Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Odrecranon ที่ มีนาคม 10, 2025, 14:55:41
-
สำหรับชนชั้นกลางแบบผม
ยังมองว่า EV มันยังต้องทำหน้าที่เป็นพาหนะ มากกว่า gadgets
ตัวผมเองยังไม่เคยขายรถที่ซื้อมาเองออกไป
เพราะชอบซื้อรถนอกกระแส จนเวลาจะขายมันไม่มีคนเอา ไม่มีราคา
รู้สึกว่าเก็บไว้ยังสบายใจกว่า จึงหารถใช้แบบยาว ๆ
ตอนนี้ผมมอง EV ว่ามันสามารถซื้อใช้ได้
แต่ระยะยาว พอมันหมดสถาพแล้ว ต้องทิ้งไหม
เหมือนโทรศัพท์มือถือ หรือ นาฬิกา smartwatch ที่กองอยู่ที่บ้าน
อยากขอความเห็นทุกท่านว่า
1. ถ้าอยากได้ EV เราควรมีระดับราคาไหมครับ เพราะผมหาข้อมูล แบตจะเสื่อมสภาพ 2% ต่อปี
ผมเองกะว่าใช้ยาว ๆ เป็น 10 ปี ด้วยเหตุที่เทคโนโลยีกลุ่มนี้เปลี่ยนเร็ว ทั้ง 800V, 1000V
รวมถึงแบตเตอรี่ที่น่าจะมีคุณสมบัติใหม่ ๆ เช่น Solid state ด้วย
ผมก็ยังวงเวียนไปมาสันดาป หรือ EV หลายเดือนแล้ว ผมเหนื่อย
2. ผมเองมองว่า EV มาแทน ICE ไม่ได้ HEV, PHEV, EREV น่าจะเป็นตัวแทนของรูปแบบเครื่องยนต์ที่นิยมในอนาคต ทุกท่านเห็นเหมือนหรือต่างกันครับ แล้วถ้าจะซื้อรถคันต่อไป มีแนวโน้มจะไปรูปแบบไหน
3. ถ้าต้องซื้อ EV จริง ๆ รถที่ไม่มีโรงงานผลิตในไทย น่าห่วงเรื่องอะไหล่ไหมครับ เพราะมันน่าจะส่งผลกันโอกาสในการขายต่อ ผมเห็นรถจีนบางค่ายถูกชน รออะไหล่กันหลายเดือน
4. ตอนนี้ผมเองอยากได้ SUV นอกกระแส มี Kia Sorento PHEV, Ioniq 5 N-line, Volvo EX40 twin motor ถ้าไม่นับเรื่องราคา ท่านคิดว่า ถ้าผมใช้อีก 10 ปี คันไหนจะสร้างปัญหาให้ผมน้อยที่สุดครับ
-
ผมว่าขึ้นอยู่กับราคาอะไหล่ ณ ตอนนั้น
ถ้าสามารถรับกับราคาได้ อู่สามารถซ่อมได้ ดัดแปลงได้
ผมว่าไปต่อไปเรื่อยๆเหมือนกับรถน้ำมันหล่ะครับ
แต่มันคืออนาคตอีกยาวไกล อาจหาคำตอบได้ยากหน่อย
-
ความคิดส่วนตันะครับ คนเห็นต่างปล่อยผ่านไม่ต้อง reply ครับ ลำใย 55
เทคโนโลยีปัจจุบัน
EV ยังเป็นรถที่ใช้แล้วทิ้งครับ
ถ้าคนอยากประหยัดน้ำมัน ประหยัดค่าใช้จ่าย รถ EV ไม่ใช่คำตอบครับ เพราะ
1. ค่าประกันรถแพง
2. ราคารถมีความผันผวนสูง ซื้อรถ 1 ล้าน ใช้ๆไป ราคามือหนึ่งปรับลดเหลือ 700000 เท่ากับว่า่ ผลต่าง 300,000 เอาไปเติมนำ้มันได้ยาวเลย
ส่วนตัว ถ้าจำเป็นจะซื้อ EV ผมตัดค่ายจีนไปก่อนแหล่ะครับ หรือก็เอา BYD เป็นตัวเลือกในการซื้อสุดท้ายเลย คงซื้อ hyndai ล่ะครับ ถ้าจำเป็นต้องซื้อจริงๆ เพราะ เห็นว่ากำลังจะตั้งโรงงานประเทศไทย ก่อนซื้อผมต้องมั่นใจก่อนว่าประกอบจิง มี production ขายที่มาจากโรงงานในไทยครับ ถึงซื้อ
ส่วนถ้าอยากได้รถ ผมก็ตัด EV ก่อนเลยครับ ไม่อยากปวดหัวเรื่องราคา เรื่องประกัน เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า 55
-
60-80% ของราคารถทั้งหมดคือราคาแบตเตอร์นี่ ที่บริษัทนั้นๆไม่รับซ่อมถ้าเกิดมันเสื่อมหรือเสียหาย รถ ev ก็จะเป็นรถที่ใช้แล้วทิ้งอยู่วันยันค่ำครับ
ถ้ามีรถได้คันเดียว และคันนั้นจะต้องเป็นคันหลัก ต้องตัดความอยากได้ออกไปเอาเหตุผลมาคุย ก็เท่ากับตัด ev ออกจากตัวเลือกได้เลย
คนลองมีให้เห็นเยอะแยะครับ ใช้รถเป็นคันหลัก คันเดียว ชนมา เสียมาผ่อนกุญแจมานักต่อนักแล้ว
-
ส่วนตัวคิดว่า HEV, PHEV, REEV, DMi อะไรพวกนี้ใช้งานคุ้มกว่าครับ
-
ผมเองมีใช้ EV นะครับ มองว่ามันไม่ใช่รถที่เหมาะกับการใช้งานในระยะยาวครับ
ถ้าวิ่งเยอะๆ 5-10 ปี วันละ 100-200km ผมคิดว่าโอเคอยุ๋ครับ เรียกว่าใช้แล้วทิ้งละกัน
แต่ถ้าใช้น้อยหรือ คิดว่าจะใช้ยาวกว่านั้น Hybrid ก็มีอนาคตมากกว่า เปลี่ยนแบต Hybrid ก็ไม่แพงเท่าแบตรถ BEV แน่ๆ และอย่างน้อยตัวรถมันน่าจะยังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ได้อยู๋บ้าง
-
ใช้ EV ต้องคิดเหมือนว่าใช้รถทั่วไปในต่างประเทศครับ ใช้จนถึงอายุคุ้มแล้วก็ขายออกไปชำแหละ ผมเคยมีลูกศิษย์คนจีนเมื่อสมัยสิบกว่าปีก่อน แกเล่นรถสันดาบที่จีนแต่บอกว่าใช้ได้ 15 ปีแล้วก็ต้องขายทิ้งครับ ไม่ทราบว่ายังมีกฎหมายแบบนั้นไหมแต่ก็ไม่แปลกใจที่รถ EV เป็นที่นิยมที่นั่นครับ
-
มันก็บอกยากอะเนอะ ว่า ระยะยาว รถอายุเยอะๆ เกิน 7 ปี EV จะเป็นยังไง .... และถ้า 10 ปีนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยในไทยยังไม่มีใครถึงแน่นอน
แต่ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าเป็นรถที่วิ่งน้อย ชาร์จบ้านเป็นหลัก การเสื่อมของแบ็ต และมอเตอร์น่าจะน้อยกว่ารถที่วิ่งเยอะผมคิดว่า 10 ปีเนี่ยน่าจะไหว(เดานะครับ)
แต่ที่ห่วงคือสิ่งที่แม้แต่รถสันดาปเองก็ต้องเจอคือ ระบบแอร์ ช่วงล่าง ที่จะเสื่อมสภาพตามเวลา โดยเฉพาะแอร์ของรถ EV เป็นคอมฯไฟฟ้า ตรงนี้ค่าซ่อมเท่าไร อะไหล่แพงไม่ว่า มันจะมีให้เปลี่ยนหรือเปล่าในเวลานั้นต่างหากที่น่าห่วง
ถ้ารถไม่พังแต่แอร์มาพังเอาปีที่ 3-4 แล้วไม่มีอะไหล่ซ่อม เราจะลากใช้มันต่อถึง 10 ปีไหมครับ ลองถามใจตัวเองดู
-
อนาคต เดาไม่ได้เลย แต่ความเสี่ยง เหมือนโทรศัพท์ ค่อนข้างสูง 8)
-
ซื้อได้ไหม ?
ซื้อได้ ถ้าใช้รถต่อวันเยอะ มีที่ชาร์จที่บ้าน แล้วก็ ซื้อรถที่ราคาไม่สูง ถ้าสำหรับผม เต็มที่ก็พวก dolphin แล้วก็ทำใจว่า ไม่เกิน 10 ปี ต้องทิ้งมันได้แบบไม่เสียดาย ครับ (ซึ่งนับไป ค่าเชื้อเพลิง ที่มันประหยัดได้ ก็เกินราคาแล้วล่ะ เพียงแต่ ลุ้นว่า อย่ามีปัญหาอื่นจุกจิก ละกัน)
-
ผมเคยกังวลเรื่องรถไฟฟ้า ด้วยกลัวมูลค่าในอนาคตมันจะไม่เหลือค่าให้ขายต่อ ตอนนั้นคิดว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เอา สุดท้ายเวลาผ่านไปปีกว่าๆ EV มาจอดที่บ้านเรียบร้อยครับ เวลาเปลี่ยนความคิดก็เปลี่ยน รถสันดาปหรือ hybrid ที่บ้าน ใช้ไป 7-10 ปี พอตอนขาย เอาจริงๆผมก็ไม่เห็นมันจะมีราคาเหลือแบบมีนัยสำคัญ ผมเลยคิดว่าสุดท้าย จะเครื่องแบบไหนหรือจะไฟฟ้า สุดท้ายก็แทบจะไร้มูลค่า เลยขอลองรูปแบบการขับที่รถเครื่องยนต์ให้ไม่ได้ดีกว่า ทุกวันนี้ที่ใช้ไม่ใช่เพราะประหยัดอย่างเดียว ขับสนุกขับสบายละมุนหูมากครับ แต่ผมไปแบรนด์ยุโรปนะครับ ความคิดส่วนตัวคือมั่นใจคุณภาพมากกว่าและะอนาคตคนที่รับต่อน่าจะมั่นใจกว่ารถจากจีน อาจจะปล่อยง่ายกว่านิดนึง
-
มีคน 3-4 คน ที่ผมเห็น โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ (หนึ่งในนั้นคือผม)
ว่า 'รถ BEV คุ้มถ้าขับ 30,000 กม./ปี'
คน 3-4 คนนี้
1. ไม่เคยคุยกันส่วนตัว
2. ไม่เคยแลกเปลี่ยนความรู้กันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
แต่ ได้ตัวเลขตรงกัน '30,000'
ครับ
ผมไม่ลงรายละเอียดละ เพราะว่า มันสามารถชัดเจนได้ถ้าแต่ละคนมานั่งคำนวณเอง
ถ้าคุณได้ถึงตัวเลขดังกล่าว หรือเกิน ผมเชียร์ ครับ
-
จริง ๆ ผมเองใช้รถประมาณ 3-4 พันกิโลเมตร ต่อปีครับ
เรื่องค่าเชื้อเพลิง ผมคิดว่าอาจไม่ใช่ประเด็นหลัก
ปกติไม่ได้ออกต่างจังหวัดเลย
เลบคิดว่า EV สามารถตอบเงื่อนไขการใช้รถผมได้
แต่ติดแค่ตรงที่ถ้าใช้เป็น 10 ปี มันจะยังใช้งานได้ปกติไหมครับ
เพราะรถสันดาป ตรงไหนเสีย ศูนย์ก็ซ่อมได้
-
พูดให้เป็นกลางคือ ระยะยาวยังไม่มีใครทราบ เพราะในไทยยังไม่มีใครใช้ถึง 10ปี 15ปี 20ปี
แต่ตอนนี้เรื่องของปัญหาก็อย่างที่คุณเห็นแหละ อยู่ที่ว่าจะปิดหูปิดตา ทำเป็นไม่สนใจหรือเปล่า ?
-
ผมก็สนใจ EV เหมือนกันครับ แต่ทุกวันนี้ก็ยังทนรอดู EV ของ Mazda Honda Nissan อยู่ครับ ส่วน Toyota นั้นทำไมไร้วี่แววจัง
-
ซื้อได้ไหม ?
ซื้อได้ ถ้าใช้รถต่อวันเยอะ มีที่ชาร์จที่บ้าน แล้วก็ ซื้อรถที่ราคาไม่สูง ถ้าสำหรับผม เต็มที่ก็พวก dolphin แล้วก็ทำใจว่า ไม่เกิน 10 ปี ต้องทิ้งมันได้แบบไม่เสียดาย ครับ (ซึ่งนับไป ค่าเชื้อเพลิง ที่มันประหยัดได้ ก็เกินราคาแล้วล่ะ เพียงแต่ ลุ้นว่า อย่ามีปัญหาอื่นจุกจิก ละกัน)
ใช่ ผมก็คิดแบบนี้เลย
รถไฟฟ้าไม่ต้องเอาแพงมาก (คำว่า "แพง" ของแต่ละคนไม่เท่ากันนะ)
ประมาณว่า ซื้อมาแบบ "ใช้แล้วทิ้ง!!!"
พยายามใช้ให้เยอะ ใช้นาน "หักลบกลบหนี้" กับค่าน้ำมัน แล้ว
ก็ "อาจจะ" คุ้ม
ถือว่า "ได้ลอง" เทคโนโลยี
-
มีคน 3-4 คน ที่ผมเห็น โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ (หนึ่งในนั้นคือผม)
ว่า 'รถ BEV คุ้มถ้าขับ 30,000 กม./ปี'
คน 3-4 คนนี้
1. ไม่เคยคุยกันส่วนตัว
2. ไม่เคยแลกเปลี่ยนความรู้กันอย่างเป็นกิจจะลักษณะ
แต่ ได้ตัวเลขตรงกัน '30,000'
ครับ
ผมไม่ลงรายละเอียดละ เพราะว่า มันสามารถชัดเจนได้ถ้าแต่ละคนมานั่งคำนวณเอง
ถ้าคุณได้ถึงตัวเลขดังกล่าว หรือเกิน ผมเชียร์ ครับ
+1 ผมคนนึงล่ะที่เคยพูดแบบนี้
ถ้านับเฉพาะความคุ้มค่า คุณต้องใช้รถเยอะ มันถึงจะคุ้มกับค่าน้ำมัน/ค่าประกัน และจะยิ่งคุ้มขึ้นถ้าคุณเลือกใช้รถ EV ราคาไม่แพง (ผมคิดว่ารถที่ราคาไม่ข้ามล้านจะคุ้มสุด) ไม่ว่าจะขายตอนอายุ 5 ปี หรือลากใช้ยาวๆจนแบตพังหรือเสียจนไม่มีอะไหล่ซ่อมแล้วขายทิ้งเป็นซากมันก็ยังคุ้ม
ถ้าไม่คิดถึงความคุ้มค่า , อยากลองเทคใหม่ๆ , สนองความต้องการส่วนตัว , รับได้ถ้าขายออกไม่กลัวเจ็บตัวหรือต้องขายถูกมากๆเพราะไม่มีใครเอา อันนี้จะซื้ออะไรก็ได้ครับ
แต่ถ้าแค่อยากลองฟิลรถไฟฟ้า ไม่อยากเสียเวลาจอดชาร์จตอนเดินทางไกล และคิดถึงความคุ้มค่าด้วย E-power หรือ PHEV , REEV ก็ให้ได้ครับ
-
1. ถ้าอยากได้ EV เราควรมีระดับราคาไหมครับ เพราะผมหาข้อมูล แบตจะเสื่อมสภาพ 2% ต่อปี
ผมเองกะว่าใช้ยาว ๆ เป็น 10 ปี ด้วยเหตุที่เทคโนโลยีกลุ่มนี้เปลี่ยนเร็ว ทั้ง 800V, 1000V
รวมถึงแบตเตอรี่ที่น่าจะมีคุณสมบัติใหม่ ๆ เช่น Solid state ด้วย
ผมก็ยังวงเวียนไปมาสันดาป หรือ EV หลายเดือนแล้ว ผมเหนื่อย
-> ระยะเวลาแค่นี้ ซื้อได้เลยครับ ประเทศที่เขาใช้งานมาก่อน เขาวิ่งเป็นแสนๆ โล เป็นล้านโล แล้วก็มี
-> ส่วนเรื่องสเปค กับ เทคโนโยลี ก็ตามยุคตามสมัยครับ ถ้าคุณบอกว่า จะรอตอน 800v 1000v แล้ว คุณไม่คิดเหรอว่า ตอนนั้นมันอาจจะมี 1200v 1500v คุณไม่ต้องรอต่อไป วนลูปเรื่อยๆ เหรอครับ
2. ผมเองมองว่า EV มาแทน ICE ไม่ได้ HEV, PHEV, EREV น่าจะเป็นตัวแทนของรูปแบบเครื่องยนต์ที่นิยมในอนาคต ทุกท่านเห็นเหมือนหรือต่างกันครับ แล้วถ้าจะซื้อรถคันต่อไป มีแนวโน้มจะไปรูปแบบไหน
-> ในระยะ 30 ปี ต่อจากนี้ BEV ไม่ได้มาแทนใครทั้งนั้น มันเป็นแค่ ตัวเลือกครับ ดูง่ายๆ จากผู้ผลิตเอง ทีแรกหลายๆ เจ้า หรือ หลายๆ พิ้นที่ บอกว่า จะเลือกผลิตเครื่องสันดาปปี 2030 ตอนนี้ก็ขยายออกไปแล้ว เพราะมันไม่ได้มาแทนอย่างที่คิด
3. ถ้าต้องซื้อ EV จริง ๆ รถที่ไม่มีโรงงานผลิตในไทย น่าห่วงเรื่องอะไหล่ไหมครับ เพราะมันน่าจะส่งผลกันโอกาสในการขายต่อ ผมเห็นรถจีนบางค่ายถูกชน รออะไหล่กันหลายเดือน
-> เลือกค่ายหรือยี่ห้อ ที่น่าเชื่อถือ เป็นพอครับ เพราะไม่รู้ว่า ยี่ห้อจะตายจากไป หรือ ม้วนเสื่อกลับบ้าน ก็ยังไม่รู้
4. ตอนนี้ผมเองอยากได้ SUV นอกกระแส มี Kia Sorento PHEV, Ioniq 5 N-line, Volvo EX40 twin motor ถ้าไม่นับเรื่องราคา ท่านคิดว่า ถ้าผมใช้อีก 10 ปี คันไหนจะสร้างปัญหาให้ผมน้อยที่สุดครับ
-> มันเป็นทั้ง PHEV และ BEV มารวมกัน อันนี้ไม่แน่ใจว่าเลือกเพราะเหตุผลอะไร ผมไม่เลือกสักตัวในตัวเลือกนี้ ผมไปเลือกตัวเลือกอื่นดีกว่า ในราคาแถวๆ นี้ มีอีกหลายตัวเลย
-
ตอบเรื่อง นี้ต้องทิ้งไหม ที่อเมริกา มีคนใช้เป็นล้านกิโล สุดท้าย เปลี่ยนแบต ขับได้ต่อครับ ไม่ต้องทิ้ง
อยากขอความเห็นทุกท่านว่า
1. ถ้าอยากได้ EV เราควรมีระดับราคาไหมครับ เพราะผมหาข้อมูล แบตจะเสื่อมสภาพ 2% ต่อปี
ผมเองกะว่าใช้ยาว ๆ เป็น 10 ปี ด้วยเหตุที่เทคโนโลยีกลุ่มนี้เปลี่ยนเร็ว ทั้ง 800V, 1000V
รวมถึงแบตเตอรี่ที่น่าจะมีคุณสมบัติใหม่ ๆ เช่น Solid state ด้วย
ผมก็ยังวงเวียนไปมาสันดาป หรือ EV หลายเดือนแล้ว ผมเหนื่อย
รถไฟฟ้า ประหยัดกว่า รถสันดาปแน่นอน ส่วนความคงทน ตอนนี้มีแต่ Tesla เท่านั้นที่มีสถิติ การใช้ยาวนานที่สุด
ถ้าจะซื้อจริงๆ อยากให้ EV มันนิ่งกว่านี้ แนะนำ 2 ปีครับ ตลาดมันจะนิ่งขึ้น ส่วน PHEV ยิ่งมีชิ้นส่วนเยอะ ปัญหายิ่งเยอะตามครับ ระยะยาว ปัญหาจะเยอะตาม
ส่วนถ้าต้องซื้อ EV จริงๆ เรื่องอะไหล่ เท่าที่ดู น่าห่วงหมดทุกยี้ห้อครับ เพราะทุกค่ายต่างพยามควบคุมต้นทุน อย่างที่บอก ต้องรอดูประมาณ 2 ปี ว่าใครจะทุ่มเทตลาดอาเซียน
ส่วนรถที่ประหยัดไฟ ที่สุดก็คง Tesla เรื่องประหยัดไฟ ผมให้น้ำหนักมาก สำหรับรถไฟฟ้า เพราะหมายถึงต้นทุนการขับในระยะยาว
รถไฟฟ้า ขับจริงๆ ถ้าไม่ใช่สายซิ่งจริงๆ ผมว่า ทวินมอเตอร์ไม่จำเป็นครับ แค่แมอเตอร์เดียวก็แรงหูดับแล้ว ส่วนความเร็วปลาย 180 ก็เหลือแล้ว เร็วกว่านี้จะรีบไปไหน
รถไหนจะสร้างปัญหาน้อยที่สุด เท่าที่ดูผมเชื่อว่า วอลโว่ครับ มาตรฐานหลังๆ ดูดีมาก
ความเห็นส่วนตัว ตอนนี้รถที่มีขายในประเทศเรา EV ที่ดูจะดีที่สุด Tesla ถัดมา ผมให้ Xpeng ครับ ส่วนรุ่นอื่นๆ ดูแล้ว ตอบยาก ส่วนรถจีนที่ศูนย์บริการมากที่สุด คือ BYD แต่บางรายเห็นข่าวยังมีปัญหาเรื่องอะไหล่
เรื่องการซ่อม รถไฟฟ้า เท่าที่ดู อู่นอก เร่ิมมี่มากขึ้นตามลำดับครับ ผมมอง ถ้าจะรีบซื้อ ผมยังให้ แค่ สองยี่ห้อครับ Tesla กับ Xpeng ทั้งในเรื่องความคุ้มค่า และ การอัปเดทSoftware ในอนาคต รถไฟฟ้านอกจากรูปลักษณ์ สิ่งที่เหนือกว่ารถน้ำมันมากคือ ความสะดวกสบายในกาขับขี่ครับ ส่วนการบำรุงดูแลรักษาก็น้อยกว่ารถน้ำมัน ยังไงผมก็ยังแนะรถไฟฟ้ามากกว่าน้ำมันอยู่ดี
-
ผมว่ามันจะเหมือนโทรศัทพ์รึเปล่า
พออัพเดทซอฟแวร์ไม่ได้แล้ว ก็ต้องทิ้งอย่างเดียว
ซื้อใหม่
-
1. ถ้าอยากได้ EV เราควรมีระดับราคาไหมครับ เพราะผมหาข้อมูล แบตจะเสื่อมสภาพ 2% ต่อปี
ผมเองกะว่าใช้ยาว ๆ เป็น 10 ปี ด้วยเหตุที่เทคโนโลยีกลุ่มนี้เปลี่ยนเร็ว ทั้ง 800V, 1000V
รวมถึงแบตเตอรี่ที่น่าจะมีคุณสมบัติใหม่ ๆ เช่น Solid state ด้วย
= เทคโนโลยี พัฒนาเร็ว ดังนั้นหากจำเป็นต้องซื้อ เชียร์ให้ซื้อเลยครับ ถือว่าได้ลองอะไรใหม่
2. ผมเองมองว่า EV มาแทน ICE ไม่ได้ HEV, PHEV, EREV น่าจะเป็นตัวแทนของรูปแบบเครื่องยนต์ที่นิยมในอนาคต ทุกท่านเห็นเหมือนหรือต่างกันครับ แล้วถ้าจะซื้อรถคันต่อไป มีแนวโน้มจะไปรูปแบบไหน
= EV เป็นหนึ่งในพลังงานทางเลือก ถ้าเป็นผม ผมจะยังไม่ซื้อ EV ส่วนตัวชอบ PHEV มากกว่า (แล้วแต่การใช้วีชวิตประจำวันของแต่ละคน)
3. ถ้าต้องซื้อ EV จริง ๆ รถที่ไม่มีโรงงานผลิตในไทย น่าห่วงเรื่องอะไหล่ไหมครับ เพราะมันน่าจะส่งผลกันโอกาสในการขายต่อ ผมเห็นรถจีนบางค่ายถูกชน รออะไหล่กันหลายเดือน
= Volvo , KIA , Tesla อย่างแย่ ของจีนก็เอา BYD ครับ เพราะปัญหาอะไหล่จีน ยังทำใจให้ภเชื่อถือไม่ได้จริงๆครับ
4. ตอนนี้ผมเองอยากได้ SUV นอกกระแส มี Kia Sorento PHEV, Ioniq 5 N-line, Volvo EX40 twin motor ถ้าไม่นับเรื่องราคา ท่านคิดว่า ถ้าผมใช้อีก 10 ปี คันไหนจะสร้างปัญหาให้ผมน้อยที่สุดครับ
= ที่กล่าวมามีโอกาส มีปัญหาทั้งนั้น ลองไป Tesla model Y Juniper ไหมครับ
-
1. ถ้าอยากได้ EV เราควรมีระดับราคาไหมครับ เพราะผมหาข้อมูล แบตจะเสื่อมสภาพ 2% ต่อปี
ผมเองกะว่าใช้ยาว ๆ เป็น 10 ปี ด้วยเหตุที่เทคโนโลยีกลุ่มนี้เปลี่ยนเร็ว ทั้ง 800V, 1000V
รวมถึงแบตเตอรี่ที่น่าจะมีคุณสมบัติใหม่ ๆ เช่น Solid state ด้วย
ผมก็ยังวงเวียนไปมาสันดาป หรือ EV หลายเดือนแล้ว ผมเหนื่อย
ส่วนตัวผมมองว่า ระดับราคาควรถูกกว่ารถสันดาปที่เราคิดว่าจะซื้อไหว เพราะเผื่อค่าเสื่อมราคาที่อาจจะมากกว่ารถสันดาป เช่นสมมุติผมซื้อ ICE 2 ล้านไหว แต่จะซื้อ EV แค่ล้านเศษๆ พอ
แต่ที่สำคัญคือถ้าจะใช้ยาวควรมองรถที่มีเทคโนโลยี future proof อย่างแบตนี่ควร 800V รวมทั้งเทคภายในรถควรรองรับการอัพเดทในระยะยาว (และอัพเดทจริงไม่ใช่โฆษณาว่าอัพ OTA ได้ แต่ไม่เคยอัพให้เลย หรืออัพปีละครั้ง :-\)
2. ผมเองมองว่า EV มาแทน ICE ไม่ได้ HEV, PHEV, EREV น่าจะเป็นตัวแทนของรูปแบบเครื่องยนต์ที่นิยมในอนาคต ทุกท่านเห็นเหมือนหรือต่างกันครับ แล้วถ้าจะซื้อรถคันต่อไป มีแนวโน้มจะไปรูปแบบไหน
ผมว่าแทนไม่ได้ แต่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับผู้ใช้บางกลุ่มหรือบาง use case ได้
3. ถ้าต้องซื้อ EV จริง ๆ รถที่ไม่มีโรงงานผลิตในไทย น่าห่วงเรื่องอะไหล่ไหมครับ เพราะมันน่าจะส่งผลกันโอกาสในการขายต่อ ผมเห็นรถจีนบางค่ายถูกชน รออะไหล่กันหลายเดือน
ขนาดยี่ห้อที่มีโรงงานในไทยยังมีปัญหาอะไหล่เลย ผมว่าแบรนด์จีนน้องใหม่น่าห่วงหมด legacy brand น่าห่วงน้อยกว่า ถึงตอนนั้นผ่านไป 10 ปี ก็ไม่รู้จะเหลือแบรนด์ไหนบ้างเหมือนกันครับ
4. ตอนนี้ผมเองอยากได้ SUV นอกกระแส มี Kia Sorento PHEV, Ioniq 5 N-line, Volvo EX40 twin motor ถ้าไม่นับเรื่องราคา ท่านคิดว่า ถ้าผมใช้อีก 10 ปี คันไหนจะสร้างปัญหาให้ผมน้อยที่สุดครับ
จขกท ดูเหมือจะมองเฉพาะ legacy brand ไว้ ผมว่า Volvo คนใช้เยอะสุดในสามตัวเลือกนี้ น่าจะอุ่นใจเรื่องเพื่อนเยอะได้มากที่สุดครับ แต่ EX40 ถือว่าเริ่มล้าหลังแล้วในยุคนี้ ทั้ง platform แชร์กับรถน้ำมัน ไม่ประหยัดไฟเท่าที่ควร และเทคโนโลยีแบต 400V
Hyundai แบต 800V และเพิ่งมีการ facelift และเป็นที่นิยมพอสมควรในเมืองนอก บริษัทมาก็มาเอง ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
ส่วนตัวผมก็กำลังเลือก SUV EV ให้พ่ออยู่เหมือนกัน ลองขับกับเช่ามาหลายรุ่นแล้ว
ถ้านอกตัวเลือกก็อยากให้ลอง Model Y Juniper กับ Xpeng G6 ซึ่งคล้ายเทสล่ามาก แต่แก้ pain point ในเทสล่าได้หลายจุด ในราคาที่น่าเสี่ยงครับ
-
ผมเพิ่งถอย ev มาได้ 7 เดือนเหมือนกัน
ส่วนตัวผมตั้งโจทย์ กับ ความคุ้มค่าที่จะเปลี่ยนก่อน ถ้าขับไม่เยอะคันเก่าผมยังขับได้ดี แต่พอดีค่าเชื้อเพลิงมันค่อนข้างจ่ายเยอะเลย ยอมเปลี่ยน
เลือก Zeekr X ตัวเริ่มมา
ขับมา 6-7 เดือนแล้ว วิ่งไป 26400km
ต้องบอกว่ารถขับดีมาก และยังไม่เจอปัญหาอะไรกวนใจหนัก ๆจะมี อ๋องๆ เรื่อง software นิดๆ หน่อยๆ รอ patch แก้น่าจะหาย ใช้ keyless (เน้นพกมือถือเครื่องเดียว) ก็โอเคอยู่คัรบ
ตัวรถ กับ ระบบช่วยขับผมว่าดีเลย ระบบ lance keep ตอนแรกผมปิดตอนนี้เปิด ตลอด ช่วยได้เยอะ และมันไม่ดึงหนักเหมือนค่ายอื่น ค่อนข้างเนียนดี
ผมใช้รถเดือนละ ราว ๆ4 พันโล ++ เน้นชาร์จบ้าน
เคยเอาไปเดินทางไกล มาบ่อยเหมือนกันก็ไม่มีปัญหาครับ ผมแวะจอด ก็ชาร์จเลย 10-15 นาทีไปต่อได้อีกไกล (พักทุก 2-3 ชม)
การ maintenance ก็ตามตาราง เข้าทุก 20,000 โล เปลี่ยนแค่ filter แอร์ กับจิ้ม diagnostic software เพื่อเช็ค sensor ระบบต่าง ๆว่ายังเขียวอยู่ก็จบ
ส่วนช่วงล่างอะไรงี้ก็ปกติ ของรถเปลี่ยนตอนที่มันพัง
แต่จากวิ่งมา ช่วงล่างยังแน่นหนึบดี โดยรวม ระยะทางไปจุดหมาย กับเวลาไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น อาจจะผิดกัน 20-30 นาที ถ้าไกลกลาง ๆ(500-600km+) สำหรับผมถือว่าปกติ
ค่าน้ำมันคันเก่า( suzuki ertiga) กิโลละ 2.5บาท เหลือค่าไฟ (บ้าน 0.6บาท) เดินทางไกล 0.9-1 บาท
ประหยัดค่าน้ำมันไปได้เดือนนึงเกือบหมื่นครับ (เพิ่มเงินมาผ่อนรถนิดหน่อย แต่ได้ตอบโจทย์ เรื่องความอยาก ก็โอเคอยู่ ถ้าเทียบว่าออกรถน้ำมันอีกคัน ผ่อน + น้ำมัน = รถไฟฟ้า + ค่าไฟ สูสีกันอยู่ดี)
ยกเว้นซื้อรถที่แพงเท่ารถไฟฟ้า ค่าน้ำมันกับส่วนต่างก็กินไปอีกเยอะ
รวมถึง การขับไปรอรับลูก (เมียขับ) นอนรอรับลูกสบาย ๆ รร ให้ดับเครื่องยนต์(แน่อยู่แล้ว มลพิษจะได้ไม่ตกถึงเด็ก ๆ) พอเป็นรถไฟฟ้า มันไม่ปล่อย co2 มาแถวๆ บริเวณนั้น ก็จอดเปิดแอร์รอได้สบายดีครับ
ดีไม่ดี ขึ้นอยู่กับสไตล์
ส่วนระยะยาวจะเป็นยังไง ถ้ามองจากภาพรวม จาก ตปท ก็ใช้ได้ระดับ 10ปี+ อยู่ละ แค่ระยะอาจจะหายไป ราว ๆ10-20% ก็ ยังเพียงพอกับการใช้ daily อยู่ดี
ส่วน 2-4 ปีวิ่งเยอะๆเป็นไรไหม ในกลุ่ม รถไฟฟ้าก็มีคนวิ่งไป 300,000km ก็ยังไปได้สบาย เพราะงั้นหายห่วง บางคนขับรถ 10ปี ยังไม่ถึง 2 แสนโลยังมี ผมว่ายังไม่ต้องกังวลเกินไป
-
ตัวเลือก Kia, Hyundai, Volvo มันอาจจะแปลกหน่อยครับ
ผมมองว่ามันเป็นแบรนด์ที่น่าจะอยู่ในไทยอีกนาน
ตัวรถสวยในแบบที่ผมชอบ และศูนย์ใกล์บ้าน
Tesla เป็นรถที่ดีครับ แต่ไม่อยู่ในตัวเลือกผมเพราะ
1. เซลล์ กับ service มันดูแยกจากกัน เวลารถมีปัญหา ปกติผมจะติดผ่านเซลล์
2. ความเห็นผมไม่ค่อยตรงกับนโยบายหลายอย่างของ Musk
เรื่อง Dual motor ผมคิดเองว่า มันน่าจะ balance รถได้ดีกว่าเพราะมีน้ำหนักถ่วงหน้ารถด้วย
แต่ Ioniq 5 มันต้องขยับเป็น 5N เลย ซึ่งมันน่าจะเป็นรถที่ดีมาก
แต่มันเป็นรถที่สมาชิกในบ้านผมใช้ด้วย กลัวว่าจะไม่ happy กับช่วงล่าง
เคยไปดู EV9 ก็คันใหญ่ไป
ผมพยายามหาตัวเลือก SUVs ในงบ 2 ล้าน บวกลบ แล้ว ตอนนี้ยังหาตัวเลือกที่ถูกใจไม่ได้ครับ
อาจเพราะผมจุกจิกด้วย ร่วมกับที่บ้าน ยังไม่เปืดใจรถจากฝั่งจีน (Volvo ก็รถจีนครับ แต่เราใช้รถยี่ห้อนี้มานาน ค่อนข้างไว้ใจศูนย์) แต่ EX40 มันเทคโนโลยีเก่าแล้ว
ตอนนี้ในใจอาจไป Ioniq 5 ตัว exclusive ที่ลดราคาดูก่อนครับ ราคาไม่ได้สูงมาก ถ้าตีไม่มีมูลค่าตอนปีที่ 10 ยังคิดว่ายอมรับได้ครับ
-
ถ้าตอบคำถามว่าเหมาะสมในการใช้งานระยะยาวไหม ถ้าความคิดส่วนตัวผมเรื่อง after service แน่ๆ เลยทำให้ไม่เหมาะ ส่วนเรื่องประหยัดระหว่างแบตเตอรี่กับเชื้อเพลิง อันนี้แล้วแต่บริบทการใช้รถเลยครับ
ปกติผมใช้รถระหว่าง กรุงเทพ-ชลบุรี-จันทบุรี ทุกอาทิตย์ ค่าน้ำมันโดยเฉลี่ยอยู่ราวๆ 9,000-11,000 ต่อเดือน ผมมีโอากาสเอา Good Cat ของพี่มาใช้อยู่ 3 เดือนเต็ม ๆ เพราะรถโดนชน โดยไม่ใช้รถน้ำมันเลย พฤติกรรมการใช้รถเหมือนเดิมทุกอย่าง
ค่าชาร์จไฟราวๆ 5,000-6,000 บาท ต่อเดือน ลดลงครึ่ง ๆ (ชาร์จด้านนอก 95%) หลังจากนั้นถึงขนาดไปดู Dolphin คิดค่าดอกเบี้ย คิดค่าใช้จ่ายระยะยาว + ค่าเชื้อเพลิงที่ลดลง คิดไปคิดมายังไงก็ไม่คุ้ม กว่าจะผ่อนหมด ไหนจะประกัน ไหนจะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ยังประมาณค่าอะไหล่ยังไม่ได้ และ ระยะการรออะไหล่
ผมเลยตัดสินใจเอาคันที่ใช้อยู่ปัจจุบันไปติด LPG แทนหลังซ่อมเสร็จ Happy กว่าเดิม. เพราะไม่ต้องรอชาร์จ ไม่ต้องไปแย่งกันชาร์จ เจอพวกจอดแช่ ไม่ออกเยอะแยะ (ทุกอย่างนี้เจอเองหมด)
สุดท้ายขึ้นก็กับการใช้รถเลยครับ เลือกได้เลยพฤติกรรมการใช้รถเป็นแบบไหน
-
ถ้าในตัวเลือกก็น่าสนใจ hyundai กับ volvo ครับ
hyundai ก็จะได้ลูกครึ่งระหว่างญี่ปุ่นกับยุโรปในเรื่องความทนและเซอร์วิส
volvo ในตัวเลือกก็เก่าจริงๆอาจจะเป็นตามข่าวลือที่ว่าโดนแยกส่วนเทคโนโลยีเอาไปเป็น zeekr
ทำให้แบรนด์หลักเลยต้องชะงักในการพัฒนารถ bev ไปบ้าง
ส่วนขับ 2 กับขับ 4 โดยส่วนตัวถ้าเลือกก็จะเลือกขับ 4 ไว้ก่อนครับ
ยิ่งช่วงฝนตกไม่แน่นอนบางทีแค่จอดข้างทางเคยใช้ขับ 2 แล้วเกือบไม่รอด
ติดหล่มต้องหักพวงมาลัยกับหนุนล้อแทบแย่ อาจจะไลฟ์สไตล์ผมด้วยชอบเที่ยวต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ 😅
ส่วนตัวใช้โมเดล y มาปีกว่า จากอีลอนมัสก์เป็นเจ้าพ่อเท็คตอนนี้จะเป็นเจ้าพ่อทุกสถาบัน :'(
ระบบขับ 4 ทำงานร่วมกับ traction control เองบ้างเป็นครั้งคราวให้ feeling ที่มั่นใจมากก็คิดตลอดว่ามีก็ดีกว่า
ส่วนการใช้งานระยะยาว มันก็ทำได้แต่จะคนละรูปแบบกับรถน้ำมัน
เพราะต้องมีการ pm maintenance เป็นหลักด้วยถ้าหมด warranty ในรูปแบบเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนหนึ่ง
เช่นพวกคอมแอร์การเปลี่ยนตัวดูดความชื้น
เพราะตั้งแต่รถไฮบริดมาหลายรุ่นก็เป็นคอมแอร์ไฟฟ้าซึ่งค่าอะไหล่แพงมากๆไม่เกี่ยวกับ bev หรือ hybrid
และเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้รถให้ยืดยาว
แต่เรื่องมอเตอร์ไฟฟ้าถ้า hyundai กับ tesla คิดว่าน่าจะหลักล้านกิโลเมตรกันทั้งคู่
ตัดปัญหาเรื่องยกเปลี่ยนใหม่ถ้าไม่เจอแจ็คพอตตั้งแต่ต้น ต่างกับเครื่องสันดาปแน่นอน
เรื่องแบตถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงก็ไม่น่ามีปัญหา สมมุติถ้าเปลี่ยนทุก 10 ปีในราคาแค่ eco car
แต่สมรรถนะยังอยู่ในระดับไปจ่ายตลาดได้ไม่อืดอาด รวมถึงไซส์ซิ่งและความปลอดภัย ผมคิดว่าผมรับได้ :-X
ปล ในส่วนที่ประหยัดค่าเชื้อเพลิงเราก็ต้องหยอดกระปุกคอยเตรียมพร้อมเผื่ออะไรที่ไม่แน่นอนในอนาคตไปด้วยอย่าเผลอใช้หมดก็พอครับ ทั้งไฮบริดทั้งปลั๊กอินหรือ bev นี่คือไปทางเดียวกันหมดเมื่อรถอายุเยอะๆ