Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Steve_Davis ที่ มกราคม 24, 2025, 21:57:50
-
แต่ก่อนเป็นสายพาน เปลี่ยนง่ายมาก ถอดฝาครอบเปลี่ยนลูกรอก เต็มที่ก็ pump น้ำ valveน้ำนิดหน่อย
เดี๋ยวนี้พอเป็นโซ่ราวลิ้น (timing chain) เปลี่ยนยากมาก แทบต้องยกเครื่องออกมาทั้งตัว
สารพัดจุดรั่วซึม รางพลาสติกก็บอบบางเหลือเกินครับ ที่สำคัญอายุการใช้งานแทบไม่ต่างกับ
แบบสายพานเลยครับ สงสัยว่าผู้ผลิตเค้ามีเหตุผลอะไรครับ? ถึงเปลี่ยนจากสายพานมาเป็นโซ่ครับ
-
ไม่แน่ใจว่าที่เปลี่ยนง่ายเป็นเครื่องวางตามยาวหรือเปล่านะครับ
ถ้าเสมัยนี้ห้องเครื่องมักจะแคบถ้าเครื่องวางขวาง ผมมองว่าสายพานก็ไม่น่าเปลี่ยนง่าย
บางคันต้องยกลงทั้งเครื่องเลยถึงจะเปลี่ยนง่าย
ช่างก็ต้องเปลี่ยนลูกรอก ปั๊มน้ำแบะอื่นๆทีเดียวให้หมดเลย
ซึ่งก็อายุเหมาะสมที่จะจัดการพร้อมๆกันพอดี
ส่วนเรื่องโซ่ ถ้าเป็นรุ่นเก่าวิ่งกันเกิน5แสนโลสบายๆ แต่ปัญหาในรุ่นใหม่เป็นผลมาจากกฎหมายสิ่งแวดล้อม บังคับให้คนออกแบบต้องลดแรงต้านทานและน้ำหนักในระบบ ทำให้โซ่ต้องเล็กลง เฟืองโซ่เล็กลง ตัวดันโซ่ที่บางลง น้ำมันเครื่องใสขึ้น
ผลคือเฟืองโซ่ไปก่อน ตัวดันก็ไม่ไหว โซ่เองทนแต่พอสองตัวแรกเสื่อม ก็เสียหายตาม
-
จริงๆผมคิดว่าเค้าใช้โซ่คงตั้งใจให้มันทนมากๆแหละบางทีคิดว่าไม่ต้องเซอร์วิสเอาไปไว้หลังเครื่องเลย
แต่ผลก็อย่างที่เห็น ในรถเก๋งเหลือแต่โตโยต้ามั้งครับที่ยังทน
-
จริงๆผมคิดว่าเค้าใช้โซ่คงตั้งใจให้มันทนมากๆแหละบางทีคิดว่าไม่ต้องเซอร์วิสเอาไปไว้หลังเครื่องเลย
แต่ผลก็อย่างที่เห็น ในรถเก๋งเหลือแต่โตโยต้ามั้งครับที่ยังทน
วิศวกรยุโรปออกแบบอย่างมั่นใจมากว่าไม่ต้องเซอร์วิสในช่วงรถยังอายุน้อยๆ
แต่ผมเคยเจอเครื่อง V8 ของเครือ VW ยุคใหม่ๆ มีปัญหาเรื่องตัวดันโซ่ ในระยะ Warranty คนซ่อมน้ำตาจะไหลครับ แค่จะเปลี่ยนตัวดันโซ่ ต้อง Drop เครื่องออกมาทั้งตัว ::)
ยังไม่นับเครื่อง W12 ที่เอามอเตอร์สตาร์ทไปยัดไว้ด้านในเสื้อเกียร์อีก รถมอเตอร์สตาร์ทพัง ต้องยกเครื่องออกจากรถ แล้วแยกเครื่องเกียร์ออกจากกัน ถึงจะถอดมอเตอร์สตาร์ทได้
-
จริงๆผมคิดว่าเค้าใช้โซ่คงตั้งใจให้มันทนมากๆแหละบางทีคิดว่าไม่ต้องเซอร์วิสเอาไปไว้หลังเครื่องเลย
แต่ผลก็อย่างที่เห็น ในรถเก๋งเหลือแต่โตโยต้ามั้งครับที่ยังทน
ของอัสติสโซ่ทนจริงแต่เฟืองรูดเป็นแถว
แต่กระบะจริงๆระยะพอกันหมดครับ ทั้ง np300,ranger,revo. 2 แสนเริ่มดังกันหมด ปัญหามาไม่ว่าตัวดันโซ่/เฟือง
รุ่นใหม่ๆ โซ่เริ่มบางแถมเฟืองที่ออกแบบมาใช้กับโซ่ พอโซ่บางระยะของเฟืองก็แคบลง
พอโซ่ยืดปรากฏว่า โซ่ปีนเฟือง หลุดมาร์ค เครื่องพังไม่ต่างกับสายพาน
-
ที่เห็นๆกันตอนนี้ ตั้งแต่ปี 2022มาเนี่ย รถที่พังและมีปัญหาบ่อยๆคือรถที่เป็นสายพานทั้งนั้นนะครับ
CITY เป็นสายพาน หมดอายุเจอกันทุกคนในคลับ ยังไม่แสนโลเลยประจายซะแล้ว
ฟอร์ดอีก สายพานแบบเดียวกัน พังไม่ต่างกัน
แต่รถที่เครื่องคล้ายกันอย่าง อัลเมร่า 1.0 ที่ใช้โซ่ ไม่มีปัญหาแบบ city เลย
ส่วนรถที่ผมใช้มาอย่างยาวนาน(หมายถึงแบรนด์) อย่างมาสด้า ที่ใช้โซ่ ผมไม่เคยมีปัญหาที่ต้องเปลี่ยนโซ่ราวลิ้นเลย
โซ่ราวลิ้นน้อยคันมากนะที่จะขาด แต่สานพานน่ะ รูดกันกระจาย อายุใช้งานสั้นมาก
-
โซ่กับเฟือง advance camshaft
ใน W204 ก็จุ๋มจิ๋มเกินครับ
ถ้าเครื่องรุ่นเก่า ก็ว่าอย่าง
-
ไม่แน่ใจว่าผมจำผิดหรือเปล่านะครับ ผมว่า โซ่ราวลิ้น มันมาก่อน สายพานราวลิ้น นะครับ
-
ไม่แน่ใจว่าผมจำผิดหรือเปล่านะครับ ผมว่า โซ่ราวลิ้น มันมาก่อน สายพานราวลิ้น นะครับ
จริงครับ สมัยก่อนเป็นโซ่ และทนมาก แล้วเปลี่ยนมาเป็นสายพาน ซื่งถ้าเปลี่ยนตามระยะก็ถือว่าทนทาน เหมือนกัน
แต่ตอนนี้เปลี่ยนกลับมาเป็นโซ่ คือตัวโซ่ก็ทนแหละครับ แต่ส่วนประกอบอื่นๆ นี่บอบบางเหลือเกิน และฝาครอบกลายเป็นจุดที่น้ำมันเครื่อง รั่วซึมประจำรองจากอ่างน้ำมันเครื่องไปแล้วครับ
-
แรกเริ่มเดิมทีก็ใช้โซ่กันหมดครับเพราะทนทานไม่ต้องเปลี่ยนตลอดอายุการใช้งาน ระยะต่อมาเมื่อสามารถพัฒนาสายพานให้มีความทนทานขึ้นก็พากันเปลี่ยนมาเป็นสายพานเนื่องจากข้อดีของสายพานที่เงียบกว่า แม่นยำกว่า น้ำหนักเบากว่า แรงเสียดทานต่ำกว่าโซ่ แต่ข้อเสียคือควาทนทาน ทำให้ต้องเปลี่ยนสายพานกันโดยมากก็ประมาณทุก 1แสนโล ต่อมาเมื่อสามารถพัฒนาโซ่่ให้มีคุณสมบัติที่ดีเทียบเท่าสายพานได้ก็หันกลับมาใช้โซ่กันใหม่ เพราะไม่ต้องเปลี่ยนแบบสายพาน
ส่วนไอ้โซ่ที่เสียๆกันต้องเปลี่ยนกันนั่นเพราะออกแบบมาไม่ดีตั้งแต่แรกครับ โลกเราก็แบบนี้แหละ ไอ้ที่มาใหม่ว่าดีกว่าของเก่าที่เค้าใช้มานานก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
honda city ที่เปลี่ยนมาใช้ wet belt ก็เพราะเรื่องลดมลพิษล้วนๆ
-
เดาว่า วิทยาการทางด้านวัสดุดีขึ้น ทำให้การใช้โซ่ราวลิ้นเสียงเงียบลง เครื่องเดินเรียบ มั้งครับ
-
จริงๆผมคิดว่าเค้าใช้โซ่คงตั้งใจให้มันทนมากๆแหละบางทีคิดว่าไม่ต้องเซอร์วิสเอาไปไว้หลังเครื่องเลย
แต่ผลก็อย่างที่เห็น ในรถเก๋งเหลือแต่โตโยต้ามั้งครับที่ยังทน
วิศวกรยุโรปออกแบบอย่างมั่นใจมากว่าไม่ต้องเซอร์วิสในช่วงรถยังอายุน้อยๆ
แต่ผมเคยเจอเครื่อง V8 ของเครือ VW ยุคใหม่ๆ มีปัญหาเรื่องตัวดันโซ่ ในระยะ Warranty คนซ่อมน้ำตาจะไหลครับ แค่จะเปลี่ยนตัวดันโซ่ ต้อง Drop เครื่องออกมาทั้งตัว ::)
ยังไม่นับเครื่อง W12 ที่เอามอเตอร์สตาร์ทไปยัดไว้ด้านในเสื้อเกียร์อีก รถมอเตอร์สตาร์ทพัง ต้องยกเครื่องออกจากรถ แล้วแยกเครื่องเกียร์ออกจากกัน ถึงจะถอดมอเตอร์สตาร์ทได้
โอ้วโห เจอแบบนี้น้ำตาแทบไหลครับ
-
ในทางวิศวกรรม คงคิดว่าโซ่ ทนกว่า สายพาน
และ โซ่ยืด จะมีเสียง แต่สายพานถ้าขาดนี่งานช้างเลย
แต่ทั้ง 2 อย่าง มีอายุดการใช้งานเช่นกัน
สำคัญคือที่ไหนได้ ระยะการใช้งานไม่ต่างกัน แต่โซ่เปลี่ยนยางกว่าสายเยอะเลย การเป็นงานยากอีก
-
เอาจริงๆแล้ว โซ่มันควรจนทนกว่าสายพานมากพอสมควรครับ (x2, x3) แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เค้าเลยทำมาให้มันอายุพอๆกับสายพานหรือปล่าว กลายเป็นข้อสงสัยที่ว่า .... จะทำเป็นโซ่มาทำไม (ฟะ) ในเมื่ออายุงานได้แค่เนี๊ย :P :P :P :P