Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: solo ที่ มีนาคม 30, 2025, 08:06:39
-
https://www.blockdit.com/posts/67e6c5a1e3af5c399493ae76
-
อ่านแล้ว ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่อะ ... คือแบบ ..ไม่ใช่อะ
เรด้ามันแม่นยำตอบสนองได้ทันที ไม่ต้องมาประมวลผลภาพ ไม่ต้องประเมินสถานะการอีก
มาบอกว่ามนุษย์ใช้การมองเห็นเป็นหลัก ... ก็ใช่ แต่ถ้ามีอะไรตัดหน้าหรือเหตุฉุกเฉิน สมองมนุษย์มันประเมินได้ทันทีว่าควรทำอย่างไร
มาบอกเรด้ามีปัญหาเยอะ กล้องถ้าภาพไม่ชัด มีหมอกควันก็เหมือนคนตาบอดแย่กว่าอีก
-
เป็นบทความที่มีแต่น้ำจริงๆ เหมือนเขียนมาเลีย Elon เฉยๆอะ ;D ;D
-
ลดต้นทุนแหละ ไม่ได้เทพไรนักหรอก
เอาง่ายๆ ไปลองระบบถอยจอดอัตโนมัติใน Tesla HW 4.0 กับ Xpeng G6
ก็เห็นความแตกต่างละครับ
-
ลดต้นทุนล้วนๆครับ และส่วนใหญ่เครือนี้ก็ advertorial ทั้งนั้น
ทุกวันนี้ tesla ก็เป็นรถ daily ผมคันนึง ยอมรับว่ากล้องมันโอเคขึ้นกว่ายุคแรกๆมาก แต่จะให้แม่นเท่า lidar/radar/uss ยังห่างไกลครับ ยังไงรถที่มีครบก็ดีกว่า
แต่ที่มันยังโอเคเพราะภาพรวม software เค้าดี แก้ไขไว ต่างจากรถจีนที่ของครบจริงแต่ software ยังลูกผีลูกคน เบรคลมกันเยอะ
อย่าง changan/avatr ที่ชูเรื่อง software ในไทยนิไม่ได้เลย ที่ดีๆเลยอย่าง xpeng ก็ยังมี bug ที่แก้ไม่หายและอันตรายมากคือ iacc อยู่เลนสายรถจะหักขวา โดยไม่สนว่ามี barrier หรืออะไรอยู่ให้เสียวเล่น ยิ่งค่ายอื่นๆที่ไม่ได้ชูเรื่อง software ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ
-
เรื่องราคาเป็นหลักครับ ทั้งราคาอุปกรณ์ + ราคา dev สำหรับทำ software
Lidar เพียวๆ นี่ใช้งานไม่ได้ เพราะมันอ่านป้ายไม่ได้
แต่
กล้องเพียว ๆ ทำงานได้ แล้วค่อยไปลุ้น AI ว่าจะเก่งแค่ไหน
ซึ่ง กล้อง + Lidar มันก็ดีกว่า แน่ ๆ ละ แต่ราคามันก็สูงขึ้นไปอีก เคยเห็นบางเว็บ ว่าถ้า Tesla ใส่ทั้งกล้อง + Lidar ราคาจะขึ้นไปอีกร่วม $5000 อะคับ ก็ต้องรอดู ว่าจะมี technology อะไรที่ดีไปกว่านี้ ในราคาที่โอเคด้วยแหละมั้งคับ
-
ถ้าเมื่อก่อนก็ใช่ที่ Lidar แพงจนทำให้ cost มันสูงมาก แต่ปัจจุบันอาจจะไม่ขนาดนั้นแล้ว แต่พอขึ้นหลังเสือไปแล้ว มันลงไม่ได้ครับ จะเสียหมาเอา ที่คุยๆไว้ว่าใช้กล้องดีกว่า
ส่วน Guru สาย tesla ก็เชียร์กันจัง ทั้งที่มันมีช่องโหว่สำในหลายกรณีที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุจริงได้ แต่ก็หลับตาข้างนึงโจมตีแต่เรื่องจัดฉากใส่ร้าย tesla
-
ถ้าเอาจริงๆ ก็คงอยากใส่มาหมดแหละครับ
แต่ต้นทุน ได้หรือป่าว นั้นละ เหตุผลสำคัญ
สุดท้าย ก็คงเลือกที่พอเพียงต่อการใช้งาน ต้นทุน และ ราคา ที่จะขายได้ (ยังไม่รวมกำไรอีกนะ)
ผมใช้รถที่มี radar เตือนชนด้านหน้า และ acc ด้วย มาจะ 8 ปีละ มันมีอะไรที่กล้องให้ไม่ได้ครับ
กล้อง มันก็มีจุดบอด ของมัน เช่น แสง ควัน ฝุ่น น้ำฝน คราบแมลง และ อื่นๆ อีก
-
ติดที่ Ego ของคนนี่แหละครับที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองคิดผิด ;D
-
Generation ต่อไป tesla อาจจะใส่ lidar radar มาให้ก็ได้ กลับคำพูดเหมือนที่บอกว่า ไม่จำเป็นต้องมีก้านไฟเลี้ยว แต่โมเดลวายจูเนเปอร์ ออกมา ใส่มาเฉย
-
ไม่ใช่เรื่อง performance แน่ ๆ ครับ เพราะว่ายังไง lidar ที่มีทั้ง senser และ กล้อง ก็ดีกว่ากล้องอย่างเดียว
แต่งบพัฒนา เทรน AI กล้องล้วน ถูกกว่าแน่นอน แถมยังสามารถใช้ model AI ตัวเดียวกับในรถทุกรุ่นได้อีก ไม่ต้องสนว่ารุ่นไหนมี sensor ยังไงบ้าง
ขอให้มีกล้องรอบคันพร้อม ก็สามารถ load software ของ self driving เข้าไปได้เลย
ประโยชน์อยู่ทางผู้ผลิตครับ ไม่ได้อยู่ทางผู้บริโภค ซะทีเดียว
-
เห็นด้วยหับหลายท่านครับ
ทั้งกล้องและ Lidar ต่างมีข้อจำกัดของตัวเองครับ การเลือกแบบใดแบบหนึ่งมันยังทำให้มีช่องโหว่อยู๋ครับ
เข้าใจได้ว่ากล้องของฝั่ง tesla ทำมาได้ดีมาก แต่มันก็ยังมีช่องจุดอ่อนอยู่ดี
ในบทความเองก็บอกว่า Lidar มีราคาสูงมาก ผมให้น้ำหนักว่านั้นเป็นปัญหาหลักเสียมากกว่า ส่วนกล้องน่าจะมีผู้ปลิตให้เลือกมากมายและราคาย่อมเยากว่า
-
เมื่อก่อน Lidar แพงครับ
ผมวิ่งรถติด Lidar อยู่ที่ญี่ปุ่น เมื่อ 13 ปีที่แล้ว รุ่นพี่ชวนนั่ง แบบ Velodyne
แต่ตอนนี้ ราคา ร่ำ ๆ จะต่ำกว่าตัวละ 100 USD แล้ว