore ที่ พฤศจิกายน 05, 2024, 19:59:28
ถ้าเพิ่งมีบิลซ่อมบำรุง3-4หมื่นบิลนึง แล้วมีเรื่องไม่คาดฝันต้องซ่อมอีก3-4หมื่นในเดือนเดียวกันได้
ผมคิดว่าน่าจะพอเล่นตัวไม่ไฮบริดได้อยู่
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: romeokk ที่ พฤศจิกายน 06, 2024, 15:32:46
ข้อกังวลของรถยุโรปคือซ่อมแพงครับ งบ 7-8 แสนที่มี คิดว่ายังไงก็น่าจะได้รถที่อยู่ในอายุที่ต้องการบำรุงรักษาแล้ว

รถยุโรปหลายๆรุ่น สามารถซ่อมให้ราคาถูกแบบแพงกว่าญี่ปุ่นไม่เยอะได้ แต่คุณต้องมีฐานะประมาณนึง เพราะถ้าจะซ่อมให้ถูก ต้องสามารถรออะไหล่เซียงกง หรืออะไหล่ ebay ได้ ซึ่งบางครั้งการรออะไหล่ก็แปลว่าใช้รถไม่ได้ด้วย

ถ้าเป็นคนที่ต้องใช้รถตลอด เสียต้องซ่อมทันที ไม่มีรถสำรอง แบบนี้ต้องเผื่อเงินซ่อมไว้แบบ Premium เลย ถ้าสภาพการเงินไม่คล่อง ไม่ควรซื้อครับ
หัวข้อ: Re: รถยุโรปมือสองน่ากังวลขนาดไหนครับ
เริ่มหัวข้อโดย: voyager ที่ พฤศจิกายน 06, 2024, 16:01:31
ผม F25 สบายๆ ไม่ค่อยมีอะไรเสียโดยเฉพาะเครื่องยนต์ มีแต่ช่วงล่างตามอายุการใช้งานใกล้สิบปี
ดูแลพวกซีล ท่อยางให้ดี เครื่องทนแน่นอน