Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mochalatte ที่ มีนาคม 22, 2025, 01:25:03
-
เคยมีรถซิ่งที่แต่งสวย เพิ่มความแรงได้เยอะ
แต่ตอนนี้ตามไม่ทัน
รถไฟฟ้าจะแรงไปไหน
ในราคาแบบนี้
0-100 และ 1/4 mile
ยอมแพ้ในทางตรงครับ
-
จริงเลยครับ รถ 2ล แรงม้าเท่า supercar
PS ใจตรงกัน เช้านึ้ผมคิดว่าจะตั้งกระทู้ประมาณนี้พอดี เดี๋ยวขอเรียบเรียงใหม่ก่อนครับ
-
มันก็ใช่นะ รถ EV ราคา 1.2 ล้าน ออกตัวหัวเสมอนี่ขี่คอ supercar ระดับ 20 ล้านได้เลย
แต่ มันก็ได้แค่ทางตรงแหละ และมันได้แค่ความเร็วไม่เกิน 200 และใครจะไปกดกันเกินนั้นล่ะ เค้ากดกันเต็มที่ 3-5 วิก็ยกกันแล้ว ถนนไม่มีวิ่ง
ดังนั้น ถ้าชอบแรงแต่ไม่เน้นสวยหรู ดูแพง ผมว่า EV เล่นได้หมดเลย
-
ผมกลับรู้สึกว่ารถไฟฟ้าส่วนใหญ่รักสันตินะครับไม่ได้ขับกันเห่อแรงม้าขนาดนั้น
นั่นอาจแปลได้ว่าเค้าไม่ได้ต้องการซื้อมันเพราะแรงม้าอย่างเดียว อาจจะต้องการความใหม่ทางเทคโนโลยี การไม่ต้องเติมน้ำมัน การจอดติดแอร์โดยไม่ต้องสตาร์ท
แต่รถในคุณภาพกับระยะทางที่เค้าต้องการมันอาจจะไม่มีแรงน้อยๆให้เลือก(ต้นทุนมอเตอร์คงแตกต่างกันไม่เยอะ)เลยดูเหมือนมีแต่รถแรงๆวิ่งกัน
แต่คนชอบแต่งเครื่องยังไงก็ต้องหาเรื่องทำอยู่วันยังค่ำมี500ม้าก็ยังหาทำต่อบางคนแต่งจนสุดแทนที่จะเก็บก็เบื่อ ขายหารถคันอื่นมาทำต่อ
ถ้ามารถไฟฟ้าแล้วจะหาอะไรทำแบบนั้นอาจจะยากกว่า
ส่วนตัวผมว่ามันอาจจะแค่คนละแนวทางกันนะ
-
ทางทฤษฎีแล้วการกินไฟของมอเตอร์ไฟฟ้าจะเป็นกราฟแบบ expo
ฉะนั้นการใช้งานจริงที่คนทั่วไปชอบขับก็จะเน้นประหยัดแถวๆ 100+-(เกียร์เดียว)
จะเหมือนกับรถยนต์ที่จะประหยัดสูงสุดต่อแรงม้าที่ความเร็วรอบเครื่องนึง มักดีไซน์ที่ 80+-(ด้วยเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์)
เพื่อให้ได้ความประหยัดแถวๆ 100+- จึงมักจะดีไซน์ให้อยู่ในช่วงกราฟที่มันยังราบกับพื้น
ทำให้ต้องใช้มอเตอร์ที่แรงมากๆ แต่ใช้จริงนิดเดียว(คอนเซ็ปนี้ค่าย V น่าจะเล็งไว้ก่อนใคร เลยลิมิต Top speed แถวๆ 185)
จึงเป็นที่มาของรถไฟฟ้าที่คนส่วนใหญ่จะรักสันตินะครับ ฮา ::)
-
ผมกับภรรยาเพิ่งโดนรถไฟฟ้าจีนตกไปหมาดๆ
แฟนผมเป็นคนขี้รำคาญ ชอบรถที่กดปุ๊บมาปั๊บ มองไปที่รถราคา 1 ล้านของญี่ปุ่นคือไม่มี ทุกวันนี้ทิ้งมาสด้า 30 ให้ผมใช้
ก็ไปลอง geely ex5 กัน โดนตกตั้งแต่นาทีแรกที่เข้าไปนั่ง คือ ทางศูนย์เปิดแอร์กับเบาะนวดไว้
เพราะออกมาลองขับ โดนไปอีกดอก จังหวะเร่งแซง ตัวเลขจริงๆก็เท่ากับ mini f60 ขับ2 แต่มีแรงดึงจนหลังพิงเบาะได้ดีทีเดียว
ตอนแรกว่าจะไปลอง byd ตัว 4วิ กับรอดู deepal s05 ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว
-
ถ้าตีนต้น EV ก็กินอยู่แล้วละ แต่ในระยะไม่ไกลมากนะ ช่วงกลางๆน้ำมันก็น่าจะไล่ทันแล้ว
แต่ผมอยากจะบอกไว้อย่าง คนใช้รถไฟฟ้าถ้าจะขิงก็ขิงใส่รถญี่ปุ่นบ้านๆที่ขายในบ้านเราก็พอครับ อย่างไปปีนใส่ supercar เลย รถยนต์มันไม่ได้มีแค่ 0-100 ครับ คนใช้ supercar ถ้าเขาจะใช้ EV เขาก็มองไป super EV car โน้นครับ
-
ก่อนหน้านี้เคยสนุกกับการขับรถขึ้นทางด่วนแล้วมีโอกาสให้รถได้ exercise บ้าง
แต่มองกระจกหลังอยู่เสมอว่ามีใครที่อาจจะมีธุระเร่งด่วนโดยดูจากรูปทรงรถและไฟหน้า ก้อจะแซงคันช้าแล้วหลบให้
แต่ตอนนี้แยกไม่ออกแล้วครับ รถแรงกว่าเราเต็มไปหมดเลยไม่ว่าจะเป็นรถทรงไหน
เสียความมั่นใจไปพอสมควรครับ
-
พอถึงจุดหนึ่งที่มอเตอร์รีดพลังได้มหาศาล การมีรถแรงแต่กระโชกโฮกฮากแบบมอไซค์บางรุ่นนี่คนขับก็น่าจะเหนื่อยอยู่นะครับ คนขับมอไซค์บางคนถึงกับบอกว่ารถบางคันขับแล้วต้องรีบขายทิ้งเพราะรับรู้ได้ว่ามันคืออุปกรณ์ฆ่าตัวตาย สงสัยเหมือนกันว่ารถยนต์แรงๆคนขับที่อ่อนประสบการณ์จะรู้มั้ยว่ารถมันเกินลิมิตตัวเองเมื่อไหร่...
-
ก่อนหน้านี้เคยสนุกกับการขับรถขึ้นทางด่วนแล้วมีโอกาสให้รถได้ exercise บ้าง
แต่มองกระจกหลังอยู่เสมอว่ามีใครที่อาจจะมีธุระเร่งด่วนโดยดูจากรูปทรงรถและไฟหน้า ก้อจะแซงคันช้าแล้วหลบให้
แต่ตอนนี้แยกไม่ออกแล้วครับ รถแรงกว่าเราเต็มไปหมดเลยไม่ว่าจะเป็นรถทรงไหน
เสียความมั่นใจไปพอสมควรครับ
สมัยก่อน เวลาขับออกต่างจังหวัด ถนนสี่เลน (ไป2 กลับ2) เจอสถานการณ์คล้ายๆแบบนี้ ตลอดทาง
คือ รถข้างหน้าที่อยู่เลนขวาช้ากว่าผม แต่เค้ากำลังแซงแล้วเค้ากำลังจะหลบซ้ายให้
รถผมก็จะตามหลังเค้า และก็จะมีรถตามหลังผมอีกที
ส่วนเลนซ้ายข้างหน้าก็จะมีรถบรรทุกขับช้าห่างๆกันเป็นขบวน 3-4 คัน
พอจะมีช่องเข้าได้แต่ถ้าเข้าแล้วเพื่อไม่ให้ชนรถบรรทุกคันหน้า ก็ต้องถอนคันเร่ง
ถ้าสมัยก่อน
ผมก็จะดูรถหลังและประเมินได้ว่าประมาณไหน ถ้าช้ากว่าผมแน่ๆ
พอคันช้าข้างหน้าหลบให้ผม ผมก็แซงรถบรรทุกรวดเดียวไปเลย แล้วค่อยเข้าซ้ายที่รถบรรทุกคันหน้าสุด
แต่ถ้าดูแล้วคันหลังแรงกว่าผมแน่ๆ พอผมแซงคันข้างหน้าที่หลบให้ได้
ก็จะตีไฟเข้าซ้ายให้คันหลังเค้าแซงไปก่อน แล้วผมค่อยออกขวาเพื่อแซงรถบรรทุกที่เหลือ
หลังๆมานี้ ผมไม่ค่อยได้ตามข้อมูลรถรุ่นใหม่ๆเท่าไหร่
สมัยนี้ ถ้าเห็นรถแปลกๆที่ผมไม่รู้จัก ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือรถไฟฟ้า ผมตีไปเลยว่าแรงกว่ารถผมแน่ๆ ::)
-
แต่ มันก็ได้แค่ทางตรงแหละ และมันได้แค่ความเร็วไม่เกิน 200 และใครจะไปกดกันเกินนั้นล่ะ เค้ากดกันเต็มที่ 3-5 วิก็ยกกันแล้ว ถนนไม่มีวิ่ง
แรงเฉพาะทางตรง ทางโค้งนี่ต้องเหยียบเบรคกันเลย คนส่วนใหญ่โดนน้ำหนักแบตที่เยอะ รถน้ำหนักมาก วิ่งตรงๆ มันดี มั่นใจว่ารถขับดีไปอีก
-
ตัวผมเฉยๆ กับแรงม้า แต่คิดว่าข้อดีหลักๆคือ การตอบสนองของมอเตอร์ที่ดีครับ
อาจเพราะการที่มันไม่มีเกียร์ และแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่สูงกว่า
ถ้าเทียบกับรถสันดาบ ที่ต้องรอเครื่องยนต์ทำงานถึงรอบที่ตอบสนองได้ดี อาจใช้วิธีลดเกียร์ช่วยหริอเร่งรอบเครื่องขึ้นไป ก็อาจใช้เวลาประมาณ 0.25-0.5 วินาที
ทำให้การกดคันเร่งเพียง 25-50% เพื่อเร่งแซงของรถไฟฟ้าไปได้เร็วกว่ารถสันดาบ
ถ้าไม่ใช้คนที่หลงไหลกับการขับรถ ที่ต้องการอรรถรสในการขับขี่ จากการลากรอบเครื่องยนต์ การกระชากเวลาเปลี่ยนเกียร์ และ Handling ที่ดีจากการกระจายน้ำหนักที่ดีกว่าของรถสันดาบ รถไฟฟ้ามันตอบโจทย์ครับครับ(ถ้าไม่นับเรื่องชาร์จนะ)
การขับเร็วช้า คิดว่าไม่ต่างกันมากครับ อาจเพราะรถมันตอบสนองดี เลยเจอซิ่งกันเยอะ คิดว่าถ้ารถสันดายที่ทำอัตราเร่งได้ใกล้ๆกัน ขายราคาพอๆกัน ก็คงไม่ต่างกันครับ
พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง
-
ตัวผมเฉยๆ กับแรงม้า แต่คิดว่าข้อดีหลักๆคือ การตอบสนองของมอเตอร์ที่ดีครับ
อาจเพราะการที่มันไม่มีเกียร์ และแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่สูงกว่า
ถ้าเทียบกับรถสันดาบ ที่ต้องรอเครื่องยนต์ทำงานถึงรอบที่ตอบสนองได้ดี อาจใช้วิธีลดเกียร์ช่วยหริอเร่งรอบเครื่องขึ้นไป ก็อาจใช้เวลาประมาณ 0.25-0.5 วินาที
ทำให้การกดคันเร่งเพียง 25-50% เพื่อเร่งแซงของรถไฟฟ้าไปได้เร็วกว่ารถสันดาบ
ถ้าไม่ใช้คนที่หลงไหลกับการขับรถ ที่ต้องการอรรถรสในการขับขี่ จากการลากรอบเครื่องยนต์ การกระชากเวลาเปลี่ยนเกียร์ และ Handling ที่ดีจากการกระจายน้ำหนักที่ดีกว่าของรถสันดาบ รถไฟฟ้ามันตอบโจทย์ครับครับ(ถ้าไม่นับเรื่องชาร์จนะ)
การขับเร็วช้า คิดว่าไม่ต่างกันมากครับ อาจเพราะรถมันตอบสนองดี เลยเจอซิ่งกันเยอะ คิดว่าถ้ารถสันดายที่ทำอัตราเร่งได้ใกล้ๆกัน ขายราคาพอๆกัน ก็คงไม่ต่างกันครับ
พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง
ชอบมากครับ เหมือน slogan ของหลายๆบริษัทที่จำหน่าย alcohol ว่า
Drink Responsibly
บริษัทที่ผลิตรถยนต์ควรต้องทำตามกันบ้าง
Drive Responsibly 👍
-
ตอนแรกผมก็เห่อนะ ชอบการวาร์ปของรถไฟฟ้าสุด ๆ
แต่ใช้ ๆ ไป สำหรับการใช้งานจริงขับไปทำงาน ขับไปรับลูก ระดับ 300 ม้า+ มันแรงเกินไปแล้วอะคับ ถ้าไม่ได้ใช้ mode หน่วง ๆ หน่อย นี่ผมโคตรมึน คือกดปุ๊บมันไปเลย ปัจจุบันเลยตั้งหมดที่มันเฉื่อยสุดไว้ตลอด มันจะพอให้ feel หน่วงๆ เท้าแบบรถน้ำมันได้บ้าง (แต่ก็พอ ๆ กะ รถน้ำมันระดับ 200 ม้า mode sport ละนะ)
แต่ถ้าจะเอาไปซิ่ง ผมว่า dynamic ของตัวรถ ev ทั่ว ๆ ไปมันก็คือรถบ้านอะคับ
-
ผมกลับเฉยๆ
ไม่ได้บอกว่าไม่แรงนะ
แต่มันคือธรรมชาติ ของมันอยู่แล้ว
ผมใช้รถไฟฟ้า(สกูตเตอร์) มาจะเป็น 10 ปีละ กดเป็นมา กดเป็นพุ่ง
ถ้าเข้าใจ และ ยอมรับ มันก็คือ รถคันนึง แค่นั้น
แต่ถ้าแบบ ซื้อรถแพงกว่า พรีเมียมกว่า ไฮคลาสกว่า แต่ทำใจไม่ได้ ก็มีเยอะครับ