Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nsb ที่ พฤษภาคม 25, 2025, 13:39:57
-
ผมใช้รถกลุ่ม C มานาน Civic FD 15 ปี มา Altis 1.8 ในปัจจุบัน... เมื่อก่อนก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ แก่ และ ต้องมีขับรถไป ตจว. ไกลๆ 4-500 กิโล เป็นครั้งคราว (เดือนละครั้งสองครั้ง) มาครั้งหลังนี่ เจอทำถนนและรถติด ใช้เวลาบนถนน รวมพัก 8 ชม.กว่าๆ ขาไปก็ยังโอเค ขากลับอีก 2 วันถัดมาก็เจอสภาพถนนประมาณเดียวกัน แต่ขากลับ พอถึงบ้าน พบว่า เหมือนหมดสภาพ นอนแผ่หลับบนโซฟาเลย ไม่รู้ว่าเพราะเพ่งสมาธิหาทางไปให้เร็วที่สุดจนเครียด หรือรถเราเล็ก เจอสภาพถนนและการขับที่ต้องเร่งๆ หยุดๆ เบี่ยงไปมา แล้วมันทำให้เราเหนื่อยมาก
เลยคิดว่า หรือถึงเวลาที่เราควรต้องใช้รถใหญ่ D segment..... มองไปที่ Camry 2.0 / 2.5G .... เก็บข้อมูลมาระยะหนึ่ง ประมวลได้ประมาณนี้
1. ตัว 2.0 บน TNGA ขับดีกว่ารุ่นก่อน ถ้าขับเรื่อยๆ ไม่ออกตัวแรง ก็แทบไม่ต่าง 2.5 ที่ระบบเข้าเกียร์สูงไว้ก่อน ทำให้รถช่วงความเร็วไม่เกิน100 น่าจะค่อยๆ ไหล คล้ายกัน ...อันนี้ ด้วยชราวัย ก็ขับเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่เกิน 110-120 อยู่แล้ว ... ในขณะที่หลายกระทู้โดยเฉพาะที่พูดถึงรุ่นก่อนๆ เหมือนข้อมูลชี้ไปทางว่า 2.0 เล็กเกินไป ถ้าจะซื้อ ไป 2.5 หรือไม่ก็ HEV เลย ... ประเด็นคือ 2.0 บน TNGA ดีขึ้นมาก จนไม่จำเป็นต้องใช้ 2.5 หรือเปล่า
2. ตัว 2.0 ยกเลิกไปแล้วในรุ่นปัจจุบัน อันนี้ น่าจะทำให้มีปัญหาเรื่องอะไหล่ การใช้งาน หรืออื่นๆ ในอนาคตหรือไม่ ... ราคาตัว 2.5 Sport ใหม่ ก็แทบไม่ต่างจาก 2.0 เก่า (เพิ่มไป 25,000 เอง) .... ตัว 2.5 เหมือนจะหายากกว่า 2.0 ในตลาดมือสอง
3. มีบางกระทู้ตั้งข้อสังเกตุเรื่องเกียร์ 8 steps ที่อาจจะมีปัญหามากกว่ารุ่นพื้นๆ 6 steps ของรุ่น 2.0 หรือการซ่อมบำรุง เช่นต้องรื้อเกียร์ถึงจะเปลี่ยนกรองเกียร์ได้
4. หลายเสียงบอกว่าห้องโดยสาร 2.0 เงียบกว่า 2.5 อันนี้ ถ้ารวมกับข้อ 1 ว่า การขับแบบเรื่อยๆ เครื่อง 2.0 น่าจะทำให้ผ่อนคลายมากกว่า? แต่ก็มีบางคนบอกว่า เบาะที่นั่งและที่พิงศีรษะรุ่น 2.0 ทำออกมาไม่สบายเท่ารุ่นบนๆ
5. Safety sense ใช้ประโยชน์เรื่อง การแจ้งเตือนและดึงกลับเมื่อออกนอกเลนส์ และ การเตือนเรื่องการแวะพัก ได้ดีงามแค่ไหน บนถนนที่อาจไม่มีเส้นจราจรที่ชัดเจนตลอด ...
6. หรือว่าจริงๆ แล้ว Altis TNGA 1.8 ก็ไม่ได้ต่างจาก Camry TNGA ขนาดนั้น เป็นเรื่องที่ต้อง fit ร่างกายตัวเองเป็นสำคัญมากกว่า
ขอบพระคุณล่วงหน้า สำหรับทุกคำตอบ
-
ถ้า สว. แนะนำ corolla cross hev ดีกว่าครับ ท่านั่ง + ลุกเข้าออกก็สบายกว่า sedan ขับเรื่อยๆอัตราเร่งไม่ใช่ประเด็นอยู่แล้ว
-
ถ้า สว. แนะนำ corolla cross hev ดีกว่าครับ ท่านั่ง + ลุกเข้าออกก็สบายกว่า sedan ขับเรื่อยๆอัตราเร่งไม่ใช่ประเด็นอยู่แล้ว
ยังไม่เคยลอง crossover เข้าใจเอาเองว่ามันจะโคลงเพราะสูงและช่วงโช้คยาว อาจทำให้เมาหรือเหนื่อยได้ง่ายกว่าเก๋ง..ขอบคุณที่แนะนำ
-
ใช้ acv70 2.0 อยู่ครับ
ทางไกลสบายๆ เคยไปกลับ 700 โลกลับมาก็ไม่ปวด ไม่เมื่อยอะไรนะครับ ปรับเบาะให้ดีมีดันหลังให้
ทางไกล 90-120 ค่อยๆไป กินน้ำมันประมาณ 16-17 โลลิตร ในเมื่อง10-12 แล้วแต่รถติด
อะไหล่ผมเข้าศูนย์ตลอด ไม่เคยมีปัญหา เคยอุบัติเหตุก็มีอะไหล่ใหม่เบิกทุกชิ้น
เรื่องเกียร์ ไม่รู้เลย แต่เท่าที่มีข้อมุลยังไม่เจอใครมีปัญหาทั้ง 2.0 ,2.5
ห้องโดยสารคิดว่าไม่เงียบทั้งคู่ มัน design เดียวกันไม่น่าจะต่างกัน
Safety sense ไม่เคยคิดอยากได้เพราะผมขับเองตลอด สติสำคัญกว่า แต่ถ้ามีก็ถือเป็นของเล่นไป มีดีกว่าไม่มี
ข้อเสียก็น่าจะเรื่องอืด ไม่ทันใจเท่าไหร่แต่ผมเลิกซิ่งแล้วเลยไม่ติดอะไร กับเสียงลมเข้าอันนี้แล้วแต่มุมถ้าวิ่งขวางทางลมจะดังชัดหน่อย แก้ด้วยเครื่องเสียงดีๆสักหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ
-
- ถ้าเส้นทางที่วิ่ง เป็นถนนหลวง ถนนเรียบๆ ไม่ได้มีหลุม มีบ่อเยอะๆ ขับ camry สบายและผ่อนคลายกว่า crossover คันเล็กๆแน่ / ช่วงล่างอย่าง Corolla Cross สู้ Altis ตัวปัจจุบันไม่ได้อีก เดี๋ยวจะกลายเป็นเปลี่ยนรถ แล้วได้รถที่แย่กว่าเดิม
- เครื่อง ยกเลิกการผลิตไปแล้ว แต่ถามกลับ .. ปกติ รถเราใช้งานกัน 10 ปี เคยเครื่องพังไหม ? มีแค่ถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศ ตามปกติ อย่างมาก ก็เซนเซอร์สักตัว ไดชาร์จสักลูก ซึ่งของพวกนี้มันมีอยู่แล้ว ไม่น่าห่วงอะไรครับ
- ขับทางไกล เครื่องใหญ่กว่า กำลังเยอะกว่า มันสบายกว่านะครับ .. ถ้าคุณจ่ายส่วนต่างราคาได้ และ จ่ายค่าน้ำมันได้ นะครับ
เวลาแซง คุณแตะคันเร่งนิดเดียว รถมันก็พุ่ง มันก็ขึ้นตามเท้าทันที .. ไม่ต้องรอจังหวะ ไม่ต้องลุ้น ตรงนี้แหละ ที่ทำให้ลดความเครียดลงได้เยอะ แม้จะเป็นถนน 4 เลน แต่ถ้ามีรถแช่ขวา แล้วคุณต้องแซงซ้าย แบบมีรถซ้ายอยู่ข้างหน้า มีช่องว่างนิดเดียว .. ไม่ต้องคิดมาก กดคันเร่งให้ทัน ยังไงก็พ้น อารมณ์แบบนี้แหละ
-
ผมเปลี่ยนจาก FD 2.0 มาเป็น accord gen 10
จากการเปลี่ยน C segment มา D segment
การขับทางไกล สบายขึ้นเยอะ ขับ 700 km ก็ไม่เหนื่อยเท่าไหร่
นุ่มขึ้น เงียบขึ้น คุณภาพการประกอบเนี๊ยบขึ้น โคลงเคลงน้อยลง
การขับทางไกล ดีกว่าเก่า
ถ้าจะเปลี่ยนเพราะเหตุผลนี้ เอาเลยครับ
แต่พอใช้ในเมือง ผมต้องใช้ vios รถสำรองทุกที
รำคาญความเท่อะทะของ D segment
-
คำว่า "ขับทางไกลเหนื่อย" สำหรับผมคือ เกี่ยวกับกำลังของรถมากกว่าขนาดของรถนะครับ
รถใหญ่ แต่อืด กับรถเล็กแต่แรง ผมว่ารถเล็กแต่แรงน่าจะเหนื่อยน้อยกว่า
ความเหนื่อยจากการขับขี่ทางไกล แน่นอนครับ มันไม่ใช่ความเร็วสูงแต่มันคืออัตราเร่งแซงที่เราต้องใช้ในความเร็วกลางถึงสูง เช่น
ถนนเลนสวน คันนำวิ่งอยู่ 100 แต่เราอยากแซงก็ต้องเร็วกว่า การเร่งแซงในช่วงสั้นๆ ถ้ารถอืดก็ลุ้นกันเหนื่อย รถแรงกดปรู๊ดเดียวไม่เกิน 5 วิก็พ้นไม่ต้องลุ้น แบบนี้เรียกไม่เหนื่อย
สำหรับผมที่ใช้รถเล็ก อย่าง Cx3 เครื่อง2.0 ไม่เคยวิ่งทางไกลเหนื่อยเลยครับ เพราะช้าเร็ว เร่งแซง ขึ้นเขา ทางชัน สบายมากๆ
ย้อนกลับมาที่คำถาม เดิมขับอัลติส หรือ FD รถเครื่อง 1.8 กำลังมันก็ได้แค่นั้นล่ะครับ ถ้าเทียบกับปัจจุบัน แค่รถกระบะ1.9 ยังแรงกว่า วิ่งทางไกล เจอรถคอกแช่ขวาวิ่งที่ 100 จะแซงซ้ายก็ต้องเร่งให้พ้นไวๆ และรถไม่มีแรงจะแซงมันก็เหนื่อย
ดังนั้นในงบ 1.2 ล้านที่ยกตัวอย่างมา เช่น ACV70 ผมว่าเล่นเครื่อง 2.5 อันนี้มั่นใจว่าหายเหนื่อยแน่นอน เพราะทางยาวเร่งแซงหายห่วง ทางลาดทางชันไม่ต้องลุ้น แตะคันเร่งเบาๆก็พ้นเนินสบาย
แต่ถ้าจะเล่น 2.0 โอเคล่ะมันแรงกว่าอัลติส แต่มันก็อาจจะไม่หายเหนื่อยเสียทีเดียว ออกตัวไฟแดงช้า โดนฟอร์จูนเนอร์จี้ท้ายก็กดดันอีกมันเร่งไม่ไปแล้ว
เพราะบนถนนไม่ได้มีเราคันเดียว และ การแซงให้ปลอดภัยก็เป็นเรื่องจำเป็น
ทางความรู้สึกของสรีระศาสตร์ ถ้าเรากดคันเร่งเพียง 5% และรถพุ่งมีกำลังทันใจตามสั่งเราจะรู้สึกไม่เหนื่อยล้า แต่ถ้ารถที่กดคันเร่งไปแล้ว 50% แต่รถไม่มีแรง มาแต่รอบล้อไม่หมุน ใจไปแล้วแต่รถอยู่ที่เดิม คนขับจะรู้สึกเหนื่อยและไม่สบายใจ ลองสังเกตุตัวเองดูครับ
-
-ในส่วนของการขึ้นรถประจำวัน
ทำยังไงก็ได้ให้ขึ้นลงรถแบบไม่ต้องย่อลงไป
นั่งครับ คำตอบจะไม่ใช่ suv แต่เป็น cross
over
-ในส่วนของการขับต่างจังหวัด
การอยู่หลังพวงมาลัยของ c และ d เหมาะกับ
คนใจเย็นๆ ขเบตามคันหย้าไปเรื่อยๆ
ตามนั้นครับ คุณพยายามจะหาทางไปให้เร็วขึ้น การอยู่หลังพวงมาลัยของ c และ d มันเหมือนโดนขังเลยครับ รถในปัจจุบัน สูงๆทั้งนั้น และการขับรถที่ดีคือต้องเห็นการจราจรข้างหน้าไกลๆ... นี่แหละครับที่ทำให้คุณเครียด...
ผมขับรถไปกลับปากช่องบ่อยๆ เจอรถติดๆ 3 ช่วงเกือบทุกครั้ง ผมสามารถขับ Grandvia ถึงบ้านก่อนน้องชายผมที่ขับ Camry ประจำ
น้องชายผมไม่ได้ขับช้าอะไรนะครับ ขับโหดพอๆกับผมแหละ แต่น้องก็บอกว่าทัศนวิสัยสู้รถตู้ไม่ได้
ลองดูนะครับ พ่อผมอายุ 70 นิดๆแล้ว ยังปีนขึ้นขับ Staria ทุกวัน ผมก็ห่วงนะ แต่นึกๆไป มันก็เหมือนให้แกโหนบาร์ทุกวันเหมือนกัน
ผมซะอีก กลับเคยตก Hyundai Staria เพราะไม่ชินรถ
ลองเปิดใจรับ Cross Over อย่าง Corolla Cross เข้ามาในชีวิตดูมั๊ยครับ หรือจะไป CX5 ก็ได้
BYD Sealion 6 ก็ไม่เลวครับ แต่กลัวจะเครียดเรื่องอื่นแทน
ลองดูครับ ^^
-
เมื่อก่่อนผมเคยใช้ camry acv50 ก็ว่ามันสบายมาก แต่ตอนนี้ใช้ crv g5 รู้สึกสบายกว่าcamry อีกครับ ด้วยท่านั่งห้อยขา นั่งนานๆเมื่อยน้อยกว่ารถเก๋ง ห้องโดยสารโปร่ง ก็รู้สึกโล่งดี รถสูงขึ้น แก้มยางหนา ทำให้ไม่ต้องระวังหลุมบ่อมาก ไม่ต้องเพ่งสมาธิมาก และผมไม่ได้ขับเร็ว ขับไม่เกิน 120
ช่วงล่างก็ใช้ได้ แต่เก็บเสียงสู้ camry ไม่ได้ และเบาะหลัง camry นั่งสบายกว่าครับ
-
รถใหญ่ขึ้น ฐานล้อกว้างขึ้น และยาวขึ้น วงล้อใหญ่ขึ้น ทำให้แรงสั้นสะเทือนที่คนโดยสารน้อยลงครับ
ถ้าเครื่องใหญ่ก็แซงง่าย แช่ความเร็วสูงๆได้ ที่รอบเครื่องต่ำลง เงียบกว่า ผ่อนคลายกว่า
2.0 / 2.5 ถ้าวิ่งตจว 2.5 น่าจะทันในกว่าครับ จะเร่งแซงช่วง 100+ ก็ไวกว่า ถ้าต้องเซงเลนสวนก็ง่ายกว่า
แต่ 2.0 ก็ไมไ่ด้แย่ครับ ไปเรื่อยๆ ไปได้ทุกที่
ถ้าไม่ติดเรื่องขนาด ผมเชียร์ Collora cross เหมือนหลายๆท่านครับ
ช่วงล่างอาจโคลงกว่าเก๋ง แต่ความสูงทำให้การขับง่ายขึ้นเยอะครับ
-
2.0 อัตราเร่งไม่ได้แย่ ไม่ได้อืดอะไรเลยครับ เพียงแต่ถ้าเทียบกับ2.5มันก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว
ผมรู้สึกว่าขับ Camry ACV70 2.0 ทางไกล สบายกว่า Civic FK , CR-V G5 2.4 ทั้งเรื่องช่วงล่าง ความเร็ว และความสุนทรีย์ในการขับ
ถ้าขับแบบไม่กระชากออก ขับลอยตัวนิ่ง แน่น นิ่ม ผมว่า ตัว2.0ก็ตอบโจทย์แล้วครับ
รถใหญ่กว่า มันหนักกว่า นิ่มกว่า นิ่งกว่า เครื่อง2.0ไม่ได้อืดจนแย่อะไร ขับธรรมดาทั่วไปเหลือๆครับ
-
คันใหญ่ รถนิ่งกว่า ช่วงล่างสบายกว่า มันก็ขับสบายกว่าอะคับ
แต่ถ้ารถสูงกว่า ก็จะยิ่งขับสบายกว่า ไม่ใช่เพราะมันนุ่ม แต่มันเห็นทางได้ไกล สามารถประเมินสถานการณ์ได้ดีกว่า ก็ผ่อนคล้ายได้มากกว่านิดนึง
เรืองความแรง สมัยก่อนผมอาจจะบอกว่ามีผล แต่เด๋วนี้ ผมว่าไม่เท่าไหร่แล้วอะคับ กล้องเต็มทางหลวงไปหมด วิ่งกัน 100-110 เป็นส่วนใหญ่ รถ 1.8 ก็วิ่งได้สบายครับในระดับความเร็วแค่นี้ จะแซง 140 ก็ยังชิล ดังนั้นจะ 2.0/2.5 ก็คงไม่เป็นประเด็นซักเท่าไหร่
ปล. CX3 2.0 นีหนี Altis 1.8 ตัวปัจจุบันไม่ออกนะคับ และวิ่งจริงทั้งคู่ก็แรงกว่ากระบะ 1.9 เดิม ๆ ชัดเจน (จะไปพอ ๆ กับพวกกระบะตัวท็อป 2.8, 3.0)
ปล2. ทางไกลผมเคยไปขับ CX8 มันโอเคมาก ผมว่ามันใหญ่และนิ่ง แต่ไม่ประหยัด 55
-
ขอแสดงความเห็นในส่วน สว ขับทางไกลข้ามจังหวัด 400 กิโลเมตรเป็นประจำ
เวลาเดินทางปกติ 6 ชั่วโมง
ช่วงเทศกาลเพิ่มเวลา 10-12 ชั่วโมง
1.นอนหลับให้เพียงพอ
2.ลดความคาดหวัง ไปได้เร็ว
ไปตามสภาพการจราจร
ผมใช้ CX-5
ให้เจ้าของกระทู้ได้รถที่ถูกใจ สนุกกับการขับครับ
-
ผมอายุ 41 บ้านมี forester sk กับ acv40
ผมใช้คนเดียวเลยสองคันนี้ เพราะภรรยาไม่ยอมขับ
ไปรับไปส่งนางจะใช้ camry acv40
ไปส่งลูกจะใช้ forester sk
ACV40 ขับสบายกว่า forester เยอะครับ คนละขุมเลย ไม่เหนื่อยเลย
(จุดเด่นของ forester ก็มีแหล่ะ แต่ถ้าเน้นความสบาย camry มันดีกว่าเยอะมาก)
สรุปให้นะครับ เปลี่ยนเลย acv70 เหมาะกับคุณแน่ๆ ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ แล้วแต่ชอบเลยครับ แรงมากก็เปลือง อืดหน่อยก็ประหยัด
-
ถ้าโจทย์คือแค่รถเก๋งเท่านั้น ACV70 เหมาะสมทุกประการครับ 2.5 ก็ดี เผื่อเหลือดีกว่าขาด เครื่องมีกำลังยังไงก็เหนื่อยน้อยกว่า
แต่ถ้ายังไม่เคยขับ crossover แนะนำให้ลองเช่าวิ่งยาวๆ ดูครับ วันละไม่กี่พัน เพราะบางคนบอกสูง เวียนหัว บางคนก็บอก โปร่ง โล่ง ทัศนวิสัยดี นานาจิตตัง มันแล้วแต่คนครับ ต้องลองด้วยตัวเอง
-
ถ้า สว. แนะนำ corolla cross hev ดีกว่าครับ ท่านั่ง + ลุกเข้าออกก็สบายกว่า sedan ขับเรื่อยๆอัตราเร่งไม่ใช่ประเด็นอยู่แล้ว
ยังไม่เคยลอง crossover เข้าใจเอาเองว่ามันจะโคลงเพราะสูงและช่วงโช้คยาว อาจทำให้เมาหรือเหนื่อยได้ง่ายกว่าเก๋ง..ขอบคุณที่แนะนำ
ถ้าขับแบบคนปกติไม่มีปัญหาครับ
แต่สาดโค้งตัว S เดี๋ยวเบรค เดียวมุด อันนี้ถึงจะมีอาการเวียนหัว
ที่เวียนหัวง่าย คือ PPV ครับ
พวก crossover ไม่ค่อยมีปัญหาครับ
-
ตัวที่ขับปัจจุบัน มีระบบช่วยการขับขี่อะไรบ้างมั้ยครับ
อย่างพวก cruise control / adaptive cruise / land keeping asist มั้ย
ถ้ามีลองใช้แล้ว มันช่วยให้หายเมื่อยล้าบ้างมั้ย
-
ตัวที่ขับปัจจุบัน มีระบบช่วยการขับขี่อะไรบ้างมั้ยครับ
อย่างพวก cruise control / adaptive cruise / land keeping asist มั้ย
ถ้ามีลองใช้แล้ว มันช่วยให้หายเมื่อยล้าบ้างมั้ย
ตัวที่ใช้อยู่ตอนนี้ Altis 1.8 Sport มี Cruise แบบสามัญ เคยใช้แล้วไม่ชอบครับ ต้องคอยกดเปิดซ้ำๆ เปลี่ยนเป้าความเร็วบ่อยๆ ตามสภาพจราจร
อันที่จริง เรื่องตัวช่วยนี่ ก็อยากถามต่อนะครับ อย่าง lane keep ถ้าขับต่างจัดหวัด ตัวเลนมันไม่ได้ตีไว้ตลอด หรืออย่าง adaptive cruise ทำให้สมาธิในการขับเสียไปมั้ย หรือตัวจับอาการง่วง/เพลีย ใช้ได้ดีมั้ยครับ
-
ตัวที่ขับปัจจุบัน มีระบบช่วยการขับขี่อะไรบ้างมั้ยครับ
อย่างพวก cruise control / adaptive cruise / land keeping asist มั้ย
ถ้ามีลองใช้แล้ว มันช่วยให้หายเมื่อยล้าบ้างมั้ย
ตัวที่ใช้อยู่ตอนนี้ Altis 1.8 Sport มี Cruise แบบสามัญ เคยใช้แล้วไม่ชอบครับ ต้องคอยกดเปิดซ้ำๆ เปลี่ยนเป้าความเร็วบ่อยๆ ตามสภาพจราจร
อันที่จริง เรื่องตัวช่วยนี่ ก็อยากถามต่อนะครับ อย่าง lane keep ถ้าขับต่างจัดหวัด ตัวเลนมันไม่ได้ตีไว้ตลอด หรืออย่าง adaptive cruise ทำให้สมาธิในการขับเสียไปมั้ย หรือตัวจับอาการง่วง/เพลีย ใช้ได้ดีมั้ยครับ
เคยลองเช่า Innova Zenix ที่มีcruise control / adaptive cruise / land keeping asist
เทียบกับรถตัวเองทีมีก้าน cruise control ทื่อๆครับ
พบว่า ถ้าคุณเป็นคนที่ละเมียดละไมกับการขับรถพอสมควรเช่น เดินคันเร่งสมูท เบรคไม่หัวทิ่ม
ไม่เเตะเบรคพร่ำเพรื่อ มีการผ่อนหนักผ่อนเบากับจังหวะการขับรถ
ฟังชั่นที่ว่าไม่ตอบโจทย์ครับ เพราะระบบมันทื่อๆ ไม่ฉลาดพอ เร่งเเละเบรคเหมือนคนขับรถโง่ๆ
ที่อันตรายคือ จังหวะฉุกเฉินที่คุณต้องหักหลบ แต่พวงมาลัยมันดึงกลับเข้าเลน ทำให้เสียความมั่นใจไปเลยครับ
ระบบพวกนี้มันเหมาะกับถนนตรงๆโล่งๆแบบ ทางด่วนM81ครับ
-
ตัวที่ขับปัจจุบัน มีระบบช่วยการขับขี่อะไรบ้างมั้ยครับ
อย่างพวก cruise control / adaptive cruise / land keeping asist มั้ย
ถ้ามีลองใช้แล้ว มันช่วยให้หายเมื่อยล้าบ้างมั้ย
ตัวที่ใช้อยู่ตอนนี้ Altis 1.8 Sport มี Cruise แบบสามัญ เคยใช้แล้วไม่ชอบครับ ต้องคอยกดเปิดซ้ำๆ เปลี่ยนเป้าความเร็วบ่อยๆ ตามสภาพจราจร
อันที่จริง เรื่องตัวช่วยนี่ ก็อยากถามต่อนะครับ อย่าง lane keep ถ้าขับต่างจัดหวัด ตัวเลนมันไม่ได้ตีไว้ตลอด หรืออย่าง adaptive cruise ทำให้สมาธิในการขับเสียไปมั้ย หรือตัวจับอาการง่วง/เพลีย ใช้ได้ดีมั้ยครับ
วิ่งตจว.ใช้ดีนะครับ ช่วยได้เยอะเลย แรกๆ อาจจะไม่ชินอยู่บ้าง แต่ใช้ไปเรื่อยๆ จะชินกับจังหวะของมันไปเองครับ
-
จากตรงนี้
เมื่อก่อนก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ แก่ และ ต้องมีขับรถไป ตจว. ไกลๆ 4-500 กิโล เป็นครั้งคราว (เดือนละครั้งสองครั้ง) มาครั้งหลังนี่ เจอทำถนนและรถติด ใช้เวลาบนถนน รวมพัก 8 ชม.กว่าๆ ขาไปก็ยังโอเค ขากลับอีก 2 วันถัดมาก็เจอสภาพถนนประมาณเดียวกัน แต่ขากลับ พอถึงบ้าน พบว่า เหมือนหมดสภาพ นอนแผ่หลับบนโซฟาเลย ไม่รู้ว่าเพราะเพ่งสมาธิหาทางไปให้เร็วที่สุดจนเครียด หรือรถเราเล็ก เจอสภาพถนนและการขับที่ต้องเร่งๆ หยุดๆ เบี่ยงไปมา แล้วมันทำให้เราเหนื่อยมาก
ผมว่าเป็นที่สภาพการจราจร นะ ที่ทำให้เหนื่อย เพลีย เพราะต้องใช้สมาธิ คุมพวงมาลัย คอยเหยียบเบรก เร่ง ออกตัว
ลองเทียบดู รถคันเดิม เส้นทาง ระยะทางพอๆ กัน แต่เป็นทางที่รถน้อย ทาง 4 / 6 เลน แบบแยกฝั่ง ลองไปใช้งานดู ถ้าสภาพถนนแบบ สบายๆ แล้วขับยังเครียด อันนี้คงอยู่ที่ตัวคนหละ
ซึ่งถ้าเป็นที่คน เปลี่ยนอาการก็ไม่น่าจะหายนะ
-
จากตรงนี้
เมื่อก่อนก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ แก่ และ ต้องมีขับรถไป ตจว. ไกลๆ 4-500 กิโล เป็นครั้งคราว (เดือนละครั้งสองครั้ง) มาครั้งหลังนี่ เจอทำถนนและรถติด ใช้เวลาบนถนน รวมพัก 8 ชม.กว่าๆ ขาไปก็ยังโอเค ขากลับอีก 2 วันถัดมาก็เจอสภาพถนนประมาณเดียวกัน แต่ขากลับ พอถึงบ้าน พบว่า เหมือนหมดสภาพ นอนแผ่หลับบนโซฟาเลย ไม่รู้ว่าเพราะเพ่งสมาธิหาทางไปให้เร็วที่สุดจนเครียด หรือรถเราเล็ก เจอสภาพถนนและการขับที่ต้องเร่งๆ หยุดๆ เบี่ยงไปมา แล้วมันทำให้เราเหนื่อยมาก
ผมว่าเป็นที่สภาพการจราจร นะ ที่ทำให้เหนื่อย เพลีย เพราะต้องใช้สมาธิ คุมพวงมาลัย คอยเหยียบเบรก เร่ง ออกตัว
ลองเทียบดู รถคันเดิม เส้นทาง ระยะทางพอๆ กัน แต่เป็นทางที่รถน้อย ทาง 4 / 6 เลน แบบแยกฝั่ง ลองไปใช้งานดู ถ้าสภาพถนนแบบ สบายๆ แล้วขับยังเครียด อันนี้คงอยู่ที่ตัวคนหละ
ซึ่งถ้าเป็นที่คน เปลี่ยนอาการก็ไม่น่าจะหายนะ
เกรงจะเป็นเช่นนั้น ... ความจริง Altis ที่ใช้ ก็ TNGA ... จับอาการรถ ตอนวิ่ง ก็ดีกว่า FD มากอยู่ แถมมี Break hold ให้สบายขา เบาะก็สูงกว่า
คงรอดูอาการตัวเอง อีกหน่อย 555
-
ไปแคมรี่โลดครับ ดีมั่ก ใช้เอง ใช้อยู่ 5 ปีแล้ว
-
ไปแคมรี่โลดครับ ดีมั่ก ใช้เอง ใช้อยู่ 5 ปีแล้ว
ใช้ FD มาก่อนเหมือนกัน ... ชอบ Agent Molder (Mulder) ด้วย น่าจะไม่ห่างจากผมเท่าไหร่ ;D .... ว่าไปก็คิดถึง Mulder/Scully มาก
-
ผมเกรงว่า Camry ก็อาจจะไม่ดีขึ้นนะสิครับ บางทีอาจจะอยู่ที่ท่านั่งก็ได้นะครับ ผมก็เป็นคนที่ใช้แต่รถ sedan มาก่อน และก็ไม่คิดว่าจะไปใช้รถ SUV
สุดท้ายสังขารบอกว่า ใช้ SUV ดีกว่า นั่งสบายกว่า ขาไม่ต้องยืดเหยียดมาก มีผลกับเข่า
-
ถ้าอยากได้ 𝚃𝚘𝚢𝚘𝚝𝚊 𝙲𝚊𝚖𝚛𝚢 (𝙰𝙲𝚅𝟽𝟶) อยู่แล้วซื้อได้เลยครับดีกว่าเก่าแน่นอน