Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: thanawanch ที่ เมษายน 01, 2025, 08:49:35
-
สวัสดีครับ
อยากรบกวนเพื่อนสมาชิกช่วยอธิบาย ข้อดี และข้อเสีย ของการผ่อนรถยนต์แบบมี "บอลลูน" ทีครับผม
อยากทราบว่าการผ่อนแบบบอลลูนเหมาะกับลูกค้ากลุ่มไหนครับ?
ถ้าลักษณะการใช้รถคือ รถยุโรป ราคา 3.5 ล้าน ดาวน์ 30%
ต้องการใช้รถ 4-5 ปี เปลี่ยนคันใหม่
ซือในนามบุคคล
การผ่อนแบบบอลลูน 60 งวด กับ การผ่อนแบบปกติที่ดอกเบี้ย 1.99% 60 งวด
แบบใดจะคุ้มค่ากว่ากัน และคุ้มค่ากว่ากันใน scenarios ใดบ้างครับ?
ขอบคุณครับ
-
ถ้า 4-5 ปี เปลี่ยนรถใหม่ เหมาะแล้วครับ ที่จะผ่อนแบบบอลลูน
เพราะมันคือ จุดดี ของการผ่อนแบบนี้ (เพียงไม่กี่ข้อ)
ยอดจัดน้อย (ทบไปจ่ายบอลลูนก้อนสุดท้าย)
แล้วถ้าขายคืนรถได้(ดูเงื่อนไขข้อนี้ให้ดีๆ) ก็เอาเงินก้อนนั้น มาดาวน์รถคันใหม่ต่อไปได้เรื่อยๆ
-
ลองขอข้อมูลจากเซลล์มาคำนวนเทียบกันดูครับ
ถ้าบุคคลยังไงผมก็มองว่าไม่คุ้ม ผ่อนน้อยลงเดือนละไม่เท่าไหร่
แต่ว่าดอกเบี้ยแพงมากๆ ถ้าเทียบกับผ่อนปกติส่วนต่างหลายแสนครับ คราวๆน่าจะ 4-5 แสนได้ ถ้ารถ 3.5 ล้าน ดาว์น 30%
-
ดอกแพงกว่า ยังไงก็ไม่คุ้มสำหรับคนซื้อ
เซลล์อยากขาย ธนาคารอยากปล่อยกู้ เลยมีการผ่อนแบบบอลลูนขึ้นมา
-
ดอกเบี้ยแพงมากกว่าเช่าซื้อมากครับ ส่วนตัวคิดว่าไม่คุ้มกับการผ่อนแบบอลลูน ถ้าคิดว่าไม่ต้องการเป็นเจ้าของ เช่าไปเลยดีกว่า
-
ลองอ่านสัญญาดูดีๆก่อนนะครับ ว่าสัญญาที่ทำ เป็น สัญญาเช่าซื้อ หรือ เป็นแค่สัญญาเช่าใช้รถครับ เพราะ ข้อกำหนดการผิดนัดชำระ จะใช้ไม่เหมือนกันครับ
-
โอเคล่ะ ผ่อนบอลลูนยอดผ่อนต่อเดือนน้อย เพราะเค้าลอยยอดไว้อีกก้อนนึง
ส่วนยอดบอลลูน ที่ลอยไว้ เมื่อถึงงวด มี 2 ทางเลือกคือหาเงินมาโป๊ะก้อนเดียวจบ หรือไม่ก็ทำผ่อนต่อ ซึ่ง ดอกพอๆกับรถมือ 2 เลย
ทีนี้ที่บอกว่า ก็ไม่ผ่อนต่อ ขายสิแล้วเอาเงินไปดาวน์คันใหม่ โอเคเมื่อ 2-3ปีอะ ทำแบบนี้ได้อยู่ครับ แต่ตอนนี้มันจบ ทำได้เต็มที่แค่ปิด จะให้เหลือไปดาวน์คันใหม่ยากมากครับ
ยิ่งพวกตระกูล E ทั้งหลายหวังจะขายปิดบอลลูนแล้วเหลือเงินดาวน์ต้องทำบุญเยอะๆเลยครับ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย (แปลผันกับเงินดาวน์ตั้งต้นด้วยนะ)
ดังนั้นผมฟันธงให้ว่า ถ้าค่างวดเราไหว ให้ผ่อนธรรมดา 1.99% ไป ถึงเวลา 5 ปีเราผ่อนหมดมันขายง่ายไม่ตึงมือ มีทางไปมากมายครับ
-
ข้อดีคือ
-ค่าผ่อนต่องวดน้อย
-มีโอกาสกู้ผ่านง่าย เพราะไฟแนนท์จะคำนึกถึงค่าผ่อนต่องวด
-เหมาะสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้รถ แต่ยังมีภาระอย่างอื่นอยู่
ข้อเสีย
-ต้องใช้เงินดาวน์เยอะ 20 - 25% ขึ้นไป
-ดอกเบี้ยแพงมาก
-งวดสุดท้าย ต้องจ่ายเยอะ ( จะเอาที่ไหนมาจ่าย ขนาดผ่อนรายงวดยังยากเลย )
*ลองให้เซลล์คำนวนเงินดาวน์+ค่างวด ระหว่างผ่อนยาว กับบอลลูนดูนะครับ บางทีรวมดอกเบี้ยแล้ว ผ่อนใกล้เคียงกัน
**แต่ต้องสามารถปิดค่างวดสุดท้าย ได้ตามกำหนด ไม่งั้นจะเสียดอกเบี้ยเพิ่มมากๆๆๆ เสียดอก 2 ต่อ
-
ชัดเจนตามที่หลายท่านบอกครับ ข้อดีคือผ่อนต่อเดือนน้อยลง แต่ดอกแพงมากน่าจะ 6-7%
มองให้ลึกลงไป มันช่วยเรื่อง cash flow และทำให้เราได้ขับรถคันที่เราใฝ่ฝันได้เร็วขึ้น
ในตอนนี้สมมุติเราผ่อนไหวที่ 35,000 / เดือน
และเราคาดการว่า อีก 5ปี เราจะมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้นพอจะผ่อนรถคันละ 4ล้าน (ดาวน์30% ผ่อน 5x,000 5ปี เอก 2.5%)
เราเลือกได้ว่าซื้อบอลลูนตอนนี้ หรือจะรออีก 5ปี
ถ้าเราอยู่ไม่ถึงตอนนั้นล่ะ? หรือถ้าคนที่เรารักที่เราอยากให้เค้านั่งรถในฝันอายุ75แล้วล่ะ?
หรืออีกมุม ถ้าส่วนต่างค่างวดที่ลดลงราวๆ 30% แล้วเจ้าของรถสามาถเอาไปลงทุนได้ผลตอบแทนปีละมากกว่า 12% ซึ่งสามารถชดเชยหรือได้เงินมากกว่าดอกเบี้ยที่แพงขึ้นอีก2เท่าได้ ก็อาจจะพอมีเหตุผลครับ (แต่คงไม่มีคนทำ)
อารมณ์คล้ายกับเลือกระหว่างซื้อสดกับผ่อนอะครับ แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว ผ่อนปกติดอก 2-2.5% มันรู้สึกว่าดอกถูกคุ้มจ่ายถึงมีเงินสดก็ยอมจ่ายดอกดีกว่า แล้วเก็บเสินสดไว้ลงทุนได้เงินเยอะกว่าดอกที่เสียไปครับ
สุดท้ายแล้ว ซื้อคันที่เราพร้อมจ่ายตามกำลังดีที่สุด ยกเว้นมีความจำเป็นจริงๆครับ
-
ภาพรวม ผ่อนแบบ คงที่ ดีกว่าครับ
แต่ถ้าจำเป็น ผ่อน บอลลูน ช่วงแรกจะน้อย สำหรับคนจำเป็นใช้รถ แต่ภาระยังเยอะอยู่
-
หลายๆ เคสของผ่อนแบบบอลลูน พอถึงก้อนบอลลูน ลูกค้าก็ไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องขอเปลี่ยนเงื่อนไข ผ่อนต่อ เป็นหนี้ต่อ แถมดอกเบี้ยแพงขึ้นด้วย
-
เหมาะกับคนที่ไม่อยากใช้เงินออกรถเยอะ และผ่อนน้อยครับ พอครบสัญญา อาจจะมีคืนรถ ผ่อนต่อ ได้ครับ