Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: solo ที่ มกราคม 22, 2025, 18:53:37
-
ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีมานานแล้ว ย้อนหลังไป พ.ศ.2554 ตั้งแต่เริ่มมีการวัดค่าฝุ่น PM2.5 จะเห็นค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานเดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน และสูงกว่าค่ามาตรฐานเดือนธันวาคมถึงมีนาคมทุกปี (ดูกราฟ) กราฟนี้แสดงให้เห็นค่าฝุ่น PM2.5 แต่ละปีไม่ได้แย่ลง
ทำไมค่าฝุ่น PM2.5 ถึงได้ขึ้นสูงกว่ามาตรฐานเฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม ทั้งๆที่รถยนต์ก็วิ่งใน กทม.ตลอดทั้งปี ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า เกิดจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงช่วง 4 เดือนนี้ มีอุณหภูมิผกผันทำให้ฝุ่น PM2.5 ไม่สามารถลอยไปที่อื่นได้
ย้อนหลังไป 4 ปี ช่วงเดือนมกราคม 2564 ถ้ายังจำกันได้ มีปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เนื่องจากมีการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 2 มีคำแนะนำให้คนอยู่บ้าน ทำงานที่บ้าน งดเดินทาง ทำให้ถนนโล่ง จำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนนใน กทม.ช่วงมกราคม 2564 ลดลงมากถึงร้อยละ 70 แต่ค่าฝุ่น PM2.5 ใน กทม.กลับไม่ลดลง (ดูรูป) แสดงว่าสภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด สำคัญกว่าจำนวนรถที่วิ่งบนท้องถนนในการทำให้ค่าฝุ่น PM2.5 สูงกว่ามาตรฐาน และอยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์
ค่าฝุ่น PM2.5 ใน กทม.ขณะนี้อยู่ในระดับสีส้มต่อเนื่อง มีแนวโน้มว่า กทม.จะประกาศห้ามรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปเข้าเขต กทม. สั่งปิดโรงเรียนใน กทม. และประกาศให้ทำงานที่บ้าน เพื่อลดการเดินทาง ลดการปล่อยฝุ่น PM2.5
เราควรเรียนรู้จากบทเรียนที่เกิดขึ้นใน กทม.ช่วงเดือนมกราคม 4 ปี ที่แล้ว ถึงรถวิ่งบนถนนลดลงร้อยละ 70 ค่าฝุ่น PM2.5 ไม่ได้ลดลง ประโยชน์ที่ได้รับจากการห้ามรถวิ่ง ปิดโรงเรียน ให้ทำงานที่บ้าน รวมทั้งการติดตั้งหอฟอกอากาศ และการพ่นละอองน้ำจากที่สูง ไม่คุ้มค่ากับความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เราต้องยอมรับเราอยู่กับฝุ่น PM2.5 มานานเป็น 100 ปีแล้ว อย่าวิตกกังวลมากเกินไป ค่าฝุ่น PM2.5 ขึ้นสูงก็ไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นเช่นอินเดีย
ถ้าดูย้อนหลังไป 70 ปี ถึงแม้คนไทยจะหายใจฝุ่น PM2.5 มาตลอด อายุขัยเฉลี่ยของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากอายุเฉลี่ยแต่ก่อน 50 ปี ปัจจุบันผู้ชายเพิ่มเป็น 73 ปี ผู้หญิงเพิ่มเป็น 80 ปี เชื่อว่า อีก 20 ปีข้างหน้าคาดว่า อายุเฉลี่ยของคนไทยจะเพิ่มขึ้นอีก ผู้ชาย 76 ปี ผู้หญิง 83 ปี
จาก Facebook ของหมอมนูญ ลีเชวงวงศ์
https://www.facebook.com/photo/?fbid=950063837226682&set=pcb.950418930524506&locale=th_TH
-
ถ้าข้อมูลหมอจริง น่าสนใจมาก ๆ ครับ
-
ทำไม 4ปีก่อน หมอมนูไม่ออกมาบอกว่า อยู่กับ PM 2.5 ได้ละครับ....(และกราฟในรูปไม่มีปี 64ด้วย) ภาพที่แสดงก็ไม่ได้เทียบปีเก่าๆ กับปีล่าสุด ที่พุ่งไป 100กว่านะ
อย่างวันนี้ min 117 max 194 กราฟที่เอามาให้ดูเด็กๆ ไปเลย
และยิ่งประโยคสุดท้าย ยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของบทความนี้แย่ยิ่งไปใหญ่
หมอมนู ไม่คิดเหรอครับว่าที่คนอายุยืนขึ้น มาจากการแพทย์ ความปลอดภัยที่มากขึ้นของหลายๆอย่าง...เอาง่ายๆ หลายๆปีหลัง เครื่องบินตกน้อยลงมากทั้งๆที่เที่ยวบินมีมากขึ้น เรื่องพวกนี้ก็ฉุดค่าเฉลี่ยอายุคนขึ้นไปเยอะมาก
ถ้าคิดว่า PM 2.5 มันเป็นเรื่องที่ต้องปลง แล้วก็อยู่ไปเหอะ ก็ปล่อยให้ชาวบ้านเผากันต่อไปนะ ปล่อยให้รถสร้างตัวควันท่วมอยู่กันไป ยกเลิก EURO กันให้หมด รถเมล์ควันดำก็ใช้ต่อไป โรงงานปล่อยควันก็เฉยๆซะ เอาไหม
ถ้าเราทำอะไรบ้าง ให้มันดีขึ้นบ้าง 10-20% ก็ทำไปเถอะครับ
แล้วจะบอกว่า ปี 64 ถึงค่าฝุ่นจะสูง แต่เทียบกับปีนี้ .... ปีนี้ค่าฝุ่นสูงกว่านะ
-
ฝุ่นเยอะจริง น่ากลัว ???
-
รถยนต์มีส่วนกับฝุ่น pm 2.5 แน่ครับ แต่ไม่ใช่สาเหตุหลัก ที่ทุกคนเห็นเผาไร่กันทีเป็นหมื่นๆ ไร่ ลามข้ามไป 3 จังหวัด
นั่งเครื่องบินตอนกลางคืนไปอีสาน นึกว่ามีงานเลี้ยง จุดไฟเผานับได้เป็นร้อย แล้วลมหน้าหนาวก็พัดเอาฝุ่นมาภาคกลาง และสุมกันอยู่ใน กทม แหละครับ
เค้าไม่ได้บอกว่า ปีโควิด ชาวบ้านก็เผากันเหมือนเดิมครับ .. ฐานเสียงเค้านี่นา
-
ถ้ามองที่ความจริงนะครับ
เราขับรถกันทุกวัน ทำไม PM2.5 ถึงมาแต่ตอนนี้ ?
จะอ้างว่าอากาศแห้งมันก็ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องหลอกเด็ก เหมือนกันเรื่องไฟป่าที่เป่าหูกันมาว่าเกิดจากต้นไม้เสียดสีกัน ตอนนี้ฉีกตำราไปแล้ว
ตอนนี้เป็นฤดูที่เกษตรกรเผาพืชครับ เผานา เผาป่าข้าวโพด เผาป่า
ถ้าขับรถไป ตจว. จะเห็นเลยว่ากลุ่มควันมาจากกลางทุ่ง หรือมาจากบนภูเขา
ไฟไหม้ป่าที่มาเล ควันยังลายมาถึงไทยเลย แล้วไทยเผากันเองมันจะรอดไหม ?
เสพข่าวอย่างมีความคิด บางทีสื่อก็ไม่ได้พูดเรื่องจริง เค้าพูดตามสคริปเท่านั้นเอง
-
อะไรช่วยได้ ก็ช่วยกันครับ ร่วมมือกันลด
ไม่ใช่บอกว่า เออ ใช้ๆไปเหอะ ไม่เกี่ยวกับรถยนต์หรอก
ไม่ใข่แค่กรุงเทพ ถ้าคนทั้งโลกพยายามช่วยกัน มันก็น่าจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้นะ
-
ถ้าพูดถึงปริมาณฝุ่น มันก็เยอะแบบนี้ทั้งปีแหละครับ
แต่พอถึงฤดูนี้ของปีบรรยากาศมันปิด ก็จะมีปัญหาตลอด
พอหมดช่วงนี้ก็กลับไปใช้ชีวิตกันแบบปกติ
ส่วนเรื่องมาตรการต่าง ๆ ผมมองว่าเป็นการเอาตัวรอดไปวันๆ ของภาครัฐ ทั้งๆ ที่มันไม่ช่วยอะไรมาก เพราะถ้าไม่ทำอะไร คนก็ด่ากันอีก
-
ข้อความมันยาว ผมขี้เกียจอ่าน
แต่ผมอ้างอิง จากความรู้สึก จากที่เจอมา และ จากข้อมูลหลายๆ อย่าง หลายๆ ที่ ละกันครับ
รถยนต์มีส่วนแน่นอน นอนยันเลย แต่...มันเป็นสัดส่วนที่น้อยมากๆ
ปัจจุบันหลักเลยคือ การเผา ครับ ประจวบเหมาะกับช่วงอากาศเย็น มีหมอก ทำให้ฝุ่นลอยขึ้นหรือกระจายตัวช้า
ปัจจัยรองลงมา ก็พวก โรงงาน หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่ใช่ปัจจุบันละ? จะบอกว่า โรงงานเปิดทำงานทั้งปี ทำไมฝุ่นมาหนักเอาตอนต้นปี 1-2 เดือนละ ถูกไหม? เพราะช่วงนี้แหละคือฤดูการแห่งการเผาไง(กลับไปข้อข้างบน)
ส่วนอื่นๆ ก็มีผสมมาปะปลาย
ผมไม่ได้ฟันธง หรือ วิชาการอะไรมาก
แค่มุมนึง ที่เจอมา และ เป็นความคิดส่วนตัวล้วนๆ (บวกกับข้อมูลนิดหน่อย)
-
จากที่สังเกตค่าฝุ่นจะเยอะมากๆ ช่วงเช้ามืดครับ ตอนเย็นจะน้อยกว่า
นั่นก็แสดงว่าไม่ได้มาจากรถจริงๆ แหล่ะ
แต่รถดีเซลก็ทำให้ฝุ่นเยอะมากจริงๆ ยิ่งพวกกระบะเก่าๆ หรือกระบะซิ่งควันดำ
ขับตามทีไร PM. ขึ้นเกินพันทุกครั้ง
นั่นก็อันตรายกับคนใช้ถนนร่วมกันมากๆ เหมือนกันครับ
-
จากที่สังเกตค่าฝุ่นจะเยอะมากๆ ช่วงเช้ามืดครับ ตอนเย็นจะน้อยกว่า
นั่นก็แสดงว่าไม่ได้มาจากรถจริงๆ แหล่ะ
คลาดเคลื่อนครับ
ช่วงเช้ามืดลมจะสงบกว่าช่วงเย็น ทำให้การระบายฝุ่นน้อยกว่าครับ
-
รถยนต์มีส่วนน้อยครับ ต่อให้ไม่มีรถซักคันบนถนนฝุ่นก็ยังเยอะอยู่ดี ส่วนใหญ่มาจากการเผาในที่โล่งแจ้ง ก็เผาไร่เผานาเผาป่านี่แหละ ตอนกลางคืนผมออกมาปิดประตูรั้วนี่ได้กลิ่นควันเลยครับ
แล้วทำไมชาวไร่ชาวนาต้องเผา ทางการเขาแนะนำให้ไถกลบตอซัง นอกจากลดฝุ่นแล้วเวลาที่มันเน่าเปี่อยยังเป็นปุ๋ยได้อีก มันต้องมีเหตุผลครับ
ที่เค้าเผากันเพราะมันใช้เงินน้อยสุดครับ น้ำมันโซล่าถังเดียวก็เผาได้ทั้งไร่ทั้งนาแล้ว ถ้าไถกลบต้องจ้างรถไถมาไถใช้เงินเท่าไหร่ล่ะ
แล้วถ้าอุดหนุนเงินค่าไถกลบตอซังล่ะ มันก็ยังต้องรอเวลาเพื่อให้ตอซังมันเน่าเปี่อยอีก สู้เผาไม่ได้แค่ปล่อยน้ำเข้าก็สามารถทำนาต่อได้ทันทีไม่ต้องรอ
มันคือความคิดของบรรดาชาวไร่ชาวนาครับ ฉะนั้นมาตรการของรัฐบาลจึงไม่ได้รับความร่วมมือ ก็เลยยังเผากันต่อไป ซึ่งเป็นความท้าทายต่อการแก้ปัญหาครับ
นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะแก้กันยังไง ??
-
อยากรู้ชาวไร่ ชาวสวน ประเทศอื่น ที่เค้าไม่ใช้วิธีเผา เค้าทำยังไง ต้นทุนเยอะมั้ย ถ้าปัญหามาจากตรงนี้จริงๆ ทำไมรัฐไม่ไปศึกษาดูงานจากประเทศเหล่านั้น ดูอย่างญี่ปุ่นปลูกข้าว ทำไร่ทำนาเหมือนเรา อาจจะจำนวนน้อยกว่า แต่ตอนนี้ดู PM ใน app ญี่ปุ่นเขียวเลย :o
-
โรงงานแถบสมุทรสาครและสมุทรปราการแอบปล่อยควันพิษมหาศาลในเวลากลางคืน
ช่วงนี้ของทุกปี จะเกิดปรากฏการณ์ ลมทะเลพัดเข้ากรุงเทพตอนกลางคืน ลมเหนือและลมตะวันออกเฉียงเหนือก็พัดเข้ามาปะทะกับลมทะเลที่ว่า ซึ่งก็นำควันจากการเผามาผสมด้วย pm2.5 เลยย่ำแย่หนัก
ช่วงปี 2020 2021 โรงงานหลอมเหล็กเอย โรงงานที่ก่อควันพิษต่างๆแถบเมืองสมุทรก็ไม่ได้ปิดนะครับ ช่วงนั้นผมขับผ่านก็ยังเห็นเขาปล่อยอยู่เลย
ลองดูทิศทางลมได้ใน app windy ก็ได้ครับ
https://www.dropbox.com/scl/fi/3jqwsyputvz2bze76o4rn/Screenshot_20250121_224303_Windy_copy_356x703.jpg?rlkey=j0zrlvw08eppjsow3u7x8ploi&st=00eavcvr&dl=0
จริงๆผมเองก็มีวิธีบรรเทาฝุ่นพิษนี้อยู่นะครับ ในเมื่อลมมันจะมีการเคลื่อนที่หาอุณหภูมิไม่เท่ากัน เราก็หาทางทำให้ลมมัน flow ขึ้น แต่ผมก็แค่คนตัวเล็กๆ ไม่รู้จะไปแนะนำองค์กรใหญ่ๆของประเทศยังไง และต้องระดมนักวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆมาร่วมมือกัน แต่บังเอิญ ไทยเองก็ยังไม่มีองค์กรกลางในการแก้ฝุ่นนี่ด้วยสิ เฮ้อ
-
อยากรู้ชาวไร่ ชาวสวน ประเทศอื่น ที่เค้าไม่ใช้วิธีเผา เค้าทำยังไง ต้นทุนเยอะมั้ย ถ้าปัญหามาจากตรงนี้จริงๆ ทำไมรัฐไม่ไปศึกษาดูงานจากประเทศเหล่านั้น ดูอย่างญี่ปุ่นปลูกข้าว ทำไร่ทำนาเหมือนเรา อาจจะจำนวนน้อยกว่า แต่ตอนนี้ดู PM ใน app ญี่ปุ่นเขียวเลย :o
อันนี้ผมก็ตอบแบบไม่ค่อยมีข้อมูลเหมือนเดิมนะครับ แต่ในฐานะที่ผมเป็นลูกชาวไร่ชาวสวน (แต่ไม่ได้ทำอ้อยนะ)
ประเทศไทย ส่งออกน้ำตาล เป็นอับดับ 2 ของโลก (รองจาก บราซิล)
การเผาในประเทศไทย ผมว่าเกินร้อยละ 80 เป็นการเผาอ้อย อีก 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็นอย่างอื่น อาจจะมีตอชังข้าวด้วยก็ว่าไป (ผมมั่วตัวเลขนะ อย่าใส่ใจมาก)
ถ้าไปเทียบกับญี่ปุ่น เขาไม่มีต้นอ้อยครับ เลยไม่ต้องเผา มีแต่ข้าว ผลไม้ และ พืชส่งออกอย่างอื่น (ที่ไม่ใช่อ้อย)
กลับมาที่ไทย ทำไมไร่อื่นๆ เขาไม่เผาละ เช่น
ข้าวโผด เผาได้ไหมครับ? มันจะได้ป๊อปคอร์นแทน
ข้าว เผาได้ไหมครับ? มันจะได้ข้าวพอง ข้าวเกรียบแทน (และ โดยทั่วไป บ้านเราไม่ค่อยนิยมเผาตอชังข้าว เพราะมันจะทำให้ดินเปรี้ยว และ เสียค่าปุ๋ยในปีต่อไปมากกว่าเดิม เขาไถกลลเอาได้ ไม่ต้องเผา นอกจากคนมักง่าย)
กลับมาที่ "อ้อย"
อ้อย เผาได้ไหมครับ => ได้ และ เก็บ(ตัด) ง่ายด้วย เพราะใบอ้อยคม คัน และ รกทึบ อีกต่างหาก ขนาดจ้างคนงาน(ต่างชาติ) มาเป็นแรงงานเขายังไม่ค่อยอยากตัดเลย ต้องเผาก่อน
บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมไม่ใช้รถเก็บ หรือ รถตัดอ้อย เหมือนที่ smart farmer เหมือนเมืองนอก(ตาม YouTube มีเพียบ) เขาใช้เครื่องจักรแทนคนกันละ
คำถาม => เครื่องจักรนั้น ราคาเท่าไหร่? ชาวบ้านซื้อไหวไหม?
เครื่องจักร ณ ตอนนี้มีครับ มีทั่วไป เป็นของนายทุน แถวเพชบูรณ์ก็มี ถ้าไปทับเบิกก็น่าจะเห็น ได้เช่นกัน แต่หลายคน ยังเลือกจ้างแรงงานคนอยู่ มันง่าย และ ต้นทุนถูก
------------------------------
อันนี้ ยังไม่รวมถึง การเผา และ ไฟป่า อีกนะครับ
ปล.ผมมั่วนะ อย่าเชื่อผมมาก
-
ผมมองว่าอะไรที่สร้างมลพิษทางอากาศ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็ควรมีการจัดการ ไม่ว่าจะได้ผลเร็ว หรือช้า การไม่ทำอะไรเลย เพราะคิดว่าไม่เป็นปัญหา ย่อมไม่เกิดประโยชน์อะไร ทั้งประชากรในรุ่นเรา และอนาคต
PM2.5 เป็นปัญหาระดับภูมิภาค ที่อินเดีย, จีน หรือแม้แต่เกาหลีก็เป็นเช่นกัน แต่ละประเทศมีแนวทางรับมือ บางเมืองได้ผล บางเมืองไม่ได้ผล
ผมเองไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่คิดว่ารัฐคงเคยรวบรวมความเห็นผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว แต่ทางออกของปัญหานี้ อาจยากเกินแก้ไข หรือใหญ่เกินไป แต่ผมไม่เห็นด้วยที่บอกว่า PM2.5 ไม่เป็นปัญหา
PM2.5 เป็นปัจจัยเสี่ยงกับการเป็นมะเร็ง ไม่ใช่แปลว่าทุกคนจะเป็นมะเร็งเพราะ PM2.5 แต่บางคนที่มีโอกาสจะเป็นมะเร็งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะจากพันธุกรรม การใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง การได้สัมผัสต่อ PM2.5 การเร่งให้เกิดมะเร็งได้เร็วขึ้น ซึ่งสำหรับผมการแปลว่า PM2.5 มันคือปัญหา
ผมเองไม่สามารถเลือกได้ว่าไม่อยากสัมผัส PM2.5 ในปีหนึ่งผมต้องเจอปัญหานี้ 4 เดือน แปลว่า 1/3 ในชีวิตผม ต้องอยู่กับความเสี่ยงนี้ ผมยังพอมีงบประมาณที่จะซื้อ N95, ติดเครื่องฟอกอากาศ หรือ Positive pressure ในบ้าน ให้พอมีช่วงที่หลุดพ้นจาก PM2.5 ได้บ้าง แต่ยังมีอีกหลายคนต้องอยู่กับความเสี่ยงนี้ แบบรู้ตัวและไม่รู้ อีกทั้งหลีกเลี่ยงไม่ได้
กลับมาที่ปัญหา รถยนต์ มันปล่อย PM2.5 แสดงว่ามันคือหนึ่งในปัญหา อยากน้อยควรมีมาตรการ เพื่อให้เกิดทางออกของปัญหา การให้คำตอบว่ามันไม่เป็นปัญหา สามารถทนอยู่กับมันได้ สำหรับผมยังสร้างสรรค์ไม่เพียงพอ แล้วเราจะก้าวข้ามไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วได้ เมื่อไหร่ครับ
-
ลำพังขนส่งสาธารณะเบื้องต้นเลย เช่น รถเมล์
ยังโบราณคร่ำครึ เก่า ควันโคตรดำ ยังทู่ซี้ใช้อยู่เลย
มีใครไม่เห็นว่ามันไม่ดำ ไม่สร้างมลภาวะบ้าง ผมว่าไม่มีแน่นอน
-
จากเหตุการนี้ จะได้เลิกพูดต่อๆกันมาว่ารักโลกลดฝุ่น ให้ใช้รถ EV กันเยอะๆ
ตอนนี้ รถ EV เต็มเมืองไปหมด ฝุ่นหนักกว่าเดิม
-
รถเก่าๆ รถดีเซลควันดำ โรงงานควันดำๆ
พวกนั้นฝุ่น มลพิษแน่ๆ ครับ
แต่เคยอ่ายเจอมาว่า มันเป็นฝุ่น pm10
คืออนุภาคมันใหญ่กว่า pm2.5 ที่เรากำลัง
พูดถึงกันครับ
-
จากเหตุการนี้ จะได้เลิกพูดต่อๆกันมาว่ารักโลกลดฝุ่น ให้ใช้รถ EV กันเยอะๆ
ตอนนี้ รถ EV เต็มเมืองไปหมด ฝุ่นหนักกว่าเดิม
รถเก่าๆ รถดีเซลควันดำ โรงงานควันดำๆ
พวกนั้นฝุ่น มลพิษแน่ๆ ครับ
แต่เคยอ่ายเจอมาว่า มันเป็นฝุ่น pm10
คืออนุภาคมันใหญ่กว่า pm2.5 ที่เรากำลัง
พูดถึงกันครับ
เอาง่ายๆ นะครับ ในต่างจังหวัด ที่จังหวัดเล็กๆ รถยนต์แทบไม่มี
ยังค่า PM2.5 สีแดง สีม่วง เลย
แค่นี้มันก็บอกแล้วครับว่า เกิดจากอะไร
พอเลยหน้าหนาวจะเขาหน้าร้อน ก็จะเริ่มเข้าสู่การเกิดไฟป่า(เองมั้ง) มีจุด spot ไฟไหม้ เต็มไปหมด เดี๋ยวก็มีข่าวแบบนี้ออกมาสักเดือน มี.ค. น่าจะใช่
ส่วนในกรุงเทพฯ เอง สัดส่วนของแหล่งที่มาของ PM2.5 ก็อาจจะขึ้นๆ ลงๆ ได้ตามเงื่อนไขต่างกัน
เพราะกรุงเทพฯ มองว่ารถเยอะ อันนี้ก็ใช่ มันก็มีส่วนที่ควันไอเสีย เข้ามามีผลเยอะ แต่รถวิ่งทั้งปี จะมา PM2.5 สูงแค่ช่วงหน้าหนาว(หน้าหนาวก็มีส่วนเยอะ อากาศปิด หมอก เย็น ลมแทบไม่มี) มันยิ่งเสริมๆ กันให้ค่า PM มันพุ่งสูงขึ้น
-
ที่บอกว่า PM 2.5 อยู่กับ กทม.มานานแล้ว อันนี้จริงคับ............
ในหน้าหนาวที่อากาสเย็นลง ชั้นบรรยากาศจะเกิดการกดทับ+ไม่มีลมพัดให้ฝุ่นมันกระจายไป มันทำให้ค่า PM 2.5 สะสมจนเกินมาตรฐาน มันก็อธิบายได้ว่าทำไม PM 2.5 ทำไมถึงเกิดเฉพาะในช่วงนี้ทุกปี
ในขณะที่ฤดูอื่นมันมีลม มีฝน ที่ช่วยทำให้ค่าฝุ่นเบาบางลง มันก็เลยไม่ค่อยเป็นปัญหา
ในบางจังหวัดเช่นพื้นที่ตามริมทะเลที่ห่างกทม.ไปหน่อยจะเจอปัญหาเรื่องฝุ่นน้อยลง เพราะมันมีลม มีพื้นโล่งของทะเลทำให้ฝุ่นกระจายตัว
เรื่อง PM 2.5 เกี่ยวข้องกับรถสันดาบไหมอันนี้ผมคงไม่มานั่งเถียงกับใคร เพราะผมเองก็ยังคงต้องพึ่งพารถสันดาบในการขับไปไหนมาไหนอยู่ ฮา...........
แต่ถ้าจะเพิกเฉยเรื่องฝุ่นกัน แล้วก็มาบอกว่า อ๋อ มันมีมานานแล้วนะฝุ่นเนี่ย เรื่องปกติอะไรทำนองนั้น .... อันนี้ก็ตัวใครตัวมันนะคับ
ส่วนตัวผมมองว่าถ้าแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ อีกหน่อยคงต้องวางแผนย้ายบ้านไปหาที่อยู่ที่สภาพแวดล้อมดีกว่าเดิมหน่อย
-
ผมอยู่ชานเมืองครับ ติดๆกับ กทม เขตที่ฝุ่นแดงสุด
ช่วงกลางคืนที่ผมเจอนะครับ ผมเริ่มมืด ได้กลิ่นเผามาเยอะมาก และทุกวัน ในช่วงหน้าหนาว คาดว่าเผากลางคืน คนน่าจะปิดบ้านกันหมดแล้ว จึงกล้าเผา และตามดูได้ยากว่าเผากันตรงไหน
โรงงานใหญ่ๆ โดยเฉพาะ โรงงานที่ใช้พลังงานสูง จะผลิตช่วงกลางคืน เพราะค่าไฟถูกกว่ามาก และปล่อยควันได้ง่าย สังเกตได้ยาก
พอตอนเช้าตื่นมา รถยังวิ่งไม่เยอะแต่ฝุ่นหนามาก กลิ่นก็ไม่ค่อยดี ทั้งที่อยู่ชานเมือง
-
เคยนั่งเครื่องจาก กทม ไปเชียงรายมองจากเครื่องบินลงมา ตามสวนและนา เผาควันกันเยอะมากนะครับ
นอนที่ โรงเเรมก็เปิดหน้าต่างไม่ได้ เผากันหนักมาก
ผมตอนนอนที่ กทม กลิ่นยังรู้สึกดีกว่าอยู่บ้านชานเมืองด้วยซ้ำ
บ้านที่ชานเมือง เผากันหนักมาก
-
จากเหตุการนี้ จะได้เลิกพูดต่อๆกันมาว่ารักโลกลดฝุ่น ให้ใช้รถ EV กันเยอะๆ
ตอนนี้ รถ EV เต็มเมืองไปหมด ฝุ่นหนักกว่าเดิม
รถเก่าๆ รถดีเซลควันดำ โรงงานควันดำๆ
พวกนั้นฝุ่น มลพิษแน่ๆ ครับ
แต่เคยอ่ายเจอมาว่า มันเป็นฝุ่น pm10
คืออนุภาคมันใหญ่กว่า pm2.5 ที่เรากำลัง
พูดถึงกันครับ
เอาง่ายๆ นะครับ ในต่างจังหวัด ที่จังหวัดเล็กๆ รถยนต์แทบไม่มี
ยังค่า PM2.5 สีแดง สีม่วง เลย
แค่นี้มันก็บอกแล้วครับว่า เกิดจากอะไร
พอเลยหน้าหนาวจะเขาหน้าร้อน ก็จะเริ่มเข้าสู่การเกิดไฟป่า(เองมั้ง) มีจุด spot ไฟไหม้ เต็มไปหมด เดี๋ยวก็มีข่าวแบบนี้ออกมาสักเดือน มี.ค. น่าจะใช่
ส่วนในกรุงเทพฯ เอง สัดส่วนของแหล่งที่มาของ PM2.5 ก็อาจจะขึ้นๆ ลงๆ ได้ตามเงื่อนไขต่างกัน
เพราะกรุงเทพฯ มองว่ารถเยอะ อันนี้ก็ใช่ มันก็มีส่วนที่ควันไอเสีย เข้ามามีผลเยอะ แต่รถวิ่งทั้งปี จะมา PM2.5 สูงแค่ช่วงหน้าหนาว(หน้าหนาวก็มีส่วนเยอะ อากาศปิด หมอก เย็น ลมแทบไม่มี) มันยิ่งเสริมๆ กันให้ค่า PM มันพุ่งสูงขึ้น
ประเด็นฝุ่นในกรุงเทพฯ จริงๆมันเห็นผลชัดๆในช่วงโควิทแล้วครับ ตอนนั้นรถหยุดวิ่งในเมืองแทบไม่มีรถ ไม่มีคนเป็นปี ตอนล๊อคดาวฝุ่นยังมีนะครับ แต่ไม่พูดถึงกัน ข่าวรายงานแต่การตายของโรค
ต่อมาโควิทเริ่มจาง คนเริ่มออกมาปกติ ฝุ่นกลับมาทันที ทีนี้คนเริ่มด่าเรื่องฝุ่นและ ด่าผู้ว่าฯ(คนเก่า)ด่ารัฐบาล และก็เกิดกระแส EV บอกลดฝุ่นรักสิ่งแวดล้อมผมนี่อย่างฮา
ในกทม รถหายไปเกือบ 2 ปี อากาศไม่ดีขึ้นเลย ยังมาบอกฝุ่นมาจากรถยนต์อีกก็หมดคำจะพูดแล้วครับ
-
ไม่เกียวกับรถยนต์หรอ?
แค่ไม่ใช่ตัวหลักในการเกิดฝุ่นเฉยๆมั้งครับ
ใน 100% ถ้ามีส่วนร่วม 10% ก็ถือว่ามีครับ
ถ้าบอกว่า "ไม่เกี่ยวกับรถยนต์เลย" คงไม่ใช่
-
ลำพังขนส่งสาธารณะเบื้องต้นเลย เช่น รถเมล์
ยังโบราณคร่ำครึ เก่า ควันโคตรดำ ยังทู่ซี้ใช้อยู่เลย
มีใครไม่เห็นว่ามันไม่ดำ ไม่สร้างมลภาวะบ้าง ผมว่าไม่มีแน่นอน
รถเมล์ไฟฟ้า น่าจะเกิน 50% ไปแล้วมั้งครับ
ราวๆ 20-30% เป็น ก๊าซ
เหลือควันดำดีเซลที่ยังเป็นรถร้อนอยู่ ปัญหาคือต้องทำขนส่งราคาประหยัด รถก็ต้องลากใช้พังแล้วถึงได้งบเปลื่ยน และเป็นนโยบายใช้เงินที่หาเสียงไม่ค่อยได้ มันไม่เหมือนแจกเงินหรือทำ PR แบบสวยหรูแบบที่คนชนะการเลือกตั้งประเทศนึงทำครับ...เพราะคนไทยส่วนมากถ้าพอจะซื้อรถได้ ใช้รถส่วนตัวหมด เมินขนส่งสาธารณะ...แล้วจะให้เขาเอาเงินที่ไหนไปเปลื่ยนรถใหม่รัวๆละครับ
และอัตราการเพิ่มของรถไฟฟ้า รถสาธารณะโตเร็วกว่ารถส่วนบุคคลมากนะครับ
....
ปัญหาฝุ่นหลักมาจากการเผาใช่อยู่แล้วครับ แต่จากรถยนต์ก็มีส่วนเสริมประมาณนึงถึงค่อนข้างมากด้วย
ลองเทียบปีโควิดกับปีนี้ก็ได้ครับ ฐานข้อมูลเดียวกัน ปีนั้นแทบไม่มีม่วงเลยถึงจะส้มแดงก็เหอะ ปีนี้ม่วงทั้งสัปดาห์ใน กทม. มันก็มีผลละ
และเมื่อเทียบกับจังหวัดที่ติด และใกล้ชายทะเลด้วยกัน ที่ลมพัดฝุ่นออกทะเลง่ายกว่าจังหวัดริมเขา ซอกเขา กทม.ก็หนักสุด(ถึงจะมองว่าตึกเยอะบังลม แต่ค่ามลพิษก็ไม่น่ากระโดดขนาดนั้น)
แต่กทม.ค่ามลพิษพอๆกับจังหวัดที่เผาป่า เผาไร่ที่อยู่จุดอับลมตามเขาเลย
-
จากเหตุการนี้ จะได้เลิกพูดต่อๆกันมาว่ารักโลกลดฝุ่น ให้ใช้รถ EV กันเยอะๆ
ตอนนี้ รถ EV เต็มเมืองไปหมด ฝุ่นหนักกว่าเดิม
รถเก่าๆ รถดีเซลควันดำ โรงงานควันดำๆ
พวกนั้นฝุ่น มลพิษแน่ๆ ครับ
แต่เคยอ่ายเจอมาว่า มันเป็นฝุ่น pm10
คืออนุภาคมันใหญ่กว่า pm2.5 ที่เรากำลัง
พูดถึงกันครับ
เอาง่ายๆ นะครับ ในต่างจังหวัด ที่จังหวัดเล็กๆ รถยนต์แทบไม่มี
ยังค่า PM2.5 สีแดง สีม่วง เลย
แค่นี้มันก็บอกแล้วครับว่า เกิดจากอะไร
พอเลยหน้าหนาวจะเขาหน้าร้อน ก็จะเริ่มเข้าสู่การเกิดไฟป่า(เองมั้ง) มีจุด spot ไฟไหม้ เต็มไปหมด เดี๋ยวก็มีข่าวแบบนี้ออกมาสักเดือน มี.ค. น่าจะใช่
ส่วนในกรุงเทพฯ เอง สัดส่วนของแหล่งที่มาของ PM2.5 ก็อาจจะขึ้นๆ ลงๆ ได้ตามเงื่อนไขต่างกัน
เพราะกรุงเทพฯ มองว่ารถเยอะ อันนี้ก็ใช่ มันก็มีส่วนที่ควันไอเสีย เข้ามามีผลเยอะ แต่รถวิ่งทั้งปี จะมา PM2.5 สูงแค่ช่วงหน้าหนาว(หน้าหนาวก็มีส่วนเยอะ อากาศปิด หมอก เย็น ลมแทบไม่มี) มันยิ่งเสริมๆ กันให้ค่า PM มันพุ่งสูงขึ้น
ประเด็นฝุ่นในกรุงเทพฯ จริงๆมันเห็นผลชัดๆในช่วงโควิทแล้วครับ ตอนนั้นรถหยุดวิ่งในเมืองแทบไม่มีรถ ไม่มีคนเป็นปี ตอนล๊อคดาวฝุ่นยังมีนะครับ แต่ไม่พูดถึงกัน ข่าวรายงานแต่การตายของโรค
ต่อมาโควิทเริ่มจาง คนเริ่มออกมาปกติ ฝุ่นกลับมาทันที ทีนี้คนเริ่มด่าเรื่องฝุ่นและ ด่าผู้ว่าฯ(คนเก่า)ด่ารัฐบาล และก็เกิดกระแส EV บอกลดฝุ่นรักสิ่งแวดล้อมผมนี่อย่างฮา
ในกทม รถหายไปเกือบ 2 ปี อากาศไม่ดีขึ้นเลย ยังมาบอกฝุ่นมาจากรถยนต์อีกก็หมดคำจะพูดแล้วครับ
ใช่ครับ มันก็เป็นทฤษฎี ที่พิสูจน์มาแล้ว เช่นกัน ช่วงโควิด รถแทบไม่มีวิ่ง แต่ฝุ่นก็ยังมีเหมือนเดิม
รถยนต์ก็ส่วนหนึ่งแหละ แต่มันไม่ใช่ส่วนหลัก หรือ ปัจจัยหลัก ในความคิดของผม
ภาคเหนือ บางจังหวัด รถยนต์แทบไม่มีวิ่ง แต่ สีแดง สีม่วง กันเพียบ มันก็พิสูจน์แล้วเช่นกัน
-
ผมอยู่ใน กทม ดูค่าฝุ่นตอนตี 5 เยอะกว่าตอน 8 โมง สาเหตุหลักไม่ใช่รถแน่ๆ
-
ข้อมูลที่คุณหามา บอกตรงๆเลย ถูกต้อง 1,000%
PM2.5 นั้น แม้จะมาจากรถ แต่ก็เป็นสาเหตุรองลงมา ซึ่งสาเหตุหลักๆเลย มาจาก เผาขยะเผาข้าวโพด ซึ่งฝุ่นนี้
..สามารถทำลายชีวิตหมอหนุ่มจากเชียงใหม่ได้เลยนะครับ
สิ่งที่ควรกำจัดอันดับแรก ห้ามเผาขยะเผาข้าวโพดในสถานที่ต่างๆ ซึ่งถ้าเห็น มีโทษร้ายแรง อันดับรองลงมา ห้ามนำรถดีเซลทุกชนิด เข้าเขตเมืองเขตจังหวัดทั้งประเทศ และอันสุดท้ายเลย ในการเดินทาง อย่างเร่งรีบ ควรใช้รถเมล์ไฟฟ้าเขตเมือง รถไฟฟ้า BTS MRT โดนฟรีค่าเดินทางทุกสาย นี่แหละ ช่วยลดฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจัง