Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: e:smart Hybrid ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2025, 21:45:01
-
สำหรับผม ผมมองว่าอายุรถที่เหมาะสม ควรจะเป็นรถที่อายุเกิน 20 ปีครับ และเป็นรถในยุคก่อน Euro 4 ครับ (0 Euro 1-3) และรถสาธารณะ เช่น Taxi รถบัส อายุ 10 ปีขึ้นไป
ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่เอารถอายุ 10 ปีไปทำลาย เพราะอย่างใน ตปท. เช่น ออสเตรเลีย เขาก็ใช้รถกันจนถึง 15 ปีกันเลยครับ ซึ่งถ้าเทียบปีนี้ ก็ เช่น นิสสัน มาร์ช
คิดอย่างไรกันครับ
https://www.headlightmag.com/Cash-For-Clunke612/
ในเมกา เมื่อ 16 ปีที่แล้วครับบ
-
ผมเห็นข่าวแต่ยังไม่ได้ดูเลยครับว่ารายละเอียดของ แนวคิดต้องการอะไร เข้าใจว่าหลักๆคือช่วย ผู้ผลิตรถยนต์ในไทย..
เอาจริงๆไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร่กับการอุ้มผู้ผลิต ที่ผ่านมาก็รุ้สึกว่าอุ้มมาเยอะมากแล้ว อุ้มจนพอเจอเศรษฐกิจ+ รถจีนดี ก็เลยลำบากเลย
ประชากรก็ไมไ่ด้มีรายได้ขนาดที่จะออกรถใหม่ได้ ยิ่งเศรษฐกินแบบนี้ สินเชื่อปล่อยยากขึ้น ควรสนันบสนุนให้คนออมเงินและเตรียมตัวรับแรงกระแทกดีกว่า
Cash for Clunkers ใน US จุดประสงค์หลักน่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจครับ และลดการใช้น้ำมันเพราะเป็นช่วงน้ำมันแพงด้วย
ก่อนหน้านั้น US ก็ชอบรถเครื่องโต SUV/Pickup/Minivan น่าจะใส่เครื่อง 3.5 v6 เป็นตัวเริ่มต้น ซึ่งมันซดแหลกลาน
ตลาดรถมือสองใน US ก็ราคาไม่ดี (อะไหล่ไม่แพง แต่ค่าแรงแพง)
ในตอนนั้นกลายเป็นขายดีขึ้นเพราะคนไปซื้อรถมือสองเก่าๆราคาถูกๆ เพื่อมาเอาเป็นส่วนลด รถใหม่แทน
ซึ่งในไทย รถมือสอง ราคาค่อนข้างสูง อาจเพราะคนซื้อรถป้ายแดงไม่ไหวมีเยอะ ตลาดมือสองเลยราคาดีอยู่ ถ้าโครงการนี้เกิดขึ้นได้ คือรัฐต้องชดเชยหนักกว่าปล่อยเต้น
ผมคิดว่าไม่คุ้มครับ แทนที่จะเอามาแยกอะไหล่ สร้างเม็ดเงินเล็กๆน้อยๆได้บ้าง กลายเป็นต้องทำลายทิ้งแทน
-
รถ 10 ปี บางคัน ยังใหม่ๆ เพราะดูแลดี
ใช้เงื่อนไข รถ 15 ปี ขึ้นไป และ ค่ามลพิษสูตรกว่าค่ามาตรฐาน จะดี
-
จริงๆประเด็นเรื่องอายุรถสำหรับ user คือเรื่องรอง
มันอยู่ที่ราคากลางของรถรุ่นนั้นๆ ถ้ามันจูงใจเหมาะสม user ก็ยินดีเปลี่ยนด้วยตัวเองอยู่แล้ว
คิดว่ารัฐบาลปัจจุบันนี้อ้างอิงประชาชน ไม่น่ามีข้อลงโทษสำหรับรถเก่าโผล่ขึ้นมาเหมือนในต่างประเทศ
ต่อให้จูงใจยังไงให้ซื้อถ้าราคาไม่ได้ user ก็ไม่เปลี่ยนอยู่ดี
และดูจากการลดกำไรของผู้ผลิต ก็น่าจะได้แค่ไม่เกินแสนนึงคือราคากลางแลกเปลี่ยนรถใหม่
ประเด็นคือแสนบวกลบคันไหนของแต่ละท่านที่คิดว่าเหมาะสมจะเปลี่ยนเป็นคันใหม่?
---------
อีกประเด็นคือกลัวจะทำราคาเหมือนรถจีน สงสัยรถที่กำลังจะออกโมเดลใหม่ ไม่รู้เลยนะครับว่ารุ่นไหน
ถ้าทางผู้ขายยอมลดกำไรสักแสน แล้วรัฐบาลอุดหนุนอีกแสน นี่น่าจะเป็นกลไกที่อาจจะเตรียมไว้
แต่ก็จะทำให้ราคารถใหม่ที่จะเปิดตัวแพงขึ้นล่วงหน้า เพื่อเตรียมหักลดราคาส่วนนี้
พอแคมเปญนี้หมดก็มาลดราคาทีหลังตรงๆ แบบรถจีนช่วงแรก ที่ตั้งราคาแพงเผื่อเอาไว้แล้ว :-X
---------
กลับมาประเด็นจขกท ผมก็คิดว่าประมาณ 15 ถึง 20 ปีขึ้นไป ในทางประกันรถพวกรถตลาดทุนก็ได้ประมาณแสนอยู่แล้ว
ถ้ามีแคมเปญแนวๆนี้ก็จะจูงใจให้อยากเปลี่ยนมากขึ้นครับ
-
ส่วนตัวมองประมาณ 15 ปี หรือ 200,000 กม. ขึ้นไป
-
ผมไม่รู้คนในรัฐบาล ที่จุดประกายความคิดนี้ออกมา
เป้าหมายคือ อะไร
1. กระตุ้นตลาด เพื่อให้ การซื้อขายรถยนต์ ที่ซบเซา กลับมาคึกคัก
2. แก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศ
ถ้าเพื่อโจทย์ข้อแรก
ปัญหามันคือ คนไทยจนลง ต่างชาติแย่งอาชีพคนไทย ของราคาถูกจากจีน ตีตลาดทาง online
แบงค์ก็ไม่กล้าปล่อยกู้ การดาวท์ รถใหม่ก็ลดลง
- การกระตุ้นให้คนเปลี่ยนรถ เงินที่เหลือแค่นี้ จะไหลออกไปรถใหม่อีก ตลาดอื่นก็จะซบลงมากขึ้น เซียงกง ร้านซ่อมรถเก่า เตรียมพัง
- ไม่น่าแก้ไขตรงจุด
ถ้าหวังแก้ข้อ 2
มาตราการที่ เสียเงินชาวบ้านน้อยสุด เช่น
รถกระบะแต่งซิ่ง รถที่เก่าจนเห็นว่าพ่นควันท่อไอเสีย
ยังไม่เริ่มทำอันดับแรกเลย เหมือนจะข้ามขั้น ลำดับการแก้ไขปัญหา
-
สงสัยรัฐบาลนี้กลัวหนี้ครัวเรือนจะลด
-
ไม่สมควรทำครับ เพราะรถที่คนใช้อยู่ทุกวันนี้คุณบอกเค้าหรือป่าวว่าใช้ได้กี่ปี แล้วคุณเก็บภาษีเค้าไปเท่าไหร่ ราคารถบ้านเราเทียบกับประเทศอื่นแพงกว่าเค้าเท่าไหร่ ดังนั้นคนไทยจึงใช้รถกันยาวนาน
เห็นด้วยครับที่จะกำหนดอายุการใช้งานรถ แต่คุณต้องปรับโครงสร้างภาษีใหม่นะ เอาให้ถูกแบบต่างประเทศแล้วบอกไปเลยว่าต่อไปนี้รถที่จดทะเบียนใหม่จะมีอายุการใช้งานกี่ปี (คิดว่า 15 ปีกำลังดี) ถ้าจะใช้นานกว่านั้นก็ได้แต่โดนภาษีหนักและห้ามวิ่งในเขตเมืองอะไรแบบนี้
ทีนี้ถ้าราคารถใหม่มันไม่มีภาษีหยุมหยิม และไม่ได้มองว่ารถยนต์เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย (ยกเว้นรถบางประเภท) คนทั่วไปก็อยากจะเปลี่ยนรถใหม่ด้วยความเต็มใจกันเมื่อครบอายุ
อย่าเอาอายุรถอย่างเดียวมาอ้างว่าปล่อยมลพิษเยอะ ต้องดูบริบทอย่างอื่นด้วย เช่นการบำรุงรักษา บางคนใช้รถน้อย ปีนึงวิ่ง 5,000 โล ถามว่ามันจะปล่อยมลพิษมากกว่ารถใหม่ๆที่วิ่งปีละ 20,000 โลเหรอครับ
แล้วทีนี้ก็ต้องมาหาทางอุ้มบรรดาอู่ซ่อมรถต่ออีกล่ะ...
ปล. เบื่อนักการเมือง ... วันๆทำแต่เรื่อง ... :-\ :-\
-
พึ่งไปดูรายละเอียด ก็ มุมนึงเห็นด้วยมากครับ แต่มันควรต้องปรับเรื่องของภาษีเพิ่มด้วยนะ
ไม่แน่ใจว่าต่างประเทศการต่อภาษีรถใหม่จะถูก แต่จะแพงขึ้นเรื่อยๆถ้ารถมีอายุเยอะขึ้น ... ตรงนี้ควรทำมากกว่า
ไม่ต้องไปแลกอะไรหรอก ถ้ายิ่งเก่าภาษียิ่งแพง ประชาชนก็จะหาทางเปลี่ยนรถเองนั่นแหละเพราะ มันจะเริ่มไม่คุ้มกับการใช้งานแล้ว ไหนจะต้องซ่อม และภาษีที่แพงขึ้นอีก
และก็อายุที่เหมาะสมก็ 15 ปีขึ้นไปกำลังดี
ปรับภาษีรถใหม่ให้ถูกลง คนจะซื้อแต่รถใหม่ๆใช้เอง ถ้ายิ่งเก่าค่าใช้จ่ายยิ่งสูง ประชาชนก็จะขายทิ้งเองแหละ ไม่ต้องไปออกโปรอะไรให้วุ่นวายหรอก
-
อายุเป็นเพียงตัวเลข เคยได้ยินมั้ยครับ
ไม่เห็นด้วยอย่างแรงที่จะไปจำกัดอายุรถ
ให้ไปเข้มงวดเรื่องตรวจสภาพดีกว่าครับ
ตรวจจริงจังเข้มงวด สิ่งที่จะได้คือ ความปลอดภัยบนถนน และมลพิษที่ลดลง
เข้มงวดเรื่องตรวจสภาพ บังคับให้ปรับปรุงแก้ไขก่อนต่อทะเบียน รถสภาพแย่ๆ
ที่เจ้าของจ่ายค่าซ่อมไม่ไหวก็จะถูกทิ้งเอง
ถ้าไปจำกัดอายุรถแบบทื่อๆ สิ่งที่จะเกิดคือ
คนจะไม่เอารถไปจดทะเบียน ลากป้ายแดงใช้มันไป 4-5 ปี
จริงมั้ย
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าสมมุติว่ากำหนดอายุรถไว้ 10 ปี
รถใครที่อายุ 8-9 ปี ก็จะเริ่มไม่ซ่อมกันแล้ว
สภาพเน่า ไฟติดๆ ดับๆ ควันดำ ก็ถูลู่ถูกังใช้มันไป
จะเสียเงินซ่อมมันไปทำไมในเมื่อมันจะใช้ได้อีกแค่ปี สองปีน่ะครับ
ปล. อ้างถึงกรณีญี่ปุ่น
Fact คือ เขาไม่ได้จำกัดอายุรถนะ ภาษีรถเก่าก็ไม่ได้แพงขึ้นด้วย
แต่เขาเข้มงวดเรื่องตรวจสภาพ ตรวจจริงจัง เกณฑ์การตรวจสูง
รถเก่า สภาพไม่ดีจะไม่ผ่านเกณฑ์หลายข้อ ค่าซ่อมแซมให้ผ่านเกณฑ์
ก็จะสูงขึ้นตามสภาพรถ พอไม่คุ้มค่าซ่อมก็จะทิ้งคันเก่า ไปซื้อคันใหม่กันเองครับ
-
ซื้อรถใหม่ กับ เบิก Catalytic ใหม่ 20,000 กว่าบาท ผมยอมเบิกใหม่ดีกว่า ;D
-
ถ้าอยากคุมมลพิษ
เห็นด้วยว่าควรตรวจสภาพให้เข้มข้นกว่านี้ครับ
ตรวจมลมลพิษ ถ้ารถเดิมๆ เซอวิสตามที่ควรจะเป็นมี Cat สภาพใช้งานได้ ก็ไม่ควรจะมีปัญหาอะไร
ส่วน ตัด cat อุด egr จูนควันดำสร้างมลพิษ ต้องบังคับแก้ไข
หรือหาวิธีตรวจตรวจเป็นตัวเลขให้ชัดเจนไปเลย
ผมคิดว่าคนใช้รถเก่าไม่ควรโดนบีบให้ซื้อใหม่ครับ
รายได้ประชากรในประเทศไมไ่ด้สูงขนาดนี้ คนสามารถเปลี่ยนรถได้บ่อยๆ ถ้ารถเก่า แต่สภาพดี ก็ไม่ควรจะมีปัญหาอะไรครับ
-
ถ้าที่อ่านตามข่าว
มลพิษกับการกินน้ำมันเป็นผลพลอยได้หรือใช้หาความชอบธรรมให้กับนโยบายนี้เฉยๆ
มันเหมือนรัฐบาลรับเทิร์นรถจากประชาชนโดยให้ราคาตามเงื่อนไข แต่ไม่ได้เอารถไปวนในระบบ เลยเลือกรถที่ทำให้มีผลทางสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นเป็นตัวตั้ง
ส่วนใครที่เข้าข่ายแล้วจะร่วมก็คงต้องดูว่าราคาที่รัฐให้คุ้มกับราคาขายต่อหรือแพงกว่าราคาที่ศูนย์รับเทิร์นหรือเปล่าเท่านั้นเอง มันไม่ได้มีการบังคับ ใครที่ยังรักรถตัวเองก็สามารถใช้ต่อไปได้
ถ้าเงื่อนไขนี้ รถที่น่าเข้าก็ต้องเป็นรถไม่เก่ามากแต่สภาพขับไม่ดี ตัวถังไม่ดี เครื่องต้องซ่อมหนัก(ซึ่งจริงก็เหมาะอยู่เพราะถือว่าอันตรายต่อการจราจรอยู่แล้ว) ศูนย์ไม่รับเทิร์นหรือให้น้อยกว่ารัฐให้ คนถึงจะยอมไป
รัฐเองถ้าราคาซื้อคืนไม่สูงพอ คนก็ไม่เข้าร่วม ก็ไม่เกิดการสร้างงานในอุตสาหกรรม
ให้ราคาสูงก็จะคุ้มกับการอุ้มอุตสาหกรรมหรือเปล่า แล้วรถที่จะซื้อใหม่ รวมevนำเข้าภาษี0%หรือไม่ ถ้ารวมแล้วจะพยุงอุตสาหกรรมยังไง
หรือรัฐก็ต้องหักหัวคิวค่าการตลาดกับทางค่ายรถมาช่วยค่าใช้จ่ายตรงนี้
มันก็ซับซ้อนนิดนึง
-
ผมว่ารถสภาพไท่ดีที่มีอายุรถเกิน 20 ปีถึงจะเหมาะสมครับ ถ้าอายุเกิน 20 ปีแต่ยังวิ่งดี ปัญหามีไม่เยอะก็ใช้ไปเรื่อยไปได้ ความจริงถ้ารัฐตรวจสภาพรถแบบจริงจังเหมือนญี่ปุ่นแล้วบังคับซ่อมเมื่อไม่ผ่านเกณฑ์ เริ่มตั้งแต่ปีที่ 10 จะดีกว่า ถ้ารถของคนนั้นเขาไม่ดี ซ่อมเยอะ เขาก็เปลี่ยน แต่ถ้าซ่อมแค่จุดสองจุดก็กระตุ้นธุรกิจอะไหล่ยนต์ได้
-
สำหรับผมรถเก่าที่ควรไปทำลาย คือรถเมถ์เก่าๆที่ควันดำๆ
รถบัสที่ไม่ได้มาตรฐาน รถประกอบเอง เอากลุ่มนี้ก่อน
-
แค่ปล่อยข่าวแหละ อยากให้ธุรกิจรถกลับมาฟื้น รถที่ควรเอาไปทำลายก่อนเลยคือรถเมล์แดง 30+ ปีแล้ว
-
ผมว่า 10 ปี เหมาะสมแล้วครับ เพราะเทคโนโลยี ปัจจุบันหมุนไวมาก
ไม่ว่าจะเป็นการใช้พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มมากขึ้น หรือซอฟแวร์ต่างๆ
รถที่เกิน 10 ปี มักไม่ได้อัพเดทอะไรแล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมอยากให้เปิดกว้าง ตรงที่สามารถใช้สิทธิ์เก่าแลกใหม่ ได้กับรถทุกประเภท
ไม่ใช่กำหนดแค่รถบางประเภท เพราะบริบทแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ปล.แว่วๆมาว่า จะจำกัดเฉพาะกลุ่มไฮบริด และ PHEV ยังไงรอดูรายละเอียดอีกทีครับ
-
คุณลองคิดถึงคนที่ทั้งชีวิต ซื้อรถได้แค่คันเดียว 1 คันถ้วนๆ ดูซิครับ
เขาจะต้องเปลี่ยนรถทุก 10 ปี เขาทำได้หรือป่าว ด้วยสภาพรายได้ เศรษฐกิจ และ ฐานะ อย่างบ้านเราทุกวันนี้
ผมไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดแบบนี้นะครับ แต่ผมมองในมุมมองโดยรวม
เอาง่ายๆ แค่รถเมล์ สมัยรัตนโกสินทร์ ยังวิ่งกันอยู่เลย ซึ่งสามารถบังคับ ใช้กฏหมาย ของ ขสมก. และ ผู้กระกอบการได้ เขายังทำไม่ได้
คิดว่ารถเมล์แดง ตอนนมาตรฐาน EURO อะไรครับ ?
ผมอยู่อิตาลีมา สิ่งที่เขาทำ(เหมือนบังคับโดยอ้อม) คือ รถเก่า => ภาษีรายปีแพงขึ้น มากขึ้น (แต่บ้านเราภาษีถูกลงเมื่อ 5 ปีผ่านไป)
เพราะ รถเก่า ถ้าคุณซื้อตอนทีมันเกิดมาเป็น EURO 3 แต่ ณ วันนี้เขาเป็น EURO 4-5 กันแล้ว
แสดงว่า คุณมีรถ EURO3 ก็ต้องรับผิดชอบสังคมด้วยการจ่ายภาษีแพงกว่ารถ EURO4-5 ครับ
ข้อสุดท้าย ในหลายๆ ประเทศ รายได้ต่อหัว vs ราคารถ มันถูกกว่า ราคารถในบ้านเราเยอะครับ บ้านเรานี้ถือว่าซื้อรถแพงมากกกกเมื่อเทียบกับรายได้ (ยิ่งถ้าเทียบค่าจ้างรายวันนะ นี่ยิ่งชัดเจนมาก)
-
มันมีรายละเอียดเยอะครับ
ปิดช่องโหว่ไม่ครบหรอก
เอาจริงกรมชนส่งมีราคากลางอยู่ ใครอายุรถเกิน 20 ปีขึ้น แล้วขาย รัฐจะให้เงินส่วนลดซื้อคันใหม่เพิ่ม 5-8 หมื่น (รถก็คัดเกรดไป วิ่งได้วิ่งไม่ได้ เป็นซาก บลาๆบลาๆ)
ใครใคร่ขายก็ขาย ไม่ขายก็ไม่ขาย
แสดงทัศนแบบนี้แล้วกันครับ นายหน้าที่ดิน หรือเซลล์คอนโดทำเลที่เน้นปล่อยเช่า
จะเห็นเลยว่าเกิน 7 ใน10 ครั้ง คนมาซ์้อที่ดินจะขับรถเก่าๆเนี่ยละมาซื้อ เค้ามองว่าเป็นแค่พาหนะขอแค่รถวิ่งได้ เงินเดือนที่หามาได้จะไปแปลงเป็นที่ดิน เป็นอสังหา ถ้าบีบให้ต้องทำลายรถจริง กลุ่มอสังหาก็เดือดร้อนไปอีก
-
ควบคุมพวกรถสาธารณะให้ได้ก่อนดีกว่าครับ ทั้ง taxi รถเมล์ อายุเกินก็เยอะ ไหนจะถังแก๊สด้านในอีก
การจะเอารถเก่าแลกใหม่ ยังต้อง clear เส้นทางการทำงานอีกหลายเรื่อง
อยากให้รัฐบาลคิดอะไรให้ครบถ้วนก่อน ไม่ใช่คิดไปทำไป ขายนโยบายไปเรื่อยๆ โดยยังไม่ได้ศึกษาอะไรให้ดี ให้ละเอียดก่อน